ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
หลายผู้สอนหวังดีแต่ประสงค์ร้ายเสนอเรื่องราวผิดผิดที่เหมือนจะถูกการตามหาผู้สอนที่รู้จริงรู้ลึกไม่งมงาย ยากมากค่ะ มีหลายคนที่สอนไปทางด้านวัตถุนิยม การสะสมบุญด้วยกำลังทรัพย์ ที่ไม่ได้วัดมูลค่าจากแหล่งที่มาของเงิน ...สาธุ พุทธศาสนา เชื่อมกับวิทยาศาสตร์อย่าง จิตประภัสสรคือ ความใสบริสุทธิ์ตั้งต้น ถูกเติมสรรพสสารจนขุ่นข้น ธรรมจริงก็ถูกบิด จากผลประโยชน์ ... นานาดีใจน้ำตาไหล ได้ฟังความรู้จากอาจารย์ที่สามารถเชื่อมวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาได้อย่างหมดข้อสงสัยเรื่องธาตุิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโยงใยเป็นลูกโซ่ ... เป็นกฏ ธรรมชาติที่พิสูจน์ผลพวง ได้ทั้งสาย...
ผมได้ดูคลิปนี้แล้วถึงบางอ้อเลยครับ ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ฯ ด้วยความเคารพอย่างสูง ผมอยากจะมีโอกาสได้มากราบท่านสักครั้งในชีวิตนี้ก็ยังดีครับ ขอกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ..ท่านเป็นผู้มีอุปการะชาวพุทธที่แท้จริง (ไม่ใช่ตามทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัว)
ผมขอขอบพระคุณอาจารย์มากๆ เลยที่ได้รู้เรื่องธรรมมะอย่างลึกซึ้งครับ...สาธุ
สาธุค่ะ, อาจารย์
กราบท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ ฟังแล้วดีมาก ๆ ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุค่ะ
กราบท่านอาจารย์ ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม ด้วยศรัทธา และด้วยจิตที่บริสุทธิ์ใจครับ สาธุ
ขอน้อมกราบขอบพระคุณครับ
อนุโมทนาครับอาจารย์
อายตนะ คือ แดนรับรู้(แดนเชื่อมถึง) เช่น1. ตา เป็นแดนรับรู้ แสง2.หู เป็นแดนรับรู้ เสียง3. จมูก เป็นแดนรับรู้ กลิ่น4. ลิ้น เป็นแดนรับรู้ รส5. ผิวหนัง เป็นแดนรับรู้ สัมผัส6. มโน เป็นแดนรับรู้ ธรรมอายตนะนี้มีอยู่ = แดนรับรู้นี้มีอยู่1.เมื่อเห็นรูป สักแต่ว่าเห็น = เมื่อตารับรู้แสง ก็ไม่ identify(=ไม่ปรุงแต่งปัจจัยหรือองค์ประกอบต่างๆ=ไม่สังขาร) รู้ว่ามีแสงต่างๆ แต่ไม่ปรากฏสีใดรูปอะไร(ไม่เกิดจักขุวิญญาณ)ขึ้นมา2.ในทำนองเดียวกัน เมื่อได้ยินเสียง ก็สักแต่ว่าได้ยิน ไม่ identify ว่าเป็นเสียงอะไร(โสตวิญญาณไม่เกิด)*และอายตนะอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน▶เมื่อนั้น ตัวเราก็จะไม่มี ⏭ ️เมื่อไม่ identify ก็ย่อมไม่มีผู้กระทำการ identify นั้นคือ ตัวเรา ก็ไม่ปรากฏ ⏮️หากทุกๆอายตนะ ไม่identify (่ปรุงแต่งปัจจัยหรือองค์ประกอบใดๆ) เมื่อนั้นตัวเราก็จะไม่ปรากฏมีความยึดมั่นในidentityต่างๆก็ไม่มี ▶️ ตัวเราก็จะไม่มีทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกหน้า ทั้งในระหว่างโลกทั้งสอง ◀️
จากที่ท่านอธิบายท่านรังเกลียดการปรุงแต่งอย่างงั้นหรือ?ท่านกลัวการบังเกิดมโนวิญญาณ การรับรู้อย่างงั้นหรือ?แล้วท่านจะเกิดการพิจารณาธรรมของพุทธะอย่างไรกัน ดังที่ท่านอธิบายมา มันคือการหนี้จากความจริง มิใช่การรู้แจ้งแท่งตลอดในอวิชาเป็นการแสวงหาเพียงความสงบอันหลอกลวง เช่นนี้จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร?จงอย่าหนี้จากการรู้ ขณะที่รู้ทุกข์ ขณะนั้นทุกข์ก็ดับ รู้ความไม่จริงและหลงผิด ขณะนั้นก็พ้นจากอวิชาและมายาทั้งหมดการรู้คือปัญญา สมาธิและปัญญาอยู่ในองค์เดียวกันยามที่สงบ ปัญญาอยู่ในสมาธิยามขยับเกิดปัญญา สมาธิอยู่ในปัญญาจิตกับโพธิญาณ คือ เอกกะธรรมะความจริง ไม่มีสภาพที่เป็นสองเมื่อบังเกิดความนึกคิด บนสภาพการณ์ต่างๆ รู้การไม่แบ่งแยกเปรียบเทียบความเป็นสองขั้วตรงข้าม บุญบาปดีชั่วถูกผิดจิตใจเที่ยงตรงในสภาพความจริงที่ประจักษ์รู้ เช่นนี้ คือ ปัญญาญาณ ครบพร้อมการสำเร็จพุทธะ บันนั้นคือ การรู้ตื่นพุทธะจิตในตนเองพุทธะมิต้องแสวงไกล พุทธะคือจิต จิตคือพุทธะ ยึดความเป็นตัวเรา ตัวเขา สรรพชีวิตทั้งหลาย ด้วยบังเกิดใจแบ่งแยกเช่นนี้ จึงไม่อาจเห็นความจริง( ธรรมะ)จึงได้หลงผิดใน มหาภูตรูปทั้ง4ว่าเป็นลักษณะกายตนจึงได้หลงผิด ว่าอายตนะภายนอกทั้ง6เป็นลักษณะใจของตนเองดั่งคนป่วยทางตา จึงเห็นว่าดอกไม้เกิดบนท้องฟ้า และเห็นว่าดวงใจมีสองดวง
อยากทราบว่าอ.มีบรรยายที่ศาลาธรรม วันที่ 9 ก.ย.66 กับ 10 ก.ย. 66 เวลากี่โมงถึงกี่โมงคะ
หลายผู้สอนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย
เสนอเรื่องราวผิดผิดที่เหมือนจะถูก
การตามหาผู้สอนที่รู้จริงรู้ลึกไม่งมงาย ยากมากค่ะ มีหลายคนที่สอน
ไปทางด้านวัตถุนิยม การสะสมบุญด้วยกำลังทรัพย์ ที่ไม่ได้วัดมูลค่าจากแหล่งที่มาของเงิน ...
สาธุ พุทธศาสนา เชื่อมกับวิทยาศาสตร์อย่าง จิตประภัสสร
คือ ความใสบริสุทธิ์ตั้งต้น ถูกเติม
สรรพสสารจนขุ่นข้น ธรรมจริงก็ถูกบิด จากผลประโยชน์ ... นานา
ดีใจน้ำตาไหล ได้ฟังความรู้จากอาจารย์ที่สามารถเชื่อมวิทยาศาสตร์
กับพุทธศาสนาได้อย่างหมดข้อสงสัย
เรื่องธาตุิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโยงใยเป็นลูกโซ่ ... เป็นกฏ ธรรมชาติที่พิสูจน์
ผลพวง ได้ทั้งสาย...
ผมได้ดูคลิปนี้แล้วถึงบางอ้อเลยครับ ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ฯ ด้วยความเคารพอย่างสูง ผมอยากจะมีโอกาสได้มากราบท่านสักครั้งในชีวิตนี้ก็ยังดีครับ ขอกราบขอบพระคุณท่านอีกครั้งครับ..ท่านเป็นผู้มีอุปการะชาวพุทธที่แท้จริง (ไม่ใช่ตามทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัว)
ผมขอขอบพระคุณอาจารย์มากๆ เลยที่ได้รู้เรื่องธรรมมะอย่างลึกซึ้งครับ...สาธุ
สาธุค่ะ, อาจารย์
กราบท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ ฟังแล้วดีมาก ๆ ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุค่ะ
กราบท่านอาจารย์ ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม ด้วยศรัทธา และด้วยจิตที่บริสุทธิ์ใจครับ สาธุ
ขอน้อมกราบขอบพระคุณครับ
อนุโมทนาครับอาจารย์
อายตนะ คือ แดนรับรู้(แดนเชื่อมถึง) เช่น
1. ตา เป็นแดนรับรู้ แสง
2.หู เป็นแดนรับรู้ เสียง
3. จมูก เป็นแดนรับรู้ กลิ่น
4. ลิ้น เป็นแดนรับรู้ รส
5. ผิวหนัง เป็นแดนรับรู้ สัมผัส
6. มโน เป็นแดนรับรู้ ธรรม
อายตนะนี้มีอยู่ = แดนรับรู้นี้มีอยู่
1.เมื่อเห็นรูป สักแต่ว่าเห็น = เมื่อตารับรู้แสง ก็ไม่ identify(=ไม่ปรุงแต่งปัจจัยหรือองค์ประกอบต่างๆ=ไม่สังขาร) รู้ว่ามีแสงต่างๆ แต่ไม่ปรากฏสีใดรูปอะไร(ไม่เกิดจักขุวิญญาณ)ขึ้นมา
2.ในทำนองเดียวกัน เมื่อได้ยินเสียง ก็สักแต่ว่าได้ยิน ไม่ identify ว่าเป็นเสียงอะไร(โสตวิญญาณไม่เกิด)
*และอายตนะอื่นๆก็ทำนองเดียวกัน
▶เมื่อนั้น ตัวเราก็จะไม่มี
⏭ ️เมื่อไม่ identify ก็ย่อมไม่มีผู้กระทำการ identify นั้นคือ ตัวเรา ก็ไม่ปรากฏ ⏮️
หากทุกๆอายตนะ ไม่identify (่ปรุงแต่งปัจจัยหรือองค์ประกอบใดๆ) เมื่อนั้นตัวเราก็จะไม่ปรากฏมี
ความยึดมั่นในidentityต่างๆก็ไม่มี
▶️ ตัวเราก็จะไม่มีทั้งในโลกนี้ ทั้งในโลกหน้า ทั้งในระหว่างโลกทั้งสอง ◀️
จากที่ท่านอธิบาย
ท่านรังเกลียดการปรุงแต่งอย่างงั้นหรือ?
ท่านกลัวการบังเกิดมโนวิญญาณ การรับรู้อย่างงั้นหรือ?
แล้วท่านจะเกิดการพิจารณาธรรมของพุทธะอย่างไรกัน
ดังที่ท่านอธิบายมา มันคือการหนี้จากความจริง มิใช่การรู้แจ้งแท่งตลอดในอวิชา
เป็นการแสวงหาเพียงความสงบอัน
หลอกลวง เช่นนี้จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร?
จงอย่าหนี้จากการรู้ ขณะที่รู้ทุกข์ ขณะนั้นทุกข์ก็ดับ รู้ความไม่จริงและหลงผิด ขณะนั้นก็พ้นจากอวิชาและมายาทั้งหมด
การรู้คือปัญญา
สมาธิและปัญญาอยู่ในองค์เดียวกัน
ยามที่สงบ ปัญญาอยู่ในสมาธิ
ยามขยับเกิดปัญญา สมาธิอยู่ในปัญญา
จิตกับโพธิญาณ คือ เอกกะ
ธรรมะความจริง ไม่มีสภาพที่เป็นสอง
เมื่อบังเกิดความนึกคิด บนสภาพการณ์ต่างๆ รู้การไม่แบ่งแยกเปรียบเทียบความเป็นสองขั้วตรงข้าม บุญบาปดีชั่วถูกผิด
จิตใจเที่ยงตรงในสภาพความจริงที่ประจักษ์
รู้ เช่นนี้ คือ ปัญญาญาณ
ครบพร้อมการสำเร็จพุทธะ
บันนั้นคือ การรู้ตื่นพุทธะจิตในตนเอง
พุทธะมิต้องแสวงไกล พุทธะคือจิต
จิตคือพุทธะ
ยึดความเป็นตัวเรา ตัวเขา สรรพชีวิตทั้งหลาย ด้วยบังเกิดใจแบ่งแยกเช่นนี้
จึงไม่อาจเห็นความจริง( ธรรมะ)
จึงได้หลงผิดใน มหาภูตรูปทั้ง4ว่าเป็นลักษณะกายตน
จึงได้หลงผิด ว่าอายตนะภายนอกทั้ง6
เป็นลักษณะใจของตนเอง
ดั่งคนป่วยทางตา จึงเห็นว่าดอกไม้เกิดบนท้องฟ้า และเห็นว่าดวงใจมีสองดวง
อยากทราบว่าอ.มีบรรยายที่ศาลาธรรม วันที่ 9 ก.ย.66 กับ 10 ก.ย. 66 เวลากี่โมงถึงกี่โมงคะ