ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ผมว่าถ้าย้อนกลับไปได้จริงๆ เราจะไม่เจอตัวเองหรือคนที่เรารู้จัก เพราะเราพาตัวเองมาอยู่ในปัจจุบันแล้ว เหมือนเราขับรถไปบนถนนเส้นนึง เราสามารถยูเทิร์นกลับได้ เพื่อไปกลับไปเอาของที่เราทำตก หรือกลับไปเตือนรถข้างหลังว่าข้างหน้ามีตำรวจ
ย้อนกลับไปเอาของที่เราทำตก มันก็ไม่ได้ย้อนเวลานิ เวลาของเราก็ยังเดินไปข้างหน้า แค่ย้อนกลับไปทางเดิม ... ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ใช่อยู่ มันจะเป็นอนาคตของเรา แต่เราก็น่าจะต้องเจอตัวเองกับคนอื่นๆ เพราะเป็นเส้นเวลา (ไม่ใช่เส้นทาง) ที่เราผ่านมาแล้ว ผ่านมิติที่ 4 นั้นมาแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณไม่ได้ข้ามเวลา แต่คุณแค่ข้ามจักรวาล เพราะถ้าคุณย้อนเวลาหรือไปข้างหน้า ก็จะไม่มีใครรู้จักคุณ สิ่งที่คุณทำคือการข้ามไปในจักรวาลอีกแห่ง ที่ต้องอยู่ในช่วงเวลาวัยเดียวกันเท่านั่น เพราะทุกที่ที่คุณไป ตัวตนอีกคนก็จะหายไป คุณลองคิดดูสิ เช่นตอนนี้คุณอายุ25 แต่ถ้าคุณย้อนเวลาไปตอน10ขวบก็จะไม่มีใครรู้จักคุณ เพราะคุณตอนอายุ10ขวบได้หายไป แล้วมีคุณมาแทนที่ และเช่นเดียวกัน ถ้าคุณข้ามเวลาไปตอนอายุ50 ก็จะไม่มีใครรู้จักคุณ สรุปคือคุณไม่ได้เดินทางข้ามเวลา แต่เดินทางข้ามจักรวาลหรือมัลติเวิส นิยามการข้ามเวลาสำหรับผม คือไม่ว่าจะไปหน้าหรือถอยหลัง เราจะต้องพบเจอเหตุการณ์เดิมเสมอ ไม่แตกต่างกัน แค่เปลี่ยนจากเราที่เคยทำสิ่งนั่น กลับกลายมาเป็นเรา ที่เฝ้ามองตัวเราอีกที
การกลับไปเตือนว่า มีตำรวจดักด่าน เป็นงานช่วยชาติประชาชนอย่างแท้จริง เขาผลาญสิงงบภาษี เขายังกล้าดีดักปล้น ยิ่งจนยิ่งโดน
@@waarc22 โอ้ย อย่าเบี่ยงไปประเด็นนั้นเลยครับ
@@VeronicaMk44 ถ้าไม่เบี่ยง คือ ถือทางตรงเท่านั้น ผมจะฟันธงคำตอบให้ทราบว่า #การย้อนเวลานั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดแน่นอนเลยครับ .ผู้ที่ยังมีสมมติฐานนี้อยู่ในความคำนึง หรือยังเฝ้าฝันหวังถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี แสดงว่ายังไม่เข้าใจเรื่อง เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ มิใช่สิ่งสัมบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นฐาน
การย้อนเวลาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Causality ครับ เพราะทุกวันนี้สิ่งที่เราเห็นเป็นอดีตหมด มองไปบนฟ้าเราก็เห็นอดีตแล้ว เพราะดวงดาวต่างๆ ที่เรามองเห็นเป็นแสงที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว แล้วแต่ว่าวัตถุนั้นอยู่ห่างออกไปกี่ปีแสง แม้เราจะเห็นอดีตตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆ บนโลกทำงานผิดหลักเหตุและผล เราจะไม่เห็นแก้วแตกบนพื้นแล้วลอยกลับขึ้นไปตั้งบนโต๊ะในสภาพที่ยังไม่แตก การเห็นภาพย้อนกลับแบบนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อเราเดินทางด้วยความเร็วมากกว่าแสงเท่านั้น เดี๋ยวผมจะอธิบายทีหลังเอาเป็นว่าตราบใดที่มีระยะทาง สิ่งที่เราเห็นเป็นอดีตเสมอ ยิ่งห่างมากยิ่งเป็นอดีตมาก เพราะแสงมันต้องใช้เวลามากขึ้นในการเดินทาง แต่เราไม่รู้สึกถึงความเป็นอดีตเพราะเรามองเห็นแต่สิ่งซึ่งเห็นได้แทบจะทันทีจนไม่รู้สึกถึงความช้าของแสงหรือข้อมูล เช่น เราเห็นเพื่อนยืนอยู่ห่างจากเรา 10 เมตร เราจะไม่รู้สึกว่าเราเห็นเพื่อนในอดีตเมื่อ 0.0000000333333 วินาทีที่แล้ว เราสามารถพูดคุยโต้ตอบกับเพื่อนได้ทันที แต่ถ้าเพื่อนเราอยู่ห่างไป 18 ล้านกิโลเมตร เราจะเห็นเพื่อนเมื่อ 1 นาทีที่แล้วเสมอ (แสงเดินทางได้ 18 ล้านกิโลเมตรใน 1 นาที) ถ้าเราสื่อสารกันผ่านสัญญาณไฟฟ้า เราจะไม่สามารถตอบโต้กันได้ทันที เช่น สมมิตว่าเราโต้ตอบกับเพื่อนผ่านหน้าจอ เราถามเพื่อนไปว่ากินข้าวหรือยัง เพื่อนของเราต้องรอ 1 นาทีจึงจะได้ยินคำถามของเราที่ส่งไปผ่านสัญญาณไฟฟ้า และเมื่อเพื่อนตอบมาว่ากินข้าวแล้ว เราก็ต้องรออีก 1 นาทีกว่าจะได้ข้อมูลภาพและเสียงจากเพื่อน นั่นแปลว่าเราต้องใช้เวลากว่า 2 นาทีจึงจะได้คำตอบจากเพื่อนว่ากินข้าวแล้ว ถ้าเพื่อนเราไปอยู่ที่ดาวอังคารซึ่งห่างออกไป 55 ล้านกิโลเมตร แสงใช้เวลาเดินทาง 3 นาที ไปกลับ 6 นาที เราจะต้องใช้เวลาในการรอข้อมูลจากเพื่อนนานมากขึ้น ถ้าเพื่อนเราอยู่ที่ดาวเคราะห์ในระบบดาวฤกษ์อัลฟาเซนจูรีซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 ปีแสงเศษ กว่าเพื่อนจะตอบเรามาว่ากินข้าวแล้วก็ต้องใช้เวลา 8 ปีเศษถ้าเราอยากเห็นอดีตสมัยอยุธยาเมื่อ 400 ปีที่แล้ว เราก็แค่มีประโตโดเรม่อนที่พาเราไปอยู่ที่ดาวสักดวงซึ่งอยู่ห่างจากโลก 400 ปีแสงได้ทันที เมื่อเราไปอยู่ตรงนั้นและส่องกล้องความละเอียดสูงมากๆ มา เราก็จะเห็นโลกของเราเมื่อ 400 ปีที่แล้ว แต่จะไม่ได้ยินเสียง เพราะเสียงเดินทางช้ากกว่าแสงเกือบ 9 แสนเท่า หรือต่อให้ได้ยิน เสียงที่ได้ยินก็จะไม่ใช่เสียงของคนสมัยอยุธยา แต่อาจจะเป็นเสียงของไดโนเสาร์ที่เพิ่งเดินทางมาถึงการย้อนอดีตทำได้แค่มองเห็นอดีตจากตำแหน่งที่อยู่ไกลๆ ครับ เราจะไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่เห็นได้เลย และไม่มีโลกอนาคต เพราะเมื่อสิ่งนั้นยังไม่เกิด ก็จะไม่มีแสงของสิ่งนั้นเดินทางออกไปในอวกาศที่เราจะส่องดูได้ แต่ความรู้สึกว่าเป็นอนาคตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีนี้ครับสมมติว่าวันนี้เป็นวันที่ 1 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. แสงของเหตุการณ์ในวันและเวลานี้ผมขอเรียกว่าแสง A จากนั้นเรามีแสง B ซึ่งเป็นแสงของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น. ซึ่งตอนนี้เดินทางออกไปไกลจากโลกประมาณ 1 ปีแสงหรือเกือบๆ 10 ล้านล้านกิโลเมตรแล้ว สมมติว่าเราสามารถไปอยู่ในจุดที่ไกลจากโลกในระยะทาง 1 ปีแสงได้ทันที เมื่อส่องกล้องมาเราก็จะเห็นแสง B ซึ่งก็คือเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีที่แล้ว จากนั้นเหตุการณ์ต่อจากแสง B ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ สมมติว่าเราอยู่ตรงจุดนั้นเป็นเวลา 1 ปี เราก็จะเห็นแสง A เดินทางมาถึงเรา แต่เวลาบนโลกก็ผ่านไป 1 ปีเช่นกัน นั่นแปลว่าบนโลกคือวันที่ 1 มกราคม 2566 แต่แสงของเวลานั้นยังเดินทางมาไม่ถึงเรา เหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นอนาคตของเวลาบนโลกได้ เพราะเรารู้ว่าเวลาผ่านไป 1 ปีแล้ว แต่แสงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเราเดินทางออกมาจากโลกยังเดินทางมาไม่ถึงเรา เราเห็นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 1 ปีที่แล้วเสมอ ถ้าเราต้องการเห็นภาพปัจจุบัน (ซึ่งในความรู้สึกของเราคือภาพอนาคต) เราก็ต้องเดินทางกลับมาที่โลกทันที (ในเวลา 0 วินาที)
ทำไมไอน์สไตน์บอกว่าเวลาจะหยุดเมื่อเราเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง อธิบายได้อย่างนี้ครับ สมมติว่าสิ่งที่สุดท้ายที่เราเห็นบนโลก ณ เวลา A (1 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น.) คือภาพของผู้ชายคนหนึ่งกำลังตักข้าวเข้าปาก ในเวลาเดียวกันนั้นยานของเราก็ออกเดินทางออกจากโลกไปด้วยความเร็วแสงพอดี นั่นแปลว่าตัวเรากับแสง A ออกเดินทางไปพร้อมกัน ความเร็วเท่ากัน ไม่ว่าเราจะไปไหน แสง A ก็จะตามไปด้วย เมื่อเราส่องกล้องมาที่โลก เราก็จะเห็นผู้ชายคนนั้นตักข้าวเข้าปากค้างไว้ อยู่ในท่าเดิมอย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เมื่อส่องไปยังจุดอื่นๆ ของโลก ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เพราะแสง A มันตามเราไปทุกที่ เราไม่สามารถเห็นแสงก่อนหน้า A หรือแสงที่เกิดหลัง A ได้เลย เมื่อเราเคลื่อนที่เร็วเท่าแสง ณ เวลาใด แสง ณ เวลานั้นก็จะตามเราไปทุกที่ เราจะไม่เห็นแสงของเวลาอื่นไม่ว่าก่อนหรือหลัง เวลาก็จะหยุด แม้ว่าเราจะเดินทางออกจากโลกไปแล้ว 1 ปี แต่ส่องกล้องกลับมาทีไรนายคนนั้นก็ยังตักข้าวเข้าปากอยู่ท่าเดิม ผ่านไป 10 ปี ก็ยังเห็นภาพเดิม ผ่านไป 100 ปีก็ยังเห็นภาพเดิมเมื่อเราเดินทางเร็วกว่าแสงเราจะเห็นภาพย้อนกลับ เพราะเราเริ่มแซงแสงที่เดินทางออกไปก่อนเราได้แล้ว สมมติว่ายานของเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง เดินทางไปสักระยะหนึ่งเราก็ตามแสง B ทัน (เหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น.) สมมติว่า ณ เวลา B มีแก้วตกแตกกระจายบนพื้น เมื่อตามแสง B มาทันเราก็จะเห็นแก้วแตกบนพื้น เมื่อเราแซงแสง B ไป สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ เศษแก้ววิ่งเข้ามารวมกันเป็นแก้วที่ยังไม่แตกบนพื้น จากนั้นแก้วก็จะลอยกลับขึ้นไปบนโต๊ะ และย้อนกลับไปเรื่อยๆ เพราะเราวิ่งแซงแสงก่อนหน้าที่แก้วจะตกแตกไปเรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่าเราทำได้แค่เห็นแสงเท่านั้น เราทำอะไรกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ เราไม่สามาถเอามือไปคว้าแก้วนั้นได้ แต่เราจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเรามีกล้องความละเอียดสูงมากๆ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้หรอก ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ จะได้เข้าใจว่าการย้อนเวลาคืออะไรถ้าเราค่อยเร่งความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง เมื่อส่องกล้องมาที่โลก เราจะเห็นคนเคลื่อนที่ช้าลง ยิ่งเข้าใกล้แสงมากก็ยิ่งช้ามาก เมื่อเราเคลื่อนที่เร็วเท่ากับแสง ทุกอย่างบนโลกจะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เพราะแสง ณ เวลานั้นจะตามเราไปตลอดด้วยความเร็วเท่ากัน เราจะไม่เห็นแสง ณ เวลาอื่นไม่ว่าก่อนหรือหลัง เมื่อเราเร่งความเร็วให้มากกว่าแสง เราก็จะเห็นภาพบนโลกเคลื่อนที่ย้อนกลับช้าๆ เพราะเราเริ่มแซงแสงในอดีตที่วิ่งออกไปก่อนหน้าได้แล้ว เช่น เราจะเห็นคนเดินถอยหลังช้าๆ เมื่อเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ การย้อนกลับก็จะเร็วขึ้นเรื่อยๆ คนก็จะเดินถอยหลังเร็วขึ้นเมื่อเราเดินทางกลับมาที่โลกด้วยความเร็วเท่าแสงหรือมากกว่าแสง เราจะเห็นภาพในอดีตบนโลกเคลื่อนที่เร็วมาก สมมติว่าเราเห็นแสง B ตอนที่แก้วแตกกระจายบนพื้น เมื่อเราเดินทางเข้าหาโลกด้วยความเร็วเท่าแสง เราก็จะเห็นคนมาเก็บกวาดเศษแก้วที่ตกบนพื้นด้วยความเร็ว 2 เท่าของการเคลื่อนที่ปกติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็จะเคลื่อนที่เร็วกว่าปกติ 2 เท่าเช่นกัน เมื่อเราเร่งความเร็วให้มากขึ้น การเคลื่อนที่ของคนบนโลกก็จะยิ่งเร็วขึ้นหลายเท่า จนกระทั่งเรามาถึงโลกและหยุดนิ่ง เราก็จะมาถึงเวลาปัจจุบันบนโลก การเคลื่อนไหวของคนก็จะเป็นปกติอดีต ปัจจุบันและอนาคตก็มีแค่นี้แหละครับ
อธิบายซะยาว เอาเป็นว่า ผิดถูกอยู่ที่ค่าของคน คุณคือค่าของใครละ
@@apinanaubolsak ถ้าคุณทำความเข้าใจได้ คุณก็น่าจะรู้นะว่ามันมีคุณค่าหรือเปล่า
@@ylamoon มันก็มีนะ มันก็ทฤษฎีเดิมๆ ที่คุณอธิบาย คือต้องการคำตอบบแบบไหน ผมเรียนด้านฟิสิกส์, ปรัชญา หรือคุณต้องการแก้ไขปัญหาด้านไหน คือผมอยากให้สนใจด้านกลศาสตร์ควอนตัม จะได้ไม่มีปัญหาการพังพัน
@@apinanaubolsak ผมไม่ได้ต้องอ่านแก้ปัญหาครับ แค่แสดงความคิดเห็น
เราฉลาดเพราะความรู้ แต่เขาฉลาดด้วยความไม่รู้ เพราะไม่รู้จึงต้องลงมือทำเพื่อให้รู้ ลงมือทำก็ได้ประสบการณ์ ความรู้ที่แท้จริง + ประสบการณ์ ยังไงก็ต้องเก่งกว่าคนทั่วไปในสมัยนี้ ต้องอย่าลืมว่า ณ ปัจจุบันนี้ สิ่งที่มนุษย์เราใช้ศึกษาเรียนรู้นั้น ล้วนแล้วแต่มาจากความผิดพลาดในอดีตทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากอนาคตแต่อย่างใด😊
เข้ามาให้กำลังใจนะครับ ถึงจะย้อนเวลาไม่ได้แต่เราเริ่มใหม่ได้เสมอครับ
อยากฟังเรื่องดาราศาสตร์เกี่ยวกับ UFO กับมนุษย์ต่างดาวค่ะ
ผมก็อยากฟังจากหลักการทางวิชาการครับ เพราะผมและครอบครัวเคยเห็น เพื่อนผมก็เคยเห็นระยะใกล้เลย เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เลยอยากรู้จากนักวิชาการที่เค้าเอาหลักการกำเนิดจักรวาลมาวิเคราะห์เรื่องสิ่งมีชีวิตที่ล้ำกว่าเรา เพราะเคยเห็นมาและคนรอบข้างก็เห็นกันเต็มๆตา คนที่ไม่เคยเห็นแล้วเอาหลักการมาวิเคราะห์ กับคนเคยเห็นแต่ไม่มีหลักการใดๆ น่าจะได้ความรู้หลักคิดทางวิชาการครับ ผมตามฟังอาจารย์พูดสนุกดีครับ วิทยาศาสตร์มีอะไรให้ค้นหาคำตอบไปเรื่อยๆ
ย้อนอดีตไปได้ครับ ซื้อตั๋วที่สถานี กลางบางซื่อ หรือ สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ครับ
ผมมองว่าการข้ามเวลาเป็นเหมือนการเดินทางไปโลกคู่ขนานมากว่า และโลกคู่ขนานมีเป็นอนัน เมื่อย้อนแล้วไม่สามารถกลับไปโลกเดิมได้อีก ถึงจะกลับไปได้ก็แค่เหมือนโลกเดิม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เช่นย้อนไปฆ่าตัวเองตอนเด็ก ก็จะไม่ส่งผลอะไรกับอนาคตเพราะในอนาคตก็มีทั้ง อนาคตที่คุณตายไปแล้วหรืออนาคตที่คุณไม่ได้ย้อนมา หรืออนาคตแบบอื่นๆ เป็นอนัน ดังนั้นเป็นเหมือนการเดินทางผ่านมิติที่สี่มากกว่า
ความโง่กับความฉลาดของคนเรานี่แหละ โลกคู่ขนาน ยิ่งฉลาดขึ้นก็จะยิ่งพบกับปัญหาที่เป็นความโง่ที่ยังไม่รู้เพิ่มขึ้น เพราะนั่นคือมิติคู่ขนาน ในกรณีที่ยกตัวอย่างเรื่องของความโง่และความฉลาดนี้ขึ้นมาก็เพราะ มันเป็นโลกคู่ขนานที่มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวมันจึงมีกลไกในการรักษาสมดุลย์ค่าต่างๆไว้ให้คงที่อยู่เสมอหากเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆขึ้นกับมัน ความฉลาดของการค้นพบมันจึงเท่ากับพบว่ายังโง่อยู่นั่นเอง
เหตุผลที่เราไม่เจอใครย้อนเวลากลับมาอาจเพราะการย้อนเวลาต้องมีเงื่อนไขบางอย่างเช่น เครื่องรับส่ง ถ้าไม่มีประตูออกมาก็ไม่รู้จะย้อนมาได้ยังไงดีไม่ดีอาจย้อนมาติดอยู่ในกำแพงบ้านใครตายซะงั้น หรือ ย้อนมาแล้วจะกลับยังไง เพราะงั้นการย้อนเวลาคือต้องรอใครสักคนคิดค้นมันขึ้นมาได้และเปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วค่อยย้อนกลับมาอีกที ซึ่งก็ย้อนได้ไม่เกินวันเวลาที่เปิดใช้งานเครื่องนั้น เช่นเดียวกันกับการข้ามไปอนาคตก็ไปได้แค่ปัจุบันที่มีเครื่องนั้นอยู่ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่มีเครื่องประตูที่ว่าเลยยังไม่เห็นใครย้อนกล้บมา วิธีนี้จะไม่เกิดคำถามพาราดอกด้วยว่าใครเป็นคนสร้างเครื่องย้อนเวลา ส่วนการย้อนแบบอื่นที่ไม่มีเงื่อนไขข้างต้นไปมาอืสระ ก็อย่างว่าถ้าทำได้มันต้องมีคนย้อนมาบ้างแล้วแหละ และมันจะติดพาราดอก ในกรณีที่มีคนย้อนมาแล้วบอกวิธีย้อนเวลาให้เรามันจะกลายเป็นว่าเครื่องย้อนเวลามันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่
อาจารย์ทำเรื่อง parker solar probe หน่อยครับ ถ่ายภาพดวงอาทิตย์ได้ยังไง ทนความร้อนเป็นล้านองศาได้ยังไง
-นิวตันค้นพบความไม่เที่ยงของความเร็ว-ไอน์สไตน์ค้นพบความไม่เที่ยงของความเร่ง-แต่เราค้นพบความไม่เที่ยงของเวลา..*แล้วเราจะเสนอทฤษฎีไร้กาลเวลาได้ที่ไหนได้บ้างครับ...
สำหรับความคิดผมนะครับคือถ้าเราย้อนเวลาไปเเล้วทำบางสิ่งบางอย่าง มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เเล้ว เช่นสมมุติผมย้อนเวลาไปเจอตัวเองตอนเด็ก เเปลว่าตัวผมตอนเป็นเด็กเห็นตัวเองตอนโตมาเเล้ว เเค่ตอนนั้นผมอาจยังจำความไม่ได้ เเละถ้าเราย้อนไปอดีตได้จริงเเปลว่ามีอนาคตกำหนดอยู่เเล้ว เพราะการที่เราไปในอดีตคนยุคนั้นจะเห็นเรามาจากอนาคตสรุปในความคิดผมนะครับถ้าเราย้อนไปในอดีต เเล้วทำไรสักอย่างมันคือประวัติศาสตร์มาตั้งเเต่เเรกเเล้ว เเละถ้าเราตายในอดีต ตัวเราในยุคนั้นก็จะยังโตมาปกติเเล้วก็ย้อนเวลามาตาย เป็นลูปเรื่อยๆครับ
ลูปมันจะวนได้ไงในเมื่อมันตัดขาดตั้งแต่อดีต ตรรกะผิดอีกอะ
1
คิดง่ายๆถ้าย้อนเวลาได้ ทุกคนย้อนเวลาได้ ไปฆ่าคนสำคัญ ใครอยากทำอะไร ผมคิดว่าปัจุบันน่าจะเละนะ ไม่น่าปรกติแบบนี้
ชอบศึกษามากครับฟิฯวิทฯการยืด_หดของจักรวาล.
ผมเคยดู สารคดี ควอนตัม ไม่รู้จริงแค่ไหน ที่เขาบอกว่า มวล เกิดจากความว่างเปล่าได้ ในควอนตัมถ้าจริง ตรรกะ มันกะมีหลายด้าน มั้งคับ
ผมว่าทุกอย่างมันจะไม่ขัดแย้งเลย ถ้ามันคือตั๋วเที่ยวเดียว เช่นถ้าย้อนไปอดีต เราก็แค่คนที่โผล่ขึ้นมาเฉยไม่มีใครรู้จัก แล้วใช้ชีวิตปกติไป ทุกอย่างจะเขียนขึ้นใหม่ในมุมมองของเรา แน่นอนว่ามันไม่เหมือนเดิม 100% ถึงจะไปทำอะไรตัวเองตอนเด็กก็ไม่มีผลอะไรเลย เพราะเป็นแค่ใครก็ไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน หรือไปในอนาคต เราก็แค่ใครก็ไม่รู้ที่โผล่ขึ้นมาเฉยๆ อาจจะดูเชยๆหน่อย ก็ไม่เป็นอะไร ทุกอย่างก็จะเริ่มเขียนขึ้นใหม่ต่อจากนั้น
อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเองงั้นหรอ แค่เริ่มก็ขัดแล้วนะ
@@AliceAlive เท่าที่ผมได้ดูการถกเถียงเรื่องอะไรแนวๆนี้ จนเรื่องลึกไปถึงว่า แล้วถ้ามีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นเองจะขัดแยงกับกฏอะไรไหม คำตอบคือ การเกิดขึ้นเองไม่ได้ขัดแยกกับกฏอะไรเลย ถ้ามันมีจริงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แน่นอนครับการพูดถึงการย้อนเวลามันมีเรื่อง ขัดแย้ง พาราด็อกต่างๆเกิดขึ้นมากมายเกินกว่าที่เราจะถกเถียงกันได้ในตอนนี้ ลองดูคลิปนี้นาที 6:35 th-cam.com/video/RLmP73WoA04/w-d-xo.html
@@A5ky ลองไปจับใจความดีๆนะครับ แก่นที่อ.เค้าบอกคือถ้าจะยอมรับได้เงื่อนไขคืออะไร ซึ่งมันผิดกับตรรกะตั้งแต่แรก ในทางpsyก็ไม่ต้องพูดถึงนี่ครับตั้งแต่มีมนุษยชาติมายังไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติเกิดขึ้นเองเลยสักอย่างนี่ครับ
ไม่มีทางย้อนเวลาได้ เพราะถ้าย้อนได้ คุณคิดว่า คนในอนาคต จะไม่เดินทางกันเป็นเรื่องปกติหรือ ทุกวันนี้คงมีคนถูกหวยรางวันที่1 3งวดติด
เรื่องการย้อนเวลาเป็นอะไรที่น่าคิดว่ามีความเป็นไปได้มั้ย .....เปรียบเทียบกับสิ่งหนึ่งที่ย้อนเวลาได้100% คือ ความคิด....เช่นคิดถึงภาพในอดีต ความทรงจำดีๆในอดีต ความคิดของเราสามารถย้อนกลับไปได้ แต่อาจจะไม่สมบูรณ์มากนัก....ที่เขาเรียกว่าเลือนลาง เป็นภาพลางๆ...การเดินทางย้อนเวลามันจะเหมือนความคิดที่สามารถย้อนเวลาได้หรือไม่ ...
สอนกฎที่เคปเลอร์กับโคเปอร์นิคัสค้นพบเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดวงดาว รายการคำนวณที่ใช้หน่อยครับ คร่าวๆก็ได้ครับ
การเดินไปในอดีตนี้คืออนาคตของเรา ปัจจุบันที่จากมาก็กลายเป็นอดีต
ผมคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ครับ. เพราะในโลกควอนตัมอะไรๆ ที่เป็นไปไม่น่าจะได้ กับเป็นไปได้. มีโอกาสสูงครับ
ผมว่าการไปในอนาคตตัวปัจจุบันก็หายไปในอนาคตด้วยเช่นกัน มันจะถูกหลักตรรกะไหมครับ และเราไม่สามารถที่จะมีตัวตนในตอนนั้นเพราะเราข้ามมาเเล้ว เหมือนเราวิ่งไปหน้าบ้านแล้วเราไม่สามารถจะอยู่หน้าบ้านกับหลังบ้านพร้อมกันได้ แต่การย้อนอดีตอาจจะเจอตัวเราก็ได้และอาจจะทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป
คลิปนี้พูดถึงเรื่องที่ว่า การเดินทางย้อนเวลา(การเดินทางสู่อดีต) นอกจากนี้แล้ว การเดินทางสู่อนาคต ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นทฤษฎีที่เรียกว่า การเปิดประตูเวลา(การเดินทางสู่อดีตและอนาคต) ซึ่งเป็นทฤษฎีเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่าย แท้จริงแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบหลักฐานโบราณต่างๆ เช่น เส้นนาซคา วิหารพระศิวะ เครื่องบินแกะสลักลำเล็กสองลำซ่อนอยู่ที่ฝังพระศพฟาโรห์ รูปไดโนเสาร์แกะสลักนูนต่ำบนก้อนหินของชาวอินคาโบราณ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งหลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวเหล่านี้มีอยู่อย่างเป็นปริศนาที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์คิดค้นทฤษฎีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีดังกล่าวจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา(ปรากฏการณ์การเดินทางสู่อดีตและอนาคต) ดังนั้นหลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวเป็นสิ่งยืนยันว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลานั้นมีมาแต่โบราณกาลแล้ว แต่ว่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อกว่า2,500ปี พระพุทธองค์สามารถคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ดังนั้นจึงมีการค้นพบศิลาจารึกของพระพุทธองค์ กล่าวคือ ศิลาจารึกเหตุผลเกี่ยวเนื่องเป็นลูกโซ่ แท้จริงแล้ว ศิลาจารึกดังกล่าวนี้คือ ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามนั่นเอง ซึ่งได้นำไปสู่ความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ ความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์คือ ความรู้เรื่องโปรแกรมจิต ซึ่งจะนำไปสู่การคิดค้นกระบวนการทางจิตเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่ายตามทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามเพื่อบรรลุอดีตและอนาคต อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์สามารถคิดค้นกระบวนการทางจิตดังกล่าว เรียกว่า การทำสมาธิ แท้จริงแล้ว การทำสมาธิคือ ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา(ปรากฏการณ์การเดินทางสู่อดีตและอนาคต)นั่นเอง ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นการกล่าวโดยย่อ ซึ่งได้นำเอาสองทฤษฎีมารวมกันและมีตัวแปรสำคัญ สำหรับทั้งสองทฤษฎีนั้นคือ ทฤษฎีการเปิดประตูเวลาและทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ส่วนตัวแปรสำคัญนั้น ได้แก่ 1.เส้นนาซคา 2.วิหารพระศิวะ 3.เครื่องบินแกะสลักลำเล็กสองลำซ่อนอยู่ที่ฝังพระศพฟาโรห์ 4.รูปไดโนเสาร์แกะสลักนูนต่ำบนก้อนหินของชาวอินคาโบราณ สำหรับหลักฐานโบราณลำดับ1,2,3นั้น ซึ่งคนโบราณจงใจสร้างขึ้นเพื่อผู้ที่อยู่บนเครื่องบินเท่านั้นถึงจะมองลงมาเห็นได้ ดังนั้นแสดงว่า คนยุคนั้นได้เดินทางมาถึงปัจจุบันแล้ว ส่วนหลักฐานโบราณลำดับที่4นั้น ซึ่งเป็นหลักฐานโบราณที่แสดงว่า คนยุคนั้นได้เดินทางย้อนกลับไปถึง65ล้านปี แท้จริงแล้ว หลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวสามารถยืนยันถึงสิ่งที่เรียกว่า การเดินทางสู่อดีตและอนาคต ดังนั้นจึงนำไปสู่การคิดค้นทฤษฎีที่เรียกว่า การเปิดประตูเวลา(การเดินทางสู่อดีตและอนาคต)นั่นเอง แต่ว่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับทฤษฎีดังกล่าว ดังนั้นผู้เขียนจำเป็นต้องนำมาต่อยอดให้จบดังที่กล่าวมาทั้งหมด
อยากจะให้ ทำคลิป อธิบายเรื่อง ไทม์แมชีนส์ ในภาพยนต์ เครื่องมือไทม์แมชชีน ใช้แนวทางวิทยาศาลตร์ทำงานอย่างไร เมื่อใช้ทฤษฎี สัมพัทธ์ภาพ อุปกรณ์พวกนั้น เมื่อขึ้นเดินทางมีหมุน นั้นทำงานกันเช่นไรในทางวิทยาศาสตร์ ครับ
เครื่องไทม์แมชชีนในหนัง ในการ์ตูนโดเรม่อนในการ์ตูนดรนกอนบอล ไม่มีเกี่ยวอะไรกับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์เลยแม้แต่นิดเดียว แค่หลักการทำงานก็ผิดแล้ว
สนใจของเล่น คับ...มันสวยงามเเละมหัศจรรย์มากๆคับ ใคร?เป็นผู้ออกเเบบคับ.เเต่จักวาลทั้งม้วนมหัศจรรย์ยิ่งกว่า ใครเป็นผู้ออกเเบบสร้างสรรค์ หรือเกิดขึ้นมาเองโดยที ม่มี(0+0=0) กระบวนการทีไร้เหตุผลคับ...
รออยู่เลยค่ะ กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่พอดี
ผมว่าก่อนที่จะคิด/เรื่องย้อนเวลา/หันมาคิดกันว่าไอ้ตัวเวลามันคืออะไร/ให้รู้แท้ๆหรือเข้าใจมันแบบจริงๆเสียก่อนนะครับ/มีการพิสูจน์ได้หรือยังครับว่า/เวลามันคืออะไร???
คิดว่าไม่สามารถย้อนเวลาหรือข้ามเวลาได้ เพราะไม่มีทั้งอดีตและอนาคตมีแต่ปัจจุบันขณะเท่านั้น?
ใช้ ตรรกะปกติ ไม่ได้เพราะม้น ขัดแย้ง ย้อนแย้งเราจะไปแก้ไขอดีต ไปอนาคตมันจะยุ่่งเหยิง วุ่นวาย เส้นไทม์ไลน์เราอยู่กับปัจจุบัน กับ สติ
รักคุณป๋องแป๋ง
ผมกลับเชื่อว่าเวลาเป็นแค่นามธรรม อยู่ใต้จิตสำนึกคนเท่านั้น มันไม่มีจริง ถ้าจะย้อนได้ก็ย้อนได้แค่จิตสำนึกตัวเองไม่เกี่ยวกับเรื่องจริงภายนอก
เวลาเป็นรูปธรรม ยิ่งเราอยู่ใกล้ดาวเคราะห์ที่มีมวลมาก เวลาจะยิ่งผ่านเร็ว มีการวิจัยไปแล้ว และพิสูจน์ได้ว่าเวลามีจริง เช่นคนที่อยู่บนอวกาศจะแก่ช้ากว่าคนบนโลก
@@samejorjo6216 รูปธรรมคือสิ่งที่สามารถจับต้องได้ครับ-..- เวลามันคือนามธรรมเรารับรู้ได้แต่สัมผัสถึงมันไม่ได้
@@skawngurfงั้นอะตอม นิวตรอน ควาก อนุภาคมูลฐานทั้งหลายเป็นนามธรรมหรอครับ
@@Madscientists007 ไม่ใช่ครับมันคือรูปธรรม มันแค่เล็กเกินไปที่มนุษย์เราจะสัมผัสถึงมันได้ แต่มันก็มีมวลอยู่ แต่”เวลา”มนุษย์เราเป็นคนคิดขึ้นมาเป็นตัวกำหนดช่วงนั้นช่วงนี้ เราแค่รับรู้ได้ว่ามันคือเวลาแต่มันไม่มีตัวตนหรืออนุภาค มวล เรารับรู้ได้แค่ความรู้สึกทางจิตใจและสมอง
@@skawngurfตามความคิดของท่าน กลิ่น(หอม เหม็น) เสียง รสของเกลือ(เค็ม)เสียง มีสิ่งไหนเป็น รูป หรือนาม ครับ
มันจะเกิดไทม์ไลน์ใหม่ เป็นโลกคู่ขนาน
เวลาเป็นมาตรวัดที่สมมุติขึ้นมาจักวาลนี้คือพื้นที่ว่าง และสสารที่เคลื่อนที่ไปเรื่่อยๆย้อนเวลาคือการเปลี่ยนตำแหน่งสสารทุกสสารในจักวาลให้ไปอยู่ในตำแหน่งก่อนหน้านี้พร้อมๆกันทั้งจักวาล
(ก่อนดูคริปนะมาคอมเม้นไว้ก่อน) คือผมว่ามันย้อนได้นะ แบบวิธีย้อนน่าจะใช้หลุมดำ คือเราเข้าไปในหลุมดำแล้วคือแบบ เราไปโผล่ในอีกมิติเลย
ใช้ได้ครับ ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ของ ไอนสไตน์แล้ว ต้องใช้หลุมดำที่ไม่สามารถหมุนรอบตัวเองได้ (อาจจะมี) ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะทำให้ กรวยแสง แห่งอนาคตนั้นถูกบิดเข้าให้ตั้งฉากกัลเส้นรอบวงของหลุมดำเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของหลุมดำนั้น ซึ่งทำให้อนาคตที่กล่าวมาไม่มีอยู่จริง กล่าวคือถ้าหมุนรอบหลุมดำจะเห็นตัวเราที่ก่อนที่จะเข้ามายังหลุมดำ แบบวนลูป
ผมไล่ดูคลิป ไปเรื่อยๆ / ชอบ youtube ตรงที่ จัดกลุ่ม (playlist) ได้ เรียงลำดับการ upload ตามใหม่-เก่า / เก่า-ใหม่ / ยอดนิยม ได้ / search หัวข้อเรื่อง หรือ keyword ที่สนใจ เฉพาะภายในช่อง ได้ (และแน่นอน search คลิปทั้งหมดในโลกของ youtube ก็ได้ด้วยเช่นกัน)
การย้อนเวลาในอดีต เป็นไปไม่ได้ครับเพราะว่าเราไม่สามารถแก้ไขแสงที่พุ่งออกจากวัตถุในอดีตได้เลยถึงแม้ว่าเราจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือแสงก็ตามเนื่องจากแสงที่พุ่งออกจากวัตถุในอดีตนั้น ได้พุ่งออกไปทุกทิศทางในเวลาเดียวกันแต่เราสามารถเคลื่อนที่ได้เพียงทิศทางเดียวในแต่ละเวลา
ใช่ ถูกต้องทุกเหตุผล และถ้าเราเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง สิ่งที่เป็นไปได้ก็คือเราสามารถมองเห็นอดีตของเราได้เมื่อมองกลับมายังโลก
ภาพsupernova ที่เราเห็นก็เป็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน ถ้าเราสามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสงและไปดูที่เกิดsupernovaก็เหมือนสามารถเห็นอนาคตได้ครับ ถ้าเวลาแปรผันตามความเร็วและเราสามารถเดินทางได้เร็วแบบไม่มีขีดจำกัด เราก็น่าจะควมคุมเวลาได้ครับ แต่ควบคุมให้ช้าลงหรือเร็วขึ้นได้เท่านั้นครับ และไม่สามารถย้อนกลับได้
ผมว่ามันก็ไม่ได้เห็นอนาคตอยู่ดีครับ แต่เราแค่เห็นปัจจุบันที่ supernova ระเบิดไปได้เร็วกว่าแสง ขอยกตัวอย่างแบบนี้- สมติมี supernova ระเบิด (จุด A) อยู่ห่างจากโลกด้วยความเร็วเป็นตัวเลขดิจิตอลเท่ากับ 100 ปีแสง หมายความว่าอีก 100 ปี โลกถึงจะมองเห็นระเบิดจาก supernova ด้วยสายตาปกติ- เผอิญปัจจุบันเราอยู่บนโลก (จุด B) กำลังส่องกล้องในอวกาศที่มีระยะไกลถึง 50 ปีแสง เราเห็นแสงจากการระเบิด supernova นี้คำถามคือถ้าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง (สมมุติความไวเป็น 2 เท่าของแสง) และเริ่มเดินทาง ณ วินาทีแรกที่เห็นแสงในกล้องจากโลก (จุด B) ย้อนไปยังดาวที่เกิด supernova (จุด A) เมื่อไปถึงสถานที่นั้นสิ่งที่เราจะเห็นคืออะไรคำตอบคือ เมื่อไปถึงตำแหน่งนั้น (จุด A) สิ่งที่เรากำลังเห็นคือ "ดาวที่ระเบิดเป็น supernova ไปแล้วกว่า 100 ปี" และ "ณ เวลาเดียวกันบนโลก (จุด B) เพิ่งจะเห็นแสงระเบิดนี้ด้วยสายตาปกติ" โดยเหตุผลคือการเดินทางจาก จุด B ถึง A ไปยังดาวนั้นด้วยความเร็ว 2 เท่าของแสง เราจึงใช้เวลาเดินทางเร็วขึ้นอีก 50 ปี ซึ่งเท่ากับเวลาที่แสงระเบิดเดินทางมาแล้วครบ 100 ปีพอดี ดังนั้นเราไม่ได้เห็นอนาคตในจุด A แต่อย่างใด สิ่งเรากำลังเห็นคือปัจุบัน ณ สถาน (จุด A) ที่ไกลจากโลก (จุด B) 100 ปีแสง ซึ่งเราใช้เวลาเดินทางไปแค่ 50 ปี (ด้วยความเร็ววัดเป็นตัวเลขดิจิตอลเท่ากับ 200 ปีแสง)ในตรรกนี้คือต่อให้คุณมีความเร็วมากกว่าแสงมากแค่ไหน คุณก็สามารถเห็นได้แค่ "เร็วกว่าแสง" แต่คุณไม่สามารถเห็นภาพสุดท้ายก่อนแสงจะกำเนิดขึ้นได้ (ดาวระเบิด)
@@eak9110 เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ผมเคยดูสาระคดีเรื่องหนึ่งเขายกตัวอย่างว่า ถ้าคนเราย้อนเวลาได้ สมมติว่าเราจะย้อนเวลาไปในเรือไททานิคเพื่อจะบอกคนในนั้นว่าเรือจะจมคนในเรือนั้นก็จะไม่เชื่อหรืออีกกรณีหนึ่งเรืออาจจะไม่จมเพราะภูเขาน้ำแข็งแต่เรือจะจมเพราะรับน้ำหนักเกินพิกัด
เคสตัวอย่างที่อาจารย์ยกมาน่าจะเป็นกฏการย้อนเวลา ไทม์พาราด็อกซ์แบบวนลูป การย้อนแบบนี้จะเกิด ปรากฏการ butterfly effectซึ่งจะมีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี
คิดว่าย้อนเวลาได้นะ(เหมือนเรานั่งดูยูทูปในยุค ร.5)แต่ต้องสลัดมวล ให้เหลือเพียงจิตวิญญาณ หรือทำมวลให้เป็นเนื้อเดียวกับจิต ตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ แล้วเข้าไปอยู่ในสมัยอยุธยาได้เลย เราจะกลายเป็นคนในอนาคตสมัยอยุธยา และใช้ชีวิตได้ตามปกติ(ในรูปของจิต)แต่ถ้าเราไปด้วยกายหยาบ มันจะไปอยู่อีกโลก ที่เกิดช้ากว่าโลกเราหลายพันปี ไม่ได้ย้อนเวลากลับไปโลกเราในอดีต เพราเราเอากายหยาบ ไปในอดีตไม่ได้
ขั้นเเรก เราต้องเข้าใจก่อนว่า สะสารในจัดวาลเพิ่มขึ้นจากความว่างเปล่าหรือไม่ ถ้าไม่ การย้อนเวลาก็ไม่มีจริง สม.ติ ให้ สะสาร a มี 1 เดียวในจักรวาล หากสะสาร a ย้อนเวลาไป เจอ ตัวเอง ก็เท่ากับว่า มีสะสาร a 2 ตัวในจักวาล ซึ่งในมุมมอง จากอดีต ยังไม่มีเครื่องย้อนเวลา เท่ากับว่า a อนาคตเกิดจากความว่างเปล่าหนะสิ เเถมสะสารก็เพิ่มขึ้นอีก เเล้วยัง เปลี่ยนเส้นทางของ a อีกหากไปยุ่งกับเรื่องราวในอดีต โห นี้มัน โคตรของความขัดเเย้งเลยนะ5555 เเละที่เเน่ๆ ฟรีวิลไม่มีจริงเลย
มนุษย์ไม่สามารถเดินทางเร็วเท่าแสงได้ ถึงแม้จะเดินทางเท่าแสงก็ไม่สามารถเดินทางด้วยความเร้วแสงย้อนเวลา กลับไปได้ เนื่องจากเวลา มันไม่เหมือนกรอเทปกลับ ไม่เหมือนหนังสือที่ ทำเป็นเล่มๆใว้ เวลา แต่ละจุดเป็นอิสระ มีทางเดียวที่จะ ย้อนกลับไปคือ ปิดมิติเวลา ณ ตรง จุดๆ นั้น อาจใช้แรงโน้มถ่วงหรืออะไรสักอย่างแต่จะทำยังไงให้สามารถระบุเวลาได้แน่ชัด ต้องใช้พลังงานอะไร เท่าไหร่ ไม่มีทางเห็นได้เลยว่าการย้อนเวลาจะสามรถทำได้ และสมมุติสามารถสร้างรูหนอนได้ แล้วจะเอาไปตั้งตรงไหน บริเวณรูหนอนต้องมีพลังมหาศาล และโลกก็มีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา สมมุติตั้ง รูหนอนใว้ใกล้โลก แล้วจะเดินทางยังไงตั้งให้เดินทางย้อนแสงไปเหรอ ย้อนแล้วยังไง ย้อนไปยังจุดเก่าที่โลกเคยอยู่นั้นหรือ แล้วมั่นใจได้ไงว่าโลกยังอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าพูดถึงมิติ ถ้าบอกว่าย้อนมิติ งั้นแสดงว่ามันต้องมีมิติเป็น ล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฟฟๆๆๆๆๆๆๆๆๆมิติ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น จะระบุพิกัดเวลาได้ยังไง
ผมขอสัญญาว่า ความรู้จากนี้ไป ไม่ใช่ความรู้ส่วนตัวผม ... ในมิติทางกายภาพ เวลา เดินทางเป็นเส้นตรง เพราะ เกิดจากช่องถ่างระหว่างความเร็วกายภาพ กับ ความเร็วแสง แต่ในมิติทางพลังงาน เวลา เป็นจุด อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต อยู่ที่จุดเดียวกัน ทุกๆ การกระทำ ณ ปัจจุบันขณะนั้น จะส่งผลเปลี่ยนแปลงทั้ง อดีต และ อนาคตไปพร้อมๆกัน หากต้องการเดินทางด้วยความเร็วแสง ต้องทำให้ยานบินมีสภาพความหนาแน่นเป็น ลบ (คืออะไรและทำอย่างไรผมไม่รู้) ในมิติทางกายภาพ มนุษย์ที่มีกิเลสหนาอย่างทุกวันนี้ ไม่มีทางย้อนเวลาได้สำเร็จ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์และไม่เหมือนมนุษย์แต่เหมือนสัตว์เสียมากกว่า ล้วนมีเทคโนโลยีสูงล้ำ และ เดินทางท่องเอกภพด้วยความเร็วใกล้แสงได้ เพราะ เขา ไม่ต้องตายบางเผ่าดาวอยู่มานับหมื่นปียังไม่มีใครตาย ทำให้เกิดการต่อยอดเทคโนโลยีไม่จบสิ้น บรรดาสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าดาว จะอยู่ บริเวณ โซนกลางๆ ของเอกภพ เพราะการความเร็วในการเหวี่ยงหมุนของเอกภพเหมาะสม กว่า ขอบนอกเอกภพ มีทั้งดีและชั่ว เหมือนมนุษย์เลย เอกภพและทุกๆสรรพสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นอย่างจงใจ มิได้เกิดจาก บิ๊กแบง แต่อย่างใด ทำไมต้องมีแกแลคซีมากมาย ? เพราะแกแลคซีเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นเหมือนใบพัด ปั่นหมุน พลังงานในเอกภพ ทุกสรรพสิ่งจะสมดุลย์ได้ ต้องมีการเหวี่ยงหมุนอยู่ตลอดเวลา ตัวเธอติดอยู่บนโลก โลกก็พาเธอหมุนอยู่ตลอดเวลามิใช่หรือ...ต่อข้อถาม ของคำถามว่า ถ้าผู้สร้างมีจริงทำไมไม่ปรากฏตัวให้เห็น คำตอบคือ มารดาสร้างเธอ มารดาของเธอย่อมใหญ่กว่าเธอใช่ไม๊ ผู้สร้างโลก ย่อมต้องใหญ่กว่าโลก และผู้สร้างเอกภพ ย่อมต้องใหญ่กว่า เอกภพ เธอจะเข้าถึงพระผู้สร้างได้ ผ่านทางคำสอนที่ฝากมากับพระบุตรเอก ที่ทรงส่งเข้ามาทำหน้าที่แทนพระองค์เท่านั้น มองด้วยตาเนื้อไม่เห็นหรอกนะ ... ทุกวันนี้ ในโลก หากต้องการทำให้ชาวโลก ไม่เชื่อในสิ่งใด วิธีที่ดีที่สุด คือ นำความจริงเหล่านั้นมาสร้างเป็นหนัง เป็นละคร เมื่อผู้คนได้ดูแล้ว เมื่อถึงคราวเกิดตามที่หนังละครแสดงไว้ ผู้คนจะไม่เชื่อว่ามันจริง เป็นกับดักที่ผู้ไม่หวังดีต่อมนุษย์โลกสร้างขึ้นไว้มานานแล้ว...
ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้น ย้อนเวลา
เป็นไปไมได้ เพราะเวลาของเราเดินหน้าไมหยุด /หรืออีกแนวคือ จุดเวลานั้นมีทั้ง3อย่างพร้อมๆกัน
ถ้าย้อนเวลาได้ ป่านนี้คงมีคนย้อนเวลาไปอดีตได้แล้ว
ตามที่ผมเข้าใจ เราใช้ตรรกกะขอวเรา เรียกปากกาแท่งนั้นว่ามีสีแดง แต่ที่เห็นว่าแดงเพราะปากกาสะท้อนแสงสีแดงมาเข้าตาเรา แล้วเลือกดูดซับสีอื่นไว้ที่ตัว อันนี้มันแค่ความไม่เข้าใจธรรมชาติ แล้วใช้เราเป็นตัวตั้งในการเรียกชื่อสิ่งต่างๆตามที่เห็น ทั้งที่ไม่ได้เป็น แล้วตรรกกะมันจะจริงเหรอครับ หรือผมเข้าใจผิด
16.28 ยังดูไม่จบแต่อยากแสดงความคิดเห็น การย้อนเวลาทำไม่ได้ แต่ สามารถถอยมันกลับได้โดยที่ทุกๆๆอย่างถอยกลับเช่น คล้ายหนังเรื่อง prince of persia แต่ แตกต่างกันที่คนที่ถอยหรือสิ่งที่ถอยมัน จะไม่มีวันรู้ ว่าเวลามันเคยถอยกลับไปเวลาใดเวลาหนึ่ง
ถ้ามันย้อนได้จริง ทุกอย่างระดับเอกภพก็ต้องถูกย้อนกลับซึ่งมันเป็นไปได้หรอ เราจะย้อนไปจนสามารถก่อนเกิดบิกแบงได้หรอ
ผมคิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้จริง เราคงไม่ได้ไปเป็นตัวตนแบบนี้ อาจจะย้อนกลับไปได้ในลักษณะที่เป็น กลุ่มของพลังงานอะไรบางอย่าง ที่ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไร ในเชิง physical เช่น ย้อนกลับไปยิงคุณปู่ตาย อะไรแบบนี้ครับ ขอบคุณสำหรับคลิปดีๆครับชอบมากเลย จะติดตามต่อไปครับขอบคุณมากครับ
คนเรา เป็น ปัจจุบันเสมอ ไม่มี ปัจจุบัน ในอดีต และ อนาคต ครับ
ถ้าพูดถึง การย้อนเวลา ผมคิดว่า ทฤษฎีพหุจักรวาล นี้และเป็นคำตอบ ของการย้อนเวลาก็คือ ย้อนปุ้บที่ที่เราไป ก็เป็นอีกไทม์ไลน์เลย มันจะตอบได้อีกด้วยว่าทำไมเราถึงไม่รับรู้ถ้าการย้อนเวลามีจริง เราอาจจะเป็นหนึ่งในพหุจักรวาล
มันเป็นเหมือนกับการไปอดีตของอีกจักรวาลคู่ขนาน
@@everlasting4533 ปัจจุบันของจักรวาลคู่ขนานมากกว่ารึปล่าวครับ
มันเหมือนการข้ามมิติมากกว่าครับ
ฟิสิกเริ่มต้น,เป็นพื้นฐานเริ่มต้นแล้วแปลเปลี่ยนไปตามสสารที่แปลเปลี่ยนเช่นเปอร์เซ็นของโลหะที่โดนแยกสสาร
ผมว่าเวลามันนิยามมาจากการเปลี่ยนแปลงอะ ความหมายของผมก็คือมันไม่ได้มีอะไรบันทึกเหตุการณ์ เราจะย้อนกลับไปได้ เหตุการณ์นั้นก็ต้องถูกบันทึกไว้ซึ่งมันไม่มีนะในความคิดผม
ผมไม่คิดว่าเวลามันมีจริงหรือมีตัวตนด้วยซ้ำผมคิดว่ามันเป็นกฎหรือคำนิยามของแต่ช่วงในปัจจุบันมันแก้ไขหรือย้อนไม่ได้เพราะมันคือปัจจุบันแต่สิ่งที่ปัจจุบันทำผ่านมาคืออดีตและอดีตคือสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วเป็นปกติ ย้อนเวลามันคือสิ่งที่ไม่มีจริง
ย้อนไม่ได้ เหตุเการณ์เกิดแล้ว ไม่มีเมมโมรี่มาบันทึก เปิดแล้วเกิดเลยครับ ไม่สามารถย้อนได้
อ.ครับยาวเท่าไรยาวไปเลยครับผมตั้งใจฟังมากๆทุกถ้อยคำครับ
เราสามารถย้อนเวลา ไปก่อนที่เวลาจะถือกำเนิดขึ้นในจักรวาลได้ไหมครับ
คิดว่าไม่ได้นะเพราะอาจจะยังไม่มีเรา ณ ขณะนั้นก็เป็นได้
อาจารย์ทำคลิปอธิบายหลักการย้อนเวลาในหนังเรื่อง เทนเนท หน่อยครับ
ไม่ได้หรอกครับ โลกเกิดจากอะไร มนุษย์ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลก แค่นั้น ถ้าเดินทางไวกว่าแสง ก็มองอะไรไม่เห็นเพราะแสงตามมาไม่ทัน บางที่ยังต้องเดินทางเป็นปีแสง ไวกว่าแสงก็แค่ลดเวลา เวลามนุษย์ก็เป็นคนกำหนด ว่าดูจากการโคจรของโลกกับดวงอาทิตย์ ความเร็วก็เกิดจากการเอาระยะทางไปคำนวณกับเวลา แล้วกำหนดหน่วยเอาเอง กำหนดหน่วยขึ้นมาเองทั้งหมด อายุคนก็กำหนดโดยมนุษย์ซึ่งความแก่ของคนก็ไม่เท่ากันตามสภาพ ไทม์ไลน์นั่นนี่ก็มีแค่ในหนัง
8:30 ผมขำไม่หยุดเลย เหยียบแปร๊ด กับตายก่อนเกิด😂😂
เป็นกำลังใจให้ครับ
อยากให้อาจารย์เล่าเรื่อง back to the future ครับ
11:49 ผมคิดว่ามิติที่เราอยู่นี้เป็นมิติต้นฉบับครับ เช่นนั้นมิติเราจะไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาได้แต่ถ้าเกิดเดินทางข้ามเวลาได้ก็จะไม่ใช่มิติต้นฉบับครับ เช่นหนังสือเล่มที่พี่ป๋องแป๋งถือ ตามหลักหนังสือต้องมีผู้แต่งผู้เขียนผู้พิมพ์ ถ้าเกิดเราข้ามเวลาไปเอาหนังสือเล่มนั้นดื้อๆแล้วแอ๊บเป็นของตัวเองก็จะไม่ตรงตามหลักของการเกิดหนังสือ อาจจะงงๆนะครับ
ย้อนเวลาเป็นไปไม่ได้เลย ไม่งั้นมั่วกันไปหมด คนนั้นย้อน คนนี้ย้อนไทม์ไลน์ตีกันมั่วไปหมด เพราะทุกการย้อนย่อมสัมพันธ์กันทั้งหมด...โลกเละเทะไปหมด
เวลามันมีจริงๆมั้ย คือต้องมีคำอธิบายมากกว่านี้ครับ อะไรกันแน่คือเวลาที่เราพูดถึงกัน
ย้อนเวลาได้ไหมไม่รู้แต่ผมเคยเดินทางข้ามเวลามันเป็นเรื่องสมัยเรียนมันเกิดวันนึงหลังจากที่ผมสังสรรค์กับเพื่อนจนเมาตอนแรกก็ไม่มีอะไรแต่เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่ผมตื่นในเช้าของอีกวันเช้านั้นนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนประมาณ6โมงเช้าหลังจากได้สติผมก็ตัดสินใจจะพักสายตาซัก10วิ เรื่องแปลกเกิดขึ้นตอนนี้แหละครับหลังจากพักสายตาเสร็จผมก็ลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกาเป็นเวลา 10 โมงเช้า ไม่น่าเชื่อแต่กระพริบตาครั้งเดียวก็ข้ามเวลามาตั้ง4ชั่วโมง!!!!!
ตอนนี้มีนักท่องเวลาในทวิตเตอร์ของญี่ปุ้นมาทายเหตการณ์ล่วงหน้าถูกต้องหลายอย่างแล้วนะครับ ลองไปหาข้อมูลดูครับ
มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเวลามันไม่มีอยู่จริง..ตะ
ข้อแรกเรื่องหนังสือมันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆนะเพราะระหว่างสัปดาห์คุณอาจจะคิดออกก็ได้เช่นสมมุติว่าวันนี้วันพุธแต่ยังคิดหัวข้อไม่ออกเลยนั่งไทม์แมทชีนไปอนาคตเพื่อคัดออกงานวันเสาร์เอากลับมาส่ง ระหว่างวันพุธ พฤหัส ตัวเราเองอาจไปเจอแรงบันดาลใจหรือข้อมูลสำหรับเขียนก็ได้ ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆสักหน่อย
ไปในอนาคตได้ครับ แต่ย้อนอดีตไม่ได้
หากยังมีชีวิตจะเดินทางย้อนเวลาเป็นไปไม่ได้ล้านเปอร์เซนต์ เมื่อฟิสิกส์ระบุว่า สสารไม่มีทางเดินทางเร็วเท่าแสงครับ แสงเป็นพลังงาน เมื่อทุกคนเสียชีวิตจะเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงานโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ในศาสนาพุทธ ถึงกล่าวนรกและสวรรค์ ยังไม่มีทฤษฎีอธิบาย แต่มันสอดคล้องฟิสิกส์ในเรื่องสสารและพลังงานตอนนั้นแหละจะย้อนอดีต-อนาคตได้ทั้งนั้น เพราะเป็นพลังงานเหมือนกัน
เดินทางย้อนเวลาไปฆ่าไอน์สไตน์ตอนอายุ2ขวบสำเร็จแล้วทฤษฎีสัมพัทธภาพจะมีไหม? 555
ผมว่าเป็นไปไม่ได้ เเต่เราสามารถทําให้เวลาของเราช้าลงหรือเร็วขึ้นได้
ผมคิดว่า เราจะพบ ปฎิสสาร พร้อมๆกับการย้อนเวลา
รูหนอง คือ ปฎิสสาร รึเปล่าครับ
ถ้าเราย้อนเวลาไปอดีตแล้วตาย แล้วแล้วอนาคต(ที่ยังไม่ตาย)จะย้อนเวลากลับไปตายเป็นลูปหรือเปล่าครับ
Time Paradox สามารถแก้ไขได้ครับ ไม่ยากมากลองคิดดูดีๆ ซับซ้อนหน่อย แต่ทำได้ จริงที่ตามที่เจ้าของช่องบอกว่า ถ้าตรรกะผิด มันไม่ต้องมาอ้างกฎตามฟิสิกส์ มันผิดตั้งแต่หลักความจริง ซึ่งจริงๆ
ถ้าเราบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เอาไว้ 1 ปีอยากย้อนไปดูในอดีต 1 ปีที่บันทึกอันนี้อาจเป็นไปได้
ย้อนเวลา ไม่ใช่แค่ดูผ่านสื่อกลางอะไรบางอย่าง
ผมว่า มะนุด ยังติดอยู่กับ มวล มันกะไม่สามารถตอบอะไรได้ (ณ เทคโนโลยี ปัจจุบัน)อย่าง big bang ทำไม ให้กำเนิด อะไรมหาศาล ออกมาได้ จะจุดเล็กๆ จุดเดียว อะไรอยู่ก่อน bigbang มันเกินจินตนกาล ของมะนุด และ มวล ไปไกลมากเลย
ถามอาจารย์ กฏมวลจะไม่หายไปไหนนอกจากจะเปลี่ยรูปไป ถ้าย้อนเวลาในอนาคตมวลหายไป ในอดีตมวลเพิ่มขึ้น มันจะขัดกับกฏเรื่องมวลไม่หายไปไหนไหม
มวลเป็นแค่ขั้นตอนของการปรากฏตัวของรูปสถานะโดยอาศัยเวลาเป็นพื้นปรากฏการณ์ของมันเท่านั้น แต่ก่อนหน้าที่จะมาอยู่ในขั้นตอนของรูปสถานะ มันอยู่ในรูปสภาวะของอะไร ? ตรงนี้แหละครับที่จะเป็นคำตอบว่า สภาวะดังกล่าวนั่นเองที่รองรับการเพิ่มขึ้นของมันในอดีตและสภาวะดังกล่าวนั่นเองที่จะมาเป็นสิ่งรองรับการหายไปของมันในอนาคตเช่นกัน แล้วสภาวะนั้นคืออะไร ? ตรงนี้คุณต้องไปค้นเพื่อเอามาใช้ขยายความเข้าใจในส่วนที่คุณอยากรู้นี้ และถ้าสภาวะดังกล่าวมีจริงมวลมันก็ไม่ได้หายไปไหนนั่นแหละครับและถึงแม้มันจะเพิ่มขึ้นแล้วก็หายไปด้วยวันและเวลา มันก็แค่เปลี่ยนรูปกลับไปอยู่ในสภาวะเดิมก่อนการปรากฏความเป็นมวลของมันเท่านั้น
ถาม อาจารย์ อาจารย์ไม่มาตอบ ผม อาจม มาตอบแทนก็แล้วกันนะ ก็เหมือนๆกันนั่นแหละครับพอที่จะใช้แทนกันได้นะถ้าไม่คิดมาก
การเดินทางย้อนไปย้อนมาในเวลาได้ คุณจะต้องอยู่เหนืออิทธิพลของเวลาความเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่ใช่ทั้งสสารและพลังงาน เพราะสสารและพลังงานยังอยู่ภายใต้อิทธิพลความเปลี่ยนแปลงของเวลา สภาวะที่คุณเป็นต้องอยู่เหนือเวลาเท่านั้น ดังนั้นมันก็จะต้องไปที่ค่าเริ่มต้นก่อนการเกิดสสารและพลังงานขึ้นมาในเอกภพ แล้วค่าเริ่มต้นนั้นมันคืออะไร ? ตรงนี้คุณต้องหาคำตอบเอาเองนะครับ เพราะผมเคลียร์ให้เหลือจุดค้นหาที่แคบลงมาได้เท่านั้น
ส่วนตัว เชื่อว่าย้อนไม่ได้ครับ แต่อาจจะข้ามได้ หรือถ้าย้อนได้ ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องมีไทม์ไลน์แตกแยกไปอีก หรือ เราได้สร้างไทมไลน์ใหม่ด้วยการย้อนเวลา ผมมองว่าจุดนั่น อาจต้องใช้เวลาในการ ที่จะทำได้ คงอีกนานแสนนาน
ถ้าอยากเห็นไดโนเสาร์บนโลกก็ลองหากล้องเทคโนโลยี่ขั้นสูงที่สุดส่องมาที่โลกด้วยระยะความไกล65ล้านปีแสงไม่แน่เราอาจจะได้เห็นอดีตในโลก จริงมะ ขนาดแสงจากดวงอาทิตย์ยังเดินทางมาโลก7-8นาทีถ้าดวงอาทิตย์แตกระเบิดเราจะยังไม่รู้สึกจนกว่าจะครบ7-8นาทีโลกถึงได้รับผลกระทบ แค่แนวคิดขำๆน่ะลองเอาไปคิดดู จริงมะ
ทำไม่ได้ ครับabsolutely impossible 😊
ไม่ต้องไปฆ่าตัวเอง ถ้ายอมไม่ได้แค่ทำยังไงให้ก็ได้มาให้พ่อกับแม่เจอกันนั่นหมายความว่าเราก็คงจะไม่ได้เกิดหรือเปล่าแล้วตัวเราปัจจุบันนี้ล่ะแต่มีตัวตนหรือไม่
bite the dust กันเลยทีเดียว
การเดินทางข้ามเวลาคือ การที่เราจินตนาการนั่นเอง
การเดินทางข้ามเวลา คือชีวิตจริง และภาพรวมของมันก็ให้รูปปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติในแบบที่เราเห็นอยู่นี้และเป็นสิ่งที่กำลังขับเคลื่อนเราให้ดำเนินไปอยู่ภายใต้พื้นปรากฏการณ์จากอิทธิพลของมันอยู่แล้ว แต่เราฉลาดจนวาดฝันหลอกตัวเองให้ไปคิดเพิ่มในสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติไงหละ
ศัพท์ย้อนเวลา น่าจะหมายถึงอดีต
อดีตไม่มี อนาคตไม่มี มีแต่ปัจจุบัน อดีตและอนาคตเป็นอนัตตา มันไม่ใช่เทปวิดิโอ คือทุกสิ่งเกิดแล้วหายไป
การย้อนเวลาสามารถเป็นไปได้ ถ้า1.เรามีข้อมูลของความเป็นไปทั้งหมดของทุกสรรพสิ่ง ณ เวลานั้นๆ2.เรามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทุกสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ต้องการได้3.แก้ไขทุกสรรพสิ่งให้เป็นไปตามข้อมูลที่ถูกต้อง ณ เวลานั้นๆ โดยยกเว้นการเปลี่ยนแปลงของตัวเราไว้
4.สร้างตัวเรา ณ เวลานั้นขึ้นมาทดแทนตัวเราที่ขาดหายไป
แต่วิธีนี้ทุกความเป็นไปที่เกิดหลังจากเวลานี้จะไม่เหมือนเดิม หรือคือไม่สามารถทำนายอนาคตได้นั่นเอง ตามหลักความไม่แน่นอน
*ไม่สิถ้ายกเว้นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง และสร้างตัวเรา ณ เวลานั้นขึ้นมาใหม่ จะมีหลายอย่างขาดหายไปเพราะตัวเราเมื่อเวลาผ่านไปจะแตกต่างกับเราเวลานั้นตรงได้ใช้ทรัพยากรเพื่อการเติมโตและการคงอยู่ไปแล้ว ถ้าแก้ไขเป็น 3.ให้ไม่ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงของตัวเรา และ 4.สร้างตัวเรา ณ เวลาสุดท้ายขึ้นมาใหม่จะสมเหตุสมผลกว่า
*อ่า เพ้อไปใหญ่แล้ว แบบนี้ก็ไม่ได้ ถ้าเราเปลี่ยนไปเป็นเราเวลานั้น ก็ไม่มีใครอยู่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆสิ แนะนำให้สร้างตัวเราเองอีกคนขึ้นมาก่อนดีกว่า แล้ว ขอให้เราอีกคน เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ รวมถึงตัวเราด้วยให้ย้อนเวลากลับไป แต่แบบนี้ก็ไม่ใช่เราย้อนเวลาแต่เป็นเราอีกคนย้อนเวลาน่ะสิ
ถ้าไม่มีเวลา เราก็ไม่มีตัวตน
ชอบความ สามสองหนึ่งเริ่ม5555
ขอบคุณครับ
เราย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราถอดจิตถอดวิญญาณไปในอดีตได้ เคยมีความคิด 2 ความคิดมามาเถียงกันในหัวไหม
คณุคิดยังไงบอกผมมาที่
ลูกศรเวลาจะเดินไปข้างหน้าเสมอจึงไม่สามารถย้อนเวลาได้แต่คุณอาจไปอีกมิตินึงได้เช่นนรก สวรรค์หรือพรหมโลก
สิ่งที่คนคิด แค่100ปีคนตลกเอาเหล็กบินฟ้า เราแค่ยังไม่ถึง อารยะธรรมที่1 ผมว่าอย่างที่คนคิดได้ทได้หมด แค่เรายังไม่ถึงอารยะธรรมที่1-2-3 เป็นอีกหมื่นปี ผมว่าทำได้หมด
กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คับ
อยากให้พูดถึงเวลาในเรื่อง dark หน่อยครับ
เป็นไปไม่ได้เลย
นึกถึง Predestination
เราอยู่ในเอกภพนี้เราก็ว่าเราอยู่ในเอกภพของเราแต่ปลาอยู่ในบ่อหรือหนอนอยู่ในส้วมก็คิดว่าเป็นเอกภพของเขาอาจจะมีเอกภพที่ฉลาดกว่าเรา
เวลากับแสงมีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ?
ผมว่าย้อนเวลาไปได้ เเต่เราไม่สามารถหยุดเวลาได้ครับ
ทีแรกก็ไม่งงแต่พอฟังแล้วงงครับ
ย้อนเวลามีจริง.ยืดเวลามีจริง.เวลาไม่มีจ่ดเริ่มต้น.เวลาไม่มีจุดสิ้นสุด.เอกภพมีจุดเริ่มต้นมีจุดสิ้นสุด.ความว่างไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีที่สิ้นสุด.thangGood.
ผมว่าถ้าย้อนกลับไปได้จริงๆ เราจะไม่เจอตัวเองหรือคนที่เรารู้จัก เพราะเราพาตัวเองมาอยู่ในปัจจุบันแล้ว เหมือนเราขับรถไปบนถนนเส้นนึง เราสามารถยูเทิร์นกลับได้ เพื่อไปกลับไปเอาของที่เราทำตก หรือกลับไปเตือนรถข้างหลังว่าข้างหน้ามีตำรวจ
ย้อนกลับไปเอาของที่เราทำตก มันก็ไม่ได้ย้อนเวลานิ เวลาของเราก็ยังเดินไปข้างหน้า แค่ย้อนกลับไปทางเดิม ... ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ใช่อยู่ มันจะเป็นอนาคตของเรา แต่เราก็น่าจะต้องเจอตัวเองกับคนอื่นๆ เพราะเป็นเส้นเวลา (ไม่ใช่เส้นทาง) ที่เราผ่านมาแล้ว ผ่านมิติที่ 4 นั้นมาแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณไม่ได้ข้ามเวลา แต่คุณแค่ข้ามจักรวาล เพราะถ้าคุณย้อนเวลาหรือไปข้างหน้า ก็จะไม่มีใครรู้จักคุณ สิ่งที่คุณทำคือการข้ามไปในจักรวาลอีกแห่ง ที่ต้องอยู่ในช่วงเวลาวัยเดียวกันเท่านั่น เพราะทุกที่ที่คุณไป ตัวตนอีกคนก็จะหายไป คุณลองคิดดูสิ เช่นตอนนี้คุณอายุ25 แต่ถ้าคุณย้อนเวลาไปตอน10ขวบก็จะไม่มีใครรู้จักคุณ เพราะคุณตอนอายุ10ขวบได้หายไป แล้วมีคุณมาแทนที่ และเช่นเดียวกัน ถ้าคุณข้ามเวลาไปตอนอายุ50 ก็จะไม่มีใครรู้จักคุณ สรุปคือคุณไม่ได้เดินทางข้ามเวลา แต่เดินทางข้ามจักรวาลหรือมัลติเวิส นิยามการข้ามเวลาสำหรับผม คือไม่ว่าจะไปหน้าหรือถอยหลัง เราจะต้องพบเจอเหตุการณ์เดิมเสมอ ไม่แตกต่างกัน แค่เปลี่ยนจากเราที่เคยทำสิ่งนั่น กลับกลายมาเป็นเรา ที่เฝ้ามองตัวเราอีกที
การกลับไปเตือนว่า มีตำรวจดักด่าน เป็นงานช่วยชาติประชาชนอย่างแท้จริง เขาผลาญสิงงบภาษี เขายังกล้าดีดักปล้น ยิ่งจนยิ่งโดน
@@waarc22 โอ้ย อย่าเบี่ยงไปประเด็นนั้นเลยครับ
@@VeronicaMk44 ถ้าไม่เบี่ยง คือ ถือทางตรงเท่านั้น ผมจะฟันธงคำตอบให้ทราบว่า #การย้อนเวลานั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดแน่นอนเลยครับ
.
ผู้ที่ยังมีสมมติฐานนี้อยู่ในความคำนึง หรือยังเฝ้าฝันหวังถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี แสดงว่ายังไม่เข้าใจเรื่อง เวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ มิใช่สิ่งสัมบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นฐาน
การย้อนเวลาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Causality ครับ เพราะทุกวันนี้สิ่งที่เราเห็นเป็นอดีตหมด มองไปบนฟ้าเราก็เห็นอดีตแล้ว เพราะดวงดาวต่างๆ ที่เรามองเห็นเป็นแสงที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว แล้วแต่ว่าวัตถุนั้นอยู่ห่างออกไปกี่ปีแสง แม้เราจะเห็นอดีตตลอดเวลาแต่ก็ไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆ บนโลกทำงานผิดหลักเหตุและผล เราจะไม่เห็นแก้วแตกบนพื้นแล้วลอยกลับขึ้นไปตั้งบนโต๊ะในสภาพที่ยังไม่แตก การเห็นภาพย้อนกลับแบบนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อเราเดินทางด้วยความเร็วมากกว่าแสงเท่านั้น เดี๋ยวผมจะอธิบายทีหลัง
เอาเป็นว่าตราบใดที่มีระยะทาง สิ่งที่เราเห็นเป็นอดีตเสมอ ยิ่งห่างมากยิ่งเป็นอดีตมาก เพราะแสงมันต้องใช้เวลามากขึ้นในการเดินทาง แต่เราไม่รู้สึกถึงความเป็นอดีตเพราะเรามองเห็นแต่สิ่งซึ่งเห็นได้แทบจะทันทีจนไม่รู้สึกถึงความช้าของแสงหรือข้อมูล เช่น เราเห็นเพื่อนยืนอยู่ห่างจากเรา 10 เมตร เราจะไม่รู้สึกว่าเราเห็นเพื่อนในอดีตเมื่อ 0.0000000333333 วินาทีที่แล้ว เราสามารถพูดคุยโต้ตอบกับเพื่อนได้ทันที แต่ถ้าเพื่อนเราอยู่ห่างไป 18 ล้านกิโลเมตร เราจะเห็นเพื่อนเมื่อ 1 นาทีที่แล้วเสมอ (แสงเดินทางได้ 18 ล้านกิโลเมตรใน 1 นาที) ถ้าเราสื่อสารกันผ่านสัญญาณไฟฟ้า เราจะไม่สามารถตอบโต้กันได้ทันที เช่น สมมิตว่าเราโต้ตอบกับเพื่อนผ่านหน้าจอ เราถามเพื่อนไปว่ากินข้าวหรือยัง เพื่อนของเราต้องรอ 1 นาทีจึงจะได้ยินคำถามของเราที่ส่งไปผ่านสัญญาณไฟฟ้า และเมื่อเพื่อนตอบมาว่ากินข้าวแล้ว เราก็ต้องรออีก 1 นาทีกว่าจะได้ข้อมูลภาพและเสียงจากเพื่อน นั่นแปลว่าเราต้องใช้เวลากว่า 2 นาทีจึงจะได้คำตอบจากเพื่อนว่ากินข้าวแล้ว ถ้าเพื่อนเราไปอยู่ที่ดาวอังคารซึ่งห่างออกไป 55 ล้านกิโลเมตร แสงใช้เวลาเดินทาง 3 นาที ไปกลับ 6 นาที เราจะต้องใช้เวลาในการรอข้อมูลจากเพื่อนนานมากขึ้น ถ้าเพื่อนเราอยู่ที่ดาวเคราะห์ในระบบดาวฤกษ์อัลฟาเซนจูรีซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 ปีแสงเศษ กว่าเพื่อนจะตอบเรามาว่ากินข้าวแล้วก็ต้องใช้เวลา 8 ปีเศษ
ถ้าเราอยากเห็นอดีตสมัยอยุธยาเมื่อ 400 ปีที่แล้ว เราก็แค่มีประโตโดเรม่อนที่พาเราไปอยู่ที่ดาวสักดวงซึ่งอยู่ห่างจากโลก 400 ปีแสงได้ทันที เมื่อเราไปอยู่ตรงนั้นและส่องกล้องความละเอียดสูงมากๆ มา เราก็จะเห็นโลกของเราเมื่อ 400 ปีที่แล้ว แต่จะไม่ได้ยินเสียง เพราะเสียงเดินทางช้ากกว่าแสงเกือบ 9 แสนเท่า หรือต่อให้ได้ยิน เสียงที่ได้ยินก็จะไม่ใช่เสียงของคนสมัยอยุธยา แต่อาจจะเป็นเสียงของไดโนเสาร์ที่เพิ่งเดินทางมาถึง
การย้อนอดีตทำได้แค่มองเห็นอดีตจากตำแหน่งที่อยู่ไกลๆ ครับ เราจะไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่เห็นได้เลย และไม่มีโลกอนาคต เพราะเมื่อสิ่งนั้นยังไม่เกิด ก็จะไม่มีแสงของสิ่งนั้นเดินทางออกไปในอวกาศที่เราจะส่องดูได้ แต่ความรู้สึกว่าเป็นอนาคตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีนี้ครับ
สมมติว่าวันนี้เป็นวันที่ 1 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. แสงของเหตุการณ์ในวันและเวลานี้ผมขอเรียกว่าแสง A จากนั้นเรามีแสง B ซึ่งเป็นแสงของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น. ซึ่งตอนนี้เดินทางออกไปไกลจากโลกประมาณ 1 ปีแสงหรือเกือบๆ 10 ล้านล้านกิโลเมตรแล้ว สมมติว่าเราสามารถไปอยู่ในจุดที่ไกลจากโลกในระยะทาง 1 ปีแสงได้ทันที เมื่อส่องกล้องมาเราก็จะเห็นแสง B ซึ่งก็คือเหตุการณ์เมื่อ 1 ปีที่แล้ว จากนั้นเหตุการณ์ต่อจากแสง B ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ สมมติว่าเราอยู่ตรงจุดนั้นเป็นเวลา 1 ปี เราก็จะเห็นแสง A เดินทางมาถึงเรา แต่เวลาบนโลกก็ผ่านไป 1 ปีเช่นกัน นั่นแปลว่าบนโลกคือวันที่ 1 มกราคม 2566 แต่แสงของเวลานั้นยังเดินทางมาไม่ถึงเรา เหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นอนาคตของเวลาบนโลกได้ เพราะเรารู้ว่าเวลาผ่านไป 1 ปีแล้ว แต่แสงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเราเดินทางออกมาจากโลกยังเดินทางมาไม่ถึงเรา เราเห็นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 1 ปีที่แล้วเสมอ ถ้าเราต้องการเห็นภาพปัจจุบัน (ซึ่งในความรู้สึกของเราคือภาพอนาคต) เราก็ต้องเดินทางกลับมาที่โลกทันที (ในเวลา 0 วินาที)
ทำไมไอน์สไตน์บอกว่าเวลาจะหยุดเมื่อเราเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง อธิบายได้อย่างนี้ครับ สมมติว่าสิ่งที่สุดท้ายที่เราเห็นบนโลก ณ เวลา A (1 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น.) คือภาพของผู้ชายคนหนึ่งกำลังตักข้าวเข้าปาก ในเวลาเดียวกันนั้นยานของเราก็ออกเดินทางออกจากโลกไปด้วยความเร็วแสงพอดี นั่นแปลว่าตัวเรากับแสง A ออกเดินทางไปพร้อมกัน ความเร็วเท่ากัน ไม่ว่าเราจะไปไหน แสง A ก็จะตามไปด้วย เมื่อเราส่องกล้องมาที่โลก เราก็จะเห็นผู้ชายคนนั้นตักข้าวเข้าปากค้างไว้ อยู่ในท่าเดิมอย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เมื่อส่องไปยังจุดอื่นๆ ของโลก ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เพราะแสง A มันตามเราไปทุกที่ เราไม่สามารถเห็นแสงก่อนหน้า A หรือแสงที่เกิดหลัง A ได้เลย เมื่อเราเคลื่อนที่เร็วเท่าแสง ณ เวลาใด แสง ณ เวลานั้นก็จะตามเราไปทุกที่ เราจะไม่เห็นแสงของเวลาอื่นไม่ว่าก่อนหรือหลัง เวลาก็จะหยุด แม้ว่าเราจะเดินทางออกจากโลกไปแล้ว 1 ปี แต่ส่องกล้องกลับมาทีไรนายคนนั้นก็ยังตักข้าวเข้าปากอยู่ท่าเดิม ผ่านไป 10 ปี ก็ยังเห็นภาพเดิม ผ่านไป 100 ปีก็ยังเห็นภาพเดิม
เมื่อเราเดินทางเร็วกว่าแสงเราจะเห็นภาพย้อนกลับ เพราะเราเริ่มแซงแสงที่เดินทางออกไปก่อนเราได้แล้ว สมมติว่ายานของเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง เดินทางไปสักระยะหนึ่งเราก็ตามแสง B ทัน (เหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น.) สมมติว่า ณ เวลา B มีแก้วตกแตกกระจายบนพื้น เมื่อตามแสง B มาทันเราก็จะเห็นแก้วแตกบนพื้น เมื่อเราแซงแสง B ไป สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ เศษแก้ววิ่งเข้ามารวมกันเป็นแก้วที่ยังไม่แตกบนพื้น จากนั้นแก้วก็จะลอยกลับขึ้นไปบนโต๊ะ และย้อนกลับไปเรื่อยๆ เพราะเราวิ่งแซงแสงก่อนหน้าที่แก้วจะตกแตกไปเรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่าเราทำได้แค่เห็นแสงเท่านั้น เราทำอะไรกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ เราไม่สามาถเอามือไปคว้าแก้วนั้นได้ แต่เราจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเรามีกล้องความละเอียดสูงมากๆ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้หรอก ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ จะได้เข้าใจว่าการย้อนเวลาคืออะไร
ถ้าเราค่อยเร่งความเร็วเข้าใกล้ความเร็วแสง เมื่อส่องกล้องมาที่โลก เราจะเห็นคนเคลื่อนที่ช้าลง ยิ่งเข้าใกล้แสงมากก็ยิ่งช้ามาก เมื่อเราเคลื่อนที่เร็วเท่ากับแสง ทุกอย่างบนโลกจะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เพราะแสง ณ เวลานั้นจะตามเราไปตลอดด้วยความเร็วเท่ากัน เราจะไม่เห็นแสง ณ เวลาอื่นไม่ว่าก่อนหรือหลัง เมื่อเราเร่งความเร็วให้มากกว่าแสง เราก็จะเห็นภาพบนโลกเคลื่อนที่ย้อนกลับช้าๆ เพราะเราเริ่มแซงแสงในอดีตที่วิ่งออกไปก่อนหน้าได้แล้ว เช่น เราจะเห็นคนเดินถอยหลังช้าๆ เมื่อเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ การย้อนกลับก็จะเร็วขึ้นเรื่อยๆ คนก็จะเดินถอยหลังเร็วขึ้น
เมื่อเราเดินทางกลับมาที่โลกด้วยความเร็วเท่าแสงหรือมากกว่าแสง เราจะเห็นภาพในอดีตบนโลกเคลื่อนที่เร็วมาก สมมติว่าเราเห็นแสง B ตอนที่แก้วแตกกระจายบนพื้น เมื่อเราเดินทางเข้าหาโลกด้วยความเร็วเท่าแสง เราก็จะเห็นคนมาเก็บกวาดเศษแก้วที่ตกบนพื้นด้วยความเร็ว 2 เท่าของการเคลื่อนที่ปกติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็จะเคลื่อนที่เร็วกว่าปกติ 2 เท่าเช่นกัน เมื่อเราเร่งความเร็วให้มากขึ้น การเคลื่อนที่ของคนบนโลกก็จะยิ่งเร็วขึ้นหลายเท่า จนกระทั่งเรามาถึงโลกและหยุดนิ่ง เราก็จะมาถึงเวลาปัจจุบันบนโลก การเคลื่อนไหวของคนก็จะเป็นปกติ
อดีต ปัจจุบันและอนาคตก็มีแค่นี้แหละครับ
อธิบายซะยาว เอาเป็นว่า ผิดถูกอยู่ที่ค่าของคน คุณคือค่าของใครละ
@@apinanaubolsak ถ้าคุณทำความเข้าใจได้ คุณก็น่าจะรู้นะว่ามันมีคุณค่าหรือเปล่า
@@ylamoon มันก็มีนะ มันก็ทฤษฎีเดิมๆ ที่คุณอธิบาย คือต้องการคำตอบบแบบไหน ผมเรียนด้านฟิสิกส์, ปรัชญา หรือคุณต้องการแก้ไขปัญหาด้านไหน คือผมอยากให้สนใจด้านกลศาสตร์ควอนตัม จะได้ไม่มีปัญหาการพังพัน
@@apinanaubolsak ผมไม่ได้ต้องอ่านแก้ปัญหาครับ แค่แสดงความคิดเห็น
เราฉลาดเพราะความรู้ แต่เขาฉลาดด้วยความไม่รู้ เพราะไม่รู้จึงต้องลงมือทำเพื่อให้รู้ ลงมือทำก็ได้ประสบการณ์ ความรู้ที่แท้จริง + ประสบการณ์ ยังไงก็ต้องเก่งกว่าคนทั่วไปในสมัยนี้ ต้องอย่าลืมว่า ณ ปัจจุบันนี้ สิ่งที่มนุษย์เราใช้ศึกษาเรียนรู้นั้น ล้วนแล้วแต่มาจากความผิดพลาดในอดีตทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากอนาคตแต่อย่างใด😊
เข้ามาให้กำลังใจนะครับ ถึงจะย้อนเวลาไม่ได้แต่เราเริ่มใหม่ได้เสมอครับ
อยากฟังเรื่องดาราศาสตร์เกี่ยวกับ UFO กับมนุษย์ต่างดาวค่ะ
ผมก็อยากฟังจากหลักการทางวิชาการครับ เพราะผมและครอบครัวเคยเห็น เพื่อนผมก็เคยเห็นระยะใกล้เลย เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เลยอยากรู้จากนักวิชาการที่เค้าเอาหลักการกำเนิดจักรวาลมาวิเคราะห์เรื่องสิ่งมีชีวิตที่ล้ำกว่าเรา เพราะเคยเห็นมาและคนรอบข้างก็เห็นกันเต็มๆตา คนที่ไม่เคยเห็นแล้วเอาหลักการมาวิเคราะห์ กับคนเคยเห็นแต่ไม่มีหลักการใดๆ น่าจะได้ความรู้หลักคิดทางวิชาการครับ ผมตามฟังอาจารย์พูดสนุกดีครับ วิทยาศาสตร์มีอะไรให้ค้นหาคำตอบไปเรื่อยๆ
ย้อนอดีตไปได้ครับ ซื้อตั๋วที่สถานี กลางบางซื่อ หรือ สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ครับ
ผมมองว่าการข้ามเวลาเป็นเหมือนการเดินทางไปโลกคู่ขนานมากว่า และโลกคู่ขนานมีเป็นอนัน เมื่อย้อนแล้วไม่สามารถกลับไปโลกเดิมได้อีก ถึงจะกลับไปได้ก็แค่เหมือนโลกเดิม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เช่นย้อนไปฆ่าตัวเองตอนเด็ก ก็จะไม่ส่งผลอะไรกับอนาคตเพราะในอนาคตก็มีทั้ง อนาคตที่คุณตายไปแล้วหรืออนาคตที่คุณไม่ได้ย้อนมา หรืออนาคตแบบอื่นๆ เป็นอนัน ดังนั้นเป็นเหมือนการเดินทางผ่านมิติที่สี่มากกว่า
ความโง่กับความฉลาดของคนเรานี่แหละ โลกคู่ขนาน ยิ่งฉลาดขึ้นก็จะยิ่งพบกับปัญหาที่เป็นความโง่ที่ยังไม่รู้เพิ่มขึ้น เพราะนั่นคือมิติคู่ขนาน ในกรณีที่ยกตัวอย่างเรื่องของความโง่และความฉลาดนี้ขึ้นมาก็เพราะ มันเป็นโลกคู่ขนานที่มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวมันจึงมีกลไกในการรักษาสมดุลย์ค่าต่างๆไว้ให้คงที่อยู่เสมอหากเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆขึ้นกับมัน ความฉลาดของการค้นพบมันจึงเท่ากับพบว่ายังโง่อยู่นั่นเอง
เหตุผลที่เราไม่เจอใครย้อนเวลากลับมาอาจเพราะการย้อนเวลาต้องมีเงื่อนไขบางอย่างเช่น เครื่องรับส่ง ถ้าไม่มีประตูออกมาก็ไม่รู้จะย้อนมาได้ยังไงดีไม่ดีอาจย้อนมาติดอยู่ในกำแพงบ้านใครตายซะงั้น หรือ ย้อนมาแล้วจะกลับยังไง เพราะงั้นการย้อนเวลาคือต้องรอใครสักคนคิดค้นมันขึ้นมาได้และเปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วค่อยย้อนกลับมาอีกที ซึ่งก็ย้อนได้ไม่เกินวันเวลาที่เปิดใช้งานเครื่องนั้น เช่นเดียวกันกับการข้ามไปอนาคตก็ไปได้แค่ปัจุบันที่มีเครื่องนั้นอยู่ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่มีเครื่องประตูที่ว่าเลยยังไม่เห็นใครย้อนกล้บมา วิธีนี้จะไม่เกิดคำถามพาราดอกด้วยว่าใครเป็นคนสร้างเครื่องย้อนเวลา ส่วนการย้อนแบบอื่นที่ไม่มีเงื่อนไขข้างต้นไปมาอืสระ ก็อย่างว่าถ้าทำได้มันต้องมีคนย้อนมาบ้างแล้วแหละ และมันจะติดพาราดอก ในกรณีที่มีคนย้อนมาแล้วบอกวิธีย้อนเวลาให้เรามันจะกลายเป็นว่าเครื่องย้อนเวลามันเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่
อาจารย์ทำเรื่อง parker solar probe หน่อยครับ ถ่ายภาพดวงอาทิตย์ได้ยังไง ทนความร้อนเป็นล้านองศาได้ยังไง
-นิวตันค้นพบความไม่เที่ยงของความเร็ว
-ไอน์สไตน์ค้นพบความไม่เที่ยงของความเร่ง
-แต่เราค้นพบความไม่เที่ยงของเวลา..
*แล้วเราจะเสนอทฤษฎีไร้กาลเวลาได้ที่ไหนได้บ้างครับ...
สำหรับความคิดผมนะครับคือถ้าเราย้อนเวลาไปเเล้วทำบางสิ่งบางอย่าง มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เเล้ว เช่นสมมุติผมย้อนเวลาไปเจอตัวเองตอนเด็ก เเปลว่าตัวผมตอนเป็นเด็กเห็นตัวเองตอนโตมาเเล้ว เเค่ตอนนั้นผมอาจยังจำความไม่ได้ เเละถ้าเราย้อนไปอดีตได้จริงเเปลว่ามีอนาคตกำหนดอยู่เเล้ว เพราะการที่เราไปในอดีตคนยุคนั้นจะเห็นเรามาจากอนาคต
สรุปในความคิดผมนะครับ
ถ้าเราย้อนไปในอดีต เเล้วทำไรสักอย่างมันคือประวัติศาสตร์มาตั้งเเต่เเรกเเล้ว เเละถ้าเราตายในอดีต ตัวเราในยุคนั้นก็จะยังโตมาปกติเเล้วก็ย้อนเวลามาตาย เป็นลูปเรื่อยๆครับ
ลูปมันจะวนได้ไงในเมื่อมันตัดขาดตั้งแต่อดีต ตรรกะผิดอีกอะ
1
คิดง่ายๆถ้าย้อนเวลาได้ ทุกคนย้อนเวลาได้ ไปฆ่าคนสำคัญ ใครอยากทำอะไร ผมคิดว่าปัจุบันน่าจะเละนะ ไม่น่าปรกติแบบนี้
ชอบศึกษามากครับฟิฯวิทฯการยืด_หดของจักรวาล.
ผมเคยดู สารคดี ควอนตัม ไม่รู้จริงแค่ไหน ที่เขาบอกว่า มวล เกิดจากความว่างเปล่าได้ ในควอนตัม
ถ้าจริง ตรรกะ มันกะมีหลายด้าน มั้งคับ
ผมว่าทุกอย่างมันจะไม่ขัดแย้งเลย ถ้ามันคือตั๋วเที่ยวเดียว เช่นถ้าย้อนไปอดีต เราก็แค่คนที่โผล่ขึ้นมาเฉยไม่มีใครรู้จัก แล้วใช้ชีวิตปกติไป ทุกอย่างจะเขียนขึ้นใหม่ในมุมมองของเรา แน่นอนว่ามันไม่เหมือนเดิม 100% ถึงจะไปทำอะไรตัวเองตอนเด็กก็ไม่มีผลอะไรเลย เพราะเป็นแค่ใครก็ไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน หรือไปในอนาคต เราก็แค่ใครก็ไม่รู้ที่โผล่ขึ้นมาเฉยๆ อาจจะดูเชยๆหน่อย ก็ไม่เป็นอะไร ทุกอย่างก็จะเริ่มเขียนขึ้นใหม่ต่อจากนั้น
อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเองงั้นหรอ แค่เริ่มก็ขัดแล้วนะ
@@AliceAlive เท่าที่ผมได้ดูการถกเถียงเรื่องอะไรแนวๆนี้ จนเรื่องลึกไปถึงว่า แล้วถ้ามีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นเองจะขัดแยงกับกฏอะไรไหม คำตอบคือ การเกิดขึ้นเองไม่ได้ขัดแยกกับกฏอะไรเลย ถ้ามันมีจริงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แน่นอนครับการพูดถึงการย้อนเวลามันมีเรื่อง ขัดแย้ง พาราด็อกต่างๆเกิดขึ้นมากมายเกินกว่าที่เราจะถกเถียงกันได้ในตอนนี้ ลองดูคลิปนี้นาที 6:35 th-cam.com/video/RLmP73WoA04/w-d-xo.html
@@A5ky ลองไปจับใจความดีๆนะครับ แก่นที่อ.เค้าบอกคือถ้าจะยอมรับได้เงื่อนไขคืออะไร ซึ่งมันผิดกับตรรกะตั้งแต่แรก ในทางpsyก็ไม่ต้องพูดถึงนี่ครับตั้งแต่มีมนุษยชาติมายังไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติเกิดขึ้นเองเลยสักอย่างนี่ครับ
ไม่มีทางย้อนเวลาได้ เพราะถ้าย้อนได้ คุณคิดว่า คนในอนาคต จะไม่เดินทางกันเป็นเรื่องปกติหรือ ทุกวันนี้คงมีคนถูกหวยรางวันที่1 3งวดติด
เรื่องการย้อนเวลาเป็นอะไรที่น่าคิดว่ามีความเป็นไปได้มั้ย .....เปรียบเทียบกับสิ่งหนึ่งที่ย้อนเวลาได้100% คือ ความคิด....เช่นคิดถึงภาพในอดีต ความทรงจำดีๆในอดีต ความคิดของเราสามารถย้อนกลับไปได้ แต่อาจจะไม่สมบูรณ์มากนัก....ที่เขาเรียกว่าเลือนลาง เป็นภาพลางๆ...การเดินทางย้อนเวลามันจะเหมือนความคิดที่สามารถย้อนเวลาได้หรือไม่ ...
สอนกฎที่เคปเลอร์กับโคเปอร์นิคัสค้นพบเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดวงดาว รายการคำนวณที่ใช้หน่อยครับ คร่าวๆก็ได้ครับ
การเดินไปในอดีตนี้คืออนาคตของเรา ปัจจุบันที่จากมาก็กลายเป็นอดีต
ผมคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ครับ. เพราะในโลกควอนตัมอะไรๆ ที่เป็นไปไม่น่าจะได้ กับเป็นไปได้. มีโอกาสสูงครับ
ผมว่าการไปในอนาคตตัวปัจจุบันก็หายไปในอนาคตด้วยเช่นกัน มันจะถูกหลักตรรกะไหมครับ และเราไม่สามารถที่จะมีตัวตนในตอนนั้นเพราะเราข้ามมาเเล้ว เหมือนเราวิ่งไปหน้าบ้านแล้วเราไม่สามารถจะอยู่หน้าบ้านกับหลังบ้านพร้อมกันได้ แต่การย้อนอดีตอาจจะเจอตัวเราก็ได้และอาจจะทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป
คลิปนี้พูดถึงเรื่องที่ว่า การเดินทางย้อนเวลา(การเดินทางสู่อดีต) นอกจากนี้แล้ว การเดินทางสู่อนาคต ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นทฤษฎีที่เรียกว่า การเปิดประตูเวลา(การเดินทางสู่อดีตและอนาคต) ซึ่งเป็นทฤษฎีเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่าย แท้จริงแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบหลักฐานโบราณต่างๆ เช่น เส้นนาซคา วิหารพระศิวะ เครื่องบินแกะสลักลำเล็กสองลำซ่อนอยู่ที่ฝังพระศพฟาโรห์ รูปไดโนเสาร์แกะสลักนูนต่ำบนก้อนหินของชาวอินคาโบราณ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งหลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวเหล่านี้มีอยู่อย่างเป็นปริศนาที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์คิดค้นทฤษฎีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีดังกล่าวจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา(ปรากฏการณ์การเดินทางสู่อดีตและอนาคต) ดังนั้นหลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวเป็นสิ่งยืนยันว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลานั้นมีมาแต่โบราณกาลแล้ว แต่ว่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อกว่า2,500ปี พระพุทธองค์สามารถคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ดังนั้นจึงมีการค้นพบศิลาจารึกของพระพุทธองค์ กล่าวคือ ศิลาจารึกเหตุผลเกี่ยวเนื่องเป็นลูกโซ่ แท้จริงแล้ว ศิลาจารึกดังกล่าวนี้คือ ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามนั่นเอง ซึ่งได้นำไปสู่ความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ ความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์คือ ความรู้เรื่องโปรแกรมจิต ซึ่งจะนำไปสู่การคิดค้นกระบวนการทางจิตเชิงคณิตศาสตร์เรียบง่ายตามทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามเพื่อบรรลุอดีตและอนาคต อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์สามารถคิดค้นกระบวนการทางจิตดังกล่าว เรียกว่า การทำสมาธิ แท้จริงแล้ว การทำสมาธิคือ ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา(ปรากฏการณ์การเดินทางสู่อดีตและอนาคต)นั่นเอง
ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นการกล่าวโดยย่อ ซึ่งได้นำเอาสองทฤษฎีมารวมกันและมีตัวแปรสำคัญ สำหรับทั้งสองทฤษฎีนั้นคือ ทฤษฎีการเปิดประตูเวลาและทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ส่วนตัวแปรสำคัญนั้น ได้แก่ 1.เส้นนาซคา 2.วิหารพระศิวะ 3.เครื่องบินแกะสลักลำเล็กสองลำซ่อนอยู่ที่ฝังพระศพฟาโรห์ 4.รูปไดโนเสาร์แกะสลักนูนต่ำบนก้อนหินของชาวอินคาโบราณ สำหรับหลักฐานโบราณลำดับ1,2,3นั้น ซึ่งคนโบราณจงใจสร้างขึ้นเพื่อผู้ที่อยู่บนเครื่องบินเท่านั้นถึงจะมองลงมาเห็นได้ ดังนั้นแสดงว่า คนยุคนั้นได้เดินทางมาถึงปัจจุบันแล้ว ส่วนหลักฐานโบราณลำดับที่4นั้น ซึ่งเป็นหลักฐานโบราณที่แสดงว่า คนยุคนั้นได้เดินทางย้อนกลับไปถึง65ล้านปี แท้จริงแล้ว หลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวสามารถยืนยันถึงสิ่งที่เรียกว่า การเดินทางสู่อดีตและอนาคต ดังนั้นจึงนำไปสู่การคิดค้นทฤษฎีที่เรียกว่า การเปิดประตูเวลา(การเดินทางสู่อดีตและอนาคต)นั่นเอง แต่ว่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับทฤษฎีดังกล่าว ดังนั้นผู้เขียนจำเป็นต้องนำมาต่อยอดให้จบดังที่กล่าวมาทั้งหมด
อยากจะให้ ทำคลิป อธิบายเรื่อง ไทม์แมชีนส์ ในภาพยนต์ เครื่องมือไทม์แมชชีน ใช้แนวทางวิทยาศาลตร์ทำงานอย่างไร
เมื่อใช้ทฤษฎี สัมพัทธ์ภาพ อุปกรณ์พวกนั้น เมื่อขึ้นเดินทางมีหมุน นั้นทำงานกันเช่นไรในทางวิทยาศาสตร์ ครับ
เครื่องไทม์แมชชีนในหนัง ในการ์ตูนโดเรม่อน
ในการ์ตูนดรนกอนบอล ไม่มีเกี่ยวอะไรกับ
ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์เลยแม้แต่นิดเดียว แค่หลักการทำงานก็ผิดแล้ว
สนใจของเล่น คับ...
มันสวยงามเเละมหัศจรรย์มากๆคับ ใคร?เป็นผู้ออกเเบบคับ.
เเต่จักวาลทั้งม้วนมหัศจรรย์ยิ่งกว่า ใครเป็นผู้ออกเเบบสร้างสรรค์ หรือเกิดขึ้นมาเองโดยที ม่มี(0+0=0) กระบวนการทีไร้เหตุผลคับ...
รออยู่เลยค่ะ กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่พอดี
ผมว่าก่อนที่จะคิด/เรื่องย้อนเวลา/หันมาคิดกันว่าไอ้ตัวเวลามันคืออะไร/ให้รู้แท้ๆหรือเข้าใจมันแบบจริงๆเสียก่อนนะครับ/มีการพิสูจน์ได้หรือยังครับว่า/เวลามันคืออะไร???
คิดว่าไม่สามารถย้อนเวลาหรือข้ามเวลาได้ เพราะไม่มีทั้งอดีตและอนาคตมีแต่ปัจจุบันขณะเท่านั้น?
ใช้ ตรรกะปกติ ไม่ได้
เพราะม้น ขัดแย้ง ย้อนแย้ง
เราจะไปแก้ไขอดีต ไปอนาคต
มันจะยุ่่งเหยิง วุ่นวาย เส้นไทม์ไลน์
เราอยู่กับปัจจุบัน กับ สติ
รักคุณป๋องแป๋ง
ผมกลับเชื่อว่าเวลาเป็นแค่นามธรรม อยู่ใต้จิตสำนึกคนเท่านั้น มันไม่มีจริง ถ้าจะย้อนได้ก็ย้อนได้แค่จิตสำนึกตัวเองไม่เกี่ยวกับเรื่องจริงภายนอก
เวลาเป็นรูปธรรม ยิ่งเราอยู่ใกล้ดาวเคราะห์ที่มีมวลมาก เวลาจะยิ่งผ่านเร็ว มีการวิจัยไปแล้ว และพิสูจน์ได้ว่าเวลามีจริง เช่นคนที่อยู่บนอวกาศจะแก่ช้ากว่าคนบนโลก
@@samejorjo6216 รูปธรรมคือสิ่งที่สามารถจับต้องได้ครับ-..- เวลามันคือนามธรรมเรารับรู้ได้แต่สัมผัสถึงมันไม่ได้
@@skawngurfงั้นอะตอม นิวตรอน ควาก อนุภาคมูลฐานทั้งหลายเป็นนามธรรมหรอครับ
@@Madscientists007 ไม่ใช่ครับมันคือรูปธรรม มันแค่เล็กเกินไปที่มนุษย์เราจะสัมผัสถึงมันได้ แต่มันก็มีมวลอยู่ แต่”เวลา”มนุษย์เราเป็นคนคิดขึ้นมาเป็นตัวกำหนดช่วงนั้นช่วงนี้ เราแค่รับรู้ได้ว่ามันคือเวลาแต่มันไม่มีตัวตนหรืออนุภาค มวล เรารับรู้ได้แค่ความรู้สึกทางจิตใจและสมอง
@@skawngurfตามความคิดของท่าน กลิ่น(หอม เหม็น) เสียง รสของเกลือ(เค็ม)เสียง มีสิ่งไหนเป็น รูป หรือนาม ครับ
มันจะเกิดไทม์ไลน์ใหม่ เป็นโลกคู่ขนาน
เวลาเป็นมาตรวัดที่สมมุติขึ้นมา
จักวาลนี้คือพื้นที่ว่าง และสสารที่เคลื่อนที่ไปเรื่่อยๆ
ย้อนเวลาคือการเปลี่ยนตำแหน่งสสารทุกสสารในจักวาลให้ไปอยู่ในตำแหน่งก่อนหน้านี้พร้อมๆกันทั้งจักวาล
(ก่อนดูคริปนะมาคอมเม้นไว้ก่อน) คือผมว่ามันย้อนได้นะ แบบวิธีย้อนน่าจะใช้หลุมดำ คือเราเข้าไปในหลุมดำแล้วคือแบบ เราไปโผล่ในอีกมิติเลย
ใช้ได้ครับ ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ของ ไอนสไตน์แล้ว ต้องใช้หลุมดำที่ไม่สามารถหมุนรอบตัวเองได้ (อาจจะมี) ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะทำให้ กรวยแสง แห่งอนาคตนั้นถูกบิดเข้าให้ตั้งฉากกัลเส้นรอบวงของหลุมดำเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของหลุมดำนั้น ซึ่งทำให้อนาคตที่กล่าวมาไม่มีอยู่จริง กล่าวคือถ้าหมุนรอบหลุมดำจะเห็นตัวเราที่ก่อนที่จะเข้ามายังหลุมดำ แบบวนลูป
ผมไล่ดูคลิป ไปเรื่อยๆ / ชอบ youtube ตรงที่ จัดกลุ่ม (playlist) ได้ เรียงลำดับการ upload ตามใหม่-เก่า / เก่า-ใหม่ / ยอดนิยม ได้ / search หัวข้อเรื่อง หรือ keyword ที่สนใจ เฉพาะภายในช่อง ได้ (และแน่นอน search คลิปทั้งหมดในโลกของ youtube ก็ได้ด้วยเช่นกัน)
การย้อนเวลาในอดีต เป็นไปไม่ได้ครับ
เพราะว่าเราไม่สามารถแก้ไขแสงที่พุ่งออกจากวัตถุในอดีตได้เลย
ถึงแม้ว่าเราจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือแสงก็ตาม
เนื่องจากแสงที่พุ่งออกจากวัตถุในอดีตนั้น ได้พุ่งออกไปทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน
แต่เราสามารถเคลื่อนที่ได้เพียงทิศทางเดียวในแต่ละเวลา
ใช่ ถูกต้องทุกเหตุผล และถ้าเราเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง สิ่งที่เป็นไปได้ก็คือเราสามารถมองเห็นอดีตของเราได้เมื่อมองกลับมายังโลก
ภาพsupernova ที่เราเห็นก็เป็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน ถ้าเราสามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสงและไปดูที่เกิดsupernovaก็เหมือนสามารถเห็นอนาคตได้ครับ ถ้าเวลาแปรผันตามความเร็วและเราสามารถเดินทางได้เร็วแบบไม่มีขีดจำกัด เราก็น่าจะควมคุมเวลาได้ครับ แต่ควบคุมให้ช้าลงหรือเร็วขึ้นได้เท่านั้นครับ และไม่สามารถย้อนกลับได้
ผมว่ามันก็ไม่ได้เห็นอนาคตอยู่ดีครับ แต่เราแค่เห็นปัจจุบันที่ supernova ระเบิดไปได้เร็วกว่าแสง ขอยกตัวอย่างแบบนี้
- สมติมี supernova ระเบิด (จุด A) อยู่ห่างจากโลกด้วยความเร็วเป็นตัวเลขดิจิตอลเท่ากับ 100 ปีแสง หมายความว่าอีก 100 ปี โลกถึงจะมองเห็นระเบิดจาก supernova ด้วยสายตาปกติ
- เผอิญปัจจุบันเราอยู่บนโลก (จุด B) กำลังส่องกล้องในอวกาศที่มีระยะไกลถึง 50 ปีแสง เราเห็นแสงจากการระเบิด supernova นี้
คำถามคือถ้าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง (สมมุติความไวเป็น 2 เท่าของแสง) และเริ่มเดินทาง ณ วินาทีแรกที่เห็นแสงในกล้องจากโลก (จุด B) ย้อนไปยังดาวที่เกิด supernova (จุด A) เมื่อไปถึงสถานที่นั้นสิ่งที่เราจะเห็นคืออะไร
คำตอบคือ เมื่อไปถึงตำแหน่งนั้น (จุด A) สิ่งที่เรากำลังเห็นคือ "ดาวที่ระเบิดเป็น supernova ไปแล้วกว่า 100 ปี" และ "ณ เวลาเดียวกันบนโลก (จุด B) เพิ่งจะเห็นแสงระเบิดนี้ด้วยสายตาปกติ" โดยเหตุผลคือการเดินทางจาก จุด B ถึง A ไปยังดาวนั้นด้วยความเร็ว 2 เท่าของแสง เราจึงใช้เวลาเดินทางเร็วขึ้นอีก 50 ปี ซึ่งเท่ากับเวลาที่แสงระเบิดเดินทางมาแล้วครบ 100 ปีพอดี ดังนั้นเราไม่ได้เห็นอนาคตในจุด A แต่อย่างใด สิ่งเรากำลังเห็นคือปัจุบัน ณ สถาน (จุด A) ที่ไกลจากโลก (จุด B) 100 ปีแสง ซึ่งเราใช้เวลาเดินทางไปแค่ 50 ปี (ด้วยความเร็ววัดเป็นตัวเลขดิจิตอลเท่ากับ 200 ปีแสง)
ในตรรกนี้คือต่อให้คุณมีความเร็วมากกว่าแสงมากแค่ไหน คุณก็สามารถเห็นได้แค่ "เร็วกว่าแสง" แต่คุณไม่สามารถเห็นภาพสุดท้ายก่อนแสงจะกำเนิดขึ้นได้ (ดาวระเบิด)
@@eak9110 เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ผมเคยดูสาระคดีเรื่องหนึ่งเขายกตัวอย่างว่า ถ้าคนเราย้อนเวลาได้ สมมติว่าเราจะย้อนเวลาไปในเรือไททานิคเพื่อจะบอกคนในนั้นว่าเรือจะจมคนในเรือนั้นก็จะไม่เชื่อหรืออีกกรณีหนึ่งเรืออาจจะไม่จมเพราะภูเขาน้ำแข็งแต่เรือจะจมเพราะรับน้ำหนักเกินพิกัด
เคสตัวอย่างที่อาจารย์ยกมา
น่าจะเป็น
กฏการย้อนเวลา
ไทม์พาราด็อกซ์
แบบวนลูป
การย้อนแบบนี้
จะเกิด ปรากฏการ
butterfly effect
ซึ่งจะมีแต่ผลเสีย
มากกว่าผลดี
คิดว่าย้อนเวลาได้นะ(เหมือนเรานั่งดูยูทูปในยุค ร.5)แต่ต้องสลัดมวล ให้เหลือเพียงจิตวิญญาณ หรือทำมวลให้เป็นเนื้อเดียวกับจิต ตามที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ แล้วเข้าไปอยู่ในสมัยอยุธยาได้เลย เราจะกลายเป็นคนในอนาคตสมัยอยุธยา และใช้ชีวิตได้ตามปกติ(ในรูปของจิต)
แต่ถ้าเราไปด้วยกายหยาบ มันจะไปอยู่อีกโลก ที่เกิดช้ากว่าโลกเราหลายพันปี ไม่ได้ย้อนเวลากลับไปโลกเราในอดีต เพราเราเอากายหยาบ ไปในอดีตไม่ได้
ขั้นเเรก เราต้องเข้าใจก่อนว่า สะสารในจัดวาลเพิ่มขึ้นจากความว่างเปล่าหรือไม่ ถ้าไม่ การย้อนเวลาก็ไม่มีจริง สม.ติ ให้ สะสาร a มี 1 เดียวในจักรวาล หากสะสาร a ย้อนเวลาไป เจอ ตัวเอง ก็เท่ากับว่า มีสะสาร a 2 ตัวในจักวาล ซึ่งในมุมมอง จากอดีต ยังไม่มีเครื่องย้อนเวลา เท่ากับว่า a อนาคตเกิดจากความว่างเปล่าหนะสิ เเถมสะสารก็เพิ่มขึ้นอีก เเล้วยัง เปลี่ยนเส้นทางของ a อีกหากไปยุ่งกับเรื่องราวในอดีต โห นี้มัน โคตรของความขัดเเย้งเลยนะ5555 เเละที่เเน่ๆ ฟรีวิลไม่มีจริงเลย
มนุษย์ไม่สามารถเดินทางเร็วเท่าแสงได้ ถึงแม้จะเดินทางเท่าแสงก็ไม่สามารถเดินทางด้วยความเร้วแสงย้อนเวลา กลับไปได้ เนื่องจากเวลา มันไม่เหมือนกรอเทปกลับ ไม่เหมือนหนังสือที่ ทำเป็นเล่มๆใว้ เวลา แต่ละจุดเป็นอิสระ มีทางเดียวที่จะ ย้อนกลับไปคือ ปิดมิติเวลา ณ ตรง จุดๆ นั้น อาจใช้แรงโน้มถ่วงหรืออะไรสักอย่างแต่จะทำยังไงให้สามารถระบุเวลาได้แน่ชัด ต้องใช้พลังงานอะไร เท่าไหร่ ไม่มีทางเห็นได้เลยว่าการย้อนเวลาจะสามรถทำได้ และสมมุติสามารถสร้างรูหนอนได้ แล้วจะเอาไปตั้งตรงไหน บริเวณรูหนอนต้องมีพลังมหาศาล และโลกก็มีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา สมมุติตั้ง รูหนอนใว้ใกล้โลก แล้วจะเดินทางยังไงตั้งให้เดินทางย้อนแสงไปเหรอ ย้อนแล้วยังไง ย้อนไปยังจุดเก่าที่โลกเคยอยู่นั้นหรือ แล้วมั่นใจได้ไงว่าโลกยังอยู่ตรงนั้น แต่ถ้าพูดถึงมิติ ถ้าบอกว่าย้อนมิติ งั้นแสดงว่ามันต้องมีมิติเป็น ล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฟฟๆๆๆๆๆๆๆๆๆมิติ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น จะระบุพิกัดเวลาได้ยังไง
ผมขอสัญญาว่า ความรู้จากนี้ไป ไม่ใช่ความรู้ส่วนตัวผม ... ในมิติทางกายภาพ เวลา เดินทางเป็นเส้นตรง เพราะ เกิดจากช่องถ่างระหว่างความเร็วกายภาพ กับ ความเร็วแสง แต่ในมิติทางพลังงาน เวลา เป็นจุด อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต อยู่ที่จุดเดียวกัน ทุกๆ การกระทำ ณ ปัจจุบันขณะนั้น จะส่งผลเปลี่ยนแปลงทั้ง อดีต และ อนาคตไปพร้อมๆกัน หากต้องการเดินทางด้วยความเร็วแสง ต้องทำให้ยานบินมีสภาพความหนาแน่นเป็น ลบ (คืออะไรและทำอย่างไรผมไม่รู้) ในมิติทางกายภาพ มนุษย์ที่มีกิเลสหนาอย่างทุกวันนี้ ไม่มีทางย้อนเวลาได้สำเร็จ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์และไม่เหมือนมนุษย์แต่เหมือนสัตว์เสียมากกว่า ล้วนมีเทคโนโลยีสูงล้ำ และ เดินทางท่องเอกภพด้วยความเร็วใกล้แสงได้ เพราะ เขา ไม่ต้องตายบางเผ่าดาวอยู่มานับหมื่นปียังไม่มีใครตาย ทำให้เกิดการต่อยอดเทคโนโลยีไม่จบสิ้น บรรดาสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าดาว จะอยู่ บริเวณ โซนกลางๆ ของเอกภพ เพราะการความเร็วในการเหวี่ยงหมุนของเอกภพเหมาะสม กว่า ขอบนอกเอกภพ มีทั้งดีและชั่ว เหมือนมนุษย์เลย เอกภพและทุกๆสรรพสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นอย่างจงใจ มิได้เกิดจาก บิ๊กแบง แต่อย่างใด ทำไมต้องมีแกแลคซีมากมาย ? เพราะแกแลคซีเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นเหมือนใบพัด ปั่นหมุน พลังงานในเอกภพ ทุกสรรพสิ่งจะสมดุลย์ได้ ต้องมีการเหวี่ยงหมุนอยู่ตลอดเวลา ตัวเธอติดอยู่บนโลก โลกก็พาเธอหมุนอยู่ตลอดเวลามิใช่หรือ...ต่อข้อถาม ของคำถามว่า ถ้าผู้สร้างมีจริงทำไมไม่ปรากฏตัวให้เห็น คำตอบคือ มารดาสร้างเธอ มารดาของเธอย่อมใหญ่กว่าเธอใช่ไม๊ ผู้สร้างโลก ย่อมต้องใหญ่กว่าโลก และผู้สร้างเอกภพ ย่อมต้องใหญ่กว่า เอกภพ เธอจะเข้าถึงพระผู้สร้างได้ ผ่านทางคำสอนที่ฝากมากับพระบุตรเอก ที่ทรงส่งเข้ามาทำหน้าที่แทนพระองค์เท่านั้น มองด้วยตาเนื้อไม่เห็นหรอกนะ ...
ทุกวันนี้ ในโลก หากต้องการทำให้ชาวโลก ไม่เชื่อในสิ่งใด วิธีที่ดีที่สุด คือ นำความจริงเหล่านั้นมาสร้างเป็นหนัง เป็นละคร เมื่อผู้คนได้ดูแล้ว เมื่อถึงคราวเกิดตามที่หนังละครแสดงไว้ ผู้คนจะไม่เชื่อว่ามันจริง เป็นกับดักที่ผู้ไม่หวังดีต่อมนุษย์โลกสร้างขึ้นไว้มานานแล้ว...
ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้น ย้อนเวลา
เป็นไปไมได้ เพราะเวลาของเราเดินหน้าไมหยุด /หรืออีกแนวคือ จุดเวลานั้นมีทั้ง3อย่างพร้อมๆกัน
ถ้าย้อนเวลาได้ ป่านนี้คงมีคนย้อนเวลาไปอดีตได้แล้ว
ตามที่ผมเข้าใจ เราใช้ตรรกกะขอวเรา เรียกปากกาแท่งนั้นว่ามีสีแดง แต่ที่เห็นว่าแดงเพราะปากกาสะท้อนแสงสีแดงมาเข้าตาเรา แล้วเลือกดูดซับสีอื่นไว้ที่ตัว อันนี้มันแค่ความไม่เข้าใจธรรมชาติ แล้วใช้เราเป็นตัวตั้งในการเรียกชื่อสิ่งต่างๆตามที่เห็น ทั้งที่ไม่ได้เป็น แล้วตรรกกะมันจะจริงเหรอครับ หรือผมเข้าใจผิด
16.28 ยังดูไม่จบแต่อยากแสดงความคิดเห็น การย้อนเวลาทำไม่ได้ แต่ สามารถถอยมันกลับได้โดยที่ทุกๆๆอย่างถอยกลับเช่น คล้ายหนังเรื่อง prince of persia แต่ แตกต่างกันที่คนที่ถอยหรือสิ่งที่ถอยมัน จะไม่มีวันรู้ ว่าเวลามันเคยถอยกลับไปเวลาใดเวลาหนึ่ง
ถ้ามันย้อนได้จริง ทุกอย่างระดับเอกภพก็ต้องถูกย้อนกลับซึ่งมันเป็นไปได้หรอ เราจะย้อนไปจนสามารถก่อนเกิดบิกแบงได้หรอ
ผมคิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้จริง เราคงไม่ได้ไปเป็นตัวตนแบบนี้ อาจจะย้อนกลับไปได้ในลักษณะที่เป็น กลุ่มของพลังงานอะไรบางอย่าง ที่ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไร ในเชิง physical เช่น ย้อนกลับไปยิงคุณปู่ตาย อะไรแบบนี้ครับ ขอบคุณสำหรับคลิปดีๆครับชอบมากเลย จะติดตามต่อไปครับขอบคุณมากครับ
คนเรา เป็น ปัจจุบันเสมอ
ไม่มี ปัจจุบัน ในอดีต และ อนาคต ครับ
ถ้าพูดถึง การย้อนเวลา ผมคิดว่า ทฤษฎีพหุจักรวาล นี้และเป็นคำตอบ ของการย้อนเวลา
ก็คือ ย้อนปุ้บที่ที่เราไป ก็เป็นอีกไทม์ไลน์เลย มันจะตอบได้อีกด้วยว่าทำไมเราถึงไม่รับรู้ถ้าการย้อนเวลามีจริง เราอาจจะเป็นหนึ่งในพหุจักรวาล
มันเป็นเหมือนกับการไปอดีตของอีกจักรวาลคู่ขนาน
@@everlasting4533 ปัจจุบันของจักรวาลคู่ขนานมากกว่ารึปล่าวครับ
มันเหมือนการข้ามมิติมากกว่าครับ
ฟิสิกเริ่มต้น,เป็นพื้นฐานเริ่มต้นแล้วแปลเปลี่ยนไปตามสสารที่แปลเปลี่ยนเช่นเปอร์เซ็นของโลหะที่โดนแยกสสาร
ผมว่าเวลามันนิยามมาจากการเปลี่ยนแปลงอะ ความหมายของผมก็คือมันไม่ได้มีอะไรบันทึกเหตุการณ์ เราจะย้อนกลับไปได้ เหตุการณ์นั้นก็ต้องถูกบันทึกไว้ซึ่งมันไม่มีนะในความคิดผม
ผมไม่คิดว่าเวลามันมีจริงหรือมีตัวตนด้วยซ้ำผมคิดว่ามันเป็นกฎหรือคำนิยามของแต่ช่วงในปัจจุบันมันแก้ไขหรือย้อนไม่ได้เพราะมันคือปัจจุบันแต่สิ่งที่ปัจจุบันทำผ่านมาคืออดีตและอดีตคือสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วเป็นปกติ ย้อนเวลามันคือสิ่งที่ไม่มีจริง
ย้อนไม่ได้ เหตุเการณ์เกิดแล้ว ไม่มีเมมโมรี่มาบันทึก เปิดแล้วเกิดเลยครับ ไม่สามารถย้อนได้
อ.ครับยาวเท่าไรยาวไปเลยครับผมตั้งใจฟังมากๆทุกถ้อยคำครับ
เราสามารถย้อนเวลา ไปก่อนที่เวลาจะถือกำเนิดขึ้นในจักรวาลได้ไหมครับ
คิดว่าไม่ได้นะเพราะอาจจะยังไม่มีเรา ณ ขณะนั้นก็เป็นได้
อาจารย์ทำคลิปอธิบายหลักการย้อนเวลาในหนังเรื่อง เทนเนท หน่อยครับ
ไม่ได้หรอกครับ โลกเกิดจากอะไร มนุษย์ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลก แค่นั้น ถ้าเดินทางไวกว่าแสง ก็มองอะไรไม่เห็นเพราะแสงตามมาไม่ทัน บางที่ยังต้องเดินทางเป็นปีแสง ไวกว่าแสงก็แค่ลดเวลา เวลามนุษย์ก็เป็นคนกำหนด ว่าดูจากการโคจรของโลกกับดวงอาทิตย์ ความเร็วก็เกิดจากการเอาระยะทางไปคำนวณกับเวลา แล้วกำหนดหน่วยเอาเอง กำหนดหน่วยขึ้นมาเองทั้งหมด อายุคนก็กำหนดโดยมนุษย์ซึ่งความแก่ของคนก็ไม่เท่ากันตามสภาพ ไทม์ไลน์นั่นนี่ก็มีแค่ในหนัง
8:30 ผมขำไม่หยุดเลย เหยียบแปร๊ด กับตายก่อนเกิด😂😂
เป็นกำลังใจให้ครับ
อยากให้อาจารย์เล่าเรื่อง back to the future ครับ
11:49 ผมคิดว่ามิติที่เราอยู่นี้เป็นมิติต้นฉบับครับ เช่นนั้นมิติเราจะไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาได้แต่ถ้าเกิดเดินทางข้ามเวลาได้ก็จะไม่ใช่มิติต้นฉบับครับ เช่นหนังสือเล่มที่พี่ป๋องแป๋งถือ ตามหลักหนังสือต้องมีผู้แต่งผู้เขียนผู้พิมพ์ ถ้าเกิดเราข้ามเวลาไปเอาหนังสือเล่มนั้นดื้อๆแล้วแอ๊บเป็นของตัวเองก็จะไม่ตรงตามหลักของการเกิดหนังสือ อาจจะงงๆนะครับ
ย้อนเวลาเป็นไปไม่ได้เลย ไม่งั้นมั่วกันไปหมด คนนั้นย้อน คนนี้ย้อนไทม์ไลน์ตีกันมั่วไปหมด เพราะทุกการย้อนย่อมสัมพันธ์กันทั้งหมด...โลกเละเทะไปหมด
เวลามันมีจริงๆมั้ย คือต้องมีคำอธิบายมากกว่านี้ครับ อะไรกันแน่คือเวลาที่เราพูดถึงกัน
ย้อนเวลาได้ไหมไม่รู้แต่ผมเคยเดินทางข้ามเวลามันเป็นเรื่องสมัยเรียนมันเกิดวันนึงหลังจากที่ผมสังสรรค์กับเพื่อนจนเมาตอนแรกก็ไม่มีอะไรแต่เรื่องมันเกิดขึ้นตอนที่ผมตื่นในเช้าของอีกวันเช้านั้นนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอนประมาณ6โมงเช้าหลังจากได้สติผมก็ตัดสินใจจะพักสายตาซัก10วิ เรื่องแปลกเกิดขึ้นตอนนี้แหละครับหลังจากพักสายตาเสร็จผมก็ลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกาเป็นเวลา 10 โมงเช้า ไม่น่าเชื่อแต่กระพริบตาครั้งเดียวก็ข้ามเวลามาตั้ง4ชั่วโมง!!!!!
ตอนนี้มีนักท่องเวลาในทวิตเตอร์ของญี่ปุ้นมาทายเหตการณ์ล่วงหน้าถูกต้องหลายอย่างแล้วนะครับ ลองไปหาข้อมูลดูครับ
มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเวลามันไม่มีอยู่จริง..ตะ
ข้อแรกเรื่องหนังสือมันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆนะเพราะระหว่างสัปดาห์คุณอาจจะคิดออกก็ได้เช่นสมมุติว่าวันนี้วันพุธแต่ยังคิดหัวข้อไม่ออกเลยนั่งไทม์แมทชีนไปอนาคตเพื่อคัดออกงานวันเสาร์เอากลับมาส่ง ระหว่างวันพุธ พฤหัส ตัวเราเองอาจไปเจอแรงบันดาลใจหรือข้อมูลสำหรับเขียนก็ได้
ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆสักหน่อย
ไปในอนาคตได้ครับ แต่ย้อนอดีตไม่ได้
หากยังมีชีวิตจะเดินทางย้อนเวลาเป็นไปไม่ได้ล้านเปอร์เซนต์ เมื่อฟิสิกส์ระบุว่า สสารไม่มีทางเดินทางเร็วเท่าแสงครับ แสงเป็นพลังงาน เมื่อทุกคนเสียชีวิตจะเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงานโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ในศาสนาพุทธ ถึงกล่าวนรกและสวรรค์ ยังไม่มีทฤษฎีอธิบาย แต่มันสอดคล้องฟิสิกส์ในเรื่องสสารและพลังงานตอนนั้นแหละจะย้อนอดีต-อนาคตได้ทั้งนั้น เพราะเป็นพลังงานเหมือนกัน
เดินทางย้อนเวลาไปฆ่าไอน์สไตน์ตอนอายุ2ขวบสำเร็จแล้วทฤษฎีสัมพัทธภาพจะมีไหม? 555
ผมว่าเป็นไปไม่ได้ เเต่เราสามารถทําให้เวลาของเราช้าลงหรือเร็วขึ้นได้
ผมคิดว่า เราจะพบ ปฎิสสาร พร้อมๆกับการย้อนเวลา
รูหนอง คือ ปฎิสสาร รึเปล่าครับ
ถ้าเราย้อนเวลาไปอดีตแล้วตาย แล้วแล้วอนาคต(ที่ยังไม่ตาย)จะย้อนเวลากลับไปตายเป็นลูปหรือเปล่าครับ
Time Paradox สามารถแก้ไขได้ครับ ไม่ยากมากลองคิดดูดีๆ ซับซ้อนหน่อย แต่ทำได้ จริงที่ตามที่เจ้าของช่องบอกว่า ถ้าตรรกะผิด มันไม่ต้องมาอ้างกฎตามฟิสิกส์ มันผิดตั้งแต่หลักความจริง ซึ่งจริงๆ
ถ้าเราบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เอาไว้ 1 ปีอยากย้อนไปดูในอดีต 1 ปีที่บันทึกอันนี้อาจเป็นไปได้
ย้อนเวลา ไม่ใช่แค่ดูผ่านสื่อกลางอะไรบางอย่าง
ผมว่า มะนุด ยังติดอยู่กับ มวล มันกะไม่สามารถตอบอะไรได้ (ณ เทคโนโลยี ปัจจุบัน)
อย่าง big bang ทำไม ให้กำเนิด อะไรมหาศาล ออกมาได้ จะจุดเล็กๆ จุดเดียว
อะไรอยู่ก่อน bigbang มันเกินจินตนกาล ของมะนุด และ มวล ไปไกลมากเลย
ถามอาจารย์ กฏมวลจะไม่หายไปไหนนอกจากจะเปลี่ยรูปไป ถ้าย้อนเวลาในอนาคตมวลหายไป ในอดีตมวลเพิ่มขึ้น มันจะขัดกับกฏเรื่องมวลไม่หายไปไหนไหม
มวลเป็นแค่ขั้นตอนของการปรากฏตัวของรูปสถานะโดยอาศัยเวลาเป็นพื้นปรากฏการณ์ของมันเท่านั้น แต่ก่อนหน้าที่จะมาอยู่ในขั้นตอนของรูปสถานะ มันอยู่ในรูปสภาวะของอะไร ? ตรงนี้แหละครับที่จะเป็นคำตอบว่า สภาวะดังกล่าวนั่นเองที่รองรับการเพิ่มขึ้นของมันในอดีตและสภาวะดังกล่าวนั่นเองที่จะมาเป็นสิ่งรองรับการหายไปของมันในอนาคตเช่นกัน แล้วสภาวะนั้นคืออะไร ? ตรงนี้คุณต้องไปค้นเพื่อเอามาใช้ขยายความเข้าใจในส่วนที่คุณอยากรู้นี้ และถ้าสภาวะดังกล่าวมีจริงมวลมันก็ไม่ได้หายไปไหนนั่นแหละครับและถึงแม้มันจะเพิ่มขึ้นแล้วก็หายไปด้วยวันและเวลา มันก็แค่เปลี่ยนรูปกลับไปอยู่ในสภาวะเดิมก่อนการปรากฏความเป็นมวลของมันเท่านั้น
ถาม อาจารย์ อาจารย์ไม่มาตอบ ผม อาจม มาตอบแทนก็แล้วกันนะ ก็เหมือนๆกันนั่นแหละครับพอที่จะใช้แทนกันได้นะถ้าไม่คิดมาก
การเดินทางย้อนไปย้อนมาในเวลาได้ คุณจะต้องอยู่เหนืออิทธิพลของเวลาความเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่ใช่ทั้งสสารและพลังงาน เพราะสสารและพลังงานยังอยู่ภายใต้อิทธิพลความเปลี่ยนแปลงของเวลา สภาวะที่คุณเป็นต้องอยู่เหนือเวลาเท่านั้น ดังนั้นมันก็จะต้องไปที่ค่าเริ่มต้นก่อนการเกิดสสารและพลังงานขึ้นมาในเอกภพ แล้วค่าเริ่มต้นนั้นมันคืออะไร ? ตรงนี้คุณต้องหาคำตอบเอาเองนะครับ เพราะผมเคลียร์ให้เหลือจุดค้นหาที่แคบลงมาได้เท่านั้น
ส่วนตัว เชื่อว่าย้อนไม่ได้ครับ แต่อาจจะข้ามได้
หรือถ้าย้อนได้ ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องมีไทม์ไลน์แตกแยกไปอีก หรือ เราได้สร้างไทมไลน์ใหม่ด้วยการย้อนเวลา ผมมองว่าจุดนั่น อาจต้องใช้เวลาในการ ที่จะทำได้ คงอีกนานแสนนาน
ถ้าอยากเห็นไดโนเสาร์บนโลกก็ลองหากล้องเทคโนโลยี่ขั้นสูงที่สุดส่องมาที่โลกด้วยระยะความไกล65ล้านปีแสงไม่แน่เราอาจจะได้เห็นอดีตในโลก จริงมะ ขนาดแสงจากดวงอาทิตย์ยังเดินทางมาโลก7-8นาทีถ้าดวงอาทิตย์แตกระเบิดเราจะยังไม่รู้สึกจนกว่าจะครบ7-8นาทีโลกถึงได้รับผลกระทบ แค่แนวคิดขำๆน่ะลองเอาไปคิดดู จริงมะ
ทำไม่ได้ ครับ
absolutely impossible 😊
ไม่ต้องไปฆ่าตัวเอง
ถ้ายอมไม่ได้แค่ทำยังไงให้ก็ได้มาให้พ่อกับแม่เจอกันนั่นหมายความว่าเราก็คงจะไม่ได้เกิดหรือเปล่าแล้วตัวเราปัจจุบันนี้ล่ะแต่มีตัวตนหรือไม่
bite the dust กันเลยทีเดียว
การเดินทางข้ามเวลาคือ การที่เราจินตนาการนั่นเอง
การเดินทางข้ามเวลา คือชีวิตจริง และภาพรวมของมันก็ให้รูปปรากฏการณ์ที่เป็นธรรมชาติในแบบที่เราเห็นอยู่นี้และเป็นสิ่งที่กำลังขับเคลื่อนเราให้ดำเนินไปอยู่ภายใต้พื้นปรากฏการณ์จากอิทธิพลของมันอยู่แล้ว แต่เราฉลาดจนวาดฝันหลอกตัวเองให้ไปคิดเพิ่มในสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติไงหละ
ศัพท์ย้อนเวลา น่าจะหมายถึงอดีต
อดีตไม่มี อนาคตไม่มี มีแต่ปัจจุบัน อดีตและอนาคตเป็นอนัตตา มันไม่ใช่เทปวิดิโอ คือทุกสิ่งเกิดแล้วหายไป
การย้อนเวลาสามารถเป็นไปได้ ถ้า
1.เรามีข้อมูลของความเป็นไปทั้งหมดของทุกสรรพสิ่ง ณ เวลานั้นๆ
2.เรามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทุกสรรพสิ่งให้เป็นไปตามที่ต้องการได้
3.แก้ไขทุกสรรพสิ่งให้เป็นไปตามข้อมูลที่ถูกต้อง ณ เวลานั้นๆ โดยยกเว้นการเปลี่ยนแปลงของตัวเราไว้
4.สร้างตัวเรา ณ เวลานั้นขึ้นมาทดแทนตัวเราที่ขาดหายไป
แต่วิธีนี้ทุกความเป็นไปที่เกิดหลังจากเวลานี้จะไม่เหมือนเดิม หรือคือไม่สามารถทำนายอนาคตได้นั่นเอง ตามหลักความไม่แน่นอน
*ไม่สิถ้ายกเว้นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง และสร้างตัวเรา ณ เวลานั้นขึ้นมาใหม่ จะมีหลายอย่างขาดหายไปเพราะตัวเราเมื่อเวลาผ่านไปจะแตกต่างกับเราเวลานั้นตรงได้ใช้ทรัพยากรเพื่อการเติมโตและการคงอยู่ไปแล้ว ถ้าแก้ไขเป็น 3.ให้ไม่ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงของตัวเรา และ 4.สร้างตัวเรา ณ เวลาสุดท้ายขึ้นมาใหม่จะสมเหตุสมผลกว่า
*อ่า เพ้อไปใหญ่แล้ว แบบนี้ก็ไม่ได้ ถ้าเราเปลี่ยนไปเป็นเราเวลานั้น ก็ไม่มีใครอยู่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆสิ แนะนำให้สร้างตัวเราเองอีกคนขึ้นมาก่อนดีกว่า แล้ว ขอให้เราอีกคน เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ รวมถึงตัวเราด้วยให้ย้อนเวลากลับไป แต่แบบนี้ก็ไม่ใช่เราย้อนเวลาแต่เป็นเราอีกคนย้อนเวลาน่ะสิ
ถ้าไม่มีเวลา เราก็ไม่มีตัวตน
ชอบความ สามสองหนึ่งเริ่ม5555
ขอบคุณครับ
เราย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราถอดจิตถอดวิญญาณไปในอดีตได้ เคยมีความคิด 2 ความคิดมามาเถียงกันในหัวไหม
คณุคิดยังไงบอกผมมาที่
ลูกศรเวลาจะเดินไปข้างหน้าเสมอจึงไม่สามารถย้อนเวลาได้แต่คุณอาจไปอีกมิตินึงได้เช่นนรก สวรรค์หรือพรหมโลก
สิ่งที่คนคิด แค่100ปีคนตลกเอาเหล็กบินฟ้า เราแค่ยังไม่ถึง อารยะธรรมที่1 ผมว่าอย่างที่คนคิดได้ทได้หมด แค่เรายังไม่ถึงอารยะธรรมที่1-2-3 เป็นอีกหมื่นปี ผมว่าทำได้หมด
กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คับ
อยากให้พูดถึงเวลาในเรื่อง dark หน่อยครับ
เป็นไปไม่ได้เลย
นึกถึง Predestination
เราอยู่ในเอกภพนี้เราก็ว่าเราอยู่ในเอกภพของเราแต่ปลาอยู่ในบ่อหรือหนอนอยู่ในส้วมก็คิดว่าเป็นเอกภพของเขาอาจจะมีเอกภพที่ฉลาดกว่าเรา
เวลากับแสงมีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ?
ผมว่าย้อนเวลาไปได้ เเต่เราไม่สามารถหยุดเวลาได้ครับ
ทีแรกก็ไม่งงแต่พอฟังแล้วงงครับ
ย้อนเวลามีจริง.ยืดเวลามีจริง.เวลาไม่มีจ่ดเริ่มต้น.เวลาไม่มีจุดสิ้นสุด.เอกภพมีจุดเริ่มต้นมีจุดสิ้นสุด.ความว่างไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีที่สิ้นสุด.thangGood.