ชอบตั้งแต่ quote เปิดหนังเลยครับ "Prometheus stole fire from the gods and gave it to man. For this he was chained to a rock and tortured for eternity." ซึ่งน่าจะเปรียบได้กับที่ คุณโรเบิร์ต มอบพลังงานระเบิดนี้ให้มนุษยชาติ และตัวเค้าเองก็ต้องเจ็บปวดกับการกระทำนี้เช่นกัน
เคยอ่านหนังสือนานมากนานมาแล้ว จนตอนนี้จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ตอนนั้นสนใจเกี่ยวกับประวัติต่างๆ เล่มนึงคือ American Prometheus: The triumph and tragedy of J. Robert Oppenheimer กับ The Making of the Atomic Bomb 👍
I am become death the destroyer of the worlds เป็นคำพูดของอรชุนในภควัตคีตาค่ะ ยิ่งรู้ประวัติออพเพนไฮเมอร์ยิ่งไม่แปลกใจว่าทำไมถึงยิ่งใหญ่ ทำไมโนแลนถึงเลือกมาทำเป็นหนัง
คนที่สลัดหลุดภาพจำได้ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ robert downey jr ผมยอมรับเลยว่าผมดูไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าคนนั้นคือพระเอก iron man ผมก็มองหาไปเหอะว่าแกจะมาปรากฏตัวตอนไหน เพราะรู้ว่าเล่นเรื่องนี้ จนดูไปเกือบครึ่งเรื่อง ผมนี้อึ่งเลย (แต่คนอื่นอาจจะดูออกตั้งแต่แรก) ส่วนพระเอกก็ถือว่าสลัดภาพจำได้พอสมควร
ผมจำได้ว่ามีหนังเกี่ยวกับการถอดรหัส Enigma ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดควบคู่ไปพร้อมๆกันกับเรื่องนี้ ผมเข้าใจดีว่าเราไม่สามารถเปรียบเทียบความสามารถของคนได้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ครับว่า Alan Turing ผู้ถอดรหัสลับทำให้เยอรมันพ่ายแพ้ กับ J. Robert Oppenheimer ผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์หยุดสงคราม ผลงานของใครถือว่าเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติมากกว่าครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับผม
ปฏิกิริยาลูกโซ่จากระเบิดครั้งนั้น
ยังส่งผลมาจนถึง ณ ปัจจุบัน
อาจไม่ใช่ผ่านทางอะตอมในอากาศ
แต่เป็นในจิตใจของ มนุษย์
.
ทุกคนควรได้ดู
ชอบมาก 10/10 คิดว่าคงมีรอบที่สองครับ
เริ่มหนังเป็นวิทยาศาสตร์ จบด้วยคำพูดแบบ ปรัชญา โครตสุดเลยครับ ผมขนลุกมากตอนชม
จริงผมว่าจะซ้ำรอบสามเลย
จริง ตอนแรกผมคิดว่าระเบิดตูมก็จบได้แล้วนะ ต้องมานั่งดูคนพูดไรเยอะแยะอีกครึ่ง ชม. แต่พอดูแล้ว มันคุ้มค่าจริง ยิ่งตอนจบคือทิ้งไว้ยิ่งใหญ่มาก
คิดว่าน่าจะมีรอบ3
หมายความงี้นี่เอง ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ขอบคุณคับ (ตอนที่พูดกับไอน์สไตน์)
หลังจากดูแล้วผมคิดว่ารู้สึกละอายมากที่ตัวเองมักชอบบ่นว่าที่เรียนอยู่มันยาก ทั้งที่จริงๆแล้วผมแค่เรียนสิ่งที่คนอื่นค้นพบ ซึ้งมันเทียบไม่ได้เลยว่ามันยากเย็นขนาดใหนกว่าจะมาเป็นสิ่งที่ผมเรียน ฉากผมชอบตอนจบมันผู้กำกับทำให้ผมเหมือนนั่งอยู่ในหัวคุณ oppenheimer และเห็นถึงสิ่งที่เขาคิด เข้าใจ จบแล้วขนลุกคะแนนเพดานเท่าไหร่ก็เต็ม
ผมเห็นต่างนะ ผมชอบช่วงหลังที่เป็นช่วงไต่สวนและมีแต่บทพูดรัวๆมาก 'เพราะสำหรับผม' ผมว่านั่นคือแก่นของหนังเรื่องนี้เลย เพราะ 'คนส่วนใหญ่' รู้อยู่แล้วว่าคุณออพเพนไฮเมอร์ คือบิดาของระเบิดปรมาณู และผมเชื่อมากว่ามีคนน้อยมากที่รู้ว่าเขาต้องเผชิญอะไรมาบ้างทั้งก่อนและหลังสร้างระเบิดเสร็จ เพราะคนจะจำแค่ว่าเขาคือ 'บิดาของระเบิดปรมาณู'
ถือเป็นหนังโนแลนที่ปกติที่สุดในรอบหลายปีเลยครับ รู้สึกดีเหมือนกันที่ในที่สุดเขาก็กลับมาทำหนังปกติสักทีหลังจากหลุดไปทำหนังกึ่งทดลองอย่าง Dunkirk กับ Tenet มานาน
ส่วนตัวดูแล้วสนุกมาก รู้สึกค่อนข้างดูง่ายกว่า 2 เรื่องก่อนเยอะ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเกินไป ติดแค่ต้องมีพื้นฐานประวัติศาสตร์+วิทยาศาสตร์มาบ้าง ไม่งั้นอาจจะตามไม่ทันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ในเรื่อง
แถมดีที่โนแลนเขายังใจดี แบ่งการเล่าเรื่องเป็น 2 ส่วน คือ ช่วงขาวดำ กับ ช่วงสี คนดูจะได้แยกแยะออกระหว่างมุมมองของตัวร้าย(ขาวดำ) กับมุมมองของออฟปี้(สี)
ป.ล.ดาราเยอะมากกกกอย่างกับหนังรวมดารา หลายคนโผล่มาซีนเดียวแต่แย่งซีนมาก บารมีเด็จพ่อโนแลนช่างทรงอานุภาพ
ความจริงหนังโนแลนเล่นเรื่องเวลาและมักสลับเส้นเรื่องราวจนซับซ้อนมาตลอดอยู่แล้วครับ ตั้งแต่เรื่องแรกๆ หนังสั้นอย่าง Doodlebug ก็เล่นเรื่อง Loop ไปจนถึง Memento แม้แต่หนังดังๆ ที่หลายคนชอบอย่าง inception หรือ interstellar นี่จริงๆ แก่นหลักมันก็ยังเล่นเรื่อง loop กับการซ้อนทับของ space และ time เหมือนกัน ดังนั้นผมจึงมองว่า หนังที่ทำตัวเองเสมือนเป็นจิกซอว์ให้คนดูไปประติดต่อกันเอง "หนังโนแลนที่ปกติ" จริงๆ คือหนังเหล่านี้นี่แหละครับ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าหนังที่ไม่เล่าเรื่องสลับไปมาจะไม่ใช่หนังไม่ดีนะครับ ผมเห็นด้วยว่าโนแลนฝีมือแกเก่งอยู่แล้ว
@@maxing5445 ความปกติที่ผมว่านี่ ไม่ได้หมายถึงเรื่องการเล่าเรื่องเกี่ยวกับเวลา หรือความซับซ้อนในการเล่าเรื่องนะครับ แต่ความปกติที่ผมพูดถึง มันคือ การทำตามตำราการสร้างภาพยนตร์ มากกว่าครับ
ที่ผมไม่นับ Inception กับ TDKR รวมด้วยในรอบ 10 ปีหลัง เพราะสำหรับผม สองเรื่องนี้มันยังถือเป็นหนังปกติอยู่ เรา(คนดู)รู้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำทำไม และทำอย่างไร (5W1H) มันเปิดเรื่องยังไง ไคลแมกซ์ตรงไหน แล้วสุดท้ายคลี่คลายลงอย่างไร
แต่กับ Dunkirk หรือ Tenet นี่คือมันค่อนข้างจะหนีจากตำราพอสมควร การเล่าเรื่องไม่ชัดเจน เหมือนโนแลนเขาพยายาม"ทดลอง"ฉีกจากกรอบเดิมๆ ทำหนังที่ต่างออกไปจากหนังปกติทั่วไป
เรื่องนึงเล่าไม่ชัดเจน ตัวเอกเป็นใคร มายังไง คิดอะไร จะฝ่าอุปสรรคยังไง ไม่บอกสักอย่าง ส่วนอีกเรื่องทดลองทฤษฏีย้อนเวลาแบบที่ไม่มีหนังเรื่องไหนเคยทำ ทดลองเทคนิคภาพแบบใหม่ๆ คนย้อนกลับ ของย้อนกลับ จนได้การเล่าเรื่องแบบใหม่ที่โคตรจะงงไปด้วยพร้อมกัน(ฮา)
เพราะงั้นผมถึงบอกว่า Oppenheimer นี่คือ กลับมาเป็นหนังปกติอีกครั้ง เข้าสูตรตามตำราปกติ ไม่ต้องแหกกฎ ไม่ต้องไปมึนงงกับความติสท์แตกของเด็จพ่อมากนักนั่นเอง 55555
@@RedheadGang เข้าใจครับ แต่ผมพยายามชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่โนแลนทำไม่ใช่อะไรพิสดารหรือแหกกฎทดลองอะไรเลย แกก็ยังเล่าตามหลักหนัง Narrative ปกติเลยครับ หนังทดลองฉีกกฎหนีตำราต้องจำพวก Art house หรือไป Experimental Film เลย แต่หนังโนแลนมันยังอยู่ในหลักที่คนยังดูรู้เรื่อง(ถ้าตามประติดประต่อทัน) ทุกการกระทำของตัวละครมีเหตุผลและนำไปสู่อะไรบางอย่าง มีคำอธิบายให้กับเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง หลัก5W1H ก็มีในหนังโนแลนทุกเรื่อง รวมถึง Dunkirk กับ Tenet ด้วย ทั้งสองเรื่องมีฉากเปิด ค่อยๆเผยเฉลยปม ก่อนถึง climax แล้วค่อยคลี่คลาย ตามสูตรตำราที่คุณ Red ว่ามาเลยครับ แต่ที่ต่างคือหนังพวกนี้เล่าเรื่องแบบ Non-Chronological order หรือก็คือเล่าแบบไม่เรียงตามลำดับเวลา ดำเนินเรื่องไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งตำราการเล่าภาพยนตร์มันมีหลายทฤษฎี วิธีแบบที่คุณ Red ว่ามาน่าจะเป็นแบบ Classic แต่นอกจากแบบ Classic ก็ยังมีเจ้า Non-chronological order ด้วย เจ้านี่เท่าที่ผมจำได้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่อยู่ในตำราครับ *(ซึ่งไม่ใช่องค์ประกอบของหนังทดลอง พื้นฐานของหนังทดลองต้องท้าทายตำรา) มันแค่อาจไม่ใช่วิธีการเล่าที่คนดูส่วนใหญ่คุ้นเคยนัก อย่างที่ผมบอกครับ โนแลนเล่าแบบนี้มาตั้งแต่สมัยหนังยุคแรกๆแล้วครับ ผมเลยคิดว่าจากที่พิมพ์ตอบกันมา นิยามหนังปกติของเราอาจไม่เหมือนกันเพราะเรามองจากมุมมองกันคนละมุม
ผมยังไม่ได้ดู Oppenheimer กำลังจะไปดูพรุ่งนี้เลยบอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง แต่จากที่อ่านของคุณ Red รวมถึงคนอื่นคิดว่าน่าจะประทับใจหนังมากๆครับ
@@maxing5445 ผมเข้าใจเรื่องการลำดับเรื่องราวครับ เพราะผมทำงานด้านนี้โดยตรง ผมถึงบอกว่ามันเป็นหนัง"กึ่ง"ทดลองตั้งแต่ตอนแรกไงครับ เพราะมันไม่ใช่หนังทดลองจริงๆ
โนแลนเขาแค่ทดลองทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับหนังฟอร์มยักษ์มาก่อน ลองเล่าวิธีแปลกไปจากปกติโดยที่ยังคงความเป็นหนังฟอร์มยักษ์เอาไว้ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว เขาไม่ได้ต้องการทำหนังทดลองจริงๆครับ
เพราะถ้าทำหนังทดลองแท้ๆ ไม่ยึดตำราอะไรเลยคงเกินไป ยังไงคงต้องมีหลักยึดจับบ้าง แค่ไม่ได้ทำตามทั้งหมด แกคงแค่เบื่อหนังแบบเดิมๆมากกว่า เลยอยากหาอะไรใหม่ๆทำ 555
ส่วนหนังโนแลนที่ผมว่าตราตรึงใจที่สุดยังคงเป็น Memento อยู่จนถึงปัจจุบัน
ไม่ใช่เพราะมันอลังการหรือยังไง แต่มันเป็นกรณีศึกษาที่ดีมาก ยิ่งใครทำงานหรือศึกษาการเล่าเรื่อง การตัดต่อ ถือเป็นหนังที่ควรค่าแก่การหยิบมาผ่านตาให้ได้สักครั้งในชีวิต
ปล.ยังไงขอให้ดูให้สนุกครับ แนะนำอย่างเดียวแบบที่บอกไป ถ้ามีพื้นฐานประวัติศาสตร์+วิทยาศาสตร์ติดไปด้วย จะดูสนุกขึ้นมากครับ : )
แต่เราชอบ Dunkirk เล่าเรื่องมากนะ
หลังจากออกจากโรงแอบได้ยินคนบางคนบ่นผิดหวังว่าฉากแอคชั่นน้อย แต่โดยส่วนตัวคือเห็นด้วยกับอาจารย์เลย คือชอบมากก เรามองว่าคุณโนแลนด์น่าจะต้องการโฟกัสทางด้านชีวประวัติของคุณออพเพนไฮเมอร์มากกว่า ซึ่งชื่อหนังก็บอกอยู่แล้ว ฉากที่ประทับใจคือฉากที่ทดลองระเบิดครั้งสุดท้ายที่ระเบิด ลูกไฟปะทุหนักมากแต่ไม่มีเสียงเอฟเฟ็ก แล้วอยู่ๆพอเราตายใจ กลับมีเสียงระเบิดตามหลังมา อกอิแป้นจะแตก😂 โดยรวมถือว่าประทับใจ ทำให้รู้ว่ามีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายๆคน อยู่ในยุคเดียวกัน ไม่เสียดายเวลา 3 ชม. ที่ไปดู 😇
เข้าไปดูแบบ งงๆ ไม่ได้อ่านรีวิว ไม่ได้ยินชื่อเรื่องหนัง เพราะมัวแต่ทำงาน บางฉากทีบทพูดเยอะก้อเบื่อนะ นักแสดงทีมงาน สุดยอดทุกตัว ดนตรีประกอบสุดยอด อลังค์ พอเข้าฉากสร้างระเบิด รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหน ขนลุกมากกก แบบ omg!! อัจฉริยะฆ่าคน
ในฉากชาวอเมริกันชื่นชม Dr. Opperheimer นั้นเราน้ำตาไหล สงสารชาวญี่ปุ่นที่โดนระเบิด คำถามคือ เมกาต้องใช้วิธีรุนแรงขนาดนี้เชียวหรือ ฆ่าผู้บริสุทธิเยอะมาก ถึงสามารถหยุดสงครามได้ 😢
อยู่ห่างมาก...กว่าเสียงจะมาถึง อึดใจใหญ่
อาจารย์ป๋องแป๋งเป็นกันเองมาก ชิวมาก ขอบคุณที่ทำให้คนอย่างเราๆสนใจ และเห็นว่าฟิสิกส์หรือวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ยาขม แต่เป็นเบียร์ดีๆที่มีรสชาติล้ำลึก ขอบคุณครับ
ส่วนตัวผมชอบมากๆเลยนะ คือ ถ้าใครเป็นเนิร์ดวิทย์เนี่ย เวลาเราได้เห็นนักวัทย์ที่เรารู้จัก มันจะรู้สึก”หึ้ย นั่นไงเขา” แล้วจังหวะเฉือนคมของแต่ละคนคือดีมากๆ แต่ตามคาดเลย ตอนผมออกมาจากโรงหนังหลายคนบ่นกันว่างง ต้องให้เพื่อนที่เนิร์ดๆหน่อยอธิบายให้อีกที ส่วนผมคือ ใจฟูมากๆ ผมยกให้เป็นหนังดีที่สุดของปีเลย
ส่วนประโยคที่ผมชอบที่สุดเลย คือ ประโยคที่ออพ คุยกับไอนสไตล์ ว่า เราได้ทำ(ลายล้างโลก)ไปแล้ว แล้วก็แสดงภาพหัวรบนิวเคลียร์ กับภาพจรวดที่บินผ่านออพตอนอยู่บนเครื่องบิน ในจุดนั้นคือ มันดึงให้ผมนึกถึงว่า มันน่ากลัวแค่ไหน ที่บนโลกนี้มีอาวุธที่ร้ายแรงมากพอจะทำลายเมืองทั้งเมืองได้อยู่นับหมื่นลูก มันมากพอจะทำให้โลกกลายเป็นดาวอังคารได้ คือเราเข้าใจความรู้สึกของออพได้เลยว่า มันน่ากลัวแค่ไหน ฉากนั้นคือ อิมแพคความรู้สึกผมยิ่งกว่าภาพการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์อีก
ไปดูวันแรก ตอน8โมงค่ะ เห็นด้วยกับอจตรงเข้าใจง่ายกว่าเทนเน็ตเยอะเลย แล้วก็ต้องปรบมือให้กับการแสดงของทุกคนมาก โดยเฉพาะ rdj ต้องยกรางวัลให้คนนี้เลย ได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ที่เราเคยเรียนตั้งแต่ตอนเด็กๆ แบบว้าวมากกกก ตื่นตาตื่นใจสุดๆ แล้วก็ฉากโคลสอัพของนักแสดงนำ มันค่อนข้างแบบ อห เดาความคิดเค้าไม่ออกจริงๆ สุดยอดมาก สุดยอดมากจริงๆ
ฉากที่คุยกับไอน์สไตน์ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้กระทำไปเเล้ว ไม่มีทางย้อนกลับ เเละไอน์สไตน์เองก็รู้ดีว่าอะไรจะตามมา ทำให้เขาเศร้าใจไม่มองหน้าหรือตอบ ลูอิส เสตราท์ จนทำให้ ลูอิส คิดมโนเอาว่า Oppenheimer เป่าหูไอน์สไตน์ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์,วิชาการ คนอื่นๆ ทำให้เรื่อง 1 ชม.หลัง นั้นคือการสอบสวนว่า J.Robert เป็นคอมมิวนิสต์รึเปล่า มันเชื่อมโยงกันหมดจนขนลุกเลยวะจริง ใหนจะภาพขาวดำที่สะท้อนมุมมอง ลูอิส ❤
นึกแล้วว่า สายวิทยาศาสตร์อย่างคุณป๋องแป๋งต้องชอบ ส่วนตัวก็ตามคุณป๋องแป๋งเข้าใจด้านฟิสิกส์อยู่บ้าง ดูไปสนุกไปเหมือนกัน เวลานักวิทยาศาสตร์คนนี้โผล่มา เอ่ยชื่อปุ๊บแล้วเราร้องอ๋อ นี่มันฟินจริงๆ 555 แต่อย่างว่า เหมือนโนแลนด์ไม่ได้ตั้งใจจะเล่าโดยมีการทำระเบิดนิวเคลียร์เป็นสำคัญ จุดสำคัญคือ ชีวิตของออพเพนไฮเมอร์ต่างหาก โนแลนด์เลยเผยทุกแง่มุมของตัวละครนี้ ทั้งการเป็นนักฟิสิกส์ การเป็นคนธรรมดาที่มีลูกมีเมีย การต้องต่อสู้กับเรื่องราวทางการเมืองหลังจากนั้น และอื่นๆ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขุดลึกลงไปในอารมณ์ของออพเพนไฮเมอร์และต้องบอกว่าโนแลนด์ทำถึงมากจริงๆ รวมถึงการแสดงของ คีเลียน เมอร์ฟี ด้วย น่าจะได้ชิงออสการ์แน่ๆ ปีนี้ และส่วนที่ชอบที่สุด คือ การอธิบายอารมณ์ของออพเพนไฮเมอร์ในช่วงเวลาต่างๆ ที่หนังจะใช้ซาวน์กระตุ้นอารมณ์ ความกดดัน ความอึดอัดภายในใจ ซึ่งถ้าดู IMAX เสียงมันจะกระหึ่มมากจริงๆ และชอบอีกอย่างตรงที่ภาระในการสร้างโปรเจคนี้มันอาจะเกินกำลังของคนๆ หนึ่งไป โดยเฉพาะคนที่มีสภาวะทางอารมณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้แบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีหลายช่วงที่มีคนบ่นว่า ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ เอาคนนี้มาทำงานนี้ นู่นนี่ รวมถึงฉากที่ไปคุยกับประธานาธิบดี ที่ออพเพนไฮเมอร์กำลังสติแตกว่า เขาฆ่าคนเป็นแสนๆ คน มือเขาเปื้อนเลือดไปแล้ว แต่อีกฝั่งหนึ่งบอกว่า คุณจะเปื้อนเลือดได้ไง ผมต่างหากที่เป็นคนสั่งทิ้งระเบิดเอง แน่นอนว่า เราคงไม่ต้องหาคำตอบว่าใครผิด แต่มันเป็นการแสดงตัวตนความเป็นมนุษย์ของออพเพนไฮเมอร์ได้ดีมากๆ เลย ถ้าให้เต็ม 10 ขอให้ที่ 9 คะแนนละกันเรื่องนี้
ไปชมมาเหมือนกันค่ะ เมื่อวานนี้ รู้สึกว่าชอบในส่วนการลำดับเหตุการณ์ แล้วนักวิทยาศาสตร์แต่ละคนค่อนข้างเท่ และมีเสน่ห์มากค่ะ ติดแค่เรื่องเสียง
ผมว่าช่วงไต่สวนโอเคเลย ชอบตอน Kitty มาแย้งมาให้การให้มาก กลับกันผมอยากให้เสนอมุมมองเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์มากขึ้นอีก555 ยิ่งชอบวกกลับมาว่าคุณมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย แล้ว Oppenheimer บอกนี่เรากำลังทำสงครามกับใครคือตบเข่าฉาด แต่ช่วง Manhattan project ทั้งภาพ สี เสียง เอฟเฟค ระเบิดอะไร ลึกซึ้งมาก ไม่มีข้อแย้งเลย แต่แอบติดตรงที่เขาตีความตัวละครผู้หญิงแฮะ
ดูแล้วเหมือนกันค่ะ ชอบมากกว่า Tenet เช่นกัน และบทดี ทัชหลายซีนเลยค่ะ
ชอบบทภรรยาของออพเพ่นไฮเมอร์ด้วยค่ะ ซีนจบก็ชอบค่ะ ที่แฟลชแบล็คตอนคุยกับไอสไตน์ รวมก็ชอบเลยค่ะ 9/10
ผมว่าอาจารย์น่าจะเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ดูหนังได้อินและเข้าใจมากที่สุดคนหนึ่งแล้วล่ะครับ และผมผมดูไม่ค่อยรู้เรื่องครับ 55555
5555 ขำจังเลย
ดูเเล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกันค่ะ
ชั่งมัน คิดซะว่าไม่ได้สร้างมาเพื่อเรา
ไม่รู้เรื่องแต่สนุกดูแล้วผมตื่นเต้น55555555
เพิ่งดูเมื่อวานเลยค่ะ ดูแบบ imax ชัดตาแตก หนังไม่มีจังหวะให้พักหายใจเลยค่ะ ทุกอย่างแบบอัดนั้นใน3ชั่วโมง
กำลังหาวันไปซ้ำรอบ2อยู่ค่ะ เพราะกว่าเราจะปรับตัวกับหนังจูนชื่อตัวละครได้ ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว😅
ฟังคุณป๋องแป๋งอธิบายเรื่องมิติตัวละครต่างๆเข้าใจมากขึ้นเลย ต้องไปดูอีก
รอบที่ผมไปดู ก็มีผมคนเดียวในโรงที่นั่งขำเหมือนกันครับ
บทพูดคือแยบยลคมคายมาก หลายอย่างที่มีการวางปูไว้ตอนต้น ก็เอามาเล่นตอนองค์สุดท้าย
ฉากที่ชอบที่สุด คือ ตอนเปิดตัวชายผมขาวริมบึงครั้งแรก ผมสัมผัสได้เลยว่านั่นเป็นไอสไตน์ สุดมากครับ
ชอบวิธีเล่าเรื่องอัตชีวประวัติ การเลือกใช้สีที่ย้อนแย้ง การใช้ sound effects, sound ambient และการสื่อความหมายด้วยภาพและสัญญะต่าง ๆ มากมาย ของโนแลนค่ะ
#เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ว่าท้าย ๆ เรื่องจะหนืด ๆ หน่วง ๆ ทำให้เบื่อหน่ายเป็นระยะ ๆ และอาการภาพจำของนักแสดงหลายคนที่มารับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ เคนเนธ บรานาห์ รับบทเป็น Niels Bohr ยังคงติดภาพ กิล เดอร์ลอยด์ ร็อกฮาร์ด จาก Harry Potter
และเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้คงได้เข้าชิงรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำเอารางวัลค่ะ😊
ชอบฉากที่พูดเรื่องการอ่านโน้ตดนตรีเหมือนกันเลยครับ อย่างคม!! ความซาบซึ้งความสุนทรีย์ในฟิสิกส์นี่ถ้าจะสอนกันคงยากจริงๆ ต้องเป็นเซ้นติดตัวมา 5555
ชอบตั้งแต่ quote เปิดหนังเลยครับ "Prometheus stole fire from the gods and gave it to man. For this he was chained to a rock and tortured for eternity." ซึ่งน่าจะเปรียบได้กับที่ คุณโรเบิร์ต มอบพลังงานระเบิดนี้ให้มนุษยชาติ และตัวเค้าเองก็ต้องเจ็บปวดกับการกระทำนี้เช่นกัน
ส่วนตัวคิดว่า การแสดงของนักแสดงทุกท่าน แม้แต่ตัสละครที่โผล่มาแย่งซีนอย่างละนิดอย่างละหน่อย ทุกท่านทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีใครจมใคร และไม่ติดภาพเลยค่ะ
ผมชอบฉากการระเบิด ที่ว่า แสง ไวกว่าเสียง ผกก.เก็บรายละเอียดสมจริงมากครับ
แล้วลมก็ตามมาที่หลังสุดครับ โครตสุด
ตอนเด็กๆ ผมชอบดูฟ้าผ่ากับเสียงฟ้าร้องที่ดังตามหลังมาเวลาฝนตก พอไปดูเรื่องนี้รู้เลยว่าเสียงระเบิดตามมาแน่ๆ เลยปิดหูรอไว้ก่อน5555
ถ้าไม่นับเรื่องชีวประวัติแบะการเมือง ผมขอบฉากที่สอบสวนดร.เรื่องชู้ คือออกแบบถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมาก ไลเซนโนแลนด์จัดๆ
ส่วนตัวเป็นเด็กวิทย์ ดูรอบเดียวรู้เรื่องค่ะ แต่ช่วงสอบสวนกับต้นๆเรื่องนี่ว่าอืดไปหน่อย ได้เห็นนักวิทยาศาสตร์หลายท่านมีชีวิตในหนังรู้สึกว้าวมากๆๆๆ
อ่านหนังสือกำเนิดทฤษฎีควอนตัมของพี่ป๋องแป๋งจบแล้วสำผัสได้เลยว่าพี่ป๋องแป๋งเป็นคนมีจินตนาการเยอะมากๆในการทำความเข้าใจโลกและสิ่งรอบๆตัว
เป็นหนังสือที่เปิดต่อมจินตนาการของผมมากขึ้นมากๆ
ตัวอย่างเช่นพออ่านการทดลอง double delayed choice ทำให้ผมจินตนาการถึง dimension of time เลยครับ ในโลกควอนตัมอาจจะสามารถกำหนดสิ่งนี้ได้ก็เป็นได้
มาอย่างไว สงสัยแกน่าจะday1 อยากให้เอาไปคุยในรายการ ใดๆในโลกล้วนฟิสิกด้วยครับ ปักไว้ก่อน เดี๋ยวรับชมหนังแล้วจะมาดูคลิปต่อครับ
ชอบเวลาพี่รีวิวหนังวิทยาศาสตร์มากกกกกก ข้อมูลอย่างแน่น ยังรอ (interstella part ต่ออยู่555)
55555
สำหรับเรา 1 ชม.แรกเบื่อมากค่ะ มาตื่นเต้นอีกทีตอนฉากทดสอบระเบิด ฉากนี้สนุกมาก เค้าทำฉากกดดันเค้นความรู้สึกเก่งโคตรๆ
เพิ่งไปดูมาเมื่อวานเลยครับ ประทับใจมาก เจอนักวิทยาศาสตร์ในตำนานเยอะ พอมาฟังอาจารย์ก็ ได้ความรู้เพิ่มเติมอีก ถ้าอาจารย์มีอะไรเพิ่มเติมอีกก็เล่ามาอีกนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ😊
เราว่าหนังมีฉากไต่สวนเรื่องความเป็นคอมมิวนิสของเค้ามากไป ถ้าหนังพาเราเข้าไปส่วนของ กระบวนการสร้างหรือทฤษฎี ของระเบิด ก็น่าจะดี ชอบออพเพนไฮเมอฉากที่นักวิทยฯ นอยกัน นางนั่งเงียบคิดครู่นึงแล้วแจกแจงหน้าที่
ใ ห้ทุกคน และตาม คนที่ถูกให้ออกกลับมาทั้งรู้ว่ามาสอดแนม เค้าเป็นคนฉลาดและจิตใจดีมากจริงๆ ชอบๆๆๆ
ชอบมากกก แบบอินมาก ไม่รู้จริงเท่าไหร่นะตัวบท มีมิติดีค่ะ
ฟังพี่ป๋องแป๋งหลังดูหนังออกมาแล้ว อินขึ้นเยอะเลยครับ เหมือนฟังคนวงในเลย
ผมเข้าไปดู คิดว่าตัวเองก็พอมีความรู้ฟิสิกส์ระดับนึงแล้ว แต่รายละเอียดเรื่องนี้มันสุดจริงๆโดยเฉพาะในพาร์ท โครงการแมนฮัตตัน แต่ส่วนพาร์ทไต่สวน ก็แอบเนือยไปหน่อย โดยรวมสนุก 9/10
เคยอ่านหนังสือนานมากนานมาแล้ว จนตอนนี้จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว ตอนนั้นสนใจเกี่ยวกับประวัติต่างๆ เล่มนึงคือ American Prometheus: The triumph and tragedy of J. Robert Oppenheimer กับ The Making of the Atomic Bomb 👍
ดูโรงเล็ก House ชอบมาก สนุกแบบลุ่มลึก เเละแอบเศร้าในหัวใจ จากเนื้อหาความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
น้ำตาไหลค่ะ ตอนเห็นระเบิด เขาทำฉากนั้นได้อิมแพคจริงๆ
เพิ่งดูหนังจบละมาเปิดเจอคลิปนี้พอดีเลยค่ะ สรุปได้ดีค่ะ ปล. อยากสอยหนังสือมาอ่านเลยค่ะ😊
27:53 อ่าๆๆๆ👏 นี่แหละ “เราต้องเข้าใจจุดเริ่มต้นของจุดประสงค์ของตัวเราเองก่อนว่าเราอยากทำความเข้าใจสิ่งนั้นเพื่ออะไร ไม่อย่างนั้นอ่านไปก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี”👍
23:10 การที่ได้ท่องไปกับเวลา(เข้าใจธรรมชาติของชีวิต)มันสวยงามน่ะตอนที่เห็นครั้งแรก แล้วหลังจากนี้มันจะสวยงามเหมือนเดิมไหมน่ะ? ผีเสื้อกระพือปีกออกบินไปต่อ🧐 ผมคิดแบบนี้จริงๆครับ จุดเริ่มคือการปะทะ ยังไม่มันก็ต้องกลับมาชนกันอยู่ดี และมันเป็นจริงเสมอไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม
ชอบฟังสปอยของ อาจารย์ มากๆค่ะ ,โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว ก่อนจะดูหนัง เรื่องอะไร จะต้อง ฟัง สปอย ก่อน เสมอ ค่ะ
ดูหนังจบแล้วมาดูพวกช่องที่ทำเกี่ยวกับหนังสปอยคือไม่อินเท่าดูอาจารย์ป๋องแป๋ง เหมือนเติมเต็มส่วนที่เรางงๆในหนังได้เกือบร้อยเปอร์เซ็น สุดยอดเลย
ต้องซ้ำหลายรอบ ไม่ใช่เพราะงง แต่สนุกมากกกก❤
หนังแบบนี้ถ้ามีความรุ้เกียวกับประวัติศาสตร์สักหน่อยนะ ดูโคตรสนุก สายวิทย์น่าจะชอบทุกคน
ชอบมากเลย ดูสนุกมาก ดูเสร็จมาตามดู ใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์แบบงอมแงม
คิดเหมือนกันเลยตอนท้ายช่วงไต่สวน คือ อึนพอสมควร บทพูดหลายคน ตัดไปตัดมา และค่อนข้างนาน 😅
พี่ป๋อง..ผมจะเสนอทฤษฏีไร้กาลเวลาได้อย่างไรครับ...
ผมคิดค้นทฤษฎีไร้กาลเวลาได้แล้ว..
ทฤษฏีนี้ว่าด้วยความไม่เที่ยงขอเวลา...และมนุษย์สามารถออกจากกรอบของเวลาโลกสู่เวลาจักรวาลได้
ในขณะที่ 1.สสาร(แร่ธาตู) 2.พืช 3.สัตว์ ไม่สามารถทำได้
เวลาไม่ใช่ วินาที/นาที/ชั่วโมง/วันเดือนปี ไม่ใช้นาฬิกาชีวภาพอย่างที่เราเข้าใจ
แต่เป็น 1.การกระทำทางใจ 2. การกระทำกาย 3.อาหารที่บริโภคเข้าไป 4.สิ่งแวดล้อม และเราจะ
ควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ถ้าเราควบคุมได้เราจะควบคุมเวลาได้นั้นเอง...
ถ้าเราขยายกรอบเวลาให้ใหญ่ขึ้นเราจะมีเวลามากขึ้น มีอายุมากขึ้น แต่กลับใช้พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และอาหารที่น้อยลง อย่างอัศจรรย์...ฯลฯ
ตรงตามหลักคำสอนทางศาสนาพุทธ เกี่ยวกับเรื่องอายุของมนุษย์ในสวรรค์ชั้นต่างๆ
อายุ 100 ปี 500 ปี 1000 ปี เป็นไปได้จริง ตรงตามหลักคำสอนทางศาสนา...
และทำให้เราเข้าใจพลังงานสัมพัทธ์และพลังงานสัมบูรณ์ ฯลฯ
ผมเชื่อว่าถ้าเรานำทฤษฎีไร้กาลเวลา หรือสภาวะที่ไม่มีเวลานี้ไปประยุกต์ใช้กับระบบประมวลผลทางคอมพิวเตอร์แล้วคอมพิวเตอร์จะมีประสิทธิ์ในการประมวลผลอย่างมหาศาล และจะเป็นการพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ในยุคต่อไปด้วย..
แนะนำด้วยครับ
ด้วยความเคารพ... เอกจิต
เพิ่งดูสตรีมจบสดๆมาหารีวิวต่อ ความรู้สึกเหมือนกันเลย ตรงบทสนทนาทำไมถึงไม่ได้โนเบล แล้วว่าคนทำระเบิดยังได้โนเบลคือขำ เฉียบจริงๆ
เตรียมความพร้อมจะดูนานพอควร เพราะเห็นว่าบทพูดเน้นๆยิ่งเดินเรื่องโนแลนสไตล์ไปอีกกลัวปิดกลางคัน (ขนาดหาประวัติฟังคร่าวๆมาบ้างแล้ว ยังง๊งงงงช่วงแรก) แต่พอดูจบ ไม่ได้ดูหนังแล้วรู้สึกประทับใจมานานแล้ว ทั้งที่เรื่องก็ง๊งงง เป็นหนัง3ชม.ที่ต้องกลับไปดูใหม่อีกรอบ
คืนสิ้นปีได้ดูหนังดีแล้วเราอินด้วยมันฟิน🥰
ส่วนตัว ดูแล้วเข้าใจและสนุกค่ะ ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน
ผมชอบจังหวะคุณ อ็อฟฟี่ แถลงข่าวว่า คุณจะใช้แซนวิช ทำนิวเคลียร์ก็ได้นะ กับตอนที่โดนประธานาธิบดีด่าว่าไอ้ขี้แง เจ็บแทนมาก
อยากรู้เบื้องลึกเรื่องที่ ออปเพนไฮเมอร์กับไอสไตร์ ไม่ค่อยลงลอยกันครับ
คุณป๋องแป๋งช่วยที่ครับ สงสัยมาก
ผมว่านะ ต้องตั้งใจดูมากและจดจำเก่งจริงๆ ไม่งั้นจะงงกับตัวละคร และการกระทำทั้งหมดของOppen เพราะเรื่องราว 1 ชม สุดท้ายมันคือเอา 2 ชมแรกมาย้อนสรุปและปะติปะต่อกัน แฟนผมบ่นว่าดูยากมากๆ แต่ก็ชมเรื่อง นักแสดงที่แสดงโครตเก่ง เก่งมากๆ ไหนจะเรื่องมุมกล้อง โทนแสงสี เสียงที่คือเดอะเบส ระเบิดเทียมก็ดูดีมากๆ ส่วนตัวเป็นแฟนคลับโนแลน ดูครบทุกเรื่องที่แกเป็น ผกก ผมให้ 9.5 ครับ หัก 0.5 เพราะบทพูดเยอะโครตๆ ตามที่คุณปป.บอก หนืดๆ เก้บรายละเอียดบทพูดยาก5555 และก็ถ้าใครพอรู้เบื้องหลังนักวิทยาศาสตร์ในเรื่องมานะ บอกเลยโครตฟินและขนลุก ส่วนตัวผมว่าCasting ดีนะ คุณปป. อาจจะลบภาพจำไม่ได้ แต่สำหรับผมโอเคเลย มีEaster Egg จะมี มารีกูรีโผล่มาด้วยแว้บนึงช่วงแรก 11:41 ผมก็ขำและรู้สึกเหมือนกันเลยครับ ผู้สร้างระเบิดแต่ดันเป้นคนทำรางวัลสันติภาพ ปล อยากให้คุณปป. ทำใดๆในโลกล้วนฟิสิกของOppenหน่อยนะครับ แบบInterstellar
หรือจริงๆที่หนังดูยากเก็บรายละเอียดไม่หมดนี้เป็นแผนของนักการตลาดครับ แบบคริสบอกผมอยากทำหนังยาวๆ เรทอาร์จัดเต็ม แต่นักการตลาดบอกมันจะขายยากนะ หนังยาวทำรอบได้น้อย คนดูจำกัดวงอีก งั้นเราทำไงก็ได้ให้คนดูมาดูซ้ำจะได้เพิ่มยอดขายแล้วกันก็เลยตูมออกมาเป็นOppenheimer 555+
น่าจะมี insert รูปของตัวแสดงที่แสดงเป็นนักฟิซิกซ์แต่ละคนให้เห็นด้วยจะดีมากเลยครับ เพราะท่านเอ่ยชื่อแต่ละคนมาเราก็นึกไม่ออกว่าคือคนไหนในภาพยนตร์ครับ
งั้นมันจะกลายเป็นสารคดีไปนะ
หนังโนแลนที่ดีสุดสำหรับผมคือ the prestige ถ้าได้ดูแบบไม่สปอย และไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร พอหนังเฉลยคือว้าวมาก แล้วพอไปดูรอบสอง ก้จะพบว่าหนังเฉลยเราตั้งแต่ต้นเรื่องเราแค่ยังจับไม่ได้ ประสปการณ์แบบนี้เคยเจอกับเรื่องนี้เปนครั้งแรก
เข้าใจความรู้สึกเลยครับ อยากขำในส่วนของหนังแต่ต้องกลั้น
นี่ขำเหมือนกันค่ะ😢 แต่คนในโรงคือเงียบกริบเลย ฟีลเดียวกันค่ะ เข้าใจสุดๆๆๆๆๆๆๆ
I am become death the destroyer of the worlds เป็นคำพูดของอรชุนในภควัตคีตาค่ะ ยิ่งรู้ประวัติออพเพนไฮเมอร์ยิ่งไม่แปลกใจว่าทำไมถึงยิ่งใหญ่ ทำไมโนแลนถึงเลือกมาทำเป็นหนัง
พี่ป๋องแป๋งครับ ผมอยากขอความรู้หน่อยครับ
ทำไมสิ่งมีชีวิตบนโลก ทั้งบนบก บนน้ำ อากาศ ฯ ถึงมีดวงตาอยู่สองดวง
ทำไมธรรมชาติถึงสร้างการมองเห็น ให้มองเห็นผ่านดวงตาอยู่สองดวง ทำไมธรรมชาติถึงไม่สร้างการมองเห็น ให้สิ่งมีชีวิตมีดวงตาเพียงดวงเดียว
งั้นแสดงว่า ถ้าพบสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลก สิ่งมีชีวิตนั้นก็ต้องมีดวงตา สองดวงเหมือนเราใช่ไหมครับ
เพิ่งดูวันนี้คับ บอกเลยว่า เกือบตามไม่ทัน เป็นเรื่องที่ต้องรู้ประวัติของเขามาก่อนพอสมควรเลย ดีที่ได้ดูคลิปของพี่วิว point of view ก่อน จึงพอตามทัน (ขออนุญาตพูดถึงช่องอื่นนะคับ 😆) เป็น 3 ชม.ที่ไม่น่าเบื่อเลย แม้จะอัดแน่ไปด้วยบทสนทนา ผมก็เป็นอีกคนที่ขำมุกที่พูดถึงตอน 11:15 คับ อย่างชอบบบ ฮาาา แล้วก็เรื่องระเบิด ผมอาจคาดหวัง จินตนาการเกินความเป็นจริงไปหน่อย เลยแอบคิดว่า แค่นี้หรอ แต่พอมานึกได้ว่าหนังของโนแลนไม่ใช้ซีจีก็เลยมาว้าวทีหลัง
โรง imax เสียงโครตสุดจริงๆค่ะ ซาวที่โนแลนใส่มาในแต่ละช่วงคือดีมากๆเลย
👏สุดยอดครับผม🙏🥰 ดูจบและ
ผมชอบครึ่งหลังมากกว่า ฉากการสืบสวนเรื่องการเป็นสปาย การแทงข้างหลังของ strauss กับ
oppenheimer
อ.มาแนวนี้โดนใจครับ ฟังแล้วเข้าถึงครับ
ถ้าเคยดู The Immitation Game แล้วชอบ Oppenheimer คือแนวเดียวกันแต่เหนือชั้นกว่าขึ้นไปอีกขั้น
20:36 ใช่ครับพี่ป๋องแป๋ง ถ้าไม่มีสติอยู่กับปัจจุบันน่ะ ลอยไปไกลแน่นอนครับ
ส่วนตัวชอบภรรยาของออบบี้มากตอนท้าย สะใจ 55555 แต่ก็ชอบทุกอย่างแหละค่ะ กลมกล่อมสุดๆ
อยากให้พี่ป๋องแป๋งทำรวบรวมนักวิทยาศาสตร์ใน Oppenheimer มากๆเลยครับ
พูดให้น่าฟัง
เข้าใจง่าย
ถ้ามีภาพประกอบ จะดีมากๆเลย
ส่วนตัวแล้วผมหลงใหลและชอบในฟิสิกส์มากๆ แต่หลังจากดูเรื่องนี้จบแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกกลัวและทึ่งในฟิสิกส์มากครับ 9/10 !
มันก็คือหนังปลุกใจรักชาติ แนว "อย่าถามว่า ชาติให้อะไรแก่ท่านบ้าง แต่ควรถามตัวท่านเองว่าท่านได้ให้อะไรแกชาติบ้าง" เลยดึงเอาธรรมจากคัมภีร์ภควัทคีตา ที่อ็อพเพ่นไฮเมอร์ศรัทธา ตอนสงครามที่ทุ่งคุรุเกษตร ระหว่างราชสกุลสองราชสกุลที่เป็นญาติกันคือ ปาณฑพและโกรพหรือเการพ. อรชุนจะยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่สู้ เพราะสกุลโกรพนั้นเป็นญาติทั้งนั้นแถมอาจารย์ของตัวเองก็อยู่ฝั่งนั้นด้วย ฆ่าไม่ลง พระกฤษณะ(พระวิษณุ)เลยเทศนาธรรมเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบและความกล้าหาญ ให้อรชุนฟังจนบรรลุและมีพลังใจฮึดขึ้นและหยิบคันศรขึ้นมา "รบเถิด อรชุน" อรชุนเลยลุยรบกันหลายวันหลายคืนจนเลือดท่วม ทุ่ง ฝ่ายโกรพพ่ายยับตายเรียบ. อ็อพเพ่นไฮเมอร์มองได้ว่า เป็นอรชุน. แกสร้างระเบิดปรมาณูผลจะเป็นยังไงก็ไม่รู้จนเมื่อได้ทดลองเห้นอานุภาพของมันนั้นสุดสะพรึง แต่เมื่อไม่ได้เอาไปใช้กับนาซี แล้วรัฐบาลเมกาก็จะเอาทิ้งใส่ญี่ปุ่น แกก็ไม่คิดค้านทั้งที่แกก็ไม่เห็นด้วยแต่เพราะในฐานะแก่ปันพลเมือง เป็นหน้าที่เพื่อรับใช้ชาติ ปกป้องประเทศ แกเชื่อในคำสอนของคัมภีร์ภควัทคีตา แกยอม. เมื่อเห็นผลแล้วว่าญี่ปุ่นเละเพียงไหน แกก็บอกว่ารัฐบาลไม่ควรพัฒนาระเบิดปรมาณูอีก
ชอบหนัง และชอบชั่วโมงสุดท้ายของหนังช่วงไต่สวนมากค่ะ
เป็นหนังเฉพาะกลุ่มจริงๆครับ ถ้าคนอินก็อินเเทบจะยกให้เป็นหนังที่สุดในรอบหลายปีเลย ส่วนตัวผมยกให้อันดับ 1-3 ของผมเลย ( ที่จริงก็อยากให้อันดับ 1 เเหละ ) ผมไม่ได้อวยเวอร์นะ เเต่กำลังจะไปดู IMAX Laser รอบ 2 ที่อยากไปดูเพราะชอบจริงๆครับ รอบเเรกเราเข้าใจตัวหนังไป 80-85% ละ ส่วนตัวเป็นคนศึกษาประวัติศาสตร์ World War ทั้ง 2 ครั้งมาตลอด รวมถึงประวัติศาสตร์นิวเคลียร์เเละ J.Robert Oppenheimer เลยพอดูเข้าใจครับ หนังคุณภาพจริง..❤
พึีงไปดูมาเลยวันนี้ รีบกลับมาดูรีวิวของอาจารย์เลยค่ะ
ชอบฉากระเบิดครับ มันสมจริงมาก
ว่าจะไปเสพวิทยาศาสตร์ ได้การเมืองมาเน้นๆ สุดยอดมากครับ เสร็จพ่อโนแลน❤❤
อยากอาจารย์ปป.พูดถึงตอนที่นักวิทย์ Kodak สืบรู้ว่ามีการทดลองระเบิดนิวเคลีย ทั้งที่อยู่ห่างไป 3000 km.
Nolan คือนักฟิสิกส์ที่กำกับหนังได้นิดหน่อยครับ 🤣🤣
คนที่ชื่อ เทย์เลอร์ ที่เสนอระเบิดไฮโดรเจนนี่สำคัญขนาดไหนครับ ทำไมเขาเหมือนหักหลังตอนให้ปากคำว่า Oppenheimer อาจจะเสี่ยงต่ออเมริกา
28:45 มันสวยงามสุดๆ🥰
นสด.สุดทุกคน ใดๆประทับใจ soundtracks มากค่ะดีมากกกอีกหนึ่งmvpทำให้รู้สึกระทึกไปด้วยตลอดทั้งเรื่อง สุดจัด💯
มาบ่อยๆนะคะ รอฟังเสียงอาจารย์ค่ะ
คนที่สลัดหลุดภาพจำได้ดีที่สุดในเรื่องนี้คือ robert downey jr ผมยอมรับเลยว่าผมดูไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าคนนั้นคือพระเอก iron man ผมก็มองหาไปเหอะว่าแกจะมาปรากฏตัวตอนไหน เพราะรู้ว่าเล่นเรื่องนี้ จนดูไปเกือบครึ่งเรื่อง ผมนี้อึ่งเลย (แต่คนอื่นอาจจะดูออกตั้งแต่แรก)
ส่วนพระเอกก็ถือว่าสลัดภาพจำได้พอสมควร
คอหนังตัวจริงดูก็น่าจะเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นสายวิทย์ แต่ถ้าเป็นสายวิทย์จะอินเหมือน อ. เห็นด้วยกับ อ. ไม่จำเป็นต้องมีฉากเปลือย หัวนมใหญ่แตกและดำด้วย ขอบคุณที่แนะนำให้ไปดูค่ะ
ส่วนตัวผมกับรู้สึกดีที่ชีวิตช่วงหลังของเขาอาภัพ ด้วยเรื่องส่วนตัวก็ดีด้วยเรื่องงานก็ดี เขาคนนี้เป็นคนที่มันดีครึ่งนึง คนชั่วครึ่งนึงเลยทีเดียว แต่ยอมรับว่าเขาได้ช่วยหยุดสงครามโลกไว้ได้ ถึงแม้ในหนังไม่ค่อยได้มีจุดที่ขยายความว่าเขาเสียใจแค่ไหนที่สร้างนิวเคลียร์ส่วนตัวแล้วจะไปเน้นสอบสวนมากว่าว่าเป็นคอมมิวนิสต์หรือป่าว แต่ที่ฟังประวัติมาเขาเสียใจเป็นอย่างมากที่ช่วยสร้างนิวเคลียร์ขึ้นมา
ดูมาแล้ววันนี้ครับ เยี่ยมครับ
ผมจำได้ว่ามีหนังเกี่ยวกับการถอดรหัส Enigma ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดควบคู่ไปพร้อมๆกันกับเรื่องนี้ ผมเข้าใจดีว่าเราไม่สามารถเปรียบเทียบความสามารถของคนได้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ครับว่า Alan Turing ผู้ถอดรหัสลับทำให้เยอรมันพ่ายแพ้ กับ J. Robert Oppenheimer ผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์หยุดสงคราม ผลงานของใครถือว่าเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติมากกว่าครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับผม
ถือว่า Alan Turing ทำให้เยอรมันรอดจากระเบิดเพราะแพ้ไปซะก่อน
The Imatation game ครับ
ถ้าช่วงบรรยายถึงคน/ผู้แสดงหรือสิ่งของ แล้วแทรกรูปไปด้วย จะทำให้เกิดอรรถรสในการชมมากกว่านี้
คุณป๋องแป๋งมันมีซีนหนึ่งที่Oppenheimer บอกประมาณว่า สรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า เพียงแค่เราเดินทางโดยอัตราความเร็วที่สูงมาก จนทำให้ทุกสิ่งราวกับมีอยู่จริง ประมาณนี้อะ มันหมายความว่ายังไง ใครรู้อธิบายหน่อย
ตามมุมมองของผม คือในเรื่องมีการกล่าวถึงฟิสิกสมัยใหม่ หลักความไม่แน่นอน เชื่อมไปควอตัม (แสงเป็นคลื่นหรืออนุภาค ซึ่งแสงนั้นมีความเร็วสูงมาก ) ผมนึกเชื่อมไปถึงปรัชญาของเต๋า เซน ศาสนาพุทธ เรื่องโลกของความว่างเปล่าที่ว่าแสงมีความเร็วสูงมากจนแสดงสถานะภาพที่ต่างกันออกมาหร้อมกันทั้งอนุภาคและคลื่น แล้วลองจินตนาการถึงความเร็วของกระแสประสาทในสมองที่เร็วขึ้นไปอีก และสิ่งที่เร็วกว่านั้นก็คือ จิต การนึกคิดและสร้างเชื่อมโยงหลายสิ่งจนเกิดทุกสิ่งจากความว่างเปล่า 😢😮😅😂
ผมชอบแสงขาวๆ ที่มาย้ำเตือน ออพเพนไฮเมอร์
มีทั้งสองเล่มแล้วครับ สนุกมากๆ
ชอบมากเลยครับ อยากให้รีวิวหนังแนวนี้อีก ดูเป็นเนิร์ดมากๆ😂
ใน tenet ก็มีพูดถึงออพเพนไฮเมอร์ด้วย โนแลนคือวางแผนเกี่ยวพันกันหมด
พึ่งไปดูมาเมื่อวานครับ
สนุกมาก
พึ่งดูใดๆในโลกepล่าสุดตะกี๊เลย เลื่อนเจอจารพอดี😊
ส่วนตัว ฉากระเบิดยังไม่ค่อยประทับใจ ของจริงมันดูยิ่งใหญ่กว่า ส่วนอื่นๆคือ ดีหมดเลย
ผมรู้สึกว่า นอกจากพกความรู้พื้นฐานเรื่องวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เข้าไปดูเพื่อความเข้าใจแล้ว อาจต้องเข้าใจแนวคิด การสู้กันของแนวคิด คอมมิวนิส กับ เสรีนิยมประชาธิปไตย
ชอบฉากอ่านพระเวท ครับไม่เซ็นเซอร์อยากให้พี่นำภาพมาประกอบหน่อยครับ
รอเลยครับ ไปดูมามาคืน หลุดหลายจุดมาก
เพิ่งไปดูมาวันนี้ สนุกนะ
อยากให้สังคมของคนไทยให้ความสนใจกับวิทยาศาสตร์(เคมี,ฟิสิกส์,..) อะไรที่ต้องพิสูจน์ได้ จึงจะเชื่อ ไม่อยากให้คนไทยสนใจแต่พิธีกรรม, ไสยาศาสตร์ฯลฯ
ใครจะไปดูแนะนำว่าต้องรู้ประวัติคร่าวๆก่อน ไม่งั้นจะตามไม่ค่อยทัน เพราะ หนังมันฉายสลับไปมาหลายtimelineมาก
พี่ป๋องแป๋งคะ ทำเรื่อง slide rule ให้หน่อยได้ไหมคะ อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากๆ
Now I am become death, the destroyer of worlds
oppenheimerได้พูดประโยคนี้อ้างอิงจากพระวิษณุที่เขาได้ศึกษาภาษาสันสกฤตไว้ครับ วลีเด็ดเลย