บทสวดวัฏฏกปริตร อัตถิโลเก ฯ วัฏฏะกะปะริตตัง ๙ จบ

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2024
  • สวดโดย พระทรงวุฒิ ถิรจิตโต
    บทสวดอัตถิโลเก (วัฏฏะกะปะริตตัง)
    อัตถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง โสเจยยะนุททะยา
    เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง
    อาวัชชิต๎วา ธัมมะพะลัง สะริต๎วา ปุพพะเก ชิเน
    สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหัง
    สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติ ปาทา อะวัญจะนา
    มาตา ปิตา จะ นิกขันตา ชาตะเวทะ ปะฏิกกะมะ
    สะหะ สัจเจ กะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต สิขี
    วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ปัต๎วา ยะถา สิขี
    สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีติ ฯ
    คำแปลของบทสวดอัตถิโลเก (วัฏฏะกะปะริตตัง)
    อัตถิ โลเก สีละคุโณ สัจจัง โสเจยยะนุททะยา
    -คุณคือศีล ความสัตย์ ความสะอาด และความเอ็นดูอยู่ในโลก
    เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง
    -ด้วยคำสัตย์นั้น เราจักทำสัจจะกิริยา อันยอดเยี่ยม
    อาวัชชิต๎วา ธัมมะพะลัง
    -เราน้อมนึกถึงกำลังแห่งพระธรรม
    สะริต๎วา ปุพพะเก ชิเน
    -ระลึกถึงพระชินะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ในปางก่อน
    สัจจะพะละมะวัสสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหัง
    -เราอาศัยกำลังแห่งสัจจะ จึงขอทำสัจจะกิริยา
    สันติ ปักขา อะปัตตะนา
    -ปีกทั้งสองของเรามีอยู่ แต่บินไม่ได้
    สันติ ปาทา อะวัญจะนา
    -เท้าทั้งสองของเราก็มีอยู่ แต่เดินไม่ได้
    มาตา ปิตา จะ นิกขันตา
    -มารดาและบิดาของเรา ก็ออกไปหาอาหารเสีย
    ชาตะเวทะ ปะฏิกกะมะ
    -นี่แน่ะไฟป่า ท่านจงหลีกไปเสียเถิด
    สะหะ สัจเจ กะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต สิขี
    วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ
    -เมื่อเราทำสัจจะแล้ว เปลวไฟอันลุกโชติช่วง
    ก็หลีกห่างไปถึง ๑๖ กรีส
    อุทะกัง ปัต๎วา ยะถา สิขี
    -ดุจดังเปลวไฟ ที่ตกถึงน้ำแล้วย่อมดับไป ฉะนั้น
    สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ
    -สัจจะอื่นเสมอด้วยสัจจะของเรา ย่อมไม่มี
    เอสา เม สัจจะปาระมีติฯ
    -นี้เป็นสัจจะบารมีของเรา ดังนี้แล ฯ
    ตำนานของ วัฏฏะกะปะริตตัง
    สมัยหนึ่ง สมเด็จพระศาสดาเสด็จจาริกไปใน แว่นแคว้นมคธ เพื่อบิณฑบาตพร้อมด้วยพระสาวกตามเสด็จเป็นอันมาก ครั้นเสด็จกลับหลังจากทำภัตรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก เสด็จเข้าไปทรงประทับเจริญสมณธรรมในป่าแห่งหนึ่ง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่าขึ้นในทิศทั้งสี่ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ บ้างก็บอกว่าจะพากันไปช่วยดับไฟ บ้างก็บอกว่าเรามาช่วยกันจุดไฟเพื่อสกัดไฟกันดีกว่า
    ยังมีพระภิกษุผู้เป็นเถระบางรูป กล่าวเตือนขึ้นว่า พวกเราจะตระหนกตกใจไปไย พระบรมสุคตเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยกับเราที่นี่ เราควรจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พระองค์ทรงแนะนำเรื่องนี้จะดีกว่า
    ภิกษุทั้งหลายจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วทูลเรื่องไฟป่าให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระบรมสุคตเจ้าเมื่อทรงทราบ จึงได้ทรงเสด็จลุกขึ้นยืนทอดพระเนตรไฟในทิศทั้ง ๔ ในทันทีนั้นไฟป่าที่พระบรมสุคตเจ้า ทรงหันไปทอดพระเนตร ได้ดับไป ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีไฟลุกอยู่ แล้วจุ่มลงไปในน้ำ ไฟนั้นได้ดับลงในฉับพลันฉันนั้น โดยรอบพื้นที่ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๑ กิโลครึ่ง
    ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงกล่าวสรรเสริญพุทธธานุภาพ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสว่า การที่ไฟไหม้มาถึงภูมิประเทศนี้ โดยรอบ ๑๖ กรีส แล้วดับไปหาใช่พุทธานุภาพของพระองค์แต่ชาตินี้ไม่ ไฟป่าที่ไม่ มีชีวิตย่อมดับไปเพราะกำลังแห่งสัจจะวาจาของเราที่มีมาแล้วแต่อดีต
    ครั้นแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงเรื่องที่มีมาแล้วแต่อดีต ความว่า ในอดีตสมัยเมื่อพระองค์ ยังทรงเสวยพระชาติเป็น พญานกคุ้มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ ก็ได้อาศัยอยู่ในป่า แคว้นมคธ วันหนึ่งพ่อและแม่พญานกคุ้มพากันออกไปหาอาหารปล่อยให้ลูกนกคุ้มอยู่ในรังตามลำพัง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่า ปรากฏขึ้นมาจากทิศทั้ง ๔ รอบรังของลูกนกคุ้ม อยู่ห่างจากรัง ๑๖ กรีส หรือหนึ่งกิโลครึ่ง ขณะนั้นลูกนกคุ้ม ได้รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวงรอบของไฟป่า จึงเหลียวหาบิดามารดา ก็ไม่เห็นลูกนกคุ้มจึงคิดว่า โดยปกติธรรมดาสัตว์ เมื่อตัวลูกมีภัยก็ต้องอาศัยพึ่งพิงพ่อแม่ แต่บัดนี้พ่อแม่เรามิได้อยู่เสียแล้ว เราคงจะต้องพึ่งพิงอิงอาศัยตัวเอง ลูกนกคุ้มนั้นจึงตั้งสัจจะวาจาว่า
    คุณของศีลมีอยู่
    คุณของธรรมมีอยู่
    คุณของสัจจะวาจานี้ก็มีอยู่จริง
    ปีกทั้งสองข้างเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้
    เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้
    บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้มิได้อยู่กับเรา
    นี้เป็นสัจจะวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป
    ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐานของลูกนกคุ้ม ไฟป่าที่ไหม้มาทั้ง ๔ ทิศ ก็ดับลงโดยพลัน ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีเพลิงลุก แล้วจุ่มลงในน้ำฉะนั้น ไฟนั้นก็พลันดับไปในทันที องค์สมเด็จพระชินศรีจึงทรงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า แต่บัดนั้นจวบจนถึงกาลนี้ ไฟป่าก็มิอาจเผาไหม้เข้ามาถึงเขตนี้ได้อีกเลย ซึ่งมีอาณาเขตโดยรอบ ๑๖ กรีส โดยประมาณ ๑ กิโลครึ่ง นี้แหละภิกษุทั้งหลาย เป็นอานุภาพของพระโพธิสัตว์ที่มีอยู่ในตัวนกคุ้ม ผู้บำเพ็ญบารมี จนได้มาเป็นเราตถาคตในปัจจุบัน
    "พระพุทธมนต์.."วัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ บทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา
    เพื่อเทิดทูนเคารพบูชา คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า
    เพื่อเป็นอานิสงส์เป็นประโยชน์แก่พุทธมามกะ พุทธบริษัทชาวพุทธสืบต่อไปฯ
    ..ทั้งนี้ทางช่อง ต้องขอขอบพระคุณ ผู้ที่มีส่วนสร้างผลงานภาพ สำหรับนำมาประกอบวีดีโอ ตลอดทั้งผู้มีส่วนทุกท่าน ไว้เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วย
    "จัดทำเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน..ไม่มีการจำหน่าย หรือ มีค่าตอบแทนใดๆ"
    [จัดตั้งช่องธรรมะโดย พระทรงวุฒิ ถิรจิตโต]

ความคิดเห็น • 4

  • @พระพุทธมนต์
    @พระพุทธมนต์  ปีที่แล้ว +1

    ตำนานของ วัฏฏะกะปะริตตัง
    สมัยหนึ่ง สมเด็จพระศาสดาเสด็จจาริกไปใน แว่นแคว้นมคธ เพื่อบิณฑบาตพร้อมด้วยพระสาวกตามเสด็จเป็นอันมาก ครั้นเสด็จกลับหลังจากทำภัตรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก เสด็จเข้าไปทรงประทับเจริญสมณธรรมในป่าแห่งหนึ่ง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่าขึ้นในทิศทั้งสี่ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ บ้างก็บอกว่าจะพากันไปช่วยดับไฟ บ้างก็บอกว่าเรามาช่วยกันจุดไฟเพื่อสกัดไฟกันดีกว่า
    ยังมีพระภิกษุผู้เป็นเถระบางรูป กล่าวเตือนขึ้นว่า พวกเราจะตระหนกตกใจไปไย พระบรมสุคตเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยกับเราที่นี่ เราควรจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พระองค์ทรงแนะนำเรื่องนี้จะดีกว่า
    ภิกษุทั้งหลายจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วทูลเรื่องไฟป่าให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระบรมสุคตเจ้าเมื่อทรงทราบ จึงได้ทรงเสด็จลุกขึ้นยืนทอดพระเนตรไฟในทิศทั้ง ๔ ในทันทีนั้นไฟป่าที่พระบรมสุคตเจ้า ทรงหันไปทอดพระเนตร ได้ดับไป ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีไฟลุกอยู่ แล้วจุ่มลงไปในน้ำ ไฟนั้นได้ดับลงในฉับพลันฉันนั้น โดยรอบพื้นที่ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๑ กิโลครึ่ง
    ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงกล่าวสรรเสริญพุทธธานุภาพ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสว่า การที่ไฟไหม้มาถึงภูมิประเทศนี้ โดยรอบ ๑๖ กรีส แล้วดับไปหาใช่พุทธานุภาพของพระองค์แต่ชาตินี้ไม่ ไฟป่าที่ไม่ มีชีวิตย่อมดับไปเพราะกำลังแห่งสัจจะวาจาของเราที่มีมาแล้วแต่อดีต
    ครั้นแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงแสดงเรื่องที่มีมาแล้วแต่อดีต ความว่า ในอดีตสมัยเมื่อพระองค์ ยังทรงเสวยพระชาติเป็น พญานกคุ้มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ ก็ได้อาศัยอยู่ในป่า แคว้นมคธ วันหนึ่งพ่อและแม่พญานกคุ้มพากันออกไปหาอาหารปล่อยให้ลูกนกคุ้มอยู่ในรังตามลำพัง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่า ปรากฏขึ้นมาจากทิศทั้ง ๔ รอบรังของลูกนกคุ้ม อยู่ห่างจากรัง ๑๖ กรีส หรือหนึ่งกิโลครึ่ง ขณะนั้นลูกนกคุ้ม ได้รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวงรอบของไฟป่า จึงเหลียวหาบิดามารดา ก็ไม่เห็นลูกนกคุ้มจึงคิดว่า โดยปกติธรรมดาสัตว์ เมื่อตัวลูกมีภัยก็ต้องอาศัยพึ่งพิงพ่อแม่ แต่บัดนี้พ่อแม่เรามิได้อยู่เสียแล้ว เราคงจะต้องพึ่งพิงอิงอาศัยตัวเอง ลูกนกคุ้มนั้นจึงตั้งสัจจะวาจาว่า
    คุณของศีลมีอยู่
    คุณของธรรมมีอยู่
    คุณของสัจจะวาจานี้ก็มีอยู่จริง
    ปีกทั้งสองข้างเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้
    เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้
    บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้มิได้อยู่กับเรา
    นี้เป็นสัจจะวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป

    ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐานของลูกนกคุ้ม ไฟป่าที่ไหม้มาทั้ง ๔ ทิศ ก็ดับลงโดยพลัน ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีเพลิงลุก แล้วจุ่มลงในน้ำฉะนั้น ไฟนั้นก็พลันดับไปในทันที องค์สมเด็จพระชินศรีจึงทรงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า แต่บัดนั้นจวบจนถึงกาลนี้ ไฟป่าก็มิอาจเผาไหม้เข้ามาถึงเขตนี้ได้อีกเลย ซึ่งมีอาณาเขตโดยรอบ ๑๖ กรีส โดยประมาณ ๑ กิโลครึ่ง นี้แหละภิกษุทั้งหลาย เป็นอานุภาพของพระโพธิสัตว์ที่มีอยู่ในตัวนกคุ้ม ผู้บำเพ็ญบารมี จนได้มาเป็นเราตถาคตในปัจจุบัน

  • @เตือนใจเปลี่ยนสี

    🧡🧡🤍🧡🧡กราบอนุโมทนาสาธุๆๆบดสวดมนต์🧡🧡🤍🧡🧡ไพเราะจับ❤️เจ้าค่ะกราบสาธุๆๆพระคุณเจ้าไปค่ะเป็บุญหูบุญ❣️เจ้าค่ะไม่เคยได้ยินมากอ่นเลย🧡🤍🧡🤍🧡

  • @ohotawan05
    @ohotawan05 ปีที่แล้ว +1

    กราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ 🙏🙏🙏

  • @warintornwongwiean4168
    @warintornwongwiean4168 ปีที่แล้ว +1

    (สาธุๆๆ)ครับ