หมดลมตายแล้วไปไหน พระตถาคตตรัสความจริงไว้แบบนี้
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 4 มิ.ย. 2024
- 00:00 เนื้อหาสาระ
00:17 ตายแล้วไปไหนและตายแล้วเกิดทันทีจริงหรือ
04:37 ฉลาดเกิดฉลาดตายพ้นอบายพ้นทุกข์
13:20 ไปยึดถือในสิ่งที่ยึดถือไม่ได้
18:34 ผิดหวังเพราะหวังผิด
45:29 พระพุทธศาสนาเบื้องต้นที่สำคัญที่ควรรู้คืออะไรและอธิบายสติปัฏฐาน
54:58 มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในความหมายที่ลึกซึ้งตามคำพระพุทธเจ้า
ขออนุโมทนา
ก่อนตายฟังเพื่อเป็นผู้ฉลาดในการเกิด ฉลาดในการตาย ตามคำพระพุทธเจ้า ก็จะเริ่มเข้าใจความจริงว่ามีแต่ธรรมะ ทุกข์ทั้งหลายมาจากความยึดถือว่าเป็นเราเป็นสัตว์บุคคล ยิ่งคลายจากความเป็นเราเพราะเข้าใจธรรมมากเท่าไหร่ สุขมากขึ้นด้วยปัญญาทุกข์ก็น้อยลง อันเกิดจากการฟังพระธรรมที่ถูกต้องบ่อยๆเนืองๆ ไม่หลงไปกับคนที่สอนผิดเล่าเรื่องตายแล้วไปไหน ไปเกิดเป็นอะไร โดยไม่ได้ให้ความเข้าใจถูกตามคำพระพุทธเจ้าเลยว่าป็นธรรมะ ขออนุโมทนาครับ
ขอ อนุญาติ แชร์น่ะค่ะ
กระผมกราบอนุโมทามิ. สาธุขอรับ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ผเดิม ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ ฟังเข้าใจ ตามได้ ประโยชน์อย่างยิ่ง ถึงจะเป็นขั้นฟัง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบยินดียิ่งกับกุศลจิตที่ดีงามของทุกๆท่านค่ะ กราบสาธุค่ะ
เนื้อหาควรฟังและแชร์ดังนี้ครับ
00:17 ตายแล้วไปไหนและตายแล้วเกิดทันทีจริงหรือ
04:37 ฉลาดเกิดฉลาดตายพ้นอบายพ้นทุกข์
13:20 ไปยึดถือในสิ่งที่ยึดถือไม่ได้
18:34 ผิดหวังเพราะหวังผิด
45:29 พระพุทธศาสนาเบื้องต้นที่สำคัญที่ควรรู้คืออะไรและอธิบายสติปัฏฐาน
54:58 มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในความหมายที่ลึกซึ้งตามคำพระพุทธเจ้า
ขออนุโมทนา
กราบสาธุสาธุสาธุครับ
น้อมกราบพระธรรมค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
กราบอนุโมทนา
ยินดีในกุศลทุกประการ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
สาธุๆคะ🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุ
มีประโยชน์มากๆๆ ฟังแล้วไตร่ตรองไปได้เกิดความเข้าใจมาก กราบอนุโมทนาครับ
อนุโมทนาใพระธรรมคำสอนสาธุค่ะ
กราบ อนุโมทนา ค่ะ 🙏
อนุโมทนาค่ะ
ธรรมะเกิดธรรมะตายสาธุค่ะ
สาธุ
สาธุๆๆในธรรมคำสอนค่ะอาจราย์
🙏🙏🙏
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
กราบขอบพระคุณอาจารย์
เผดิมคะ อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่ร่วมสนทนาธรรมทุกท่านคะ
สาธุ 🙏ค่ะ อาจารย์
กราบอนุโมทนาสาธุคะ
อนุโมทนาค่ะ❤
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทนาค่ะอาจารย์🙏
สาธุๆๆๆครับ อ.เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งและงามงามมากครับ
เข้าใจในธรรมของพระตถาคตคะ อาจารย์ถ่ายทอดออกมา เข้าใจง่ายมากเลยคะ🙏
ขอบคุณค่ะ
🙏🙏🙏ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะขอขอบพระคุณ ค่ะท่านมากค่ะ🙏
สาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์.
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ผเดิมที่เคารพอย่างสูงกราบอนุโมทนาสาธุ...🙏🙏🙏....จากนราธิวาสครับผม...🙏👍👍👍🥇🥇🥇🌄🌄🌄🌻🌻🌻
กราบอนุโมทนาค่ะ🙏
ขอบคุณครับ ให้ความรู้อนุโมทนาบุญครับ ทุกสิ่งเป็นส่ิงสมมติครับ เป็นสภาพธรรมเกิดดับตลอดครับเเต่ตอนวัยรุ่นไม่เคยคิดครับมีครอบครัวครับไปหมดจากภพมนุษย์ไปตามกรรมครับทุกสิ่งเอาไปไม่ได้ทิ้งไว้บนโลกนี้เหลือบุญบาปเท่านั้นที่ติดตัวครับ
🙏🙏🙏
สาธุครับอาจารย์😂
🎉 ขอ,นอบ"น้อม" กราบ"คุณพระรัตนตรัย" เจ้าค่ะ.และ"น้อม" กราบ อนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ."ท่านอาจารย์ Paderm Yeesomb " ด้วยความเคารพรักยิ่ง ค่ะ. ("น้อม" ฟัง"พระธรรม"คำจริงของ"พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" เพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจถูก สะสมเบื้องต้นในการฟังคิดและไตร่ตรองคำจริงที่ปรากฏขณะนี้ จนกว่าจะเข้าใจตัวธรรมะ เมื่อไรก็เมื่อนั้น ตามกำลังของปัญญา ค่ะ.) "น้อม" กราบ ขอบพระอย่างยิ่งค่ะ. "ท่าน" อาจารย์.❤
❤น้อมกราบอนุโมทนาสาธุธรรมครับท่าน
🙏🙏🙏❤️
ผู้ฉลาดคือ ณ ปัจจุบันหาทางหลุดพ้น จากกิเลสทั่งปวง
กราบอนุโมทนาในการเผยแผ่คำจริงของพระพุทธเจ้าด้วยความเข้าใจ
❤
ขอบพระคุณที่กรุณาให้ความรู้ได้ศึกษาค่ะอาจารย์
คิดถึงคำพูดของอาจารย์เลยตายแล้วกลับบ้านเก่าคือนรก
ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุในพระธรรมค่ะ
🌿🌿🌿🙏
ตายแล้วเกิดแล้วแต่บุญปาปผมนึกเรืองตายทุกวันผมไมอยากมีตัวต้นบนโลกใบนี้เลยครับอาจรา์ย🙏
0:12
ไปตามแรงกรรม กรรมที่เราทำในชาตินี้หรือชาติก่อนๆ ตถาคตบอกไว้ไหมครับถ้าไม่อยากเกิดทำไงครับ
กำจัดอวิชา ประหารกิเลส ไม่เกิดอุปทานติดข้องใดๆ
กล่าวคืออบรมให้เกิดปัญญาประจักษ์แจ้งถึงการดับอาสวะกิเลส เข้าถึงสภาวะสุญญตา นิพพาน
ความไม่อยากเกิด ไม่ได้ทำให้ไม่เกิด การจะไม่เกิด ก็ต้องเข้าใจว่าอะไรคือความไม่อยากเกิด อะไรคือความอยากเกิด ความเกิดมีเพราะอะไร ความดับมีเพราะอะไร ไม่-อยาก-เกิด อะไรคือไม่ อะไรคืออยาก อะไรคือเกิด อาศัยความรู้ตามจริงนั้น ละความไม่รู้
กรรมใดจะให้ผล เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครไปบังคับให้กรรมนี้ให้ผลกรรมนั้นอย่าเพิ่งให้ได้ กรรมในอดีตที่ให้ผลเป็นชนกกรรมคือให้มาเกิดแล้ว ก็ยังมีเศษกรรมให้ผลเป็นปฏิสนธิอีกได้
@@sabbe.dhamma.anatta ศึกษาพระธรรมอย่างละเอียดทีละคำ คือการบูชาคุณของพระศาสดา กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
กระแสการเกิดซ้ำๆไม่มีหยุดด้วยเหตุจากจิตอันมีกิเลส ในหนึ่งกายหนึ่งชีวิตนี้ พิสูจน์ประจักษ์แจ้งได้ด้วยตนเอง
แต่กระบวนการเกิดข้ามแพลตฟอร์ม เมื่อกายเนื้อดับ 'มี ??... ทำการเก็บข้อมูลต่างๆที่สะสมไว้ตลอดทั้งชีวิต ทำการส่งไม้ต่อ' จากกายเนื้อเก่า ไปเกิดยังกายสังขารอื่น ?? กระบวนการต่างกันสิ้นเชิงกับการเกิดต่อเนื่องจจากภายใน ..ฉะนั้นการเกิดสืบต่อข้ามภพชาติได้จึงเป็น'ความเชื่อ'ที่ต้องพิสูจน์นะครับ
พุทธองค์เองในปัจฉิมโอวาท ท่านกล่าวเพียงว่าวันเวลาล่วงไป ร่างกายพวกเรานี้ย่อมแปรปรวน เสื่อมและดับไปในที่สุด ดังนั้นพวกท่านใช้ชีวิตจงอย่าได้ประมาท
(แต่ไม่มีต่อว่า หากพวกท่านยังดับกิเลสไม่ได้ เมื่อร่างกายตายลง จิต วิญญาณ ที่ยังตั้งดำรงอยู่ได้ จาก?? จะเป็นชนวนส่งให้พวกท่านไปเกิดยังกายสังขารอันใหม่เป็นวงจรไม่มีที่สิ้นสุด)
กายเนื้อไม่ได้ทรงจำ ไม่ใช่แพลตฟอร์ม เพราะกายเนื้อคือรูปธรรมที่เกิดตามเหตุปัจจัย ความดับของรูปธรรมไม่ใช่เหตุให้รูปธรรมเกิดสืบต่อ เพราะรูปธรรมนี้เกิดจากผลกรรมเป็นสำคัญ ดังนั้นกายเนื้อไม่ได้เก็บความจำ เพราะสภาวะของเครือข่ายนิวรัลในสมองคือสิ่งที่ไม่รู้อะไร คือรูปธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยที่เป็นนามธรรม นั่นคือสัญญาคือความจำได้ความจดจำไว้ เช่นที่จำได้ว่าเมื่อวานนี้กินขนม เพราะสมองในวันนี้มีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้นสอดคล้องกับการกระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเมื่อวานนี้ แท้จริงจึงไม่ใช่สมองจำ ไม่ใช่สมองคิด แต่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นสอดคล้อง เป็นที่ตั้งของความจำความคิดอันเป็นนามธรรม แต่จะจำได้หรือไม่ได้นั้น ก็หาผู้ใดบังคับบัญชาไม่ได้เลย
ผู้ที่จะสามารถเข้าใจ ในปัจฉิมโอวาทได้ ก็ต้องเป็นผู้ที่เคยสะสมความเข้าใจในพระธรรมที่พระศาสดาทรงตรัสรู้และทรงแสดง และต้องเป็นผู้ที่ฟังและพิจารณาศึกษาพระธรรมอย่างละเอียดค่ะ ไม่ใช่ฟังมาแค่คำสองคำ แล้วก็คิดเองแบบนี้ค่ะ เข้ามาฟังบ่อยๆนะคะ
@@sabbe.dhamma.anatta บางคนอยากเข้าใจอยากทำความดี แต่ไม่มีเหตุปัจจัยก็เกิดไม่ได้ ไม่อิสระ เพราะบังคับบัญชาไม่ได้ เพราะสภาพธรรมทุกอย่างไม่เว้น เป็นอนัตตา กราบอนุโมทนา สาธุ ในกรรมฐานนี้ค่ะ
@@mudamuda7427 พออยาก อยากก็ขวาง เคยนั่งนึกคิดเล่น ๆ เห็นวุ้น floater ในลูกตา ลอยไปลอยมา ก็เพียรเพ่งหา แต่เพราะตาเห็นไม่ตรงมาแต่แรก พอขยับตาไปมอง มันจึงลอยไปตรงอื่น ยิ่งมองก็ยิ่งลอยไป พอเลิกมองหาก็หลงลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ ความเห็นผิดคิดบังคับบัญชาสภาพธรรมมันก็คล้ายกัน หากยังยึดถือความเป็นเราเป็นผู้จดจ้องบ้าง ผู้เพียรจะไม่จดจ้องบ้าง ผู้ไม่ใส่ใจจดจ้องบ้าง ก็ติดความเป็นผู้ทำผู้ไม่ทำอยู่อย่างนั้น
@@sabbe.dhamma.anatta ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เราไม่ได้คิดตามธรรมะแต่เราคิดตามเราคิด ถ้าตามธรรมะ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะกำลังมีก็ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นธรรมะ ความลึกซึ้งเท่านั้นที่เป็นหนทางที่ลึกซึ้งคือความเข้าใจความลึกซึ้ง 😇กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะค่ะ❤🩹
ความคิดและการปรุงแต่ง ทำให้การเกิดและดับปรากฏครับ
เราต้องเข้าใจคำว่า ปรุงแต่งใหม่และใช้กันผิดครับ
อย่าปรุงแต่ง คำที่ใช้กันผิด และเป็นคำที่เห็นผิด นอกพระพุทธศาสนา
เพราะไม่เข้าใจธรรมทีละคำ ตามคำพระพุทธเจ้า ปรุงแต่งก็ไม่รู้ว่าคืออะไร สังขาร คือ สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น อะไรเกิด ธรรมเกิด ไม่ใช่เราเกิด ดังนั้น เรามักข้าใจว่า อย่าปรุงแต่ง คือ อย่าโกรธ อย่าชอบ ให้เห็นเฉยๆ แต่ความจริงเมื่อใดที่ธรรมเกิด เมื่อนั้นปรุงแต่งแล้ว มีการปรุงแต่งของธรรมที่เกิดขึ้น ทั้งจิตเกิด จิตก็เป็นสังขารธรรม เป็นธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น จิตจึงเกิด ดังนั้นพระอรหันต์ไม่มีกิเลสแล้ว ไม่โกรธ ไม่ชอบ ไม่ติดข้อง แต่ก็มีการปรุงแต่งเกิดขึ้นของธรรม ดังนั้น อย่าปรุงแต่ง ก็เป็นคำผิดตั้งแต่ต้น และก็มีสภาพธรรมที่ปรุงแต่งจิต คือ เจตสิกธรรม เช่น ปัญญา ความรู้สึก(เวทนา) ปรุงแต่ให้จิตดี ไม่ดี เป็นต้น ดังนั้น พระอรหันต์ก็มีปัญญา ท่านก็มีธรรมที่ปรุงแต่ง ท่านมีความรู้สึก เวทนา จิตเกิดเมื่อไหร่ก็มีเจตสิกปรุงแต่งจิตแล้ว ดันั้นกำลังปรุงแต่งอยู่ทุกขณะ ไม่มีใครห้ามได้ แม้พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ก็มี
อย่าปรุงแต่ง คำที่ขัดแย้งอนัตตา อธิบายผิดว่า อย่าไปโกรธ อย่าไปติดข้อง ให้อยู่กับลม ให้เฉยๆ สักแต่ว่ารู้ ไม่มีปัญญาเข้าใจอะไรเลย พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา ไปอยู่กับลม ปัญญารู้อะไร ให้เฉยๆ เฉยแล้วปัญญารู้อะไร รู้ไหมว่า ความรู้สึกเฉยๆ อุเบกขาเวทนาเกิดกับโมหะความไม่รู้ได้ เฉยๆ ไม่มีปัญญา ก็โมหะความไม่รู้ อย่าไปติดข้อง ห้ามกิเลสได้ไหม ก็ลืมความเป็นธรรมเป็นอนัตตา หนทางที่ถูก คือ เข้าใจสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นธรรม นี่คือหนทางละความไม่รู้และความยึดถือว่าเป็นเรา
อาจารย์คะ ช่วยบอกวิธีการทำกรรมดีหน่อยค่ะ เช่นการดูเเลพ่อเเม่ การทำความสะอาดวัด พูดเพราะ สะสมปัญญาจากการฟัง เเบบนี้จะไปเกิดที่ดีๆ ใช่หรือเปล่าคะ
กรรมดีเมื่อให้ผลย่อมให้เกิดที่ดี ดังนั้นการเจริญขึ้นของปัญญา ปัญญาจะเป็นตัวบอกนำไปในกุศลประการต่างๆเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ แต่ไม่ลืมว่าธรรมเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ ตามปัจจัยไม่ใช่ตามใจเราหรือใครบอกให้ทำครับ ธรรมทำหน้าที่ ขออนุโมทนาครับ
อยู่กับปัจจุบัน ทำความดีให้เป็นปัจจุบันทุกวัน ตายไป ย่อมไปดีแน่นอน
อยู่กับปัจจุบัน คำที่มักเข้าใจผิด ไม่ตรงตามพระพุทธศาสนา
อยู่ในโลกของความคิด ไม่ใช่เราคิด จิตคิด ไม่ได้ห้ามคิดถึงอดีต อนาคต แต่ทั้งหมดให้เข้าใจถูกว่าที่คิดเป็นธรรม ไม่มีเราเขา เรื่องที่คิดไม่มี จิตที่คิดมี เข้าใจจิตที่คิดในปัจจุบันว่าเป็นธรรม เป็นหนทางละกิเลสละทุกข์
ภัทเทกรัตตสูตร
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และ สิ่งที่ยังไม่มาถึงก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
พระธรรมของพระพุทธเจ้า ละเอียดลึกซึ้ง ตั้งแต่โดยนัย สมมติ เรื่องราว และ จนถึงการรู้ความจริงของสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถ์ ที่มีลักษณะที่เป็นสภาพธรรมที่กำลังเกิดมีในปัจจุบันในขณะนี้ ครับ
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลส อกุศล เพราะ การคิดนั้นไม่เป็นประโยชน์แต่นำมาซึ่งโทษ แต่การคิดที่เป็นเรื่องราวที่เป็นการคิดด้วยกุศลจิต สิ่งนั้น ก็ควรคิด คือ เป็นความคิดถูกในขั้นเรื่องราว
ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง .... คือ การคิดถึง อนาคต ที่มุ่งหวัง ด้วยอำนาจกิเลสด้วยความติดข้อง ต้องการ ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เพราะ ยังไม่มีสภาพธรรมอะไรเกิดขึ้น
สิ่งใด ล่วงไปแล้ว ก็เป็นอันล่วงไปแล้ว .... แสดงถึงความละเอียดของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่สามารถนำกลับมาได้ เพราะ เมื่อดับไปแล้ว จะกลับมาได้อย่างไร ดังนั้น การคิดในสิ่งที่กลับมาไม่ได้ ด้วยความติดข้อง หรือ อกุศล ย่อมไม่เกิดประโยชน์
สิ่งใดยังมาไม่ถึง ก็เป็นอันมาไม่ถึง..... แสดงถึง สภาพธรรมที่เกิดขึ้น จะต้องมีเหตุปัจจัย เมื่อยังไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิด จะทำด้วยความเป็นตัวตน หรือ คิดให้เป็นไปดั่งใจก็ไม่มีประโยชน์ ก็ควรเข้าใจว่า เมื่อสภาพธรรมนั้นยังไม่เกิด ก็ทำอะไรไม่ได้
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้น พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
- แสดงถึง ปัญญาอีกระดับหนึ่ง ที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ที่ให้เข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ คือ รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดในขณะนี้ ตามความเป็นจริง ซึ่งก็คือ ขณะปัจจุบันขณะ ขณะนั้นรู้ความจริงด้วยปัญญา ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้น ละกิเลส ละอวิชชา เพราะ รู้ตามความเป็นจริง และ ไม่ได้คิดนึกเป็นไปกับเรื่องราวในอดีต ในอนาคต ที่จะทำให้ไม่รู้ลักษณะ สมกับคำที่เรียกว่า สมมติปิดบังปรมัตถ์
ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน เพราะ ปัญญากำลังรู้ความจริง ไม่ง่อนแง่นไปในอกุศลและ ไม่คลอนแคลนไปในอกุศล และ ไม่ง่อนแง่นไปในเรื่องราวที่คิดนึก ในอดีต และ ในอนาคต ครับ
จะเห็นนะครับว่า โดยมาก เราเข้าใจว่า การอยู่กับปัจจุบัน คือ ไม่ให้คิดในเรื่องอดีต หรืออนาคต ให้อยู่กับปัจจุบัน แล้วอะไรที่จะทำให้อยู่กับปัจจุบันได้ ไม่ใช่ตัวเราแน่นอน แต่เป็นปัญญาขั้นสูง ที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้น ชื่อว่าอยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง และ ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วย เพราะ ไม่ได้คิดนึกเป็นเรื่องราวในอดีต และ ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะ กำลังรู้ลักษณะของสภาพธรรมในปัจจุบัน ครับ
บุคคลนั้น พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด... คือ พึงมีสติ เจริญสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงเป็นปกติ ทั่วทั้ง 6 ทวาร จนปัญญาเกิดละกิเลสได้ในที่สุดครับ
นี่คือ ความละเอียด ของ พระคาถา โดยเฉพาะ กับคำว่า อยู่กับปัจจุบัน ครับ ขออนุโมทนา
@@paderm อธิบาย ภัทเทกรัตตสูตร (แปลไทยเป็นไทย)ได้สุดยอดเลยค่ะ กราบอนุโมทนา อาจารย์ผเดิม ที่มาให้กรรมฐาน อยู่ เนืองๆเสมอๆ สาธุค่ะ
ถามคนเป็น ก็จะเลือกที่ไป ซึ่งคนเป็นอยากเลือกจะไป..ถามคนตายไม่มีคำตอบจากคนตาย..?
พระธรรมไม่ใช่สำหรับถามหรืออยากแต่สำหรับฟังให้เข้าใจเกิดปัญญาว่าเกิดคืออะไร ตายคืออะไรตามคำพระพุทธเจ้าและพระธรรมสำหรับคนที่เห็นถูก ไม่ใช่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้สะสมปัญญามาครับ ขออนุโมทนา
ผมว่าตายแล้วมีเกิดอีกแน่นอนมันยุที่ว่าจะเกิดเป็นอะไรคนหรือสัตว์..ฟัน ธง/ครับ
ถ้ายังมีกิเลสก็ยังเกิด แต่สิ่งที่แตกต่างคือผู้ไม่รู้ก็คิดว่าสัตว์บุคคลเกิด แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าแท้ที่จริงคือธรรมเกิด ขันธ์ห้าเกิด ไม่ใช่สัตว์บุคคลเกิด แต่เรียกสมมติให้ชาวโลกเข้าใจ จึงเป็นผู้เริ่มต้นใหม่ที่จะเข้าใจถูกว่าเป็นธรรม เพราะความไม่รู้ว่ามีแต่ธรรม จึงยึดถือว่ามีเรา มีเขาจึงเดือดร้อนนั่นเองครับ ขออนุโมทนา
เกิดก่อนตาย หรือตายก่อนเกิดค่ะ
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน แต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี" ไม่มีเกิดก็ไม่มีดับ มีเกิดแล้วต้องมีดับ มีดับแล้วไม่มีเกิดนั้นได้
ตายแล้วไปไหนหรือ.?เกิดหรือไม่เกิด ถ้าเกิด ก็แล้วใครล่ะที่เวียนเกิดเวียนตายอยู่ ก็ในเมื่อ ขันห้าไม่ใช่เรา จิตวิญญานก็เป็นขันห้า ถ้าจิตวิญญานไม่ใช่เรา จึงอยากรู้ว่าแล้วใครล่ะที่เป็นเราที่เกิดและตายแล้วเข้าถึงสัจจะธรรมเพื่อหลุดพ้นหยุดเกิดได้ สิ่งนั้นเรียกว่าอะไร ช่วยบอกหน่อยครับ
ใครล่ะที่เป็นเรา?
ตอบได้ว่า“ธรรมะแต่ละหนึ่งเข้ามาเป็นปัจจัยรวมกัน จึงเกิดเป็นเรา”
สัจจะธรรมเพื่อการหลุดพ้นหยุดเกิดได้ เรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า“การละทิ้ง ปล่อยวางทันที”(เมื่อรู้แล้ว เข้าใจถูกแล้ว)
"ดูกรอานนท์ เราอันวัจฉโคตรปริพาชกถามว่า อัตตามีอยู่หรือ ถ้าจะพึงพยากรณ์ว่า อัตตามีอยู่ไซร้ คำพยากรณ์ของเรานั้น จักอนุโลมเพื่อความบังเกิดขึ้นแห่งญาณว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา บ้างหรือหนอ ฯ"
@@sabbe.dhamma.anatta เข้ามาขอกรรมฐานกับ อาจารย์ผเดิม และอาจารย์รุ่นพี่ค่ะ กราบอนุโมทนา สาธุ ค่ะ
พระพุทธเจัาไม่ให้แสดงธรรมกับคนไม่สำรวม แบบนี้ผมนอนฟังคลิปอาจารย์ จะเป็นการไม่สำรวมตอนฟังธรรมรึเปล่าครับ
th-cam.com/users/shortsbDxs67OAM34?si=hlyBbKwK_v8-7ofo
ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา แล้วตัวเรานี่คือใคร
คือความเห็นผิดว่าเป็นเรา คือความสำคัญความติดข้องว่าเป็นเรา
@@pongpalanun เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่องจำไม่ทำให้เข้าใจ ความเข้าใจจึงทำให้จดจำได้อย่างมั่นคง
@@sabbe.dhamma.anatta ขออนุโมทนาในคำจริงที่เข้าใจและจึงจำด้วยความเข้าใจครับ
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณนะค่ะ
ยินดีในกุศลทุกประการ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
🙏🙏🙏