ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
เอาคำไหม่ไปไส่เพื่อหาจัดงานเอาเงินมาแบ่งกรรมการครึ่งวัดครึ่งงัยอันนี้เรื่องจริงไม่ได้โม้.สัทธาคำสอนครับพระอาจารย์
กราบไหว้ต้นโพธิได้บุญ กราบพระอัฐฐิธาตุได้บุญ กราบพุทธรูได้บุญไม่บาป กราบเพือแสดงความเคารพบูชา เพื่อระลึกถึงพระกรุณาธิคุน เพื่อระลึกถึงพระธรรมคำสอน ไม่บาปตรงไหนเลย แต่ถ้าไปกราบเพื่อขอหวย ขอโชคลาภ ขอให้หนังเหนียว กราบด้วยความเห็นผิด ทำเป็นการค้าทำอาชีพนี่แหละนรก... ชาวพุทธกราบเถอะพุทธรูป เพื่อเป็นพุทธานุสติกุศลมหาศาล ....แต่พวกที่กราบขอหวยนี่นรก ควรจะแก้ใขที่ความเห็นผิดของคน ไม่ใช่แก้โดยห้ามกราบพระพุทธรูป ถ้าคิดผิดแล้วคิดใหม่.... พระอัฐฐิธาตุ กราบแล้วได้บุญอย่าไรการบพระพุทธรูปก็เหมือนอันเดียวกัน มันอยู่ที่เจตนา การพระพุทธรูปให้ได้เห็นอยู่เป็นประจำ ระลึกถึงเป็นประจำเป็นพุทธานุสติ ย่อมดีกว่าการไปทำลายพุทธรูปทิ้งหมด หลวงปู่มั่น แหวน ดุล ฝั้น ชอบขาวคูณ และหลวงปุ่อื่นๆทั้งหลาย แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวร.1234่567890ก็กราบพระพุทธรูป.. ❤ผมเข้าใจในเจตนาของท่านเป็นเจตนาดีต่อพระศาสนา แต่ขอให้ท่านลองพิจจารณาวิธีการแก้ใขความเห็นผิดของคนใหม่ ว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้อีกไหม.....คิดว่าหลวงปู่มั่นหลวงปู่มหาบัวยังกราบพุทธรูปโดยไม่เคยคัดค้านเลย...ขอท่านลองคิดดูใหม่ครับ นมัสการท่านครับ❤❤❤
กราบสิ่งที่ศรัทธามีความสุขก็ปิติแล้ว...ธรรมชาติคือสิ่งแน่นอน..
กุศลของท่านสาธยายธรรมอนุโมทนาสาธุ ครับ
กราบพระอาจารย์ส่าธูๆคะ
สาธุๆๆ ค่ะ
เพราะพระอาจารย์ ผมถึงศึกษาพระธรรม อินทรีย์ปัญาผมอาจจะไม่มากก็น้อย แต่ก็ทำให้อยากศึกษา เข้าใจหรือไม่เข้าใจ อย่างน้อยสุดก็ได้คิดที่จะศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้า
น้อมกราบพระอาจารย์ต้น ด้วยความเคารพอย่างสูง สาธุ สาธุ สาธุ
ดังนั้นจึงอยากให้เราชาวพุทธทั้งหลาย ใช้สติให้มากๆ ผมเข้าใจนะครับว่ายุคนี้ข้อมูลต่างๆ...มันมาจ่อถึงหน้าบ้านทุกคน แต่กระดิกนิ้วนิดเดียวทุกคนก็รับทราบ รับรู้ข้อมูลได้เหมือนกันหมด แต่ทุกคนอย่าลืมนะครับ เรื่องของธรรมะนั้น ละเอียดลึกซึ้ง แต่ละคำกลั่นมาจาก พระสัพพัญญุตญาณ อันหยั่งรู้ธรรมทุกประการ เป็นคุณสมบัติพิเศษของพระพุทธเจ้า เท่านั้นซึ่งกว่าจะบังเกิดขึ้นได้ ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์อย่างน้อยต้องใช้เวลา 20อสงไขย+แสนมหากัป และภาษาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนคือภาษา มคธ ซึ่งคนที่มีความรู้ทางบาลีจะทราบดีว่า ภาษา มคธ เป็นภาษาบันทึกสภาวธรรม และภาษา มคธ ทั้งหลายที่บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้มารวมกันเรียกว่า บาลี....และการที่จะแปลพระไตรปิฎกภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผู้แปลจะต้องมีความรู้และเข้าใจโครงสร้างภาษาบาลีไวยากรณ์เป็นอย่างดีและอะไรอีกหลายอย่าง จึงทำให้ต้องมี อรรถคถา ฏีกา ต่างๆเกิดขึ้นมาเพื่อมาอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้คนรุ่นหลัง ที่มาอ่านภาษาไทยเข้าใจเนื้อหาธรรมะโดยรวมในพระสูตรนั้นๆ ได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น...นั่นเอง*** ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครไปด้อยค่าคัมภีร์อรรถคถา ก็จะไม่มีทางรู้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ พระพุทธปฏิมา มีมาอย่างไรในพระไตรปิฏก ซึ่งในกรณีนี้ พระอาจารย์ก็ ยกส่วน อรรถกถา ของ กาลิงคโพธิชาดก มาอธิบายเช่นกัน เพียงแต่เกิดปัญหาเรื่องการตีความหมายของภาษาไทย ตามที่กล่าวมาใน comment แรก.ถ้าใครไม่เชื่อลองไปอ่าน พระสูตรที่ชื่อว่า "ธรรมสูตร" ดูว่า ที่พระพุทธองค์กล่าวว่าผู้มีวิชชา3 คืออย่างไร ๑.) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ ๑ ชาติบ้าง ๒ ชาติบ้าง ๓ ชาติบ้าง ๔ ชาติบ้าง ๕ ชาติบ้าง ๑๐ ชาติบ้าง ๒๐ ชาติบ้าง ๓๐ ชาติบ้าง ๔๐ ชาติบ้าง ๕๐ ชาติบ้าง ๑๐๐ ชาติบ้าง ๑,๐๐๐ ชาติบ้าง ๑๐๐,๐๐๐ ชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัปเป็นอัน มากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัป เป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏะและวิวัฏฏกัป เป็นอันมากบ้าง *** ซึ่งถ้าเราไม่ไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมใน อรรถคถา เราจะไม่มีทางรู้เลยว่า วิวัฏฏกัป / สังวัฏฏกัป คืออะไร และมันเกิดอยู่ตรงช่วงเวลาไหนของมหากัปป์ แต่พอเราไปศึกษาและเข้าใจแล้วจึงทำให้ทราบว่าภาพใหญ่ของ 1มหากัปป์ คือประกอบด้วย 4ส่วน แต่ละส่วนเรียกว่า อสงไขยกัป (1 มหากัป = 4 อสงไขยกัป ) ประกอบด้วย 1.สังวัฏฏกัป (ระยะกาลที่จักรวาลเริ่มถูกทำลายด้วยไฟ น้ำ หรือลม ทุกสิ่งในจักรวาลสลายไปสู่ธาตุเดิม ย่อยไปไม่มีเหลือ) 2. สังวัฏฏัฏฐายีกัป (ระยะกาลที่ไม่มีอะไร ไปจนถึงเริ่มกำเนิดของและสิ่งต่างๆ) 3. วิวัฏฏกัป (ระยะกาลเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ ของสิ่งทั้งหลาย จนถึงทุกสิ่งในจักรวาลเจริญเต็มที่) 4. วิวัฏฏัฏฐายีกัป (ระยะกาลที่จักรวาลสมบูรณ์จนถึงเริ่มเสื่อมสลายอีก) ---> ซึ่งทำให้เรารู้ว่าปัจจุบันเรากำลังอยู่ในอสงไขยกัป นี้นั่นเอง...นี้คือตัวอย่างของประโยชน์ที่เราได้จากการอ่านเพิ่มเติมในส่วน อรรถคถา ครับ...
กราบมนัสการพระอาจารย์ ด้วยความเคารพ ครับ...ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าไม่มีเจตนามาจับผิดใคร นะครับ เพียงแต่ไม่สบายใจและสงสัยในเรื่องนี้เพราะผมก็กราบไหว้พระพุทธรูปประจำทุกวันก่อนและหลังสวดมนต์นั่งสมาธิ...ผมเป็นคนนึงในฐานะชาวพุทธ ที่สับสนเรื่องนี้มากและเราก็ไม่ความรู้ด้านภาษาบาลีด้วย จึงพยายามหาข้อมูลจากผู้รู้อื่นๆ และข้อมูลจากพระไตรปิฎกเพื่อยืนยันและหาข้อสรุปของเรื่องนี้...ที่มาของ เรื่อง นี้คือการอ่านอรรถกถา กาลิงคโพธิชาดก ส่วนที่แปลเป็นภาษาไทย ซึ่งอาจทำให้การตีความผิดเพี้ยนไป...จากภาษาบาลี...อรรถกถา กาลิงคโพธิชาดก... ๖ กาลิงฺคชาตกํ ฯ ราชา กาลิงฺโค จกฺกวตฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโตอานนฺทตฺเถเรน กตํ มหาโพธิปูชํ อารพฺภ กเถสิ ฯ เวเนยฺยสงฺคหตฺถาย หิ ตถาคเต ชนปทจาริกํ ปกฺกนฺเตสาวตฺถิวาสิโน คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนํ คนฺตฺวา อญฺญํ ปูชนียฏฺฐานํอลภิตฺวา คนฺธกุฏิทฺวาเร ปาเตตฺวา คจฺฉนฺติ เตน อุฬารปาโมชฺชาโหนฺติ ฯ ตํ การณํ ญตฺวา อนาถปิณฺฑิโก ตถาคตสฺส เชตวนํอาคตกาเล อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ภนฺเต อยํ วิหาโรตถาคเต จาริกํ ปกฺกนฺเต นิปฺปจฺจโย โหติ มนุสฺสานํ คนฺธมาลาทีหิปูชนียฏฺฐานํ น โหติ สาธุ ภนฺเต ตถาคตสฺส อิมมตฺถํ อาโรเจตฺวาเอกสฺส ปูชนียฏฺฐานสฺส สกฺกุเณยฺยภาวํ ชานาถาติ ฯ โส สาธูติสมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถาคตํ ปุจฺฉิ กติ นุโข ภนฺเต เจติยานีติ ฯ ตีณิอานนฺทาติ ฯ กตมานิ ตีณีติ ฯ สารีริกํ ปาริโภคิกํ อุทฺทิสิกนฺติ ฯสกฺกา ปน ภนฺเต ตุมฺเหสุ จรนฺเตสุเยว เจติยํ กาตุนฺติ ฯ อานนฺทสารีริกํ น สกฺกา กาตุํ ตมฺหิ พุทฺธานํ ปรินิพฺพุตกาเล โหติอุทฺทิสิกมวตฺถุกํ มมายนมตฺตเมว โหติ พุทฺเธหิ ปริภุตฺโต มหาโพธิตรงประโยคนี้ " อุทฺทิสิกมวตฺถุกํ มมายนมตฺตเมว โหติ " ที่พระอาจารย์กล่าวตามอรรคถาภาษาไทย "สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น"แต่ไม่คำว่า คือการแสดงธรรม ปรากฎในอรรคถานี้....แต่พระเถระของมหาเถรสมาคม ผู้มีองค์ความรู้ด้านภาษาบาลี ชี้แจงว่า จริงๆ สมควรแปลว่า " อุทเทสิกเจดีย์ ไม่ใช่สถานที่หรือไม่ใช่วัตถุสิ่งของ เป็นเพียงสิ่งนับเนื่องด้วยเราตถาคต"....ซึ่งพวกเราจะเห็นว่า ถ้าตีความหมายตามผู้รู้ด้านภาษาบาลีของมหาเถรสมาคม นั้นจะเห็นว่าความหมายแตกต่างกันบ้างแต่ก็ยังไม่มีข้อความปรากกฎว่า อุทเทสิกเจดีย์ คือพระพุทธรุป หรือ แปลว่าการแสดงธรรม แต่อย่างใดดังนั้นจึงมีการเชื่อมโยงไปหาอีกพระสูตรนึงชื่อว่า "นิธิกัณฑสูตร(ว่าด้วยการฝังขุมทรัพย์)" ซึ่งมีข้อความในพระสูตรบางส่วนที่กล่าวถึงพระเจดีย์ ดังนี้ [๖] ขุมทรัพย์๑- ที่ผู้ใดจะเป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม ฝังไว้ดีแล้ว ด้วยทาน ศีล สัญญมะ และทมะ๒- [๗] ในพระเจดีย์ พระสงฆ์ บุคคล แขกที่มาหา ในมารดา บิดา หรือพี่ชาย [๘] ขุมทรัพย์นี้ชื่อว่าฝังไว้ดีแล้ว คนอื่นขนเอาไปไม่ได้ จะติดตามคนฝังตลอดไป บรรดาทรัพย์สมบัติที่เขาจำต้องละไป เขาพาไปได้เฉพาะขุมทรัพย์นี้เท่านั้นและมีส่วนขยายความใน "อรรถกถานิธิกัณฑสูตร" เกี่ยวกับพระเจดีย์ ดังมีรายละเอียดดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความที่บุญสัมปทาเป็นขุมทรัพย์โดยปรมัตถ์ ด้วยคาถานี้ว่า ยสฺส ทาเนน เป็นต้นอย่างนี้แล้ว เมื่อทรงแสดงวัตถุที่ขุมทรัพย์อันบุคคลฝังแล้ว ชื่อว่าฝังไว้อย่างดี จึงตรัสว่า ในเจดีย์ก็ดี ในสงฆ์ก็ดี ในบุคคลก็ดี ในแขกก็ดี ในมารดาก็ดี ในบิดาก็ดี ในพี่ชายก็ดี. ในคาถานั้น ชื่อว่า เจติยะ เพราะควรก่อ ท่านอธิบายว่า ควรบูชา. ชื่อว่า เจติยะ เพราะวิจิตรแล้ว. เจดีย์นั้นมี ๓ อย่าง คือ บริโภคเจดีย์ อุทิสสกเจดีย์ ธาตุกเจดีย์. บรรดาเจดีย์ทั้ง ๓ นั้น โพธิพฤกษ์ ชื่อว่าบริโภคเจดีย์ "พระพุทธปฏิมา ชื่อว่าอุทิสสกเจดีย์" พระสถูปที่มีห้องบรรจุพระธาตุ ชื่อว่าธาตุกเจดีย์.(Refer อรรถกถานิธิกัณฑสูตร : 84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=9)*** ซึ่งจะเห็นว่าใน อรรถกถานิธิกัณฑสูตร จะปรากฎคำว่า "พระพุทธปฏิมา ชื่อว่าอุทิสสกเจดีย์" อย่างชัดเจน....
ดว้ยความเคารพ ในความแตกฉานของท่าน และความจริงใจที่ท่าน...รักพระศาสนา ดว้ยจริงใจ แต่อยากให้ท่าน...ลองพิจารณา ในเรื่องเหล่านี้ดูบ้าง.. อาจได้ข้อเท็จจริง เพิ่มขึ้น...แล้วจะเป็นประโยชน์ ในการเผยแผ่ พระศาสนาได้...กวา้งขวางขึ้น ในพระไตรปิฏก กล่าวถึง สมัยที่ พระพุทธองค์ เสด็จโปรดพระพุทธมารดา ที่ สวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ ...พระเจ้าปเสนทิโกศล ...ให้ช่าง แกะพระพุทธรูป จาก ไม้แก่นจันทน์ เพื่อทอดพระเนตร แทนพระองค์ (พระพุทธรูปนี้ น่าจะเป็น ..องค์แรก ของโลก ???) คำจารึก...ในกระเบื้องจาร (คูบัว ราชบุรี) ที่ หลวงปู่ อำ่ ธัมมทัตโต วัด โสมนัส กทม. อ่านได้ กล่าวถึง ... ท่าน พระ ปุณณเถระ (ชาว ปะรันตะ ชนบท ) ได้ ...สลักพระพุทธรูป ที่ พระพุทธองค์..ทรงฉายไว้....ในถำ้ เขางู (ถำ้ฤาษี ) จ.ราชบุรี ซึ่ง เป็น...ปฏิมากรรม รว่มสมัย ที่พระพุทธองค์ทรง พระชนฆ์ชีพอยู่... และที่ถำ้ฝาโถ ใกล้ๆกันกับ...ถำ้เขางู (ถำ้ฤาษี) พระเจ้าทัพไททอง...แกะสลัก พระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน....รว่มสมัยกับที่พระพุทธองค์ ทรงปรินิพพาน (จารึก อ่านได้ ว่าอย่างนั้น ) ทั้งหมดทั้งมวล การสร้างพระพุทธรูป วัตถุประสงค์ ...ที่สำคัญ ก็คง่ไม่น้อยกว่าวัตถุประสงค์อื่น นั่นก็คือ....ดำรงค์ พระศาสนา...ให้ยั่งยืน บรรพบุรุษเรา...เข้าถึงสิ่งนี้ อย่างลึกซึ้ง....จึงสร้าง...วัด สถูป เจดีย์ วิหาร และ ที่สำคัญที่สุดคือ....สร้างพระพุทธรูป....ไว้ให้ลูกหลานได้...กราบไหว้ เป็น ...อนุสสติ... ผู้ทรงธรรม ตั้งแต่...โบราณกาลมา....ไม่เคย ...ตำหนิ...การสร้างพระปฏิมา และการกราบไหว้พระปฏิมาเราผู้เป็น ...คนรุ่นหลัง ก็ควรเดินตามท่าน ซึ่งไม่น่า จะเกิดความเสียหายอะไร???
ในพระไตรปิฎก กล่าวถึง สมัยที่ พระพุทธองค์..(อ้างมากันผิด ๆ) ต้องทำความเข้าใจใหม่ เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล ให้ช่างแกะพระพุทธรูป ..เรื่องนี้นำมาจากหนังสือ นิทาน ชื่อ ชินกาลมาลีปกรณ์ หนังสือนี้แต่งที่ล้านนา หรือเมืองเชียงใหม่ ดังนั้น พระพุทธรูปแก่นจันทน์ คือ นิทานที่พระอาจารย์ชาวเชียงใหม่แต่งขึ้นมา...
กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ🙏🙏🙏
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ต้นด้วยความเคารพอย่างสูงสาธุในธรรมตามแนวทางของพระอาจารย์ต้นเจ้าค่ะพุทโธเมนาโถธัมโมเมนาโถสังโฆเมนาโถ🙏🙏🙏
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
กราบสาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาในการเผยแผ่พระสัจธรรมของพระศาสดาเจ้าค่ะ
သာဓု သာဓု သာဓု ရက်ာ္
ดูคลิปวีดีโอเรื่อง ก เบื้องจาร บันทึกโบราณสมัยพระพุทธเจ้า มีเจ้าเมืองท่านหนึ่งแกะสลักรูปเหมือนพระพุทธเจ้า ด้วยไม้แก่นจันทร์ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ตำหนิอะไร พระแก้วมรกต เป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธ พระมหากษัตริย์ก็กราบไหว้ ใครไม่กราบไหว้พระพุทธรูปก็แล้วแต่ท่านค่ะ เรากราบรำลึกถึงพระพุทธเจ้า ขอบคุณพระพุทธเจ้าที่ให้แนวทางในการดำเนินชีวิต 🙏😇
สาธุๆๆ
รู้อยู่ว่า กำลังทำบางอย่างที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่ว่า ค่าตอบแทนมัน สูงมากๆไงหละ แม้ว่าอาชีพเราดีเด่ก้อช่าง ใช่มั๊ย ...คร..ฯล
พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระอานนท์ว่า อานนท์ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่าธรรมวินัยของพวกเราไม่มีเมื่อพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว อานนท์พวกเธออย่าคิดอย่างนี้น อานนท์ธรรมก็ดีวินัยก็ดีที่เราแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมเหล่านั้นย่อมเป็นศาสดาของพวกเธอในกาลล่วงไปแห่งเรา (พระพุทธเจ้าไม่ให้นับถือรูปปั้นแทนพระองค์) การสร้างพระพุทธรูปเป็นคำแต่งใหม่มีปราากฎในเรื่องวัฏฏังคุลีราชชาดกกล่าวถึงการสร้างพระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์แดงของพระเจ้าปัสเสนทิโกศล ซึ่งเป็นคำแต่งใหม่ ที่บ้านผมไม่มีหิ้งพระแต่กราบไหว้ไปทิศทางไหนก็ได้เพราะกล่าวทั้งบาลีและคำแปล เช่น ท่องนะโมตัสสะฯก็แปลด้วย ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าฯ และการกราบพระ อรหังสัมมาสัมพุทโธภะคะวา ก็แปลด้วยรู้ความหมายด้วย ท่องอิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ถ้าเราแปลเราจะรู้ความหมายไม่ได้กราบแบบงมงาย
ແຕ່ລະວັດມີເຕັມໄປໜົດ ໄມ່ເຫັນມີບັນຫາຖ້າມີພະອຶກມາພູດຄວາມຈິງ ກັບໄມ່ຊອບ ສ່ວນມາກກໍວ່າເປັນຊາວພູດ
ใครจะฟังก็ฟังเถอะ ...
พุทธปฏิมากร เกิดขึ้นปกปิดสัทธรรม!
สาธุๆๆๆๆขอกราบนม้สการเจ้าค่ะแสดงธรรมได้ดีมากๆๆเจ้า
😂😂😂
คันธาระ.สร้าง....😅
ฉะนั้นคนที่ทำบุญด้วยการสร้างพระพุทธรูปแต่ไม่พฤติกรรมตามคำสอน.ก็ไม่เกิดบุญใช่ไหมคะ
บุญเกิดครับ แต่ไม่ได้ใช้หลักธรรมให้เกิดประโยชน์ เอาแต่วางแผนจะสร้าง
นอ้มกราบนมัสการระอาจารย์?นอ้มกราบอนุโมธนาสาธุสาธุสาธุกับพระอาจารย์ด้วยคะ่
ถ้าต้นไม้มีแต่แก่น ท่านจะปลูกอย่างไร ไม่เอาเปลือก เอากะพี้ เอาใบ เอาแต่แก่น ถ้าท่านต้นปลูกได้ช่วยปลูกฝห้ดูสักต้น ระวังเรืองมิจฉาทิฏฐิให้มากเที่ยวไปดูถูกความเชื่อของคนพุทธ ประเพณีต่าง ๆ จะหมดไปเพราะท่านน๊ะ
มันไม่หมดหรอกครับ ความเชื่อความศรัทธาต่างคนต่างเชื่อของใครของมัน ขนาดยุคพระพุทธเจ้าท่านยังสอนให้คนไปนิพพานไม่หมดเลย
คำสอนตามหลักธรรม(พระไตรปิฎก) ที่พุทธบัญญัตินั้น เป็นกลางแล้ว ไม่ตึง และไม่หย่อน ถ้าสอนตามนี้ถือว่าสอนตามหลักธรรม ไม่ตัด ไม่บัญญัติเพิ่ม ถ้าตัดหรือเพิ่ม นั้นคือบิดเบือน กล่าวตู่ธรรมตถาคต กรรมหนักนะครับ ฉะนั้น เมื่อท่านสอนตรงตามหลักธรรมจึงควรสรรเสริญ 💥ส่วนผู้ยังก้าวข้ามประเพณีชาวบ้าน สู่ประเพณีพุทธยังไม่ได้ ก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนทำความเข้าใจพัฒนาใจไปครับ ไม่ใช่กล่าวตู่ธรรมตถาคต *โปรดอย่าบิดเบือนทำลายหลักธรรมแท้เลย ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ให้อยู่ถึง5000ปี้เถิดหลักธรรมนี้ถ้าเปรียบ กับต้นไม้ คือต้นไม้โดยสมบูรณ์ มีเปลือก กะพี้ แก่น ราก ใบ ในตัวโดยสมบูรณ์แล้ว * ส่วนผู้ศึกษาอยากตามรอยองค์ท่าน หรือหมายใจความเจริญ ด้านใด ก็เลือกเฟ้นธรรมให้เหมาะแก่ตน ตามความสามารถ จะถือศีลกี่ข้อก็เลือกเอา จะเอา มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ก็เลือกหลักธรรมปฏิบัติเอาครับ อย่าเอาสิ่งที่ไม่ใช่ตามหลักพุทธมาแย้งเพื่อยัดเยียด และบิดเบือน กล่าวตู่ธรรมกรรมตัวเองเปล่าๆครับ หวังว่าจะเข้าใจเจตนาพุทธ นะครับ สาธุครับ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ต้นเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
เอาคำไหม่ไปไส่เพื่อหาจัดงานเอาเงินมาแบ่งกรรมการครึ่งวัดครึ่งงัยอันนี้เรื่องจริงไม่ได้โม้.สัทธาคำสอนครับพระอาจารย์
กราบไหว้ต้นโพธิได้บุญ กราบพระอัฐฐิธาตุได้บุญ กราบพุทธรูได้บุญไม่บาป
กราบเพือแสดงความเคารพบูชา เพื่อระลึกถึงพระกรุณาธิคุน เพื่อระลึกถึงพระธรรมคำสอน ไม่บาปตรงไหนเลย
แต่ถ้าไปกราบเพื่อขอหวย ขอโชคลาภ ขอให้หนังเหนียว กราบด้วยความเห็นผิด ทำเป็นการค้าทำอาชีพนี่แหละนรก...
ชาวพุทธกราบเถอะพุทธรูป เพื่อเป็นพุทธานุสติกุศลมหาศาล ....แต่พวกที่กราบขอหวยนี่นรก ควรจะแก้ใขที่ความเห็นผิดของคน ไม่ใช่แก้โดยห้ามกราบพระพุทธรูป ถ้าคิดผิดแล้วคิดใหม่....
พระอัฐฐิธาตุ กราบแล้วได้บุญอย่าไรการบพระพุทธรูปก็เหมือนอันเดียวกัน มันอยู่ที่เจตนา การพระพุทธรูปให้ได้เห็นอยู่เป็นประจำ ระลึกถึงเป็นประจำเป็นพุทธานุสติ ย่อมดีกว่าการไปทำลายพุทธรูปทิ้งหมด หลวงปู่มั่น แหวน ดุล ฝั้น ชอบขาวคูณ และหลวงปุ่อื่นๆทั้งหลาย แม้แต่พระเจ้าอยู่หัวร.1234่567890ก็กราบพระพุทธรูป..
❤ผมเข้าใจในเจตนาของท่านเป็นเจตนาดีต่อพระศาสนา แต่ขอให้ท่านลองพิจจารณาวิธีการแก้ใขความเห็นผิดของคนใหม่ ว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้อีกไหม.....คิดว่าหลวงปู่มั่นหลวงปู่มหาบัวยังกราบพุทธรูปโดยไม่เคยคัดค้านเลย...ขอท่านลองคิดดูใหม่ครับ
นมัสการท่านครับ❤❤❤
กราบสิ่งที่ศรัทธามีความสุข
ก็ปิติแล้ว...ธรรมชาติคือสิ่ง
แน่นอน..
กุศลของท่านสาธยายธรรมอนุโมทนาสาธุ ครับ
กราบพระอาจารย์ส่าธูๆคะ
สาธุๆๆ ค่ะ
เพราะพระอาจารย์ ผมถึงศึกษาพระธรรม อินทรีย์ปัญาผมอาจจะไม่มากก็น้อย แต่ก็ทำให้อยากศึกษา เข้าใจหรือไม่เข้าใจ อย่างน้อยสุดก็ได้คิดที่จะศึกษาคำสอนพระพุทธเจ้า
น้อมกราบพระอาจารย์ต้น ด้วยความเคารพอย่างสูง สาธุ สาธุ สาธุ
ดังนั้นจึงอยากให้เราชาวพุทธทั้งหลาย ใช้สติให้มากๆ ผมเข้าใจนะครับว่ายุคนี้ข้อมูลต่างๆ...มันมาจ่อถึงหน้าบ้านทุกคน แต่กระดิกนิ้วนิดเดียวทุกคนก็รับทราบ รับรู้ข้อมูลได้เหมือนกันหมด แต่ทุกคนอย่าลืมนะครับ เรื่องของธรรมะนั้น ละเอียดลึกซึ้ง แต่ละคำกลั่นมาจาก พระสัพพัญญุตญาณ อันหยั่งรู้ธรรมทุกประการ เป็นคุณสมบัติพิเศษของพระพุทธเจ้า เท่านั้นซึ่งกว่าจะบังเกิดขึ้นได้ ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์อย่างน้อยต้องใช้เวลา 20อสงไขย+แสนมหากัป และภาษาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนคือภาษา มคธ ซึ่งคนที่มีความรู้ทางบาลีจะทราบดีว่า ภาษา มคธ เป็นภาษาบันทึกสภาวธรรม และภาษา มคธ ทั้งหลายที่บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้มารวมกันเรียกว่า บาลี....และการที่จะแปลพระไตรปิฎกภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผู้แปลจะต้องมีความรู้และเข้าใจโครงสร้างภาษาบาลีไวยากรณ์เป็นอย่างดีและอะไรอีกหลายอย่าง จึงทำให้ต้องมี อรรถคถา ฏีกา ต่างๆเกิดขึ้นมาเพื่อมาอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้คนรุ่นหลัง ที่มาอ่านภาษาไทยเข้าใจเนื้อหาธรรมะโดยรวมในพระสูตรนั้นๆ ได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น...นั่นเอง
*** ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครไปด้อยค่าคัมภีร์อรรถคถา ก็จะไม่มีทางรู้ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ พระพุทธปฏิมา มีมาอย่างไรในพระไตรปิฏก ซึ่งในกรณีนี้ พระอาจารย์ก็ ยกส่วน อรรถกถา ของ กาลิงคโพธิชาดก มาอธิบายเช่นกัน เพียงแต่เกิดปัญหาเรื่องการตีความหมายของภาษาไทย ตามที่กล่าวมาใน comment แรก.
ถ้าใครไม่เชื่อลองไปอ่าน พระสูตรที่ชื่อว่า "ธรรมสูตร" ดูว่า ที่พระพุทธองค์กล่าวว่าผู้มีวิชชา3 คืออย่างไร
๑.) ภิกษุในธรรมวินัยนี้ระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ คือ ๑ ชาติบ้าง ๒ ชาติบ้าง ๓ ชาติบ้าง ๔ ชาติบ้าง ๕ ชาติบ้าง ๑๐ ชาติบ้าง
๒๐ ชาติบ้าง ๓๐ ชาติบ้าง ๔๐ ชาติบ้าง ๕๐ ชาติบ้าง ๑๐๐ ชาติบ้าง ๑,๐๐๐ ชาติบ้าง ๑๐๐,๐๐๐ ชาติบ้าง
ตลอดสังวัฏฏกัปเป็นอัน มากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัป เป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏะและวิวัฏฏกัป เป็นอันมากบ้าง
*** ซึ่งถ้าเราไม่ไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมใน อรรถคถา เราจะไม่มีทางรู้เลยว่า วิวัฏฏกัป / สังวัฏฏกัป คืออะไร และมันเกิดอยู่ตรงช่วงเวลาไหนของมหากัปป์
แต่พอเราไปศึกษาและเข้าใจแล้วจึงทำให้ทราบว่าภาพใหญ่ของ 1มหากัปป์ คือประกอบด้วย 4ส่วน แต่ละส่วนเรียกว่า อสงไขยกัป (1 มหากัป = 4 อสงไขยกัป ) ประกอบด้วย
1.สังวัฏฏกัป (ระยะกาลที่จักรวาลเริ่มถูกทำลายด้วยไฟ น้ำ หรือลม ทุกสิ่งในจักรวาลสลายไปสู่ธาตุเดิม ย่อยไปไม่มีเหลือ)
2. สังวัฏฏัฏฐายีกัป (ระยะกาลที่ไม่มีอะไร ไปจนถึงเริ่มกำเนิดของและสิ่งต่างๆ)
3. วิวัฏฏกัป (ระยะกาลเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ ของสิ่งทั้งหลาย จนถึงทุกสิ่งในจักรวาลเจริญเต็มที่)
4. วิวัฏฏัฏฐายีกัป (ระยะกาลที่จักรวาลสมบูรณ์จนถึงเริ่มเสื่อมสลายอีก) ---> ซึ่งทำให้เรารู้ว่าปัจจุบันเรากำลังอยู่ในอสงไขยกัป นี้นั่นเอง...
นี้คือตัวอย่างของประโยชน์ที่เราได้จากการอ่านเพิ่มเติมในส่วน อรรถคถา ครับ...
กราบมนัสการพระอาจารย์ ด้วยความเคารพ ครับ...
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าไม่มีเจตนามาจับผิดใคร นะครับ เพียงแต่ไม่สบายใจและสงสัยในเรื่องนี้เพราะผมก็กราบไหว้พระพุทธรูปประจำทุกวัน
ก่อนและหลังสวดมนต์นั่งสมาธิ...
ผมเป็นคนนึงในฐานะชาวพุทธ ที่สับสนเรื่องนี้มากและเราก็ไม่ความรู้ด้านภาษาบาลีด้วย จึงพยายามหาข้อมูลจากผู้รู้อื่นๆ และข้อมูลจากพระไตรปิฎก
เพื่อยืนยันและหาข้อสรุปของเรื่องนี้...
ที่มาของ เรื่อง นี้คือการอ่านอรรถกถา กาลิงคโพธิชาดก ส่วนที่แปลเป็นภาษาไทย ซึ่งอาจทำให้การตีความผิดเพี้ยนไป...จากภาษาบาลี
...อรรถกถา กาลิงคโพธิชาดก...
๖ กาลิงฺคชาตกํ ฯ
ราชา กาลิงฺโค จกฺกวตฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต
อานนฺทตฺเถเรน กตํ มหาโพธิปูชํ อารพฺภ กเถสิ ฯ
เวเนยฺยสงฺคหตฺถาย หิ ตถาคเต ชนปทจาริกํ ปกฺกนฺเต
สาวตฺถิวาสิโน คนฺธมาลาทิหตฺถา เชตวนํ คนฺตฺวา อญฺญํ ปูชนียฏฺฐานํ
อลภิตฺวา คนฺธกุฏิทฺวาเร ปาเตตฺวา คจฺฉนฺติ เตน อุฬารปาโมชฺชา
โหนฺติ ฯ ตํ การณํ ญตฺวา อนาถปิณฺฑิโก ตถาคตสฺส เชตวนํ
อาคตกาเล อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ภนฺเต อยํ วิหาโร
ตถาคเต จาริกํ ปกฺกนฺเต นิปฺปจฺจโย โหติ มนุสฺสานํ คนฺธมาลาทีหิ
ปูชนียฏฺฐานํ น โหติ สาธุ ภนฺเต ตถาคตสฺส อิมมตฺถํ อาโรเจตฺวา
เอกสฺส ปูชนียฏฺฐานสฺส สกฺกุเณยฺยภาวํ ชานาถาติ ฯ โส สาธูติ
สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถาคตํ ปุจฺฉิ กติ นุโข ภนฺเต เจติยานีติ ฯ ตีณิ
อานนฺทาติ ฯ กตมานิ ตีณีติ ฯ สารีริกํ ปาริโภคิกํ อุทฺทิสิกนฺติ ฯ
สกฺกา ปน ภนฺเต ตุมฺเหสุ จรนฺเตสุเยว เจติยํ กาตุนฺติ ฯ อานนฺท
สารีริกํ น สกฺกา กาตุํ ตมฺหิ พุทฺธานํ ปรินิพฺพุตกาเล โหติ
อุทฺทิสิกมวตฺถุกํ มมายนมตฺตเมว โหติ พุทฺเธหิ ปริภุตฺโต มหาโพธิ
ตรงประโยคนี้ " อุทฺทิสิกมวตฺถุกํ มมายนมตฺตเมว โหติ " ที่พระอาจารย์กล่าวตามอรรคถาภาษาไทย "สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น"
แต่ไม่คำว่า คือการแสดงธรรม ปรากฎในอรรคถานี้....แต่พระเถระของมหาเถรสมาคม ผู้มีองค์ความรู้ด้านภาษาบาลี ชี้แจงว่า จริงๆ สมควรแปลว่า " อุทเทสิกเจดีย์ ไม่ใช่สถานที่
หรือไม่ใช่วัตถุสิ่งของ เป็นเพียงสิ่งนับเนื่องด้วยเราตถาคต"....ซึ่งพวกเราจะเห็นว่า ถ้าตีความหมายตามผู้รู้ด้านภาษาบาลีของมหาเถรสมาคม นั้นจะเห็นว่าความหมายแตกต่างกันบ้าง
แต่ก็ยังไม่มีข้อความปรากกฎว่า อุทเทสิกเจดีย์ คือพระพุทธรุป หรือ แปลว่าการแสดงธรรม แต่อย่างใด
ดังนั้นจึงมีการเชื่อมโยงไปหาอีกพระสูตรนึงชื่อว่า "นิธิกัณฑสูตร(ว่าด้วยการฝังขุมทรัพย์)" ซึ่งมีข้อความในพระสูตรบางส่วนที่กล่าวถึงพระเจดีย์ ดังนี้
[๖] ขุมทรัพย์๑- ที่ผู้ใดจะเป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม
ฝังไว้ดีแล้ว ด้วยทาน ศีล สัญญมะ และทมะ๒-
[๗] ในพระเจดีย์ พระสงฆ์ บุคคล แขกที่มาหา
ในมารดา บิดา หรือพี่ชาย
[๘] ขุมทรัพย์นี้ชื่อว่าฝังไว้ดีแล้ว คนอื่นขนเอาไปไม่ได้
จะติดตามคนฝังตลอดไป
บรรดาทรัพย์สมบัติที่เขาจำต้องละไป
เขาพาไปได้เฉพาะขุมทรัพย์นี้เท่านั้น
และมีส่วนขยายความใน "อรรถกถานิธิกัณฑสูตร" เกี่ยวกับพระเจดีย์ ดังมีรายละเอียดดังนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความที่บุญสัมปทาเป็นขุมทรัพย์โดยปรมัตถ์
ด้วยคาถานี้ว่า ยสฺส ทาเนน เป็นต้นอย่างนี้แล้ว
เมื่อทรงแสดงวัตถุที่ขุมทรัพย์อันบุคคลฝังแล้ว ชื่อว่าฝังไว้อย่างดี จึงตรัสว่า
ในเจดีย์ก็ดี ในสงฆ์ก็ดี ในบุคคลก็ดี ในแขกก็ดี
ในมารดาก็ดี ในบิดาก็ดี ในพี่ชายก็ดี.
ในคาถานั้น ชื่อว่า เจติยะ เพราะควรก่อ ท่านอธิบายว่า ควรบูชา. ชื่อว่า เจติยะ เพราะวิจิตรแล้ว.
เจดีย์นั้นมี ๓ อย่าง คือ บริโภคเจดีย์ อุทิสสกเจดีย์ ธาตุกเจดีย์.
บรรดาเจดีย์ทั้ง ๓ นั้น โพธิพฤกษ์ ชื่อว่าบริโภคเจดีย์ "พระพุทธปฏิมา ชื่อว่าอุทิสสกเจดีย์" พระสถูปที่มีห้องบรรจุพระธาตุ ชื่อว่าธาตุกเจดีย์.
(Refer อรรถกถานิธิกัณฑสูตร : 84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=9)
*** ซึ่งจะเห็นว่าใน อรรถกถานิธิกัณฑสูตร จะปรากฎคำว่า "พระพุทธปฏิมา ชื่อว่าอุทิสสกเจดีย์" อย่างชัดเจน....
ดว้ยความเคารพ ในความแตกฉานของท่าน และความจริงใจที่ท่าน...รักพระศาสนา ดว้ยจริงใจ แต่อยากให้ท่าน...ลองพิจารณา ในเรื่องเหล่านี้ดูบ้าง.. อาจได้ข้อเท็จจริง เพิ่มขึ้น...แล้วจะเป็นประโยชน์ ในการเผยแผ่ พระศาสนาได้...กวา้งขวางขึ้น
ในพระไตรปิฏก กล่าวถึง สมัยที่ พระพุทธองค์ เสด็จโปรดพระพุทธมารดา ที่ สวรรค์ชั้น ดาวดึงส์ ...พระเจ้าปเสนทิโกศล ...ให้ช่าง แกะพระพุทธรูป จาก ไม้แก่นจันทน์ เพื่อทอดพระเนตร แทนพระองค์ (พระพุทธรูปนี้ น่าจะเป็น ..องค์แรก ของโลก ???)
คำจารึก...ในกระเบื้องจาร (คูบัว ราชบุรี) ที่ หลวงปู่ อำ่ ธัมมทัตโต วัด โสมนัส กทม. อ่านได้ กล่าวถึง ... ท่าน พระ ปุณณเถระ (ชาว ปะรันตะ ชนบท ) ได้ ...สลักพระพุทธรูป ที่ พระพุทธองค์..ทรงฉายไว้....ในถำ้ เขางู (ถำ้ฤาษี ) จ.ราชบุรี ซึ่ง เป็น...ปฏิมากรรม รว่มสมัย ที่พระพุทธองค์ทรง พระชนฆ์ชีพอยู่...
และที่ถำ้ฝาโถ ใกล้ๆกันกับ...ถำ้เขางู (ถำ้ฤาษี) พระเจ้าทัพไททอง...แกะสลัก พระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน....รว่มสมัยกับที่พระพุทธองค์ ทรงปรินิพพาน (จารึก อ่านได้ ว่าอย่างนั้น )
ทั้งหมดทั้งมวล การสร้างพระพุทธรูป วัตถุประสงค์ ...ที่สำคัญ ก็คง่ไม่น้อยกว่าวัตถุประสงค์อื่น นั่นก็คือ....ดำรงค์ พระศาสนา...ให้ยั่งยืน
บรรพบุรุษเรา...เข้าถึงสิ่งนี้ อย่างลึกซึ้ง....จึงสร้าง...วัด สถูป เจดีย์ วิหาร และ ที่สำคัญที่สุดคือ....สร้างพระพุทธรูป....ไว้ให้ลูกหลานได้...กราบไหว้ เป็น ...อนุสสติ...
ผู้ทรงธรรม ตั้งแต่...โบราณกาลมา....ไม่เคย ...ตำหนิ...การสร้างพระปฏิมา และการกราบไหว้พระปฏิมาเราผู้เป็น ...คนรุ่นหลัง ก็ควรเดินตามท่าน ซึ่งไม่น่า จะเกิดความเสียหายอะไร???
ในพระไตรปิฎก กล่าวถึง สมัยที่ พระพุทธองค์..(อ้างมากันผิด ๆ) ต้องทำความเข้าใจใหม่ เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล ให้ช่างแกะพระพุทธรูป ..เรื่องนี้นำมาจากหนังสือ นิทาน ชื่อ ชินกาลมาลีปกรณ์ หนังสือนี้แต่งที่ล้านนา หรือเมืองเชียงใหม่ ดังนั้น พระพุทธรูปแก่นจันทน์ คือ นิทานที่พระอาจารย์ชาวเชียงใหม่แต่งขึ้นมา...
กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ🙏🙏🙏
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ต้นด้วยความเคารพอย่างสูงสาธุในธรรมตามแนวทางของพระอาจารย์ต้นเจ้าค่ะ
พุทโธเมนาโถ
ธัมโมเมนาโถ
สังโฆเมนาโถ
🙏🙏🙏
สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
กราบสาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ กราบอนุโมทนาในการเผยแผ่พระสัจธรรมของพระศาสดาเจ้าค่ะ
သာဓု သာဓု သာဓု ရက်ာ္
ดูคลิปวีดีโอเรื่อง ก เบื้องจาร บันทึกโบราณสมัยพระพุทธเจ้า มีเจ้าเมืองท่านหนึ่งแกะสลักรูปเหมือนพระพุทธเจ้า ด้วยไม้แก่นจันทร์ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ตำหนิอะไร พระแก้วมรกต เป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธ พระมหากษัตริย์ก็กราบไหว้ ใครไม่กราบไหว้พระพุทธรูปก็แล้วแต่ท่านค่ะ เรากราบรำลึกถึงพระพุทธเจ้า ขอบคุณพระพุทธเจ้าที่ให้แนวทางในการดำเนินชีวิต 🙏😇
สาธุๆๆ
รู้อยู่ว่า กำลังทำบางอย่างที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่ว่า ค่าตอบแทนมัน สูงมากๆไงหละ แม้ว่าอาชีพเราดีเด่ก้อช่าง ใช่มั๊ย ...คร..ฯล
พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระอานนท์ว่า อานนท์ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่าธรรมวินัยของพวกเราไม่มีเมื่อพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว อานนท์พวกเธออย่าคิดอย่างนี้น อานนท์ธรรมก็ดีวินัยก็ดีที่เราแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมเหล่านั้นย่อมเป็นศาสดาของพวกเธอในกาลล่วงไปแห่งเรา (พระพุทธเจ้าไม่ให้นับถือรูปปั้นแทนพระองค์) การสร้างพระพุทธรูปเป็นคำแต่งใหม่มีปราากฎในเรื่องวัฏฏังคุลีราชชาดกกล่าวถึงการสร้างพระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์แดงของพระเจ้าปัสเสนทิโกศล ซึ่งเป็นคำแต่งใหม่ ที่บ้านผมไม่มีหิ้งพระแต่กราบไหว้ไปทิศทางไหนก็ได้เพราะกล่าวทั้งบาลีและคำแปล เช่น ท่องนะโมตัสสะฯก็แปลด้วย ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าฯ และการกราบพระ อรหังสัมมาสัมพุทโธภะคะวา ก็แปลด้วยรู้ความหมายด้วย ท่องอิติปิโสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ถ้าเราแปลเราจะรู้ความหมายไม่ได้กราบแบบงมงาย
ແຕ່ລະວັດມີເຕັມໄປໜົດ ໄມ່ເຫັນມີບັນຫາຖ້າມີພະອຶກມາພູດຄວາມຈິງ ກັບໄມ່ຊອບ ສ່ວນມາກກໍວ່າເປັນຊາວພູດ
ใครจะฟังก็ฟังเถอะ ...
พุทธปฏิมากร เกิดขึ้นปกปิดสัทธรรม!
สาธุๆๆๆๆขอกราบนม้สการเจ้าค่ะแสดงธรรมได้ดีมากๆๆเจ้า
😂😂😂
คันธาระ.สร้าง....😅
ฉะนั้นคนที่ทำบุญด้วยการสร้างพระพุทธรูปแต่ไม่พฤติกรรมตามคำสอน.ก็ไม่เกิดบุญใช่ไหมคะ
บุญเกิดครับ แต่ไม่ได้ใช้หลักธรรมให้เกิดประโยชน์ เอาแต่วางแผนจะสร้าง
นอ้มกราบนมัสการระอาจารย์?นอ้มกราบอนุโมธนาสาธุสาธุสาธุกับพระอาจารย์ด้วยคะ่
ถ้าต้นไม้มีแต่แก่น ท่านจะปลูกอย่างไร ไม่เอาเปลือก เอากะพี้ เอาใบ เอาแต่แก่น ถ้าท่านต้นปลูกได้ช่วยปลูกฝห้ดูสักต้น ระวังเรืองมิจฉาทิฏฐิให้มากเที่ยวไปดูถูกความเชื่อของคนพุทธ ประเพณีต่าง ๆ จะหมดไปเพราะท่านน๊ะ
มันไม่หมดหรอกครับ ความเชื่อความศรัทธาต่างคนต่างเชื่อของใครของมัน ขนาดยุคพระพุทธเจ้าท่านยังสอนให้คนไปนิพพานไม่หมดเลย
คำสอนตามหลักธรรม(พระไตรปิฎก) ที่พุทธบัญญัตินั้น เป็นกลางแล้ว ไม่ตึง และไม่หย่อน ถ้าสอนตามนี้ถือว่าสอนตามหลักธรรม ไม่ตัด ไม่บัญญัติเพิ่ม ถ้าตัดหรือเพิ่ม นั้นคือบิดเบือน กล่าวตู่ธรรมตถาคต กรรมหนักนะครับ
ฉะนั้น เมื่อท่านสอนตรงตามหลักธรรมจึงควรสรรเสริญ
💥ส่วนผู้ยังก้าวข้ามประเพณีชาวบ้าน สู่ประเพณีพุทธยังไม่ได้ ก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนทำความเข้าใจพัฒนาใจไปครับ ไม่ใช่กล่าวตู่ธรรมตถาคต
*โปรดอย่าบิดเบือนทำลายหลักธรรมแท้เลย ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ให้อยู่ถึง5000ปี้เถิด
หลักธรรมนี้ถ้าเปรียบ กับต้นไม้ คือต้นไม้โดยสมบูรณ์ มีเปลือก กะพี้ แก่น ราก ใบ ในตัวโดยสมบูรณ์แล้ว
* ส่วนผู้ศึกษาอยากตามรอยองค์ท่าน หรือหมายใจความเจริญ ด้านใด ก็เลือกเฟ้นธรรมให้เหมาะแก่ตน ตามความสามารถ จะถือศีลกี่ข้อก็เลือกเอา จะเอา มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ก็เลือกหลักธรรมปฏิบัติเอาครับ อย่าเอาสิ่งที่ไม่ใช่ตามหลักพุทธมาแย้งเพื่อยัดเยียด และบิดเบือน กล่าวตู่ธรรมกรรมตัวเองเปล่าๆครับ หวังว่าจะเข้าใจเจตนาพุทธ นะครับ สาธุครับ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ต้นเจ้าค่ะ🙏🙏🙏