รีวิวหนัง (
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 22 ก.ค. 2023
- #ophtus #oppenheimer
แจกจริงไม่ได้ปั่น! ถ้าไม่สะดวกเดินทาง ขอรับเป็นเงินสดแทนได้
.
ทริปนี้ exclusive สุดๆ โดยเฉพาะเส้นทางตามรอย Kim Jong Un ที่ต้องนั่งรถทหารเข้าไป ชีวิตนี้ควรลองไปดูสักครั้ง แถมยังได้ไปเที่ยวต่อที่เกาหลีใต้รวม 3 วัน 2 คืนฟรีทั้งทริป!
หากไม่สะดวกไปทริป สามารถขอรับเป็นเงินสด 30,000 บาทแทนได้ ลูกค้าเลือกได้ตามความสะดวก ไม่มีข้อบังคับเลย
.
.
กติกา
มีใจรักในประชาธิปไตย
เป็นลูกค้าออปตัส (ทั้งลูกค้าเก่า และใหม่)
ลงชื่อลุ้นรางวัลได้ที่ forms.gle/xwXd9xhw9yw85LNA7
ประกาศผลวันที่ 15 สิงหาคม 2566
.
*อาจปรับเปลี่ยนเงื่อนไขแคมเปญให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมือง โดยมิให้กระทบกับประโยชน์ของผู้ได้รับรางวัล
.
สอบถามและสั่งซื้อแว่น Ophtus ได้ที่ / ophtus
โค้ดส่วนลด 100 บาท สำหรับช่าวหนอนหนัง “ WORMMOVIES ”
ติดตามและพูดคุยกับพวกเราได้ที่
/ wormmovies
สมัครสมาชิกเพื่อสนันสนุนพวกเราได้ที่ link ด้านล้างนี้เลยน้าาาา ขอบคุณจ้าาาา
/ @wormmovie
ขอขอบคุณทุกๆคนจากใจจริงนะครับที่สนันสนุนพวกเรามาโดยตลอด
อย่าลืมกด Subscribe ด้วยนะจ๊ะ
ติดต่อโฆษณาได้ที่ Line นี้เลยนะครับ ขอบคุณครับ 🙏
080 - 448 - 0159 - บันเทิง
ฉากระเบิดนิวเครียร์เป็นแค่น้ำจิ้ม ฉากไต่สวนพิจารณาคดีตอนท้ายต่างหาก อย่างกะหนังแอ็คชั่น แต่สู้กันด้วยคำพูดท่าทางในห้องแคบๆ ชนิดคนดูลุ้นจนแทบหายใจไม่ออก ดาราแต่ละคนเล่นดีโคตรๆ โดยเฉพาะคิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ และ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เอาอยู่มากๆ
คิดเหมือนกันครับ ฉากระเบิดเหมือนเป็นจุดชวนให้ไปดู แต่ฉากไต่สวยเนี่ย ย้อนอดีตแล้วย้อนอดีตอีก ถ้าใครหลุดช่วง2ชม.แรกไปนี่บอกเลยมีงง เพราะตัวละครอ้างอิงเยอะมาก5555 แต่ถ้ายังไม่สมองหลุดก็จะมันส์มาก เพราะเหลี่ยมชนกัน
+++ เลยครับ อย่างมันส์
ดาวนี่นี่ได้ชิงสมทบชายแน่ แต่ต้องรอดูว่าจะมีพีคๆโผล่มาอีกมัั้ย ถ้าไม่แกมีลุ้นสูงเลย
ฉากจบนี่น่ากลัวจริง ถ้าอยู่คิมแม่งหลอนอยากกดนิวเคลียขึ้นมาจะทำยังไง
จริง ตกใจเหมือนกันว่าซีนที่รู้สึกลุ้นระทึกจนใจเต้นสุดดันเป็นซีนปะทะกันตอนสุดท้าย และฉากระเบิดดันใจเต้นรองลงมา ไม่เก๋าจริงทำหนังแบบนี้ออกมาไม่ได้จริงๆ
ไอน์สไตล์แย่งซีนสุด ออกน้อยแต่คุณภาพจัดๆ ทุกประโยคที่แกพูดมีความหมายนัยยะแฝงตลอด ฟิวแบบพี่ผ่านมาก่อนน้องหมดแล้ว ดูเผินๆทีแรกนึกว่าตาแก่ปลงโลกเฉยๆ ประทับใจสุดตัวละครนี้ บิดาฟิสิกส์ของแท้
ใช่ ผมโครตชอบ ซีนที่ไอน์สไตล์ออกทุกซีนคือเเบบมันต้องดีมากๆ อะ เเละเเม่งก็ดีจริง
3ฉาก
ต้นเรื่อง กลางเรื่อง และมาเฉลยท้ายเรื่อง เลยรู้ว่าทำใมไอสไตน์ไม่สนใจการบ้านการเมืองเลย ไม่แม้แต่จะเอาตัวเองไปเกี่ยวข้อง กลัวโดนรุมทึ้งนี่เอง😂😂😂😂
ซีนท้ายที่รู้บทสนทนาคือใจผมเต้นเลยอะ
รักไอสไตล์มากกกก คือทุกคนในเรื่องดูเครียดหมด แต่รู้สึกว่าทุกซีนที่ไอสไตล์ออกมามันอบอุ่น มันสงบ แบบความสบายใจอ่ะ รู้สึกว่าสิ่งที่เค้าคุยกับออพพี่กันสองคนมันไปไกลกว่าที่เราคิดมาก
จริงครับ
แต่ช่วงท้าย (และอีกช่วงหนึ่ง) ตอนที่พระเอกนั่งรถแล้วเห็นแสงผ่านไป (กับตอนที่นักวิจัยอีกคนนังรถแล้วเห็นแสงผ่านไป) เหมือนหนังจะเฉลยแล้วว่า มีคนคิดค้นระเบิดได้ก่อนโครงการแล้ว
ลุงจึงอาจปลงและรู้สึกผิดลึกๆก็ได้
หนังใส่ใจในรายละเอียดมาก มีฉากหนึ่งในห้องแลปที่เยอรมัน โอเพ่น ไฮเมอร์ ฉีดยาใส่แอปเปิ้ล จะเห็นคนเอเชียอยู่ในห้องแลปหนึ่งคน คนนั้นเป็นคนญี่ปุ่น
เชื่อว่าญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็สามารถผลิตนิวเคลียร์ได้เช่นกัน เพื่อนโอเพ่น ไฮเมอร์ คนญี่ปุ่นชื่อ สฮิเดคิ ยูคาวา (Hideki Yukawa) นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงในด้านนิวเคลียร์
เราชอบตอนที่ ระเบิดลงที่ฮิโรชิม่าแล้ว ทุกคนฉลองให้ Oppenheimer แต่สีหน้าคือคนละทางกะสิ่งที่พูด กล้องสั่นแสงวูปวาป ภาพตัดไปที่คนเฮแต่เป็นเสียงกรีดร้อง ขนลุกมาก
ชอบมากเหมือนกัน ยิ่งตอนกำลังก้าวออกไปพูดละมองลงมากำลังเหยียบธุลีคือบีบหัวใจมาก
ชอบเหมือนกันครับบบ
ใช่รู้สึกเหมือนกันเป็นอะไรที่หดหู่มาก
อารมณ์หนังสยองขวัญเลยนะ อยากเห็นโนแลนทำหนังสยองขวัญเลือดสาดสักเรื่อง
หนังโนแลนมีอยู่2ประเภท
-หนังดูง่ายแต่เล่ายาก อุดมด้วยฉากที่หนังmassควรมี แต่เล่าออกมาในแบบที่มีแต่โนแลนเท่านั้นที่ทำได้(แบทแมน,เทเนทฯลฯ)
-หนังดูยากแต่เล่าง่าย ทำออกมาเพื่อคนดูเฉพาะกลุ่ม ลำดับเหตุการณ์ไม่ชัดเจน เน้นบทสนทนา ใครไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายอาจไม่ชอบเลยก็ได้(เมเมนโต้,ดันเคิร์ก,ฮอฟเฟนไฮม์เมอร์)
พอดีเป็นคนชอบนักวิทย์อยู่แล้วเลยสนุกไปกับหนัง ทั้งๆที่หนังมีแต่บทพูดนั่งดูไปได้ยังไงเป็นชั่วโมงโดยที่ไม่เบื่อ สุดยอด
จริงครับ แต่มีเสน่ห์ในการเล่าเรื่องมาก
หนังแกดูได้แบบยากและง่ายก็ได้
ชอบซีน พระเอก พูดต่อหน้าประชาชนเหมือนกันครับ แบล็คกราวเขย่า หายใจติดขัด เห็นภาพหลอนจากคนกลายเป็นศพ เหยียบซากศพที่มอดไหม้ มีความ Horror นึกอยากเห็นผู้กำกับโนแลน ทำหนังสยองขวัญจริงๆจังๆไปเลยสักเรื่อง
อย่างกะ scare โคล ในแบทแมน
ชอบมากครับ สีหน้าแววตา ท่าทาง พอจังหวะเดินออกไปเห็นนักวิทย์ที่มีทั้งโห่ร้องดีใจ บางคนก็นั่งร้องไห้ กับ อ้วกด้านนอกอีกคือรู้สึกถึงอารมณ์แต่ละคนในตอนนั้นเลย
RDJ ไม่ติดเหมือนกัน ดูคนละคนกับ iron man เลย
@@aimei8088ฉากนี้ต้องการสื่ออะไรหรอคะ เราไปดูมาแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงใส่ฉากคนอ้วก ฉากคนนัวเนียกันเข้ามาหลังจากกล่าวสปีชเสร็จ
นะ อยากเห็นโนแลนทำหนังสยองขวัญปนจิตวิทยา คงน่าดูสุดและแนวสยองขวัญทริลเลอร์แกก็ยังไม่เคยทำ
ชอบคิตตี้และทุกซีนของคิตตี้ ชีเป็นแม่ที่เป็นตัวแม่จริง ๆ 555555 ทั้งความเด็ดขาด การซัพพอร์ต รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ การจัดการตัวเองและทุกคน ยิ่งเฉพาะตอนให้การ กับตอนบอกผัวว่าอย่ามาอ่อนแอตอนชู้ตายกลับไปทำงานค่ะ กูควรร้องค่ะไม่ใช่มึง 555555555
อึ้งผู้หญิงคนนี้ที่สุด 😂😂😂
ชอบฉากสุดท้ายที่สุด ตอนเฉลยเรื่องที่ออฟปี้คุยกับไอน์สไตน์ คมคายมาก 😱
ชอบเหมือนกันครับแถมOSTกับpacingโคตรมีอิมแพคเลย ขนลุกตั้งแต่ฉากจบยันเดินออกโรง
ปฏิกริยาลูกโซ่ที่อาจจะทำลายทั้งโลก เปรียบเปรยเป็นว่าวิทยาการทำระเบิดนิวเคลียมันเกิดขึ้นแล้ว แล้วมันจะนำไปสู่การเอานิวเคลียมาทำลายล้างกัน
ชอบเหมือนกันครับ โคตรดี
จริงครับ ผมรู้สึกที่ปูมาทั้งเรื่องไม่เสียเปล่าเลย มันอิมแพค มาก ประโยคสั้นๆ ของ ไอน์สไตน์
ขนลุกเลยค่า ฉากนั้น
ชอบฉาก speech เหมือนกัน ทำออกมาได้ดีสุดๆ ผู้คนโห่ร้องดีใจได้รับชัยชนะ ตัวเองเริ่มรู้สึกผิดกับผลกระทบของระเบิด ได้ยินเสียงคนกรีดร้อง สภาพของคนที่ได้รับผลกระทบ ซาวน์ก็ใส่มาดีมากๆ เป็นอีกฉากที่กดดันและตื่นเต้นสุดๆ
ในเรื่องมีความรู้สึกเหมือนระเบิดลงอีกสองลูกคือฉาก speech กับไต่สวนตอนท้าย
- ถ้าตามบันทึกจริงๆ Oppenheimer เป็นคนพยายามขอเข้าพบ Trueman (ที่เข้าไปคุยนั่นไม่ใช่นายกฯ แต่เป็นประธานาธิบดีของ USA) เพื่อคัดค้านการพยายามพัฒนาโครงการต่อเพื่อสร้างอาวุธ โดยเฉพาะการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจนตามแนวคิดของ Teller ..ประโยคสนทนาในช่วงนั้นน่าจะหยิบเอามาจากคำบอกเล่าต่างๆ เอามาประกอบด้วย (ว่ากันว่า ปธน. Trueman ถึงกับด่าลับหลังว่า Oppenheimer เป็นไอ้พวกขี้งอแง)
- จุดประสงค์หนังจริงๆ พยายามจะให้คนดูพยายามเข้าใจเหตุการณ์หลังจากโครงการแมนฮัตตันสำเร็จแล้วส่งผลต่อความคิดยังไงของ Oppenheimer อะไรทำให้เขากลับมามีทัศนคติและการกระทำต่อต้านการนำไปเป็นอาวุธ ด้วยวัตถุดิบ 2 เส้นเรื่องคือ การใช้ประวัติชีวิตและเรื่องเล่าลือต่างๆ ประกอบกับการที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ระดับโลกที่ปรากฏในชีวิตเค้า .. กับอีกเส้นเรื่องที่เหมือนเป็นข้อสันนิษฐานว่าเหตุแห่งสืบสวนกล่าวหายัดเยียดให้ Oppenheimer ต้องผิดจนหลุดจากโครงการและโดนดิสเครดิตเพียงเพราะอัตตาส่วนตัวของ ผอ.ACU. และการเมืองหลัง WW2
- หนังให้บทสรุปที่ยกย่อง Oppenheimer เป็นนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติโดยเนื้อแท้มากกว่าการเป็นนักวิทยาศาสตร์รับใช้การเมือง ยอมเสียสละให้ชื่อเสียงตัวเองด่างพร้อยแต่ไม่ยอมเสียตัวตนไปกับความเห็นแก่ตัวของมนุษย์... ถ้าใครได้เห็นฟุตเตจจริงๆ ที่ Oppenheimer ให้สัมภาษณ์ไว้เกี่ยวกับความเห็นหลังความสำเร็จของโครงการ จะเห็นว่าเขาตาเหม่อลอย ขณะพูดก็ขัดแย้งในสำนึกไปด้วย เขาไม่ยอมเสียตัวตนแต่ก็พยายามแก้ไขผลกระทบของการที่เขามีอีโก้ในงานจนผลักดันให้เกิดการทำระเบิดสำเร็จ แต่กลายเป็นหายนะต่อมนุษย์โดยที่ Albert เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว... และเมื่อต้องโดนสอบสวนเพราะเกมการเมือง เขาต้องการรักษาตัวตนของเค้าไว้ (ไม่ยอมจำนนต่อข้อกล่าวหาที่อ่อนไหว) แต่ก็ต้องการแก้ไขในสิ่งเลวร้ายที่เกิดจากผลงานตัวเองไปด้วย... หนังมีบทสรุปนะ ไม่ปลายเปิดมากตามแบบโนแลนเพราะหนังสร้างตามชีวประวัติจริง
ปล. เกร็ดเล็กน้อย .. มือ Composer เรื่องนี้คือผู้ที่กำลังมาแรงในวงการดนตรีประกอบ Ludwig Göransson .. รายนี้เป็นสาย Instrument ชอบทดลอง Sound แปลก คล้ายๆ กับ Zimmer ... ผลงานเด่นๆ ที่อาจจะนึกไม่ถึงกันก็คือ Sound และ OST ของ Wankanda ทั้ง 2 ภาค หรือเรื่อง Creed .. และที่เด่นมากๆ ก็คงไม่พ้นซีรี่ส์ The Mandalorian ทั้งหมด
ตอนแรก หนอนหนัง บอก นายกรัฐมนตรี คิดว่า มีตอนไหนคุย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สรุป คนที่ ออฟปี้ คุยคือ ประธานาธิบดี ทรูแมน นี้น่า
ชอบตอนเฉลยชื่อ JFK ผมนี่ขนหัวลุกเลย
อารมณ์เหมือนตอนเฉลยชื่อ joker ใน batman begins
ฉากนั้น อิมแพคจริงครับเด็กหนุ่มคนนึงชื่อ JFK
มีอีกคนที่หลายคนอาจจะมองข้าม คือ amily blunt แสดงดีจริง โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่ประลองฝีปากกับลูกน้องของสตอร์สนี่ลุ้นจริง
ฉาก Trinity นี่บิ้วโหดจริง ตั้งแต่เอาระเบิดไปเซ็ท เค้าท์ดาวน์หลักชั่วโมง ฝนก็ตก เหลือเวลา 20 นาที 5 นาที กว่าจะกด หัวใจจะวาย แต่สนุกมากกกก
ส่วนตัวชอบฉากที่เฉลยว่าออพปี้คุยอะไรกับไอสไตน์ นี่มันคำสอน คำแนะนำของคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น ที่สอนให้กับอีกคนที่ประสบความสำเร็จที่จะต้องพบเจอมัน กว่าจะเห็นภาพ ก็เห็นออพปี้แก่ในฉากได้รางวัลไปแล้ว สุดยอดจริงๆ
คุ้มจริงค่ะ ว่าจะไปดูรอบ 2 อยู่ ชอบการเล่าเรื่องมากๆค่ะ ไม่น่าเบื่อเลย ชอบฉากทดลองทรีนิตี้เหมือนกันค่ะ เงียบกริบทั้งโรงจริง
สปอย
เหตุการณ์ที่ชอบที่สุดคือตอนคิตตี้โดนสอบสวน ชีปากจัดจริงๆ ยอดเยี่ยม แบบ โอโห้ ตัวแม่ สิบหก สิบเจ็ด ไม่สิ สิบเป็ด 55555
แค่ฟังตัวละครคุยกัน + ดนตรีบิ้ว 30 นาทีแรก แค่นี้ก็ฟินแล้วครับ สำหรับแฟนๆชาวหนอนหนังผมว่าชอบเหมือนกันแน่นอน ที่เหลือไม่ต้องพูดถึง
ฉากที่ชอบที่สุดคือฉากที่โนแลนหลอกเราตั้งแต่ต้น ในการคุยกับไอสไตน์ ว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ออปปี้คุยกับไอสไตน์ มันไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลยนอกจากความรู้สึกผิดที่ออปปี้ มาบอกกับไอสไตน์ว่า ผมทำมันได้แล้ว ฉากนั้นไม่ได้มีความรู้สึกอยากอวดอยากโชว์ มีแต่อารมณ์ดิ่งเหมือนกับว่าเขาได้สร้างสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกขึ้นมาโดยตั้งใจ
คิดเหมือนกันเลยครับ อากัปกิริยาของป๋าโรเบิร์ตมันคือโทนี่สตาร์คเลย อาจจะด้วยความที่ว่าตอนนั้นเขาคงแสดงเป็นโทนี่ที่เหมือนตัวเองมากไป ทำให้ส่งผลต่อมาอีกหลายๆเรื่อง แต่ตัวผมเองมากกว่าที่สลัดโทนี่ออกจากป๋าได้ แล้วรู้สึกว่านี่คือสตรอส์ที่เจ้าเล่ห์แบบแยบยลและมีอำนาจ หาใช่สตาร์ค
ตอนฉากไต่สวนตอนสุดท้าย รามีมาเลคออกมา ฉันนี่กรี๊ดในใจเว่อร์ ชอบฉากสุดท้ายที่คิตตี้ไม่ยอมจับมืออะ
ทั้ง Cillian Murphy กับ Robert Downey Jr. ควรเข้าชิง Oscars อะครับ Cillian แบกหนังทั้งเรื่องได้อยู่หมัด สีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความซับซ้อนของตัวละครได้ดีเยี่ยม ผมล่ะชอบดวงตาของพี่แกจริงๆ ส่วน RDJ ก็ลบภาพจำได้หมดจด
ผมชอบที่สุดคือตอนท้ายๆที่โอเพนไฮเม่อเถียงกับร๊อบอยู่ในห้องสืบสวนและ ซาวก็บิ้วแบบสุดๆ เถียงกันมันสุดๆ ภาพก็ตัดมันสุดๆ และพอมีแสงวาบขึ้นมาผมว่ามันสร้างอิมแพคกับคนดูสุดๆ
ผมเคยดูประวัติแกมาแล้ว ก็ว่าชีวิตแกน่าสนใจเหมาะกับทำหนังจริงแหละ ทั้งชีวิตแกโดนรัฐบาลจับตาเรื่องคอมมิวนิสต์มาตลอด แกเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสนใจการเมือง เลยมีปัญหา ระเบิดก็ต้องทำ รักษาสมดุลย์อุดมการณ์การเมือง ความรัก 3 เส้า ก็ต้องทำ
ชอบฉากที่ RDJ พูดออกมาว่า นางเป็นคนบงการโพสใน Time Magazine
แล้วเพื่อนในทีมก็ "อ้าววววว มึงหลอกใช้กูหรอ"
มันเป็นหนึ่งในหนังที่รู้สึกว่าคุ้มมากที่ไปดูในโรง เป็นหนังที่ทั้งภาพเสียงออกแบบเพื่อให้เราสัมผัสได้มากในโรง โนแลนใส่ใจใส่รายละเอียดเยอะมากก ไปดูตั้งแต่เข้าวันแรก จนวันนี้ยังนึกถึงหนังเรื่องนี้อยู่ ไม่มีฉากแอคชั่นแต่สนุกเร้าใจ ไม่ผิดหวังจริงๆ
เทคนิคการถ่ายก็เยี่ยมยอด
10/10 เป็นหนังโนแลน 3 ชั่วโมงที่ดี เนื้อเรื่องเล่าดีและเพลินตลอดไป ฉากพูดคุยกับมันส์และน่าสนใจ ฉากระเบิดขนลุกและอลังการมาก
ชอบ Cillain มากค่ะ ฉากสุดท้ายคือสายตาสื่อความหมายทุกอย่าง อยากไปดูที่ IMAX อีกรอบเลยค่ะ
ใช่ครับ ไม่เบื่อเลย เพราะมันตัดสลับไม่เล่าเส้นตรงเนี้ยแหละ สนุกมากครับ
เป็นหนังไม่กี่เรื่องในปีนี้ที่อยากไปดูซ้ำ แค่ฉากระเบิดก็คุ้มค่าตั๋วแล้วสำหรับผม ระเบิดไม่ได้เวอร์แบบ CG แต่บิ้วอัพได้สุดมาก เสียงกระหรึ่มทั้งโรง part การเมืองก็อยากไปเก็บเพิ่มสมาธิหลุดไปแป๊ปเดียวหลุดเลยหลังนั้น😂
ชอบมากๆๆๆค่ะ นักวิทยาศาสตร์ในเรื่องแคสดีมากๆ จากเด็กวิทคือฟินมากๆค่ะแต่ละซีนคือมาจากหนังสือเกือบหมดคือคริสคตเทพอันนี้นับถือมากๆ10/10
ชอบฉากที่ คุยกันตอนจบครับ หลับตาแล้วก็ดับขึ้นชื่อหนัง
เหตุการณ์ที่ชอบที่สุดคือฉากจบเลยครับ ที่ Oppenheimer คุยกับ Einstein หน้าบึง 😢
ชอบ 3 ฉากเลย 1.ฉากทรีนิตี้ อันนี้สุดเลย 2.ฉากที่ประกาศว่าได้ทิ้งระเบิดเเล้ว เกือบร้องไห้เลยฉากนี้ บวกกับต้องขึ้นไปพูดบนเวทีอีก 3.ฉากสุดท้ายที่ออพเพนไฮเมอร์บอกกับไอน์สไตล์ที่บอกว่าปฎิกิริยาเเบบลูกโซ่อาจจะเริ่มไปเเล้ว
ชอบฉากสุดท้ายมากเหมือนกันครับ สงสัยมาตั้งแต่ต้นเรื่องว่า พระเอกพูดอะไรไอนสไตน์ถึงจิตตกอยู่ในภวังค์จนไม่ได้ยินเสียง RDJ มันอิมแพคขนาดไหนกัน พอฟังแล้วไม่ผิดหวังเลยครับ ปฏิกิริยาลูกโซ่มันเริ่มแล้ว คนที่จินตนาการสำคัญกว่าความรู้อย่างไอน์สไตน์คงมองเห็นอนาคตที่น่าหดหู่ที่พวกเขาได้เริ่มมีนขึ้นมา
ผมชอบฉากคุยเฉลยท้ายเรื่องที่สุด ฉากแบบนี้คือโนแลนเลย หนังเกือบทุกเรื่องจะมีฟีลย้อนอดีตเล่าการคุยแบบนี้เสมอ แล้วสิ่งที่ไอน์สไตน์พูดมันก็เจ็บจี๊ดจริงๆ พอออฟฟี่พูดส่งท้ายไอน์สไน์ถึงหน้าเครียดเดินออกไปแบบนั้น ตามที่มีบันทึกไว้เลยว่าจดหมายฉบับนั้นที่ยื่นให้ประธานาธิบดีคือสิ่งที่ไอน์สไน์เสียใจที่สุด
จดหมายเกี่ยวกับอะไรครับ
@@starwar6306 จดหมายให้อเมริกาสร้างอาวุธนิวเคลียร์ให้ได้ก่อนนาซีครับ
ดี ชอบ สนุกเอ็นจอยมาก ไม่ได้รู้สึกลืมเวลาแบบนี้มาตั้งแต่ The Man from Earth สำหรับหนังที่ใช้การพูดคุยในการดำเนินเรื่อง ชอบและเอ็นจอย สนุก
นักแสดงแต่ละคนสกิลการแสดง มันแบบทำผมแทบหยุดหายใจ เดือดทะลุโลกจิงๆ สุดยอดมาก สุดๆอ่ะ
ผมให้ 10/10 เลยครับ โดยรวมเป็นคริสโตเฟอร์ โนแลน 3 ชั่วโมงที่เล่าสนุกมากครับ เนื้อเรื่องที่เล่า บิดาแห่งระเบิดปรมาณู Oppenheimer ได้ดีและเข้าใจ Cillian Murphy เล่นเป็น Oppenheimer ได้ดีถ่ายทอดอารมณ์ทุกรูปแบบมาได้ดีมาก Robert Downey Jr แสดงได้แย่งซีนและชอบเหมือนเดิมเรื่องนี้ นักแสดงคนอื่นก็เล่นดี ฉากทดลองระเบิดอลังการมาก ฉากบางฉาก เป็นภาคขาวดำชอบครับ เพลงประกอบที่ชอบและติดหู ฉากไต่สวนคุยกันมันส์มากถ้าเข้าใจก็ชอบครับ
ชอบคิตตี้ ชอบเอลิลี่ในเรื่องมาก ซีนตอนโดนไต่สวน แล้วตัดย้อนมาตอนคุยกับอัลเบิร์ตแล้วชีไม่ยอมจับมือ เอาเรื่องดี5555
ชอบตอนเฉลยว่าสรุปออปเพนไฮเมอร์คุยอะไรกับไอสไตล์ RDJเล่นแบบทำให้เราเชื่อมาตลอดว่าพยายามช่วยจนมาเฉลยแล้วสุดท้ายตัวเองโดนตบหน้าจากความเห็นแก่ตัวและเจ้าคิดเจ้าแค้น คือบทบิวด์มาดีมากๆ
ชอบฉากสุดท้ายที่คุยกับไอสไตน์ มันคือการเตรียมใจที่หนักอึ้ง ของเส้นทางแห่งความสำเร็จ และเป็นผู้มอบความตาย
ชอบตอนที่ Strauss ปรี๊ดแตกค่ะ แล้วเส้นเรื่องที่เกี่ยวกับการไต่สวนทุกอย่างมัน make sense ขึ้นมา เหมือนโดนระเบิดอีกรอบค่ะ ตื่นตาตื่นใจ 😅😅
Dialogue เชือดเฉือนกันคมมากนสด.ทุกคนสุดมาก soundtrack ก็คือดีมากกกกก epic 💯
ชอบมากครับบบบบบ สำหรับผม Easter egg สำหรับเด็กสายฟิสิกส์คือชื่อนักวิทย์ในเรื่อง คือว้าวทุกคนที่โผล่มา เราจำได้ทุกคนรวมถึงจำผลงานเขาได้ด้วย
เป็นหนังที่ดูแล้ว ทำให้ฉลาดขึ้นเยอะ 😄😄😄
ชอบฉากที่บอกว่า นายได้ยินเสียงโน๊ตไหม แล้วพอเพลงดนตรีขึ้น ยังกะปลุกพลังเนิร์ดในตัว
ชอบมากกก เรื่องนี้
ฉากนับถอยหลังก็ชอบครับ แต่ชอบมากกว่าคือ ฉากท้ายเรื่องตอนจบจริงๆ ที่เจอกับไอสไตล์ ขนลุกมาก ออมแพคสุดๆ นั่นคือ บทสรุปสั้นๆ แค่สองสามประโยคของหนังครับ
ชอบสุดคือช่วงท้ายที่คุยไอสไตน์
ผมชอบฉากไต่อารมณ์ในช่วงท้าย ช่วงพระเอกเถียงกับเจสัน คาร์ก เรื่องมนุษย์ธรรม แล้วดนตรีเร่งจังหวะ จนกลายเป็น .... ในบทสรุป ส่วนตัวผมว่าฉากนี้สร้าง impact กับผมมากที่สุดละ รองลงมาก็ฉากหลอนหลังทดลองเหมือนกัน แต่ฉากระเบิดผมเฉยๆนะ แต่ยอมรับว่าซาวน์ประกอบฉากนั้นดีจริง ให้อารมณ์ระทึกดี เพียงแต่ผมยังรู้สึกว่ามันยังได้มากกว่านี้อยู่เท่านั้นเอง
Trinity sequence สุดยอดมากๆ และพอทุกคนมาฉลองกระทืบเท้าส่วนออพเพ่นนั้นเสียใจและตกใจในสิ่งตัวเองทำลงไป เค้าเห็นทุกคนตายดั่งตัวเขาเองเป็นระเบิดนิวเคลีย
ที่มันเป็นแสงสีขาววาบเนี่ย มันคือระเบิดนิวเคลียครับ (พี่อามนายอาร์มเขาอธิบายเชิงลึกไว้พอไปดูในโรงเลยอินมากขึ้น)
งานเสียงกับงานตัดต่อดีแบบสุดยอดเลย
คิลเลี่ยน เมอร์พี่ สมควรเข้าชิงออสการ์มากคับ การแสดงแบบนี้ไม่ต้องหล่อไม่ต้องอะไรแต่การแสดงสุดยอดมากคับ
ตอนแรกนึกว่าจะติดภาพ Thomas Shelby เพราะการแต่งตัวคล้าย ๆ กัน ดูดบุหรี่เหมือนกันด้วย แต่กลายเป็นว่าไม่มีภาพในหัวเลยครับ
@@fieldlykanapon+ป๋าRobert สบทบด้วย และผมว่าควรเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย มันครบรสทุกอย่างเลย
เอมิลี บลันท์ อีกคนเป็นเมียที่สู้ชีวิตมาก
ผมและลูกชาย เราได้อะไรที่เยอะมากๆ กับหนังเรื่องนี้...ทุกวินาทีที่ผมรู้สึกเลยว่าคุ้มมากๆ กับความต้องการ
มันต้องมีฐานของความเข้าใจของวิทยาศาสตร์ จิตใจ ความเชื่อ สิ่งที่ อัลเบิร์ต ไอสไตน์มองเห็นก่อนที่ทุกอย่าง
มันจะเกิดขึ้นและมันเฉลยตอนจบ...เฮ้ย!!!...คือมันจริงถึงผลกระทบมหาศาลที่จะเกิดกับโลก รวมไปถึงความกดดัน
ที่ ออพเพนไฮเมอร์ต้องพบ....ให้ผมเล่าความรู้สึกนี่มันเยอะมากๆๆๆๆ หลังหนังจบ ผมต้องมาหาข้อมูลเพิ่มเติม
อีกคำว่า "โอกาสเป็น 0" หมายถึงอะไร ทำไม ออพเพนไฮเมอร์จึงเลือกทั้ง 2 เมืองนั้น ปัจจัยอะไร จนผมเข้าใจ
ว่าเพราะอะไร ผมกับลูกชายเราคุยกันต่ออย่างมันส์มากในสิ่งที่เราได้รับ มันมีเรื่องราวมากมาย เกี่ยวข้องกับ
ความโลภ การเมือง ความรับผิดชอบ ยิ่งกลับไปดูสารคดีคลิปเกี่ยวกับผลกระทบนิวเคลียร์รวมไปถึงฟุตเทจ
คลิปการทดลองจริง มันโหดร้ายสุดๆ การพูดถึง โพรธีมิอุส ขโมยไฟของพระเจ้า รวมถึงตำนานรามายณะ
สงคราม ที่มาของ Trinity เฮ้ย....มาจากเทพเจ้าหลักของฮินดู เรื่องเล่าที่ประกอบกันกับคลิปที่เคยพูดถึง
ว่า นิวเคลียร์มีมาก่อนที่ออพเพนไฮเมอร์สร้าง มันมีหลายมุมมองมากที่เกิดขึ้น...
ตอนที่ออพเพนไฮเมอร์ อยากรู้ขอบเขตของการระเบิดและผลกระทบนั้น ทำให้เขาสามารถออกแบบ
จุดสุงเกตการณ์ที่ปลอดภัยจากการทดสอบ Gadget จากนักวิทยาศาสตร์อีกคนนึง ในหนังไม่ได้กล่าวไว้
ทางด้านลูกชายผมนอกจากเขาจะดูในสิ่งที่พูดกันแล้ว เขายังดูการสร้างที่มันเรียล มันจริง
.เล่าเท่าไหร่ไม่จบครับ....
ฉากทดลอง Trinity ไปจนถึงที่พูดปราศรัยผมชอบช่วงนั้นหมดเลย อธิบายไม่ถูกเลย ดีมากจริงๆ แต่ก็ชอบทั้งเรื่องนะ หนึ่งชั่วโมงสุดท้ายแม่งโคตรสนุก
ฉากไตร่สวนโครตกดดัน
ชอบฉากกะทืบเท้า แล้วพระเอกปราศัย ที่ใจคิดอย่าง แต่พูดอีกอย่าง
ชอบการพิจารณาคดีตอนท้าย ให้ความรู้สึกเหมือนดูการเมืองไทย
ชอบฉากทึ่มีคนนั่งโต๊ะยาวปรบมือ แล้วมีเสียงกระทืบเท้านะ ใช้ไอแมกซ์ซะคุ้ม นักแสดง ดีทุกคน ไม่อ่านชื่อจำไม่ได้ แต่มีช่วงวูบๆนิดนึง ง่วงนิดหน่อยกลางๆเรื่อง เรื่องนี้เล่าง่ายดี ไม่ใช่แฟนของโนแลนเท่าไหร่ ผมติงนิดนึง ว่าผมทำงานเวลากลางวันปกติ เวลาว่างดูคือช่วงเย็น หนังถึงจะสนุกอย่างไร คนทำงานเหนื่อยทั้งวันมาแล้วมานั่งดูหนังเวลาฉายต่อเรื่องนานๆมันล้า ผมถึงเน้นว่าหนังโรงที่ดีที่สุดคือเล่าให้จบในช่วงเวลาจำกัด ผมถึงจะบันเทิงได้มากกว่า คนในโรงที่เป็นวัยรุ่นเดินเข้าออกระหว่างดูหนังเป็นว่าเล่น คนเฒ่าขนาดเรานี่นั่งดูรวดเดียวจบสามชั่วโมงได้นะ
คะแนนให้ 10/10 เป็นหนังคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ยาว 3 ชั่วโมง ที่ชอบและดีครับ เนื้อเรื่องเล่าดีเข้มข้นและน่าสนใจ ฉากพูดคุยมันส์มากแต่ละฉาก Cillian Murphy ที่มารับบทเป็น Oppenheimer และเป็นพระเอกหนังโนแลนเรื่องแรก เล่นดีสามารถถ่ายทอดมิติตัวละครมาได้ดีทุกอารมณ์ Robert Downey Jr ก็เล่นดีแย่งซีนด้วยบางฉาก Matt Damon Emily Blunt Rami Malek และคนอื่นเล่นดีแม้บางคนโผล่น้อย ฉากทดลองระเบิดตอนดูขนลุกแล้วอลังการมากครับ เพลงประกอบดีและฟังเพลิน ฉากภาพขาวดำในที่ประชุมชอบอยู่ครับ
สนุกจริงครับ ขนาดไม่ได้หลับไม่ได้นอน ดูรอบทุ่มนึง ไม่มีหลับเลย หนังทำให้เรารู้สึกenjoyทั้งเรื่องจริงๆ
ชอบฉากที่คุยกับไอนสไตน์
ผมรักหนอนหนังนะคับ เป็นช่องแรกที่ผมติดตามเรื่องหนัง❤❤❤❤
RDJ นี่สงสารเหมือนกันนะ ติดภาพจำไปแล้วว่าไปเรื่องไหนก็ tony stark
คนที่ทำให้เหวอกับการเมคอัพ+แสดงก็ตา Gary Oldman อะ ที่เล่นเป็นประธานาธิบดี แฟนดันดูออก เราก็แบบใช่เหรอวะ สรุปชื่ออยู่ในเครดิตจริง
คิดเหมือนกันว่า RDJ ยังมีจริตท่าทางที่ไม่หลุดจากโทนี่ สตาร์ค เช่น วิธีการเดิน การวาดมือ และเอียงคอ ประมาณนี้แต่แกแสดงได้ดีเลยอันนี้ไม่เถียง
จริงๆแล้วเป็นจริตของแกเองครับ แต่ว่าเราเห็นแกผ่านบท โทนี่แทบจะ 90%🥹
+1 แกเป็นภาพจำมานานเกิน555
นั้นคือท่าทางของ RDJ ครับ ไม่ใช่ โทนี่ สตาร์ก 😅😅😅 ดูหนังเซอร์ล็อคโฮม กับ Dolittle สิ ท่าทางแบบนี้มีประจำ 55
เอาจริง แกท่านี้ทุกเรื่อง เป็นจริตของแกเองนั่นแหละ
หนังแนวอะไรครับสนุกมั้ย
อยากไปลองดูมั้ง
ผมเกลียดมากก็ตอนออกจากโรงมาละมีคนบอกว่าหนังน่าเบื่อตัดไปมาดูไม่รู้เรื่องไม่มีไรเลยคุยอย่างเดียว ผมนี่แบบ คือถ้าจะดูหนังตามกระแสเฉยๆไม่ต้องมาดูรอบ4ทุ่มก็ได้มั้ยวะ
บุคลิก การเคลื่นไหวของ RDJ. ผมก็คิดเหมือนกันครับ
🎉🎉 ดีงาม
สำหรับ RDJ ผมก็ติด ยังไงก็คือ โทนี่ สตาค ที่รับบทตัวร้าย วิธีการพูด ช่องไฟ สีหน้า ท่าทาง มันคือ โทนี่
ส่วนหนังแนวนี้ Catch me if you can หรือ The wolf of wall street ของ ลีโอนาโด ก็ยังดูแล้วสนุกกว่า ผมน่าจะติด ลีโอนาโด ฮ่าๆ
ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ (พอจะรู้เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้าง)
ความเห็น: ดีมากหลายๆเรื่อง บอกเรื่องที่ผิดวังนะครับ
10 - 15 - 20 นาทีแรกไว้ไป (ใจเย็นๆ เสียใจ หนังยาวกลัวคนเบื่อมากไปหรือเปล่า ) speed ทีหลังได้ ก่อน atomic boom หล้ง atomic boom Okay.
Sound ไว และรกไป มี sound ให้เล่นอีกเยอะที่จะโยงคน
ส่วนตัวผมอยากให้ดึงไปเยอะที่กลางเรื่องตอน boom แล้วดึงดราม่า จะแซก เรื่องความรู้สึกผิดมากี่ shot ตอนนั้นอาจดึงน้ำตาได้เลย
sound ไม่อลังการตอน boom คือใช้ CG ก็ได้แค่ฉากเดียว ลองแล้วมันไม่ได้ ผมเคยดูสาระคดีเลยดูไม่น่ากลัวขนาดนั้น เสียหายน่าสลดขนาดนั้น รวมถึงปู sound มาเยอะเกินทำให้ดูมันไม่เสียหายขนาดนั้น (ในหนังควรดูให้มากกว่าหรือถึงกว่าความเป็นจริงน่าจะอินกว่า) ... เสียดายจุดเล็กๆน้อยๆ
... ส่วนตัวผม ภาพผมให้ 10 ยกเว้นฉาก Boom หนักแสดงสุดยอด สือสารทางสายตา ( จริงๆเรื่อง sound and effect หรืออื่นๆให้สิ่งที่นักแสดงส่งมาแล้วเสริมเขาก็พอ ) ผม ไม่รู้เรื่องภาพยนต์ ก็คงประมาณนี้ครับ
ผมชอบช่วงสืบสวนตอนท้าย
เร่งเร้าสุดๆ
ฉากเฉลยว่าคุยอะไรกับไอสไตล์ สุด
ขอบคุณค่ะพึ่งเข้าใจ ฉากทรินิตี้ แต่แสง เสียง ลม มันห่านเกินไหมคะ รวมชอบค่ะแต่รัเทเนทมากกว่าค่ะ
ซีนเงียบ “บัดนี้ข้าคือความตาย ผู้ทำลายล้างโลก” ขนลุกจริง
ชอบฉากสอบสวนท้ายเรื่องมาก
nolan สอนให้รู้ว่าทำหนัง คุย3ชม. ยังไงไม่ให้น่าเบื่อ
เรื่องนี้ผมสลัดฟลอเรน พิว ออกจากเยเลน่าได้ ... แต่ผมไม่แน่ใจว่าตอน Thunderbolt ผมจะสลัดน้องหลุดจากจีน แท็ตลอก หรือเปล่าน่ะครับ
จริงๆแล้วสูตรพลังงานทุกคนเข้าใจไอน์สไตน์ผิดครับ
ไอน์สไตน์หมายความว่า Energy = Milk Coffeeกำลังสอง
คือถามว่าต้อง imax ไหม ไม่แน่ใจ แต่ต้องดูในโรงแน่นอน
ชอบฉากทดสอบระเบิดเหมือนกันครับ สุดยอดมากกกกกกก
เป็นหนังที่สุดจริงครับ หักเหลี่ยมกันตอนท้าย แต่เป็นหนังโนแลน เรื่องเดียวครับ ที่ไม่อยากซำ้ เพราะอะไรไม่รู้😅 ยาขม ที่มีประโยชน์ กินรอบเดียวพอครับ ไม่เหมือนเรื่องอื่น ที่ดูซ้ำได้ครับ 😅
Robert Downey Jr เล่นดีมากๆครับ โกงได้แบบ นักการเมืองจริงๆ ร้ายกาจนักนะ ไอแก่ 5555555
ถ้าแบ่งช่วงชีวิตโอเพนไฮเมอร์เป็น 4 ช่วง ช่วงวัยรุ่น ช่วงทำระเบิด ช่วงโดนกล่าวหา ช่วงหลังถูกกล่าวหาและรับรางวัล จะทำให้คนดูดูง่ายขึ้น
วิธีตัดสลับเรื่องนี้อยู่ช่วงสอบสวนตอนถูกกล่าวหาการเป็นคอมมิวนิสส์ กับ 3 ช่วงที่เหลือ
เอาจริงๆ เรื่องนี้ดูง่ายนะ ถ้าเทียบกับเรื่องอื่นของโนแลน
ฉากติดตาก็คงเป็น ฉากเรท R กลางห้องสอบสวน 1. กล้าเล่น 2.มันอธิบายถึงความรู้สึกของคนที่ถูกนอกใจ โดยเรื่องมันถูกเอาขึ้นมาถกเถียงกัน
ผมว่า RDJ เขาเล่นโทนี่ สตาร์ค ด้วย SWAG ของตัวเองมากกว่ามังครับ เหมือนเดอะร็อค ที่เล่นเรื่องอะไร มันก็คือเดอะร็อค RDJ เช่นกันครับ เชอล็อคโฮม ทรอปปิคธันเดอร์ ดูลิตเติ้ล ก็SWAGคือๆนี้
หนังพูดกันทั้งเรื่องผมนึกถึง the man from earth เลย หนังในดวงใจ สะกดคนให้นั่งฟังได้จริงๆ
สุดจริงเรื่องนั้น
ไม่ต้องเล่นท่ายากมากมาย แต่เจ๋งจริงครับ
โนแลนไม่ได้มองแค่ว่าต้องขายฉากระเบิดตูมตาม เค้าอยากให้อะไรคนดูมากว่านั้น ฉากคีย์หลักของเรื่องคือองค์สุดท้าย เป็นฉากโชว์ของทั้งผกก นักแสดง ใครคาดหวังระเบิดตูมตามเอาสะใจคงจะเบื่อเป็นธรรมดา
ชอบหนังแบบนี้มากตอนแรกงงๆ ทุกๆอย่างช่วงหลังเริ่มปะติดปะต่อกันเข้าทีละส่วนความจริงเฉยออกมาทีละนิด ฉากทดลองระเบิดว่าสุดแล้ว ฉากที่ไต่สวนในห้องที่เริ่มใส่อารมณ์ใส่กันแล้วเพลงบิ้ว แสงบิ้ว แม่งมันยังกะหนังแอ็คชั่น5555
ชอบฉากปิด ที่ คุยกับไอซไตล์
แล้วมีภาพประกอบ ทำให้รู้สึกว่า
Oppenheimer ตอนนั้นกลัวอะไร
ไปดูมาแล้ว ด้วยความที่เราชอบพวกกลศาสตร์ควอนตั้ม ทฤษฎีอะไรอยู่แล้ว นั่งฟังคุยทฤษฎีคืออินมากค่า เราได้คิดไปด้วยตามนักฟิสิกส์แต่คนไม่เก่งก็ดูได้ค่ะ ความสนุกคือตอนตัดสลับไปมา เป็นเล่าอัตชีวประวัติของเขาเลยค่า ซึ่งตอนแรกคือเขาต้องทำให้ได้ สุดท้ายมันมาฉากที่ตัดมาที่เขาเห็นภาพเหมือนจะเป็นผลกระทบของระเบิดปรมาณู และคือ เขาเป็นคนคัดค้านเรื่องระเบิดปรมาณูค่ะ
และ ตอนสุดท้ายที่เขาคุยกับอัลเบิร์ต เขาบอกว่า เราได้ทำมันแล้ว จากนั้นฉากสุดท้ายคือระเบิดปรมาณูลงไปทั่วโลก ย้ำเตือนว่าเราจะยังคงใช้ระเบิดนี้ในสงครามอีกเหรอ มันอาจจะระเบิดโลกได้เลย ย้ำให้เราต่อต้านระเบิดนิวเคลียร์ เพราะสงครามตอนนี้คือ Nuclear war ล่ะค่ะ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่งั้นจะเป็นหายนะมนุษยชาติได้ค่ะ
ชอบฉาก Trinity เหมือนกันค่ะ กับฉากไต่สวนก่อนที่ Oppenheimer จะโดนปลดจากผู้อำนวยการ AECค่ะ มีนักวิทยาศาสตร์ให้การแต่ล่ะคนค่ะ ทั้งแง่บวกและลบกับเขาและฉากสุดท้าย ที่ย้ำเตือนเราค่ะ
คะแนนให้ 10/10 เลยครับเป็น 3 ชั่วโมง ที่ฉากพูดคุยและสนทนามันส์และน่าสนใจ Cillian Murphy แสดงเป็น Oppenheimer ได้ดีเหมือนตัวจริงและดีทุกอารมณ์มากครับ Robert Downey Jr เล่นดีมากและแย่งซีนด้วยบางฉาก Matt Damon Emily Blunt Rami Malek Kenneth Branagh และคนอื่นเลยดี ฉากทดลองระเบิดขนลุกแล้วอลังการมาก มีได้ชิงออสการ์สูงมากเรื่องนี้
4:46 ถูกต้องครับ🥰
อีกฉากที่ชอบคือช่วงสอบสวน มันมากลุ้นมากว่าจะชนะหรือแพ้
30นาทีสุดท้ายของหนังอะคือของจริง แม่งกดดันคนดูสุดๆ
ฉากสุดท้ายเลยครับ
ส่วนตัวชอบหนังแนวชีวประวัติ อยู่แล้ว
บอกเลยคุ้มค่าตั๋ว ทุกบาททุกสตางค์
รู้สึกไม่ง่วงเลย ปกติดูโนแลนแล้วง่วงมาก ตอนดู tenet ครึ่งแรกผมหลับคาโรงจนต้องไปดูอีกรอบ แต่เรื่องนี้คือมันเร่งเร้าตลอดทั้งๆที่มีแค่ตัวละครพูดกัน😮😮😮😮
มาแล้ววววว❤
ชอบฉากเดียวกับพี่ท็อปเลยครับ ตอนแรงระเบิดพุ่งมาคือเหมือนโดนแรงกระแทกจริงๆ เสียงแน่นมาก นี่ขนาดดูโรงปกตินะครับ(จังหวัดผมไม่มีIMAX)
เล่าให้ดูยาก เลยทำให้เรายิ่งต้องตั้งใจดูครับ
ผม rdj แสดงได้ทิ้งความโทนี้ ได้พอสมควรนะ ด้วยน้ำท่าที ไม่รู้เพราะพี่ดูพากย์ไทยมั้ย คนพากย์เดิมของrdj ผมดูทั้งสองแบบแล้ว พากย์ไทย ลงเสียงไตล์พากย์เขาแบบเดิมเป้ะๆ กันที่ใช้พากย์โทนี้ แต่พอดูซาวแทรคอีกฟิวไปเลย
ฉากอึดอัดสุดคือตอนสอบปากคำโรเบิร์ตตอนท้าย อารมณ์เหมือนจะคลั่งสติแตกแล้ว (ระเบิดตูม)