นิพพานเป็นอย่างไร?
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 13 ม.ค. 2012
- [พุทธวจน]
ภิกษุ ท.! สังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สามอย่างอย่างไรเล่า? สามอย่างคือ :-
๑. มีการเกิดปรากฏ (อุปฺปาโท ปญฺญายติ);
๒. มีการเสื่อมปรากฏ (วโย ปญฺญายติ) ;
๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏก (ฐิตสฺส อญ ฺญถตฺตํ ปญฺญายติ).
ภิกษุ ท.! สามอย่างเหล่านี้แล คือสังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม.
ภิกษุ ท.! อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่
. สามอย่างอย่างไรเล่า? สามอย่างคือ :-
๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ) ;
๒. ไม่ปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปญฺญายติ) ;
๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (น ฐิตสฺส อญฺ ญถตฺตํ ปญฺญายติ).
ภิกษุ ท.! สามอย่างเหล่านี้แล คืออสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.
- ติก. อํ. ๒๐/๑๙๒/๔๘๖-๔๘๗.
www.HiDhamma.com - แนวปฏิบัติและการใช้ชีวิต
ท่านพระอาจารย์อธิบายได้ดีมาก ถูกต้องที่สุด พระอาจารย์ท่านนี้เป็นพระอริยะแน่นอน คนที่ไม่เข้าใจอย่าไปว่าท่านนะ เดียวจะบาปเปล่า...
ในทางทฤษฎีและปฎิบัติ ถ้าจะให้หายสงสัยในนิพพาน คุณต้องได้โสดาบันเป็นขั้นต่ำ ถ้าไม่ถึงขั้นโสดาบันพูดให้ตายยังไงอ้างอิงตำราไหนก็ตามยังไงก็ไม่หายสงสัยเพราะมันไม่รู้
พยายามปฏิบัติตามพุทธวจนอยู่ค่ะ ฟังแล้วปฏิบัติจริงแล้ว ข้างในจิตบอกว่าใช่ ใช่ สาธุ สาธุ สาธุ พระอาจารย์ ค่ะที่ชี้นำพุทธวจนให้รู้แจ้งเห็นจริงตามพระพุทธเจ้า
ท่านไม่ยอมรับการอธิบายขยายความของสาวกองค์ใดๆ แม้แต่การขยายความของพระอรหันต์สมัยพุทธกาล (เพราะบอกว่าเอาแต่ พุทธวจน เท่านั้น) แล้วที่ท่ายมาอธิบายขยายความ จะให้คนอื่นเชื่อท่านได้อย่างไร เพราะถ้าคนอื่นเชื่อคำอธิบายของท่าน แสดงว่า กำลังปฏิเสธระบบความคิด ที่ท่านบอกให้ ฟังคำศาสดาเท่านั้น วิญญูชนโปรดสดับ แล้วลองพิจารณาดูว่า จริงหรือไม่
แล้วปฏิบัติถึงกระแสแรกแห่งธรรมหรือยังละ พ่อมหาจำเริญ
สาธุ อนุโมทนากับท่านครับ คำสอนของพระตถาคต
ขอน้อบน้อมสักการะธรรมขิงตถาคต สัพพัญญูผู้รู้แจ้งโลก สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
ขอบคุณสำหลับคำบรรยายธรรม สาธุ สาธุ สาธุ ได้ฟังทุกวันก็ได้เข้าใจมากขึ้นเจ้าคะ
สาธุ อนุโมทามิ ครับ
สาธุ มีความปิติ สุขแบบบอกไม่ถูกครับ ดีใจที่ได้ฟังธรรม
อนุโมทนาสาธุครับ
ขอบพระคุณ และเป็นประโยชน์อย่างสูงที่ เผย แผ่
ขอร่วมโมทนาสาธุบุญด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
ถ้าจะให้เลือกเชื่อ ธรรม!!! ระหว่าง เหล่าอรหันต์ในกาลปัจจุบัน กะเหล่าอรหันต์ในสมัยพุทธกาลหาก..ธรรม.. ใดที่พระศาสดาผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเป็นผู้กล่าว ข้าพเจ้าของเลือกเชื่อคำที่พระตถาคต กล่าวแล้ว แสดงแล้ว รับลองแล้ว สาธุ
สาธุๆๆ พระอาจารย์เป็นพระสงฆ์ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เผยแพร่ พระธรรม น่าเลื่อมใสมาก ฟังท่านบรรยายพุทวจนแล้วเข้าใจง่าย ขออนุโมทนา สาธุๆๆ กับกิจที่พระอาจารย์ทำ ที่อริยสาวกพึ่งควรปฏิบัติด้วยครับ
สาธูพระอาจารย์คะ
เลื่อมใสเป็นอย่างสูง กราบสาธุะระคุณเจ้าครับ
สาธุ.ครับ
หลวงพ่อ
กระผมขอกราบเท้าและอนุโมทนา ผู้ที่มีบุญบารมีแก่กล้าที่สามารถดับรูปดับนามได้หมดจด เข้าถึงพระนิพพานได้อย่างแท้จริง พระสัมมาพุทธเจ้าท่านสอนไว้ถูกต้อง พระนิพพานเป็นสิ่งประเสิรฐสูงสุดไม่มีสิ่งใดประเสิรฐเหนือกว่านี้อีกแล้ว ขอน้อมบูชาพระอรหันตสัมมาพุทธเจ้า พระบรมครูทั้งสามโลกอย่างแท้จริง
ขออนุโมทนาท่านผู้อัปโหลดเป็นอย่างสูงนะคะ
อยากได้ไฟล์สรุปตามหัวข้อแบบนี้มานานแล้ว วันนี้เพิ่งจะเข้ามาเห็นค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
สาธุค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ผู้มีอุปการะมากและเมตตามาก ผู้เปิดธรรมที่ถูดปิด สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
สาธุสาธุสาธุ
สาธุครับ
ฟังพระอาจารย์คึกฤทธิ์ บรรยายแล้ว
นี้ คือ สัจจะความจริง
ถ้าบุคคลใดปฏิบัติตาม ย่อมเห็นความเป็นจริง ของชีวิตทุกทุกชีวิตที่เกิดมา
เปิดใจมั้งลุงงมงาย หาอาจารใหม่
แก่เสพเมถุนปราชิกแล้ว
แล้วทำไมท่านไม่อธิบายในสิ่งที่ท่านปฏิบัติบ้างล่ะครับ เอาแต่อ้างพุทธวจน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 96
เมื่อใด บัณฑิตย่อมเห็นด้วยปัญญาว่าธรรม
ทั้งปวงเป็นอนัตตา เมื่อนั้น ย่อมหน่ายในทุกข์ ความ
หน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด.
สาธุๆๆนิพพานชาตินี้เทอญ
สาธุ ๆๆ
สาธุๆๆ
องค์ท่าน พระจูฬปันถกเถระ ...พร้อมพระอริยสาวก...ทรงฟัง...นักบวขท่านนี้ ...ด้วยความเวทนา
ถูกใจครับท่าน คึกฤทธิ์สอนมั่ว มั่วซั่ว แถมพาคนไปตกเหวตาย
เวทนาอะไรละ พ่อมหาจำเริญ
สังขตะ สังขาร เป็นไวพจน์กัน หมายถึงสภาพที่ปรุงแต่งได้
ส่วนอสังขต นี้ปรุงแต่งไม่ได้ เกิดไม่ได้ จึงดับไม่ได้ มีอยู่โดยความไม่เคยเกิดขึ้น
เบญจขันธ์ไม่ใช่อสังขตธาตุ อยากให้เป็นดังใจไม่ได้ ไร้ผู้ต้านทาน (มีสภาพอนัตตา)
และแม้อสังขตธาตุเอง ก็ไร้ผู้ต้านทาน ไม่อยู่ใต้บัญชาใครได้ หวังเอาดังใจของใคร ๆ ไม่ได้เช่นกัน
และนิพพานเป็นธัมมารมณ์(รู้ทางใจ)บัญญัติเป็นโวหารให้เรียกขานกันมา ๒๖๐๐ ปีมาแล้ว
สาธุ
Excellent !!! the dhamma discourse !!! he is an intelligent monk!!! he had a solid education background. so, he is doing the great deal to revise the wrong teaching of Buddha's teaching by standing firm to the Authentic Tipitoaka recorded!! It's a shamed has one in this page still argueing not to accept to what have been misleading by old monks who did wrong and made Buddhism in Thailand so confused with Buddha's teaching . He brings out the truths as our Buddha is" The Great One" n foundered.
สาาาธุ
สาธุ สาธุ สาธุ
นิพพานนั้นเป็นอนันตาธาตุ คือ สภาวะที่ไม่มีสภาวะ ปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ ท่านหมายถึงสังขารมาปรุงแต่งวิญญาณไม่ได้ อนัันตาธาตุหากพระพุทธองค์ไม่บัญญัติ แล้วจะอธิบายนิพพานได้อย่างไร
ผมขอถามปัญหาเลยว่า พระอรหัตน์ที่ผ่านการบรรลุธรรมแล้ว มีขันธ์ 5หรือไม่ ? อินทรีย์ห้าท่านก็ยังอยู่ ตา หู จมูก สิ้น กาย สามารถที่จะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรสได้ รู้ร้อน แน่นอน ได้อย่างนี้จะเรียกว่าเป็น อัตตา หรือ อนัตตา เพราะยังมีความเกิดปรากฏของขันธ์ 5 อยู่ ส่วนพระอรหัตน์ท่านดับขันธ์ 5 แล้ว แสดงว่าท่านไม่มีขันธ์ 5 แล้ว
พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่ารูปนามนี้ไม่เที่ยงนะเกิดมาตั้งอยู่ดับไปตามกาลเวลานะนะนะสิ่งไหนไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์นะนะนะเป็นอนัตตานะ.ไม่นึดมั่นถือมั่นในตัวตนแต่อย่างใดนะนะนะสังขารนี้เป็นเพียงธาตุตามธรรมชาตินะและเป็นกรรมเก่าที่ติดตัวมานะนะนะ...ทุกคนจะมีกรรมที่แตกต่างกันไปนสิ่งใดในโลกนี้เมื่อเกิดมาต้องตายแน่นอนอนนะนะ...นิพพานไม่เกิดไม่เเก่ไท่เจ็บไม่ตายนะนะนะสงบสบายเย็นกายเย็นใจเบากายเบาใจนะมีความสุขนิรันดร์นะนะนะ.เจริญพร.
พระพุทธเจ้าสอนว่า ถ้าไม่รู้จักนิพพานอย่าสอน !
เพราะจะสอนได้อย่างไร ในเมื่อตนเองยังไม่รู้จัก ยังไม่เคยได้พบมาก่อน
ที่คุณกล่าวถูกต้องแล้วแต่ถ้านอยากเห็นทางนิพพานก็ลองฟังธรรมะสู่นิพพานดูนะ0910069898
ผิดแล้ว!!! นี้แหละคำสอนพระพุทธเจ้า
พ่อสอนลูกให้ดีได้ แต่พ่ออาจไม่ดีเท่าลูก เพราะพ่อนำความดีมาสอนลูก
นิพานคือนิพาน แล้วนิพานจะไปเป็นอย่างอื่นคงไม่ใช่นิพาน แล้วเหตุใดจึงบอกไม่รู้จักนิพาน เพราะนิพานไม่มีนิพาน จึงมีนิพานในที่ไม่มีนิพานไงละ ไปละ😄
เหมือนฟังไม่จบก็บอกอยู่ว่ายกมาจากพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนิพาน
(พระไตรลักษณ์)หรือสามัญลักษณะของสภาพธรรมทั้ง ๒ เว้นข้อ ๓ คืออนิจลักษณะ ทุกขลักษณะ นี้ไม่มีในนิพพานนะครับ เพราะ ๒ ข้อนี้มีในสังขตธรรมแต่ไม่เกิดกับอสังขตธรรม
สำหรับธัมนิยาม ๓ ในข้อ ๓ คือสัพเพธัมมาอนัตตา หมายรวมสภาพธรรมทั้งปวง(สังขตและอสังขต)
จึงหมายถึงรวมพระนิพพานด้วย
ฉะนั้น คำของท่านอาจารย์ตา(มหาบัว) ว่า"พระนิพพานไม่ใช่ไตรลักษณ์" จึงหมายถึงไตรลักษณ์เฉพาะที่เป็นสังขตธาตุ
ส่วนธัมนิยาม ๓ จะครอบคลุมมากกว่าคือทั้งสังขตและอสังขตด้วย
โอ้....พระ....คุณ....เจ้า....เฮ้อ
Sadhu sadhu sadhu..
สาธ
ศึกษาดีดี
ควรปฏิบัติเองคะ เมื่อถึงเวลานั้นจะรู้เอง คนที่ยังไม่เข้าถึงนิพพานจะพูดสภาวะนิพพานไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล รุ้ได้เฉพาะบุคคล
นิพพาน เข้าใจง่าย อ้างอิง พุทธวจน บรรยายโดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล เจ้าอาวาส วัดนาป่าพง
พี่กบครับ ในอดีตเราก็งงมาหลังจากมีพระพุทธเจ้ามาตั้งหลายพระองค์ ถุลีในดวงตาไม่เท่ากับ คนที่เลิกเล่นเกมส์นี้ก่อนเราเพราะเขาเข้าใจก่อนเรา หรือ ในการเที่ยวที่โคตรนานนี้เราไม่เคยเจอพระพุทธเจ้าเลย เป็นธรรมดาครับ
ตอนนี้เจอแล้วเข้าใจแล้ว ยินดีด้วยนะครับคุณกบ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของ
ตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมี
ตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น
คุณอยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่ดับนั้นไม่ได้ คืออยากให้อยู่ตลอดไปแบบนี้ไม่ได้ ขณะที่คุณต้องการเช่นนั้นก็เรียกว่าอัตตาเกิดขึ้นเพราะสิ่งทั้งปวง(สังขตและอสังขตล้วนเป็นอนัตตา) และไม่ได้หมายความว่า ความเกิดขึ้นจะเท่ากับอนิจจัง ตั้งอยู่ก็ไม่ใช่ทุกขัง ดับไปก็ไม่ใช่อนัตตา หากจับตรรกะนี้ก็เรียกว่าวิบัติครับ นิพพานเป็นอนัตตาเพราะพ้นจากอำนาจบงการหรือกฏใด ๆของสังขตธาตุ คำว่าธัมทั้งปวงล้วนเป็นอนัตตา นั่นหมายถึงทั้งสังขตและอสังขตครับท่าน อสังขตมี ๒ คือนิพพานและบัญญัติ หากแต่บัญญัติไม่เป็นปรมัตถธรรม
พระอริยบุคคลสี่จำพวกท่านก็เอาสังโยชน์มาเป็นเครืองวัดอีก แล้วสิ่งที่ท่านสอนพวกเราให้รู้ลมหายใจ เราก็รู้ตลอด มันจะดับขันธ์ ๕ ได้อย่างไร หรือว่าท่านดับได้แล้ว.......แล้วปฏิจจสมุปบาทจะอธิบายอย่างไร ว่าอวิชชาดับ รู้ได้อย่างไร สังขารดับ(สังขาร ๓ กายสังขาร คือลมหายใจ วจีสังขาร คือวิตก วิจาร จิตตสังขาร คือ เวทนา สัญญา ) ท่านจะดับได้อย่างไร ผมรับรองได้ว่าไม่มีทางแน่ หรือว่าใครที่ทำได้แล้วช่วยอธิบายสถาวะนี้หน่อย นิโรธท่านหมายถึงความดับ (ดับอะไร เมื่อยังมีผัสสะอยู่ขันธ์ห้าก็
🙏🙏🙏
(2) นิพพานจึงมีสองอย่าง คือ
1.สอุปาทิเสสนิพพาน เป็นการดับจิตของจิตที่เป็นตัวพาไปหาเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่เบญจขันต์ยังอยู่ นี้เรียกว่าพระอรหันต์ ตรัสรู้ธรรมแล้ว ยังดำรงชีวิตอยู่
2.อนุปาทิเสสนิพพาน เป็นการดับแตกสลายของเบญจขันต์ ตามอายุขัยของร่างกาย
สาธุ สาธุ สาธุ
ท่านพระอาจารย์เป็นสุดยอดของบุตรตถาคต ผู้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเผยแผ่โปรดสัตว์โลก สาธุ
พระธรรมดีแล้วหนอ จากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์
นิพพาน ไม่ต้องไปพูดถึงถ้าศีล 5 ยังไม่บริบูรณ์
ใช่แล้วครับ ปราชิกแล้วเปรียบเสมือนตาลยอดด้วน
มีศีล 5 สมาธิสูงและจิตบริสุทธิ์ทำบุญช่วยผู้ทุกข์ยากและทำนุบำรุงศาสนา..ไม่ทำบาป มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทำได้ทุกข้อจึงนิพพาน
🙏🙏🙏🙏🙏
ฟังแล้ว
ขอขอบพระคุณพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ..สาธุค่ะ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 266
เมื่อเป็นอย่างนั้น ญาณย่อมต้องกันในข้อว่า ธรรมทั้งปวงย่อมเป็นวิสัย
แห่งพระญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยรูปที่สลายไป ดุจโดยอาการ
เป็นอนัตตาของผู้เห็นว่า สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งหลายทั้งปวง
เป็นอนัตตา ดังนี้.
การศึกษาพระธรรม ประกอบด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ หรือ ปัญญาสิกขา สีลสิกขา จิตสิกขา..ดังนั้นการศึกษาสำหรับผู้มีปัญญา พึงศึกษาให้รอบ ประจักษ์ชัดซึ่งคุณและโทษ ถือเอาส่วนที่เป็นประโยชน์..การเรียน การได้ยินได้ฟัง การคิดพิจารณาไตร่ตรอง(ปริยัติ) เพื่อความเข้าใจ เพื่อนำไปประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ งดงามในเบื้องต้นท่ามกลางที่สุด สมบูรณ์พร้อมทั้งอัตถะพยัญชนะ..
แต่ ! บุคคลผู้ศึกษา เข้าใจได้ถูกต้องละเอียดลึกซึ้งเพียงใด แม้กล่าวซึ่งพุทธวจนอยู่ แต่ไม่เข้าใจชัด ไม่ประจักษ์แจ้ง ก็ยังไม่เกิดประโยชน์อันบริบูรณ์ หากมีการอธิบายด้วยทิฐิของตน อันผิดเพี้ยนไปจากสภาพธรรมที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัตินั้น ย่อมเป็นสิ่งที่มีโทษแก่ตนและบุคคลอื่น..แม้ถ้อยคำและข้อความ เพียงหนึ่งคำหรือ 1 ประโยค จะมาจากไหนจากใครก็ได้
ที่ทำให้เราได้สติ จิตเป็นกุศล ก็กล่าวได้ว่าถ้อยคำนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์..
ปฏิบัติ คือ ถึงพร้อมเฉพาะซึ่งสภาพธรรมนั้น เรียกว่าการเข้าไปประจักษ์หรือการทำให้เจริญ อุบายวิธีการเทคนิคการกำหนด ล้วนมีมากมายในการปฏิบัติธรรมนั้น ดังนั้นท่านผู้เจริญทั้งหลายพึงพิจารณาด้วยปัญญาอันชอบ ธรรมทั้งหลายย่อมรวมลงที่อริยสัจ4 เมื่อจะปฏิบัติธรรมพึงปฏิบัติกิจในอริยสัจ ให้ประกอบพร้อมด้วยความบริบูรณ์ ตามกำลังของตนเถิด.
***เทคนิค..ทำความเห็นทิฏฐิให้ถูกต้อง แล้วอยู่กับปัจจุบัน(ธรรม) ด้วยความรู้สึกตัวทั่วพร้อมมีสติไปทีละขณะ ใช้ชีวิตให้ถูกต้องเดินตามมรรค.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑- หน้าที่ 408
ลักขณัตติกนิทเทส
[๗๙] ปัญญาเครื่องทรงจำธรรมที่ได้สดับมาแล้วคือเครื่อง
รู้ชัดธรรมที่ได้สดับมาแล้วนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวง
เป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ชื่อว่าสุตมยญาณ
และทรงบอกอีกว่า ผู้ใตเห็นนิพพาน เป็นทุกข์ ไม่มีทางเข้าถึงนิพพาน
[๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นนิพพานโดยความเป็นทุกข์ จักเป็น
ผู้ประกอบด้วยขันติที่สมควร ข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้เธอไม่ประกอบด้วยขันติที่สมควรแล้ว จักก้าวลงสู่ความเป็นชอบและความแน่นอนข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เมื่อไม่ก้าว ลงสู่ความเป็นชอบและความแน่นอนจักกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรือ อรหัตผลข้อนั้นย่อมไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ
[๑๐๘] พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาทั้งหลายนี้ว่า
ใครๆ ไม่อาจดำเนินปฏิปทานี้ด้วยเหตุสักว่าพูด หรือฟังส่วนเดียว บุคคล
ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ผู้มีฌาน ย่อมพ้นจากเครื่องผูกของมาร ด้วยปฏิปทา
อันมั่นคงนี้บุคคลผู้มีปัญญาทั้งหลาย ทราบความเป็นไปของโลกแล้วรู้
แล้ว เป็นผู้ดับกิเลส ข้ามตัณหาเป็นเครื่องเกี่ยวข้องในโลกแล้วย่อมไม่
พูดโดยแท้ ฯ
สาธุกับพระอาจารย์ ท่านแค่มาบอกกล่าวพุทธวจนะของพระพุทธเจ้า แต่ก็มีพวกปัญญามากกกกกก ออกมาวิจารณ์ ยังกับตัวเขาบวชบรรลุธรรมมาแล้ว ถึงรู้มากออกมาชี้ ว่านั้นผิด นั้นถูก ถ้ายังไม่ปฏิบัติและยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม ศีลห้าครบทุกข้อ รึป่าวอย่าออกมาว่าเลย บาปกรรม
ผมไม่รุ้หรอกน่ะค้าบว่าพระรูปนี้จะเข้าถึงพนิพานยัง เเต่หลวงตามหาบัว เทศเรื่องโมคราช16 ไงครับ
ภพ ๓ คือกามภพ รูปภพ อรูปภพ ที่เกิด ให้ท่านไปดูธรรมดับสังขารตามลำดับ หรืออนุปุพวิหารเก้า หรือพระนิพพานตามคำของพระอานนท์ ว่าเหมือนกันไหม หากว่ายังสงสัยก็ให้ไปดูลำดับการปรินิพพานของพระพุทธเจ้าว่าใช่ อนุปุพพวิหารหรือไม่ พระอรหันต์ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน ก็คือสัญญาเวทยิตนิโรธ (ไม่ใช่สอุปทิเสสนิพพาน)
สัพเพ สังขารา อนิจจา สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง (สังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยงแท้)
สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ (สังขตธรรมทั้งปวงไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดิมได้ตลอดไป)
สัพเพ ธัมมา อนัตตาฯ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา (แต่สภาพธรรมทั้งสังขตและอสังขต ล้วนเหนือบังคับบัญชาเพราะไม่ใช่ตัวตน)
ถ้าอยากหายสงสัยในพระนิพพาน
ก็ต้องทำตนให้ถึงพระโสดาบัน พระโสดาบันท่านเชื่อว่านิพพานมีจริง แต่จิตยังมีกิเลสอยู่ จะให้รู้ละเอียดอย่างพระอรหันต์ไม่ได้
ละสังโยชน์ 3 ข้อ คือโสดาบัน
1สักกายทิฏฐิ
2 วิจิกิจฉา
3สีลัพพตปรามาส
อนัตตาถือเป็นสัจจธรรมใหญ่ที่ครอบคลุมสภาพธรรมทั้งหมด เพราะอัตตาไม่ใช่สัจจธรรม
หมายความว่าไม่มีอยู่จริง แต่อัตตาถูกสร้างขึ้นด้วยใจที่เห็นผิดว่านี้เรามีอยู่ เมื่อเห็นผิดว่านี่เรา ขันธ์ ๕ มีในเรา เรามีในขันธ์ ๕ นี้
ก็สร้างความเห็นผิดหรืออัตตาขึ้นมาทั้งที่อัตตาไม่มีอยู่จริงในสิ่งทั้งปวงแต่แรก ก็สิ่งทั้งปวงอยู่เหนือบังคับบัญชาทั้งสิ้น มีแต่สภาพธรรม
ไม่เคยมีเราอยู่ในสภาพธรรม นิพพานไม่ใช่เรา ไม่มีเราไปรู้นิพพาน เนื่องด้วยจิตที่จะรู้นิพพานได้ต้องไม่มีเราในนั้น
ตถาคเต เอกนฺตคโต อภิปฺปสนฺโน
เลื่อมใสในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว
สาธุ
เวรกรรมจริงๆ..อ่านแล้วก็เป็นทุกข์มากเลย..ไม่ต้องอ้างพระสูตรนะครับ..เอาความเข้าใจมาอธิบายน้อยๆก็พอ.ผมปัญญายังเบาอยู่..เข้าใจไม่ได้.อย่างเช่นหลวงตามหาบัวว่า"พระนิพพานไม่ใช่ไตรลักษณ์" อย่างนี้เข้าใจง่าย นะครับ..
ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลาย รู้แล้วนำไปปฏิบัติกันให้ได้นะครับ ประโยชน์จะได้เกิดกับตัวเราทุกๆคน ถ้าเรารู้แล้วไม่นำไปปฏิบัติสิ่งที่เรารู้มาก็จะไร้ความหมาย
และทรงตรัสความหมายของอนัตตา ไว้ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
[๑๔๒๑] ดูกรทีฆาวุ ท่านจงพิจารณาเห็นในสังขารทั้งปวงว่าเป็นของไม่เที่ยง มีความ
สำคัญในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่า เป็นทุกข์ มีความสำคัญในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่า เป็นอนัตตา มีความสำคัญ
ในการละ มีความสำคัญในความคลายกำหนัด มีความสำคัญในการดับ ดูกรฑีฆาวุ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล
สุตตะ เปรียบเสมือนอาวุธ ไว้ประหารกิเลสในการปฏิบัติ เปรียบเสมือนพ่วงแพในการข้ามฝั่งอันตราย ไปสู่ฝั่งที่ปลอดภัย แล้วทิ้งพ่วงแพไว้เมื่อถึงฝั่ง ถ้าจำสุตตะไม่ได้ จะเอาอะไรไปสู้กับกิเลสเวลาปฏิบัติ การปฏิบัติ ทำได้ทุกกิริยาอาการ ไม่ว่า ยืน เดิน นั่ง นอน ถ้าจำสุตตะได้มาก จิตจะน้อมไปในวิตก วิจารณ์ในส่วนของสุตตะ อันเป็นสัมมาทิษฐิ สุตตะยิ่งมาก จะเชื่อมสุตตะต่างๆได้คล่อง เมื่อมีวิตกวิจารณ์ นั่นคือ จิตมีวิริยะสัมโภชฌงค์เมื่อรู้แจ้งแทงตลอดเข้าใจในเนื้อธรรม จะเกิดปิติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของฌาณ ปิติที่เกิดจากวิตก วิจารณ์ในสุตตะ คือปิติที่อิงอามิส แต่ปิติที่เกิดจากการทำอานาปาณสติ ไม่สนใจความคิด จนปิติเกิด เป็นปิติที่ไม่อิงอามิส เมื่อจิตมีวิตก วิจารณ์ในสุตตะ หรืออาณาปาณสติ ซึ่งถ้าทำมาก ทำบ่อย บุคคลบางคนสามารถข้ามขณะจิตเดียวจากปฐมฌาณ - ทุติยฌาณ - ไปสู่ตติยฌาณได้ และผู้ที่เห็นอาการปิติ จะเห็นเวทนา 3 หรือเห็นจิตในจิตทั้งหลาย เสียดายไหมเมื่อปิติดับลง อยากได้ปิติสุขอีกไหม นั่นก็เป็นตัณหาซึ่งอยู่ในสายปฏิจจะสมุปบาท รู้และปฏิบัติได้ทั้งหมดที่ผ่านมานี้ ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย เพราะสังโยชน์ 3 ตัวแรก โสดาบันละได้ แต่ยังเสพกามคือพอใจใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยู่ สกทาคทมี กามราคะกับพยาบาท จะเบาบางลง จะให้ถึงครึ่งทางจริงๆ ต้องระดับอานาคามี จะดูความคิด หรือวิญญาณ หรือจิตเกิดดับอย่างเดียวแล้ว และการปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ใจต้องคิดถูกก่อน นั่นคือสัมมาทิษฐิ จะได้ไม่มีมิจฉาวาจา และบุคคลที่แม้แต่สัมมาทิษฐิ และสัมมาวาจา ซึ่งเป็นมรรค 8 อันเป็นเครื่องมือที่ใช้ปฏิบัติให้ถึงความพ้นทุกข์ยังไม่มี และอธิบายโดยยกพระสูตรของพระศาสดาหลายพระสูตร ก็ยังกล้าคัดง้างคำของพระศาสดา บุคคลนั้นย่อมเป็นผู้ที่ไม่สมควรพูดคุย ว่ากล่าว ตักเตือนด้วยอีกต่อไป เพราะบุคคลนั้น ได้ตายไปแล้ว จากธรรม วินัยนี้
พระพุทธเจ้า ทรง บัญญัติ. อนุปาทาปรินิพานในปัจจุบัน
อ่านตำรามาเล่า ไม่ได้รู้เองเห็นเองมาเล่า เรียนจนจบอ่านตำราจนหมดโลกก็แค่นั้น อธิบายยังไงก็ผิดเพราะจำเอาโดยใช้แค่สัญญา แบกตำรายึดตำรากันเข้าไป ปล่อยวางเถอะครับ
พระคุณเจ้า ปรมัติธรรม มี ๔ คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน เป็นธรรมที่มีอยู่จริง มีสภาวะรองรับคือรู้ได้(ไม่ใช้บัญญัติธรรม) จิต เจตสิก รูป ( เป็นขันธ์ ๕ หรือสังขตธรรม มีไตรลักษณ์) นิพพาน เป็นอสังขตธรรม ไม่เกิด ไม่ดับ เป็นอนัตตา นิพพานัง บรมสุข.... โปรดแถลงไข
นิพพานไม่เปนทั้งอัตตาและอนัตตาตามพุทธวจนดังนี้
เหมือนดังคำของหลวงพ่อชาท่านบอกว่า นิพพานไม่ใช่ทั้งอัตตาหรืออนัตตา
หรือที่หลวงตามหาบัวท่านกล่าวว่า นิพพานก็คือนิพพานนะแหละ 55
ดีๆๆๆ
ตามที่ได้ปฏิบัติมานั้นเห็นได้ว่า. นิพพานเป็นทั้งอัตตาและอนัตตาครับ. เพราะภายะธรรมใดๆล้วนอยู่ภายในธรรมเดียวกัน. และนิพพานก็เป็นธรรมเดียวกันครับ
ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการเป็นไฉน คือ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑
ดูกร ภ.! ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
กราบอนุโมทนาสาธุๆๆ เจ้าค่ะพระอาจารย์
ท่านพอจ. ก็กล่าวพระพุทธเจ้าตรัสไว้เพราะท่านเข้าศึกษาใน พุทธวจน ของเก่าดั้งเดิม
ท่านเอาพระสูตร เชื่อมพระสูตรของพระพุทธเจ้าเท่านั้นมาให้ฟัง กรุณาเข้าสืบค้นนะคะ
ในเวป E-tipitaka+ แล้วท่านจะเข้าใจคำพูดของพระอาจารย์ท่าน สาธุๆๆลองสละเวลา
เข้าไปศึกษาดูค่ะ ทำใจเป็นกลางเข้าไว้ธรรมะของพระบรมศาสดาผู้บัญญัติและแสดงไว้แล้ว
ทนต่อการเพ่งพิสูจน์เป็นจริงทุกกาลเวลา ไม่ว่าจะพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนๆๆก็จะสอนให้ออกจากทุกข์
ด้วยอริยสัจ4 เข้าไปศึกษานะคะอย่าวิจารณ์เสียเวลาค่ะ เดียววันเดียวคืนสูญเปล่าค่ะ
(1)รูปเกิดจากสิ่งที่เป็นทุกข์ แล้วจะสุขแต่ไหนเล่า
รูปเกิดจากสิ่งที่ไม่เที่ยง แล้วจะเที่ยงแต่ไหนเล่า
รูปเกิดจากสิ่งที่ไม่มีตัวตน แล้วจะมีัตัวตนแต่ไหนเล่า
นิพพานมีอยู่ตลอด แต่ผู้ค้นพบมีเพียงพระุพุทธเจ้าแล้วนำมาสอนสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้าค้นพบนิพพานแล้วแต่ไม่นำมาสอน เมื่อนำมาสอนสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ท่านเหล่านั้นก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ก็เรียกว่า นิพพานัง ปรมัง สุขขัง เมื่อหมดอายุขัยก็เรียกว่า นิพพานัง ปรมัง สูญญัง คือ สูญสลาย ดับรอบ การเกิดไม่มีอีกแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการ
นี้แล ฯ
เราแสวงหานายช่างผู้กระทำเรือนเมื่อไม่ประสบจึงได้ท่องเที่ยวไปในสงสารมิใช่น้อยการเกิดบ่อยๆเป็นทุกข์ดูก่อนนายช่างผู้กระเรือน เราเห็นท่านแล้ว ท่านจักไม่ได้กระทำเรีอนอีกต่อไปซี่โครงทั้งหมดของท่านเราหักเสียแล้วยอดเรือนเราก็กำจัดแล้ว จิตของเราถึงวิสังขารคือพระนิพพานแล้ว เราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้งดังนี้ (คำว่า จิตในที่นี้ประกอบด้วยเวทนา,สัญญา,สังขารและวิญญาณที่เป็นวิสังขาร คือเป็นจิตที่ปราศจากสิ่งปรุงแต่ง)นิพพานจึงเป็นสถานที่ๆมีอัตตาหรือกาย หมายเอากายพระอรหันต์ ที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ใช่กายมนุษย์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งและตรัสว่าเป็น อมตะ คำว่าอมตะ แปลว่าสถานที่ๆสัตว์ไม่เคยตาย เพราะฉะนั้น คำว่า สุข ก็ดี คำว่า สัตว์หรือกาย ก็ดี และคำว่า สถานที่ ก็ดี ในที่นี้เป็นบัญญัติฝ่ายที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง และล่วงจากกาล (ไม่ได้หมายเอาสิ่งที่มีปัจจ้ยปรุงแต่ง)
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาไว้ในพระไตรปิฎกมากมาย
โปรดอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎก
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 574
๔. อุปปาทสูตร
ว่าด้วยธรรมนิยาย
[๕๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะพระตถาคตทั้งหลาย เกิดขึ้น
หรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม ธาตุ คือ สิ่งที่ทรงตัวเองอยู่ได้อันนั้น (ธัมมฐิตตา)
ความตั้งอยู่โดยธรรมดาอันนั้น (ธัมมนิยามตา) ความแน่นอนโดยธรรมดา
อันนั้น (ต่อ)
sadhu sadhu sadhu
นั่งถกเถียงกันเรื่องภาษา ไม่มีวันจบ เพราะภาษาคือสิ่งปรุงแต่งสมมุติกันขึ้นมา การตามหาความหมายของภาษาที่สื่อถึงนามธรรม ไม่มีวันสรุปได้ . ท่านคึกพลาดตรงโจมตีอรรคคาถาจารย์รุ่นก่อน ทั้งๆที่ท่านก้อ มาทำหน้าที่อรรถาจารย์เหมือนกัน กลายเป็นอรรถาอื่นเชื่อไม่ได้ กํถูกอยู่คนเดียว ..สร้างแบรนด์แบบนี้ .. โจทย์ย่อมมีทั้งเปิดเผยและซ่อนเงียบ แต่พร้อมจะถล่มอยู่ตลอด ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่ๆ เขาเป็นเอทิสต์ที้งประกาศตัวและไม่ประกาศ กันมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกสมมุติสงฆ์ (พวกบวชพระ) มาโชว์พาวข่มกันเอง หาจุดขาย ศาสนิกย่อมเบื่อหน่าย .และลดน้อยลง พึงระวังไว้ให้ดี ยิ่งมีน้อยอยู่
นิพพานคือความว่างที่ไม่มีอะไรไปปรุงแต่งได้ ในความว่างนั้นไม่ใช่ไม่มี คือมีแต่เราคิดตักขะไม่ออกเองเพราะเราไม่มีอายะตะใดๆไปตรวจจับนิพพานได้จะอธิบายอย่างไรเราก็ไม่เข้าใจ รู้แต่ว่านิพานคือความสุขถาวรก็พอแล้ว เมื่อกิเลสตัณหาหมดเราก็จะเข้าสู่สะภาพเดิมคือนิพพาน พระอาจารย์คือหนึ่งในแก้วห้าประการ ใครที่โจมตีพระอาจารย์เพราะคุณมีอคติหรือไม่ก็ยังฟังธรรมที่พระอาจารย์แสดงไม่เข้าใจใจ หรือรับไม่ได้เพราะคุณเชื่ออาจารย์ตนเอง คนเราต้องเปลี่ยนในความจริง
สาธุครับ
"ส_า_ธุ_ๆ_ๆ_ค_รั_บ"
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 727
นิพพานไม่เกิด ไม่มี อันปัจจัยอะไร ๆ ไม่แต่ง ไม่ปรุง มีอยู่. จริงอยู่
คำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ซึ่งมีอรรถไม่ผิดแผก ดังที่ตรัสไว้ว่า
สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา
ภาวะนิพพาน อ.อริยเจ้าพระอรหันต์
สาธุ น่าเลื่อมใส ยิ่งนัก
ตถาคตตรัสรู้บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวง
เป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้วจึงบอก
แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ว่า สังขารทั้งปวง
ไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา.
จบอุปปาทสูตรที่ ๔
สุดยอดครับ
ใช่
ท่านทั้งหลายเมื่อเห็นสมมุติจึงเห็นวิมุติจึงหลุดพ้นนัยตัวมันเอง
ไม่ใช่ว่าเอากิเลสมาคอยหลุดคอยพ้นอะไร
ไม่ใช่ว่าเห็นหรือไม่เห็นนั่นแหละคือเห็น
ไม่ใช่เอากิเลส
ไปเห็นหรือคอยเห็น
พระนิพพานคือว่างอยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่าว่างหรือไม่ว่างนั่นเเหละคือว่าง
ผมลองไล่อ่าน ตั้งแต่คอมเมนต์แรก สังเกตว่า มีพวกที่ไม่ได้ยกเอา คำของพระพุทธเจ้ามาพูดซะส่วนใหญ่ นิพพาน อัตตาก็ไม้ใช่ อนัตตาก็ไม่ใช่ มันยากตรงไหนเนี่ย
พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ที่ไหนว่า นิพพานเป็นอัตตาก็ไม่ใช่ เป็นอนัตตาก็ไม่ใช่ นี่ต้องเป็นคำแต่งใหม่แน่ๆเลย
ลดทิฐิได้ไหมแล้วไปฝึกที่วัดท่าซุงแล้วจะได้รู้ว่าพระนิพพานมีสภาพเป็นอย่างไรถ้าไม่สามารถฝึกได้ก็แย้กว่าฆราวาสคิดเอาเองว่าท่านสมควรจะทำอย่างไรดี
kai kai กฎข้อนี้พระพุทธเจ้าทรงห้ามปล่อยเป็นไปตามกฎเดิม กฎเดิมเป็นอย่างไหร่ก็ปล่อยไปตามเดิม หลักสูตรพุทธภูมิมีกฎห้ามและบังคับ กฎตือพระวินัยสงฆ์มี227ข้อห้ามเพิ่มห้ามลดปรับเท่ากันหมดสอนแบบเดียวกัน ห้ามตั้งกฎก่อนเหตุเกิด
kai kai พุทธภูมิทุกคนต้องรับภาระแทนครู ต้นตระกูลไทยเป็นพระพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าต้องเป็นคนไทยเท่านี้น กฎของพุทธภูมิ ลูกพระพุทธเจ้าเป็นคนขอพ่อให้ตั้งกฎนี้วิชานี้จะไม่ปล่อยจากตระกูลไทยคนไทยเท่านั้นที่เป็นครู สาวกไม่ห้าม คนไทยคงไม่รู้วิชาครูเป็นหลักสูตรพิเศษ พระพุทธเจ้าองฅ์ปฐมเป็นต้นตระกูลไทย ลูกชายไม่ยอมปล่อยวิชานี้ให้ใครไทยไหนก็ได้
ถ้าใครได้ไปฝีกมาแล้วครั้งนึง ครั้งต่อไป ก็ฝีกเองที่บ้านได้
มันมั่วแล้ว ปราชิกแล้ว เลวยิ่งกว่าฆราวาส ใครทำบุญกับมันเหมือนกับสนับสนุนโจรปล้นพระศาสนา
พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน ธัมมนิยามตาสูตร ว่า สัพเพสังขารา อนิจจาติ สัพเพสังขารา ทุกขาติ สัพเพธัมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งหลายใด ได้แก่ นามธรรม รูปธรรม สังขตธรรม อสังขตธรรม สังขารธรรม วิสังขารธรรม โลกียธรรม และ โลกุตตรธรรม ล้วนเป็น อนัตตา บังคับบัญชาด้วยอำนาจใด ๆ ไม่ได้.
นิพพานคือกิเลสดับแล้วสิ้นแล้วหมดแล้ว สภาวะของนิพพานมีหลายอย่างเช่นอมตะ จบกิจ ไม่ปรุ่งแต่ง ฯลฯ สภาวะเช่นนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งของนิพพานซึ่งมีหลายอย่าง ถ้าจะเปรียบเที่ยบให้เข้าใจ นิพพานเป็นการดับกิเลสเปรียบเหมือนตัวบ้าน ส่วนสภาวะที่กล่าวนั้นเปรียบเหมือนส่วนประกอบของบ้านเช่น ลวดลายบ้าน ซึ่งจะรวมเป็นเนื้อเดียวของบ้าน หรือจะเรียกง่ายให้เข้าในคืออารมณ์ของพระนิพพาน
รู้แค่ความหมายตื้นๆ อรรถกถา เป็นพันปีที่น่าเชื่อนะไม่เอา แต่กลับตั้งตัวเป็นอรรถกถาเอง น่าสลดใจ ปลาปากเหม็นตัวที่2 จะมีขึ้นแต่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
🤔🤔🤔
นิพพานเปรียบเหมือนความว่างเปล่าครับไม่มีอะไรเลยจะเปลียมเทียมให้เข้าใจก็เหมือกับนอนหลับแล้วไม่มีวันตืนเพราะไม่รับรู้อะไรแล้วไม่มีอะไรเหลือแล้วหลังจากนิพพาน ก็ เป็นความว่างเปล่าหรือ มองอะไรไม่เห็นไม่ได้กลิ่นไม่ได้ยินเสียงไม่รู้สึกอะไรไม่มีความมืดไม่มีแสงสว่างไม่มีอะไรเลยยยยย ไม่มีจิตไม่มีอะไรเลยยยยยว่างเปล่าคือไม่รับรู้อะไรแล้วและคนที่นิพพานอะก็ไม่มีแล้วมันเป็นความว่างเปล่าไม่รู้จะอธิบายยังให้เข้าใจกันทุกคน