ในความจริงแล้วพระเจ้าของ ศาสนาคริสต์ กับ ศาสนาอิสลาม ไม่ใช่องค์เดียวกัน
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 20 ม.ค. 2024
- ในความจริงแล้วพระเจ้าของ ศาสนาคริสต์ กับ ศาสนาอิสลาม ไม่ใช่องค์เดียวกัน
#ศาสนาคริสต์ #ศาสนาอิสลาม #โลกวิวัฒน์ #Q&Aโลกวิวัฒน์ #ตอบคำถามชาวเน็ต #โหมโรง #พระราชวัง #วัง #ปี่พาทย์ #ดนตรีไทย #ศาสนายูดาห์ #พระเยซู #คาทอลิก #อัลเลาะห์ #วิกับวัฒน์ #peepzdoc #peepz #พีพซ์
ติดต่องาน
LINE@ : @peepzco (มี@ด้านหน้า) - บันเทิง
พี่ติ๊ก ซีโร่ เล่าดีมากครับ พี่ว่านามที่ใช้เรียกพระเจ้าเนี่ยมันคล้ายๆกันไหม เช่น เอนไล เอนลา อัลเลาะห์👍
สรุปของอิสลามที่อยากให้หลายคนเข้าใจจริงๆ
อิสลามมีพระเจ้าองค์เดียวคืออัลลอฮฺซึ่งมีชื่ออื่นอีกทั้งหมด99ชื่อ โดยอัลลอฮไม่มีลูก ไม่มีผู้ให้กำเนิด ไม่สักการะอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺองค์เดียว
โดยมีศาสนฑูตทั้งหมด25คนมีหน้าที่เผยแผ่คำสั่งของอัลลอฮและเป็นผู้นำศาสนาในยุคนั้นๆ ศาสนฑูตคนที่1ชื่ออาดัม...คนที่11ชื่อยูซูฟ(คริสเรียกเยซู)......คนที่14ชื่อมูซา(ยิวเรียกโมเซส)......คนที่25หรือคนสุดท้ายชื่อมูฮัมหมัด
หน้าที่ของศาสนาฑูตคือเผยแผ่คำสั่งของอัลลอฮฺและเป็นแบบอย่างให้ประชาชาติในยุคนั้นๆ ซึ่งยุคของศาสนาฑูตคนที่25ชื่อมูฮัมหมัดเป็นศาสนาฑูตคนสุดท้าย ดั้งนั้นคนที่เกิดในยุคนบีมูฮัมหมัดและหลังจากนบีมูฮัมหมัดจึงทำตามแบบอย่างเหมือนนบีคือทำตามอิสลามที่นบีมูฮัมหมัดรับคำสั่งจากอัลลอฮ คำสั่งของอัลลอฮฺในยุคของนบีมูฮัมหมัดที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตาคือคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งคำภีร์ของอัลลอฮฺมีทั้งหมด4เล่ม แบ่งตามช่วงของศาสนาฑูต 1.คัมภีร์เตารอท อัลลอฮทรงประทานมายังศาสนฑูตมูซา เป็น ภาษาฮีบรู 2.คัมภีร์อินญิล อัลลอฮฺทรงประทานมายังศาสนฑูตยูซูฟ เป็นภาษากรีกโบราณ 3.คัมภีร์ซาบูร อัลลอฮฺทรงประทานมายังศาสนฑูตดาวูด(ต่างศาสนิกรู้จักในชื่อเดวิท) เป็นภาษาซีเรียโบราณ และ4.คัมภีร์อัลกุรอาน อัลลอฮฺทรงประทานมายังศาสนฑูตมูฮัมหมัด ภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นคัมภีร์สุดท้ายที่อัลลอฮฺประทานให้ ดังนั้นแนวทางการใช้ชีวิตของมุสลิมยุคศาสนฑูตมูฮัมหมัดและหลังศาสนฑูตมูฮัมหมัดคือแนวทางตามอัลกุรอาน
เพิ่มเติม ศาสนฑูตคนที่1คนแรกชื่ออาดัม เป็นมนุษย์คนแรกในโลกเกิดจากการสร้างของอัลลอฮฺไม่ใช่การให้กำเนิด และอัลลอฮฺทรงสร้างผู้หญิงคนแรกชื่อฮาวา(หรือเอวา) เป็นคู่ของอดัม
คือ2ศาสนา จะแข่งกัน เยซูคริสต์ เกิดก่อนมูฮัมหมัด แต่อิสลามเขียนประวัติให้ว่า เยซูเป็นแค่ศาสนฑูตคนหนึ่งใต้ อัลเลาห์ะของเขาอีกที
@@enfanto มูฮัมหมัดก้อเป็นศาสนาฑูตเช่นเดียวกันกับยูซุฟ(เยซู)ซึ่งเท่ากันกับศาสนาฑูตอีก23คน อิสลามเคารพศาสนฑูตทั้ง25คน แต่แค่เราเป็นประชาชาติมุสลิมในยุคศาสนฑูตมูฮัมหมัดคนที่25หรือคนสุดท้าย และยังหมายถึงเวลาใกล้ถึงวันสิ้นโลกค่ะ
การถกเถียงเรื่องความเชื่อเป็นอะไรที่น่าปวดหัวและไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ นอกจากจะพิสูจน์ไม่ได้แล้ว การยอมรับความไม่มีจริงเลิกพูดถึงไปได้เลย
มุสลิมที่รู้ถึงแก่น จะกลัวได้อย่างไรกัน? ในเมื่อคำว่า Elohim(อิลโล-ฮีม) ในภาษาฮิบรูที่โมเสสพูด ในเมื่อคำว่า Elah(เอลาห์) ในภาษาแอราเมอิคที่เยซูพูด ในเมื่อคำว่า Allah(อัลลาห์) ในภาษาอาหรับที่มูฮัมหมัดพูด หมายถึงGod(พระเจ้า) สามารถตรวจสอบได้ในวิกิทั้งหมด
ก่อนอื่นผมขอบอกว่าผมเป็นพุทธนะครับ การที่เราจะฟันธงจากคำเพียงคำเดียวไปเลยก็กะไรอยู่ ถ้าความหมายของคำว่า"พระเจ้า"นั้น คือสิ่งสูงสุดที่มนุษย์ทุกหมู่ล้วนเหล่าเข้าหา งั้น"พระเจ้า"ของศาสนาพุทธก็คือ "พระสัจธรรม" สิ่งที่เป็นคำสอนของพระเยซูท่านคล้ายของพระพุทธเจ้ามากๆ โดยเฉพาะเรื่องSIN กับอวิชชา นั้น คือ สิ่งที่จูงใจให้มนุษย์ทำบาปหรือบาปกำเนิด ว่ามีรากฐานมาจาก ราคะ(กามรมณ์) โทสะ(ความโกรธ) โมหะ(ความหลงตัวอวดดี) โลภะ(ความโลภ) ถีนมิธะ(ความขี้เกียจ) ริษยา(ความไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดีกว่าตน) ตะกละ(ความไม่รู้จักพอในการบริโภค) คุณเห็นความเหมือนในความต่างหรือไม่ ความเป็นจริงบนโลกนี้หลายอย่างที่ความรู้ของมนุษย์ปัจจุบันก็ยังไปไม่ถึง(โลกจินไตย) เอาอย่างเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูท่าน ถ้าผมจะบอกว่ามีทฤษฎีในปัจจุบัน ที่ทั้งพระคัมภีร์อัลกุรอานและพระคัมภีร์ไบเบิ้ลถูกต้องทั้งคู่ล่ะครับ อย่างเช่นหากเราสมมุติว่า พระเจ้า(พระสัจธรรม,พระยะโฮวา,อัลลออฮ)สามารถเปลี่ยนเหตุกาลในมิติเวลาคู่ขนานหรือสามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ในอดีตเพื่อช่วยชีวิตพระเยซูได้ล่ะครับ? [เช่นการช่วยชีวิตของพระเยซูโดยพระเจ้าในมิติเวลาของอิสลามอาจจะทำให้เกิดการฟื้นคืนชีพในมิติเวลาของคริสตร์ อาจจะกล่าวได้ว่าทั้ง 2 พระคัมภีร์ถูกต้องทั้งคู่ ในกลศาสตร์ควอนตัมมีอะไรคล้ายๆแบบนี้เยอะนะครับ เช่นคุณสมบัติ"การซ้อนทับ" ซึ่งวัตถุสามารถมีอยู่พร้อม ๆ กันในสองสถานะหรือมากกว่า] แม้แต่ในพระคัมภีร์ไบเบิลก็มีการกล่าวถึงparadox ไว้หลายตอนเช่น พระอาทิตย์หยุดนิ่ง(โยชูวา) หรือ เหตุการณ์ที่บาบิโลน ทำให้ความทรงจำ ภาษา ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งๆที่เมื่อก่อนมนุษย์เคยพูดภาษาเดียวกัน เช่น เยเนซิศ 11:8, 9 “พระยะโฮวาจึงทรงบันดาลให้เขาพลัดพรากจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดินโลก; คนทั้งหลายก็เลิกการสร้างเมืองนั้นเสีย. เหตุฉะนี้จึงเรียกชื่อหอนั้นว่าบาเบล; เพราะว่าที่นั่นพระยะโฮวาทรงบันดาลภาษาของเขาให้วุ่นวายไป.”
เช่นเดียวกันหากเราไปพูดว่ามนุษย์สามารถบินบนฟ้าได้ให้คนสมัยก่อนฟังเขาอาจคิดว่าเราพยายามทำตัวเป็นพระเจ้าเขาอาจไม่เชื่อแล้วอาจถูกมองว่าบ้าก็เป็นได้ แต่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่าหลักการแบนูรี่สามารถทำให้เราสร้างเครื่องบินได้ เช่นเดียวกันหากสสารทุกอย่างแท้จริงแล้วประพฤติตัวเป็นคลื่นและสามารถแทรกแซงบางช่วงได้แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ในอดีตได้จริงๆทั้งหมด(เปลี่ยนคลื่นทุกลูกไม่ได้)แต่หากเปลี่ยนแค่ส่วนใดส่วนนึงของช่วงคลื่นเวลาแล้วก็อาจทำให้พระเยซูท่านรอดก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
บางครั้งการที่เรารีบสรุปเกินไปว่าเหตุการณ์/ความหมายของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลไม่ตรงกับพระคัมภีร์อัลกุรอานหรือพระไตรปิฎกอาจเป็นไปได้ว่าเพราะเรายังมีความรู้ของโลกใบนี้ไม่ลึกซึ้งพอที่จะตีความหมายพระคัมภีร์ต่างๆอย่างถูกต้อง100%รึเปล่ามากกว่า? ขอยกตัวอย่างอีกเรื่องนะครับผมตีความเรื่องวันที่พระเจ้าใช้ในการสร้างโลกไม่เหมือนคนโบราณที่ตีความว่า 1 วัน กำหนดจากการหมุนรอบตัวของโลก 1 รอบ 24 ชม. แต่ตามพระคัมภีรไบเบิ้ล ตอนนั้นยังไม่มี"โลก" ท่านอาจจะกำหนด"วัน"จากรูปแบบอื่นๆเช่น การหมุนรอบตัวของกาแลคซี่รึเปล่า?
ต้องอย่าลืมนะครับว่า
1 วันบนโลก = 23 ชม 56 นาที
นี้คือ 1 วันของดาวอื่นๆเมื่อเทียบกับโลก
ดาวพุธ 58.6 วัน
ดาวศุกร์ 243 วัน
โลก 23 ชั่วโมง 56 นาที
ดาวอังคาร 24 ชั่วโมง 37 นาที
ดาวพฤหัส 9 ชั่วโมง 55 นาที
ดาวเสาร์ 10 ชั่วโมง 33 นาที
ดาวยูเรนัส 17 ชั่วโมง 14 นาที
ดาวเนปจูน 15 ชั่วโมง 57 นาที
ดาวพลูโต 6.4 วัน
แล้วในพระคัมภีร์อัลกุรอานและไบเบิลที่กล่าวถึง 1 วัน ตอนนั้นโลกยังไม่เกิดครับ ทำไมจึงยึด"วัน"จากบรรทัดฐานของมนุษย์เราล่ะครับ? ในศาสนาพุทธยังเคยกล่าวไว้เลยว่าสวรรคบางชั้น 1 วันของสวรรคชั้นนั้นเท่ากับ 100ปีในโลกมนุษย์เลยนะครับ
อีกอย่างขนาดปีของจันทรคติกับสุริยะคติในโลกเดียวกันที่มนุษย์กำหนดมาเป็นหน่วยวัดจำนวนวันยังต่างกันเลยครับ?
ปล.ยากอบ 1:19 THSV11 พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ
หลายคลิปนะครับที่ เอาความรู้ไม่จริงแล้วมาพูดมั่วไปหมด ไปศึกษาให้ดีๆครับ คนที่ไม่เข้าใจจริงๆจะมาเชื่ออะไรแบบนี้
อันนี้จริงมั่วสุด
ลองหาข้อมูลดูครับ คำว่า “พระเจ้า” ภาษา Aramaic เป็นภาษาที่ พระเยซูใช้ ลองฟังดูครับ พระเยซูเรียกพระเจ้าว่าอย่างไร
พระเยซู ภาษาที่พระเยซูใช้ในการพูดตลอดชีวิตของท่านนั่นคือ ภาษาอารเมค Aramaic (ארמית) สำเนียงเเคว้นกาลีลี (Galilean Dialect)
พระเยซูเรียกพระเจ้าเป็นภาษาอารเมคว่า เอละฮ์ Elah (אלה) กับ พระบิดา The Father ว่า อั๊บบา (אבא)
คนยิวเรียกพระเจ้าเป็นภาษาฮิบรู Hebrew (עִבְרִית Ivrit อิฟริต) ว่า เอโลฮิม Elohim (אֱלֹהִים)
คนอาหรับ,คริสเตียนอาหรับ,มุสลิมอาหรับเรียกพระเจ้าเป็นภาษาอารบิค Arabic (اَلْعَرَبِيَّةُ Al-Arabiyah อัล-อารอบียะฮ์) ว่า อัลลอฮ Allah (ٱللَّٰه)
คำว่า Allah ย่อมาจากคำว่า อัล Al (ٱلْـ) - อิลาฮ์ Ilah (إله)
ดังนั้น คำว่า Ilah นั่นคือคำว่า พระเจ้า (God) ในภาษาอารบิค
ดังนั้น คำว่า Allah = Al - Ilah = The God
ดั้งนั้น ทั้งหมดมันคือคำว่า "พระเจ้า" ของภาษาเซมิติก (Semitic)
ดังนั้นเเล้ว อัลลอฮ ไม่ใช่ชื่อของพระเจ้า เเต่คนหลายคนไปเข้าใจผิดว่า อัลลอฮ เป็นชื่อหรือพระนามพระเจ้า หรือ ชื่อพระนามพระเจ้าของศาสนาอิสลาม
ส่วนพระนามพระเจ้า มันก็มีอีก
ถ้าอยากเข้าใจอย่างละเอียด ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
pantip.com/topic/42730980
pantip.com/topic/42680386
pantip.com/topic/42515877
คือพระเจ้าองค์เดียวครับแต่คนคริสเรียกพระบิดานั้นคือเอโลหฮิม อิสลาม อัลลอฮ ต่างทีภาษา อาหรับกับฮิบบรู
พระเยซู ภาษาที่พระเยซูใช้ในการพูดตลอดชีวิตของท่านนั่นคือ ภาษาอารเมค Aramaic (ארמית) สำเนียงเเคว้นกาลีลี (Galilean Dialect)
พระเยซูเรียกพระเจ้าเป็นภาษาอารเมคว่า เอละฮ์ Elah (אלה) กับ พระบิดา The Father ว่า อั๊บบา (אבא)
คนยิวเรียกพระเจ้าเป็นภาษาฮิบรู Hebrew (עִבְרִית Ivrit อิฟริต) ว่า เอโลฮิม Elohim (אֱלֹהִים)
คนอาหรับ,คริสเตียนอาหรับ,มุสลิมอาหรับเรียกพระเจ้าเป็นภาษาอารบิค Arabic (اَلْعَرَبِيَّةُ Al-Arabiyah อัล-อารอบียะฮ์) ว่า อัลลอฮ Allah (ٱللَّٰه)
คำว่า Allah ย่อมาจากคำว่า อัล Al (ٱلْـ) - อิลาฮ์ Ilah (إله)
ดังนั้น คำว่า Ilah นั่นคือคำว่า พระเจ้า (God) ในภาษาอารบิค
ดังนั้น คำว่า Allah = Al - Ilah = The God
ดั้งนั้น ทั้งหมดมันคือคำว่า "พระเจ้า" ของภาษาเซมิติก (Semitic)
ดังนั้นเเล้ว อัลลอฮ ไม่ใช่ชื่อของพระเจ้า เเต่คนหลายคนไปเข้าใจผิดว่า อัลลอฮ เป็นชื่อหรือพระนามพระเจ้า หรือ ชื่อพระนามพระเจ้าของศาสนาอิสลาม
ส่วนพระนามพระเจ้า มันก็มีอีก
ถ้าอยากเข้าใจอย่างละเอียด ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
pantip.com/topic/42730980
pantip.com/topic/42680386
pantip.com/topic/42515877
ก่อนอื่นเลย เอาคำว่า “ในความจริงแล้ว” ของคุณออกไปซะ แล้วไปศึกษาใหม่ให้ลึกกว่านี้เสียก่อน ไม่ใช่มาฝั่นธงอะไรมั่วๆแบบนี้ อ่อ ถ้าไม่รู้จะหาจากไหน ผมขอแนะนำ ไปเปิดฟัง ดร.ซากิร ไนค์ ดู
ถ้าแต่แรกไม่มีใครบันทึกเรื่องศาสนาอะไรเลย เรื่องทะเลาะของชาวโลกมันจะน้อยลงมั้ย
ไม่แตกต่างหรอกครับ แค่ความแตกต่างทางเชื้อชาติหรือสภาพร่างกาย ยังสามารถล้อเลียนกันได้เลย ถึงหายไปคงไม่แตกต่างหรอกครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมเป็นพุทธนะครับหากไม่มีศาสนาเลยมนุษย์จะถูกลัทธิบูชาผีสางดึงไป โลกจะสังเวยชีวิตมนุษย์ด้วยกันเพื่อบูชายัญ สำหรับผมนะผมว่าศาสนาคือรากฐานแห่งความเมตตาและปัญญาของมนุษยชาติ เพราะการมีอยู่ของศาสนาคริสตร์และอิสลามทำให้ปัจจุบันการบูชายัญด้วยชีวิตมนุษย์นั้นหายไป อย่างเมื่อไม่เกินสองร้อยปีที่แล้วแม้แต่บางประเทศแถวเอเชียอาคเนย์ก็ยังมีการเอาคนท้องไปตอกในหลุมเพื่อเป็นเสาหลักเมือง แต่ถ้าไม่มีความเชื่อหรือประเพณีใดๆมากำกับโลกก็จะยิ่งแย่กว่านั้นเพราะจะเหมือนสังคมของสัตว์ที่มีแต่ใช้พละกำลังใครแข็งแรงกว่าก็ชนะจะไม่มีกฎหมายไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเหมือนในปัจจุบันแต่ลัทธิผีสางก็ยังพอให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีบ้างแต่ก็จะบ่มเพาะความชั่วร้ายบางอย่างเช่นการบูชายัญมนุษยที่แอชเทคและมารยัน ในประเทศที่ศาสนาเข้าไม่ถึงแต่เอาแต่เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาจากศาสนาก็มีอย่างเกาหลีเหนือตอนนี้ก็มีนิวเคลียร์แต่ความเป็นอยู่ของคนในนั้นน่ากลัวแค่ไหน การมีอยู่และช่วยกันเผยแผ่ทั้งคริสตร์อิสลาม จึงมีส่วนสำคัญ เพราะความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดเพราะพระเจ้าของศาสนาคริสตร์มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ระบบทาสและการบูชายัญมนุษยในปัจจุบันหายไปแม้ตอนแรกๆคนขาวจะไม่ยอมรับถึงขนาดจับคนดำมาเป็นทาสแทนคนขาวทั้งหมด แต่ตอนหลังวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าคนดำก็เป็นคนเหมือนคนขาวและเพราะทุกคนเป็นคนเหมือนกันระบบทาสและการบูชายัญมนุษย์นั้นจึงหายไปในที่สุด สำหรับอิสลามและฮินดูนั้นก็เป็นรากฐานทางคณิตศาสตร์แก่วิทยาศาสตร์ทุกแขนงในปัจจุบันด้วยเลขฮินดู-อารบิค เพราะมีฮินดูพระพุทธเจ้าจึงใช้รากฐานการฝึกสมาธิจากฮินดู และศาสนาอิสลามก็นำกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของฮินดูมาต่อยอดและเผยแผ่ไปทั่วโลกด้วยอักษรของอิสลาม หากไม่มีอิสลามตอนนี้ทั่วโลกก็จะไม่มีคณิตศาสตร์ใช้ในรูปแบบที่เป็นหนึ่งเดียวกันในปัจจุบันก็จะไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีมาระดับนี้ได้ จริงอยู่ว่าคณิตศาสตร์ที่ดีพอๆกันในระดับเดียวกันอย่างอักษรจีนก็พอมีอยู่แต่คุณคงไม่อยากใช้นักเพราะอักษรจีนไม่ได้เรียบง่ายเหมือนของอาหรับ ยิ่งถ้าเป็นคณิตศาสตร์แบบโรมันจะคำนวนยากกว่านี้ขึ้นไปอีกมากๆ สิ่งที่พิสูจน์ว่า ลำพังเพียงศาสนาเดียวไม่สามารถเผยแผ่ไปทุกภูมิภาคเพื่อสร้างอารยธรรมได้ทันกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั่วโลกแข่งกับลัทธิบูชาผีสาง ก็คงจะเป็นการมีอยู่ของเกาหลีเหนือในปัจจุบัน หรือจะย้อนกลับไปซักเล็กน้อยอย่างความโหดร้ายของญี่ปุ่นช่วงก่อนสงครามโลก ความทุกข์ทรมาณในค่าย731ที่ญี่ปุ่นทำต่อคนจีน ยุคนาซีที่เยอรมันทำต่อ ยิว ถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นก็การบูชายัญมนุษย์ในแอชเทคและมารยัน เพื่อจะสยบความป่าเถื่อนของโลกใบนี้ หากมีเพียงศาสนาคริสตร์และพุทธต้องมีผู้บริสุทธิอีกมากเท่าไรที่ต้องถูกสังเวย (ลองอ่านเรื่องการตั้งรากฐานของศาสนาคริสตร์ในยุโรปคุณจะรู้ว่ามีนักบุญจำนวนเท่าไรที่ท่านต้องเสียสละตนเอง) คงต้องยอมรับว่าแผนการของสวรรค์เบื้องบนมีมุมมองบางอย่างที่กว้างไกลเกินกว่ามนุษย์อย่างเราๆจะมองเห็น เราจึงควรขอบคุณศาสดาท่านต่างๆ ทั้ง เล่าจื้อ พระพุทธเจ้า นบีมูฮัมมัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเยซูที่นำเมตตามาสู่โลกใบนี้ (ในศาสนาพุทธไม่ได้มีนิยามแค่"พระพุทธเจ้า"เป็นพระศาสดา แต่ยังมี"พระปัจเจคพุทธเจ้า" "พระมหาโพธิสัตว์"และ"พระเจ้าจักรพรรดิ"อีกด้วย) แต่ก็อย่าลืมนอกจากนี้โลกเรายังมี ท้าววสวัตตีมาร ซาตาน ซัยตอน ที่อยู่เบื้องหลังความเกลียดชังในหมู่มนุษย์อีกเช่นกัน จึงพึงควรสร้างความสามัคคีไว้ในหมู่มนุษย์ให้ดีด้วยเถิด อย่าหลงกลแตกแยกจนทำร้ายกันเองอีกเลย
คำสอนของอิสาม คือ(มุสลิมทุกคน)ต้องเชื่อใน นบีอีซา หรือที่ คริสต์เรียกว่าพระเยซู ว่าเป็น ศาสนทูตของ อัลเลาะห์ ไม่ใช่พระเจ้าครับ
เคลมเก่งนะมึง
ที่คุณพูดว่าคนละองค์คือความคิดของศาสนาคริสต์
ส่วนอิสลามถือว่าคือพระเจ้าองค์เดียวกัน อิสลามกราบพระเจ้าองค์เดียวกับที่พระเยซูกราบ พระเจ้าของโมเสส พระเจ้าของอับบราฮัม พระเจ้าของโนอาห์ พระเจ้าของ อาดัม พระเจ้าของบรรดาศาสนทูตมีองค์เดียวและเป็นองค์เดียวกัน
ส่วนความเชื่อตรีเอกอานุภาพเป็นความเชื่อของเปาโล ก่อนหน้านี้พระเจ้ามีเพียง1เดียวมาตลอด เมื่อถึงทางแยก อิสลามพากลับไปหาพระเจ้าองค์เดียวเฉกเช่นที่เป็นมา
รู้มากเกิน แต่ไม่รู้ว่า ขอม คือ ใคร เขมร คือ ใคร
ศาสนาเคลม 😂
ถูกต้องแล้วพระเจ้าของอิสลามกับคริสต์คนละอย่างกันไม่ใช่องค์เดียวกัน
แล้วอับราฮัมอยู่ในส่วนประวัติใดของปฐมกาลพระเยชูสอนว่าพวกเขาเป็นพี่น้องของเรา
พระเยซู ภาษาที่พระเยซูใช้ในการพูดตลอดชีวิตของท่านนั่นคือ ภาษาอารเมค Aramaic (ארמית) สำเนียงเเคว้นกาลีลี (Galilean Dialect)
พระเยซูเรียกพระเจ้าเป็นภาษาอารเมคว่า เอละฮ์ Elah (אלה) กับ พระบิดา The Father ว่า อั๊บบา (אבא)
คนยิวเรียกพระเจ้าเป็นภาษาฮิบรู Hebrew (עִבְרִית Ivrit อิฟริต) ว่า เอโลฮิม Elohim (אֱלֹהִים)
คนอาหรับ,คริสเตียนอาหรับ,มุสลิมอาหรับเรียกพระเจ้าเป็นภาษาอารบิค Arabic (اَلْعَرَبِيَّةُ Al-Arabiyah อัล-อารอบียะฮ์) ว่า อัลลอฮ Allah (ٱللَّٰه)
คำว่า Allah ย่อมาจากคำว่า อัล Al (ٱلْـ) - อิลาฮ์ Ilah (إله)
ดังนั้น คำว่า Ilah นั่นคือคำว่า พระเจ้า (God) ในภาษาอารบิค
ดังนั้น คำว่า Allah = Al - Ilah = The God
ดั้งนั้น ทั้งหมดมันคือคำว่า "พระเจ้า" ของภาษาเซมิติก (Semitic)
ดังนั้นเเล้ว อัลลอฮ ไม่ใช่ชื่อของพระเจ้า เเต่คนหลายคนไปเข้าใจผิดว่า อัลลอฮ เป็นชื่อหรือพระนามพระเจ้า หรือ ชื่อพระนามพระเจ้าของศาสนาอิสลาม
ส่วนพระนามพระเจ้า มันก็มีอีก
ถ้าอยากเข้าใจอย่างละเอียด ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
pantip.com/topic/42730980
pantip.com/topic/42680386
pantip.com/topic/42515877
นายดัมมีบุตร 3 คน คือนายตัง นายเตียน และนายลาม
ทั้งนายตัง นายเตียน และนายลามมีปู่คนเดียวกัน คือพ่อของนายดัม
แต่ทั้งนายตัง นายเตียน และนายลาม ไม่มีใครเคยเห็นปู่ผู้เป็นพ่อของนายดัม แต่พวกเขาก็รู้จักปู่ และเคารพนับถือปู่ที่เป็นพ่อของนายดัม
นายตังกับนายเตียนบอกว่าปู่ที่เป็นพ่อนายดัมนั้นมีหนวดด้วย แต่นายลามบอกว่าตามที่รู้มาปู่ไม่มีหนวด
นายตังบอกว่าใครจะบอกว่าปู่มีหนวดหรือไม่มีหนวด แต่เราก็มีปู่คนเดียวกันคือที่เป็นพ่อของนายดัม
แต่นายเตียนบอกว่า ปู่ของเขาไม่ใช่ปู่ของนายลาม เพราะปู่ที่เป็นพ่อของนายดัมมีหนวดแต่ปู่ของนายลามไม่มีหนวดแม้จะเป็นพ่อของนายดัมเช่นเดียวกันก็ตาม
และนายลามก็บอกว่าปู่ของเขาที่เป็นพ่อของนายดัมนั้นไม่มีหนวด จึงไม่ใช่ปู่คนเดียวกันกับปู่ของนายตังและนายเตียน
ที่จริงคือเรื่องลักษณะของปู่ ที่รู้มาแตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องว่ามีปู่คนเดียวกัน หรือมีปู่คนละคนกัน เพราะพ่อของนายดัมมีคนเดียว
พระเยซูตรัสว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนอับราฮัมเกิด (ยอห์น 8: 58) แต่ชาวยิวก็ไม่รู้จักพระองค์ พระเจ้าของอับราฮัมที่ชาวยิวรู้จักไม่มีพระเยซู แปลว่าพระเจ้าของอับราฮัมและของชาวยิวทั้งหลาย ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียวกันกับที่ชาวคริสต์นมัสการหรือ
อิสลามนมัสการพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอักและยากอบเช่นเดียวกันกับชาวยิวแต่ไม่รู้จักพระเยซูว่าคือพระเจ้าคือองค์พระบิดานิรันดร แปลว่าเขานมัสการพระเจ้าองค์อื่นที่ไม่ใช่ผู้สร้างทุกสิ่งในโลกและจักรวาลหรือ
ถ้าใช่ จะบอกว่าเขานมัสการพระเจ้าองค์อื่นไม่ใช่พระเจ้าที่คริสต์นมัสการได้อย่างไร คริสต์ไม่ได้นมัสการพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัก และของยากอบหรือ
อิสลามชัดเจนค่ะ พระเจ้าคืออัลลอฮฺองค์เดียว ไม่มีผู้ให้กำเนิด ไม่มีลูก หากสิ่งนั้นมีลูกอิสลามไม่นับเป็นพระเจ้า พระเจ้าในอิสลามไม่เหมือนทุกสิ่งที่เราเคยเห็น หากสิ่งนั้นเหมือนสิ่งที่เราเป็นหรือเคยเห็น สิ่งนั้นไม่ใช่พระเจ้า
@@user-rq3ez6ue6l พระเจ้าของอับราฮัมที่คริสต์นับถือก็ไม่มีผู้ใหญ่กำเนิดเช่นกัน ตกลงอิสลามไม่ได้นับถือพระเจ้าของอับราฮัมใช่มั้ย บอกแล้วว่าคือการเข้าใจที่แตกต่างกัน แต่ไม่ใช่ต่างองค์กัน หรืออยากจะบอกว่าไม่ได้นับถือพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งในโลกและจักรวาลแบบที่พวกคริสเตียนกำลังอธิบายในคลิปนี้ให้ตีกันไม่รู้จบ จะเอาแบบนี้ใช่หรือไม่
@@yepoonngr2091เรามุสลิมเราแค่บอกถึงจุดยืนของเรา ว่าพระเจ้าของเราคืออัลลอฮ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และครอบคลุมทั้งหมดตามชื่อของอัลลอฮอีก99ชื่อ ส่วนอับบราฮัมหรืออิบรอฮิมในอิสลามคือศาสนฑูตของอัลลอฮคนที่6 เป็นบุตรของอาซัรหรือเทราห์(ในต่างศาสนนิก) ศาสนฑูต24คนมีผู้ให้กำเนิด เว้นศาสนฑูตอาดัมที่อัลลอฮฺสร้างขึ้น เราบอกว่านี้คือจุดยืนของอิสลาม ไม่ได้มีจุดประสงค์อยากทะเลาะหรือตีกัน
@@user-rq3ez6ue6l อยากจะบอกจุดนั่ง จุดยืนอะไรก็ไปเม้นท์บอกเจ้าของคลิปค่ะ ไม่ใช่มาโต้แย้งที่ฉันพยายามจะบอกว่า พระเจ้าของยิว ของคริสต์ และอิสลาม คือพระเจ้าของอับราฮัมองค์เดียวกัน ไม่ใช่นับถือพระเจ้าต่างองค์กัน ถ้ามาโต้แย้งคอมเม้นท์ของฉันตรงนี้ มาแสดงจุดนั่ง จุดนอน จุดยืน อะไรของคุณตรงนี้ก็แสดงว่าพระเจ้าที่อิสลามนับถือไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียวกับยิวและคริสต์ คงเป็นพระเจ้าองค์ใหม่ที่อิสลามอุปโลกขึ้นเอง ไม่ใช่พระผู้สร้างทุกสิ่งในโลกและจักรวาล ไม่ใช่พระเจ้าองค์ที่สร้างอาดัมและเอวา คงเหมือนพระอินทร์ พระพรหม พระศิวะ หรือพระเจ้าที่มนุษย์สร้างเอง ดังนั้นก็ถูกต้องของพวกคริสเตียนที่ทำคลิปนี้แล้ว เราไม่ได้นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน มิน่าจึงมีพวกที่กล้าด่าพระอัลเลาะห์หยาบๆ พอบอกว่าคือองค์เดียวกันกับยิวกับคริสต์ก็เลิกด่าเลิกทะเลาะกัน งั้นต่อไปนี้จะไปบอกใหม่ว่าอิสลามไม่ต้องการสันติสุขมาแสดงจุดยืนว่าต่างองค์กันจะได้ตีกันต่อไป
@@yepoonngr2091
ใช่ค่ะ พระเจ้าองค์เดียวกัน
th-cam.com/video/tb3bRpzrWHY/w-d-xo.htmlsi=d-vK0BCYLZnccA22
ในคัมภีร์ไบเบิลของคริสต์ ไม่มีบทไหนที่กล่าวว่าพระเยซูคือพระเจ้า... ไม่มีบทไหนในคัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวว่าให้มากราบไหว้พระเยซู....
มึงเคยอ่าน คัมภีร์ไบเบิลคริสอัลเลาะห์มันไม่มีจริงนะ
มึงเคยอ่าน คัมภีร์ไบเบิล คริสเตียนป่าวบัง อัลเลาะห์ไม่มีจริงนะ..
จิงครับ อีกอย่างก้อมีบทบัญญัติว่าห้ามกินหมู
แต่่ทำไมคนส่วนมากถึงเฉยๆถึงกินกัน😆
@@user-wd4uy3du3cอันนั้นมันกินได้มีบอกไว้ว่าสิ่งชั่วร้ายไม่ได้มาจากการที่เราเอาเข้าปากแต่มาจากภายในของเราเองมันไม่ได้มีการห้ามกินหมู
ไอ้หนุ่มนี่มั่วตลอดเห็นหลาย epศึกษาไม่ถ่องแท้แล้วพูดไปเรื่อย
เอาง่ายๆลองดูอิสราเอลกับปาเลสไตน์นะว่าพระเจ้าอยู่ข้างใคร
พระเจ้าคืออะไร
นิยามจากไหนไม่บอกหรอกคริสบางนิกาย เยซูไม่ใช่พระเจ้านะ พระเจ้ามีองค์เดียว
พระเจ้าองเดียวกันครับ พระเยซู(นบีอีซา)เปนบุตรของมัรยัม(เเมรี่)ครับ
การที่จะเปนพระเจ้าได้ต้องไม่มีลูกครับถ้ามีลูกไม่ใช่พระเจ้าครับ อีกอย่างนบีอาดัมก้อเกิดมาไม่มีพ่อเเม่ ทำไมไม่เรียกนบีอาดัมว่าพระเจ้าล่ะครับ? อีกอย่างพระเยซูมีบทบัญญัตไม่ให้กินหมูแต่่ทำไมคนส่วนมากยังกิน? บทไหนครับในคัมภีที่พระเยซูบอกว่าท่านเปนพระเจ้าก้อไม่มี??
มันไม่ได้มีการห้ามให้กินหมูตรงๆ
อีกอย่างถ้านับถือพันธสัญญาเก่าก็ไม่ต้องกินคนที่จะทำได้ไม่ค่อยมีหรอก
ถูกต้องครับเห็นด้วยและผมก็เชื่อแบบนี้จริงๆก่อนที่ผมจะเห็นคลิปนี้อีก ถ้าว่าพระเจ้าองค์เดียวกันทำไมในใบเบิ้ลกับกุบอ่านสอนคนละย่าง ถ้าพระเจ้วองเดียวกันก็ต้องพูดเหมือนกันสิ่ กุล ่านถูกเขียนโดยการบิดเบือนจากนบี และลอกเค้าเรื่องในใบเบิ้ลมาเขียน เพราะกุลอ่านถูกเขียนขึ้นหลังจากที่ใบเบิ้ลถูเขียนรวบรวมมาก่อนตั้ง 500 ปี
อิสลามพึ่งเกิดพึ่งมีกูลอ่านไช้หลังจากที่พระเยซูสเด็จขึ้นสู่สวรรค์ 5-600ปี
อิสลามเกิดทีหลังตั้ง 500-600ปี กุลอ่านก็เขียนขึ้นพร้อมไปกัน
เชื่อเถอะนบีต้มมุสลิมครับ
งั้นคริสก็เลียนแบบยูดายครับเพราะรากฐานมาเรื่องเดียวกัน คิดให้ดีนะ
พี่ลคับ ถ้าพี่ไม่มีความอคติกับอิสลาม พี่ลองฟังคลิปนี้ดูครับ แล้วพี่จะเข้าใจเอง👍ขอให้ได้รับชมเถอะ
ถูกต้องครับคนละอย่างกะอิสลามไม่ใช่องค์เดียวกัน
@@YootithamNetthipรากฐานเดียวกันแต่คนละอย่างคิดให้ดีนะ
@@YootithamNetthipคริส ไม่ได้บินเบือน ยูดาน แต่คริสเลือกที่จะเชื่อในพระเยซู และจบ แค่พระเยซู นอกจากเรียนคำ คัมภีร์แล้ว การเรียนในห้องเรียนก็สำคัญเช่นกัน สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้
อิสลาม ทุกสิ่งมีผู้สร้าง แล้วใครสร้างผู้สร้างครับ
สงสัยในถานะคนพุทธครับ
มีมาก่อนแล้วเข้าใจรึเปล่าไม่ได้มีใครสร้างเป็นomnipotent
ผมอยากรู้ว่าก่อนพระเยซูจะเกิดขึ้นมารับตำแหน่งพระเจ้าตามความเชื่อของคริสเตียน ก่อนหน้านั้นใครคือพระเจ้าครับ
ศาสดานบีมูหมัด แต่งงานกับสตรี13 คน คนที่ท่านรักสุด คือท่านหญิง อาอีซา แต่งตอนนบีอายุ52, อาอีซ่าอายุ 7 ชวบ
เป็นความนักอันประเสริฐ ที่พระเจ้าประทานให้นบี
ในความเชื่อ พระเยซูอยู่มาพร้อมโลกนี้ แต่ลงมารับเอากายมนุษย์เพื่อไถ่บาป ดังนั้น ก่อนพระเยซูมายังเกิด พระเยซูก็เป็นพระเจ้าค่ะ
@@sompornlaosaengfar2448ดูเหตุผลของการแต่งงานแต่ละครั้งมั้ยครับ? ไม่รู้ก็อย่าเสร่อพิม
พระเจ้าเป็นตรีเอกนุภาพอยู่แล้วก่อนที่จะพระเจ้าจะสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา
ยอห์น 8:58 “พระเยซูตรัสกับเขาว่า
‘ข้าพระองค์บอกความจริงแก่ท่านว่า ข้าพระองค์ดำรงอยู่ก่อนอับราฮัมเกิด’”
ยอห์น 10:30 "ข้าพระองค์กับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"
ยอห์น 1:14 “พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือพระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา”
@@NEW-56 สรุปคุณจะเชื่อว่า จีซัซเนี่ย ไม่ได้เป็นเอกานุภาพใช่มะคับ งง สรุปพระเจ้ามีกี่องค์
อย่าว่าแต่คนละศาสนาเลยครับ แค่ศาสนาเดียวกัน เวลารบกัน ยังอ้างพระเจ้าของใครของมัน เพื่อพระเจ้า แต่พระเจ้า พระประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าคุณ พระเจ้าผม พระเจ้าใคร นี่ละคือเหตุแห่งความขัดแย้ง
ก็ต้องดูครับ ระหว่างคริสกับอิสลาม พระเจ้าในนิยามของใครมีความเหมาะสมกับการนิยามคำว่าพระเจ้ามากกว่า เบื้องต้นดูแค่นี้ก่อนได้ครับ
@@user-wz4bh5jj4z นิยามของความเหมาะสมคืออะไรครับ ในเมื่อต่างคนต่างก็อ้างพระเจ้าของตนว่ายิ่งใหญ่ที่สุด คำภีร์ของมนุษย์ล้วนเกิดมาจากน้ำมือมนุษย์ มนุษย์อ้างพระเจ้าก็เพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเท่านั้น พระเจ้าไม่ได้สร้างสัตว์โลกหรอกครับ หากพระเจ้านั้นสร้างสัตว์โลกจริง ทำไมพระเจ้าถึงสร้างให้สัตว์โลกมีความแตกต่างละครับ มีผู้ล่า ผู้ถูกล่า มีคนรวย จน มีคนพิการ มีคนโง่คนฉลาด ทำไมละครับหรือว่าพระเจ้าทรงลำเอียง หากแต่ความจริงนั้น ศาสดาองค์หนึ่งทรงค้นพบ สัจธรรมของสัตว์โลก นั้นคือสัตว์โลกล้วนเป็นไปตามแรงกรรม ทำให้เกิดมาแตกต่าง และชี้ให้เห็นภัยในการเกิด วนเวียนไม่สิ้น ให้เห็นภัยในวัฏฏะสังสาร และทรงค้นพบวิธีที่จะพ้นจากทุกข์ และทรงแสดงวิธีนั้น ต่อชาวโลก นี่ต่างหากคือความจริงของสัตว์โลก ทรงสอนให้รู้จักละทิ้งซึ่งกิเลสทั้งปวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ ซึ่งเป็นตัวฉุดรั้งเราไว้ในโลก นี่คือความต่างของศาสดาองค์อื่นๆ
@@user-wz4bh5jj4z นิยามของคนคริสก็ย่อมนิยามว่าพระเจ้าของตนเหนือกว่าของอิสลาม นิยามของคนอิสลามก็ย่อมนิยามว่าพระเจ้าเหนือกว่าคนคริส ตรรกะแบบนี้ใช้ไม่ได้ครับ นิยามในสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน มันนิยามกันยังไงครับ มันก็เกิดจากแรงความนึกคิดของคนในศาสนานั้นๆเท่านั้นละครับ เราต้องมาศึกษากันในทุกศาสนา แล้วมองว่าศาสนาไหน สอนอย่างไร สอนอะไร ศาสนาพุทธนั้น คำสอนมีหลักเหตุผลชัดเจน ไม่มีพระเจ้า ไม่มีผู้สร้าง มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วเป็นผู้สร้างตัวเราเอง ว่าจะได้เกิดมาในภพภูมิไหน เกิดมาในรูปแบบอะไร ฐานะไหน มีวรรณะเช่นไร และยังชี้ให้เห็นว่าการเกิดนั้นเป็นทุกข์ ทุกข์อย่างไร ชี้ให้เห็นเหตุของทุกข์ และชี้ให้เห็นวิธีการดับทุกข์ สอนในอริยะสัจทั้ง4 เพื่อให้พ้นจากกองทุกข์ ไม่ใช่เพียงแค่คำสอนที่เลือนลอย แต่ต้องใช้การปฏิบัติเพื่อจะเข้าถึงคำสอนนั้นๆ เพื่อให้เข้าสู่แดนนิพพาน ให้จิตดับไป ไม่เหลือการเกิดอีก นี่ต่างหากครับคือสัจธรรม นี่คือความจริง
ในทุกศาสนาที่อยู่ฝั่งธรรมะนั้นกล่าวถึงการกลับมาของคนๆนึงเสมอ ในฮินดูมีกัลกิยาวตาร ในศาสนาพุทธมีพระศรีอริยะเมตตรัย ในคริสตร์พระเยซูทรงกล่าวว่าท่านจะทรงกลับมา ในอิสลามก็มีคำพยากรณ์การกลับมาของนบีอีซา ไม่รู้หรอกว่าอนาคตในโลกนั้นจะต่างกับที่นี้ยังไงแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือ.... ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว เราแค่ทำให้ปัจจุบันมีความเกลียดชังกันให้น้อยที่สุดก็จะทำให้ท่านทำงานได้ง่ายขึ้นth-cam.com/video/0Mwxxg42SRs/w-d-xo.htmlsi=ZW2oKjWvtw14O0lp
ทฤษฎีที่นำมาคือทฤษฎีความโกลาหล ที่ถ้าดูเผลอๆเหมือนจะเป็นการสุ่มแต่มันจะอยู่ในกรอบของความน่าจะเป็นและผลลัพธ์สุดท้ายกลับกลายเป็นรูปแบบที่เป็นระเบียบตายตัวในภาพรวม
ผิดกับลัทธิภูตผีโบราณที่จะไม่มีเรื่องพวกนี้ ซึ่งมีแต่ต้องการให้มนุษยเกลียดชังกันเข่นฆ่ากันเองเพื่อบูชายัญ เพื่อประโยชน์ฝั่งตน เช่นการฆ่าบูชายัญมนุษย์ของชาวแอชเทคและมารยัน เป็นต้น
พระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งในโลกและจักรวาลมีองค์เดียวคือพระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยากอบ การที่ยิว และอิสลาม ไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ก็ไม่ได้แปลว่านับถือพระเจ้าต่างองค์กับคริสต์นะ เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อพระเจ้าก็เป็นผู้สร้างมนุษย์ทุกคน เป็นพระเจ้าของทุกคน ไม่ใช่พระเจ้าของคริสต์เท่านั้น หรือเป็นพระเจ้าของศาสนาใดศาสนาหนึ่งเท่านั้น จะมาแบ่งแยกทำไมว่าเขานับถือพระเจ้าต่างองค์กันกับคริสต์ เพียงเพราะเขาไม่รู้จักข้อลึกลับที่พระเจ้าทรงเผยแสดง คริสเตียนชอบแบ่งแยก แต่คริสตังอย่าไปแบ่งแยกตามเลย เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เขาก็นมัสการพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งในโลกและจักรวาลที่คริสต์นมัสการนั่นแหละ ยุคอับราฮัมพระเยซูก็ยังไม่มาบังเกิด อับราฮัมยังไม่รู้จักพระเยซูเลย ก็กลายเป็นนมัสการพระเจ้าองค์อื่นหรือ มันอยู่ที่การพูดจะพูดว่าองค์เดียวกันเพียงแต่เข้าใจในพระเจ้าต่างกันน่าจะดีกว่ามาเน้นว่านับถือพระเจ้าต่างองค์กัน
คุณเลือกพูดเรื่องศาสนาเถอะ พูดแล้วพาคนทะเลอะกันด่าศาสนาคนคอมเม้นต์เข้ามาหยาบคายด่าว่าศาสนา คนศาสนาอะไรเข้ามาว่าศาสนาอะไรคุณลองเข้าไปอ่านคอมเม้นต์เก่าๆคลิปของคุณดูเถอะ คุณทำคลิปเพื่อบอกเล่าเรื่องศาสนาแต่คนที่คุณบอกเค้าไม่ได้เปิดใจรับทำคนแตกแยกป่าวๆ แล้วคุณก็ห้ามหรือแก้ไขไม่ได้
เลิกพูดแล้วคนเราจะมีศาสนากันได้อย่างไรครับ ทุกวันนี้คนถือศีลห้าครบเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว
มันควรเอามาถกกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ยอมรับในหลักคำสอนของกันและกัน ไม่ใช่ใครดีกว่ากัน ไม่ใช่ปล่อยให้มันคาราคาซังแล้วตกลงอันไหนจริงอันไหนบิดเบือน แต่ก็อย่างคุณว่า ใช่ว่าทุกคนจะเปิดใจ😅
ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมเป็นพุทธนะครับหากไม่มีศาสนาเลยมนุษย์จะถูกลัทธิบูชาผีสางดึงไป โลกจะสังเวยชีวิตมนุษย์ด้วยกันเพื่อบูชายัญ สำหรับผมนะผมว่าศาสนาคือรากฐานแห่งความเมตตาและปัญญาของมนุษยชาติ เพราะการมีอยู่ของศาสนาคริสตร์และอิสลามทำให้ปัจจุบันการบูชายัญด้วยชีวิตมนุษย์นั้นหายไป อย่างเมื่อไม่เกินสองร้อยปีที่แล้วแม้แต่บางประเทศแถวเอเชียอาคเนย์ก็ยังมีการเอาคนท้องไปตอกในหลุมเพื่อเป็นเสาหลักเมือง แต่ถ้าไม่มีความเชื่อหรือประเพณีใดๆมากำกับโลกก็จะยิ่งแย่กว่านั้นเพราะจะเหมือนสังคมของสัตว์ที่มีแต่ใช้พละกำลังใครแข็งแรงกว่าก็ชนะจะไม่มีกฎหมายไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเหมือนในปัจจุบันแต่ลัทธิผีสางก็ยังพอให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีบ้างแต่ก็จะบ่มเพาะความชั่วร้ายบางอย่างเช่นการบูชายัญมนุษยที่แอชเทคและมารยัน ในประเทศที่ศาสนาเข้าไม่ถึงแต่เอาแต่เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาจากศาสนาก็มีอย่างเกาหลีเหนือตอนนี้ก็มีนิวเคลียร์แต่ความเป็นอยู่ของคนในนั้นน่ากลัวแค่ไหน การมีอยู่และช่วยกันเผยแผ่ทั้งคริสตร์อิสลาม จึงมีส่วนสำคัญ เพราะความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดเพราะพระเจ้าของศาสนาคริสตร์มีส่วนสำคัญมากที่ทำให้ระบบทาสและการบูชายัญมนุษยในปัจจุบันหายไปแม้ตอนแรกๆคนขาวจะไม่ยอมรับถึงขนาดจับคนดำมาเป็นทาสแทนคนขาวทั้งหมด แต่ตอนหลังวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าคนดำก็เป็นคนเหมือนคนขาวและเพราะทุกคนเป็นคนเหมือนกันระบบทาสและการบูชายัญมนุษย์นั้นจึงหายไปในที่สุด และผมก็เชื่อว่าหากศาสนาคริสตร์เป็นแบบนี้ต่อไปอนาคตที่ซ่องโสเภณี ยาเสพติดทั้งหลายก็จะหมดไปจากโลกใบนี้ในยุคถัดไปในอนาคต ส่วนสำหรับอิสลามและฮินดูนั้นก็เป็นรากฐานทางคณิตศาสตร์แก่วิทยาศาสตร์ทุกแขนงในปัจจุบันด้วยเลขฮินดู-อารบิค เพราะมีฮินดูพระพุทธเจ้าจึงใช้รากฐานการฝึกสมาธิจากฮินดู และศาสนาอิสลามก็นำกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของฮินดูมาต่อยอดและเผยแผ่ไปทั่วโลกด้วยอักษรของอิสลาม หากไม่มีอิสลามตอนนี้ทั่วโลกก็จะไม่มีคณิตศาสตร์ใช้ในรูปแบบที่เป็นหนึ่งเดียวกันในปัจจุบันก็จะไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีมาระดับนี้ได้ จริงอยู่ว่าคณิตศาสตร์ที่ดีพอๆกันในระดับเดียวกันอย่างอักษรจีนก็พอมีอยู่แต่คุณคงไม่อยากใช้นักเพราะอักษรจีนไม่ได้เรียบง่ายเหมือนของอาหรับ ยิ่งถ้าเป็นคณิตศาสตร์แบบโรมันจะคำนวนยากกว่านี้ขึ้นไปอีกมากๆ
รุ้จักแต่พระพุทธเจ้า