SALAM SEJAH TERA DAN SEHAT SELALU SALING MENDO AKAN SESAMA MANUSIA WALAU BEDA AGAMA TIDAK SEMUA AGAMA BAIK JUGA TIDAK SEMUA AGAMA JELEK DALAM SEMUA PRIHAL YAITU KEBSIKAN ATAU KEJELEKAN TINGGAL MANUSIA NYA SAJA BAGAIMANA MENYIKAPI DIRI SENDIRI MAKA ITU SALING MENJAGA KEBAIKAN BERSAMA BUKAN HANYA SEMATA MATA KEBAIKAN NYA TETAPI MUNAFIK BERANI MERAMPAS HAK ORANG YANG BUKAN MILIK SENDIRI MAKA SI PERAMPASAN ITU HARUS DILENYAPKAN DARI DUNIA KE BENARAN KARENA ITU ADALAH YANG MENIMBULKAN KEMONGKARAN MEMANG SUDAH SA,ATNYA PARA PELAKU PENJAHAT ITU HARUS SEGERA UNTUK DILENYAPKAN KERAGUAN APA LAGI DAN YANG SUDAH JELAS KESEMPATAN TELAH TERKETEMUKAN GOLONGAN PARA SI PELAKU PENJAHAT NYA TERIMAKASIH
อนุโมทนาสาธุ🙏🙏🙏
อนุโมทนาสาธุครับ ตาสว่างเลยครับโชคดีที่ได้ฟัง
สาธุค่ะ🙏🙏🙏
สาธุครับ🙏🙏🙏
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่ไห้ลายละเอียด.ทุกขั้นตอน.ข้าพเจ้าผู้มีบาปหนา.ฟังเข้าใจดีทุกขั้นตอน.ที่พระอาจารย์บรรยาย.กราบขอบพระคุณ.สาธุ.
อนุโมทนาสาธุครับ
กราบสาธุเจ้าค่ะ🪷🙏🙏🙏🪷
คำพูดของพระองค์ที่พูดซ้ำๆไม่ควรเบื่อเพราะไม่มีคำพูดอะไรดีมากกว่านี้แล้ว น้อมกราบสาธุเจ้าค่า 🙇♀🙇♀🙇♀
คำพูดซ้ำๆนั้คือคำอธิบายใหเห็นกริยารู้(วิญญาญรู้/ในขันธ์5)ที่เห็นได้จึงเข้าใจธัมมะที่ พร่ำสอนนั้นได้โดยมโนกรรม สาธุ
น้อมกราบนมัสการสาธุพระอาจารย์เจ้าค่า น้อมกราบสาธุพระสัจธรรม จากพระโอษฐ์แห่งพระองค์ น้อมกราบสาธุเจ้าค่า สาธุสาธุสาธุ 🙇♀🙇♀🙇♀
ถ้าหากไม่มีดนตรีมาประกอบฟังแล้วจะสงบมาก
+1 ไม่ใส่ดนตรีจะดีมาก
😊😅😅😅😮😅😅😅😮😮
สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญ เจ้าค่ะ
น้อมกราบนมัสการพระอาจารย์
ขออนุโมทนาสาธุสาธุสาธุ
น้อมกราบสาธุค่ะ❤❤❤🎉🎉🎉👏👏👏สาธุค่ะ
ขอกราบนมัสการสาธุสาธุสาธุค่ะ
ขอกราบอนุโมทนาสาธุครับ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ🙏
กราบนมัสการพระอาจารย์🙏เจ้าค่ะ
กราบสาธุในพระธรรม
สาธุๆเจ้าข้า
กราบสาธุในคำสอน 🙏🙏🙏
อนุโมทนา สาธุครับ
กราบสาธุๆๆเจ้าคะ
ขอนอบน้อมกราบพระอริยสงฆ์🙇♀️🙇♀️🙇♀️
SALAM SEJAH TERA DAN SEHAT SELALU SALING MENDO AKAN SESAMA MANUSIA WALAU BEDA AGAMA TIDAK SEMUA AGAMA BAIK JUGA TIDAK SEMUA AGAMA JELEK DALAM SEMUA PRIHAL YAITU KEBSIKAN ATAU KEJELEKAN TINGGAL MANUSIA NYA SAJA BAGAIMANA MENYIKAPI DIRI SENDIRI MAKA ITU SALING MENJAGA KEBAIKAN BERSAMA BUKAN HANYA SEMATA MATA KEBAIKAN NYA TETAPI MUNAFIK BERANI MERAMPAS HAK ORANG YANG BUKAN MILIK SENDIRI MAKA SI PERAMPASAN ITU HARUS DILENYAPKAN DARI DUNIA KE BENARAN KARENA ITU ADALAH YANG MENIMBULKAN KEMONGKARAN MEMANG SUDAH SA,ATNYA PARA PELAKU PENJAHAT ITU HARUS SEGERA UNTUK DILENYAPKAN KERAGUAN APA LAGI DAN YANG SUDAH JELAS KESEMPATAN TELAH TERKETEMUKAN GOLONGAN PARA SI PELAKU PENJAHAT NYA TERIMAKASIH
พระธรรมคำสอน คำที่ถูกปิดมานานนัก. ที่ภิกขุในสมัยยังมิได้เห็นในธรรมตถาคต โดยแท้จริง. กราบสาธุ
น้อมกราบสาธุพระ อ.เจ้าค่ะ
สาธุ,,สาธุ,สาธุ,,❤
กราบสาธุในธรรมค่ะ
🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ฟังพุทธวจน เมื่อพิจารณาตาม เข้าใจในธรรมชาติของสรรพสิ่ง มีเกิด มีดับ เป็นธรรมชาติ
ตอนนี้ฟังไปด้วยและนั่งมำลมอานาปานสติอยู่ด้วยค่่ะน้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
ก่อนรู้สติรู้อยู่กับลมหายใจ ควรศึกษาขันธ์5ว่ามีอะไร? คืออะไร? จะได้เข้าใจ(ฌานะ=ฌาน=ญาน)ที่จะนำพาไปในมรรค8อันมีสัมมาทิฏฐิเริ่มแรก จึงเจริญมรรคได้ผล กราบสาธุในความเพียรชอบ สาธุ
สาธุครับ
สาธุค่ะ
เพราะมีรูปนาม ย่อมมีมีอวิชา
เพราะมีสติ ย่อมได้ สมาธิ
สติชอบ ❤
สมาธิคือผลในสตินั้น สาธุ
สาธุค่ะ
สาธุ.สาธุ.สาธุ.ครับ
สาธุ ขอน้อมอนุโมทนาในพระธรรมบรรยายนี้ค่ะ
น้อมกราบสาธุๆๆเจ้าค่ะ
น้อมกราบ อนุโมทนาบุญ สาธุค่ะ อนุโมทนาบุญ สาธุกับผู้เผยแพร่คลิปธรรมด้วยค่ะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
สาธุๆๆๆครับ
น้อมรับเจ้าคะสาธุๆๆๆ
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ສາທຸ
สาธุครครับ🙏🏼🥰
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ
กราบสาธุๆๆคะ
กราบสาธุธรรมครับ🙏🙏🙏
สาธุๆๆๆค่ะ
สาธุพระอาจาร ผมได้ฟังอานาปานสติสามารถทำให้บรรลุสัมมาสมาธิท้ง9ระดับได้ ผมสามารถเข้าถืงได้ท้นทีคร้บ
ภาวนาพุทธโธไช่ไหมค่ะพระอาจารย์ไม่พูดกรรมฐาน
น้อมกราบ🙏🙏
Okคับชัดเจนมากสาธุสาธุ
กราบสาธุค่ะ🙏
ขอขอบคุณ
สาธุ สาธุ สาธุ
🙏🙏🙏
สาธุสาธุๆค่ะ
🙏🙏🙏🙏🙏
สาธุๆๆค่ะ
ใช่ค่ะฟังบทในหรือปฏิบัติแบบใหนก็ไม่เหมือนใด้ฟังพุทธวจนฟังแล้วใจสงบสมาธิเกิดปัญญาเกิดแล้วปฎิบัติใด้ดีค่ะน้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุเจ้าค่ะ
😊
มั่นใจในคำสอนของพระอ.ค่ะ สาธุ
เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนี้ย่อมมี
🙏🙏🙏
@@user-gf5my2ix7p มีกัลยาณมิตร เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ ได้เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม /เป็นผู้ที่ได้สดับ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ ได้เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต/มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ
โอมยิ้มฯ.(สิ่งที่ไม่แน่นอนเป็นอนิจจัง(รูปไม่เที่ยงนามก็ไม่เที่ยงอะไรเป็นเหตุ?).ใจคนก็ไม่แน่นอนเห็นแล้วเป็นจริงตามนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้จริงๆไม่ใช่ของๆเราคือทุกข์.ทุกข์นั้นไม่ใช่ของเราเป็นอนัตตา).ขอน้อมถวายความรู้คำสัจจริงคำอ่อนหวานคำอันเป็นประโยชน์ทั้งปัจจุบัณแลถึงอนาคตด้วยปฏิบัติบูชาคุณพระศรีรัตนตรัยคุณพระพุทธเจ้าฯคุณพระธรรมแลมีคุณแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าฯคุณพระอริยสงฆ์ฯแลคุณพระอริยะบุคคลทั้งหลายทั้งปวงให้ประโยชน์เกื้อกูลเป็นประโยชน์ความสุขสงบมีคุณแม่คุณพ่อด้วยเป็นต้นฯ."ทรงพระเจริญกุศลฯ"ไม่ปิดบัง"พุทธวจน"ได้รุ่งเรืองแลเจริญให้ทั้วถึงได้แผ่ไพศาลขออนุญาตเผยแผ่ทางเทคโนโลยีโทรศัพย์มือถือด้วยเป็นต้นฯ.พร้อมปัทตานุโมทนาบุญทานมัยแลศิลสัจจะบารมีฯขอโมทนาสาธุการเพื่อครูบาพระอาจารย์แลคุณแม่คุณพ่อแห่งพระพุทธศาสนาองค์พระบรมศาสดาศรีสุคตพระตถาคตคือพระสัพสัญญูสมณะโคดมเจ้าได้ตรัสรู้อริยสัจจะธรรมทั้ง๔.ประการโดยชอบด้วยพระองค์เองนั้นแลฯ สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิฯ(มะ).ด้วยอานิสงส์แลพลานิสงส์ฯ.พุทโธ ธัมโม,สังโฆ พุทธัง.ธัมมัง.สังฆังฆ์ สะระณัง คัจฉามิฯ.สังฆังฆ์แลพี่สัมเณร นิพพานัง โหตุฯ สาธุ.(ทุติยัมปิฯ.ตติยัมปิฯ)
๔. จูฬปันถกเถรคาถา คาถาสุภาษิตของพระจูฬปันถกเถระ [๓๗๓] เมื่อก่อน ญาณคติเกิดแก่เราช้า เราจึงถูกดูหมิ่น และพี่ ชายจึงขับไล่เราว่า จงกลับไปเรือนเดี๋ยวนี้เถิด เราถูกพี่ชายขับไล่แล้ว ไปยืนร้องไห้อยู่ที่ใกล้ซุ้มประตูสังฆาราม เพราะยังมีความอาลัยในศาสนา พระผู้มีพระภาคได้เสด็จมา ณ ที่นั้น ทรงลูบศีรษะเรา ทรงจับแขนเรา พาเข้าไปสู่สังฆาราม พระศาสดาทรงอนุเคราะห์ ประทานผ้าเช็ดพระบาท ให้แก่เรา ตรัสว่า จงอธิษฐานผ้าสะอาดผืนนี้ให้ตั้งมั่นดีโดยมนสิการว่า "รโชหรณํๆ ผ้าสำหรับเช็ดธุลีๆ จงตั้งจิตให้มั่น นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง"
ถ้าสอนว่าทำสมาธิท่องสัมมาอรหังรึพุทโธไม่มีแต่พระองค์ให้ท่องเหมือนกันแต่เป็นคนละคำเพื่อให้ได้สมาธิเหมือนกันแค่นั้นคือให้ได้ซึ่งสมาธิ แต่นี่มาบอกว่าพระองค์ไม่ได้สอนทำให้ผู้ได้ฟังจะปรามาสครูบาอาจารย์มไม่เป็นผลดีครับ เห็นปรามาสหลายคนมากมันไม่เป็นผลดีต่อผู้สอนและผู้ถูกสอนจะขัดขวางทางไปนิพพานเพราะทิฐฐิของตน เจริญในธรรมครับ
ระดับปฐมฌานก็หลุดพ้นได้เป็นอะไรที่ดีต่อใจมากๆ😇🙏🙏🙏
มีเสียงดนตรีประกอบใช้นั้งฟังสมาทิขอบคุน
ผมทำสมาธิแล้วหลับทุกทีเลยคับไม่รู้จะทำไงดี
นพดล แย้มศรี กิ๊ก🙏🧘
เทปนี้ฟังหลายรอบมากครับ ฟังรอบแรก ๆ ก็เข้าใจได้ระดับหนึ่ง
ยิ่งฟังต่อ ๆ ไป ความเข้าใจก็จะลึกซึ้งยิ่งขึ้ันไปอีก กราบสาธุพระอาจารย์ที่นำพุทธวจนมาถ่ายทอด
❤❤❤
ไม่ต้องมีเสียงดนตรีจะดีกว่านะครับ...สาธุ
ท่านทำที่ระดับสูงสุดแล้วรู้สึกเช่นไรครับ ช่วยสั่งสอนด้วยครับ
เส้นทางพระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามแบบชัดเจนคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เพราะ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นเส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ พระพุทธเจ้าบอกว่า เจริญอานาปานสติ แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่าอยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ทำตามโอวาทของพระศาสดา เมื่อเป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ เริ่มทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เริ่มเจริญอานาปานสติ ในเวลา เช้า กลางวัน เย็น มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ-สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ เริ่มละนันทิด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ ตรวจสอบความก้าวหน้าด้วย อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ คือ ละอารมณ์ได้ดุจกระพริบตา เมื่อผ่านอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศมาแล้ว ก็จะ ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ปฏิบัติต่อ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ปลายทางเป็น อานาปานสติ คือ ละนันทิ ใน รูปขันธ์ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ
@@user-tl5ws1fe7e ฉันยังมีความทุกข์อยู่ เนื่องจากเกิดในที่ทุรกันดานไม่มีเงินทองมากมายและมีปัญหาในการหาอาหาร "เช่นเนื้อสัตว์"ชาวบ้านที่นี่ก็คล้ายกันยังต้องมีการฆ่าไก่ไปทำบุญ และค้าขายเนื้อสัตว์เพื่อมีเงินและแบ่งเงินบางส่วนไปทำบุญ ทำสมาธิแล้วก็ต้องหาอาหารและเงินอยู่ดี ท่านมีวิธีช่วยเหลือให้พวกเราพ้นทุกข์ไหมครับ
พูดเหมือนท่านเกิดทันพระพุทธเจ้า-ทั้งที่จริงแล้วผู้บัญญัติธรรมทั้งปวงคือพระสาวกทั้งหลายผ่านมาหลายร้อยหลายพันปีท่านรู้ได้งัยว่าท่านถูก-คนอื่นผิดฉะนั้นคนที่ตำนิผู้อื่นโดยที่ไม่รู้จริงๆเพียงแค่เรียนรู้ตามตำราๆมันย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกันเมื่อกาลเวลาผ่านไป.......?
พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้เองคะว่า ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อการเพ่งพิสูจน์ ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็น สัจจะความจริงที่เป็น อกาลิโก คือ ตรงจริงไม่จำกัดด้วยกาลเวลา จะเป็นจริงอย่างนี้ตลอดไปนั่นเองคะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลย ทำให้ ตถาคตภาษิต เข้ากันได้รวมกันได้ไม่มีขัดแย้งกันนั่นเองคะ ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ อย่างนี้คะ เมื่อมีเหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต ได้ฟัง อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็น ปฏิจจสมุปปันนธรรม ไปจนถึง สัมมาสมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ปัญญา ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็บอกสอนไว้ให้รู้ตามว่า อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ปัญญา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ
@@user-tl5ws1fe7e ขอบคุณที่อุตส่าห์แจกแจงมา แต่ก็นั้นแหล่ะมันไม่ตรงประเด็นที่ต้องการจะรู้-กลับไปอ่าน.ใหม่นะจ๊ะ
@@user-fs2pc8ng8c เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็น ผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ ถ้าสายปฏิจจสมุปบาทนี้เกิดปรากฏขึ้น ก็ไม่สามารถรู้ตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต ได้นั่นเองคะ ต้องเป็นปฏิจจสมุปบาทสายนี้เกิดปรากฏขึ้นถึงจะสามารถรู้ตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต ได้ คือ เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด พระธรรม พระธรรมวินัย คือ พระศาสดา เป็นผู้บัญญัติ สาวก คือ ผู้ฟังคำสอน เมื่อเข้ามาฟัง รู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อๆๆๆกันมาจนถึง ปัจจุบัน พระธรรม พระธรรมวินัย คือ พระศาสดา ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เป็น สัจจะความจริงที่เป็น อกาลิโก ตรงจริงไม่จำกัดด้วยกาลเวลานั่นเองคะ เกิดไม่ทันพระพุทธเจ้า แต่เกิดทัน พระธรรม พระธรรมวินัย คือ พระศาสดา ก็รู้จัก พระพุทธเจ้าได้นั่นเองคะ ตถตา อวิตถตา อนัญญถตา อิทัปปัจจยตา
@@user-fs2pc8ng8c กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม คือ สัจจะความจริง ที่พระพุทธเจ้าท่านได้บอกสอนไว้ให้รู้ตาม ใน พระธรรม พระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ จึงมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เป็น สัจจะความจริง คือ มันเป็น ตถตา คือ มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็น อวิตถตา คือ มันจะไม่เป็นไปจากความเป็นอย่างนั้น มันเป็น อนัญญถตา คือ มันจะไม่เป็นไปประการอื่น มันเป็น อิทัปปัจจยตา คือ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะการเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะการดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป ตถาคตภาษิต ที่เป็น สัมมาทิฏฐิ ที่มีอยู่ใน หนังสือ สายปฏิจจสมมุปบาท ที่เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ก็ตรงตาม คำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ในหนังสือนั่นเองคะ ยกตัวอย่าง อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อริยมรรคมีองค์แปด สังโยชน์ ทั้งสิบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด เห็น อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาให้รับรู้ ก็จะหายสงสัย แต่ ต้อง เป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมาก่อนนะ เพราะ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม มันเป็นเช่นนั้นเองคะ
@@user-fs2pc8ng8c ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาทิฏฐิ คือ เป็น สัจจะความจริงที่เป็น อกาลิโก ตรงจริงไม่จำกัดด้วยกาลเวลา จึงไม่มีทาง ผิด นั่นเองคะ ที่ สมณะ เทพ มาร พรหม หรือ ใครๆในโลกไม่อาจมา คัดง้าง ไม่อาจมาติเตียน ตถาคตภาษิต ได้นั่นเองคะ พระพุทธเจ้าท่านก็บอกสายปฏิจจสมุปบาท ในการเข้ามารู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต ไว้ มีสิบสองขั้นตอน มีศรัทธา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น ถ้าเป็นผู้ที่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ คือ มี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต แต่ถ้า เป็นผู้ที่ไม่มีความเป็น อริยะ คือ เป็นผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ที่จะเกิดปรากฏขึ้นตามมาคือ ไม่มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ สายปฏิจจสมุปบาท ที่จะเข้ามารู้ตามบรรลุตามซึ่ง สัจธรรม ก็ไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ ก็มันเป็นไปตาม กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม นั่นเองคะ
อยากรู้มิจฉาสมาธิบ้าง
สาธุๆๆ
อนุโมทนาค่ะ ล งตรวจสอบอีกทีนะคะ สมาธิมี 8 หรือ 9 ระดับ เท่าที่ฟังมี 8 ระดับนะคะ คือรูปฌาณ 4 และ อรูปฌาณอีก 4 สาค่ะ
นิโรธสมาบัติ ขั้นที่ 9 ดับหมด
สัญญาเวทยิตนิโรธ
ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เป็น สัมมาสมาธิ เป็น เส้นทาง เจโตวิมุตติ ก็จะเห็น การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 เมื่อปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เกิดปรากฏขึ้น เจริญสมาธิอรูปสัญญาต่อ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ จนสมาธิ ระดับที่ 9 เกิดปรากฏขึ้น คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ก็จะหายสงสัยนั่นเองคะ เพราะเห็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สมาธิ นั่นเองคะ
ฟังมาตั้งนาน นึกว่าจะสอนปฎิบัติ อันนี้เหมือนสอนท่ิองตำรา นกแก้ว นกขุนทอง แก่นจริงๆโน่น สอนการปฎิบัติค่่ะ
สมาธิ มี 9 ระดับ มีสัมมาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ มีมิจฉาสมาธิ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น ตถาคตภาษิต เพราะ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น เส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ เป็นการเจริญ สัมมาสมาธิ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 เจริญสมาธิอรูปสัญญา จนสมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ ก็ตามเส้นทางนี้ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เกิดปรากฏขึ้น ก็เจริญสมาธิอรูปสัญญาต่อนั่นเองคะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ จนสมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็น สัมมาสมาธิ เป็นเส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ
การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด นี้นั่นเองคะ คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ คือ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ปลายทางจะเป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ ปัญญา ฌาน4 สัมมาทิฏฐิ เป็นปัญญา ฌาน4 สัมมาสังกัปปะ เป็น อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั่นเองคะ เมื่อนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ ก็จะมีผู้ที่ฟังด้วยดี และ จะมีผู้ที่ไม่ฟังด้วยดี คือ กล่าวตำหนิ ผู้ที่นำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การกล่าวตำหนิ ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง ท่านก็บอก ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ บอก ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ไว้ให้รู้ตาม ท่านบอกว่า มีธรรมที่เป็นเหตุ และ มีธรรมที่เกิดแต่เหตุ เรียงร้อยกันและกันในการเกิดปรากฏขึ้น ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท นั่นเองคะการนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ ก็ต้องบอก ธรรมที่เป็นเหตุ และ บอก ธรรมที่เกิดแต่เหตุ บอกตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ อริยมรรคมีองค์แปด ถึงจะเกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ
ท่านนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงเกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทางปัญญาวิมุตติ ถ้าเห็น กฏอิทัปปัจจยตา เห็นปฏิจจสมุปบาท เห็นสังขตธรรม ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ เส้นทาง เจโตวิมุตติ คือ สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน นั่นเองคะ
@@user-tl5ws1fe7e ขอบคุณนะคะ ที่อ่านมาไม่เข้าใจเลย มีแต่ศัพท์บาลี ธรรมะควรเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายค่ะ ขออภัยละกันที่คอมเม้นแบบนี้ คงจะเป็นมุสาวาท แต่ฟังมานานไม่เข้าใจจริงๆ พระสายปฎิบัติ จริงๆมีอยู่ ที่เรานับถือ ครูบาอาจารย์ใครมันค่ะ ขออภัยที่ก้าวล่วง
@@OceanBlue99 พระพุทธเจ้าท่านเป็นครูที่สอนได้ดีที่สุดแล้วคะ ตถาคตภาษิต คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นพระศาสดา คือ เป็นผู้บัญญัติ คำสอน นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต ก็จะมี กฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ เป็นเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเองคะ เห็นกฏอิทัปปัจจยตา เห็นปฏิจจสมุปบาท เห็นสังขตธรรม ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต จะเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมดเลย ทำให้สามารถรู้ได้คะว่าเป็น ตถาคตภาษิต การเข้ามารู้ตามซึ่ง สัจธรรม และ บรรลุตามซึ่ง สัจธรรม จาก ตถาคตภาษิต พระพุทธเจ้าท่านก็บอก ธรรมที่เป็นเหตุ ที่เกิดปรากฏขึ้นมา และ บอก ธรรมที่เกิดแต่เหตุ ไว้ให้รู้ตามนั่นเองคะ เพราะ ตถาคตภาษิต เป็นเหมือนกันทั้งหมดเลย คือ มีกฏอิทัปปัจจยตา มีปฏิจจสมุปบาท มีสังขตธรรม จึงเป็น สัมมาทิฏฐิ นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นเส้นทาง เจโตวิมุตติ นั่นเองคะ ธรรมที่เป็นเหตุ จะต้องเกิดปรากฏขึ้นมาก่อนคือ เป็นผู้ที่ได้สดับใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ ปัญญา ยังไม่เกิดปรากฏขึ้นทำให้ไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ
รบกวนเอาเสียงเปียโนออกเถอะครับ เสียงเป็นเสี้ยนหนามต่อสัมมาสมาธิ แถมเป็นสังโยชน์กามราคะ
บางคนฟังธรรมนั่งสมาธิ แล้วมโนคิดว่าตัวเองเข้าสมาธิได้ นั่งสมาธิได้ดี ฟังก็ส่วงฟัง ปฎิบัติต้องไม่ฟังอะไร
ต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่คะ สมาธิ เป็น สังขตธรรม เพราะมีคุณสมบัติ เกิดปรากฏขึ้นมานั่นเองคะ การเกิดปรากฏขึ้นของ อินทรีย์ 5 พละ5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ปฏิจจสมุปบาทสายนี้ เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดขึ้นมาตลอดสายคือ เป็นปัญญา เกิดปรากฏขึ้นคือ ปัญญา คือ ความเข้าใจ นั่นเองคะ ถ้าสมาธิ ไม่เกิด ปัญญา ก็จะไม่เกิดตามมานั่นเองคะ ศรัทธา เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ วิริยะ /การเกิดปรากฏขึ้นของ ศรัทธา เป็น ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดปรากฏขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด การนำ ตถาคตภาษิต มาบอกต่อ คือ การมีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ เป็น ศรัทธาใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้นนั่นเองคะ สาวกภาษิต ไม่มีกฏอิทัปปัจจยตา ไม่มีปฏิจจสมุปบาท ไม่มีสังขตธรรม จึงไม่เป็น สัมมาทิฏฐิ เมื่อมีศรัทธา ใน สาวกภาษิต อริยมรรคมีองค์แปด จึงไม่เกิดปรากฏขึ้น เป็นการเกิดปรากฏขึ้นของ สังโยชน์ ทั้งสิบนั่นเองคะ อินทรีย์ 5 พละ 5 เป็น ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ / วิริยะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/วิริยะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สติ/สติ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/สติ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สมาธิ/สมาธิ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ/สมาธิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้น ก็จะมี สัมมาสมาธิ และ มิจฉาสมาธิ และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ ปัญญา นั่นเองคะ
ทูกวันนีฟังพุทรวจนดีมากปอ่ยวาได้อ่านสายเกีดสายดับทูกวันค่ะสารุสารุสารุค่ะ
อนุโมทนาสาธุครับ
🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
สาธุครับ
ສາທຸ
สาธุค่ะ
กราบสาธุๆเจ้าค่ะคำสอนของพระตถาคตตอนนี้ยมยายพึงฟังวันนี้แต่ก็ไม่กล้าฟังก็เห็นว่าฌาณ๙รดับคงทำไม่ได้ก็เลยไม่ฟังพอวันนี้ได้ฟังแล้วยายเอาแต่ปฏิจจสมุปบาทและอานาปานสติที่พระองค์บอกไว้อยู่ว่าจำได้แค่บดเดียวก็จะไปทางเจริญถึงความเจริญไม่ถึงความเชือมยายเอาเท้านี้ก็พอใจทอ้งได้จนคอ้งปากขึ้นใจแทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็นสาธุสาธุๆเจ้าค่า
🙏🙏🙏
บางคนวานังช่านะทิดหลายเปันบาพวกเขาบ่เคยได้ฟังพุทรวจนเลยบ่เข้าไจขน้อยได้ฟังพุทรวจนจิดไจสงบปอ่ยวาแต่กอนบ่เคยฟังคิดมากจิดไจวนวานมากได้ฟังพุทรวจนตังแต่ปี2015ไปวัดนาป่าพงจิดไจสงบ🙏🙏🙏ค่ะ
ใช่ค่ะได้ฟังพุทรวจนฟังแล้วไจสบแต่กอนบ่เคยฟังจิดไจคิดมากจนบ่มีทางปี2015กับไปลาวเลยไปบ่ชาสายเกีดสายด่านังส่ามาทิดตามคุณพระเจ้าจิดไจปอยวาค่ะ🙏🙏🙏ค่ะ
🙏🙏🙏
น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์และคณะสงฆ์ทุกๆรูปและออนุโมทนาบุญกับรัตนะ5ทุกๆท่านทั่วโกด้วยเทอญสาธุๆๆเจ้าค่ะ🙏🙏🙏🌹🌹🌹
🙏🙏🙏
ສາທຸ
ໄດ້ຟັງກໍ່ຍິ່ງໄດ້ຮູ້ຍີ່ງຮູ້ຍິ່ງສະຫວາ່ງຍີ່ງຮູ້ຍີ່ງເບີກບານ😊😊😊