คนรุ่นใหม่คลั่ง MBTI เป็นประโยชน์ตรงไหน ให้อะไรกับชีวิต? | คำนี้ดี EP.1169
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 20 ก.ย. 2024
- คุณรู้ MBTI ของตัวเองหรือเปล่า?
มั่นใจว่าหลายคนคงเคยได้ทำแบบทดสอบ MBTI เพื่อตามหาตัวอักษร 4 ตัวที่บ่งบอกถึงบุคลิกนิสัยใจคอของตัวเองกันมาบ้าง บางคนเป็น INTP บางคนเป็น ENFJ
ตัวอักษรเหล่านี้คืออะไร? ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงอยากเข้าใจนิสัยและตัวตนของตัวเองถึงขนาดนั้น คำนี้ดี#XZ เอพิโสดนี้พาไปพูดคุยถึงเรื่อง MBTI และการพยายามทำความเข้าใจตัวเองของคนรุ่นใหม่ว่ามันกำลังบอกอะไรเกี่ยวกับตัววัยรุ่นกันแน่
---------------
KND Intern Gen 13 เปิดรับฝึกงานตำแหน่ง Content Creator (Presenter) และ Creative จำนวน 2 อัตรา ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2024 นี้! 🙌 🙋🏻♂️ 🙋🏻♀️ ✨
- สมัครได้ที่นี่ forms.gle/xw9R...
- เปิดรับสมัครตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2024
- รับอีเมลสมัครวันสุดท้าย วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2024 เวลา 23.59 น.
- ประกาศผลวันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2024
- เริ่มฝึกงานวันอังคารที่ 4 มิถุนายน - วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2024 รวมระยะเวลาฝึกงานทั้งหมดประมาณ 3 เดือน
🚀 Content Creator (Presenter) (1 ตำแหน่ง)
✨ คุณสมบัติที่เราต้องการ ✨
- ภาษาอังกฤษยอดเยี่ยมเพื่อการฟัง พูด อ่าน เขียน และออกความคิดเห็นในเรื่องไกลตัว เข้าใจหลักไวยากรณ์ แปลคำศัพท์ในบริบทได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- เสพคอนเทนต์และเทรนด์ข่าวรอบด้าน ทันไวรัลทั้งในไทยและต่างประเทศ
- มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างคิด ช่างตั้งคำถาม อยากหาคำตอบ สามารถคิดคำถามและเกมที่ไม่จำเจ และมีดีเอ็นเอคำนี้ดี
- สนุกกับงาน ใจสู้ มีพลัง ไฟแรง พร้อมทำงานเป็นทีม เพื่อคนดู
✍️ Creative (1 ตำแหน่ง)
✨ คุณสมบัติที่เราต้องการ ✨
- ภาษาอังกฤษยอดเยี่ยมเพื่อการฟัง พูด อ่าน เขียน และออกความคิดเห็นในเรื่องไกลตัวได้
- มีความสามารถในการแปลไทย-อังกฤษและอังกฤษ-ไทยตามบริบทได้ดี
- มีความเข้าใจ Grammar ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง
- ชอบดูรายการต่างๆ ในยูทูบทั้งไทยและต่างประเทศ
- มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดคำถามและเกมที่ไม่จำเจ และมีดีเอ็นเอคำนี้ดี
- ไฟแรง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พร้อมแก้ไขและปรับปรุง
📌 เงื่อนไขการฝึกงาน
- ระยะเวลาฝึกงาน 3 เดือนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเริ่มงานตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนจนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2024 เป็นต้นไป
- สามารถเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ THE STANDARD (อยู่ในโครงการ RCA)
- มีคอมพิวเตอร์พกพาเป็นของตนเอง
- มีความกระตือรือร้น พร้อมเรียนรู้และพัฒนาสิ่งใหม่ๆ และสามารถทำงานในกรอบเวลาที่ยืดหยุ่นได้
- ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ สื่อสารเป็น ทัศนคติดี มีความรับผิดชอบต่อตนเองและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
---------------
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
/ @kndstudio
---------------
Join KND Club! เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่: cutt.ly/7EseUvK
กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: bit.ly/42ricGb
ติดตาม คำนี้ดี ในช่องทางอื่นๆ
Facebook Page: / thestandard.knd
TikTok: @knd.thestandard bit.ly/3ToZnyY
Instagram: @kndstudio.official / thestandard.knd
Facebook Group: / kndgroup
Apple Podcasts: apple.co/3sWRwvF
Spotify: spoti.fi/3kGS4ms
SoundCloud: bit.ly/385nOwc
#KNDStudio #คำนี้ดี #ภาษาอังกฤษ #MBTI #kndXZ #คนรุ่นใหม่
![[Highlight] คนจนลงเหวหนี้ รถ-บ้านถูกยึด หมดทางรอด - Money Chat Thailand](/img/n.gif)
หลังจากที่ผมได้ศึกษา MBTI อย่างเจาะลึกแล้ว ผมถึงได้ตกผลึกว่า MBTI ไม่ใช่นิสัย บุคลิกภาพ แต่เป็นกระบวนการการทำงานของสมองต่างหาก ซึ่งเราไม่สามารถระบุได้เลยว่า
คนไทป์นี้จะมีนิสัยแบบนี้ มนุษย์เราต่างก็มีความหลากหลายและไม่เหมือนกัน นี่ยังรวมไปถึงเรื่องนพลักษณ์ ปม การติดLoop ติดGrip อีกมากมาย
มันทำให้ผมรู้เลยว่า MBTI ไม่สามารถระบุตัวตนของคนอื่นและตัวเองได้ดีขนาดนั้น ไม่สามารถนำมาใช้ในการตัดสินคนคนหนึ่งเพียงแค่อักษร 4 ตัว
ข้อดีที่ผมได้จากการศึกษา MBTI (CF) ก็คือ เราได้รู้ตัวเองว่าเป็นคนมีกระบวนความคิดต่อสิ่งเร้าแบบไหน ถนัดรับข้อมูลแบบใด ตัดสินใจจากอะไร ทำให้เรารู้จุดแข็งและจุดด้อยของตนเองและทำให้พัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นครับ
เหมือนได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
แบบทดสอบก็ไม่ใช่ว่าจะถูกเสมอไป แต่ก็พอเป็นไกด์ได้นิดหน่อยครับ
ส่วนตัวเราชอบศาสตร์นี้นะคะ มองว่ามีประโยชน์ในเรื่องของ ความเข้าใจตัวเอง และเข้าใจผู้อื่น ศึกษาเพื่อพัฒนาข้อด้อย ข้อเสียของตัวเองให้มันสมดุลมากขึ้น
แต่ถ้าศึกษาแล้วยึดติดว่า ชั้นเป็นแบบนี้ เธอต้องปฎิบัติกับชั้นแบบนี้ หรือแปะป้ายคนอื่นว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ คิดว่ามันเปล่าประโยชน์ไปหน่อย
เคยสนใจพักนึง แต่พอมีประสบการณ์ชีวิตในช่วงแต่ละวัย คิดว่าบุคลิกภาพเราไหลได้เสมอ ก็เลยเฉย ๆ เพราะรู้ไปก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม คนที่หมกมุ่นเรื่องนี้จนยึดติด ส่วนมากจะใช้เป็นกลไกป้องกันตัวเองมากกว่าใช้ทำความเข้าใจตัวเองจริง ๆ บางคนแค่มีตัว T ก็คิดเป็นตุตะว่าตัวเองมีเหตุผลแล้วใช้ตัดสินคนอื่นไปทั่วแบบสเตอริโอไทป์ ทั้งที่จริงคนเรามิติมันเยอะมากกว่านี้ และถ้าเราเข้าใจตัวเองมากพอ เราไม่จำเป็นต้องมาถือตัวอักษรพวกนี้เลย
ป.ล. ปัจจุบันเล่นแบบทดสอบขำ ๆ ไว้คุยกัน แต่ Don’t take it seriously
โอโห้ เคยสงสัยมานานละ ว่าทำไมพวกที่เคยเรียนจิตวิทยา ถึงคัดค้านทฤษฎีนี้นักหนา เคยคิดว่า มันก็แค่แบบทดสอบทั่วไปหนิ ผู้ทดสอบก็ต้องมีวิจารณญาณอยู่แล้วปะ คนเขาไม่ตัดสินกันและกันขนาดนั้นหรอกม้างง ตอนนี้เริ่มเห็นถึงความอันตรายของมันละ ในเมื่อมันเป็นแบบทดสอบที่ต้องให้ผู้ทดสอบทำเอง เพราะงั้น ถึงแม้จะบอกว่า เป็นแบบทดสอบที่จะทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น แต่จริงๆแล้ว เราต้องรู้จักตัวเองให้ดีก่อน และเข้าใจจุดประสงค์ของคำถามให้ดี ถึงจะทำแบบทดสอบจำพวกนี้ได้ สำหรับเรา เราใช้เพื่อรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง เราถนัด Ni มาก เวลาเครียด มักจะหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ดังนั้น การออกไปข้างนอก เล่นกีฬากับเพื่อน หรือทำอะไรที่มันต้องอยู่กับปัจจุบันมากๆ ก็จะช่วยได้เยอะ แต่บางคน ถ้าเครียดอาจจะต้องนั่งสมาธิ อยู่กับตัวเอง.. ของชั้นไม่ค่ะ ชั้นแทบจะอยู่ตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้ว Ni-Ti Loop ฉ่ำๆอยู่แหละ5555
ส่วนตัวคิดว่า ไม่ควรเอาบุคลิกภาพส่วนตัวมาใช้กับการทำงาน ยังไงคำว่า ความรับผิดชอบก็ควรเป็นความรับผิดชอบอยู่เช่นนั้น ไม่ควรเอานิสัยส่วนตัวใดๆ มาขวางให้เราทำงานไม่ได้ คนเรามันก็ควรมีหมวกหลายใบมั้ย ถึงจะอยู่ร่วมกันได้ แต่มันก็แล้วแต่ความเชื่อเนอะ บางคนก็เชื่อว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน ขาดจากกันไม่ได้ เพราะงั้น งานก็เลยเป็นสิ่งที่แสดงถึงตัวตนไปด้วย บางคนก็เอาหมวกที่ทำงานมาใช้ที่บ้านบ้าง บางคนก็อาจจะเอาหมวกที่บ้าน มาใช้ในที่ทำงานอีก แบบนี้ก็ว้าวุ่นสิ๊
แต่เรื่องที่เอา MBTI ไปแปะให้กับ ดารา ศิลปิน นี้ไม่เห็นด้วยจริงๆนะ มันตัดสินคนอื่นเกินไป เว็บมันไปรู้ได้ยังไงว่า Taylor swift ฯลฯ ตัดสินใจต่อเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยความคิดแบบนี้ๆ เว็บมันรู้ได้ไง ว่าตอนที่เขาไม่ได้ออกสื่อ เขาทำอะไรคิดอะไร รู้ดีอย่างกับไปนั่งในใจเขาเนอะ มันเหมือนเราไปวางคาแรกเตอร์ให้คนอื่นอะ สิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอ คือเขากำลังทำงานไง เขากำลังรับผิดชอบหน้าที่ของเขาอยู่ ไม่ใช่สภาพของเขาที่อยู่ใน comfort zone จริงๆ
สำหรับเรามีประโยชน์ เพราะเป็นคนแปลกในสังคมมาตลอดตั้งแต่เกิด พอรู้ว่าเราเป็น Infj และพบว่ามีอีกหลายคนที่เจอปัญหาเดียวกันก็ช่วยให้เราสบายใจขึ้น
ประโยชน์อีกอย่าง ช่วยให้หาคลิปที่ช่วยคนลักษณะนิสัยแบบนี้ให้อยู่กับสังคมยังไงให้รอดได้ง่ายขึ้นด้วย(ของต่างประเทศ) เพราะมันแรร์จริง แต่แรร์ในทางแกะดำของสังคม ในชีวิตจริงไม่มีใครแคร์คนที่แปลกแยกค่ะ รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินว่าคนสนใจ อยากรู้จัก infj ทั้งที่ในชีวิตจริงมันไม่ใช่เลย
ผมเป็น infj สนับสนุนเม้นท์นี้ครับ
Infj เหมือนกันค่ะ รู้สึกเข้ากับคนยากเพราะส่วนใหญ่จะชอบคบคนแบบ deep แบบตัวตนจริงๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่ใช่แนวนี้ เลยทำให้ดูเข้าสังคมลำบาก อีกอย่างเซนส์ในการทำนายความเป็นไปได้และการดูเจตนาคนของ infj ที่เรามีเป็นเรื่องจริงและมีประโยชน์มากในชีวิตค่ะ ทำให้เราเข้าใจตัวเองและคนอื่นในสิ่งที่เค้าไม่ได้สื่อสารออกมา เราเลยคิดว่าศาสตร์ด้านนี้มีประโยชน์จริงๆ
INTJ หนักกว่า INFJ ยังพอเชื่อมกับคนอื่นได้ INTJ อย่างผมนี่คือแทบจะตัดขาด
ขอพูดในฐานะนักจิตวิทยาที่เบื่อกับอะไรแบบนี้มากว่า...ทุกคนครับ กรุณาอย่าจำว่า MBTI เป็นเครื่องมือชี้วัดที่เที่ยงตรง 100% หรือยึดถือผลไปนิยามตัวเองและคนอื่นๆว่าเป็นงั้นงี้ MBTI เป็นเทสที่เก่ามากนะครับ งานวิจัยที่ผ่านมาก็ระบุว่ามันเป็น Weak predictor และ perform แย่กว่า Big Five อีก ที่ต่างประเทศวิจารณ์และถกเถียงกันมานานมาก (วิจารณ์ตั้งแต่การตีความทฤษฎี Carl Jung ของ Myers-Briggs ผู้สร้าง MBTI เลยทีเดียว) ขณะที่นักจิตวิทยาในปัจจุบันก็แทบไม่ใช้กันแล้ว โดยเฉพาะตามรพ.ใหญ่ๆ หรือต่อให้จำเป็นต้องใช้ นักจิตจะไม่ตัดสินคนไข้ด้วยเทสๆ เดียว หรือแค่ตัวอักษร 4 ตัวโดยเด็ดขาดครับ คนปกติทำเล่นๆ เอาสนุกได้ ให้พอรู้ว่าตัวเรา "ตอนนี้" มีแนวโน้มว่าจะเป็นประมาณนี้ๆ แต่ให้ระลึกไว้ว่าคนเราเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา ปัจจัยภายนอกภายในนับหมื่นส่งผลต่อตัวคุณ แม้กระทั่งในวินาทีที่คุณตอบคำถามใน MBTI ก็ตามนะครับ
แม้กระทั่งในวินาทีที่ตอบคำถามใน MBTI หมายถึงอะไรหรอคะ
น้องชายผมเชื่อเป็นบ้าเป็นหลัง ติดตามเรื่องแบบนี้มาก แล้วก็ยึดติดกับนิสัยที่เขาทำนายออกมาเอามาทำเป็นนิสัยตัวเองจริงๆทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน แบบนี้แปลกไหมครับ
@@คนตึงๆที่มาพร้อมหนังยาง ยกตัวอย่าง Test Performance ในคนที่มีอารมณ์เศร้าหรือโกรธ อาจจะแตกต่างไปจากคนที่มีความสุขครับ เช่นเดียวกับคนที่มีสมาธิดี เทียบกับคนที่ไม่ได้ตั้งใจจดจ่อมากนัก หรือเป็นเรื่องของการตีความคำถาม ความคิดในขณะนั้น ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้กระทบต่อผลเทสได้หมดครับ
@@tetrapodomorphFamily ตอบรวมๆ คือ ถ้าในคนอายุน้อย เด็กหรือวัยรุ่น การเลียนแบบหรือทำตามกฎเกณฑ์ที่เห็นจากคนอื่นหรือสื่อต่างๆ อาจไม่แปลกอะไรครับ แต่ถ้าในกรณีหมกมุ่นมากเกินไป จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็อาจต้อง address พฤติกรรมที่เกิดขึ้น และหาข้อมูลจากหน่วยงานด้านจิตวิทยาที่เชื่อถือได้มาพูดคุยเสริมครับ
มันต้องดูเบื้องลึกเบื้องหลัง นักจิตก็ต้องอยากให้ Type Indicator ของตัวเอง เป็นที่รู้จักและใช้กันเป็นหลัก เป็นแบบนี้เขาต้องทำยังไง ก็ต้องไปทำงานวิจัยเพื่อมาแย้ง
วงการนี้คุณรู้น้อยไป แค่วิจัยที่กินอาหารเช้าดีต่อสุขภาพถูกเผยโดยคนขายซีเรียล และซีเรียลมันก็ขายดีหลังจากนั้น ตอนนี้ก็โดนพรูฟทับอีกว่าไม่จริง
ชอบ mbti นะครับ สนุกดี อย่างที่พี่บิ๊กพูด เหมือนได้อยู่กับตัวเองในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วมันลึกดีครับอย่างที่วีว่า 4 คู่ตัวอักษรเชื่อมโยงกันได้หมด ยังมี Cognitive fn. แจงรายละเอียดลงไปอีก Dominant, Shadow ถ้าชอบก็ยาวๆ ทีนี้
ซึ่งผมว่าเราควรจะนำมาใช้เพื่อเข้าใจตนเองและคนรอบข้าง เพื่อสุขภาพจิต และการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงพัฒนาตนเองในด้านที่เรายังไม่ถนัดจะดีกว่า แต่หากเอามาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ทำสิ่งใดๆ ไม่เปิดใจ หรือไม่ยอมออกจาก Comfort zone ของตนเอง หรือหมกมุ่นตั้งคำถามทำไมๆ ติด grip นั่นนู้นแก้ยังไง ก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ
เคยทำแบบทดสอบค่ะ เปลี่ยนทุกปี เลยรู้ตัวว่า มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่จะไปนิยามตัวเองหรือจะต้องไปสนใจคนอื่นว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพราะมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ นิสัย พฤติกรรมไปตลอดชีวิต มุ่งทำหน้าที่การทำงานตัวเองให้ดี วางแผนชีวิตตัวเอง และช่วยเหลือสังคมตามสมควร ก็คิดว่าเพียงพอสำหรับตัวเองแล้วค่ะ
ความเป็นจริงในทุกคนนั้นมีทุกบุคลิกภาพนะครับอยู่ที่ว่าอันไหนจะเอาออกมาใช้บ่อยออกมามากกว่ากันบุคคลิกภาพของเราจะพัฒนาเต็มที่เมื่ออายุ50ครับแต่ความเด่นของเราแบบตัวตนบุคคลิกภาพที่เด่นของเราที่สุดจะพัฒนาเสร็จตอนอายุ13ปี จะแสดงส่วนในจุดด้อยด้วย เพราะเราจะพัฒนาจุดด้อยเสร็จตอนอายุ50ปี มันจะมีหลายช่วงวัยที่พัฒนาหลายครับ ซึ่งแต่ละไทป์Mbtiก็จะมีความซับซ้อนอะไรแตกต่างกันครับเช่น INFJ ที่เป็นไทป์ที่คนสนใจกันเยอะ ถึงตัวอักษรที่4 จะเป็น J Judding แต่ก็เป็นไทป์ที่มีความเป็น การทำตามแบบแผน วางแผนล่วงหน้าน้อยที่สุด ก็คือค่อนข้างยืดหยุ่นมากกว่าไทป์อื่นไปเช่น Enfj Esfj Isfj Intj Entj การที่จะรู้ว่าเราเป็นไทป์ไหนตัวไหนจริงๆดราต้องไปศึกษาเรียนรู้วัดระดับ Cognitive functions ครับ ซึ่งไม่ใช่ว่าแค่แบบเรียนรู้แล้วจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนะครับ มันเป็นประโยชน์มากสำหรับนักจอตวิทยาหลายๆคนและคนที่สนใจในเรื่องศาสตร์สมอง เพราะมันจะเกี่ยวข้องกันกับในสมองส่วนซีรีบนะครับ มันจะเป็นความถนัดของสมองที่แต่ล่ะคนได้รับมาตั้งแต่กำเนิดมาซึ่งสมองแต่ล่ะคนนั้นก็ไม่มีใครเหมือนกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างนามธรรมเป็นทฎษดีมากแต่เมื่อเรียรรู้แล้วจะทำให้เราเข้าใจแต่ล่ะคนมองคนออกจากคำพูดลักษณะรู้ความชอบของเจาได้เลย โดยที่ไม่ต้องให้เขาทำเทส16 Personality ซึ่งแบบทดสอบ 16 Personality มันเป็นแนวทางที่ทำให้คนรู้จักตัวเแงมากขึ้นในส่วนเบื้องต้นซึ่งเรรทำเทส16 Personality ไปปุ๊บปหลายครั้งมันก็จะไม่ใช่ไทป์เราจริงๆแต่จะเป็นไทป์ใดล้เคียง เพราะสมองของแต่ล่ะคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่จะพออธิบายในส่วนที่เด่นๆมั่นใจได้แล้วคร่าวไปเช่น เฮ้ย เรามั่นใจล่ะว่าเราถนัดจินตนาการมากกว่าการอยู่กับประสาทสัมผัสSensing ก็จะเป็น ตัวที่2 N ซึ่ง 16 Personality เป็นแนวทางที่ทำให้เรารู้ว่าเรานั้นก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่คนเกียว Mbti ที่มาจากต้นคำรับคาร์ล ยุง กับคนที่พัฒนาอีกคนแม่พี่อิซาเบลล่า กับลูกสาวของพี่อิสซาเบลล่า เขาก็มีจุดประสงค์ให้เราเข้าใจในตัวเองทั้งนั้นครับ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะเอา Mbti ใครได้ไทป์ไหนไปด่าว่าใครแต่ควรจะเอามาใช้เพื่อเข้าใจทั้งตัวเราและคนอื่น ว่าเรานั้นก็ต่างถนัดมีพรสวรรค์คนละแบบ บางคนอาจจะเป็น Feeling คนที่เข้าใจความรู้สึดของตัวเองหรือผู้อื่นมากกว่าใช้เหตุผลยึดการกระทำเป็นหลัก แต่ก็จะแสดงออกเหมิอนคนที่ใช้เหตุผลเป็นหลักก็ได้ครับถ้าเราอาจจะยังไม่รู้ตัวเขาหรือตัวเราพอ การใช้ชีวิตที่ดีเราจะต้องสมดุลทุกตัว สมมุติเราเป็นอินโทรเวิร์ต ตัวอักษรI เราก็จ้องพบเจอพูดคุยกับผู้คนบ้างไม่งั้นจะเป็นความทุกข์เพราะมันเป็นส้วนวิวัฒนาดารของสมองของบรรพรรบุรุษที่ต้งอยู่ดันเป็นกลุ่ม หรืออยู่ดับใครสักึนสองคนกลุ่มเล็กๆบ้สงสลับกันไปมาแบบที่ตัวเงอมีความสุข ท้ายสุดนี้ก็ขอให้ทุดคนทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง เข้าใจซึ่งกันและกันและไม่ตัดสินกันเพียงแค่ผิวเผิน เครื่องมือMbti เว็บนิสัยอะไรต่างๆเราสามารถนำมาใช้ในทางที่ดีได้มากกว่าทางที่ร้ายถ้าเรามีด้านที่ไม่ดีเราก็จะทำให้รู้ตัวและได้พัฒนาตัวเงอมากขึ้นครับผม
คุณอาจจะยังไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง ต้องการอะไร คนอื่นมองคุณยังไง จริงๆไทป์คุณไม่ได้เปลี่ยนเลย
@@AndaChirstiano7_00_7
คอมเม้นดีมากครับ
เสริมเรื่อง Cognitive function
จริงๆ เวลาเราจะแกะไทป์ จากศาสตร์ของคาร์ลจุงเนี่ย เราเริ่มจากที่กระบวนการคิดครับ ว่ารับข้อมูลอย่างไร เช่น Ne,Ni,Se,Si แล้วตัดสินใจกับข้อมูลนั้นอย่างไร Ti,Te, Fi, Fe ซึ่งแต่ละตัวก็มีความหมายของมันอยู่ เราก็อาจจะมองคนจากพฤติกรรมของคนนั้นแล้วเดาๆ ดูว่าคนนั้นคิดแบบไหน ถึงออกมาเป็นพฤติกรรมนั้น ๆ ซึ่งจริงอยู่ว่าในมุมมองของเราที่เดานั้นก็อาจจะไม่ถูกเสมอไปครับ แต่ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการอ่านคน มันก็พอจะมีแพทเทิร์นของคนแนว ๆ นั้นอยู่ อาจจะศึกษาเรื่อง enneagram เพิ่ม สุดท้ายของพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นและยอมรับผู้อื่นครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัว Cognitive function ช่วยผมเยอะเลย ทั้ง Pitching (เดาคำถามกรรมการ), การรู้จุดอ่อนของตัวเองที่ไม่มีใครมาบอก เรามาศึกษาเอาเองแล้วก็ปรับใช้กับตัวเราเอง คิดว่าดีมากเลยครับ!
@@AndaChirstiano7_00_7ผมว่ามันดันกลายเป็นเครื่องมือที่จำกัดความคิดเรามากกว่าการที่ทำให้เรารู้จักตัวเองนะ ลองคิดดูว่าถ้ามีคนที่เชื่อ mbti มากจนคิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้นอย่างเดียว ถ้าฉันทำแบบอื่นคือมันไม่ใช่ตัวฉันแล้ว มันจะกลายเป็นว่าคนคนนั้นจะไม่กล้าไปทำอะไรนอกกรอบ mbti ของตัวเองได้เลย แล้วก็จะไม่สามารถ explore ออกไปได้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองกลัวว่าจะทำไม่ได้มันจะทำไม่ได้จริงๆหรือเปล่า
bruhh มันมี cognitive function ไม่ใช่หรอ ตัวเองไม่ซื่อสัตย์ต่อคำถามมันก็งี้แหละ
สำหรับเราและคนรอบตัว MBTI มันมีประโยชน์มาก เพราะบางครั้งเราก็ไม่เข้าใจตัวเอง แต่พอศึกษาMBTIคือตรงจนตะลึง👏และคนรอบตัวก็บอกว่ามันตรงเกินไปมุย555555🤭🏆 เพราะเราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นก็รู้สึกใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ตอบคำถามเรื่องตัวเองไปเยอะขนาดนั้น ก็ต้องมีส่วนใกล้เคียงครับ เผลอๆที่คิดว่าตรงอาจจะเป็นแค่ Barnum effect ก็ได้
จริงๆสิ่งนี้ปลดล็อค บางอย่างที่สงสัยในตัวเองมาตลอดค่ะ เราเคยคิดว่าหลายๆครั้ง ทำไมรู้สึกว่าเราเป็น"แกะดำ" บ่อยมากๆ แต่ด้วยวัยและสถานการณ์ต่างในชีวิต ก็ตอบคำถามได้ประมาณนึง และพอพายุในชีวิตผ่านพ้นไป มีการย้ายประเทศ อายุเพิ่มขึ้น มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น สงบขึ้น เลยมาทำแบบทกสอบอีกครั้ง มีการเปลี่ยนเพียงแค่ตัวเดียวคือจาก INFJเป็น INTJ ค่ะ ก็นับว่าช่วยได้มาก เราเข้าใจว่า อ้อ..เราไม่ได้ประหลาดแค่วีธีการมองและตอบรับของเรามันคนละขั้วกับคนรอบข้างและรู้ข้อเสียเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นได้มากขึ้น,ปรับปรุงได้ถูกจุด แต่สามารถงัดเอาข้อดีออกมาใช้ได้อย่างเป็นประโยชน์และคล่องเคล่วขึ้นมากค่ะ
When asked about my personality, I always answer 'depends who you are and how much I care'. Every human has different sides to them. You're not the same person when you're with your parents, friends or lovers. They all see and experience unique sides of you so if you ask them, their answers might be vastly different.
I find personality test entertaining, fun to read like horoscope but I don't take it to heart or lock myself in that box. Most importantly, you can be biased cause you see the world only through your eyes, never as a 3rd person looking at yourself. The more it's getting popular, the more I feel people love it because they're lost and desperate to find a meaning for their existence. Childhood trauma, on the other hand, I find scarily accurate.
อยากให้คุยเรื่องไพ่ทาโร่ ไพ่ยิปซีค่า
ดูเป็นการดูดวงแบบฝรั่ง น่าจะได้หลายคำศัพเลย แล้วอยากรู้ว่าความหมายของแต่ละไพ่คืออะไรเห็นมีเขียนเป็นภาษาอังกฤษ มีความหมายอะไรน่าสนใจ เพราะบางทีเห็นคนตั้งภาพจอมือถือใช้เคสโทรศัพท์ เป็นลายไพ่ มันมีความหมายอย่างไง อยากรู้ค่า
ลูกสาวของเราเองเค้าเรียนเกี่ยวกับ จิตวิทยาเกี่ยวกับบุคลากร (personnel scientist) เค้าเรียนเกี่ยวกับ mbti มาก จนเค้าเอามาใช้กับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะคุยงานหรือเรื่องเข้าสังคม เค้าบอกว่ามันช่วยได้เยอะเลยค่ะ
four side of mind ครับ ที่ว่าเรามี4mbtiในตัว อยากให้ทำเรื่องนี้มากๆ เชื่อมกับ cognitive func ด้วย คนเราจะมี ego, super ego subconscious, unconscious ตามสถานการบลาๆๆ
คนที่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็จะอยู่กับเรื่องพวกนี้นานหน่อย คนที่ชีวิตดีแล้วเขามาแปปเดียวแค่พอรู้เดี้ยวเขาก็ไปทำอย่างอื่นต่อ
As a J type (ENFJ), I don't wanna live a life without knowing about psychology, especially MBTI. Thank you 😊
หลายคนบอก MBTI เปลี่ยนทุกปีจะรั่ว 5555 เปลี่ยนไม่เท่ากับว่าไทป์นั้นมันคือไทป์เรา เปลี่ยนในที่นี้คือนิยามของคุณ สมมุติตัวคุณจริงๆ คือ ”ESTP“ แต่คุณเทสได้ ISTP INTP ENTJ ก็ไม่ใช่ว่าคุณเปลี่ยนเป็น 3 ไทป์นั้นระหว่างเทส คุณคือ ESTP ตลอดแต่ไม่มีใครบอกคุณ คุณแค่ต้องศึกษาให้ลึกไปยัน Cognitive Function Loop Grip Shadow ไม่ใช้ไปทำเทสที่คนอื่นคิดมาจากมุมมองของสังคมตัวเอง
เรสสนใจมากๆ ก่อนหน้านี้เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว คิดว่าเป็นวิธีการที่ฉลาดมากๆ เลยในการแบ่งแยกคนออกเป็นประเภทต่างๆ ตามบุคลิกเด่นๆ ค่ะ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการเอามาใช้งานได้ 100% เลยมั้ยก็ต้องบอกว่าไม่แหละ และถ้าจะศึกษาจริงๆ มันต้องพ่วงหลายอย่างมากๆ นพลักษณ์ที่พี่บิ๊กพูดถึงก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ ส่วนตัวคิดเหมือนกันว่า เอามาใช้ในการเข้าใจตัวเอง พัฒนาตัวเอง มันมีประโยชน์มากจริงๆ แต่ถ้าเอาไปจัดการคนอื่นก็ไม่คิดว่าควร แต่(อีก)ก็คือมันช่วยให้เรารับมือกับคนที่มีบุคลิกต่างๆ ได้กีขึ้นเหมือนกันค่ะ หลักๆ คือเอาไปใช้แต่พอดี ถ้าหมกมุ่นเกินก็จะเบียวไป
เคยทำประมาณ 3 รอบค่ะ ของเราคิดว่าค่อนข้างตรง ทุกรอบได้เหมือนเดิมหมดยกเว้นตัวแรกที่สลับไปมา ถ้าจำคำถามไม่ผิดมันก็เป็นคำถามประมาณว่าชอบเจอผู้คนหรือชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ปกติเราค่อนข้างจอยกับคนเยอะๆ ตอนที่เราทำแล้วได้ I คือช่วงที่ไม่อยากออกไปเจอใคร ผลมันเลยออกมาเป็นแบบนั้นเราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับอารมณ์/เงื่อนไขในชีวิตช่วงนั้นค่ะ เพราะรอบล่าสุดได้ E เหมือนเดิม ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ไปสัมภาษณ์งานแล้วเค้าถาม mbti แอบแปลกใจอยู่ แต่เค้าเป็นบริษัทเกาหลี คือทุกคนเป็นมือโปรในเรื่อง mbti มาก และเอนจอยกับการนั่งเดา mbti ของกันและกันในบริษัทสุดๆ😂 นอกจากได้รีเฟลกตัวเอง เราว่ามันเป็น entertainment นึงเหมือนกัน พอได้รู้แล้วก็ว้าว นี่เราได้ตัวนี้หรอ เอาไว้เป็นหัวข้อคุยกับคนอื่นต่อได้ด้วย
ทำหลายรอบแล้วสลับไปมาระหว่าง infp กับ infj เราเลยเน้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2 types นี้ดู จนได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า cognitive functions จากรายการ "คลองไม่ไหลไข่ไม่มี" เขาอธิบายเกี่ยวกับฟังชั่นต่างๆได้เข้าใจง่าย แบบ อ๋อออ นี่เรานี่น่า สรุปคือ เราเป็น infp ถ้าสนใจศึกษา หรือ อยากหาไทป์ตัวเอง ก็ไปดูรายการนี้ได้นะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์
MBTI กลับมาบูมในโซเชียลช่วงปี2021 คนก็ดูกันเยอะมากนะคะ แต่ส่วนตัวได้กดเข้าไปแล้วยาว80ข้อ เลยไม่ทำ คิดว่าแค่เหมือนเกมทั่วๆไป เล่นกันสนุกๆ จนปีก่อนไปเจอบางองค์กรที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ แนบmbti ตัวเองไปมีผลต่อการเข้าทำงาน เลยคิดว่า มันจริงจังกันขนาดนั้น ต้องแม่นขนาดไหน แล้วคนเรามีแค่16บุคลิกจริงๆหรือเปล่า มันตรงกับเราขนาดนั้นเลยเหรอ ก็หมกมุ่นไปพักใหญ่เพื่อทำความเข้าใจmbti และค้นหาไทป์ตัวเองจริงๆ ทำแบบทดสอบเป็นมาทุกบ้านค่ะ intp infp isfp istp isfj รู้สึกว่าทุกไทป์มีความเป็นเรา แต่อาจจะไม่ทั้งหมด จนศึกษาฟังก์ชั่น เค้าบอกว่าชัวร์กว่า ตอนแรกก็งงๆ ได้infj มา ตรงที่สุดจนไม่สงสัยไทป์ตัวเองอีก แต่เราก็ยังรู้สึกว่า จริงๆแล้วคนเราสามารถเป็นได้ทุกไทป์ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสถานการณ์ ถ้าเป็นภาษาmbti จะเรียกว่าการใช้ฟังก์ชั่นเด่น,ด้อย เราว่าmbti มันแคบ มันเจาะจงมาก แต่คำว่าจิตวิทยามันกว้างกว่า ทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้ ทุกคนเหมือนกัน ไม่ได้แบ่งเป็นกลุ่มคนแบบmbti บางคนศึกษาไปในแง่บวก เพื่อเข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้น(บางสายงานmbti เลยเป็นที่ยอมรับ เพื่อทำให้ร่วมงานกันง่ายขึ้นเมื่อรู้วิธีเข้าหากัน แต่ใช่ว่าคนไทป์เดียวกันจะเหมือนกัน)และกันบางคนใช้เพื่อจำกัดศักยภาพตัวเอง มีคนบอกว่าบุคลิกเปลี่ยนกันไม่ได้ infj ก็จะinfj ตลอดไป อันนี้จำกัดศักยภาพละ แต่เราว่าคนเราเปลี่ยนกันได้ ไม่ควรไปหมกมุ่นเยอะ
เราเป็นคนเจน Y ที่ชอบ ทำแบบทดสอบ MBTI มากค่ะ 3 ปีที่แล้ว เทสครั้งแรกได้ INFJ ปลายปีที่แล้ว ก็ INFJ และล่าสุดเมื่อครู่ก็ยังเป็น INFJ ทำหลายเว็บด้วยนะคะ เหมือนกันหมดเลย ส่วนตัวคิดว่าตรงค่ะ
ทำแล้วเปลี่ยนไปมาเรื่อยๆค่ะ คิดว่าตัวเองเป็นคนกลางๆ หรือมีนิสัยไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมตอนนั้น ค่อนข้างหงุดหงุดเพราะเวลามีคนถามจะตอบไม่ถูก คุยกับเพื่อนไม่สนุก😅ไม่สามารถวิเคราะห์อะไรต่อได้เลย สำหรับตัวเองที่เป็นคนGenYต้นๆนั้น testนี้มันก็สนุกที่ได้รู้ของตัวเองและคนอื่น ได้คิดต่อ พูดคุยกันต่อ เรื่องนิสัยแบบนี้ทำแบบนี้เพราะอะไร😂
ไม่รู้ไม่ิยากดูให้จบเลย มีคอนเท้นบ้งๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะมาก ทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันไป จากการเข้าใจผิดสับสนมึนงงอยู่แล้ว อินฟลูเอามาเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ และน่าสนใจ ทำให้งงไปอีก
INFP is known as Fi Ne Si Te. Personally, i quite disagree that the majority of people is actaully INFP even though you've got the INFP result, it doesn't mean you're Fi users in the classic Jungian's theory that's deeper than any classic stereotypes such as INFP is sensitive, kind, soft spoken brabrabra.
It's a surface about Infp Infp is Infp don't same every peraon but similar because we're infp 555555
ส่วนตัวที่สนใจ MBTI มากๆเพราะอยากรู้จักตัวเองเยอะๆค่ะ
อยากให้ collab กับช่อง ilovetoday ครับ ช่องนั้นค่อนข้างให้ข้อมูลละเอียดน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่พึ่งเริ่มศึกษา
เคยไป workshop cognitive function ได้ประโยชน์มากเลยค่ะในการพัฒนาตนเอง เราไม่เคยเอามานิยามตนเองเลย แล้วก็ extrovert กับ introvert ก็ไม่ใช่แบบที่ในเน็ตนิยามกันเลย
ผมละคนนึงที่ใช้ MBTI กับ Enneagram ผสมศาสตร์จิตวิทยามาคลายปมชีวิตตัวเองและพัฒนาตัวเอง มันทำให้รู้ว่า Drive เรากับ Natural เราทำงานยังไง จะได้ไม่ต้องไปฝืนวิ่งตามสังคมจนใจพังไปป่าวๆ
ISFJ ตอนเด็ก ตอนนี้ ISTJ รึเปล่า งงๆ แต่รุ้สึกว่ารู้ไว้ก็ดี ว่าเราจะพัฒนาตรงไหน และตรงเปล่า ? แต่ไม่ได้มองว่าจะกำหนดทุกอย่างในชีวิต
จริงๆ แล้ว MBTI ไม่ได้ซับซ้อน มันผิวเผินมากๆ เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งของวัยรุ่นที่พยายามหา คำนิยาม คำจัดความตัวเอง เพื่อให้คนอื่นยอมรับมากกว่า
ชีวิตคนเราปัจจัยสภาพแวดล้อมรอบตัวสำคัญกว่า Personality พวกนี้อีก เกิดมาจากไหน ครอบครัว สังคมที่โตมาหล่อหลอมเราอย่างไร ให้ 80-90% เลย
อยากเป็นคนเก่งด้านไหนก็เอาตัวเองไปอยู่สังคมด้านนั้น
ถ้าเอานิสัยที่ได้ไปตีกรอบให้ตัวเอง ไม่พัฒนาตัวเอง แถมยังเอาไปตัดสินนิสัยคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักกันอีก นี้สิน่าเป็นห่วง
เราว่า mbti มันเป็นแค่บุคลิกของตัวคนนั้นแค่ส่วนเดียว ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเอาจริงมันมีอะไรหลายๆอย่างมากที่จะหล่อหลอมให้กลายเป็นคนหนึ่งคน mbti ก็บอกได้โดยคร่าวว่า คนไทป์นี้เป็นแบบนี้ บางอย่างในตัวเองอาจจะมีความเป็นแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไทป์นี้จะต้องเป็นแบบนี้เป๊ะๆ บางทีตอนทำอบบทดสอบเราก็อาจจะไม่ได้เข้าใจตัวเองถึงขนาดจะตอบคำถามถูกตามความเป็นจริงของตัวเองเสมอไป ศึกษา รู้เพื่อเข้าใจตัวเองและคนอื่นในเบื้องต้นส่วนหนึ่งได้ค่ะ แต่ว่าอย่าหมกหมุ่นจนไปตัดสินเขา( อย่างเช่น คุณเป็นinfp ต้องเป็นพวกเซนซิทีฟ ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุแน่ๆ ซึ่งในความจริงอาจจะมีบ้างที่ตัดสินใจตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้จักการใช้เหตุผลตามหลักความจริงเสมอไป เจาอาจจะได้รับปสก. ทักษะใช้การใช้ส่วนนี้มีก็ได้) หรือยึดติดว่าคนนี้เป็นmbtiนี้ก็ต้องเป็นคนแบบนี้ ทำไมเขาไม่ใช่ คือแบบ ใจเย็นก๊อนน ขนาดจะอธิบายรูปลักษณ์คนยังต้องมีองค์ประกอบหลายๆๆอย่าง ทรงผมอะไร สีไร ตาเป็นไง หุ่นไง ชอบแต่งตัวยังไงเลย หรือmbtiเดียวกัน แต่enneagramต่าง ก็ยังดูต่างกันเลย (อย่างคนรู้จักเราเป็น F แต่ความคิดการกระทำเหมือนคนตัว T มาก) อย่าไปซีเรียสว่าได้อะไรแล้วตีกรอบตัวเองหรือคนอื่นต้องเป็นแบบนี้เท่านี้แค่นั้นก็พอค่ะ ศึกษาเอาสักบางส่วนไปเข้าใจคนก็พอ
Te คือการรับข้อมูลจากภายนอกมีแหล่งอ้างอิงคน้ขาพูดมา หรือไปอ่านมา มันต่างกันยังไง อาความชอบที่ต่างกัน ปัญหาเฉพาะหน้าให้แก้ไขต่างกันเลยเอาข้อมูลมาต่างกัน นี่อะความซับซ้อนของคน ต่อมา Si คือความรู้สึกที่เกี่ยวกับประสบการณ์ ร้านอาหารร้านนีเไม่อร่อย ประสบการณ์นี้ดีชอบอยากทำต่อ บางอย่างไม่ดีจนไม่อยากทำเอาประสบการณ์มาเกี่ยวในการแก้ไขตัดสินเฉพาะหน้า ประสบการณ์คนก็ต่างกันอีก ความชอบก็ต่างกันอีก นี่ขอยกตัวอย่างแค่ 2 ฟังก์ชั่นนี้พอ
คนที่เป็น sensing type ไม่ต้องรู้ mbti ก็ได้นะ ก็ใช้ชีวิตตามสังคมโลกไป จอยๆ แต่ชาว intuitive type ส่วนตัวคิดว่า mbti สำคัญมาก เพราะจะคิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่น การค้นหาตัวเองมันสำคัญมาก
เป็นอีกคนที่รอ MBTI ในคลิปที่ขาดครับ ไม่มี ESFJ เลย เสียใจมากกกๆๆๆครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทำให้ครับ 16 MBTI นะครับ จะรอฟังครับ แงงง
ความซับซ้อนในความเป็นคน บางคนอยากรู้ที่มาก่อนเวลาคนบอกกล่าวอะไร ขอแหล่งอ้างอิง คนที่เห็นความเป็นไปได้และมีสิ่งใหม่ๆ มาบอกหรือเคยมีประสบการณ์เลยถูกขัดแย้ง คนที่มองโลกตามความเป็นจริง จะงงว่าคนที่เห็นความเป็นไปได้ในสิ่งต่างๆ เป็นอะไรหรือเปล่า เข้าไม่ถึง คนที่ชอบใช้ประสาทสัมผัส และคนที่อยากจะศึกษามันมากกว่าจะเข้าไปสัมผัสประสบการณ์โดยตรง นี่อะความแตกต่าง ใช้สมองหน่อย ไปอ่าน อย่าดีแต่ทำเทส ก่อนจะพูดถึงสิ่งไหนิยากให้รู้ให้จริง
นี่มันทำให้เกิดการบีบบังคับกันให้ทำ ให้คิด ในสิ่งที่ต่างกัน ไม่ได้รับการยอมรับกัน ทั้งที่บางคนไม่ได้ผิดอะไร แค่กระบวรการรับรู้ความติดการให้ความสำคัญ การจัดการกับเหตุการณ์สถานการณ์เขาต่างไปแค่นั้น ในระบบการศึกษาที่เลวทรามในปัจจุบันไม่เคารพความหลากหลายก็มีแต่ เปรียบคนเป็นปลา จับมาให้อยู่บนบก คนมันเป็นปลาได้เหรอ ถ้าจะพูดถึงความแตกต่างหลากหลาย Mbti นี่แหละ
อาหนูถามว่า "หนูเป็นคนกินยากหรอ" ละหนูไม่รู้เลยว่านี่เป็น personality มั้ยยย แบบตัวหนูเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกินยากมั้ย นี่ก็กินได้หมายอย่างมาก มันบวกกับช่วงนั้นอยากกินมั้ยอาหารน่ากินมั้ย อยากถามหลายๆคนที่มาอ่านเม้น เรื่องกินยาก มันเป็นนิสัยมั้ยคะ แล้วมันยากตรงไหนมันมีอะไรกำหนดมั้ยว่ายากไม่ยาก ตอนแรกที่เขาถามหนูก็เอ้ะว่าคือต้องตอบยังไง T^T
ถ้าเทียบแบบสุดโต่งหน่อย ก็คงต้องเทียบกับทหาร หรือไม่ก็นักบินอวกาศเหละ ถ้าต้องอยู่แบบเลือกกินไม่ได้ มีอะไรให้กินก็ต้องกิน จะอยู่ได้มั้ย พี่ชายเราเป็นคนกินง่าย ก็คือ เขาก็ไปทำงานบนเรือได้ เพราะทำงานบนเรือ ก็มีอาหารจำกัด มีอะไรให้กินก็ต้องกิน และต้องกินให้อิ่ม เพื่อทำงาน และแน่นอน นิสัยมันเปลี่ยนได้ ถ้าต้องไปอยู่แบบนั้นจริงๆ สัก 4-5ปี ถ้าไม่เป็นอะไรไปซะก่อน เราก็คงกลายเป็นคนกินง่ายได้เองเหละ😂😂😂
INFJ เค้าบอกเป็นไทป์ที่หายาก.. แต่พบเจอบ่อยมาก มีจำนวนน้อย แต่ดันดูโดดเด่น ก็เลยทำให้ได้เห็นบ่อยๆ เป็นคนย้อนแย้งนะ และเป็น Introvert ที่พูดเก่งมากเลยค่ะ😂 งง
ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้แปลก เราแค่ infj 555555 แล้วพอเข้าไปเจอมนุษย์ infj ตามกรุ๊ปคอนเทนท์ต่างๆ ก็เหมือนเป็นกลุ่มต่างดาวมารวมตัว
ISFJ มีเยอะมากและใกล้เคียงกับ INFJ จริง ๆ INFJ มีน้อยกว่าที่เห็นในโลกออนไลน์ ISFJ ปนอยู่ แฝงตัวอยู่ในหมู่ INFJ ปาไป 60-70% แล้ว เพราะไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเป็นไทป์หาง่าย ไม่แตกต่าง ส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่เพราะเขาถูกสื่อหนังละครปลูกฝังมาแบบนั้นว่าต้องแตกต่าง และต้องเป็นคนสำคัญ จนโดนจิตใต้สำนึกหลอก
If you were to ask me how I describe myself. I’d rather tell you 3 adjectives words. I found that is the best way to show my personality. The words that pop up usually be the ones that imply to my current self. And it’s even more fun if you ask others people to give you 3 adjective words.
เป็นหัวข้อที่ดีมาก ขอบคุณค่ะะะ เลิฟฟฟ
จาก 22:22 ขอลิ้งก์อธิบายคำถามแบบทดสอบ mbti ค่ะ อยู่อีพีไหนคะ ขอบคุณค่า
หาเหมือนกันเลยค่ะ ยังหาไม่เจอเลย
Se ให้ความสำคัญกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 การรับรู้ของเขาคือข้อมูลโดยตรงเลย ใครพูดมายังไง ก็จะผ่านการกรองน้อย ไม่อยากคิดมาก พวกนี้สนใจจะลงมือทำอะไรโดยตรง สั้นๆ ได้ผลลัพธ์เร็วๆ คนพวกนี้ก็ซับซ้อนยังไง ความชอบที่ต่าง ผช เตะบอลได้ดี ผญ บาวคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะเล่นเกมส์ บางคนใช้สิ่งนี้ในการรับข้อมูลโดยตรงได้ดีนี่ ในการเรียนไม่แรับเปลี่ยนมีอัคติกับข้อมูลมีการทำความเข้าใจข้อมูลตรงๆ จนเรียนดี นี่อะความซับซ้อนที่อธิบายได้
ชอบเสียงหัวเราะพี่วีร์ น่ารักดี
ทำอีกนะคะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ย้อยหลายๆepเลย😊
MBTI มีประโยชนไหม มีแน่นอน แต่อย่าอินเกิน (หรือแม้กระทั่ง Big 5 ที่จริงๆปัจจุบันรู้กันว่าตรงกว่า MBTI ก็ตาม ก็ไม่ควรคลั่งขนาดนั้น)
I've repeated the test and had different results, but at the different times. I think it depends on the mood at the time.
อยากให้มีตอนเกี่ยวกับ ESFP ครับ
MBTI อยากมีกลุ่มอยากมีตัวตนหรือเปล่า
Would it be possible for you to write an English caption
รู้ แต่เปลี่ยนทุกครั้งที่ทำเทส ดั้งนั้นคนเราเปลี่ยนตลอดเวลา
ขอ attachment theory ค่า
เราก็ไม่ชอบนะ เรารู้ตัวเราเองดีที่สุดอ่ะ ไม่ชอบถูกจำกักด้วย4 พยางค์ มันแปลก
เป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นแล้วเพื่อนแย้งว่า ตัวเองพร้อมแล้วเหรอ_เราก็พยายามหาเหตุผลโต้เขานะอย่างคนที่ป่วยเป็นมะเร็งเขายังออกรายการว่าสู้ๆ นะคะ😢_แล้วเราก็หาแบบทดสอบเจออะไรก็ทำหรือบทความก็อ่านแนวจิตวิทยา_แต่สุดท้ายเราก็อ่านเจอนะว่ามันก็มีคนแบบที่ไม่พร้อมแต่ยังช่วยเหลือคนอื่นได้และเป็นเรื่องปกติ[ชอบให้คำแนะนำคนอื่นทั้งๆ ที่เราเองก็ต้องการ😅เหมือนกัน] INFJ นานแล้วจำไม่ได้แล้ว😅มีโอกาสจะทดสอบอีกครั้ง
นี่ว่ารู้ไว้เล่นๆก็ได้ แต่ถึงขั้นหมกหมุนนี่ไม่ไหว
เราว่ามันก็ควรหมกหมุ่นนะ มันเป็นอะไรที่ควรโต้เถียงอะแบบเพราะทุกวันนี้ยังมีคนเข้าใจว่ามันคือนิสัยอยู่เลย เรียกให้ถูกจริงๆเราว่าใช้คำว่ากระบวนการคิดทางสมองมากกว่า พอคนไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ก็จะคิดว่าไทป์นี้ต้องเป็นแบบนี้นะไรงี้ ซึ่งมันจะทำให้เกิดความเบียวขึ้น และคนอื่นๆที่มามองก็จะคิดว่าเรื่องพวกนี้แม่งมันก็ไม่ใช่ทั้งหมดรึเปล่าวะ เพราะแน่นอนว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดอยู่แล้ว ถ้าคนที่เข้าใจก็จะพอรู้ประโยชน์ของมันเอง ถ้าคนที่รู้จริงจะรู้ว่ามันไม่ได้ strict ขนาดนั้น เพราะคนศึกษาเรื่องพวกนี้แบบจริงจังจะรู้สาเหตุอื่นๆด้วยอยู่แล้ว สต.คิดว่ามันสามารถอธิบายได้เชิง process
ฟังจบ ไปทำเล่นได้INFJ-Aเป็นผู้สนับสนุน แต่ เหมือนไม่ตรงกับสิ่งเราที่ ติ๊กๆๆ
555 เหมาะกับคนมีเวลา ทำนะครับ
ใช้เวลาพอสมควรเลยครับ ^^
INFJ
จริง เลอะเทอะมาก
Ti ตรรกะภายใน พวกนี้จะไม่ค่อยเชื่ออะไร หรือตัดสินอะไรไปก่อนพยายามมองโลกให้เป็นกลาง ถ้ายังไม่ได้หาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่บางทีก็ตัดสินใจอะไรไปเลยเพียงแค่ข้อมูลที่มี เพราะมันจะมองให้เป็นกลางตามข้อมูลที่มันมีอยู่ นี่อะ สิ่งที่ทำให้คนซับซ้อนคืออ่ะไร ความชอบ แค่นั้น อันนี้มันคือกระบวรการรับรู้และตัดสินฝจ