ฟังจบย่อมเข้าใจ ครั้นหมดวาสนา เมียเคยรัก เพื่อนพ้อง มิตรสหาย กำหนดเวลาจากไว้แล้ว ใครอวดดีให้แกล้งโง่
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 7 ก.พ. 2025
- ท่านผู้ฟังสามารถให้การสนับสนุนช่องของเรา เพื่อให้ได้ผลิตเนื้อหาสาระดีๆแบบนี้ต่อไปได้โดยการสมัคสมาชิกของช่องของเรา ที่ปุ่มสมัครข้างปุ่มติดตาม หรือตามลิ้งค์นี้ได้เลย / @อานนท์เล่าเรื่อง
เรื่องเล่าประสบการณ์แปลกๆ เร้นลับน่ากลัว หรือเรื่องของเวรกรรมที่ประสบพบเจอมาด้วยตนเองหรือของคนรอบข้างหรือได้ยินได้ฟังมา มาบรรยายถ่ายทอดให้ได้รับฟังกัน ทั้งเพื่อความบันเทิง และเป็นคติเตือนใจ ให้ผู้คนเกรงกลัวละเว้นจากบาปกรรม ต่อไป ด้วยความเครพอย่างสูงยิ่ง กระผม อานนท์
เครดิต เพลงประกอบ outro : The Evening of Departure โดย Twin Musicom ได้รับอนุญาตภายใต้ ใบอนุญาต Creative Commons Attribution (creativecommon...)
ศิลปิน: www.twinmusicom...
#อานนท์เล่าเรื่อง #สาระความรู้ #คติธรรมสอนใจ
#สำหรับผู้ไม่สะดวกรับฟังด้วยเสียง
#ต่อหน้าคนอวดดีให้แกล้งโง่
สมัยก่อน มีแม่ทัพคนหนึ่งเล่นหมากล้อมเก่งมาก ไม่ค่อยมีคนเล่นชนะได้วันหนึ่ง แม่ทัพออกรบ
ผ่านห มู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นบ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง มีป้ายติดว่า “เล่นหมากล้อมอันดับ 1 ของประเทศ”
แม่ทัพไม่เชื่อ จึงเข้าไปหาเจ้าของบ้านและเล่นด้วย ปรากฎว่า เจ้าของบ้านแพ้ทั้ง 3 กระดานแม่ทัพหัวเราะอย่ างพอใจ
แล้วบอกว่า “แกเอาป้ายลงได้แล้ว” แล้วแม่ทัพก็ไปออกรบด้วยความดีใจ
ไม่นาน แม่ทัพรบชนะกลับมา ผ่านมาที่เดิม ก็ยังเห็นป้ายแขวนอยู่ที่บ้านหลังเดิ
“ครั้งก่อนท่านมีภารกิจออกรบ ข้าน้อยจะไปลบเหลี่ยมทำให้ท่านหมดขวัญกำลังใจไม่ได้
แต่ครั้งนี้ท่านชนะกลับมา ข้าน้อยก็ไม่ต้องออมมือแล้วครับ”
คนที่เก่งจริงในโลกนี้ คือคนชนะได้ แต่ไม่จำเป็นต้องชนะ มีใจกว้างขวางพอที่จะให้
การใช้ชีวิตก็เหมือนกัน.. รู้ ไม่จำเป็นต้องพูด, ไม่พูด ใช่ว่าจะไม่รู้หากคุณพูดในสิ่งที่คุณรู้
ม แม่ทัพจึงเข้าไปหาเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านจึงขอท้าดวลกับแม่ทัพอีก
ปรากฎว่าครั้งนี้ แม่ทัพแพ้ทั้ง 3 กระดาน แม่ทัพประหลาดใจมาก ถามเจ้าของบ้านว่าเพราะอะไรเจ้าของบ้านตอบว่า
“ครั้งก่อนท่านมีภารกิจออกรบ ข้าน้อยจะไปลบเหลี่ยมทำให้ท่านหมดขวัญกำลังใจไม่ได้
แต่ครั้งนี้ท่านชนะกลับมา ข้าน้อยก็ไม่ต้องออมมือแล้วครับ”
คนที่เก่งจริงในโลกนี้ คือคนชนะได้ แต่ไม่จำเป็นต้องชนะ มีใจกว้างขวางพอที่จะให้
การใช้ชีวิตก็เหมือนกัน.. รู้ ไม่จำเป็นต้องพูด, ไม่พูด ใช่ว่าจะไม่รู้หากคุณพูดในสิ่งที่คุณรู้
แต่เป็นเรื่องที่เจ้าของเรื่องไม่อย ากให้รู้ หรือไม่คิดว่าคนอื่นจะรู้ คุณไม่ได้มิตร แต่ได้ศั ต รู
อาจจะโกรธคุณอีกต่างหากที่ดันมารู้ความจริงที่บอกให้คุณพูดความจริงคนทุกคนบอกว่ารับความจริงได้ ต้องการให้คุณพูดความจริง แต่พอคุณพูดแล้วใช่ว่าจะรับได้ทุกคน
เขาแค่ต้องการจะรู้ว่าคุณรู้เท่าไหน แต่ไม่ได้หมายความว่ารับความจริงได้เมื่อรู้ว่าคุณรู้เยอะมาก
เยอะกว่าที่เขาคาดไว้ เขาย่อมโกรธคุณ เพราะคุณรู้ทัน
#ต่อให้รักกันมาก เมื่อหมดบุญวาสนาต่อกันแล้ว สุดท้ายก็ต้องจากกันไป
เมื่อช่วงชีวิตหนึ่งเราอาจจะได้เจอคนรักที่ดีกับเราทุกอย่ าง แต่ด้วยบุญวาสนาที่เราไม่ได้เกิดมาคู่กัน เมื่อหมดบุญวาสนาที่มีต่อกัน สุดท้ายเราก็ต้องเดินจากกันไปอยู่ดี วันนี้เรามีเรื่องมาเตือนใจ คนที่ยังมีความรักที่ดีหมั่นสร้างบุญร่วมกันให้มากๆ
บางทีความรักก็เหมือนกับการชดใช้ก ร ร มร่วมกัน เพราะใช่ว่าความรักนั้นจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางคู่แรกๆก็รักกันดี แต่พอมีปัญหาก็กลา ยเป็นไม่ถูกชะต ากัน
กลา ยเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกันไปซะอย่ างนั้น ทั้งๆที่เคยรักกัน เพราะเมื่อถึงเวลา บางครั้งคนเราก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี ต่อให้รู้สึกว่าไม่อย ากจาก แต่ถ้าความรู้สึกมันไม่ได้ ทุกอย่ างมีแต่ทางตันไปไหนต่อไม่ได้ ก็ต้องยอมรับมันอยู่ดี ให้คิดเสียเวลาการเลิกราจากกันไปนั้น เหมือนเป็นการ หมดเ ว รหมดก ร ร มต่อกัน จะได้ไม่ต้องผูกพันกันต่อ หรือต้องมามีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป
บางคู่ในช่วงเวลาที่ยังรักกันนั้นมักจะมีแต่ปัญหา แทนที่จะมีความสุข แต่กลับมีแต่ความทุ ก ข์ เรียกว่าเป็นความรักที่มีแต่ก ร ร มร่วมกัน เพราะฉะนั้นหากคนเราหมดเ ว รหมดก ร ร มต่อกัน
สุดท้ายยังไงก็ต้องเลิกรากันไปอยู่ดี อาจเพราะหลา ยอย่ าง ที่มาเป็นส่วนเสริม เช่นความไม่เข้าใจกัน การนอ กใจ หรือทะเลาะหรือเข้ากันไม่ได้
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสาเหตุให้คู่รักหลา ยๆคู่เลิกกันไป และสุดท้ายก็แยกย้ายกันไปต ามทางใครทางมัน เหมือนเป็นการจบสิ้นเ ว รก ร ร มที่มีต่อกันในชาตินี้
ว่ากันว่า ที่คนเราได้เจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะบุญก ร ร ม ที่เราได้ทำร่วมกัน มาแต่ชาติก่อน แต่มีเหตุที่ต้องทำให้พรากจากกัน ก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
เตือนสติได้ดีมาก หากสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกันอยู่ดี มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกัน มาก คบกัน มา 3 ปี ตกลงจะแต่งงานกัน กำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะได้แต่งงาน
ต่อมาไม่นาน ฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่ างกะทันหัน และฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับ
เขาทั้งงงและเสียใจมาก เอาแต่ร้องไห้ ไม่กินไม่นอน ต่อมาก็ป่ ว ยหนักเพราะตรอมใจ
เวลาผ่านไป ฝ่ายชายอาการทรุดลงเรื่อย ๆ ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้นเลย ต่อมา.. มีหลวงต ารูปหนึ่งผ่าน มา เมื่อมาถึง หลวงต าหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของชายคนนั้น แล้วมองเข้าไปในบ้าน แล้วจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออ กมาเปิดประตูพบว่าเป็นพระ จึงพูดว่า ‘ไม่ทำบุญ นิมนต์ข้างหน้า’ หลวงต า ยิ้มอย่ างมีเมตต า และพูดว่า ‘อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาตหรอ ก ในบ้านมีคนป่ ว ยใช่ไหม อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย อาจจะพอช่วยได้นะ’ เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้ง แต่ก็บอ กว่า เดี๋ยวต้องไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้าน ถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่ างตัดรำคาญว่า ‘อย ากเข้ามา ก็ให้เข้ามา’
เมื่อหลวงต าเข้าไปที่ห้องนอนจึงพบว่า ชายเจ้าของบ้าน นอนอย่ างหมดอาลัยต า ย อย ากอยู่ สีหน้าซีดเซียว ร่างกายก็ซูบผอม ประหนึ่งครึ่งคนครึ่ง ศ พ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงต า พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้าง ๆ เตียงของชายผู้นั้น หลวงต า ยิ้มและพูดว่า ‘อาการหนักเลยนะ’ ชายคนนั้นก็เงียบ ไม่สนใจในสิ่งที่หลวงต าพูด หลวงต าตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า ‘โทรมมากเลยนะ’ ชายคนนั้นก็ยังไม่สนใจ
หลวงต าบอ กว่า ‘ไม่เชื่อ ก็มองที่กระจกสิ’ ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่หางต าก็แลไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็นภาพของคนรักในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อย ๆ จางห า ยไป กลา ยเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล ที่แห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่าน มา ขณะที่ชายคนที่ป่ ว ยมองภาพในกระจกด้วยความสนใจ จึงพบว่า มีศ พหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่าน มา เขามองเห็นศ พหญิงคนนั้น ด้วยความรังเกียจ จึงเดินผ่านไปอย่ างรวดเร็ว ต่อมาพักใหญ่ มีชายอีกคนเดินผ่าน มา เขามองเห็นศ พ เขาสงสารจึงถอ ดเสื้อนอ กออ กมาคลุมร่างของหญิงคนนั้นให้ และเดินจากไป
พักใหญ่ ๆ อีกเช่นเคย มีชายอีกคนเดินผ่าน มา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่จึงเปิดดู เมื่อพบว่า เป็นศ พ ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้างของเขา ค่อย ๆ กอบทรายขึ้น มา เขาทำแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควรจึงได้ฝังศ พผู้หญิงคนนั้นและจากไป
จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศ พหญิงคนนั้น และค่อย ๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงอดีตคนรักของเขา
เขาได้เห็นก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง กระจกก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2 แล้วก็ค่อย ๆ จางห า ยไป เหลือแต่เงาของตนเองในกระจก ขณะนั้นหลวงต าพูดว่า
‘ทีนี้เข้าใจหรือยัง ศ พนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝั ง ศ พเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยได้แต่งงานกับเขา
ส่วนโยมช่วยคลุมศ พเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้พอครบสามปี วาสนาสิ้นแล้ว ก็ต้องจากกัน’ เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือ ดออ กมา เด็กรับใช้ก็ตกใจ
หลวงต า ยิ้มแล้วพูดว่า ‘โยมรอ ดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือ ดเอาเลือ ดเสียออ กมาแล้วนะ’ ต่อมาไม่นาน ชายคนนั้นได้ออ กบวช และติดต ามหลวงต ารูปนั้นในที่สุด
‘เพราะคนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ, แม่, พี่, น้อง, ญาติ, เพื่อน, คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย เมื่อมีวาสนาไม่ต้องเรียกร้องใด ๆ
ถึงเวลาก็มาเจอกัน แต่หากสิ้นวาสนา คงต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่’ ในตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน คุณทำดีต่อคนรอบข้างของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืน มาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้เถิด เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันตอนไหนครับ
#ยิ่งใส่ใจมากขึ้นเท่าไร ยิ่งเหนื่อยใจมากเท่านั้น ยิ่งปล่อยไปต ามเวลายิ่งเป็นสุขมากกว่า
ทุกวันนี้ยิ่งมีคนทำอะไรให้ไม่พอใจ เราต้องยิ่งปล่อยผ่ านไปเพื่อที่เราจะต้องไม่ทุกข์ใจ หรือเหนื่อยกับเรื่องนั้น วันนี้เราก็มีข้อคิด
ยิ่งใส่ใจมากขึ้นเท่าไร ยิ่งเหนื่อยใจมากเท่านั้น ยิ่งปล่อยไปตามเวลายิ่งเป็นสุขมากกว่า ไปดูว่าจะต้องมีวิธีการรับมือกับคนที่ชอบสร้างความลำคาญให้เราอย่ างไร
คนเรานั้นถ้าไปยึดติดกับอะไรที่ทำให้ใจเราเป็นทุ ก ข์ ชีวิตของเราก็จะมีแต่ความทุกข์และความเสียใจ สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือ ‘การปล่อยวาง’ เราควรที่จะรู้จักการปล่อยวางบ้าง ไม่ใช่ยึดติด
กับทุกสิ่งทุกอย่ างในชีวิตของเราไปเสียหมด เพราะเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องปล่อยมันผ่ านไป จะเก็บเอามาคิดหมดบางทีมันก็ไม่ไหวหรอกนะครับ อะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุข อะไรที่ทำให้เราทุกข์
เราก็ต้องปล่อยมันไป อย่ าไปคิดถึงมัน แล้วเราจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น คนหล า ยคนมัวแต่ไปยึดติดกับสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจ หรือมีความทุกข์ นั่นจึงทำให้ชีวิตของพวกเขา จึงมีแต่ความทุกข์ หาความสุขแทบไม่เจอ
ลองปล่อยวางเรื่องแย่ๆในชีวิตของเราไปบ้าง บางทีอาจจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ ที่สุดแล้วสุขหรือทุกข์มันอยู่ที่เราเลือ กเองทั้งนั้น ไม่มีใครมากำหนดให้เราได้เองหรอ กนะ
ในการใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนในสังคม มักมีคนที่ทำให้เธอโกรธ เก ลียด เศร้า อิจฉา หรือ ต้องกัดฟันทน เขาเหล่านี้ไม่ได้เ ล ว ร้ า ยหรอ ก แต่เป็นเพราะเราใส่ใจเขาจนเกินไป จึงเห็นทุกอากัปกิริยา
ทุก ๆ อย่ างของเขา
ลองดูคนที่เราไม่ใส่ใจดูสิครับ เวลาเขาทำอะไร เราเคยสังเกตเห็นหรือใส่ใจไหม…. คำตอบคือ…. ไม่ หากอย ากสบายใจ ใช้ชีวิตให้มันสงบสุขมากขึ้น เธอต้องเรียนรู้ที่จะไม่ใส่ใจจนเกินไป
ไม่ใส่ใจ…. คนคนนั้นก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ไม่ใส่ใจ…. เรื่องกวนใจเรื่องนั้น ก็ทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัวไม่ได้ ลองฝึกไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ กับกาย และ ใจของเราดูนะ
ครับ
เรื่องไม่สบายใจก็จะสลายหายไปในทันที ขอฝากเอาไว้ว่าความแข็งแรงของมือ วัดกันที่ ความสามารถในการยึดจับ ความเข้มแข็งของใจ วัดกันที่ ความสามารถในการปล่อยวางครับ
#ขอให้ได้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม คุณพระรักษาเทวดาคุ้มครอง ขอให้มีความเจริญในธรรม ทุกท่าน ทุกคนครับ
สวัสดีมีสุขทุกๆยามค่ะคุณอานนท์สดชื่นสดใสกายใจเป็นสุขค่ะ..กราบ.🙏🙏🙏อนุโมทามิ.🪂🪂🪂
สาธุสาธุคะขอบพระคุณนะคะคุณอานนท์
สาธๆๆค่ะ
กราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะท่านอานนท์
น้อมสวัสดีครับอาจารย์ น้อมเคารพอาจารย์ครับ สาธุสารธรรมคติเตือนใจ พร้อมกันนี้ผมขออนุญาตนำคลิปนี้ไปเผยแผ่ต่อคนรับ ขอขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับผม
🌹🙏😍ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุในธรรมครับ
🙏สวัสดีค่ะคุณอานนท์เล่าเรื่อง
พร้อมทีมงานนะค่ะ ขอขอบคุณข้อคิดข้อธรรมด้วยค่ะ สาธุค่ะ (๐๙.๐๔ น./๓๑ ม.ค.๖๘)
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุครับคุณอานนท์❤❤❤❤❤
จริงครับผมปว่ยติดเตียงเขาไปมีผัวใหม่จริงครับหมดเวรหมดกรรม
เชื่อค่ะเมื่อหมดบุญหมดกรรมก็ต้องจากกันดั่งเช่นเราในขณะนี้แต่ก็โชคดีกว่าอีกหลายคนที่มีโอกาสได้ร่ำลาและอโหสิกรรมต่อกันได้สวดมนต์ให้เขาฟังสาธุสาธุสาธุค่ะ