ปิดทองหลังพระ (2482)
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 28 ม.ค. 2020
- ปี พ.ศ. ๒๔๘๐ เมื่อกลุ่มคนหนุ่มซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนอก นำโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล, พจน์ สารสิน และ ประสาท สุขุม ช่างถ่ายภาพยนตร์ไทยคนแรกที่ไปเรียนถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฮอลลีวูด และเป็นสมาชิกสมาคมช่างถ่ายภาพยนตร์อเมริกัน (American Society of Cinematographer - A.S.C.) ได้รวมตัวกันก่อตั้ง บริษัท ภาพยนตร์ไทย จำกัด และสร้างโรงถ่าย “ไทยฟิล์ม” โรงถ่ายภาพยนตร์เสียงมาตรฐานสากลแห่งที่สองของประเทศ ที่บริเวณทุ่งมหาเมฆ พวกเขาได้กลายมาเป็นคู่แข่งในการผลิตภาพยนตร์ ๓๕ มม. เสียงในฟิล์มรายสำคัญของโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุง ซึ่งเปิดดำเนินการเป็นรายแรก ในขณะที่ภาพยนตร์ของผู้สร้างรายอื่น ๆ ล้วนไม่ได้บันทึกเสียงในฟิล์ม แต่ใช้นักพากย์มาพากย์สดขณะฉาย
โรงถ่ายไทยฟิล์มเริ่มผลิตภาพยนตร์เสียงออกฉายตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๑ โดยมีผลงานมากถึง ๓ เรื่องในปีแรก ได้แก่ ถ่านไฟเก่า แม่สื่อสาว และ วันเพ็ญ ก่อนจะเงียบหายไปเกือบ ๑ ปี และกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๔๘๓ (นับแบบปีปฏิทินปัจจุบัน) ด้วยเรื่อง ปิดทองหลังพระ และ ลูกทุ่ง แต่หลังจากนั้น บริษัทภาพยนตร์ไทยได้หมดทุนและจำต้องหยุดกิจการลง อย่างไรก็ตาม โรงถ่ายไทยฟิล์มยังมีบทบาทสำคัญต่อเนื่อง เมื่อ ปรีดี พนมยงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ใช้โรงถ่ายที่ว่างอยู่และบุคลากรของไทยฟิล์มสร้างภาพยนตร์เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก ออกฉายใน พ.ศ. ๒๔๘๔ ต่อมา รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ซื้อกิจการโรงถ่าย ให้กองทัพอากาศดำเนินการภายใต้ชื่อ “กองภาพยนตร์ทหารอากาศ” ทำหน้าที่ผลิตภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อให้รัฐบาล และได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง บ้านไร่นาเรา ออกฉายในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ช่วงที่ประเทศเข้าสู่ภาวะสงครามโลก ครั้งที่ ๒ จากนั้นไม่นาน ได้เกิดเหตุไฟไหม้อาคารแล็บล้างฟิล์มและที่เก็บฟิล์มของโรงถ่าย จนต้องยุติการดำเนินงาน ส่งผลให้ฟิล์มต้นฉบับภาพยนตร์ของไทยฟิล์มและกองภาพยนตร์ทหารอากาศสูญเสียไปหมดสิ้น
ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ หอภาพยนตร์ได้ค้นพบฟิล์มสำเนาฉายของภาพยนตร์จากโรงถ่ายไทยฟิล์ม เรื่อง ปิดทองหลังพระ จำนวน ๑ ม้วน ความยาวประมาณ ๑,๐๐๐ ฟุต ปะปนอยู่กับเศษฟิล์มอื่น ๆ ในโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อตรวจสอบกับเรื่องย่อในสูจิบัตรของภาพยนตร์ พบว่าเป็นม้วนที่อยู่ในช่วงท้ายเรื่อง ประกอบด้วยสามฉาก ฉากแรกถ่ายนอกโรงถ่าย เป็นฉากสวนอาหารมะริดรมณีย์ ปรากฏให้เห็น ยม ผู้ร้ายของเรื่อง บังคับให้ มะริด เจ้าของสวนเรียกนางเอกคือ วัฒนา ซึ่งยมหมายปองอยู่ มาร้องเพลงบำเรอแก่เขา โดยมีวงดนตรีที่มี เอื้อ สุนทรสนาน เป็นนายวงบรรเลงจนจบเพลง ฉากนี้ตัดสลับกับฉากห้องพักนางบำเรอ ที่วัฒนาผู้มาทำงานใช้หนี้แทนชายคนรัก ใช้เป็นที่นั่งรอแขกเรียกอยู่กับเพื่อนนางบำเรอ และฉากสุดท้ายเป็นฉากในบ้าน ซึ่งมะริดกับ เถ้าแก่ฮั่วหยง คู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน ได้พบกับ อาจารย์สุก หมอดูและสามีเก่าของมะริด ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ทั้ง ๆ ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าเขาตายแล้ว โดยในบรรดานักแสดงตามบทบาทเหล่านี้ มีแค่ อบ บุญติด ผู้รับบท เถ้าแก่ฮั่วหยง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของแฟนภาพยนตร์ยุคหลัง เพราะมีผลงานยืนนานไปจนถึงยุคภาพยนตร์ ๑๖ มม. ซึ่งเริ่มต้นขึ้นหลังสงครามโลก ครั้งที่ ๒
เศษภาพยนตร์เรื่อง ปิดทองหลังพระ เป็นตัวอย่างผลงานประเภทภาพยนตร์เรื่องเพียงเรื่องเดียวของโรงถ่ายไทยฟิล์ม ในยุคบริษัท ภาพยนตร์ไทย จำกัด ที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อนำมาเทียบกับเศษภาพยนตร์เรื่อง เลือดชาวนา ซึ่งเป็นผลงานของโรงถ่ายภาพยนตร์เสียงศรีกรุงที่เหลือรอดมาเพียงเรื่องเดียวเช่นกัน ได้ทำให้เห็นถึงลักษณะภาพยนตร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของสองโรงถ่ายคู่แข่งสำคัญ รวมทั้งยังปรากฏให้เห็นฉากร้องเพลง ซึ่งเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของหนังเสียงไทยในยุคแรก และไม่อาจหาดูได้จากเศษภาพยนตร์ เลือดชาวนา
ความยาวเพียง ๑๐ นาทีของภาพยนตร์เรื่อง ปิดทองหลังพระ ที่ตกทอดมาสู่คนรุ่นหลัง จึงมีคุณค่าทั้งในแง่การเป็นบทบันทึกของโรงถ่ายภาพยนตร์ที่เคยยิ่งใหญ่ และเป็นซากดึกดำบรรพ์ชิ้นสำคัญ ที่ทำให้นักประวัติศาสตร์ภาพยนตร์สามารถปะติดปะต่อภาพรวมในช่วงยุคทองของหนังเสียงไทย จากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่แค่เศษเสี้ยว
ฟิล์ม ๓๕ มม. / ขาวดำ / เสียง / ๑๐.๕๑ นาที
๑๑ มกราคม ๒๔๘๒
ผู้สร้าง บริษัท ภาพยนตร์ไทย จำกัด
บริษัทสร้าง บริษัท ภาพยนตร์ไทย จำกัด
ผู้อำนวยการสร้าง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
ผู้ประพันธ์ พระยาโกมารกุลมนตรี
ผู้กำกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
ผู้ถ่ายภาพ ม.ร.ว. อนุศักดิ์หัสดินทร์, ประสาท สุขุม A.S.C.
ผู้ลำดับภาพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
ผู้กำกับศิลป์ เฉลิม พันธุ์นิล
ผู้บันทึกเสียง น้อย บุนนาค
ผู้ประพันธ์คำร้อง ม.ล. พวงร้อย อภัยวงศ์
วงดนตรี บริษัท ภาพยนตร์ไทย จำกัด
ผู้แสดง ลิขิต สารสนอง, สุภาพ สง่าเมือง, พนม สุทธาศิริ, อบ บุญติด, รวมพันธุ์, ป้าสุ่น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติประจำปี 2562
คุณยายเกิด2468 ปี2482 ท่านอายุ14ปี ให้ท่านดูคลิปนี้ ท่านยิ้มแฉ่งเลย ไม่นึกว่าจะยังมีหลงเหลืออยู่ถึงวันนี้ ท่านเกิดบางลำพู กรุงเทพ แต่ได้สามี อากง ปากน้ำโพ ท่านเล่าเรื่องราว กรุงเทพสมัย 80กว่าปีที่แล้วให้ฟัง ชีวิตช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความสุขทั้งคนเล่าและคนฟัง ปีนี้อายุ96 แต่ความจำยังเยี่ยม มีแต่สังขารที่ถอถอยตามวัฐจักรชีวิต
เหลือจะเชื่อเลยค่ะ สุดยอด
ทุกท่านที่อายุ 20 ปีขึ้นไปในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจากไปแล้วทั้งหมดในปัจจุบัน ขอกราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้ฝากผลงานศิลปะแขนงนี้ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาทั้งในแง่ศิลป์และประวัติศาสตร์ชาติครับ
มีหลายคำพูดหลายสำนวนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีก " ปารถนา ใจสุภาพ บัดนี้ กัน " ชอบมากๆครับ ชื่อคนสมัยก่อนก็ไม่ซับซ้อน " มนูญ สงวน เฉลา ตระหนัก" อยากแต่งกายย้อนยุค เท่ห์ไม่เบา
คำไทยเดิม เต็มประโยคหางเสียงครบเพราะฟริ้ง...สุภาพ ไม่ตัดสั้นห้วนๆอย่างสมัยนี้
โอ้...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด นับว่ามีบุญที่ได้เห็นหนังเรื่องนี้ที่เป็นภาพเคลื่อนไหวของคนสมัยก่อนรุ่นคุณปู่คุณย่ายังหนุ่มสาวเเสดงให้เห็นถึงการเเต่งตัว ภาษาเเละสําเนียงที่ใช้ วัฒนธรรม อาคารบ้านเรือน เครื่องใช้ไม่สอยเเม้เเต่หนังสือพิมพ์สมัยก่อนยุคสงครามโลกจะเกิดไม่กี่เดือน ชีวิตนี้ได้นอนตายตาหลับเเล้ว สาธุ
สมัยนั้น ศิลาจารึก เขียนเป็น ศิลาจาฤก
ดี จังเลยได้เห็นคนรุ่น ปู่ย่าตายาย เป็นภาพเคลื่อนไหว วัฒนธรรมการแต่งตัว บุคคลรุ่นหลังได้ศึกษา ถึงแม้จะเป็นเศษเสี้ยวของฟิล์ม ก็ตาม
86ปีมาแล้ว คนรุ่นนั่นถ้ายังอยู่ก็น่าจะอาย120แล้ว รุ่นชวดแล้วค่ะไม่ใช่ปู่ย่าตายาย
รุ่นพ่อเเม่ของปู่ย่ามากกว่า
ผู้พูดหรือพูดคอมเม้นผู้วิจารณ์เป็นคนรุ่นไหนก็ไม่ได้มีใครเปิดเผยอายุตัวเองดังนั้นอย่าคาดเดาคาดการณ์โดยใช้เด็กรุ่นใหม่หรือคนหนุ่มสาวปัจจุบันเป็นตัวกลางสิครับ ตรวจคนคอมเม้นเขาเป็นคนที่อายุ 40-50 ปีหรือแม้กระทั่ง 60 ปีคนในภาพยนตร์ก็ต้องเป็นรุ่นปู่ย่าตายายของเขาโดยประมาณได้ครับ
@@RUAMMITCHIDDAOถูกต้องเลยครับกลับมายืนยัน
ว้าวสุดยอดมากครับ ไม่เคยรู้เลยว่าคนไทยสมัยปลายยุค คศ. 1930 จะทำหนังได้มีคุณภาพดีขนาดนี้ใกล้เคียง Hollywood เลยครับ ภาพและเสียงคมชัดมาก soundtrack ไพเราะ และได้เห็นภาษาที่คนสมัยนั้นใช้ ออกเสียงควบกล้ำชัดเจน เป็นภาษาไทยที่เรียบง่ายและไพเราะมากครับ
ยังมีความสวยงามอีกเยอะ แต่เรายังได้ชมเท่านั้นเอง
ชอบมากกก
แต่เขาไม่ได้ออกควบกล้ำ และ ร.เรือ ชัดทุกคำนะครับ บางคำก็ออกเป็น ล.ลิง มันเป็นธรรมชาติจริงๆครับ
@@hilatchikkakul8980 ใช่ครับ ภาษาที่ใช้เป็นคำไทยแท้ๆ เรียบง่าย ไม่มีคำฝรั่งปน บางครั้งได้กลิ่นอายเหมือนกำลังดูลิเก
ภาษาและกิริยาสุภาพมากๆ
ชอบมากค่ะ คลาสสิคมาก ภาษา คำพูด วัฒนธรรมในยุคสมัยนั้นช่างทรงคุณค่าน่าชื่นชมมากค่ะ
สำนวนพูดเหมือนในนิยาย พล นิกร กิมหงวน เลย
โอ้ยบุญตา ชอบหนังไทยเก่าๆแบบนี้หาชมยาก ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ
ตอนนั้นแม่ของผมอายุ 7 ขวบเอง คิดถึงแม่จัง......
มาลงอีกนะคะ ❤
การใช้ภาษาถ้อยคำสละสลวยสวยงาม การแต่งกายดูดี อยากเกิดอยู่ในยุคนั้นจริงๆ
คลาสสิคมาก ทำให้ได้รู้ลักษณะคำ ลักษณะประโยค ท่าทาง ของคนสมัยนั้น 😊
4:08 เพลงเปลี่ยวใจ
ชอบมากครับ 👍🏻
ไม่ทราบว่าใครร้องครับ
ที่ฯนั่งกินสุราสังสรรนอยู่นี่คือสถานนรสิงห์พญาไทอันเรืองชื่อในอดีตที่ฯคนมีเงินมานั่งสมัยร.6ถ้าคนชอบเรื่องเก่าฯคงเคยได้ยินมาบ้างและได้เห็นจากหนังเรื่องนี้ขอบคุณที่นำเสนอครับ
ฉากหลังเป็นเบียร์ของบุญรอดบริวเวอรี่ ชัดเจน ลองคิดดูว่าได้สัมปทานผลิตเบียร์มาตั้งแต่ก่อนนั้นอีก. มาถึงตอนนี้จะรวยขนาดไหน
ก่อนแม่ผมเกิดปีหนึ่ง ผมคิดถึงแม่ที่อยู่บนฟ้า
เหมือนกันเลย คิดถึงแม่ แต่แม่ผมเขาเกิด 2478
สังเกตุไหม สมัยนั้น ร.เรือ ล.ลิง พูดชัดเจน
แฟชั่นแต่งกายหนังเรื่องนี้คือแปลกดี แฟชั่นนำสมัยโดยดูจากหนังจีนยุคเดียวกัน
ใช่ครับ สมัยนั้นผู้หญิงจีนนิยมใส่แต่ชุดกี่เพ้า
จริง ๆ ไม่แปลก เพียงแต่แฟชั่นปลายยุค 1930 ต่อ 1940 คนส่วนมากไม่ค่อยรู้ คือมันเป็นยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ชุดแฟชั่นก็จะไม่ค่อยฟู่ฟา ไม่ค่อยประดิดประดอย ผู้หญิงนิยมแต่งชุดกระโปรงแนบลำตัว เน้นความสบาย และจะดูคล้ายยุคปัจจุบันมากกว่าในยุค 1950-1960 เลยทำให้ดูคล้าย ๆ ว่าจะทันสมัยกว่า
กระมังคำนี้ชอบมาก
มีมนต์ขลัง หนังระบบฟิล์มและได้ เสียง เดิมสุดยอด ❤️ ชอบๆ
ฉายก่อนปีที่ เยอรมันจะบุกโปแลนด์(ก.ย.1939) ตั้งหลายเดือน
สำเนียงคนกรุงเทพสมัยก่อนจะเหน่อๆ ไม่เหมือนกับที่เราพูดกันทุกวันนี้ใช่ป่าว เห็นจากฟิล์มเก่าๆ หลายที่แล้ว
ใช่ครับ
สมัยนี้จะเป็นสำเนียงแต้จิ๋ว ครับ
แบบนี้ไม่เรียกเหน่อครับ แต่เป็นสำเนียงเก่า
ดูหนังเก่าๆแล้วทำให้รู้ว่ากล่องเสียงของคนในสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกัน
เป้นบุญตาได้ดูหนังไทยในอดีต_เก่า_ๆที่ผ่านมาๆหลายปีๆครับ_ขอบคุณครับ_ๆ
คำพูด ภาษา วาจา สมัยนั้น สวยงามจังค่ะ ยุคคุณทวด
ในที่สุดก็นำมาฉายจนได้ เสียดายมากจริงๆ ที่มีความยาวเหลือรอดมาเพียงสิบนาที และก็ฉากที่มีนางเอกน่าจะเหลือรอดมาให้มากกว่านี้แต่ก็ยังยาวกว่าโชคสองชั้นอยู่ ภาพชัดดี ชัดกว่าหนังไทยในยุคหลังบางเรื่อง สิ่งที่ได้เห็นจากในหนัง ผมโฟกัสไปที่การแต่งกายตามสมัยนิยม เพิ่งจะได้เห็นการแต่งกายสมัย พ.ศ.2482 จากในหนังก็คราวนี้ล่ะ แม้แต่หนังเรื่องพระเจ้าช้างเผือกก็ทำเป็นหนังพีเรียด เลยไม่ได้เห็นการแต่งกายตามสมัยนิยม ต่อไปก็จะรอดูเรื่องเลือดชาวนาว่าจะนำลง youtube เมื่อใดครับ
ปล.เรื่องกลัวเมีย หลอกเมีย เพลงหวานใจ อยากให้มีการค้นพบแบบนี้บ้างครับ ถ้าไม่ถูกไฟไหม้ โอกาสรอดน่าจะมี เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน
ใช่ครับ อยากดูเรื่อง เพลงหวานใจ จำรัส-มานี พระเอกนางเอก อยากเห็น
แต่ได้แค่นี้ก็ยังดีที่มีให้ดู เป็นตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนปี2500 ครับ😊😊
การแต่งตัวปลายยุค 1930s ของคนไทยดูทันสมัยกว่าที่คิด หนังไทยช่วงก่อนยุคหนัง16mm บท เพลงประกอบ ฉาก งานสร้างปราณีตมากแต่เหลือให้ดูน้อยมากหนังเรื่องนี้เหลือไม่กี่นาทีแต่บทและการแสดงดูเป็นธรรมชาติกว่าเรื่องพระเจ้าช้างเผือกที่เป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์
ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนังเก่าขนาดนี้
ยังมีต้นฉบับหลงเหลืออยู่
ผมชอบคำพูดที่ว่า"เกิดมายังไม่เคยตายเลย" 555พูดโครตดี
๖๙.ผมยังไม่เป็นวุ้นเลยครับ ดีจังครับที่ภาพและเสียงยังแจ่มแจ๋วมากครับ ชอบมากครับ สุดยอดจริงๆครับ👏👏👏👏👏👍👍👍👍👍💖💖💖💖💖
😅😅❤❤ อิ่มตาอิ่มใจ😊😊😊
อยากหาดูอย่างนี้มานานแล้ค่ะ
ดูแลัวใจหวิวๆ แต่ชอบดูมาก
ภาพคมชัดมาก เสียงไม่มีการรบกวนเลย
เพลงประกอบเพราะมาก สมแล้วที่ได้วงดนตรีไทยฟิล์มซึ่งก็คือสุนทราภรณ์ยุคแรกมาบรรเลง soundtrack เพลงร้องก็เพราะเช่นกัน
ส่วนตัวอยากฟังเพลงสายซีหม็องนองเสียเถิกอย่าล้องห้าย เพลงนี้ตลกมาก 555
ยังมีอยู่มั๊ยครับ เพลงสายสิโหมงนี่ อยากฟังงง
นักร้องประสานเสียงจุฬาเคยร้องสมัยเทปคาสเส็ท (เศรษฐากับสาธิยา เคยมีอัลบัม "พวงร้อย" รวมเพลงหนังยุคไทยฟิล์ม แต่ไม่มีเพลงนี้)
สำนวนการพูด ผมสังเกตุว่าหลายๆ ประโยคไม่เคยได้ยิน ในยุคปัจจุบันนี้เลยครับ
แหงสิครับ นี่มันสมัยก่อนสงครามมหาเอเชียบูรพา 🙂
พูดเพราะมากครับ
เสียงจริงเลยนี่นา ไม่ได้พากษ์
mewble i's me เสียงในฟิล์มครับ
เสียงในฟิล์มเป็นอย่างไรคะ คือเสียงผู้แสดงจริงไหมคะ
@@kanyaprom7629 เสียงในฟิล์มมี 2 แบบครับ คือ 1 บันทึกเสียงพร้อมฟิล์มขณะถ่ายทำ ก็จะได้เสียงจริงของนักแสดงไปเลย 2 ถ่ายแต่วิดีโออย่างเดียว แต่ไม่ได้อัดเสียง แล้วนำไปพากย์ทีหลังลงฟิล์ม จึงจัดจำหน่ายครับ
เป็นภาพยนตร์ฟิลม์ 35 มม. เสียงในฟิล์ม ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคเดียวกัน ที้ ฮอลีวุ้ด ก็ใช้ฟิล์ม 35 บันทึกเสียงในฟิล์มเเบบนี้ครับ เเต่ต้องเค้าต่อเนื่อง ของไทยนี่ หลังสงคราม เงินทองขาดเเคลน เลยใช้ฟิล์ม 16 มม.เเทนเพราะถูกกว่า ไม่บันทึกเสียงเเละใช้การพากษ์เสียงเเทน วงการภาพยนตร์ไทยกลับมาใช้ฟิล์ม 35 มม.ก็หลังปี พ.ศ.2506 เเล้วครับ เเละใช้กันชัดเจนก็คือ หลังปี 2513 หลังการเสียชีวิตของมิตร ชัยบัญชาไปเเล้ว ถึงหมดยุคฟิล์ม 16
ก็ยังมีใช้ฟิล์ม 35 ม.ม. อยู่บ้างครับ แต่ทุนมันสูงกว่า 16 ม.ม. พากย์สด ความจริง 16 ม.ม. ก็บันทึกเสียงได้ แต่เห็นว่าเสียเวลา ล้างแล้วยังต้องมาใส่เสียง เอาออกฉายพากย์สดก็ได้เงินแล้ว แต่ถ้าเป็นฉากที่มีการร้องเพลง จะใช้ฟิล์ม 35 ม.ม.
@@welder18b ใช่ครับ ยุคประมาณ 2513 ใช้ฟิล์ม 16 ดำเนินเรื่อง ส่วนฉากร้องเพลงใช้ฟิล์ม 35 สลับกันไป บางทีถ้าไม่อยากเปลี่ยนเครื่องฉายจาก 16 เป็น 35 ตามต่างจังหวัด(หนังกลางแปลง) ก็ย่อขนาดฟิล์ม 35 ให้กลายเป็น 16มม สโคป ก็ฉายฉากเพลงต่อกันเลย แต่ฟิล์ม16 ที่ย่อมาจาก35 จะบอบบาง ชำรุดง่ายมากกว่า 16 ตัวดำเนินเรื่อง เพราะใช้ฟิล์มคนละยี่ห้อ และมาจาก35
จริงๆก็มีหนัง 35 อยู่บ้าง เรียงตามปี
ตัวอย่างหนัง35 นะครับ
2501 สวรรค์มืด
2502 เชลยศักดิ์
2504 เรือนแพ แพรดำ
2505 นางทาษ
2506 เสือเก่า
2507 น้ำตาลไม่หวาน
2508 เงิน เงิน เงิน
2509 เพชรตัดเพชร
2510 คนเหนือคน
2511 อีแตน
2512 เกาะสวาทหาดสวรรค์
2513 มนต์รักลูกทุ่ง
กลังจากนี้ก็มีหนัง35เยอะขึ้น จนถึงปี 2516 16มม.ก็หมดความนิยม มีแต่35
@@Aratchamitr8190 หลังมิตรเสีย เริ่มหันมาใช้ 35 ม.ม.กันมากขึ้น แต่หน่วยหนังยังมีที่ใช้เครื่องฉาย 16 ม.ม. หลายเรื่องก็ย่อเป็น 16 ม.ม. เพื่อให้ฉายได้อีกหลายปีเลยครับ
คุณแท้กับ่านศุกรวรรณดิศ ต้องนับว่าเป็นผู้ริเริ่มเอาฟิล์ม16 มม.มาทำหนังเข้ายุคภาวะบ้านเมืองขาดแคลน ถือเป็นนวัตกรรมของเมืองไทย(และโลก? ) และยังทำให้เกิดยุคทองของศิลปการพากย์...ถ้าทั้งสองท่านรอฟิล์ม35 ที่งานสร้างแพงกว่าคงไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่เหมาะกับสภาพสังคมเศรษฐกิจแบบพอเพียงของบ้านเราในเวลานั้นและอีกช่วงต่อมา....ชอบหนัง16 มม.พากย์ มีเสน่ห์เฉพาะตัวเช่นเดียวกับเพลงลูกกรุงลูกทุ่ง
ชอบมากครับ
หนังไทยคลาสสิกภาพสวยมากครับ
ชอบคะ่
ขอบพระคุณมากครับ
ปี1939ไปเลยครับ บุญตาจริงๆ ขอบคุณมากครับ
ช่างน่ารักอุตส่าห์หาให้ดู
ทางเพลง.คล้ายของ หม่อมพวงร้อย.
ชัดมาก เสียงใส
ตาแป๊ะที่วิ่งหนีไป หน้าตาทางคล้ายจะเป็นอบ บุญติด ที่ยังเล่นละครเล่นหนังต่อมาอีกเยอะอย่างจางซูเหลียง กับท่านขุนใน เชลยศักดิ์ยุค อมราเป็นนางเอก เงิน เงิน เงิน เกาะสวาทหาดสวรรค์.....
ผมดูจำหน้าได้เลย จางซูเห ลี ยง อบ บุญติ็ด
แม่มะลิ(นั่งอ่านนสพ...ป้าสุ่น?) ยังเห็นแสดงประกอบยุคอัศวินภาพยนตร์ พวกขาไพ่..แม่ยก ! 🎦
@@chaturongarchary9773แม่มะริด
@@RUAMMITCHIDDAOเป็นไงหายไปเลย..🆗?😊
อยากให้หอภาพยนตร์ลองสืบเสาะหาฟิล์มส่วนอื่นๆ ที่เหลือของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกได้มั้ยครับ เผื่อว่าจะเจอเพิ่มเติมอีก ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ถ้าไม่มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้น บางทีอาจยังมีอยู่ในศาลาเฉลิมกรุงอีกก็ได้ คือผมอดคิดไม่ได้ว่าเวลาเขาฉายหนังเสร็จแล้ว เขาเอาฟิล์มที่ฉายไปไว้ไหนต่อ แล้วทำไมเขาไม่เอาไปหมด ยังทิ้งม้วนนี้ซึ่งไม่ใช่ม้วนสุดท้ายไว้ หรือเขามีการสำเนาฟิล์มไว้อีกครับ
เอ่อ..มาถึงสมัยนี้แล้วจะหาฟิล์มหนัง มันก็ยากหน่อย ไม่รู้ว่าเค้าเก็บอยู่ไหน,ทิ้งไปแล้ว บางทีไปเจอ บางทีก็ไม่เจอ ส่วนศาลาเฉลิมกรุงนั้นน่าจะไม่มีร่อยรอยหรืออะไรทางอดีตแล้วครับ #ระห่อยใจ😢
ขนาดหนังยุค 16 ม.ม. ตอนนี้ยังหาเพิ่มเเทบไม่ได้ หนัง 35 ม.ม. ยิ่งแล้วใหญ่ ถึงเจอก็สีซีด ฟิล์มลอก
@@welder18b ใช่ครับ
ตอนนี้ผมว่าฟิล์มหนัง กระจายตัวตามที่ต่างๆ เช่น บริการภาพยนตร์จังหวัดต่างๆ ต้องช่วยกันครับ
ทำไมฟิมฟ์หนังสมันก่อนไทยหาเยอะจังค่ะ ขอถามเป็นความรู้
หวังว่าสักวันจะได้ฟิล์มส่วนอื่นเพิ่มเติมอีกครับ
มุมกล้อง เทคนิคไม่ธรรมดาริงๆครับ
ใช่แล้วๆ
ดาราเมื่อก่อนคำพูดชัดถ้อยชัดคำจริงๆ
ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤษภาคม 2563 หอภาพยนตร์เปิดให้ทุกท่านร่วมเสนอรายชื่อหนังไทยในดวงใจ เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกขึ้นทะเบียนมรดกภาพยนตร์ของชาติ ประจำปี 2563 เสนอรายชื่อและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.fapot.or.th/main/news/218
ส่งชื่อหนังในดวงใจไปแล้วค่ะ
ก่อนอื่น ผมอยากทราบเพื่อความแน่ใจว่ามีภาพยนตร์เรื่องใดบ้างที่สร้างก่อนปี พ.ศ.2490 ที่ยังมีฟิล์มเหลือรอดมาให้ชมอีก เพื่อที่ผมจะได้ไม่เสนอชื่อภาพยนตร์ที่ยังไม่มีการค้นพบฟิล์มครับ
@@steamtechnicolor461 ก็คงมีแค่ปิดทองหลังพระ , เลือชาวนา ครับ
@@steamtechnicolor461 หนังก่อนปี 2490ที่รอดเหลือมานะครับ ได้แก่ 1.โชคสองชั้น(2470)
2.เลือดชาวนา(2479)
3.ปิดทองหลังพระ(2481)
4.พรายตะเคียน(2483)
5.พระเจ้าช้างเผือก(2484)
แค่นี้จริงๆครับ//ระห่อยใจ😢
ฟิล์มยังสภาพดีอยู่เลย เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ผ่านการซ่อมมาหรือเปล่าครับ
ถ้าฟีล์มหนังเรื่องนี้ยังอยู่เต็มเรื่อง น่าจะส่งไปชิงรางวัลออสการ์นะครับ
คนในหนังเรื่องนี้ ตอนนี้คงจะสบายดีนะครับ
ถ้าตัวนักแสดงที่เห็นในเรื่องยังอยู่ อายุก็น่าจะ 100 ปีขึ้นละครับ 5555
คนแสดงกินหมากสมจริงมาก
สถานที่คงเป็นสถานนรสิงห์อันยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น
เพลงสมัยเก่าไพเราะซึ้งฟังเพลินดีทำให้ใจสงบ
นาที ที่ 7.40 อบ บุญติด.. คนเล่น แอคคอเดี้ยน ในคลิป ปี 2473 ครับ
เสียดายมีไม่จบเรื่อง อยากดูให้จบ
10:10 เกิดมายังไม่เคยตายสักที
คนเขียนบทเก่ง55555
เป็นคำที่ยังใชเจนถึงทุกวันนี้เลยครับ
ขออนุญาตนำคลิปไปแทรกใส่งานเพื่อการศึกษาได้มั้ยครับ
82ปีที่แล้ว
มีหนังเรื่องนางสาวสุวรรณไหมครับ
ว่าแต่เพลงฉากที่4:06 - 6:59 เพลงชื่ออะไรหรอครับ
ชื่อเพลง "เปลี่ยวใจ" ครับ ร้องโดย น.ส. วัฒนา (ชื่อในเรื่อง) นางเอก ชื่อจริง ชื่อ สุภาพ สง่าเมือง
คลาสสิค
ชื่อเพลงอะไรครับ
รุ่นคุณย่าเรายังสาวเลย2482...
เพลงนี้ก่อมผมหลับทุกวันชอบมากๆครับ
โอ้นี้พ่อตรูยังไม่เกิดเลยนะเนี้ย ฮ่า
ยุคเดียวกันกับชาลีแชปปลินรึป้าวครับ
น่าจะหลังนะ เพราะหนังของชาลี น่าจะอยู่ในยุคไม่เกิน 1925 แต่เรื่องนี้ 2482 = 1939 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกนะ
คำพูดจาคนสมัยก่อน ไม่ต่างกับคนสมัยนี้เลยนะครับ
คนกด dislike ต้องการอะไรครับ???
มีเต็มเรื่องไหมครับ
ฟิล์มเหลือแค่นี้ค่ะ
@@FilmArchiveThailand แล้วพี่มีเรื่อง ถ่านไฟเก่า2481มั้ยครับ
ผู้หญิงเสียงแหลมจัง
คงเป็นค่านิยมครับ ผู้หญิงเสียงแบบนี้ในยุคนั้นถือว่าเซ็กซี่ครับ ถ้าเป็นยุคปัจจุบันก็คงเป็นเสียงแอ๊บแบ๊ว มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งครับ
นักแสดงยังมีใครอยุ่มั่งป่าวครับ
ผมว่าน่าจะเสียหมดแล้วครับ เว้นแต่เด็กๆ ป่านนี้คง 80-90 ครับ
สร้างใน พ.ศ.อะไรคะ
พ.ศ. 2482 ครับ
นักแสดงเหล่านี้ วันนี้ทุกท่านยังมีชีวิตอยู่ไหมครับ
ยังอยู่ครับ เมื่อเดือนที่แล้วยังเห็นไปยืนตะโกนด่าอีแกลบเอ้ยอีทรายกับไอ้ม๊อบสามสลึงอยู่เลย (แหมพี่ก็ถามไปได้)
ยังอยู่ครับ อยู่ตามกำแพงวัด
@@user-eh5xr1mh6w 555
ถามแปลกๆ
ถ้าเด็กเล็กไม่เเน่ เเต่ผู้ใหญ่ไปหมดเเล้ว
ภสคเสียงโดยหนูสิ
เห็นอย่างนี้แล้ว ณ ปัจจุบัน หนังไทยควรเทียบเท่าฮอลลีวู้ด..แต่รู้สึกยังไม่เทียบถึงเลย แต่ก็มีเสน่ห์ตามอัตลักษณ์ไทย
มีแต่ประโยคที่กร่อนไปตามยุคสมัย
หนังเรื่องนี้เขาส่งฟิล์มไปล้างที่ต่างประเทศหรือเปล่า ลองไปค้นหาที่นั่นหรือยังครับ
ใช่ อยากให้ไปหาที่ต่างประเทศอยู่ครับ แต่ค่าใช้จ่ายคงสูงอยู่
ภาพยนตร์ นี้ production ดีมากครับ ทั้งภาพเสียงเพลงมุมกล้องการตัดต่อ. แต่การแสดงกับบทดูไปคล้ายกับดูลิเกอาจเป็นเพราะภาษาที่ใช้
@@worapop2526 ก็เป็นภาษา การพูดในสมัยนั้นนี่ครับ
หายสงสัยแล้วว่าทำไมคนสมัยก่อนถึงอายุสั้น?เพราะกินเหล้าสูบบุหรี่จัดนี้เอง
ทางเลือกความสุขมีไม่มากครับ
ลิขิตสารสนองก็อายุยืนอยู่นะครับ เสียชีวิตตอนอายุ86 ปีครับ
ไม่เกี่ยวเลย ผมเหนรุ่นปู่สูบบุหรี่ อายุยืน 80-90
คนสมัยก่อนพูดไม่คุ้มน้ำเสียง ทั้งคนพูด ทั้ง ร้อง จะตะแบงออกมาเลย จะไม่มีโทนนุ่มเลย คล้ายคนแข็งกระด่าง 55555
คงเป็นเพราะการถ่ายทำหนังเสียงสมัยก่อน เครื่องมืออุปกรณ์ยังเก็บเสียงได้ไม่ดี เลยต้องให้นักแสดงพูดช้าๆ ชัดๆ และดังๆ ถ้าเป็นสมัยนี้แม้แต่เสียงลมหายใจเบาๆ ก็ยังเก็บได้
เป็นหนังประวัติศาสตร์ที่หาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากช่องยูทูปนี้ครับ ขอขอบคุณเจ้าของที่ได้เสนอสู่สายตาสาธารณชนครับ หนังนี้น่าจะออกฉายปี ๒๔๗๓ ขออภัยด้วยหากจำผิดครับ
ปี2482 ครับ
ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ
หนังชัดมาก เก็บไว้ดีมากๆ
ตายตาหลับแล้วได้ชมหนังไทยยุคเก่ามากๆก่อน2500ซึ่งชีวิตนี้ผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ดูครับ🙏🙏🙏
สงสัยมานานเรื่องเพลงในยุคนี้ผู้หญิงสาวแต่เสียงร้องแก่คราวยายทุกเพลงเลยเป็นเพราะอะไรครับ
น่าจะเค้นเสียงเยอะเลยกังวาล มีพลัง เพราะสำหรับคนสมัยนั้น
สมัยนั้นคุณภาพแผ่นเสียงมันยังไม่ได้ดีมากเท่าไหร่ ถ้าร้องเสียงต่ำจะโดนเสียงดนตรีกลบ หรือฟังไม่รู้เรื่อง ต้องร้องเสียงแหลม ๆ ให้เสียงมันโดดออกมา ผู้ชายร้องก็เหมือนกัน ร้องเสียงแหลมหมด