นรกขุมที่ 1-3 บุพกรรมของคนเรา และการลงโทษในนรกแต่ละขุม

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 20 ก.ย. 2024
  • มหานรก 8 ขุม
    มหานรก มี ๘ ขุม
    ๑. สัญชีวนรก (นรกที่ไม่มีวันตาย)
    เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติบังเกิดในนรกขุมนี้ ถึงแม้จะได้รับทุกข์โทษจนตายแล้ว ก็กลับเป็นขึ้นมาอีก
    ๒. กาฬสุตตนรก (นรกเส้นด้ายดำ)
    เหล่า สัตว์ที่มาเกิดในขุมนรกนี้ จะถูกลงโทษโดยนายนิรยบาล เอาด้ายดำมาตีเป็นเส้นตามร่างกาย แล้วก็เอาเลื่อยมาเลื่อย บางทีก็เอาขวานมาผ่า หรือเอามีดมาเฉือนกรีดตามเส้นดำที่ตีไว้ไม่ให้ผิดรอยได้
    ๓. สังฆาฏนรก (นรกบดขยี้สัตว์)
    เหล่าสัตว์ที่เกิดในนรกขุมนี้ จะถูกภูเขาเหล็กบดขยี้ร่างกายให้ได้รับทุกขเวทนาอยู่ตลอดเวลา
    ๔. โรรุวนรก (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้)
    เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ เป็นสัตว์ที่ได้รับทุกข์โทษแสนสาหัส ต้องร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาอยู่ตลอดเวลา
    ๕. มหาโรรุวนรก (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางมากมาย)
    เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ร้องไห้เสียงระงมไปทั่วทั้งนรก
    ๖. ตาปนรก (นรกที่ทำให้สัตว์เร่าร้อน)
    เหล่า สัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนมีหลาวเหล็กใหญ่โตเท่าต้นตาล โชติช่วงแดงฉานไปด้วยเปลวไฟจำนวนประมาณหลายหมื่นแสนแน่นเต็มนรกไปหมด หลาวเหล็กแต่ละอันมีสัตว์นรกเสียบอยู่บนปลายหลาว มีเปลวไฟพุ่งขึ้นภายใต้หลาวเหล็ก ไหม้เผาผลาญสังหารสัตว์นรกทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา เนื้อหนังมังสาของสัตว์นรกทั้งหลายไหม้สุกพองอยู่เหนือปลายหลาวเหล็ก ต้องเสวยทุกข์เวทนาดิ้นพล่านไปมา จนกระทั่งเนื้อหนังสุกพองไปด้วยอำนาจไฟนรก แล้วก็ถูกหมานรกฉีกเนื้อกิน แล้วก็กลับเป็นขึ้นมาตามเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะสิ้นกรรม
    ๗. มหาตาปนรก (นรกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนเหลือประมาณ)
    เหล่า สัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนเป็นที่สุด ภายในกำแพงอันกว้างขวางใหญ่โตนั้น มีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟตั้งอยู่เป็นลูก ๆ ตามพื้นข้างภูเขามีขวากเหล็กแหลมคมลุกแดงด้วยไฟ ปักเรียงรายอยู่เหนือพื้น
    นาย นิรยบาลถืออาวุธหอกดาบแหลนหลาวลุกแดงด้วยไฟไล่ทิ่มแทงสัตว์นรกทั้งหลายให้ ขึ้นไปบนภูเขาไฟแดงฉาน สัตว์นรกทั้งหลายตกใจกลัวนายนิรยบาล ก็พากันวิ่งไปบนยอดเขานรก ต่อจากนั้นก็มีลมกรดอันร้อนแรงคมกล้าพัดมาด้วยกำลังลมนรก ทำให้สัตว์พลัดตกลงมาจากยอดเขา ถูกขวากนรกร้อนแรงซึ่งอยู่เบื้องล่าง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดงฉาน ทรมานทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดและความรุ่มร้อนแสนสาหัส
    ๘. อเวจีนรก (นรกที่ปราศจากความบางเบาแห่งทุกข์)
    นรกขุมนี้ เป็นนรกขุมใหญ่กว่าบรรดานรกทั้งหลาย ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กที่มีเปลวไฟโชติช่วง
    สัตว์ ที่ไปเกิดอยู่ในมหานรกอเวจีนี้มีมากกว่านรกขุมอื่น แออัดยัดเยียดเบียดเสียดกัน ได้รับทุกข์ทรมานด้วยการถูกเปลวไฟนรกอันร้อนระอุเผาไหม้อยู่อย่างนั้นตลอด เวลา จนกว่าจะสิ้นกรรม
    อุสสุทนรก
    เป็นนรกบริวาร ๑๖ ขุม ล้อมรอบนรกขุมใหญ่ทั้ง ๘ ขุม อุทสุทนรกจึงมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๑๒๘ ขุม
    ยมโลกนรก
    เป็น นรกบริวาร ล้อมรอบนรกขุมใหญ่ทั้ง ๘ ขุม โดยอยู่ทิศหน้า ๑๐ ขุม ทิศหลัง ๑๐ ขุม ทิศซ้าย ๑๐ ขุม ทิศขวา ๑๐ ขุม รวม ๔ ทิศ เป็น ๔๐ ขุม ยมโลกนรกทั้งหมดรวมกันจึงมี ๓๒๐ ขุม
    โลกันตนรก ๑ ขุม
    เป็น นรกขุมใหญ่อยู่นอกจักรวาล มีสภาพมืดมนยิ่งนัก สัตว์ที่ไปเกิดในโลกันตนรกนี้ มีร่างกายใหญ่โต เล็บมือเล็บเท้ายาวยิ่งนัก ต้องใช้เล็บมือเท้าเกาะอยู่ตามชายเชิงจักรวาล ห้อยโหนเหมือนค้างคาวห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ ได้รับความทุกข์อันแสนสาหัสสัตว์ นรกในนี้เข้าใจว่าตนอยู่เพียงลำพัง เพราะมืดมนจนมองไม่เห็นเพื่อนสัตว์นรกด้วยกัน ตลอดเวลาห้อยโหนโยนตัวเปะปะไปด้วยความหิวโหย เมื่อใดไปโดนสัตว์นรกด้วยกัน ก็เข้าใจว่าเป็นอาหารรีบขวนขวายไขว่คว้าจับกุมกัน ต่างตนต่างก็จะตะครุบกันกินปล้ำฟัดกันจนกระทั่งเผลอปล่อยมือที่เกาะอยู่ เลยพลัดตกลงไปเบื้องล่างบริเวณเบื้องล่างในโลกันตนรกนั้นไม่ใช่พื้น ธรรมดา แต่เต็มไปด้วยน้ำกรดอันเย็นยะเยือกอย่างร้ายกาจยิ่งนัก ทันทีที่สัตว์นรกตกลงมา ร่างกายก็จะเปื่อยแหลกลงเพราะฤทธิ์น้ำกรดเย็นนั้นกัดเอา ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนสิ้นใจตาย แล้วก็กลับเป็นตัวตนขึ้นมาเหมือนเก่า รู้สึกหนาวเย็นจับกระดูกจับขั้วหัวใจ รีบตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลด้วยความลำบากยากเข็ญ แล้วก็ห้อยโหนโยนตัวหาอาหารด้วยความหิวโหยต่อไปอีกตามเดิมเมื่อไขว่ คว้าไปเจอสัตว์นรกด้วยกัน ก็จะตะครุบกินกันเอง ต่อสู้จนตกลงบ่อน้ำกรดเบื้องล่าง ถึงแก่ความตาย แล้วก็กลับเป็นขึ้นมาตามเดิม วนเวียนไปมาเช่นนี้ จนกว่าจะสิ้นกรรม
    สัตว์ นรกทั้งหลายที่ทำกรรมชั่วไว้มาก พอเสวยกรรมในมหานรกแล้ว หากกรรมยังไม่สิ้น ก็ต้องมาเสวยผลกรรมในอุสสุทนรก หากกรรมยังไม่สิ้นอีก ก็ต้องมาเสวยผลกรรมในยมโลกทั้ง ๑๐ ที่แวดล้อมมหานรกนี้อยู่ ตามอำนาจของบาปกรรมที่ตนทำไว้บางคนตกนรกขุมที่เป็นบริวารก่อน แล้วจึงมาตกมหานรกก็มี สุดแต่ว่ากรรมใดจะให้ผลก่อน บางคนทำบาปกรรมไว้มากต้องตกมหานรกทั้ง ๘ ขุมก็มีเมื่อ สิ้นกรรมในนรกเหล่านี้แล้ว เศษบาปยังให้ผลต้องไปเกิดในอบายภูมิอื่น คือ ต้องไปเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาในสถานที่นั้น ๆ แล้วจึงจะได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ตามเดิมถ้าทำบาปกรรมไว้ น้อย มาตกนรกได้ไม่นาน กุศลกรรมที่ทำไว้ก็จะบันดาลให้ระลึกถึงบุญกุศลนั้นขึ้นมา ก็จะเปลี่ยนสภาพจากสัตว์นรก ไปอุบัติเป็นภูมิอื่นต่อไป

ความคิดเห็น •