นรกขุมที่ 4 - 7 บุพกรรมของคนเรา และการลงโทษในนรกแต่ละขุม

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 19 ม.ค. 2021
  • ๔. โรรุวนรก (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้)
    เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ เป็นสัตว์ที่ได้รับทุกข์โทษแสนสาหัส ต้องร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาอยู่ตลอดเวลา
    ขุมที่๕. มหาโรรุวนรก (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางมากมาย)
    เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ร้องไห้เสียงระงมไปทั่วทั้งนรก
    ๖. ตาปนรก (นรกที่ทำให้สัตว์เร่าร้อน)
    เหล่า สัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนมีหลาวเหล็กใหญ่โตเท่าต้นตาล โชติช่วงแดงฉานไปด้วยเปลวไฟจำนวนประมาณหลายหมื่นแสนแน่นเต็มนรกไปหมด หลาวเหล็กแต่ละอันมีสัตว์นรกเสียบอยู่บนปลายหลาว มีเปลวไฟพุ่งขึ้นภายใต้หลาวเหล็ก ไหม้เผาผลาญสังหารสัตว์นรกทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา เนื้อหนังมังสาของสัตว์นรกทั้งหลายไหม้สุกพองอยู่เหนือปลายหลาวเหล็ก ต้องเสวยทุกข์เวทนาดิ้นพล่านไปมา จนกระทั่งเนื้อหนังสุกพองไปด้วยอำนาจไฟนรก แล้วก็ถูกหมานรกฉีกเนื้อกิน แล้วก็กลับเป็นขึ้นมาตามเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะสิ้นกรรม
    ๗. มหาตาปนรก (นรกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนเหลือประมาณ)
    เหล่า สัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนเป็นที่สุด ภายในกำแพงอันกว้างขวางใหญ่โตนั้น มีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟตั้งอยู่เป็นลูก ๆ ตามพื้นข้างภูเขามีขวากเหล็กแหลมคมลุกแดงด้วยไฟ ปักเรียงรายอยู่เหนือพื้น
    นาย นิรยบาลถืออาวุธหอกดาบแหลนหลาวลุกแดงด้วยไฟไล่ทิ่มแทงสัตว์นรกทั้งหลายให้ ขึ้นไปบนภูเขาไฟแดงฉาน สัตว์นรกทั้งหลายตกใจกลัวนายนิรยบาล ก็พากันวิ่งไปบนยอดเขานรก ต่อจากนั้นก็มีลมกรดอันร้อนแรงคมกล้าพัดมาด้วยกำลังลมนรก ทำให้สัตว์พลัดตกลงมาจากยอดเขา ถูกขวากนรกร้อนแรงซึ่งอยู่เบื้องล่าง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดงฉาน ทรมานทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดและความรุ่มร้อนแสนสาหัส
    ขุมที่ ๗ - มหาตาปนนรก
    นรกใหญ่ที่ ๗ ชื่อมหาตาปนนรกนั้น ตั้งอยู่ในภายใต้แห่งตาปนนรกลงไป ที่ได้นามว่ามหาตาปนนรกนั้น ว่าในนรกนี้มีความร้อน ทวียิ่งขึ้นไปกว่าร้อนในตาปนนรกนั้น และมหาตาปนนรกนี้ มีสัณฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยกว้างยาวและลึกนั้นได้ 100 โยชน์ มีฝาผนังทั้ง 4 ด้าน แล้วด้วยเหล็กหนา 9 โยชน์ มีประตู 4 ประตูด้านละประตูๆ ในภายในมหาตาปนนรกนั้น มีภูเขาเหล็กใหญ่สูงเงื้อมน่ากลัวยิ่งนัก นายนิรยบาลทั้งหลาย มีมือถือเครื่องศัสตราวุธต่างๆ ไล่ทิ่ม แทง สับ ฟัน ทุบตี ต้อนสัตว์นรกทั้งหลาย ให้ขึ้นไปบนภูเขานั้น สัตว์นรกเหล่านั้น กลัวอำนาจนายนิรยบาล ก็อุตส่าห์ปีนป่ายตะเกียกตะกายขึ้นไป แต่พอขึ้นไปถึงยอดภูเขาแล้ว มีลมนรกเกิดขึ้น เป็นพายุใหญ่พัดมาโดยรอบ และลมนรกนั้นพัดกล้ายิ่งนัก เหลือกำลังที่สัตว์นรกเหล่านั้น จะทรงกายอยู่บนภูเขานั้นได้ อวํสิรา สัตว์นรกเหล่านั้นก็มีศีรษะกลับลงมาเบื้องต่ำ โหนหกพลัดตกลงมาจากยอดภูเขานั้น แต่พอตกลงมายังไม่ทันถึงแผ่นดินเหล็ก หลาวเหล็กใหญ่ประมาณเท่าลำตาล ก็ผุดขึ้นดาษดื่นคอยรับอยู่สะพรั่ง เสียบร้อยกายสัตว์นรกเหล่านั้น ตั้งแต่ศีรษะตราบเท่าตลอดออกทางทวารหนัก สัตว์นรกบางตัวนั้น หลาวเหล็กร้อยอยู่ 2 เล่มบ้าง 3 เล่มบ้าง 4 เล่มบ้าง 5 เล่มบ้าง หลาวเหล็กแต่ละเล่มๆ นั้น ลุกรุ่งเรืองเป็นเปลวเพลิงอยู่เสมอๆ เผาเนื้อและเลือด เผากายภายในออกมา เพลิงที่แผ่นดินเหล็กนั้น ก็ลุกรุ่งโรจน์โชตนาการ ไหม้กายภายนอกเข้าไป ไฟภายในกายกับไฟนอกกายนั้น ก็ไหม้กระทบปะทะกัน ครั้นไฟไหม้กายสัตว์นรกเหล่านี้ย่อยยับ เป็นภัสมธุลีไปแล้ว ก็กลับไปเกิดเป็นร่างกายมีเนื้อ และเลือดบริบรูณ์ดังเก่า นายนิรยบาลทั้งหลายก็ทำโทษ ได้ความทุกข์ทรมานกาย ดุจกล่าวมาแล้วนั้นสิ้นกาลช้านาน ประมาณได้กึ่งอันตรากัปหนึ่ง คือนับตั้งแต่มนุษย์ทั้งหลายมีอายุได้ 10 ปีเป็นอายุขัย แล้วมีอายุเจริญขึ้นไปถึงอสงไขย แล้วก็ถอยน้อยลงมาๆ จนอายุได้ 10 ปี เป็นอายุขัยอีก ดังนี้แหละชื่อว่า อันตรากัปหนึ่ง สัตว์นรกเหล่านี้ ที่ต้องไปทนความลำบากอย่างนี้ เพราะผลแห่งอกุศลกรรม ที่ตนกระทำไว้แต่ชาติก่อน เมื่อชาติก่อนนั้นสัตว์นรกเหล่านี้ เกิดเป็นพระยาและอำมาตย์ มีจิตอันร้ายกาจหยาบช้า ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและจับสัตว์เป็นๆ มาเสียบหลาวเหล็กแล้ว ก็ให้ยกทุ่มให้เข้าไปในกองเพลิงเผาเสียให้ตาย และเอาไฟคอกสัตว์เป็นๆ ให้ตายบ้าง บางทีก็ให้ย่างไว้ด้วยแดด ให้สัตว์ตายด้วยแดดอันร้อนนั้น คนเหล่านี้ครั้นทำลายขันธ์แล้ว ก็ลงไปทนทุกขเวทนาอยู่ในมหาตาปนนรก
    ใช่แต่เท่านั้น บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฐิถือผิดเป็นชอบนั้น ครั้นทำลายขันธ์แล้ว ก็ย่อมไปตกในมหาตาปนนรก ถ้าเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ ถือผิดแท้ว่าบาปไม่มี บุญไม่มี ดังนี้ เป็นต้น ครั้นพ้นจากมหาตาปนนรกแล้ว ก็ตกลึกลงไปถึงอวิจีนรก พ้นจากอวิจีนรกแล้ว ก็ไปตกในโลกันตนรก คนที่เป็นมิจฉาทิฐิ หรือผิดยังไม่แท้นั้น ครั้นพ้นจากมหาตาปนนรกแล้ว ก็ตกระขึ้นมาในนรกเป็นลำดับๆ ดุจกล่าวมาแล้วในเบื้องต้นนั้น

ความคิดเห็น •