การเรียนใน “มหาวิทยาลัย” กำลังเสื่อมความนิยม | เศรษฐกิจน่ารู้
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 14 ก.พ. 2024
- ท่ามกลางความรู้ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเพียงปลายนิ้วสัมผัสจนทำให้การศึกษาในมหาวิทยาลัยได้รับความสนใจน้อยลง แต่สาเหตุที่แท้จริงมีเพียงแค่นี้หรือไม่ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจไม่เรียนในระดับชั้นอุดมศึกษา ? คลิปนี้มีคำตอบกับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน
#มหาวิทยาลัย #การศึกษา #เศรษฐกิจน่ารู้
----------------------------------
👉 กด Subscribe ติดตามรายการดี ๆ ของช่อง ได้ที่ : / thaipbs
ผมจบในระดับปริญญาตรีครับ ตอนนี้ทำงานเป็น Front-end Dev อยู่ จากสายงานนี้ผมบอกได้เลยว่า การฝึกงานกับบริษัทจริงๆ มีประโยชน์กว่าอยู่ในรั้วมหาลัยตลอด 4 ปี แต่สายงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตคนอย่างเช่นแพทย์ เภสัช และวิศวะก็ควรเข้ามหาลัยอยู่ดี
เรียนอะไรมา
ในบริษัทเขาไม่มานั่งสอน data structure & algorithm เหมือนในมหาลัยหรอกนะครับซึ่งวิชานี้จำเป็นมากในการเขียนโปรแกรม มันจะช่วยเราประหยัดทรัพยากรในเครื่องรวมถึง memory ต่างๆ โปรแกรมเมอร์ที่ดีต้องคำนึงถึงเรื่องพวกนี้ แล้วจะมาบอกว่าการเรียนในรั้วมหาลัยมันไม่มีประโยชน์ได้ไงครับ? มันยังมีอีกหลายวิชาที่จำเป็นต่อการเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่ที่ผมบอกมา แล้วกว่าจะมาเป็นคอมพิวเตอร์ให้คุณมานั่งพิมพ์ได้อย่างทุกวันนี้ รู้ไหมว่ามันเกิดมาจากองค์ความรู้พื้นฐานของ computer science ที่เรียนกันในมหาวิทยาลัยที่คุณคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น
อย่าคิดว่าทฤษฎีมันก็แค่ทฤษฎี เพราะถ้าไม่มีทฤษฎีเราจะเอาอะไรมาประยุกต์ใช้งาน? เพราะคิดแบบคุณโปรแกรมเมอร์ที่ดีและเก่งมันถึงมีไม่กี่คน ดังนั้นเรียนอะไรมันก็มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละครับไม่ใช่แค่แพทย์กับวิศวะ การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยมันมีอะไรมากกว่านั้น ส่วนทำงานก็ส่วนทำงานครับ
จิง
@@Jake-hx8ch เห็นด้วยอย่างยิ่งครับลองมาทำหลังบ้านหรือออกเเบบฟีเจอร์ดูจะรู้ว่าวิชาที่เรียนมาได้ใช้อย่างเเน่นอน ผมว่าผู้เขียนอาจจะยังไม่ได้มีโอกาสได้จับงานใหญ่ๆหรืออาจจะไม่ได้คำนึงถึง Clean Code เลยหรือพูดง่ายๆเขียนไปให้ใช้ได้อย่างเดียว 555 การเขียนโค๊ดที่ดีใช้ความรู้หลายด้านครับเเต่อาจไม่ได้ใช้ทุกเเขนงวิชาที่เราเรียนมากจากมหาลัยอาจจะหยิบเเค่ main idea บางส่วนมาใช้ มุมมองผมมหายลัยคือเอาไว้เปิดเเมพครับส่วนจะเลือกไปเส้นไหนก็ค่อยเลือกอีกที ถามว่า solo สายเดียวไปทำได้ไหมทำได้ครับเเต่จะเสียเปรียบพวกที่รู้หลายๆด้าน
@@Jake-hx8chno degree เทพๆมีเยอะแยะข้อจำกัดด้านข้อมูลมันแทบจะไม่มีแล้วตามยุคสมัยความรู้พื้นฐานที่คุณว่าสำคัญจริงแต่ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนในมหาลัย
เข้าไปเรียนเพราะหวังว่าจะได้ความรู้ใหม่ แต่กลับได้แนวความคิดเดิมๆ เก่าๆ ที่ใช้ไม่ได้กับคนและยุคสมัยใหม่ อาจารย์ก็ตามไม่ทันโลกด้วย แถมอีโก้สูงมาก จะถามหรือจะถกเรื่องอะไรด้วยก็ลำบาก ประสบการส่วนตัวจากการเรียนในมหาวิทยาลัยในไทย
EGO อาจารย์เนี่ยปัญหาใหญ่ จริง ๆ ภูมิใจกันที่เคยสอนดาราสอนคนประสบความสำเร็จมาแล้ว แล้วแบบตัวเองสำเร็จในเส้นทางแล้ว กลายเป็นมี EGO มาสอนนักศึกษา แต่อย่าลืมว่า คุณต้องย้อนกลับสอนเหมือนที่คุณสอนคนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่มี EGO เพิ่ม แล้วไปสอนเด็กใหม่
ป้าเรียนมหาลัยเมื่อ20ปีที่แล้ว จนมารุ่นหลานเรียน เหนมัรเรียนโอ้..อาจารย์ยังสอนแบบปิ้งแผ่นใสอยุ่เล้ยยยย😩
ที่ไหนสอนเนี่ยปิ้งแผ่นใส @@beautyandthebeast6605
ก็น้ะ ผมตั้งใจเรียนช่วง ม.1-3 เพื่อเป็นสายวิทย์คณิต แต่พอขึ้น ม.4 เป็นสายตามีที่หวัง ก็พบกับระบบเดิมๆ การสอนเดิมๆ แค่เน้นวิทย์-คณิต เพิ่มมานิดหน่อย ก็ดีกับผีนะสิ ผมเกลียดภาษา ในช่วงนั้นผมตั้งใจแต่สายที่ผมต้องการแร่ถูกขัดความสนุกด้วยการยำรวมมิตรของวิชาต่างๆจนผม หมดสนุกเลย
มันทำให้ผมนึกย้อนความพยายามทั้งหมดที่ไร้ค่า จนผมดรอปไป 2-3ปี ผมถึงมารู้ว่าผมต้องการอะไรในชีวิตกันแน่
สรุปที่กล่าวมา การศึกษาไม่ได้สอนคนให้เห็นคุณค่าของตนเอง แต่ให้เห็นคุณค่าของสิ่งที่พวกเขาสอน จนกลบฝังความชอบ ความต้องการจริงๆของเราไปในท้ายที่สุด ขอบคุณครับ
รอให้คนป้อนความรู้ให้เหรอครับ ผมอายุ 47 สมัยเรียนผมอยู่แต่ห้องสมุด เล่นเนตแชทคุยกับคนทั่วโลก สมัยก่อนคนเล่นเนตเขานั่งเครื่องบินข้ามประเทศมาเอากัน เด็กสมัยรี้ใช้แอพหาคนแถวบ้าน ความคิดเด็กสมัยนี้มันล้าหลังเอง
ถึงยุคที่มหาวิทยาลัยต้องกลายเป็นแบบ Acadamy ในยุคกรีกอย่างแท้จริง ไม่ใช่โรงงานปลากระป๋อง ให้มีอิสระในการเลือกเรียนวิชาต่างๆ เก็บค่าเรียนเป็นรายวิชา เก็บหน่วยกิตของสาขาไหนครบ ก็ได้ปริญญาสาขานั้น เรียนได้ไม่มีวันจบ อยากรู้อะไรเพิ่มก็เดินไปลงทะเบียนเรียนวิชาที่อยากรู้ ถ้าเก็บหน่วยกิตสาขาอื่นได้ก็ได้ปริญญาอีกใบ หมดยุคการเลือกสาขาตอนปี 1 แล้วต้องเป็นสาขานั้นตลอด 4 ปี และภาคเอกชนต้องเข้ามาดูด้วยว่า วิชาไหนต้องการ วิชาไหนไม่ต้องการ วิชาที่ไม่มีใครต้องการก็ไม่ต้องเปิด ไม่ต้องหลอกคนมาเรียน
ผมเหมือนเคยได้ยินอจ.มหาลัยคุยกัน เขาก็เหมือนกำลังทำครับ เรียก ธนาคารหน่วยกิตซักอย่าง
@@colonelzans ผมก็ได้ยินมาจากคนอื่นเหมือนกันครับ ผมว่ามีหลายคนที่คิดได้แหละ แต่พอจะทำจริงก็จะมีคนแก่ๆ มาตั้งแง่เสมอ
เอาจริงที่พี่ว่ามามันก็คอนเซปเดียวกับมอรามเลยนี้ ของมอรามเขาจะเรียนคล้ายมอของฝรั่งเลยคือเรียนแค่เอาใบปริญญาเท่านั้น
แนวนี้ดี หาเพิ่มทีหลัง
ใช่เลยถ้าเป็นแบบนั้นจะดีมาก
ผมนี้ shock เลย ขยันเรียนต่างกันไม่กี่ปี
ผลลัพธ์ชีวิตต่างกันไม่เท่าไหร่
ตามยุคสมัย ช่วงนึงแห่เรียนป.โท เปิดกันทุกหัวระแหง คุณภาพก็ไม่ได้ ค่าเฉลี่ยคนจบโทเลยอาจจะไม่ได้มีความสามารถจริงๆ หาเงินเลยไม่แตกต่างครับเฮีย
แถวบ้าน จบนิด้าตรึม แห่กันไปเรียนโท (สิบกว่าปีที่แล้ว) เรียนตามกันยกหมู่บ้าน
บางสาขา เช่น คณิตศาสตร์,ฟิสิกส์,วรรณคดีเปรียบเทียบ,ภาษาบาลีสันสกฤต แม้แต่ภาษาฝรั่งเศส ก็คนเรียนน้อยลงทุกวัน
ปกติสาขาที่เป็นสายวิชาการความต้องการในตลาดแรงงานไม่ได้เยอะอยู่แล้ว
สายศิลป์-ภาษานี้เห็นด้วยเลยครับ น่าจะมาจากหลายๆปัจจัย เช่น มีเทคโนโลยีในการแปลภาษาที่สะดวกมากขึ้น ประกอบกับตลาดแรงงานต้องการคนที่มีความสามารถในการทำงานมากกว่าสื่อสารภาษาที่ 2 ได้ครับ(ถ้าใครมีก็ดีที่มีเครดิตมากกว่า)
ชีวิตคนมันสั้น. น่าจะลดเวลาการศึกษาลงหน่อยเช่น ประถมศึกษาเหลือชัก4ปีจาก6ปี.มัฐยมต้น.ปลายจาก6เหลือชัก4 ปตรีจาก4หรือ5เหลือลงชัก2ปีครับโทเอกอย่างละ1
เห็นด้วย เราว่าเริ่มวัยทำงานตอนนี้ช้าไป กว่าจะตั้งตัวได้ก็แก่แล้ว
@@DD2745 ผมเรียน ปตรี เอาจริงก็เหมือนเอาความรู้ปี1-2มาเรียนปี3-4. เอาง่ายๆยังไงความรู้ที่ใช้มันก็มาจากงานทีจะทำ ยิ่งทุกวันนี้ความรู้มันมีให้เรียนรู้ตลอดง่ายกว่ายุคไร้อินเตอร์เน็ต
จริง ควรเข้าเรียนมหาลัยตอนอายุ16ปีและอายุ19-20 ควรจบปริญญาได้แล้ว จบะปวช.อายุ16ปวส.ควรจบ18เริ่มทำงานได้แล้วเราว่าเริ่มงานตอน20-22 มันช้าาามาก
เดี๋ยวไม่มีเวลาเรียนวิชาลูกเสือสำรองครับ
อันนี้เห็นด้วย ต้องปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับวิชาและก็ช่วยอายุอีก ถ้าเหลือป.ตรีสักสองปี มัธยมสัก4ปี วิชาที่ไม่จำเป็นลดลงไปได้เยอะเลย
เพราะมันไม่ได้เป็นหลักประกันความมั่นคง มันดีในระยะแรก แต่พอเงินเดือนคุณเพิ่มขึ้นจนสามารถจ้างเด็กจบใหม่ได้สองคนบริษัทจะเริ่มบีบคุณให้ออกด้วยการอัดงานเข้ามาให้คุณ ถ้าอยู่ได้ก็จะอัดงานเพิ่มขึ้นอีกแบบอยู่ได้อยู่ไป อัดงานเข้าไปจนเกิด...การออกตามธรรมชาติ....คือสู้กับการบีบไม่ไหวแล้ว และการลาออกเองคุณจะไม่ได้อะไรเลย แต่เพิ่งไม่กี่ปีมีกฏหมายถ้าทำงานครบสิบปีแล้วลาออกจะได้เงินชดเชย....
กฎหมายอะไรคะ ถ้าไม่มีประกันสังคม จะได้เงินชดเชยไหมคะ
คุณเข้าใจผิดแล้วกฎหมายคุ้มครองแรงงานปี2541 มีค่าชดเชย ตั้งนานแล้ว ตามมาตรา118 ที่เพิ่งแก้ล่าสุดคือถ้าทำงานครบ10จะได้ค่าชดเชย400วัน ถ้าจำไม่ผิด
@@mdan8791ค่าชดเชยไม่เกี่ยวกับประกันสังคม
โดนกดดันจนลาออก กับหมดไฟจนโดนไล่ออก
ผลลัพธ์ต่างกันแค่ เสียเวลาและเสียใจ กับ เสียเวลาและเสียโอกาสในอนาคต
เฺฮ้อไม่แปลก ทำไมคนหันไปทำธุรกิจดำมืดกันจริงจัง เพราะส่วนหนึ่งได้แผลเป็นจากสังคมชั้นต่ำนี่เอง
ฉันเรียนจบปริญญาตรี แต่หางานทำไม่ได้ ฉันนั่งรถเมล์หางานทำ ฉันเดินดูตามบริษัท ฉันเขียนใบสมัครทิ้งไว้ไม่เคยโดนเรียก ฉันเลือกงานที่ฉันถนัด แต่ไม่ได้งาน ฉันไปได้งานที่ฉันไม่ถนัด ฉันทำไม่นาน ฉันก็ต้องออก สุดท้ายพี่ชายทำให้ฉันมีงานทำ แต่งานที่ทำไม่รู้จะทำได้นานเท่าไร เวลานี้ฉันอายุจะ 40 ปีแล้วปีนี้ ฉันกลัวตกงาน ฉันคิดว่าตัวฉันความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด ถ้าไม่มีคนหางานทำให้ฉัน ฉันคงหางานทำไม่ได้
การเรียนมหาลัย ได้ connection เพิ่มจากการเรียนมัธยม สมัยนี้ตั้งใจเรียนรู้จาก ออนไลน์ ก็พัฒนาตัวเองได้ไม่ยาก
ต้องดูสาขาที่เรียนด้วย บางสาขาไม่รู้เรียนถึง ป ตรี ไปทำไม เทียบกับจบ ม ปลายแล้วไปหาประสบการณ์จริง ยังจะดีกว่า
หลักสูตรโบราณตามโลกไม่ทัน แต่ก็เรียนดีกว่าไม่เรียน
จริงค่ะ เรามองเห็นได้จากตัวเอง เพราะว่าเราก็ไม่ได้สามารถหางานได้ง่ายเลย
วิเคราะห์ได้น่าสนใจมากครับ
เพราะการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตทำให้สามารถค้นหาความรู้ที่เราต้องการได้เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการความรู้นั้นๆในการทำงาน ก็จะสามารถเปิดมือถือหาได้เลย แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะผมคาดว่าในอนาคตก็จะกลับมานิยมใบปริญญาอีก เพราะหลายๆคนต่างก็รู้ว่าทุกคนสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เนื้อหาของมหาวิทยาลัยก็จะเปลี่ยนไป ส่งผลให้มีความชำนาญในสาขาๆนั้นมากขึ้น และใบปริญญาก็จะยังเป็นหลักฐานที่ดี เพื่อพิสูจน์ว่าเราสามารถทำได้เร็วกว่า และแม่นยำกว่า
มีหลายสาขาที่ต้องการเวลาและความพยายามอย่างมากถึงจะได้ความรู้พื้นฐาน เช่น แพทย์ วิทยาศาสตร์ แม้จบปริญญาตรีก็ยังไม่พอ ต้องต่อโทต่อเอก และผลตอบแทนความขยันหมั่นเพียรอย่างยิ่งยวดนี้ต่ำมาก แพทย์ยังมีงานทำแน่ๆ แต่เฉพาะสายวิทยาศาสตร์ เวลาทำงานถ้าไม่เรียนต่อต้องไปแย่งงานกับสายอื่น ในงานที่ตัวเองไม่ถนัด เลยไม่ตอบโจทย์ใดๆ เรียกว่าไปบ่อฮอดจอดบ่อถึงของแท้
คนจะเรียนยากเพื่อหางานยากค่าตอบแทนต่ำไปทำไม
ก็เพราะโดนล่อลวง ด้วยสวัสดิการเท่าเศษขี้เล็บ
้ใช้ ChatGPT เลยขี้เกียจเรียนต่อ 😅😅😅😅 เพราะสิรี ตอบโจทย์ได้หลากหลายคำตอบ + คำตอบเยอะมากกก
ก็แหงดิ คนจบมหาลัยมาตกงานเพียบ
พวกบริษัท โรงงาน ผู้ประกอบการในต่างจังหวัด แห่กันรับวุฒิแค่ ปวส. ปวช. ม.6 เพราะจ่ายเงินเดือนน้อยกว่า
พวกจบ ป.ตรี ส่วนใหญ่ต้องเข้ากรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ ถึงจะมีงานทำ
การเรียน ก็คือ การลงทุนแบบหนึ่ง มีต้นทุนและก็สูงขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนในการศึกษา กับ การลงทุนความรู้ มันคนละแบบกัน ทีนี้เมื่อการลงทุนในการศึกษาเพียงเพื่อหวังว่า เมื่อจบมาจะได้มีหน้าที่การงานที่ดี
แต่ มันไม่ตอบโจทย์ กับยุคสมัยนี้แล้ว สำหรับคนบางกลุ่ม โดยมี เงื่อนไขเรื่อง ภาระ การเงิน หรือเป้าหมายในชีวิตที่มองเปลี่ยนไป คนบางส่วนก็จะมองหาโอกาสในการเรียนรู้งาน เก็บประสบการณ์ จากการทำงาน
ที่ได้ผลตอบแทนน่าพอใจ และเริ่มสร้างตัว อย่างที่บอก ด้วยภาวะรอบด้านของสังคม ที่ปัจจัยหลัก ก็คิอ เงิน ใครหาเงินได้มาก คนนั้นเก่ง เพราะเงินแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ แต่ยังไงการเรียนก็สำคัญ แต่อาจต้องปรับหลักสูตร ให้ทันสมัย ทันต่อ เทรนอาชีพ ของโลกที่เปลี่ยนไปเร็ว เกือบ 10 ปีมาแล้ว เด็กหลายคนที่รู้จัก เรียนเอาจบแค่ ม.3 แล้วก็เริ่มทำงานเก็บเงิน เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างดี แต่...ไม่ใช่ทุกคนที่จะสำเร็จ แม้แต่คนที่จบสูงๆก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลคะ
คงไม่ต้องหวังขึ้นเดือนดาวกันแล้ว เพราะคนรุ่นหลังสนความมั่งคั่งมากกว่าความรู้
5555มันขึ้นลงเดียวการศึกษาก็กลับมา ค่านิยมตอนนี้อาจต้องการแรงงานแต่ผมแนะนำ ความรู้มีเก็บไว้ดีกว่าไม่มี ถ้าเกิดต้องคัดคนขึ้นมาการศึกษานี่แหละจะเป็นตัวช่วยได้ดี
Thank you 🙏🏻 so much ⭐️👨🏻🎓⭐️
จากประสบการณ์โดยตรง การจบมหาวิทยาลัยอาจไม่ใช่ตัวการันตีความเก่งต่อไป แต่ใครจบก่อน รู้เป้าหมายในชีวิตก่อนก็ย่อมได้โอกาสและได้เปรียบ การศึกษาอาจไม่ใช่ตัวการันตีความเก่งและอนาคตในการทำงานอีกต่อไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนจบสูง และมหาลัยดีๆ มี % ได้งานมากกว่า ดังนั้น ใครรู้และวางเป้าหมายชีวิตก่อน และรู้ว่าเรียนไปทำไมมากกว่า จึงได้เปรียบกว่าในการเรียนต่อ รวมถึง EQ ในการทำงาน อยู่ให้เป็นในองค์กรด้วย ไม่ใช่ซักๆ แต่เรียนให้จบ เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำราและมหาวิทยาลัยอีกต่อไป
แล้วมีกี่คนที่รู้ตัว ว่าความชอบของตนเองคืออะไร? ส่วนใหญ่ก็ได้แต่ก้มหน้าทำเป้าหมายในปัจจุบันให้สำเร็จ จนลืมตัวตนไป พอมารู้ตัวอีกทีก็สายเกินกลับไปแก้ ช้ากว่าคนอื่นเขา
เอ่อ........ข้อมูลจากฝั่งอเมริกา มันคือ ข้อมูลของคนเรียนมหาลัย กับไม่ได้เรียน แล้วรายได้พอๆกัน คนเลยจะไม่เรียนแล้วเชื่อว่าเรียน ม. ปลายก็พอทำงานหารายได้เลี้ยงชีพได้พอแล้ว
แต่ของไทยที่เอามา คือ............เด็กเกิดน้อย คนเรียนเลยลด
มันคนละสาเหตุไหมอะครับ?? ของไทยไม่ได้แปลว่าคนนิยมเรียนมหาลัยลด แต่จำนวนตั้งต้นมันลดไหมอะ = =!a
รึเข้าใจอะไรผิด
รวมๆ คือ คนเรียนมหาลัยลดได้แหละมัง
ผมว่ายุคนี้ พ่อแม่ยุคใหม่ ไม่ได้บังคับให้ลูกต้องเรียนมหาลัยแล้วแหละ
พ่อแม่อาจจะบอกว่า ลูกมานั่งขายของหน้าเฟสแบบพิมรี่พายไหม ลูก ได้เงินเป็นล้านๆง่ายๆเลยนะ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบด้วย เสียเวลาเปล่าๆ
ยุคนี้เน้นปากท้องมาก่อน อะไรที่ได้เงินมาง่ายๆ แล้วได้เยอะ ก็ทำเลย
จะไปเสียเวลาไปเรียนมหาลัยทำไม 😅
อะไรเหล่านี้ อาจจะเป็นแรงผลักดันให้คนยุคต่อไป เข้าสถาบันการศึกษาน้อยลง ก็เป็นได้นะ เออ
@@NorNor-bb6dn ก็อาจจะมีแนวโน้มครับ แบบไปใกล้ของอเมริกา
ยิ่งถ้าทางบ้านเด็กมีช่องทางมันอาจจะดีกว่า
แต่ข้อมูลในคลิปอาจจะไม่ได้เทียบตรงๆ ฟังจากหลายๆช่อง (เลยเทียบยากนิดนึง)
ถ้าสาขาหลักๆ ก็ยังจำเป็น แบบ หมอ วศ. ฯลฯ
ถ้าอาชีพไหนไม่ต้องการันตีจากสมาคม ก็อาจจะลดลงอะไรทำนองนั้นครับ
ทำไมถึงคิดว่าได้เงินเป็นล้านง่ายขนาดนั้น @@NorNor-bb6dn
อยากให้สนับสนุนอาชีวะครับ
เห็นด้วยครับ เพราะตลาดบ้านเราก็ต้องการ
แต่ที่ดีๆ ผมเข้าใจว่าน่าจะอยู่ใน ตจว.
อาจจะไม่หลากหลายอาชีพเท่าไหร่ (เดาส่วนนึงนะครับ ไม่ได้รู้ลึกมาก)
ส่วนใน กทม.ต้อง เรียกว่า รีบูทใหม่หมด เพราะปัญหาหมักหมมนานเกินไปแล้ว (คือมีข้อดี แต่ไปเสียด้วยแบบอื่น)
เราส่งลูกไปเรียนดนตรีที่ YAMP เรียนดนตรีหนักมาก ตอนนี้เก่งขึ้นเยอะ เขาอยากเป็นศิลปิน
การเรียนในยุคนี้ ไม่มีความสามารถในการที่จะชี้วัดได้ถึงความสำเร็จในด้านไหนได้เลย มันจะต้องเป็นการเรียนเพียงเพื่อให้ต้องมีใบปริญญาเพียงเท่านั้นหละก็ พอเถอะ โปรดสงสาร พ่อ-แม่ ที่อดตาหลับ ขับตานอนมาเพื่อ ให้ได้ต้องมีค่าเทอม เพื่อให้ส่งเสียการเรียนของ บุตร หลาน ตัวเอง อะไรกันขนาดนั้น เป็นวัฒนธรรมการเรียนที่ ควรตามให้ทันโลกยุคอีก 20 ปี ข้างได้แล้วมั้ย
แล้วทำงานอะไรอยู่ครับตอนนี้
อย่าเว่อออ จริงอยู่ที่ตลาดงานต้องการคนมีประสบการณ์ แต่ถ้าเครดิตไม่มีใครเขาจะกล้ารับไปฝึกอะ แค่งานคลังสินค้ายังrequireวุฒิม.ปลายเลย สุดท้ายปริญญามันก็บอกความสำเร็จในตัวคุณได้ไม่มากก็น้อยแหละ
ค่าเรียนแพงแต่ทำงานแล้วรายได้ต่ำ😊ไม่คุ้ม
ที่ต่างประเทศส่วนใหญ่ พอจบ ม.6 เขาจะยังไม่ตัดสินใจเรียนอะไรต่อ..เขาจะทำงาน เก็บเงินเที่ยวก่อน..คล้ายๆ เที่ยวรอบโลก..หาประสบการณ์ชีวิต ลองงานที่อยากลอง..เช่นลองเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หรือดูแลคนแก่..ซึ่งงานพวกนี้ต่อยอดไปถึงระดับ หมอ พยาบาล นักวิจัย นักเคมี นักโภชนาการ นักกายภาพ นักสรีระ จิตแพทย์ คือกว้าง..ทำไป ปี-2ปี ค่อยตัดสินใจไปสายที่ชอบจริงๆ แล้วระหว่างเรียน เขาจะเน้นฝึกงานยาวๆ 3เดือน 6เดือน เรียน ที่ รร. แค่ 1-2เดือน..คือบางคน ไปลองฝึกงาน..ถ้ารู้ว่าไม่ชอบ ก็หยุดเรียน..ไปหาสิ่งที่ชอบจริงๆ.. มันเป็นแบบนี้😊
การเรียนการสอนของประเทศไทย ในระดับที่สูงตั้งแต่ ม.ปลาย หรือในระดับอุดมศึกษา หรือ มหาวิทยาลัย ไม่ได้สอนให้ผู้เรียนว่าเรียนจบแล้ว ว่าจะออกมาเป็นผู้ประกอบการ หรือ ลูกจ้าง สถาบันการศึกษา ไม่ได้เปิดสอนเฉพาะทาง เช่น ดนตรี เกษตร เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ แต่สอนแบบรวมกันหลายวิชา ซึ่งในชีวิตจริง ไม่ได้ใช้ทุกวิชา หลายคนคิดว่าการเรียนรู้จบแล้วที่โรงเรียน แต่ความจริงมันไม่ใช่ โรงเรียนสอนเราได้แค่ 25% ที่เหลืออีก 75% เราต้องหาเพิ่มเอง ตอนนี้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ LONG LIVES LEARNING การเรียนรู้ตลอดชีวิต กันมากขึ้น ความรู้อยู่ที่ Google, TH-cam ฯลฯ อยากรู้เรื่องอะไร อยากจะทำอะไร คุณสามารถค้นหาข้อมูลได้ตลอด คุณต้องเป็นคนเดินไปความรู้ เพราะความรู้จะไม่เดินมาหาคุณ
ปั่นหัวไม่ให้เรียน จะได้หลอกง่ายกว่า ตรงข้ามต่างประเทศเน้นการศึกษามาที่หนึ่ง เพราะความรู้กู้ชาติได้
เรียนจบมาเตะฝุ่นเยอะแยะ
@@handsomeguy1234 การเรียนคือการ ฝึกให้คิดวิเคราะห์ และเปิดโลกให้กว้าง การเรียนจบมาไม่ใช่ว่าจะต้องมาทำงานรับใช้เขาอย่างเดียวแต่ สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ ในการดำเนินชีวิตและต่อยอดความรู้ และแก้ปัญหาได้ บางคนอาจต่อยอดเป็นเจ้าของกิจการ ทำอาชีพอิสระ ก็มีเยอะแยะ บางไม่จำเป็นต้องไปทำงานให้ใครหรอก
@@thilmetro2786 ครับ ถ้าเรียนแล้วสังคายนา ตัวเอง เอาตัวรอดเป็นยอดดี แบบนี้ยังไงก็อยู่รอด แต่ถ้าจบมา เอาตัวไม่รอด งงๆ ในโลกใบใหญ่ ยังงี้ ยากครับ
@@thilmetro2786 จบมา คุณจะเป็นนายตัวเอง เป็นหัวหน้า โดยที่ไม่เคยทำงาน ไม่มีประสบการณ์ แค่คิด ก็อ่วมแล้วครับ
@@handsomeguy1234 เห็นน้องๆ ในยุคนี้หลายๆ คน ประสบผลสำเร็จ ในการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ จนเป็นเจ้าของธุรกิจได้หลายๆ คน บางคนใช้ชีวิตดักดานในออฟฟิตไม่กล้าออกไปทำอะไรด้วยตัวเองเพราะกลัวเสี่ยง ชีวิตถึงดักดานได้แค่ลูกจ้างจนแก่ เพราะอยู่แต่ใน safe zone มาทั้งชีวิต ไม่อยากออกจากงานมาทำอะไรด้วยตัวเอง ของแบบนี้จะไปตัดสินใครไม่ได้หรอก ประสบการณ์ชีวิตและบทเรียนชีวิตล้มลุกคุกคลานจะสอนเองว่าควรทำอะไรยังไงต่อไป
มององรวม จบที่แต่ละคณะเยอะมาก แต่อัตราจ้างงานก็ต่ำกว่าที่จบ ความต้องการน้อยแข่งขันเยอะ ตกงานก็เยอะ ก็นำมาซึ่งเรียน มาไม่ได้การันตีจะได้งาน ส่งผลต่อให้มีความคิดที่ว่า สอนหาเงินเป็นลงทุนเป็นตั้งแต่ มัธยม ก็น่ากว่าจะเสียเวลาไปเรียนมหาลัย - * -
มันทำธุรกิจการศึกษา เก็บค่าเทอม ขายหนังสือ
สาขาที่สำคัญในวิชาชีพก็คงต้องเปิดต่อไป เช่น แพทย์ วิศวะ พยาบาล บัญชี นิติศาสตร์ แล้วปิดสาขาอื่นแม่งให้หมด 55 หรือปิดมหาลัยไปเลย แล้วไปจ้าง เด็ก ม.ปลาย เป็นหมอ ก็ได้ ให้มันดู youtube รักษาเอาก็ได้มั้ง
บางคนอยากจะเรียน แต่ไม่มีเงิน กู้เรียนไม่ได้
TDRI น่าจะทำสำรวจและวิจัยการปฏิรูปการศึกษาทั้งระดับพื้นฐานและอุดมศึกษา ที่เป็นข้อมูลที่ update
...งบภาษี ทุ่มขนาดนี้ แต่การศึกษายังห่วย ก็คงรู้ไปกันดี
ใช่แล้วป.ตรีได้ค่าแรงขั้นต่ำ😂😂😂
ไม่เรียนสิครับ ก็ไปขายของเปิดร้านหมูกะทะ ส่วนคนที่เรียนก็ไปออกแบบระบบ ไปเป็น Engineer ไปเป็นหมอ ยกเว้นนักการเมืองนะครับ พวกนั้นให้เลขาเรียนแทน 😂😂😂
นับถือๆท่านผู้รู้จริง
ทำธุรกิจตัวเองช่วงแรกๆ ลงแรงเยอะมาก ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน เป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 ปีกว่าจะเริ่มตั้งตัวได้ คนไทยส่วนใหญ่ทำแบบนี้ได้เปล่า เห็นมีแต่คนจีนที่อดทนแบบนี้
@@rickfreunde5957 ยินดีด้วยนะครับ ยินดีกับความพากเพียร ความเสมอต้นเสมอปลาย ขอให้รุ่งเรืองยั่งยืนเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขา เป็นที่พึ่งพิงให้สัตว์น้อยใหญ่ 🤗🙏🙏🙏
555ดิฉันป็นลูกครึ่งไทยจีน
คนไทยก็เก่งทำอาหารไทย เหมือนคุณแม่และคุณยายดิฉัน
ส่วนคนจีนอย่างคุณพ่อก็ค้าขายเก่ง
ก็มีดีต่างกันไปค่ะ
ตัวดิฉันเกิดที่ไทย ถือเป็นคนไทยค่ะ ดิฉันคงรับความเก่งมาทั้งแบบจีนและไทยนะคะ😂😂😂😂😂
คุณพ่อดิฉันเป็นจีนต่างด้าว แต่รักหญิงไทยค่ะ เพราะหญิงไทยทำกับข้าวอร่อย ประหยัด ไม่เกียจคร้าน ดูแลลูกๆ เป็นอย่างดีค่ะ 😂❤
ปริญญาก็มีสองด้านค่ะ มีปริญญาชีวิต และปริญญาบัตร ต่างก็มีเกียรติทั้งคู่ ถ้าใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ ต่อตัวเอง, ต่อครอบครัว และต่อสังคมค่ะ😊
จริงครับ
ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยเยอะ แต่คนเกิดน้อย คงต้องควบรวมกัน ส่วนตัวมองว่า10จังหวัดแรกที่มีมหาวิทยาลัย ในไทยสามารถควบรวมกันได้ สุรินทร์ สกลนคร ลำปาง นครสวรรค์ อยุธยา จันทบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต
นอกจากนี้ยังมีจังหวัดอื่นที่พอจะยุบรวมเข้ากันได้อย่าง
อุบลฯ นครราชสีมา มหาสารคาม เชียงราย เชียงใหม่ แพร่- อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช สงขลา
นอกจากนี้ อุดรธานี กับ สุพรรณบุรี ก็มีความน่าสนใจ
หลายปีผ่าน ที่อเมริกาให้ทุนนักกีฬา มากมายครับไม่ทราบเพราะเหตุผลใด สมัยผมไปเรียน จ่ายมากกว่า เสียดายโอกาสเหมือนกันครับ
แล้วใครจะมาเปนหมอ พยาบาล วิศวกร ครู อาจารย์ นักวิชาการ ผู้มีตวามรู้ด้านต่างๆ เพื่อมาขับเคลื่อนประทศหละทีนี้..
ใบรับรองการศึกษามันบ่งบอกได้ว่า เราคือผู้รับใช้ทำงานที่ผ่านการศึกษามาแล้วอย่างดี แต่เจ้าของกิจการต้องการความรู้ในงานที่จะทำ
และคนมีประสบการณ์จริง มาก กว่า คนที่มีเศษกระดาษเช็ดตูด
การเรียนมหาลัยแบบไปพบอาจารย์ที่มหาลัยอาจจะน้อยลง แต่ถึงยังไงเนี่ย ก็ต้องเอาใบปริญญาไปสมัครงานอยู่ดี เพราะ จบต่ำกว่าปริญญา เงินเดือนที่คุณได้ขั้นต่ำก็คือ 12,000 บาท หรืออาจจะน้อยกว่านั้น เชื่อสิไม่มี ผู้ประกอบการ ที่ไหน อยากได้พนักงานบริษัทที่จบต่ำกว่าปริญญาตรีหรอก
ธุรกิจการศึกษาก็ไม่ต่างกับพุทธพาณิชย์ สักวันก็บรรลัย
😂🤣👏👍
ใช้เงินมากเกินไปค่ะเรียนนานด้วยหลายปี
ครูสปอยแล้วว่าคนจะเข้าโรงเรียนน้อยลง
ไม่แปลกนิ เด็ก จบ ป.ตรี ใหม่ ๆ โดนกดเงินเดือนเหลือ 12k ในขณะที่คนจบ ม.ปลาย เริ่มต้นขายของ แรก ๆ อาจจะได้สัก 9k แต่พอขายสัก 4 ปี อายุเท่ามหาลัยเขาก็มีช่องทางหาเงินเกิน 20k กันละในขณะที่เด็ก ป.ตรียังโดนกดค่าแรงไม่เลิก ลองไปถามระบบเศรษฐกิจดูก่อนเถอะว่าให้ค่ากับ skill labor หรือเปล่า
This case also happened in Laos
บริษัทเฟ้นหาบุคลากรที่ตรงสายงานก็ลำบาก หรือตรงแต่ต้องมาฝึกสกิลใหม่
ถ้าระบบมหาวิทยาลัย ไม่ปรับตัวตามยุคสมัย ก็เตรียมเสื่อมความนิยมจริงๆ
เลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย มันเหนื่อยครับ😢เอาตัวเองรอดให้ได้ก่อน❤
เรียนไปเหอะครับ ถ้ามีโอกาส เชื่อผม กระดาษนี้แหละทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นในปัจจุบัน
ก็พระเจ้าไม่ได้เป็นผู้กำหนดและสร้างระบบการศึกษาและใบปริญญาขึ้นมาซักหน่อยหนิ...
ทำไมต้องก้มหน้าก้มตาเดินตามด้วย ?
ปันหาหลังจากเรียนจบสูง
1.ไม่ชัวร์ว่าจะหางานดีดีทำได้เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
2.รายได้ไม่ได้ดีไม่ได้ต่างจากคนจบไม่สูง เท่าไหร่ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ถ้าเรียนจบ รายได้ต่างจากคน เรียนจบไม่สูงเยอะ มันเลยมีความคิดที่ว่าต้องเรียนให้จบสูงๆ ชีวิตถึงจะดีขึ้นและมั่นคง
แค่สองข้อนี้ ก็ชัดแล้วว่า ยุคสมัยมันเปลี่ยน งานที่ไม่จำเป็นต้องเรียนจบสูงแล้ว รวยได้ มีเยอะกว่าและรายได้ เยอะกว่าคนเรียนจบสูงมากเช่ น เรียนจบสูงเงินเดือน15000-30000 แต่คนทำงานอิสระ มีรายได้ หลักแสนต่อเดือนได้มีเยอะเลยเช่น ยูทูปเบอร์ เป็นต้น
ทุกวันนี้การศึกษา ความเชิงลึกไม่ได้อยู่ในแค่มหาลัย วิทยาลัย ปวส ปวช ที่เน้นปฏิบัติหนังสือแบบเรียนมีการหยิบยกทฤษฎีเชิงลึกเข้าแล้ว สถาบันเทรนนิ่งระยะสั้นก็ด้วย
การเรียนมหาลัย เป็นการเรียนเพื่อหวังผลที่สูงขึ้นมากกว่าเช่น เรียนเพื่อใบอนุญาติ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเพิ่มสายป่านในธุรกิจของตัวเอง หลับหูหลับตาเรียนเผื่อเต็มที่แค่ว่าเลือกได้นิดหน่อยมากกว่า แต่ไม่ค่อยคุ้มค่าเรียนทุนที่ลงทุนไป.
ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่หันไปเรียนสายอาชีพเยอะครับแต่เมื่อเรียนจบออกมากัลบไม่รับรับเข้าเรียนต่อระดับป.ตรี เลยอย่างจุฬาธรรมศาวตร์แบบนี้เหมือนปิดกั้นโอกาสแล้วบอกไม่มีคนเรียนคืออะไรครับม.รัฐบาลอาจจะมีผมกระทบน้อยเพรสะได้งบจากภาครัฐเยอะแต่เด็กก็น้อยลงทุุกปี
สายอาชีพ แทบไม่มีคนเรียน
ทุกวันนี้ก็เห็น มหาลัยขึ้นค่าเทอมกันละแสดงว่าส่งผลจริงๆ
เมื่อก่อนคนเรียนหนังสือน้อย คนที่ได้เรียนออกมาก็เป็นหัวหน้า แต่ตอนนี้พอทุกคนได้เรียน จบมาก็เหมือนๆกัน
บางอาชีพไม่ต้องเรียนมหาวิทยาลัย และหลายๆอาชีพควรผ่านมหาวิทยาลัยเพราะความรู้ที่ได้(ถ้าตั้งใจศึกษานะ)นำไปใช้กับอาชีพนั้นๆ
ระวังให้ทุกคนทำสิ่งเหมือนๆกันมีแต่เจ๊ง
ใช้ไม่ได้ กับสายวิทยาศาสตร์สุขภาพคับ ที่จะเรียนแค่ ม 6
มหาวิทยาลัยไห้แต่ใบปริญญา
แต่ไม่ได้ไห้ความรู้ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป
อยากให้เพิ่มวิชาผู้ประกอบการใหม่ ในทุกๆสาขา
ไม่ดีเสมอไปครับ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีแต่คนจะขาย ไม่มีคนซื้อ
ความรู้หาง่ายกว่าสมัยก่อน กระจายอยู่ทั่วไปในอินเตอร์เน็ต
แล้วการหาความรู้แบบ Focus เอาเฉพาะส่วนสำคัญก็จะประหยัดเวลาเรียนรู้ได้มากกว่ามาเรียนทั้งเล่ม
ก็ธรรมดาหลักสูตรตั้งแต่ 100 ที่แค่เปลี่ยนเลขปีแต่เนื้อหาเหมือนเดิม เขาก็ไม่อยากเรียนกันล่ะ จะสอนคนปัจจุบันก็ต้องใช้ความรู้ของคนปัจจุบัน คนมันถึงจะสนใจ
ถ้าเป็นสายวิศวกรรม สายวิทยาศาสตร์ สายเฉพาะทาง ยังไงต้องมหาวิทยาลัยแหละ แต่ถ้าเป็นสายอื่นๆ มันเริ่มจะมีโอกาสที่เรียนแค่ม. ปลายแล้วไปต่อเฉพาะทางก็น่าจะพอเริ่มหางานได้
ปล. อเมริกาเรียนแพงโครตๆ ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำมันสูงมาก ดังนั้นจะเรียนสูงให้เป็นหนี้ไปทำไม ถ้าจบ high school ก็หาเงินได้พอกัน แต่ต้นทุนถูกกว่า
ผมกำลังงงกับชีวิตว่าจบ ม.6 ดีไหม
ผมต้องการเป็น animation และ นักวาดรูป(ผมควรเลือกอะไรดี)
เรียนอาชีวะที่ต้องการของตลาดเรียนทำงานต่อ ตรี เข้าราชการได้เข้าเลยครับ อนิเมชั่น เอาเป็นงานอดิเรก
ฝีมือไม่ดีจริง ไม่มีเส้นสาย
อย่าไปหากินกับอนิเมชั่นนะครับ ที่นี้ประเทศไทย
ทำงานเพื่อเงิน แต่เงินไม่พอใช้ไง
ถ้ามีหลานคงไม่ไห้เรียนสูงเอาแค่ภาคบังคับพอ
หลายมหาลัย เริ่มเอา Ai เข้ามาสอน ทำวิทยานิพนจบก็ใช้ Ai เขียนกัน คุณค่าของตัวมหาลัยก็เลยลดลงเรื่อยๆ เพราะ Ai เข้ามาแทนที่ผู้สอนแล้ว
มันไม่ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ๆ
ความสามารถต้องเฉพาะทางถึงหางานเงินดีได้ ยุคสมัยหน้าจะเป็นยุค Ai งานจะยิ่งน้อยลงอีก
ผมว่าเราจะลอกแบบใคร ควรดูว่าประเทศนั้นคนเป็นอยู่กันแบบไหน มีชีวิตสุขดีหรือไม่ครับ หากคุณอยาก end up มีชีวิตแบบคนอเมริกันก็ทำตามแบบเค้าครับ
แต่สำหรับผม ผมชอบแนวคิดและความเป็นอยู่ในแบบสแกนดิเนเวียนครับ
สาวสวยด้วย
น่าจะเป็นแค่บางม. เพราะไบแอสเยอะ + เด็กเกิดน้อยลง
😂😂😂😂จบพยาบาล สตาร์ทเงินเดือน15,000บาท ได้เท่าทำงาน7-11ค่ะ5555
การเรียนเป็นสิ่งดีแต่เรียนมาแล้วตกงานหรือเรียนสูงๆๆก็ไม่ปรับวุฒืการศึกษาไม่รู้จะเรียนทำไมรัฐบาลต้องสนับสนุน
สภาวิชาชีพ ทางสายวิทย์สุขภาพ พาเยิน เปิดจนเฟ้อ5555
บางคน เรียนเอกชน จบมา เงินเดือนไม่ถึง18,000ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่สาขาที่ตลาดแรงงานต้องการขนาดนั้น งานที่ได้ก็แทบจะไม่ตรงสายที่เรียนมา ตลกร้ายมาก เรียน4ปี บางคณะ5ปี แต่จบมา ได้เงินน้อย กว่าพวกสายอาชีพ ที่เรียนกันแค่3ปี อีก
เราเรียนแต่ละหลักสูตรนาน เพราะมหาวิทยาลัยอยากได้เงินมาก ถ้าลดเวลาเรียนลงคนก็ยังอยากไปเรียนอยู่
หมดยุคเรียนมหาวิทยาลัยมาหลายปีแล้ว
อ่านข่าวสรุปมาเลยได้มั้ย เจอตัวเลขเปอร์เซนต์ปุ๊ปเปลี่ยนช่องหนีเลย
มันเสื่อมมาหลายปีแล้วเถอะครับ เพราะไม่มีเรียนฟรีแบบสมัยก่อน เสียเวลาชีวิต(เรียน 4-5ปี เก็บเงินได้เท่าไหร่แล้ว สมมุติเดือนละ 10,000 บาทก็เกือบครึ่งล้านค่าเสียโอกาส Opportunity cost) และลงทุนเยอะในการเรียนจบแล้วมาใช้หนี้ หลานโฮสแฟมิลี่ผมจบแค่ไฮสคูลก็ทำงานแต่งงานมีลูกหมดแหละครับ
คอสเรียนในออนไลน์ใช้ได้จริงว่าในมหาลัย 😂
เพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้บ่งบอกถึงการประสบความสําเร็จในชีวิต
ผมว่าดีนะ ความเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ซึ่งไทยเราเน้นปริมาณมานานกว่า 20ปีแล้ว
จบมาก็ไม่มีใครจ้าง
มีการปรับวุฒิการศึกษาให้เงินเดือนสูง
แล้วแต่ว่าสาขาอะไร บางสาขาคนสอนมันยังตอบไม่ได้เลย ว่าเรียนจบแล้วจะไปทำงานอะไร
เข้าไปเจอโซตัส อยากเรียนไหมละ
จบแค่ ม.3 เป็นแค่ช่างเงินเดือนเกือบ 30,000 บาทแล้ว
จริงๆการเรียนสายวิชาชีพสำคัญที่สุด ต้องมีทักษะ ความถนัดทางอาชีพติดตัวไว้สักอย่าง เพื่อหาเลี้ยงตัวเองให้ได้
แต่นักษึกษาสายอาชีพบ้านเรา ภาพลักษณ์ก็เห็นๆอยู่ ยังไล่ยิง ไล่ตีกันอยู่เลย กระทรวงศึกษาไทยล้าสมัยมาก ไม่ปรับตัว ไม่ปรับปรุงอะไรเลย งบก็เยอะ ฝากไว้ให้คิด
มหาลัยต้องปรับตัว ตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม และเทคโนโลยี และความต้องการอื่นๆที่กำลังเกิดขึ้น....
สอนแต่สิ่งที่ใช้งานไม่ได้
หากำไรจากนักเรียนจนรวยเลย ในความคิดนะ
มันไม่ได้เป็นทุกประเทศ จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ มหาวิทยาลัยยังสำคัญ
มันเป็นค่านิยมรุ่นเก่าครับ ต้องเป็น หมอ ทนาย ราชการ เท่านั้น เดียวก็จะค่อยๆหายไปเลย / พวกนี้แข่งกันเรียนสูงครับเพื่อเป็น เจ้าของ แล้วก้จ้าง คนไทย หรือ ชาติที่ด้อยกว่าไปเป็น แรงงานราคาถูกกว่าครับ / คนจีน จบมหาลัยดังๆ ตกงานเยอะมาก หนีมาทำงานในไทยเยอะเเเยะ
@@rayodesoona750 หรอแล้วยูทูปเบอร์ แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ มันผ่าตัดคนได้ มันไปรบได้ หรือมันเอาหลักสูตรไหน คือ ชุดจัดประสบการณ์ความรู้มาจากไหนมาสอนคนหรอ ท่านนักคิดไปเรื่อยตอบสิพ่อคนรุ่นใหม่ที่ทำนาไม่เป็น
จบมหาลัยครับแต่ไม่ได้ใช้เลยเปิดบ้านเช่าก็อยู่ได้ล่ะ ความรู้ที่ใช้จริงๆคือบวกลบคูณหารอ่านออกเขียนได้ใช้แค่นี้ ที่เรียนมหาลัยเพื่อเอาประสบการ์ณแค่นั้น😅
ความรู้มันหาง่ายแค่เพียงปลายนิ้ว จะเสีย เวลาเรียนไปทำไม ในเมื่อเด็กกับโทรศัพท์เพียง 1เครื่อง ก็สามารถหาความรู้และประสบการณ์ได้ง่ายๆ
สมาธิสั้นเทียมครับ อย่าหาทำนะนั้น
@@sen45600 มันขึ้นอยู่กับบุคคล ขนาดผู้ใหญ่ที่พึ่งโชค ซื้อหวย เล่นการพนันยังมีมากมาย มันจึงเป็นปกติที่จะมีเด็กที่ขาดความยั้งคิด และยิ่งจมดิ่งลงไปกว่าเดิม
ก็นั้นสินะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะฉลาดมีความสามารถสร้างเส้นทางด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงหมาก หาเช้ากินค่ำไปวันๆ
บางคนเลยเลือกไม่เรียน จบแค่ ป.6 นอนอัพยาบ้าอยู่บ้าน จะได้มั่นคงกะเค้าบ้าง
ป.ตรีเปิดเท่าที่จำเป็นบางสาขาเลิกได้แล้วและควรบีบเวลาจบที่18ปีให้มีเวลาไปฝึกกะบริษัทอีก2ปี
พวกเรียนมหาลัยจบมายังได้มาเป็นลูกน้องพวกผมเลย ผมทำงานโรงงานนี้แหละจบแค่ ปวช การเรียนมันดีแต่ว่ามันไม่ใช่ในยุคนี้