EP.244 2/2 งานวิจัย 50 ปี ชีวิตหลังความตาย
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 5 ก.พ. 2022
- Facebook Live เพจหมอประเวช ตันติพิวัฒนสกุล
วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาสองทุ่ม
สนใจเรียนออนไลน์ หรือเข้าอบรม ดูรายละเอียดที่ www.morprawate.com
ติดต่อสอบถาม LINE morprawate
ฟังไฟล์เสียงซ้ำ Podcast ปลดล็อกกับหมอเวช
ตอนสมัยวัยรุ่นใช้ชีวิตผิดพลาดมาหลายอย่าง พอมาศึกษาธรรมะเลยเข้าใจว่าชีวิตทางโลกเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว เป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน หาสิ่งมาบำรุงความต้องการทางร่างกายตลอดเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้อายุ 40 เปลี่ยนความคิดหันมาบำรุงและพัฒนาทางจิต นั่งสมาธิเพื่อบรรลุธรรมและเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นไป ทำให้มุมมองทางโลกเปลี่ยนไปเหมือนคนละโลกกับเมื่อก่อนเลย รู้สึกว่าความสงบเป็นหนทางที่ดีสำหรับชีวิตครับและไม่คาดหวังกับการปฏิบัติ ทำไปเรื่อยๆครับ ขอเพียงพบความสงบสุข
ลองศึกษาพุทธวจน ดูครับ
รายการนี้ตอบคำถามทางบ้าน..ไช่ไหมครับ?..(เรื่องเก่าเดิมๆ) แต่น่าจะมีการค้นคว้า..วิจัย..การทดลองปฏิบัติใหม่ๆมานำเสนอ (แนววิวัฒวิทยาศาสตร์)..
ดี ครับ
สาธุขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
แนวคิดและแนวทางเดียวกันครับ แต่ที่มาในอดีตตรงข้ามกัน
ตอนสุนัขผมเสีย ผมทำบุญสวดมนต์ให้ทุกวัน พอวันที่ 7 ผมมีอาการเหมือนผีอำ คือตื่นลืมตามีสติครบแต่ขยับตัวไม่ได้ สัมผัสได้เลยว่าน้องหมาอยู่ข้างเตียงด้านหลัง ผมเลยพูดในใจว่าให้ขึ้นมาบนเตียงได้ ซึ่งสมัยมันยังมีชีวิตมันชอบขึ้นเตียงมานอนด้วยแต่จะรอให้ผมอนุญาติก่อน พอพูดจบมันกระโดขึ้นเตียงมา แม้ผมจะไม่เห็นเพราะนอนหันหลัง แต่ก็รู้เพราะเตียงมีการสั่น ผมเลยถามในใจว่าที่ทำบุญไปให้ได้รับหรือป่าว มันตอบกลับมาว่าได้ คือมันไม่ได้ตอบเป็นเสียงที่ได้ยินด้วยหูนะ มันบอกลักษณะเสียงไม่ถูกแต่เราเข้าใจคำตอบ แล้วมันก็มานอนเบียดข้างหลังผมเหมือนที่มันชอบทำตอนมีชีวิตอยู่
น้องหมาเสียมาจะตรบหนึ่งปีแล้ว มันจะมาในรูปแบบนี้สองสามเดือนครั้ง ผมไม่กลัวเลยกลับรู้สึกดีใจที่ได้เจอ แล้วก็จะเจอในฝันบ่อยมาก
ทุกวันนี้ผมกลายเป็นมนุษย์ตื่นเช้าใส่บาตรสวดมนต์ทุกวัน55555
"อย่าเอาความเชื่อไปผูกกับอัตตาของเรา ควรฟังด้วยใจที่เปิดรับแล้วนำมาพิจารณา" นี่คือสิ่งที่ทุกคนควรมีจริงๆ
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ครับคุณพ่อผมเสียชีวิตเมื่อปี2555ป่วยด้วยมะเร็งที่ปอดทางโรงพยาบาลให้มาเสียชีวิตที่บ้านออกจากโรงพยาบาลได้4วันพ่อเสียชีวิตสามวันก่อนตายพ่อบอกทุกคนว่ามีแสงสีส้มมาคลุมร่างกายพ่อวันที่ท่านตายท่านบอกลูกๆว่าจะตายวันนี้ตอนเวลาเพลพระบอกผมตอน9โมงเช้าและถุงเวลาพระตีกลองเพลเวลาฉันเพล พ่อบอกว่าจะไปแล้วมีทหารแต่งตัวเต็มยศมาตั้งแถวรอรับท่านความรู้สึกระหว่างมีแสงสีส้มมาคลุมตัวมีความสุขและบอกให้ทุกคนเตรียมสถานที่จัดงานให้เรียบร้อยทำอาหารถวายพระยังบอกว่าอยากให้มีผัดเปรี้ยวหวานถุงเวลาพระตีกลองเวลาเพลพ่อก็ใจขาดพอดี ผมฟังคุณหมอพูดใน 1/2มีบางเรื่องคล้ายพ่อผมครับ ขอแชร์เพียงเท่านี้ครับ ขอบพระคุณคุณหมอครับผม
ตายแล้วไม่จบต้องไปต่ออีก เป็นความเชื่อก็จริง แต่การบอกว่าตายแล้วจบหรือตายแล้วสูญ อันที่จริงก็เป็นความเชื่ออีกเหมือนกันนั่นเอง แต่ฝ่ายที่เชื่อว่าตายแล้วสูญมักไม่คิดว่าแนวคิดนี้ก็คือความเชื่อ เขามักรู้สึกว่ามันจริงอย่างสมบูรณ์ แบบวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ก็ไม่มีความรู้วิทยาศาสตร์ชุดใดมายืนยันได้อีกว่าตายแล้วจบจริงไหม วิทยาศาสตร์ยังคงสรุปไม่ได้และต้องศึกษาต่อไป เมื่อการคาดเดาความจริง ว่าตายแล้วสูญกับตายแล้วไม่สูญ ต่างก็เป็นความเชื่อด้วยกัน แล้วเชื่อแบบไหนได้ประโยชน์กว่า ก็ต้องบอกว่าเชื่อว่าตายแล้วไม่สูญได้ประโยชน์กว่า เพราะหากตายแล้วเกิดสูญก็เสมอตัว แต่หากไม่สูญขึ้นมา เราก็ได้ทำอะไรมากมายเป็นหลักประกันในโลกหน้าไว้แล้ว ส่วนพวกเชื่อว่าตายแล้วสูญ หากสูญจริงก็เสมอตัว แต่หากไม่สูญขึ้นมา เขาจะไม่มีอะไรมาเป็นหลักประกันในชีวิตหน้าไว้เลย
การเชื่อว่าตายแล้วสูญมีมาแต่โบราณ มันคือลัทธิแนววัตถุนิยม ในยุคพุทธการเองก็มี สำนักที่เชื่อเรื่องตายแล้วสูญจริงจังเป็นสำนักของอาจารย์ที่ชื่อว่าอชิตะเกตกัมพล ปรากฏว่าศิษย์จำนวนมากล้วนเป็นพวกโจรทั้งนั้น เป็นความเชื่อที่ให้โทษแก่สังคมมาก
ฟังที่อาจารย์ ผมนึกถึง "ทุกความดี ทุกความผิดที่ก่อ ล้วนก่อเกิดอนาคต" ปรัชญาคำพูดในบทภาพยนตร์เรื่อง Cloud Atlas ที่เนื้อหาข้ามข้ามชาติเลยครับ
ผมชอบคุณหมอตอบคำถามมากเลยครับ โครตวิทยาศาสตร์เลย คือ ตอบแบบเท่าที่รู้ มีหลักฐานและไม่โอ้อวดอุตริ น่านับถือมากครับ
สวัสดีค่ะ คุณหมอ
ส่วนตัวไม่อยากระลึกชาติได้ค่ะ
เพราะถึงรู้ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
แต่ถ้ารู้ เพื่อให้ทราบว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด แล้วควรหาหนทางเพื่อหลีกหนีการเกิดอีกครั้ง เพราะ ถ้าหากเราเชื่อว่า โชคดีเกิดมาได้พบเจอศาสนา หรือ ครูบาอาจารย์ที่จะแนะนำหรือช่วยชี้ทางพ้นทุกข์ อันนี้คือสิ่งที่ปรารถนาค่ะ
🌻
งานวิจัยนี้ สนุนในเรื่องจิตวิญาณ ชีวิตประกอบไปด้วยกายกับจิต สิ่งที่ไม่เกิดไม่ตายคือจิต พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงนี้ แต่ตลกดีคนพุทธกับไม่สนใจ พวกฝรั่งเขามาสนใจในเรื่องของจิตวิญญาณ ศึกษาพุทธศาสนามากขึ้น
คุณหมอครับ ผมโชคดีที่ได้เข้ามารับชม เมื่อ2ปีก่อน ผมอายุ43 ฝันว่า ได้แอบดูสมุดยมฑูต เห็นชื่อนามสกุลตัวเอง จะมีอายุถึง55 ผมพยายามจะหาดูว่าด้วยสาเหตุอะไร แต่ยังไม่ทันดูเจอ ตื่นขึ้นมาก่อน หากฝันนี้เป็นแค่กินอิ่มแล้วนอน หรือดูหนังDeath Note มากไปก็อย่าได้ถือสาเลยนะครับ แต่ผมไม่ได้รู้สึกกลัว หรือเสียใจที่หากต้องเป็นเช่นนั้นจริง ทำใจรับได้ครับ ดีซะอีกรู้ล่วงหน้าเป็น12ปี หากอยู่นานกว่านั้นถือเป็นกำไรไปเลยครับ แต่ตรงใจตรงที่ว่าคนที่รู้ล่วงหน้า จะไม่รู้สึกอยากสั่งสมทรัพย์สิน ลดระดับการไขว่คว้า มีใจเมตตาขึ้น อันนี้ผมคิดอยู่ครับ อีกอย่างผมไม่มีลูก ผมจึงไม่ห่วงนัก ไม่ได้รับราชการ ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ถึง60เกษียณ แม้จะไม่ไขว่คว้า แต่ก็ไม่ได้ทำตัวให้อัตคัตนะครับ ทำงาน ใช้เงิน หาความสุขให้ตัวเองบ้างตามโอกาสวาระอำนวยครับ ตอนนี้นับถอยหลังผ่านไป2ปีแล้วครับผม.
คุณหมอสอนได้ดีมากเลยครับ
สอนโดยไม่กระทบตนเองและผู้
อื่นเป็นไปอย่างกลางดีมากในแต่
ละความคิดเห็นเป็นหลักสัมมาทิฐิ
อยุ่ก่อนแล้วหายากมากเลยครับ
คนแสดงธรรมแบบนี้
เยี่ยมมากครับ พูดได้ดี มีเหตุมีผล ยกงานวิจัยรองรับ
ใครได้ฟังคลิปคุณหมอ ถือว่าโชคดีมากครับ ในยุควัตถุนิยมแบบนี้
ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอตลอดไปครับ
สวัสดีครับตอนนี้ผมอายุ56ปี ผมฟังเรื่องที่คุณหมอเล่ามาผมเชื่อมากๆครับเพราะบ้างเรื่องเกิดขึ้นกับตัวผมครับ
ตอนอายุ17ผมฝึกสมาธิ...ผลจากสมาธิทำให้ผมสามารถแยกตัวเองและจิตออกจากกัน สามารถเห็นตัวเองนั่งหรือนอนได้...เป็นอยู่เป็นปีๆเเต่ไม่รู้สึกกลัวหรือตกใจรู้สึกนิ่งๆสบายๆ
ขนาดยึดจิตไปดูสุคติภพทุคติภพได้
แต่พระที่สอนเเนะนำว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรกับการทำให้จิตบริสุทธิ์...ให้เลิกสนใจ....ผ่านมา44ปีแล้ว
น่าเสียดายค่ะ หากมีเวลา ควรกลับไป ทำอีก พี่มาถูกทางแล้วค่ะ ไปฟังธรรมของ หลวงปู่ฤษีลิงดำก็ได้นะคะ พี่จะได้คำตอบเองค่ะ
ทำยังไงคะ เราเคยพยายาม ไม่เห็นได้เลยค่ะ
น่าเสียดาย สมมุติสงค์องค์นั้นแนะนำผิดแล้วทำไม่ได้แต่จำมาหรือคิดเออเองไป กายหายลมหายเคยทำได้สมัยบวชได้14วัน
โม้
ต่อ ปัจจุบันอายุ50 เคยท่องพุทธโธแต่สมัยจำความได้ก่อช่วงประถม จนจิตหลุดในตอนกลางคืน เคยได้สมาธิกายหายลมหายไม่มีอะไรเหลือในดลกนี้ และเห็นจิตแยกออกจากสมองและตัวตน ใครบนนั้นจะบอกว่าโม้กินเองอิ่มเองไม่กินไม่อิ่ม และไปบอกคนอิ่มว่าโม้นี่มันน่าเวทนา
ใครที่บริจาคอวัยวะ ต้องวางใจว่า อวัยวะของเราที่ให้ไป ไปช่วยให้คนอื่นได้ใช่อวัยวะนั้น เช่นดวงตา ก็ให้คิดว่าดวงตาของเรานั้นช่วยให้คนอื่นดวงตาสว่างไสว เราก็ให้ปลื้มใจเอาไว้ก่อน แล้วจะอธิษฐาน ให้ชาติหน้าเราดวงตาสวยงาม สว่างไสว
ก็จะทำให้เราสายตาดี
ฟังแล้วทำให้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้นไปอีกจากที่เชื่ออยู่แล้วทำให้หนักแน่นในการปฏิบัติดีมากขึ้นขอบคุณอาจารย์ค่ะที่นำมาเผยแพร่
สมัย 15 ปีที่แล้ว มีประสบการณ์เฉียดตาย จากอุบัติเหตุรถคว่ำ ในจังหวะนั้นเหมือนความคิดถูกกระชากออกไปจาก ภาพในถนน. สิ่งที่เห็นเหมือนการดึงภาพในหัวเราตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งเหตุการณ์สำคัญ และไม่สำคัญ ครอบคลุมพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง และคนที่มีบุญคุณกับเรา และสุดท้ายมีเสียงเรียกเราให้ตื่นขึ้นมา เหตุการณ์มากมายเหมือนใช้เวลานานมาก แต่เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่กี่วินาที เหตุการณ์แบบนี้ไม่แน่ใจเรียก near dead experienced หรือไม่ แต่หลังจากนั้นมีความสนใจเกี่ยวกับการปล่อยวาง ระลึกบุญคุณพ่อแม่ และการอยู่เพื่อคนที่รัก สุดท้ายเลือกออกบวชเพื่อศึกษาว่าดีอย่างไร
สิ่งที่อยากสอบถามอาจารย์ว่าทำไมเหตุการณ์แบบนี้ถึงชักนำให้เราไปสนใจในเรื่องคล้ายๆกัน ปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกันครับ?
ประเทศไทยโชคดีที่มีนายแพทย์อย่างคุณหมอ ที่คอยให้ความรู้แม้อยู่ต่างประเทศยังได้รับความรู้จากการฟังคุณหมอผ่าน Clip ค่ะ thank you.
เริ่มหันมาสนใจเพราะพึ่งสูญเสียลูกชายด้วยวัย22ปีจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน อยากรู้ว่าลูกไปไหน ทำใจจากการสูญเสียไม่ได้เลย ตอนนี้น่าจะเป็นภาวะเศร้าซึม อยากรู้ว่าดวงจิตลูกไปไหนแล้ว
แล้วไปรู้มันทำไมเรื่องของความตาย หรือเรื่องที่จะเป็นไป เพราะทุกวันนี้เราอยู่ระหว่างการเดินทางไปสู่มันอยู่แล้ว ที่ควรทำคือหมั่นทำความดีให้มากแล้วเราจะรูคำตอบเองครับ แล้วจะไปด้วยความไม่หวั่นไหว นะครับเพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย สาธุๆๆ
ชาวตะวันออกหรึอเอเชียเป็นกลุ่มชนที่มีศรัทธาจริต จืงเหมาะแก่การรับฟังหรึอสอนธรรม ส่วนชาวตะวันตกมีวิจิกิจฉาเยอะการสอนธรรมจืงเป็นเรึ่องยาก ตามความเป็นจริงของมนุษย์ตอนเป็นเด็กต้องเชึ่อฟังพ่อแม่โตมาก็เชึ่อครูบาอาจารย์ถืงจะประสบความสำเร็จและมีความรู้โตเป็นผู้ใหญ่จืงมาพิสูจน์ความรู้นั้นว่าถูกหรึอผิอ แต่ถ้าขื้นต้นด้วยความสงสัยก่อน ทุกอย่างจะหยุดและไปต่อไม่ได้ วิจิกิจฉาเป็นสังโยชข้อสำคัญที่ทำให้ไม่บรรลุโสดาบัน เวลาในโลกไม่มากพอที่จะทำให้มนุษย์หายสงสัย ...จงรีบลงมึอทำจืงจะ่รู้ความจริงได้ สาธุๆๆ
โชคดีจังค่ะ มาพบช่องยูทู้บของคุณหมอโดยบังเอิญ ฟังแล้วเข้าใจได้ดี และ สอดคล้องกับสิ่งที่ได้ศึกษามาบ้างค่ะ
มนุษย์คนเราเกิดมา ก็เป็นการเดินทางของจิต จิตนั้นมีพลังและความซับซ้อนอย่างยิ่งครับ เราเกิดมาเพื่อรับใช้กรรม กรรมจากอดีตชาติ เกิดมาเพื่อบำเพ็ญบุญบารมี เกิดมาแล้วก็เพื่อการรับใช้ผู้อื่นนั้นถือว่าเป็น การสะสมบุญบารมีครับ ผมคิดเหมือนคุณหมอเวชครับ... สำหรับท่านอื่นๆ ที่ต่อต้านแนวคิดนี้ "อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อแต่อย่าเพิ่งปฏิเสธ." แต่สามารถรับฟังไว้เพื่อประดับสติปัญญาครับ ชีวิตหลังความตาย (Life After death) การเวียนตายเวียนเกิดและสังสารวัฏ นั้นมีจริงครับ... การตายจากชาตินี้แล้ว มันไม่ได้จบเพียงเท่านี้ การระลึกชาติหรือที่เรียกว่า "บุพเพนิวาสานุสติญาณ" นั้นก็มีจริง ล่าสุดได้รับการพิสูจน์มากมายมีคนที่สามารถระลึกชาติได้มากกว่า 3,000 รายทั่วโลก..(Dr. Ian Stevenson MD. อ.พร รัตนสุวรรณ อ.วศิน อินทสระ และพระอริยสงฆ์หลายๆท่านก็ได้กล่าวเอาไว้ หมู่บ้านตะคร้อนั้นด้วยครับ) เมื่อเราละสังขาร หรือกายหยาบนี้ไปแล้ว กายละเอียดหรือจิตของเรานั้น จะไปไหนได้เล่า? (near dead experience) นอกจากกุศลกรรม และอกุศลกรรมที่เราได้ทำไว้ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม... อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์นั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวไว้และมีบันทึกในพระไตรปิฎก.. แม้จะมีการสังคายนากันไปหลายรอบ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็อาจจะถูกตีความผิด วัตถุประสงค์ไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีแก่นของพระพุทธศาสนานั้นก็คงอยู่...Law of Karma "สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป" สาธุครับ
ความเชื่ิอมาพร้อมกับกรรมที่กำหนดมาแล้วไม่ได้เกิดกันง่ายๆ ดังนั้นใครจะเชื่อไม่เชื่ออะไรห้ามหรือบอกกันไม่ได้ เกิดขึ้นเอง อย่าได้ยึดติดอะไรเลยได้หรือไม่ได้ปล่อยไปทำขณะนี้ให้ดีที่สุด อย่าไปทุกข์กับสิ่งที่กำหนดอะไรไม่ได้ ปล่อยวางได้ใจหลุดมีแต่ความสุขสงบ
ผมเริ่มศึกษาตามคำสอนของท่านอาจารย์พุทธทาส (ชุดธรรมโฆษณ์) ตั้งแต่ยังเป็นเด็กครับ จนเป็นหนุ่มอายุ 22 ปี ถึงได้ไปบวชที่สวนโมกษ์ฯ อยู่ 6 เดือน ตอนนั้นท่านมรณะภาพไปแล้ว หลังจากสึกมาแล้ว ผมจะนั่งซาเซน เกือบทุกวัน วันละครึ่งชั่วโมง จากการปฏิบัติแบบนี้นานๆ ทำให้ไม่คิดหรือสนใจกับ"ปัญหาตายแล้วเกิด หรือ ตายแล้วไปไหน" อีกเลย รู้สึกเป็นอิสระกับคำถามแบบนี้ เลยครับ
ดร.อาจอง ชุมชสายฯ ครับ สะกดจิตได้ ผมเห็นท่านสะกดจิตนักศึกษา 15 คน พร้อมกัน ที่วิทยาครูนครราชสีมา เมื่อปี 2522 สมัยผมเรียน ท่านมากับหม่อมฯ คึกฤทธิ์ ปราโมท
การฝึกสมาธิ เพื่อหวัง ฤทธิ์เดช คุณจะไม่ได้อะไร เพราะมันมีกิเลศ
ต้องฝึกแบบไม่หวังอะไร แค่ให้จิตสงบ สบาย ไม่ฟุ้งซ่าน จะดีที่สุด
ครับ อย่าเชื่อ คือ วิสัย ของ ศิษย์ตถาคตครับ ต้องพิสูจน์ครับ จึง จะ ไป ขั้นต่อไปและต่อไปได้ครับ
คุณหมอน่าจะได้มีโอกาสพูดคุยกับหมอบี ฑูตสื่อวิญญาณดูบ้างค่ะ อยากฟังสองท่านคุยกันจังค่ะ เพราะหมอบีเค้าก็จะพยายามหาข้อมูลมาพิสูจกับสิ่งที่สื่อได้
บางทีผมดูหมอบีนั่งตอบคำถาม รู้สึกว่าหมอบีกวน ๆ บนความเป็นจริง เหมือนทำอะไรได้อย่างนั้นอะครับ แต่ถ้าลงพื้นที่จะรู้สึก อื่นน่าตื่นเต้น
เห็นด้วยค่ะ น่าจะสนุกดีเหมือนตอนที่คุยกับดร.ก้องภพ
@@user-ec7wv8kb3g คิดว่าคุณบีพยายามพูดกลาง ๆ ไม่อยากพาดพิงใคร กวน ๆ บ้าง แต่ก้อสนุกดีค่ะ เหมือนมีเพื่อนมาเล่าอะไรให้ฟัง
ต้องมีอะไรทำให้ได้มาฟังคลิบนี้จนจบค่ะ 🙏
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าไม่ได้เกิดโดยบังเอิญ แต่ด้วยเหตุปัจจัย เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง ก็มาเจอ แล้วก็จากกันเองครับ
@@user-uh4pz9kv3k ใช่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ตามฟังคลิบอื่นๆของอาจารย์หมอ ได้ประโยชน์และปรับใช้ได้จริงค่ะ🙏
ระลึกชาติได้ เหตุการณ์ข้างหน้าก็รู้ถ้าเข้าฌาณถึงฌาณ4อยากจะรู้อะไรก็ได้รู้ครับ
ผมหันมาสนใจ ชีวิตหลังความตายเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เองครับ
เรียนคุณหมอประเวช...ผมได้พิสูจน์ชีวิตหลังความตายด้วยตัวเองมาแล้ว โดยการให้ชายฉกรรย์10คนมาดันที่หน้าอกให้หัวใจหยุดเต้น ผมตกอยู่ในสถาวะหัวใจหยุดเต้นไป30นาที(การกู้ชีพล้มเหลว) ได้ข้อมูลดังนี้ครับ
เนื้อเรื่อง หลังจากเข้ากระบวนการอัดที่หน้าอกแล้วผมก็รู้สึกวูปมารู้สึกตัวที่อวกาศ(ตามความเข้าใจของผม)แล้วเริ่มมีการเลื่อนตัวไปข้างหน้า มีการเลี้ยวทำมุมโดยผมไม่ได้เป็นคนกำหนดเส้นทาง แต่ส่วนใหญ่เป็นทางตรง เป็นอยู่อย่างนี้นานจนเบื่อ จนมาหยุดอยู่ที่ดาวดวงหนึ่งลักษณะเหมือนโลก รับรู้ถึงสีสันชั้นบันยากาศ และการหมุนรอบตัวเอง ผมกำลังลดระดับเข้าสู่ดวงดาว แล้วอยู่ๆก็เหมือนมีแรงมากระชาดที่ด้านหลังมารู้ตัวฟื้นขึ้นด้วยอาการจำใครไม่ได้ไปนานเป็นชั่วโมงเลย(หน่วยกู้ชีพผมถอดใจไปแล้วจนเอากระดาษมาปูให้นอน)
1.เป็นสถานะใหม่จริงๆ เพราะอยู่ในเหตุการเดียวยาวนาน30นาทีจึงไม่ใช่การปรุงแต่งของกระบวนการฝัน
2.ความเบื่อหน่ายจากการเดินทางก็เป็นอาการเดียวกันกับการนั่งรถเป็นเวลานานๆ จึงสรุปได้ว่าเลวลา30นาที่นั้นไม่ตกหล่น
3.พอมาทบทวนด้วยกำลังกายเนื้อถึงการเดินทางครั้งนี้กับต้องเจอกับเรื่องน่าตกใจ คือ พบว่าเวลาในการเดินทางมันชั่วกัปชั่วกัลป์จนน่าตกใจ
4.การเดินทางครั้งนี้ไปสอดคร้องกับกรณีของคนในโลกที่3 ที่ว่าเหมือนเข้าไปในอุโมง เพียงแต่ของผมอุโมงมันโปร่งแสงจนเห็นดาวพื้นหลัง การเดินทางเหมือนอยู่ในระบบขนส่งอัตโนมัติ ที่มีการหักเลี้ยวจนผู้โดยสารรู้สึกได้
จึงเรียนมาเพื่อแบ่งปันครับ
ช่วยกดถูกใจคอมเมนท์เราหน่อยนะคะ. อยากติดตามสิ่งที่คุณเขียนในคลิปนี้ น่าสนใจมากค่ะ
เป็นการทดลองที่ลงทุนมากเลยครับ
เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เคยซื้อหนังสือ "ชีวิตหลังความตาย" เป็นงานแปลจากงานวิจัยในต่างประเทศ จำชื่อคนเขียนไม่ได้แล้ว ตัวหนังสือก็ไม่รู้หายไปไหน เนื้อหาจะว่าด้วยการไปทำวิจัยสัมภาษณ์ผู้ที่เคยตายแล้วฟื้นหรือผู้ป่วยโคม่าว่าเห็นอะไรบ้าง ทุกคนตอบเหมือนกันหมด คือ แต่แรกเหมือนจะลอยออกจากร่าง แล้วเห็นร่างตนเองนอนบนเตียงผ่าตัด หรือที่ประสบอุบัติเหตุ จากนั้นจะเห็นมีแสงสีขาวส่งลงมา ก็จะลอยไปตามแสงนั้น จะได้ยินเสียงญาติที่เสียไปแล้วเรียกให้ตามไป ผ่านอุโมงค์มีเสียงหวีดดัง แล้วจะมาหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่ง รู้สึกว่ามีตัวตนแต่มองไม่เห็นแขนขาตัวเอง มีเสียงถามขึ้นมาว่าเราเป็นใคร จากนั้นภาพในอดีตของตนเองจะปรากฎย้อนแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบันอย่างรวดเร็ว คนที่ไปได้ไกลสุดจะถึงประมาณนี้ จากนั้นจะได้ยินเสียงญาติเรียกให้กลับไป บางคนแค่เห็นแสงสีขาวก็กลับเข้าร่างแล้ว เป็นงานวิจัยที่พิสูจน์เรื่องชีวิตหลังความตายได้ดีอีกเรื่องหนึ่งครับ
ขอบคุณความรู้ดีๆจากคุณหมอค่ะ มีหลายอย่างที่สงสัยเหมือนกันค่ะ กำลังต่อจิ๊กซอกับสิ่งที่เจอเรื่องกลับมาเกิดค่ะ ยิ่งพอมีลูกเค้ายังเด็กอยู่เค้าบอกว่า การตายไม่ตายจริง แค่จากกายเดิมสู่กายใหม่ค่ะ ปล.เค้ายังเด็กแต่พูดได้ด้วยความทรงจำเค้าที่ยังหลงเหลือติดตัว ภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายที่แค่จำได้ ก่อนเวลาแห่งปัจจุบันจะค่อยเลือนลางไปพร้อมภาพจำสุดท้าย
อาการคล้ายๆผู้ใช้สารซิโลไซบินหรือพวกอะยาวัสกะเลยครับตรงมีการย้อนเห็นเหตุการณ์แก้ปมต่างๆในวัยเด็กหรือไปไกลกว่านั้น แต่บางคนก็บ้าหลอนจนแยกไม่ออกว่านี่โลกจริงหรือมายากลับสู่โลกปัจจุบันไม่ได้ คนที่แก้ปมได้ก็จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้นเป็นคนที่ดีขึ้นส่วนคนที่แก้ไม่ได้ก็เป็นบ้าไปเลย
การที่เราตื่นนอนมาแล้วยังไม่ลืมตาแต่ได้ยินเสียงว่าเรากำลังกรนอยู่ประมาณ 2 วินาที ร่างกายถึงจะตื่นตาม คืออาการอะไรครับคุณหมอ
ผมว่าเหมือนกับเราค่อย ๆ หลุดเลยจากเส้นการหลับลึกนะ
เคยอ่านบทความเจอว่าดวงจิตคือควอนตัม เพราะควอนตัมมีคุณสมบัติหนึ่งคือการสื่อสารระหว่าง 2 อนุภาคที่อยู่ไกลกันมากๆๆระดับคนละแกแลคซี่ได้ในทันทีทันใด ไม่ทราบว่ามีงานวิจัยเกี่ยวกับการโยงใยจิตใจกับควอนตัมไหม
ฟังแล้วก็เศร้า แทน สังขาร(การปรุงความคิด) ของแต่ละคน มีประมาณมาก มากจริงๆ ผู้มีอวิชชา คือ มีความไม่รู้ นั้น ล้วนต้องเวียนเกิดเวียนตาย แต่ อริยบุคคล ขั้น1 และสอง ยังต้องย้อนกลับมาเกิดในโลก อีก มากสุดไม่เกิน7คราว ดังนั้น เกิดมาทำไม ก็คือ เกิดมาแก้ตัวใหม่ได้โอกาสกลับมา แต่ก็ยังไม่รู้ทางออกอยู่ดี เพราะ อินทรีย์อ่อน จะฝึกอินทรีย์ ให้แก่กล้า ต้องมีศรัทธา ไม่มีศรัทธา จะไม่เข้าไปหา และจะไม่เข้าไปนั่งใกล้ จะไม่เงี่ยโสตลงฟังธรรม เมื่อไม่ได้ฟังธรรม จะเอาธรรมมะที่ไหนไปจดจำ และใคร่ครวญ เมื่อไม่ได้ใคร่ครวญธรรมจะเอาอะไร มาเป็นปัญญา เมื่อไม่มีปัญญา ก็ ยังเป็นสัตว์ผู้หลง ยึดเอาขันธ์๕เป็นตน เกิดตายไปกับขันธ์๕ หาทางออกไม่ได้ จากสังสารวัฏ อยู่ร่ำไป ถ้าอยากสิ้นสุดความเป็นมนุษย์ ก็ หัดฟัง พุทธวจน แต่ เพราะอินทรีย์อ่อน จะฟังทีไร ก็หมดแรง เสียเวลา จะใจขาดตายก่อนทุกที แต่พอฟังเรื่องโลกโลกีย์ละก้อ หูผึ่ง ตาใสขึ้นมาทันที นี้แหละ อินทรีย์อ่อน เป็นแบบนี้แหละ เลยอดรู้คำตอบของคำถามมากมาย แต่พอเป็นงานวิจัยละก็ น่าฟังขึ้นมาเลยเนอะ 😂😂
เคยมีครั้งหนึ่งฝันถึงคนที่ไม่รู้จักติดต่อกันในช่วงเวลานึง จนทราบชื่อนามสกุล ที่อยู่ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย และไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พบเลยไปเช็คข้อมูลกับทะเบียนราฎที่เทศบาล จึงได้รู้ว่าคนในฝันได้เสียชีวิตแล้วจริงๆ ตอนนั้นกลัวมากค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วค่ะ คุณหมออธิบายได้ดีมากค่ะ
ผีไม่ต้องไปกลัว เพราะ เวลาเราตายเราจะเป็นผีรุ่นน้อง เดี๋ยวไปคิดบัญชีกับผีที่หลอกเรา555
- จากที่ฝึกสมาธิ ได้แนวคิดอย่างนึงที่ทำให้เราพ้นทุกข์ คือให้เราคิดว่าโลกนี้เหลือเราคนเดียว อันนี้เหมือนกับนั่งไปแล้วเหมือนมีคำตอบให้ตัวเอง ไม่ต้องยึดติดทุกสิ่งทุกอย่าง
มีสาระดีค่ะ และสัมพันธ์กับการเวียนว่ายตายเกิอ
ฟังไปน้ำตาคลอไป คุ้มค่ากับการเข้ามาฟังมากค่ะ
ศึกษา เรื่องจิตสุดท้ายในพุทธศาสนา จะตอบทุกเรื่องที่คุณได้เล่า.. ทั้งจริงและหรือมีผู้บอก(ชาวทิพย์)มีหลายคำอธิบายอย่างชาวพุทธะ
อยู่กับปัจจุบันที่มีทุกข์ให้น้อย เพราะเชื่อว่าสุขที่แท้จริงมีเพียงแนวทางเดียวคือนิพพาน
หลายคนใช้ชีวิตบนความเชื่อ เกิดหนเดียวตายหนเดียว บาปไม่มีบุญไม่มี ทำอะไรก็ได้แค่มีความสุขพอ...แล้วถ้าใกล้วาระสุดท้าย มีสิ่งที่ทำให้รับรู้ได้ว่า ชาติหน้ามีจริง...คงกลับมาแก้ไขอะไรไม่ได้
ดีใจมากๆทีได้มาเจอคลิปอาจารย์หมอคะ ขออนุโมทนาสาธุ และกราบขอบพระคุณอาจารย์หมอมากๆคะ ที่เสียสละเวลาอันมีค่า ที่จะมาให้ความรู้ ฝึกจิต ฝึกปัญญาคะ
คำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า กล่าวถึงชีวิตมนุษย์ในอดีต/อนาคต/ปัจจุบัน ไว้อย่างมากมาย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสนถิพโล จะตอบตามพระสูตร ครับ
คุณหมอตอบคำถามเป็นกลางและสุภาพมากค่ะ^^ ขอบคุณที่นำมาเล่าให้ฟังค่ะ
การทำบุญมันอยู่ที่ใจครับ... ใจปลื่มปิติในบุญที่ทำที่คนอื่นทำ
มีความเชื่อมากเลยคะ และเคยประสบเหตุ กับตัวเองมา....ความเชื่อเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่มีความหมายทำให้คนมองเห็นเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น
ข้อมูลดีมากค่ะได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้เลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
การเชื่อเรื่องพวกนี้มี2แบบค่ะ
1.งมงาย 2.เชื่อแบบผ่านการไตร่ตรอง
หนูเป็นแบบ1. งมงายค่ะ5555
ด้วยศักยภาพที่หนูมี การได้รับความรู้ขนาดนี้มา มันสุดยอดมากเลยค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ >
คุณหมอลองมาฟัง พุทธวจน ดูไหมครับ ซึ่งมีแต่ความจริง (สัจจะธรรม) เท่านั้น ซึ่งเรื่องที่คนพูดกันมีทั้งความจริงและความเชื่อ
สวัสดีค่ะคุณหมอ กำลังสงสัยว่ามีหลายๆเรื่อง เมื่ออายุมากขึ้นถึงเข้าใจ รวมถึงเรื่องนี้ด้วยค่ะ รวมถึงเรื่องเก่าบางครั้งดูหนังประวัติศาสตร์ชาติเรายังนั่งร้องไห้ได้นะคะ ตอนนี้อายุ 60 พอดีค่ะ นึกไปถึงตอนเป็นเด็กไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้เลย จึงสงสัยว่าอายุมีส่วนสัมพันธ์มั้ยคะ...ขอบคุณนะคะคุณหมอที่นำเรื่องดีๆ มาให้ตลอดๆ 🙏🙏🙏
ดีค่ะขิตวิณญาณมีจริงตายแล้วไม่จบ
ศึกษาพุทธวจนรู้ทุกเรื่อง
ผมพยายามจะดูว่ามันไปกันได้กับคำสอนพระพุทธเจ้าหรือเปล่า อาจจะไม่ทั้งหมดแต่พอเป็นแนวทางสำหรับวิทยาศาสตร์และศาสนา
น่าสนใจมากครับ เดิมผมอ่านหนังสือที่เขาวิจัยเรื่องนี้ แล้วหลังๆ กลับ เชื่อเรื่องนี้น้อยลง เพราะมีกระแสเรื่อง ตายแล้วดับ มาแทน แต่คลิปของหมอ กระตุ้นให้ผมกลับมาเชื่อ อีกครั้ง
เสียงอาจารย์ไพเราะ ชัดเจน น่าฟังจังเลยค่ะ
ส่วนตัวคิดว่าการหาคำตอบว่าจิตเป็นอิสระจากร่างกาย และสมอง คือการนั่งสมาธิและภาวนาจนแยกขันธ์ 5 ได้ค่ะ ต้องลองปฏิบัติ ผู้ฝึกจะรับรู้ด้วยตนเอง แต่ต้องฝึกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง ๆ ไม่งั้นอาจเกิดสภาวะปรุงแต่งทำให้อาจเข้าใจผิดว่าตนคือผู้วิเศษได้ หรือเข้าใจผิดไปเองค่ะ
🙏🙏🙏ขอบคุณค่ะคุณหมอ
คุณหมอตอบคำถามมีสติอย่างมาก.
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับผม
เข้ายูทูป เปิดฟัง โลกทิพย์ โดบบาทหลวง
หมอต้องหาไปหา sapien อ่านดีกว่าครับ มีแต่ความเชื่อล้วนๆ คนเรามีไบแอสที่จะพยายามคิดว่าสิ่งพวกนี้มีจริง
เห็นรอยยิ้มคุนหมอก็สุขใจคะ
ขอบคุณๆหมอมากๆค่ะ ท่านสุดยอดมากค่ะ🙏🏻
สวัสดีค่ะ ติดตามแล้วค่ะ
ขอบคุณที่นำเสนอสิ่งดีๆ
คุณหมอพูดแต่คำว่าดวงจิคหรือ consciousness สำหรับพระพุทธเจ้า 2000 กว่าปีมาแล้ว พระองค์ท่านเรียกว่า โอปปะปาติกะ (1 ใน 4 อย่างของการเกิด) มันไม่ใช่จิตวิญญาณหรือคอนเชียสเนสส์ ที่ล่องลอยไป แต่เป็นโลกของโอปปะปาติกะ ใช่ครับศาสนาคริสต์และอิสลามมีการพูดถึงชีวิตหลังความตาย แค่บอกว่าไปอยู่กับพระเจ้า แต่กลุ่มคนเข้าทรงที่คุณหมอพูดถึงในตอน 1/2 บอกว่าคนในโลกวิญญาณเขาไม่เคยเห็นพระเจ้าในโลกนั้นเลย ศึกษาเรื่องพวกนี้จากคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นแหละครับดีที่สุด คุณหมอ
ขอบคุณครับคุณหมอ
เข้าฎาณครับ ปัจจัตตัง สนุกมาก วาปได้เฉย
อนุโมทนา สาธุค่ะคุณหมอ
ขอบคุณค่ะคุหมอ 🙏💖
ประเด็นที่น่าคิดคือ ถ้าเกิดใหม่แล้วจำไม่ได้ (มากกว่า 99% จำไม่ได้) มันก็ไม่แตกต่างจากการมีชาติเดียวชีวิตเดียว
น่าไปบรรยายที่ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย เพรชเกษม บางแค
ดีมากครับ
เหตุที่ต้องมาเกิด เพราะจิตยังมีแดนเกิดอยู่ ตราบเมื่อจิตไม่มีแดนเกิดแล้ว คือรู้ถึงอรหันต์สภาวะ การเกิดก็จบสิ้นลง ธรรมชาติของคน เวลาทุกข์หนัก ทุกมาก ปากบอกไม่อยากมาเกิดอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ยังอยากเกิดทุกคน ทางออกจากแดนเกิดมีทางเดียว คือการเพียรละ สังโยชน์ทั้ง 10 ประการ เมื่อเรารู้ว่า สังโยชน์ 10 ประการมีอะไรบ้างแล้ว ก็มาถึงปากประตู ซึ่งนับได้ว่าประเสริฐกว่าคนหลายพันล้านคนแล้ว เพราะรู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหน แต่ที่ยากคือจะเปิดเขาไปยังไง กุญแจที่จะเปิดก็อยู่กับเราทุกคนแล้ว คือใจนั้นเอง แต่ถึงยังเปิดไม่ได้ถ้าได้ท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ ก็เท่ากับเรามีแผนที่ติดตัวไว้แล้วตลอดเวลา ทางไปนรก หรืออบายภูมิ เราก็จะไม่หลงไปทางนั้นแน่นอนครับ
ฟังคุณหมอคลิปเดียวต้องติดตามเลยค่ะ ขอบคุณคุณหมอ สำหรับข้อมูลดี
ผมเชื่อในชีวิตผมผมได้เจอ ผีมา3คร้งที่ชัดเจนถ้าเชื่อว่าผีมีวิญญาณมีแสดงว่าที่ตายนั้นตายแต่กายวิญญาณยังอยู่(ที่เจอผีนั้นเจอจริงๆไม่ใช่ความฝัน)
ตอนวางยาสลบเพื่อผ่าตัดแขนขวาเพราะรถล้มแขนหักทั้งหมดและต้องใส่ไทเทเนี่ยม ระหว่างช่วงเวลาอันยาวนานของการผ่าตัด 7-8 ชม. ระหว่างนั้นรู้สึกว่าตัวเราเองได้ไปอยู่ในที่แห่งหนึ่งเวิ้งว้าง และห่างใกลมากหิวน้ำมากจนรู้สึกอยากกินน้ำมองไปทางไหนก้มีแต่ต้นไม้เล้กๆพื้นดินแห้งแล้งภุเขาเตี้ยๆกว้างลิบตา หันไปทางไหนก็ไม่เห็นใคร แต่หูกลับได้ยินเสียงคนคุยกันปรึกษาเรื่องการผ่าตัดนั่นก้คือเสียงคุณหมอที่กำลังผ่าตัดให้นั่นเอง หลังจากนั้นก้วูบไป แล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นระหว่างกำลังผ่าตัดเจ็บจนร้องออกมา แล้วก็รู้สึกเจ็บที่คออย่างมากตอนนั้นยังไม่รู้ว่าหมอได้ใส่ท่อช่วยหายใจให้มารู้ทีหลังหมอบอกว่าเราหยุดหายใจไปและความดันตกชีพจรอ่อนจนวัดไม่ได้ จนกระทั่งสะดุ้งตื่นมาระหว่างผ่า จากนั้นก็โดนวางยาสลบอีกครั้งก็ไม่รู้ตัวอีกเลยแต่ได้ยินเสียงแม่เรียกชื่อดังแว่วๆแต่มองไม่เห็น สิ่งเหล่านี้แปลกมากค่ะ
ช่วงสลบก่อนฟื้น มีความรู้สึกแบบเดียวกับที่คุณเป็นเลยค่ะ
ได้ความรู้ ได้ความหมายของชีวิตขึ้นมาเยอะเลยครับ
ขอบพระคุณครับ 🙏🏼
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ และขอบคุณโอกาสที่นำชีวิตมาพบข้อธรรมจากท่านเพื่อฝึกฝนและปฎิบัติให้ถูกทางค่ะ
คุณหมอครับ แม่กับปู่ผมเสียชีวิต แต่ผมคิดว่าเขาก็อยู่รอบๆตัวเราครับ
มีพระท่านหนึ่ง ชื่อพระ สิ้นคิด แนวทางการสอนการพูดของท่าน ถ้ายึดติดอาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจอาจจะมีประโยชน์ต่อท่านทั้งหลายได้
ดีครับ
ชอบฟัง
สาธุ
สัจธรรม แบบนี้ต้องมีปูชนียบุคคล อย่าง อาจารย์หมอครับ ที่แต่แผ่ เชื่อมโยงระหว่างพุทธและวิทย์ ความรู้เหล่านี้พัฒนา คุณภาพความเป็นอยู่ของสังคมโลกมาก ขออนุโมทนากับวิชชา และวิชาการด้วยครับ
เข้ามาฟังเพราะหัวข้อน่าสนใจค่ะ แต่อยากฟังคุณหมอพูดถึงรายละเอียดโดยไม่ต้องคั่นด้วยการอ่านคอมเม้นต์ตลอดเวลา เลยทำให้การฟังไม่ต่อเนื่องค่ะ
ดีใจที่ได้ฟังเรื่องนี้ครับ สักวันผมจะได้เจอภรรยาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าคุณหมอได้ประสบการณ์จากการทำสมาธิบ้างหรือยัง ถ้าได้แล้ว ได้มามากน้อยแค่ไหน
แต่ข้าพเจ้าปฏิบัติมากว่า 20 ปี และปฏิบัติมาอย่างยิ่งยวดในบางโอกาส ก็ได้ประสบการณ์มาพอสมควร ในเรื่องต่างๆ ทั้งที่มีในพระไตรปิฎก และไม่มีในพระไตรปิฎก
อยากจะบอกบางอย่าง
-อนึ่ง ความคิดและความรู้ที่เกิดจากเพียงการศึกษาหรือท่องจำ ไม่สามารถพัฒนาจิตใจและความคิดมุมมองได้ ต้องปฏิบัติให้เกิดผลเท่านั้นถึงจะพัฒนาจิตใจและความคิดมุมมองได้
อย่างเรื่องพระที่บวชมาเป็นสิบปี สึกมาแล้วไม่ได้อะไรมาเลย บางคนศึกษาพุทธศาสนาจนถึงระดับมหา หรือเป็นครูบาอาจารย์สอนธรรมผู้อื่นด้วยซ้ำ แต่สึกมาแล้วไม่ได้อะไรมาเลย นั่นเพราะเขาแค่ศึกษาแต่ไม่ได้ปฏิบัติ จึงไม่เกิดการพัฒนาทางด้านจิตใจ ความคิดและมุมมอง
-และบางคำถามที่ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าที่เราเห็นอดีตชาตินั่นคือ เราเห็นจริงหรือเป็นแค่การย้ำคิด
ข้าพเจ้าจะขออธิบายเรื่องการเห็นนิมิตเสียก่อน
ไม่ว่าเราจะเห็นนิมิตกรรมของใครหรือของตัวเองก็ตาม นิมิตที่เราเห็นนั้น แน่นอนว่าตัวเราหรือเขาที่เราเห็นนั้น จะไม่ใช่ตัวตนในปัจจุบันนี้ แต่เราจะรู้ได้ว่าคนที่เห็นในนิมิตนั้น คนไหนคือเราหรือเขา และกำลังจะทำกรรมอันใดที่เป็นผลให้เกิดกรรมในปัจจุบัน ที่เราหรือเขากำลังรับกรรมนั้นอยู่
หรือแม้แต่ถ้ามีการสื่อสารมาจากภพภูมิอื่นๆ มาถึงเรา เราก็จะรู้ได้ ว่าเขาต้องการอะไรจากเรา อารมณ์และความรู้สึกของเขาเป็นอย่างไร โดยที่ไม่มีการสื่อสารเป็นคำพูดข้อความใดๆออกมาเลย
-อนึ่ง การจะมีสัมมาสมาธิได้ ท่านจะต้องมีมาแต่ข้อแรกในมรรคแปด คือ สัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ) เรื่อยมาจนถึงข้อสุดท้าย คือ สัมมาสมาธิ(ความตั้งมั่นชอบ)
ขยายความถึงความตั้งมั่นชอบ คือ การที่จิตมีตั้งมั่นโดยถูกต้องและมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับสภาวะธรรมใดๆ เกิดนิมิตก็ไม่ไปหลงเพลินดู เกิดสิ่งที่ทำให้ตกใจ ก็ไม่ตกใจ ฯลฯ (หากเป็นผู้ปฏิบัติจนจิตเกิดความตั้งมั่นได้แล้วจะเข้าใจในคำอธิบายนี้)
เอาแค่พอสังเขปก่อน
เข้าท่า
เข้าใจความหมายที่คุณ@YumYum# เมนท์ทุกคำพูดค่ะ
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาทุกท่าน
จะมาลงข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดหายไป
การเห็นนิมิตนั้น หากเป็นของจริง จะเป็นไปตามที่กล่าวในข้างต้น มีเพิ่มอีกเล็กน้อยคือ หากเห็นกรรมของตัวเองในอดีตชาติ โดยจิตของตัวเอง จะเห็นนิมิตแบบมุมมองบุคคลที่ 1 คือเห็นจากตาเรามองออกไป แต่หากเป็นการแสดงให้เห็นโดยภพภูมิอื่นแสดงให้เห็น จะเห็นแบบมุมมองบุคคลที่ 3 คือเห็นตัวเจ้าของเรื่องและสภาพแวดล้อมโดยรอบ หรือ เห็นแบบการดูหนัง
ทีนี้ หากเป็นพวกที่ย้ำคิด หรือ สร้างนิมิตขึ้นมาเองโดยการคิด การเห็นนั้น เราจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เรื่องราวคืออะไร กระทำกรรมอะไรแบบไหนรับผลยังไง คือจะมีการสงสัยในนิมิตนั้นตลอด คิดจนกระทั่งบทสรุปจบท้าย ไม่รู้แจ้งแทงตลอดแบบการเห็นนิมิตจริง
อีกเรื่องหนึ่งคือ การติดต่อสื่อสารกับภพภูมิอื่น มันมีทั้งการ เห็นเพียงภาพแต่ไม่มีการพูดคุย แต่เราเข้าใจ(แบบที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว)
กับอีกแบบหนึ่ง คือการสื่อสารแบบมีการพูดคุย เสียงที่เขาสื่อออกมาไม่ได้ดังมาจากข้างนอก แต่ดังอยู่ในใจเราหนา
ขอแถมอีกข้อ หากจะพิสูจน์พวกที่องค์ลง ทรงเจ้า เข้าทรง อะไรต่างๆนั้น หากอยากพิสูจน์ว่า จะเป็นพวกต้มตุ๋นหรือไม่ ไม่มีจริงแต่หลอกว่ามี ให้ถามแบบออกเสียงให้เขาได้ยิน 1 คำถาม แล้วถามไว้ในใจอีก 1-2 คำถาม หากของจริง เขาจะตอบได้หมดทุกคำถาม
แต่ทีนี้ถ้าเป็นของจริง ถ้าเป็นพวกผีทั่วไป มักจะชอบพูดคำหยาบคาย กิริยาก้าวร้าว และมักขออาหารเป็นเครื่องเซ่น แต่ถ้าเป็นพวกเทวดา จะไม่ต้องการอาหาร เขาจะขอแค่พวกดอกไม้ พวงมาลัย ธูปเทียน
ข้าพเจ้าคงพอแค่นี้สำหรับคำอธิบายเล็กๆน้อยๆ ขอลา.
@@yumyum4098 เข้าใจคำพูดของคุณทุกคำเลยคะและเชื่ออย่างที่คุณพูดคะฉันเพิ่งเสียสามีไปประมาณ 1เดือนฉันอยากทราบว่าดวงจิตของเขายังวนเวียนและรับรุ้เรื่องครอบครัวอยู่ไม่คะช่วยตอบด้วยคะ เขารักฉันและครอบครัวมากฉันก็รักเขามากเหมือนกัน เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นช่ฝยตอบฉันด้วยนะคะ ขอบคุณคะ
@@user-vu6jt4wt8i คุณยังฝันหรือรู้สึกบางอย่างถึงเขาอยู่สินะ
ทุกคน หลังจากตายไปแล้ว จะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกสักระยะ แล้วก็ไปภพภูมิใหม่ หากคุณรักเขาก็หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาอย่างสม่ำเสมอ เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เขาจะรับได้จากคุณและครอบครัว
ส่วนความทุกข์ใจนั้น เมื่อเวลาผ่านไปก็บรรเทาไปเอง
ผมเคยศึกษาเรื่องจิตวิญญาณเมื่อร่วม50ปีที่แล้วโดยค้นจากหนังสือของ ท.เลียงพิบูลย์ เรื่องกลับชาติมาเกิด
ชอบเรื่องที่อาจารย์หมอพูดว่า "อย่าเอาความเชื่อ หรือไม่เชื่อเรื่องใดมาผูกกับอัตตาของเรา" เป็นคำพูดที่ตบเข้าที่หน้าฉาดใหญ่ของตนเองค่ะ
ชัดเจน
อยากให้ คนที่ ยังไม่เชื่อเรื่อง บุญบาป ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว / ไม่มีหิริโอตตัปปะ _ มาถึงเวลาหลังความตายกันเร็วๆคับ จะได้ ละอายและเกรงกลัวต่อการทำชั่ว สักที _ สาธุ 🙏# ผมเชื้อและศรัทธาเรื่องนี้100%คับ
คุณหมอรู้หลักธรรมการปฏิบัติดีทีเดียว ดีใจที่ช่วยแนะนำต่อสาธารณะ
ตามที่คุณหมอย้ำคือ ปฏิบัติตามหลักสัมมาทิฏฐิ
พูดมีหลักการดีมากครับอาจารย์(พังก่อนแล้วอย่าพี้งเซื้อแล้วค่อยๆคิด
ขอบคุณหมอเวชครับ คุณหมอพูดได้ตามที่ผมเข้าใจมาตลอด ไม่ผิดเพี้ยนเลยครับ
เชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาและการเวียนวายตายเกิดค่ะ
เสียดายเวลาของหมอนักวิจัย ที่เสียเวลาไปทั้งชีวิต
แต่ได้คำตอบที่เล็กน้อยมากๆ
หากเขาได้รู้เห็นศาสนาพุทธ
และยอมอุทิศชีวิตเพี่อการวิจัยเพียงห้าหกปีเข้ามาบวชในศาสนาของพระพุทธเจ้า เขาอาจจะได้รู้ได้เห็นอย่างไม่คาคคิค ในสิ่งที่เขาอยากวิจัย.
ประเด็นหัวข้อของอาจารย์ คือ เครื่องมือในการเข้าถึงครับ อุปมาเหมือนดูซีรีย์ผ่านมือถือต้องอาศัยอินเตอร์เน็ต กล่าวคือ คลื่นอินเตอร์เน็ตนั้น…เป็นเครื่องมือในการเข้าถึง
สรุป คือ เครื่องมือในการเข้าถึงนั้นมีอยู่จริง…แต่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ฉันใดฉันนั้น “เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ v. เครื่องมือทางจิต” สาธุ.