ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์ ธรรมนี้ช่างแจ่มแจ้งดีแท้
พูดเหมือนรู้
อย่าคุยเยอะเดวหน้าแตกของจริงจะเกิดแล้ว..
เด็กน้อย
เอาคนที่นับถือศาสนาอื่นมาสอนศาสนาพุทธมันก็มั่วซิครับพี่น้อง..
พูด พูดออกมาได้มั่วแท้ๆ มีปากอยากพูดก็พูดไป ฟังเป็นเปล่า ธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักแต่พระพุทธรูป ไม่รู้จักพระธรรมคำสั่งสอน มีปากก็พูดส่งเดชไปไม่ไตร่ตรอง ถ้าท่านอาจารย์สุจินต์ นับถือศาสนาอื่น กล่าวได้ ละเอียดแบบนี้ เธอก็คงเป็นคนไม่มีศาสนาแล้ว เธอนั่นแหละมั่ว
ชาวพุทธส่วนมากไม่เอาด้วย..แต่ก็มีบาวส่วนหลงไปกับเขา
มีคนพุทธที่ไหนสอนได้ดี และถูกต้องอย่าเขาไหม
ส่วนใหญ่ชาวพุทธตามทะเบียนบ้านจะไม่เอาด้วย เพราะฟังไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง
@@nongae103 พุทธเก้ แบบพุทธพาณิชย์นะหรือ พุทธแท้ หลงทางจนถอนอุปทานไม่ขึ้นไม่ว่า ซื้อแต่นรกสวรรค์ แต่ไม่เคยมองภายในตัวเองนั้นแระธรรมชาติ พุทธ
ถ้าเชื่อคนนี้วัดคงร้างไปหมดแล้วแกไม่ให้คนทำบุญกฐิน.ผ้าป่า
เขาสอนพุทธที่แท้จริง ไม่ได้สอนแบบประเพณีที่หละหลวม
สาธุค่ะ
คิดไปเอง วิเคราะห์ไปเองเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง โดยไม่เคยปฏิบัติ ....พระพุทธเจ้าเห็นว่าผู้หญิงมีนิสัยดื้อด้านจึงกำหนดให้สิกขะมานาถือคุรุธรรม8ประการก่อนบวชเพื่อป้องปรามความดื้อด้านนี้
อยากรู้คุรุธรรม 8 ประการจังช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยสิผู้รู้บอกผู้ไม่รู้หน่อยสิเอาละเอียดๆนะ ผู้หญิงมีนิสัยดื้อด้านตรงไหน เมตตาผู้ไม่รู้หน่อย
@@ต้นสาระ-ห6ฝ ถ้าว่าง จะตอบให้
จริงๆพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะให้ผู้หญิงบวชพระแต่ทนพระอานนท์ขอหลายครั้งไม่ได้...
เมื่อได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมาเป็น ศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ผู้ที่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนให้รู้จัก อานาปานสติ เมื่อฟังแล้วมีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะมีการเจริญอานาปานสติ นั่นเองค่ะ ก็คือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สติปัฏฐาน4 กาย เวทนา จิต ธรรม
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และ คณะอาจารย์บ้านธัมมะทุกท่านคะ อนุโมทนาสาธุคะ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
สื่งแรกที่ต้องมี..ความศรัทรา..สติจะมีหรือไม่มีก็ได้..เมื่อมีความศรัทราในองค์พระพุทธเจ้าเพียงส่วนเดียวอย่างถึงที่สุดแล้ว..ปฏิบัติตามคำสอนทุกประการก็ย่อมได้ปัญญาอย่างแน่นอน..ตถาคตไม่เคยสอนว่าให้ได้สติก่อนถึงฝึกทำสมาธิ..เอามาจากไหน.. ย่อมเหมือนกับศาสนาอื่นๆในโลกนี้เอาศรัทธาเป็นที่ตั้ง..ผู้สอนเองก็คงเข้าใจดีเพราะเคยศรัทธาศาสนาอื่นมาก่อน..ถ้าคนเรามัววื่งหาสติคงไปไม่ถีงไหน..ศรัทธาบวกปฎิบัติเท่ากับสมาธิได้ฌานเท่ากับการทำอานาปานสติ..ไม่ต้องใช้สติเลยเพราะสติและปัญญาจะเกิดตามมาเองโดยอัตโนมัติ..เวลาที่ตถาคตตรัสรู้พระองค์ไม่ได้อ่านตำราเล่มไหนและไม่มีใครสอนแต่มีศรัทธาอย่างยิ่งที่ให้ได้ซึ่งนิพพาน..สอนให้มีสติหวังว่าสติไม่แตกเสียก่อน
ศรัทธา ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็คือความหลงผิด ครับควรเริ่มที่ความมีสติ เข้าใจว่าทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน มีที่มาด้วยกันทั้งนั้น หนึ่งเหตุ ทำให้เกิดหลายผลหนึ่งผล มาจากหลายเหตุ พุทธศาสนาสอนให้ปล่อยวาง สอนให้เข้าใจในไตรลักษณ์ ทุกสิ่งไม่อาจคงอยู่อย่างยั่งยืน รู้ถึงอริยสัจจ 4 รู้ถึงสภาพทุกข์ รู้สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ รู้สภาพความสิ้นทุกข์ รู้วิธีดับทุกข์ให้สิ้นไป นี่คือหัวใจของพุทธศาสนา
@@ใบไม้เขียวไหลลื่นตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง ลิขสิทธิ์ทาง ปัญญา ของพระพุทธเจ้าก็คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นเองคะ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 มีสองแบบคะ มีแบบปฏิผล สุตตมยปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาทิฏฐิ มีแบบปฏิมรรค ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต ทำให้มี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ คำจำคำสอนของพระพุทธเจ้าได้นั่นเองคะ เมื่อจำได้ก็จะมีการใคร่ครวญ นั่นแหละคือการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ในแบบปฏิผล ถ้าเป็นปฏิมรรค ก็ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ เพราะการละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ
@@ใบไม้เขียวไหลลื่น การเห็น อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในแบบปฏิผล ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เน้นที่ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เมื่อปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาทิฏฐิ เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม เห็น อริยสัจสี่ ในแบบปฏิมรรค ละนันทิ มีนันทิเห็นเกิด ละนันทิเห็นดับ เส้นทางของพวกปฏิมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ เป็นการดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ละนันทิจิตหลุดพ้น ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาสังกัปปะ ละนันทิใน เวทนา อุเบกขา ด้วยการเจริญอานาปานสติ และ ละนันทิใน สัญญาและรูป ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นการเห็น อริยสัจสี่ ของพวกปฏิมรรค เปรียบเหมือน ฝนตก นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิงนั่นเองคะ
@@ใบไม้เขียวไหลลื่น ถ้ามีศรัทธาในพระตถาคตเป้นการหลงผิดเพราะต้องมีความเข้าใจก่อนดังนั้นที่สุจินเอ่ยอ้างชื่อพระพุทธเจ้า ในขณะสอนธรรมเป็นความเห็นผิดหรือไม่ คนเราต้องตรงย่อมแสดงว่าสุจินศรัทธาพระตถาคต เมื่อสุจินมีความศรัทธาในตถาคตก็ลงมือทำอานาปานสติได้เลยจะรออะไร จะต้องมีความเข้าใจธรรมอีกมากแค่ไหน..
ในอริยมรรคมีองค์8 สิ่งแรกที่ต้องมีอันดับแรกคือ ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) เมื่อมีความเห็นถูกแล้ว ก็จะมีข้อที่ 2 คือ ความคิดที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) เมื่อมี 1 2 แล้ว 3 4 5 6 7 8 ก็จะมีตามลำดับในพื้นฐาน เพราะมีความเข้าใจถูกแล้ว ฉะนั้น ความเห็นถูก ความเข้าใจถูกจึงเป็นพื้นฐาน ที่พระองค์วางไว้เป็นอันดับแรก
สาธุค่ะตอ้งฟังต่อ
ผมเชื่อว่าการละ คือผลจากการเจริญสติที่ถูกต้อง ผู้เจริญถูกทาง ย่อมเห็นว่าความอยากในตัว ค่อยๆ ลงลด ไม่ได้อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ไม่อยากมาเกิดอีกเกิดแล้วเป็นทุกข์ ให้เกิดซ้ำเดิม ให้เกิดมารวย ให้เกิดมาเก่ง ก็ไม่เอาการเจริญสติ แต่ไม่มีปัญญา ไม่ได้ปัญญา เป็นเห็นโทษของอวิชชา ก็ไม่เป็นไปเพื่อวิถีของการละกิเลส ก็เปล่าประโยชน์กิเลสยังเต็มตัว เจริญไปทั้งชาติ กิเลสยังเท่าเดิม ศีลไม่ได้ อกุศลไม่ละ ก็ยังติดในวัฏสงสาร ตายแล้วก็วนเวียน การเจริญสติ แต่ไม่ละกิเลส จึงไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องปัญญาที่ได้ในแต่ละระดับ นำสู่การเห็นทางที่ถูกต้อง นำสู่การละการสละที่ยากขึ้น ละเอียดขึ้นสั้นๆ ปัญญาที่ได้ ต้องเพื่อการละกิเลสแต่สุดท้ายทำสมถะได้แบบท่าน อุทกดาบส อาฬารดาบส เข้าณาฌ 8 ได้ แต่มีวิปัสสนา ทำปัญญาพอที่จะละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้ (ไม่มีโอกาสเจอพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้)วัฏสงสารก็ให้กลับไปเริ่มเรียนรู้เพิ่มเติมใน ภพชาติถัดๆ ไป
การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นคะ เจริญแบบพวกปฏิผล สุตตมยปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาทิฏฐิ เจริญแบบพวกปฏิมรรค ศรัทธา ศีล สุตตา จาคะ ปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ถ้าไปฟังสาวกภาษิต ทำให้มี ศรัทธา ใน สาวกภาษิต ก็จะไม่มีการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ความจริงมันเป็นแบบนี้ จึงต้องรู้จัก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะว่า เป็นอย่างนี้อย่างนี้ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เน้นที่ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา นั่นเองคะ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ สาธุสัมมาสมาธิ สำหรับผมคือการทำสมาธิแบบมีสติรู้ตัว ไม่จมภวัง ไม่เพ่ง ไม่ตั้งมั่นไปภายใน(ฌาน ฤาษีชีไพร=เพ่ง) ไม่ซ่านไปภายนอก เพราะเมื่อก่อนผมเพ่งสมาธิ จนติดการทำสมาธิ ยึดติดสมาธิในแต่ละระดับ ต้องเข้าให้ได้ ได้แล้วต้องรักษาให้นาน จนรู้ตัวว่าสมาธิก็เป็นทุกข์ตกอยู่ใต้กฏไตรลักษณ์ ทุกวันนี้มองการทำสมาธิ เป็นบาตรฐานในการเห็นทุกข์เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นการยึดและปล่อยของจิต หรือเอาไว้พักจิตในเวลาเหนื่อยๆ ให้จิตมีกำลังสมัยพุทธกาล การบรรลุธรรมดูง่าย ไม่ต้องฟังเป็นปีๆ อ่านเป็นเล่มๆ ดูสมัยนี้ นั่งสมาธิทุกวัน อ่านทุกเล่ม ฟังทุกอาจารย์ ยังไม่รู้กิเลสในใจตน ยังไม่เห็นจิตเกิดดับเปลี่ยนแปลงเค้าลืมกันไปหรือไม่ว่า ทุกๆ กฏจะรวมลงใน อริยสัจ 4
ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว คือ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ / สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน (การละ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ)
ฟังท่านอาจารย์สุจินต์อธิบายธรรมะถ้าเป็นนักปฏิบัติเขาจะรู้ว่าอาจารย์ศึกษาอภิธรรมมาและเข้าใจอภิธรรมและเข้าใจธรรมะแต่ขาดการปฏิบัติที่จิตถึงขั้นฌานหรือสมาธิขั้นอุปจารสมาธิเพราะจิตในขั้นนี้จะบอกให้รู้ว่า การที่จิตจะกระโดดไปสู่วิปัสสนานั้นวิธีนั่งหลับตาคือฐานสมถะที่มั่นคงที่สุดเมื่อจิตเข้าถึงฌานที่ ๑ ก็พิจารณา กายคตาสติเมื่อพิจารณากายคตาติดีแล้วเวลาเราดูรูปเสียงกลิ่นรสจิตมันจะผลักออกโดยอัตตะโนมัติไม่ได้หลงหรือพอใจ พระธนชัยฯ
พระที่บ้านไม่เห็นทำอะไรนอกจากท่องคำสวดแล้วรับงานสวดให้ได้เงินมาสนองกามตัวเอง
การศึกษาเรื่องใด หากไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ และหัวใจหรือหลักวิชานั้นๆ จักเป็นการเสียเวลาเปล่า"สติ" คือระลึกรู้ รู้ว่ากำลังทำอะไร รู้ว่าจิตได้รับสิ่งกระทบที่เป็นคุณเป็นโทษอย่างไร เป็นการฝึกการรู้สึกตัว เมื่อรู้ตัวแล้ว เอาจิตเข้าไปจับ ก็จะเป็นสัมปชัญญะ
การรู้ลมหายใจเข้า..ออก..ต้องมีสติมากแค่ไหนบอกหน่อยวัดกันอย่างไร
@@panumasrerksanan6615 การวัดสติ ก็คือ การรู้ตัว หรือ รู้อารมณ์ ในขณะที่กระทำสิ่งนั้นๆ การรู้ลมหายใจเข้าออก เป็นการฝึกให้รู้ตัว ให้มีสติ รู้สภาพจิต หากผู้ใดฝึกบ่อยๆ จะทำให้ผู้นั้นมีสติ รู้อารมณ์ทุกขณะการกระทำการวัดผลสำเร็จของการฝึกจิต ให้มีสติ วัดจากความไวของการมีสติต่อการกระทำกิจต่างๆของผู้นั้น นั่นเอง
@@panumasrerksanan6615เหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้สดับ ฟัง พุทธวจน เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นเหตุปัจจัยทำให้มี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ก็จะเริ่มเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต เป็นพวกปฏิผล สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็นพวกปฏิมรรค ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เจริญสมาธิอรูปสัญญา ที่เป็น สัมมาสมาธิ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ ก็จะเห็น สมาธิ 9 ระดับ ศีล สมาธิ ปัญญา ตัวปัญญาเป็น ฌาน 4 เป็น สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ อยู่หลังเพื่อน พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ว่า เจริญอานาปานสติ แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่าอยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ก็คือการรับรู้ว่ามีลมหายใจเข้า หายใจออก นั่นเอง ต้องรับรู้ลมหายใจเข้าออกนั่นเอง เป็นการ ละนันทิ ละชาติ ละสังโยชน์ที่สร้างการเกิด นั่นเอง ก็จะละไปเรื่อยๆ ตามกำลังอินทรีย์ของพวก ปฏิมรรค นั่นเอง เส้นทางนี้คือ สมาธิ 9 ระดับ ก็จะเห็นว่าเป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ดูตรง ปัญญานั่นเอง ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ และจะเจริญสมาธิอรูปสัญญา จนเป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเอง ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เป็นการบอกเส้นทางนั่นเอง เพราะพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทางนั่นเองคะ
มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวกปฏิผล ต้นทาง สุตตะ มีศรัทธาในตถาคตภาษิตนั่นเอง ปลายทาง ปัญญา สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเอง ตถาคตภาษิต ใช้เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ได้ทั้งหมด เพราะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นเองคะ เส้นทางพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ต้นทาง ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี ปลายทาง อานาปานสติ คือ ละนันทิในรูปขันธ์นั่นเอง เส้นทางการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ของพวกปฏิมรรค ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สุตตมยปัญญา ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เห็นปัญญาคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ถ้าเป็นการเจริญสมาธิ
เจ้าตัวรู้จักสติจริงแล้วรึยัง? หรือแค่จำมาพูดตามตัวอักษรและพยัญชนะ ของจริงไม่ใช่อยู่ที่ตัวหนังสือแต่อยู่ที่การลงมือทำให้เกิดสติ สมาธิและปัญญา
ทำไมยายจินชอบมีเงื่อนไขกับคำสอนของตถาคตจังเลย..พระองค์สอนแบบละเอียดมากแล้วทำตามได้เลยใครจะทำแล้วได้ประโยชน์มากน้อยอยู่ที่บุญบารมีที่สะสมมา..ไม่มีสติสตังอะไรหลอก..ให้รู้จักลมหายเข้าออกก็ได้แล้ว..เรื่องมากทุกคลิป
@@panumasrerksanan8892มีศรัทธาในตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เจริญสมาธิ 9 ระดับ คือ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ภาวนามยปัญญา ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ความกระจ่างเตือนสติคะ สาธุค่ะ
กราบบูชาอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ และคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่าน ด้วยความเคารพ เ ธรรมะของพระพุทธองค์ละเอียดลึกซึ้งประโยคอย่างยิ่ง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบนอบน้อมบูชาคุณพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงสูงยิ่ง กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูง กราบขอบพระคุณคณะอาจารย์ มศพ.ทุกท่านด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ในพระธรรมที่ได้แสดง กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
การรู้ธรรมก็นเหมือนนับเลข ใครนับได้ 3 10 50... ก็ได้เท่านีั้น ไม้รู้ธรรมก็ใช้ชีวิตได้ปกติดี ความจริง๙ใรชีวิคคือธรรมครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับอาจารย์
อาจารย์สุจิน บรรลุธรรมขั้นไหนครับ?
กราบอนุโมทนาในสำมาทิฐิดว้ยค่ะ
จิตสงบได้ เพราะจิตไม่ดื้อลั้น ด้วยเหตุภายใน เช่นมานะทิฏฐิ ยะโสโอหัง สิ่งนั้นให้จิตไม่สงบ..จิตยังดื้อรั้นอยู่ แม้แต่อานาปานสติก็ยังช่วยได้ยาก..จะหยิบยกเอาอานาปานสติมาเป็นอุบายตะล่อมจิตสักเท่าไร ก็สงบยาก
แล้วท่านรู้จักสติแบบไหน?
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามคะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
กราบขอบพระคุณในกุศลจิตอันดีงามของท่านอาจารย์ค่ะ 💓🙏💓😇
แล้วท่านรู้จักสติหรือครับ
🙏🙏🙏
แล้วสติของท่านล่ะหมายถึงอะไรถ้าคิดว่าสำนักอื่นผิด..บอกหน่อยอยากรู้จริงๆสำนักอื่นอะอย่าไปว่าเขาเลย..
ต้องไปสำนักบ้านทำมะ
มีบุคคล 4 คู่ 8 พวก พวกปฏิผล เส้นทางตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ คือ สุตตมยปัญญา ต้นทาง สุตตะ คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ปลายทาง ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เดินตามเส้นทางนี้คือพวก ปฏิผล จะเห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ เส้นทางของพวกปฏิมรรค ต้นทาง ศรัทธา ปลายทาง อานาปานสติ เป็นการเจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ มาถึงปลายทาง อานาปานสติ คือ ละนันทิใน รูปขันธ์ นั่นเองคะ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค คือ การเจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
🌹🙏🙏🙏🌹
อาจารยสุจินอายุเท่าไรแล้วครับ
สาธุๆๆ
โธ่เว้ย คิดว่า…แล้ว555
กราบเท้าท่านอาจารย์กราบอทุโมทนาครับ
ฝีนใจตนเท่าไหร่ยอมเก็บขยะนี้..ทรมานใจแทบตายหนีได้กูไปนานแล้ว..
ผู้หญิงคนนี้ชอบติคนอื่นๆเสมอ ไม่เข้าใจว่าปฏิบัติธรรมแบบไหนจึงเป็นอย่างนี้ เป็นคนธรรมดาดีกว่าเยอะ ที่จะลุกขึ้นมาสอนคนอื่นๆในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้จริง
เธอนั่นแหละแปลกที่ว่าผู้หญิงคนนี้ เธอฟังที่ท่านสนทนากันอยู่ ถ้าเธอฟังไม่รู้เรื่อง เธออย่าเข้ามาเม้นดีกว่า เธอฟังแล้วเธอไม่ชอบใจ อยากเข้ามาเม้นให้เป็นบาปกับตัวเองเลย เพราะท่านกำลังกล่าวธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นธรรมะของพุทธองค์จริงๆ เราสงสารเธอนะ ถ้าเธอติเตียน ผู้หญิงคนนี้ เธอกำลังติดเตียน ธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า นะ
จริงที่สุดพูดถูก ติไปหมดแต่ลืมดูตัวเอง ทิฐิบังตา...น่าสงสารนานได้เกิดมาพบศาสนาพุทธ
@@JAKA208 อ่านการเว้นของตัวเองก่อนไหม ว่านิสัยสันดานของตัวเองเป็นอย่างไร เรายังเป็นปุถุชนคนธรรมดา เพิ่งศึกษาธรรมะของพระองค์ไม่นาน เราด่าว่าเขาตรงไหน เราเตือนเขาด้วยความหวังดี ขนาดองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน ยังบำเพ็ญเพียร 4 อสังขัยแสนกลับ กว่าจะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ฉันยัง กิเลสเต็มตัว ฉันเป็นผู้เข้ามาฟังท่านอาจารย์สุจินต์ ฉันยังไม่เคยพบปะเจอท่านเลย ฉันแค่ฟัง ฟังรู้ว่าผู้ใดกล่าวธรรมะของพุทธองค์ จริงหรือไม่จริง สันดานดีหรือไม่ดี มันติดจากใครไม่ได้หรอก มันเป็นสันดานดีของตัวเอง สันดานชั่วของตัวเอง ใครจะดีจะชั่ว ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น เธอนะดูตัวเองหน่อยนะ พูดธรรมะ อ่านเม้นตัวเองดูซิ ว่าสะสมสันดานไว้เท่าไหร่ แล้วเธอไม่ให้เกียรติเราบ้างล่ะ เราไม่ได้คุยกับเธอ เธอก็แค่คนธรรมดา ธรรมะยังไม่แทรกเข้าไปในกระสายในสายเลือดเลย ดูตัวเองก่อนนะ พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้มาแล้ว ท่านก็เตือนว่าอย่าไปเพ่งโทษคนอื่น เธอคงไม่เพ่งโทษใครแล้วสินะ เป็นคนแสนดีแล้วสินะ แล้วเข้ามาทำไม เขาเตือนไว้ไม่ใช่เหรอในเม้น ว่าให้แสดงความ คิดเห็น แบบสุภาพ อ่านแล้วไม่ค่อยสุภาพ ก็แล้วจะเข้ามาทำไม ไม่ได้อ่านหรือไง ฉันยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา อีกนาน นัก ที่จะเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์ อย่างเรียกว่าหมดกิเลส เธอก็สำรวจนิสัยสันดานของตัวเองด้วยนะ ว่าสะสมอะไรมา บาย เธอนี่น่าสงสารยิ่งกว่า เม้นแรก
@@JAKA208 ท่านอาจารย์สุจินต์ เรายังไม่เคยเห็นท่านด่าว่าใครเลย ท่านกล่าวตาม พระธรรมพระวินัยในพระไตรปิฎก พระธรรมพระวินัยพระสูตร ตามพระไตรปิฎก ต้นคนบอกกล่าวตามตำรา ถ้าไม่ศึกษาในตำรา ตามพระไตรปิฎก แล้วจะรู้กันเองหรือ ว่าเรื่องราว ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้มา กล่าวไว้ว่าอย่างไร โดยมากจะเป็น ภิกษุ ที่ต่อต้านอาจารย์สุจินต์ เพราะอาจารย์สุจินต์กล่าวพระธรรมพระวินัย ที่แท้จริง ถึงออกอาการ ให้ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ตอบโต้ คนที่บวชเป็นภิกษุ ไม่สมควรมีโทรศัพท์ ของที่นอกเหนือจากปัจจัย 4 บวชเข้าไปไม่ขัดเกลากิเลสกันเลย มีแต่จะสะสมกิเลส ไม่ได้เข้าไปดำรงพระศาสนาเลย บวชเข้าไปทำลายคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ภิกษุมีหน้าที่เพียง 2 อย่าง คันธุรักษ์และวิปัสสนาธุระ เท่านั้นเอง ที่เราได้รู้แบบนี้ ก็เพราะอาจารย์สุจินต์ บวชเข้าไปแล้ว ก็มีเพียงเท่านี้ คนที่บวชเข้าไปทำเกินกว่านี้ ก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ท่านอาจารย์สุจินต์ กล่าวธรรมะพระวินัยของพระพุทธองค์ ละเอียดมาก กล่าวมานานร่วม 60 ปี คนที่เข้ามาฟังนิดฟังหน่อย ฟัง เผิน เพราะหาว่าไปติเตียน ภิกษุทำผิดพระวินัย ที่เห็น ด้วยตา คือ ภิกษุรับเงินรับทอง ผิดพระวินัยไหม ไตร่ตรองดูซิ ท่านอาจารย์สุจินต์ไม่ได้ติเตียนใคร พระพุทธองค์ท่านติเตียน สาธุสาธุค่ะ
@@JAKA208 วันนั้นเราฟัง ของอาจารย์บ้านธรรมะ เรื่องมหาประเทศ 4 การเทียบเคียง เราฟังเทียบเคียง พระพุทธองค์ทรงตรัส ให้เทียบเคียง ท่านตัดให้เทียบเคียงเอง ถ้า ถ้า ภิกษุมีปัญญา ก็รู้ว่า คำที่พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้ว ยกเลิกไม่ได้เพิ่มเติมไม่ได้ ให้เอามหาประเทศ 4 มาเทียบเคีย ก็ยกเลิกไม่ได้ เพิ่มเติมไม่ได้ ภิกษุมีปัญญาก็คิดได้ ไม่มีปัญญา ก็เอามาอ้างกันไป เพื่อจะให้ได้ข้าวของในสิ่งนั้น ธรรมะของพระพุทธองค์ ละเอียดลึกซึ้ง มาก พระองค์คงจะไม่เป็นบำเพ็ญเพียร 4 อสงไขยแสนกับรอก ถึงจะตรัสรู้ได้ ที่หลวงปู่หลวงตากล่าวสอนกันน่ะ แค่คำธรรมดาของ ที่ใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่ เท่านั้นแหละ ยืมคำว่าพุทธเจ้ามาหน่อย อริยสัจ 4 ทุกข์สมุทัยนิโรธ แค่นั้นแหละ คนไม่รู้ เพราะว่ากล่าวธรรมะ มรรคมีองค์ 8 ยกขึ้นมานิด น่าสงสาร จัดสำนักปฏิบัติ ปฏิบัติอะไรก็ไม่รู้ เรายังไปโง่อยู่ตั้ง 5-6 ปี 7 ปี รู้ว่าจะปฏิบัติได้เงิน กินอยู่สบายอาหารอร่อย หมดไปเยอะ ไม่ได้อะไรเลย เลอะเทอะ โชคดีนะ เธอ ไม่ต้องเอาเราไปเปรียบ กับใครหรอก โกรธเป็นโกรธ เกิดจากการเห็นการได้ยิน ไปเหมือนใครไม่ได้หรอก ได้กลิ่นไม่ดียังโกรธ อาหารไม่อร่อยก็ยังโกรธ อากาศร้อนอากาศเย็นก็โกรธ แค่นี้นะ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบแทบเท้าพระอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์และคณะบ้านธัมมะความไม้รู้ช่างน่ากลัวจริงการได้รู้คำจริงคือธัมมะทำให้อยู่ในโลกนี้อย่างไม่เดือดร้อนถ้าไม่มีพระอาจารย์สุจินต์ความจริงคงไม่ปรากฏ
ความจริงได้ปรากฎแล้ว..อ่านคอมเม้นต์มากๆนะ..นั่นแหละความจริงแท้
ในความคิดเห็นมันก็แสดงความจริงของระดับปัญญาแต่ละคน ตั้งใจฟังท่านอาจารย์ท่านกล่าวธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีกว่า เมื่อไหร่ที่สติสัมปชัญญะเกิด เมื่อนั้นย่อมรู้จักสติ ย่ิอมเข้าใจในสิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวแสดงธรรม แต่เมื่อยังไม่รู้จักอะไรเลย ก็เที่ยวว่าท่องจำมาบ้าง นั่นนี่บ้าง จะไปใส่ใจทำไมกับความคิดเห็นของคนไม่รู้
🙏🙏🙏🪷🪷🪷
ไมรู้จักสติตรงใหนครับก็สติความระลึกได้ระลึกรู้รู้ว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไรคิดอะไรสติพิจจารณาแล้วเสพสติระลึกดูกำหนดดูลมหายใจเข้าออกมันยากตรงใหนครับเข้าใจง่ายๆแต่ปฏิบัตืเพื่อรู้จริงรู้แจ้งยากกว่าสอนแต่คนอื่นหัดลงมือปฏิบัติดูบ้าง
อินทรีย์ 5 พละ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ที่เป็น ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุติ ภาวนามยปัญญา เจริญสมาธิ 9 ระดับ คือ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ เจริญอานาปานสติแม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่าอยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์ ธรรมนี้ช่างแจ่มแจ้งดีแท้
พูดเหมือนรู้
อย่าคุยเยอะเดวหน้าแตก
ของจริงจะเกิดแล้ว..
เด็กน้อย
เอาคนที่นับถือศาสนาอื่นมาสอนศาสนาพุทธมันก็มั่วซิครับพี่น้อง..
พูด พูดออกมาได้มั่วแท้ๆ มีปากอยากพูดก็พูดไป ฟังเป็นเปล่า ธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า รู้จักแต่พระพุทธรูป ไม่รู้จักพระธรรมคำสั่งสอน มีปากก็พูดส่งเดชไปไม่ไตร่ตรอง ถ้าท่านอาจารย์สุจินต์ นับถือศาสนาอื่น กล่าวได้ ละเอียดแบบนี้ เธอก็คงเป็นคนไม่มีศาสนาแล้ว เธอนั่นแหละมั่ว
ชาวพุทธส่วนมากไม่เอาด้วย..แต่ก็มีบาวส่วนหลงไปกับเขา
มีคนพุทธที่ไหนสอนได้ดี และถูกต้องอย่าเขาไหม
ส่วนใหญ่ชาวพุทธตามทะเบียนบ้านจะไม่เอาด้วย เพราะฟังไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง
@@nongae103 พุทธเก้ แบบพุทธพาณิชย์นะหรือ พุทธแท้ หลงทางจนถอนอุปทานไม่ขึ้นไม่ว่า ซื้อแต่นรกสวรรค์ แต่ไม่เคยมองภายในตัวเองนั้นแระธรรมชาติ พุทธ
ถ้าเชื่อคนนี้วัดคงร้างไปหมดแล้วแกไม่ให้คนทำบุญกฐิน.ผ้าป่า
เขาสอนพุทธที่แท้จริง ไม่ได้สอนแบบประเพณีที่หละหลวม
สาธุค่ะ
คิดไปเอง วิเคราะห์ไปเองเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง โดยไม่เคยปฏิบัติ ....พระพุทธเจ้าเห็นว่าผู้หญิงมีนิสัยดื้อด้านจึงกำหนดให้สิกขะมานาถือคุรุธรรม8ประการก่อนบวชเพื่อป้องปรามความดื้อด้านนี้
อยากรู้คุรุธรรม 8 ประการจังช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยสิผู้รู้บอกผู้ไม่รู้หน่อยสิเอาละเอียดๆนะ ผู้หญิงมีนิสัยดื้อด้านตรงไหน เมตตาผู้ไม่รู้หน่อย
@@ต้นสาระ-ห6ฝ ถ้าว่าง จะตอบให้
จริงๆพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะให้ผู้หญิงบวชพระแต่ทนพระอานนท์ขอหลายครั้งไม่ได้...
เมื่อได้ยินได้ฟัง คำสอนของพระพุทธเจ้า ศรัทธาที่เกิดปรากฏขึ้นมาเป็น ศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ผู้ที่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนให้รู้จัก อานาปานสติ เมื่อฟังแล้วมีศรัทธาใน คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะมีการเจริญอานาปานสติ นั่นเองค่ะ ก็คือการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สติปัฏฐาน4 กาย เวทนา จิต ธรรม
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และ คณะอาจารย์บ้านธัมมะทุกท่านคะ อนุโมทนาสาธุคะ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
สื่งแรกที่ต้องมี..ความศรัทรา..สติจะมีหรือไม่มีก็ได้..เมื่อมีความศรัทราในองค์พระพุทธเจ้าเพียงส่วนเดียวอย่างถึงที่สุดแล้ว..ปฏิบัติ
ตามคำสอนทุกประการก็ย่อมได้ปัญญาอย่างแน่นอน..ตถาคตไม่เคยสอนว่าให้ได้สติก่อนถึงฝึกทำสมาธิ..เอามาจากไหน..
ย่อมเหมือนกับศาสนาอื่นๆในโลกนี้เอาศรัทธาเป็นที่ตั้ง..ผู้สอนเองก็คงเข้าใจดีเพราะเคยศรัทธาศาสนาอื่นมาก่อน..
ถ้าคนเรามัววื่งหาสติคงไปไม่ถีงไหน..ศรัทธาบวกปฎิบัติเท่ากับสมาธิได้ฌานเท่ากับการทำอานาปานสติ..ไม่ต้องใช้สติเลย
เพราะสติและปัญญาจะเกิดตามมาเองโดยอัตโนมัติ..เวลาที่ตถาคตตรัสรู้พระองค์ไม่ได้อ่านตำราเล่มไหนและไม่มีใครสอน
แต่มีศรัทธาอย่างยิ่งที่ให้ได้ซึ่งนิพพาน..สอนให้มีสติหวังว่าสติไม่แตกเสียก่อน
ศรัทธา ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็คือความหลงผิด ครับ
ควรเริ่มที่ความมีสติ เข้าใจว่าทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน มีที่มาด้วยกันทั้งนั้น
หนึ่งเหตุ ทำให้เกิดหลายผล
หนึ่งผล มาจากหลายเหตุ
พุทธศาสนาสอนให้ปล่อยวาง สอนให้เข้าใจในไตรลักษณ์ ทุกสิ่งไม่อาจคงอยู่อย่างยั่งยืน รู้ถึงอริยสัจจ 4 รู้ถึงสภาพทุกข์ รู้สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ รู้สภาพความสิ้นทุกข์ รู้วิธีดับทุกข์ให้สิ้นไป
นี่คือหัวใจของพุทธศาสนา
@@ใบไม้เขียวไหลลื่นตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง ลิขสิทธิ์ทาง ปัญญา ของพระพุทธเจ้าก็คือ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นเองคะ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 มีสองแบบคะ มีแบบปฏิผล สุตตมยปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาทิฏฐิ มีแบบปฏิมรรค ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ฟัง อ่าน จด ท่องจำ ตถาคตภาษิต ทำให้มี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต นั่นเองคะ คำจำคำสอนของพระพุทธเจ้าได้นั่นเองคะ เมื่อจำได้ก็จะมีการใคร่ครวญ นั่นแหละคือการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ในแบบปฏิผล ถ้าเป็นปฏิมรรค ก็ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ เพราะการละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองคะ
@@ใบไม้เขียวไหลลื่น การเห็น อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในแบบปฏิผล ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เน้นที่ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เมื่อปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาทิฏฐิ เปรียบเหมือน เมฆฝนที่คำราม เห็น อริยสัจสี่ ในแบบปฏิมรรค ละนันทิ มีนันทิเห็นเกิด ละนันทิเห็นดับ เส้นทางของพวกปฏิมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิใน เวทนาทุกข์ เวทนาสุข ด้วยการเจริญอานาปานสติ เป็นการดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน ละนันทิจิตหลุดพ้น ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาสังกัปปะ ละนันทิใน เวทนา อุเบกขา ด้วยการเจริญอานาปานสติ และ ละนันทิใน สัญญาและรูป ด้วยการเจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นการเห็น อริยสัจสี่ ของพวกปฏิมรรค เปรียบเหมือน ฝนตก นั่นเองคะ ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิงนั่นเองคะ
@@ใบไม้เขียวไหลลื่น ถ้ามีศรัทธาในพระตถาคตเป้นการหลงผิดเพราะต้องมีความเข้าใจก่อน
ดังนั้นที่สุจินเอ่ยอ้างชื่อพระพุทธเจ้า ในขณะสอนธรรมเป็นความเห็นผิดหรือไม่ คนเราต้องตรง
ย่อมแสดงว่าสุจินศรัทธาพระตถาคต เมื่อสุจินมีความศรัทธาในตถาคตก็ลงมือทำอานาปานสติได้เลย
จะรออะไร จะต้องมีความเข้าใจธรรมอีกมากแค่ไหน..
ในอริยมรรคมีองค์8 สิ่งแรกที่ต้องมีอันดับแรกคือ ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) เมื่อมีความเห็นถูกแล้ว ก็จะมีข้อที่ 2 คือ ความคิดที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) เมื่อมี 1 2 แล้ว 3 4 5 6 7 8 ก็จะมีตามลำดับในพื้นฐาน เพราะมีความเข้าใจถูกแล้ว ฉะนั้น ความเห็นถูก ความเข้าใจถูกจึงเป็นพื้นฐาน ที่พระองค์วางไว้เป็นอันดับแรก
สาธุค่ะตอ้งฟังต่อ
ผมเชื่อว่าการละ คือผลจากการเจริญสติที่ถูกต้อง
ผู้เจริญถูกทาง ย่อมเห็นว่าความอยากในตัว ค่อยๆ ลงลด
ไม่ได้อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ไม่อยากมาเกิดอีก
เกิดแล้วเป็นทุกข์ ให้เกิดซ้ำเดิม ให้เกิดมารวย ให้เกิดมาเก่ง ก็ไม่เอา
การเจริญสติ แต่ไม่มีปัญญา ไม่ได้ปัญญา เป็นเห็นโทษของอวิชชา ก็ไม่เป็นไปเพื่อวิถีของการละกิเลส ก็เปล่าประโยชน์
กิเลสยังเต็มตัว เจริญไปทั้งชาติ กิเลสยังเท่าเดิม ศีลไม่ได้ อกุศลไม่ละ ก็ยังติดในวัฏสงสาร ตายแล้วก็วนเวียน
การเจริญสติ แต่ไม่ละกิเลส จึงไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง
ปัญญาที่ได้ในแต่ละระดับ นำสู่การเห็นทางที่ถูกต้อง นำสู่การละการสละที่ยากขึ้น ละเอียดขึ้น
สั้นๆ ปัญญาที่ได้ ต้องเพื่อการละกิเลส
แต่สุดท้ายทำสมถะได้แบบท่าน อุทกดาบส อาฬารดาบส เข้าณาฌ 8 ได้
แต่มีวิปัสสนา ทำปัญญาพอที่จะละสังโยชน์ 3 ข้อแรกได้ (ไม่มีโอกาสเจอพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้)
วัฏสงสารก็ให้กลับไปเริ่มเรียนรู้เพิ่มเติมใน ภพชาติถัดๆ ไป
การเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เจริญสมาธิด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต เท่านั้นคะ เจริญแบบพวกปฏิผล สุตตมยปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาทิฏฐิ เจริญแบบพวกปฏิมรรค ศรัทธา ศีล สุตตา จาคะ ปัญญา ปัญญาเกิด จึงเห็น สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ถ้าไปฟังสาวกภาษิต ทำให้มี ศรัทธา ใน สาวกภาษิต ก็จะไม่มีการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ที่เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด นั่นเองคะ ความจริงมันเป็นแบบนี้ จึงต้องรู้จัก ตถาคตภาษิต นั่นเองคะว่า เป็นอย่างนี้อย่างนี้ กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เน้นที่ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา นั่นเองคะ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ
สาธุ
สัมมาสมาธิ สำหรับผมคือการทำสมาธิแบบมีสติรู้ตัว ไม่จมภวัง ไม่เพ่ง ไม่ตั้งมั่นไปภายใน(ฌาน ฤาษีชีไพร=เพ่ง) ไม่ซ่านไปภายนอก
เพราะเมื่อก่อนผมเพ่งสมาธิ จนติดการทำสมาธิ ยึดติดสมาธิในแต่ละระดับ ต้องเข้าให้ได้ ได้แล้วต้องรักษาให้นาน จนรู้ตัวว่าสมาธิก็เป็นทุกข์ตกอยู่ใต้กฏไตรลักษณ์
ทุกวันนี้มองการทำสมาธิ เป็นบาตรฐานในการเห็นทุกข์เห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นการยึดและปล่อยของจิต หรือเอาไว้พักจิตในเวลาเหนื่อยๆ ให้จิตมีกำลัง
สมัยพุทธกาล การบรรลุธรรมดูง่าย ไม่ต้องฟังเป็นปีๆ อ่านเป็นเล่มๆ
ดูสมัยนี้ นั่งสมาธิทุกวัน อ่านทุกเล่ม ฟังทุกอาจารย์ ยังไม่รู้กิเลสในใจตน ยังไม่เห็นจิตเกิดดับเปลี่ยนแปลง
เค้าลืมกันไปหรือไม่ว่า ทุกๆ กฏจะรวมลงใน อริยสัจ 4
ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาแล้ว คือ สัมมาทิฏฐิ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา และ ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สัมมาสังกัปปะ / สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เกิดแต่เหตุ เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ธรรมที่เป็นเหตุ / สัมมาสังกัปปะ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ เกิดปรากฏขึ้นมา คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน (การละ คือ การเกิดปรากฏขึ้นมาของ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองค่ะ)
ฟังท่านอาจารย์สุจินต์อธิบายธรรมะถ้าเป็นนักปฏิบัติเขาจะรู้ว่าอาจารย์ศึกษาอภิธรรมมาและเข้าใจอภิธรรมและเข้าใจธรรมะแต่ขาดการปฏิบัติที่จิตถึงขั้นฌานหรือสมาธิขั้นอุปจารสมาธิเพราะจิตในขั้นนี้จะบอกให้รู้ว่า การที่จิตจะกระโดดไปสู่วิปัสสนานั้นวิธี
นั่งหลับตาคือฐานสมถะที่มั่นคงที่สุดเมื่อจิตเข้าถึงฌานที่ ๑ ก็พิจารณา กายคตาสติเมื่อพิจารณากายคตาติดีแล้ว
เวลาเราดูรูปเสียงกลิ่นรสจิตมันจะผลักออกโดยอัตตะโนมัติไม่ได้หลงหรือพอใจ
พระธนชัยฯ
พระที่บ้านไม่เห็นทำอะไรนอกจากท่องคำสวดแล้วรับงานสวดให้ได้เงินมาสนองกามตัวเอง
การศึกษาเรื่องใด หากไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ และหัวใจหรือหลักวิชานั้นๆ จักเป็นการเสียเวลาเปล่า
"สติ" คือระลึกรู้ รู้ว่ากำลังทำอะไร รู้ว่าจิตได้รับสิ่งกระทบที่เป็นคุณเป็นโทษอย่างไร เป็นการฝึกการรู้สึกตัว เมื่อรู้ตัวแล้ว เอาจิตเข้าไปจับ ก็จะเป็นสัมปชัญญะ
การรู้ลมหายใจเข้า..ออก..ต้องมีสติมากแค่ไหนบอกหน่อยวัดกันอย่างไร
@@panumasrerksanan6615 การวัดสติ ก็คือ การรู้ตัว หรือ รู้อารมณ์ ในขณะที่กระทำสิ่งนั้นๆ
การรู้ลมหายใจเข้าออก เป็นการฝึกให้รู้ตัว ให้มีสติ รู้สภาพจิต หากผู้ใดฝึกบ่อยๆ จะทำให้ผู้นั้นมีสติ รู้อารมณ์ทุกขณะการกระทำ
การวัดผลสำเร็จของการฝึกจิต ให้มีสติ วัดจากความไวของการมีสติต่อการกระทำกิจต่างๆของผู้นั้น นั่นเอง
@@panumasrerksanan6615เหตุปัจจัยถูก เป็นผู้ที่ได้สดับ ฟัง พุทธวจน เป็นผู้ที่ฟังด้วยดี เป็นเหตุปัจจัยทำให้มี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา ก็จะเริ่มเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต เป็นพวกปฏิผล สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็นพวกปฏิมรรค ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา - ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ เจริญสมาธิอรูปสัญญา ที่เป็น สัมมาสมาธิ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ ก็จะเห็น สมาธิ 9 ระดับ ศีล สมาธิ ปัญญา ตัวปัญญาเป็น ฌาน 4 เป็น สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ อยู่หลังเพื่อน พระพุทธเจ้าท่านบอกสอนไว้ว่า เจริญอานาปานสติ แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่าอยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ก็คือการรับรู้ว่ามีลมหายใจเข้า หายใจออก นั่นเอง ต้องรับรู้ลมหายใจเข้าออกนั่นเอง เป็นการ ละนันทิ ละชาติ ละสังโยชน์ที่สร้างการเกิด นั่นเอง ก็จะละไปเรื่อยๆ ตามกำลังอินทรีย์ของพวก ปฏิมรรค นั่นเอง เส้นทางนี้คือ สมาธิ 9 ระดับ ก็จะเห็นว่าเป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ดูตรง ปัญญานั่นเอง ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ และจะเจริญสมาธิอรูปสัญญา จนเป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเอง ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เป็นการบอกเส้นทางนั่นเอง เพราะพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าท่านเป็นเพียงผู้บอกทางนั่นเองคะ
มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 ตถาคตภาษิต กฏอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท สังขตธรรม เมื่อมีเกิดเป็นปัจจัยจึงมีเสื่อม เมื่อมีเสื่อมเป็นปัจจัยจึงมีดับ เมื่อมีดับเป็นปัจจัยจึงมีอนัตตา เมื่อมีอนัตตาเป็นปัจจัยจึงมี เนตังมะมะ เนโสหมัสสมิ นะเมโสอัตตา เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา เป็นเส้นทางของพวกปฏิผล ต้นทาง สุตตะ มีศรัทธาในตถาคตภาษิตนั่นเอง ปลายทาง ปัญญา สุตตมยปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ นั่นเอง ตถาคตภาษิต ใช้เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ได้ทั้งหมด เพราะ มีศรัทธาใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 นั่นเองคะ เส้นทางพวก ปฏิมรรค เจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ ต้นทาง ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี ปลายทาง อานาปานสติ คือ ละนันทิในรูปขันธ์นั่นเอง เส้นทางการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ของพวกปฏิมรรค ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ อริยมรรคมีองค์แปด สองข้อแรกเป็น ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สุตตมยปัญญา ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เห็นปัญญาคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ นั่นเองคะ ถ้าเป็นการเจริญสมาธิ
เจ้าตัวรู้จักสติจริงแล้วรึยัง? หรือแค่จำมาพูดตามตัวอักษรและพยัญชนะ ของจริงไม่ใช่อยู่ที่ตัวหนังสือแต่อยู่ที่การลงมือทำให้เกิดสติ สมาธิและปัญญา
ทำไมยายจินชอบมีเงื่อนไขกับคำสอนของตถาคตจังเลย..พระองค์สอนแบบละเอียดมากแล้วทำตามได้เลยใครจะทำแล้วได้ประโยชน์มากน้อยอยู่ที่บุญบารมีที่สะสมมา..ไม่มีสติสตังอะไรหลอก..ให้รู้จักลมหายเข้าออกก็ได้แล้ว..เรื่องมากทุกคลิป
@@panumasrerksanan8892มีศรัทธาในตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เจริญสมาธิ 9 ระดับ คือ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ภาวนามยปัญญา ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา - ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา - ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ เห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค นั่นเองคะ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ความกระจ่างเตือนสติคะ สาธุค่ะ
กราบบูชาอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ และคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่าน ด้วยความเคารพ เ ธรรมะของพระพุทธองค์ละเอียดลึกซึ้งประโยคอย่างยิ่ง เจ้าค่ะสาธุสาธุเจ้าค่ะ
กราบนอบน้อมบูชาคุณพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงสูงยิ่ง กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูง กราบขอบพระคุณคณะอาจารย์ มศพ.ทุกท่านด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ในพระธรรมที่ได้แสดง กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
การรู้ธรรมก็นเหมือนนับเลข ใครนับได้ 3 10 50... ก็ได้เท่านีั้น ไม้รู้ธรรมก็ใช้ชีวิตได้ปกติดี ความจริง๙ใรชีวิคคือธรรมครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับอาจารย์
อาจารย์สุจิน บรรลุธรรมขั้นไหนครับ?
กราบอนุโมทนาในสำมาทิฐิดว้ยค่ะ
จิตสงบได้ เพราะจิตไม่ดื้อลั้น ด้วยเหตุภายใน เช่นมานะทิฏฐิ ยะโสโอหัง สิ่งนั้นให้จิตไม่สงบ..จิตยังดื้อรั้นอยู่ แม้แต่อานาปานสติก็ยังช่วยได้ยาก..จะหยิบยกเอาอานาปานสติมาเป็นอุบายตะล่อมจิตสักเท่าไร ก็สงบยาก
แล้วท่านรู้จักสติแบบไหน?
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามคะ
กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
กราบขอบพระคุณในกุศลจิตอันดีงามของท่านอาจารย์ค่ะ 💓🙏💓😇
แล้วท่านรู้จักสติหรือครับ
🙏🙏🙏
แล้วสติของท่านล่ะหมายถึงอะไร
ถ้าคิดว่าสำนักอื่นผิด..บอกหน่อยอยากรู้จริงๆ
สำนักอื่นอะอย่าไปว่าเขาเลย..
ต้องไปสำนักบ้านทำมะ
มีบุคคล 4 คู่ 8 พวก พวกปฏิผล เส้นทางตามที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ คือ สุตตมยปัญญา ต้นทาง สุตตะ คือ มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต ปลายทาง ปัญญา เป็นปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็น สัมมาสมาธิ ใน อริยมรรคมีองค์แปด เดินตามเส้นทางนี้คือพวก ปฏิผล จะเห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุตติ เส้นทางของพวกปฏิมรรค ต้นทาง ศรัทธา ปลายทาง อานาปานสติ เป็นการเจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ เป็นการเจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ ภาวนามยปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริถูก ดำริออกจาก กาม พยาบาท เบียดเบียน เจริญสมาธิอรูปสัญญา ละนันทิ เจริญอานาปานสติ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ มาถึงปลายทาง อานาปานสติ คือ ละนันทิใน รูปขันธ์ นั่นเองคะ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็จะเห็นชัดในเส้นทาง เจโตวิมุตติ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ละนันทิจิตหลุดพ้น เป็นเส้นทางของพวก ปฏิมรรค คือ การเจริญสมาธิ 9 ระดับ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ นั่นเองคะ
🌹🙏🙏🙏🌹
อาจารยสุจินอายุเท่าไรแล้วครับ
สาธุๆๆ
โธ่เว้ย คิดว่า…แล้ว555
กราบเท้าท่านอาจารย์กราบอทุโมทนาครับ
ฝีนใจตนเท่าไหร่ยอมเก็บขยะนี้..ทรมานใจแทบตายหนีได้กูไปนานแล้ว..
ผู้หญิงคนนี้ชอบติคนอื่นๆเสมอ ไม่เข้าใจว่าปฏิบัติธรรมแบบไหนจึงเป็นอย่างนี้ เป็นคนธรรมดาดีกว่าเยอะ ที่จะลุกขึ้นมาสอนคนอื่นๆในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้จริง
เธอนั่นแหละแปลกที่ว่าผู้หญิงคนนี้ เธอฟังที่ท่านสนทนากันอยู่ ถ้าเธอฟังไม่รู้เรื่อง เธออย่าเข้ามาเม้นดีกว่า เธอฟังแล้วเธอไม่ชอบใจ อยากเข้ามาเม้นให้เป็นบาปกับตัวเองเลย เพราะท่านกำลังกล่าวธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นธรรมะของพุทธองค์จริงๆ เราสงสารเธอนะ ถ้าเธอติเตียน ผู้หญิงคนนี้ เธอกำลังติดเตียน ธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า นะ
จริงที่สุดพูดถูก ติไปหมดแต่ลืมดูตัวเอง ทิฐิบังตา...น่าสงสารนานได้เกิดมาพบศาสนาพุทธ
@@JAKA208 อ่านการเว้นของตัวเองก่อนไหม ว่านิสัยสันดานของตัวเองเป็นอย่างไร เรายังเป็นปุถุชนคนธรรมดา เพิ่งศึกษาธรรมะของพระองค์ไม่นาน เราด่าว่าเขาตรงไหน เราเตือนเขาด้วยความหวังดี ขนาดองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน ยังบำเพ็ญเพียร 4 อสังขัยแสนกลับ กว่าจะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ฉันยัง กิเลสเต็มตัว ฉันเป็นผู้เข้ามาฟังท่านอาจารย์สุจินต์ ฉันยังไม่เคยพบปะเจอท่านเลย ฉันแค่ฟัง ฟังรู้ว่าผู้ใดกล่าวธรรมะของพุทธองค์ จริงหรือไม่จริง สันดานดีหรือไม่ดี มันติดจากใครไม่ได้หรอก มันเป็นสันดานดีของตัวเอง สันดานชั่วของตัวเอง ใครจะดีจะชั่ว ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น เธอนะดูตัวเองหน่อยนะ พูดธรรมะ อ่านเม้นตัวเองดูซิ ว่าสะสมสันดานไว้เท่าไหร่ แล้วเธอไม่ให้เกียรติเราบ้างล่ะ เราไม่ได้คุยกับเธอ เธอก็แค่คนธรรมดา ธรรมะยังไม่แทรกเข้าไปในกระสายในสายเลือดเลย ดูตัวเองก่อนนะ พระพุทธองค์ท่านตรัสรู้มาแล้ว ท่านก็เตือนว่าอย่าไปเพ่งโทษคนอื่น เธอคงไม่เพ่งโทษใครแล้วสินะ เป็นคนแสนดีแล้วสินะ แล้วเข้ามาทำไม เขาเตือนไว้ไม่ใช่เหรอในเม้น ว่าให้แสดงความ คิดเห็น แบบสุภาพ อ่านแล้วไม่ค่อยสุภาพ ก็แล้วจะเข้ามาทำไม ไม่ได้อ่านหรือไง ฉันยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา อีกนาน นัก ที่จะเข้าถึงธรรมะของพระพุทธองค์ อย่างเรียกว่าหมดกิเลส เธอก็สำรวจนิสัยสันดานของตัวเองด้วยนะ ว่าสะสมอะไรมา บาย เธอนี่น่าสงสารยิ่งกว่า เม้นแรก
@@JAKA208 ท่านอาจารย์สุจินต์ เรายังไม่เคยเห็นท่านด่าว่าใครเลย ท่านกล่าวตาม พระธรรมพระวินัยในพระไตรปิฎก พระธรรมพระวินัยพระสูตร ตามพระไตรปิฎก ต้นคนบอกกล่าวตามตำรา ถ้าไม่ศึกษาในตำรา ตามพระไตรปิฎก แล้วจะรู้กันเองหรือ ว่าเรื่องราว ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้มา กล่าวไว้ว่าอย่างไร โดยมากจะเป็น ภิกษุ ที่ต่อต้านอาจารย์สุจินต์ เพราะอาจารย์สุจินต์กล่าวพระธรรมพระวินัย ที่แท้จริง ถึงออกอาการ ให้ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ตอบโต้ คนที่บวชเป็นภิกษุ ไม่สมควรมีโทรศัพท์ ของที่นอกเหนือจากปัจจัย 4 บวชเข้าไปไม่ขัดเกลากิเลสกันเลย มีแต่จะสะสมกิเลส ไม่ได้เข้าไปดำรงพระศาสนาเลย บวชเข้าไปทำลายคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ภิกษุมีหน้าที่เพียง 2 อย่าง คันธุรักษ์และวิปัสสนาธุระ เท่านั้นเอง ที่เราได้รู้แบบนี้ ก็เพราะอาจารย์สุจินต์ บวชเข้าไปแล้ว ก็มีเพียงเท่านี้ คนที่บวชเข้าไปทำเกินกว่านี้ ก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ท่านอาจารย์สุจินต์ กล่าวธรรมะพระวินัยของพระพุทธองค์ ละเอียดมาก กล่าวมานานร่วม 60 ปี คนที่เข้ามาฟังนิดฟังหน่อย ฟัง เผิน เพราะหาว่าไปติเตียน ภิกษุทำผิดพระวินัย ที่เห็น ด้วยตา คือ ภิกษุรับเงินรับทอง ผิดพระวินัยไหม ไตร่ตรองดูซิ ท่านอาจารย์สุจินต์ไม่ได้ติเตียนใคร พระพุทธองค์ท่านติเตียน สาธุสาธุค่ะ
@@JAKA208 วันนั้นเราฟัง ของอาจารย์บ้านธรรมะ เรื่องมหาประเทศ 4 การเทียบเคียง เราฟังเทียบเคียง พระพุทธองค์ทรงตรัส ให้เทียบเคียง ท่านตัดให้เทียบเคียงเอง ถ้า ถ้า ภิกษุมีปัญญา ก็รู้ว่า คำที่พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้ว ยกเลิกไม่ได้เพิ่มเติมไม่ได้ ให้เอามหาประเทศ 4 มาเทียบเคีย ก็ยกเลิกไม่ได้ เพิ่มเติมไม่ได้ ภิกษุมีปัญญาก็คิดได้ ไม่มีปัญญา ก็เอามาอ้างกันไป เพื่อจะให้ได้ข้าวของในสิ่งนั้น ธรรมะของพระพุทธองค์ ละเอียดลึกซึ้ง มาก พระองค์คงจะไม่เป็นบำเพ็ญเพียร 4 อสงไขยแสนกับรอก ถึงจะตรัสรู้ได้ ที่หลวงปู่หลวงตากล่าวสอนกันน่ะ แค่คำธรรมดาของ ที่ใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่ เท่านั้นแหละ ยืมคำว่าพุทธเจ้ามาหน่อย อริยสัจ 4 ทุกข์สมุทัยนิโรธ แค่นั้นแหละ คนไม่รู้ เพราะว่ากล่าวธรรมะ มรรคมีองค์ 8 ยกขึ้นมานิด น่าสงสาร จัดสำนักปฏิบัติ ปฏิบัติอะไรก็ไม่รู้ เรายังไปโง่อยู่ตั้ง 5-6 ปี 7 ปี รู้ว่าจะปฏิบัติได้เงิน กินอยู่สบายอาหารอร่อย หมดไปเยอะ ไม่ได้อะไรเลย เลอะเทอะ โชคดีนะ เธอ ไม่ต้องเอาเราไปเปรียบ กับใครหรอก โกรธเป็นโกรธ เกิดจากการเห็นการได้ยิน ไปเหมือนใครไม่ได้หรอก ได้กลิ่นไม่ดียังโกรธ อาหารไม่อร่อยก็ยังโกรธ อากาศร้อนอากาศเย็นก็โกรธ แค่นี้นะ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
แล้วท่านรู้จักสติแบบไหน?
กราบแทบเท้าพระอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์และคณะบ้านธัมมะความไม้รู้ช่างน่ากลัวจริงการได้รู้คำจริงคือธัมมะทำให้อยู่ในโลกนี้อย่างไม่เดือดร้อนถ้าไม่มีพระอาจารย์สุจินต์ความจริงคงไม่ปรากฏ
ความจริงได้ปรากฎแล้ว..อ่านคอมเม้นต์มากๆนะ..นั่นแหละความจริงแท้
ในความคิดเห็นมันก็แสดงความจริงของระดับปัญญาแต่ละคน ตั้งใจฟังท่านอาจารย์ท่านกล่าวธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีกว่า เมื่อไหร่ที่สติสัมปชัญญะเกิด เมื่อนั้นย่อมรู้จักสติ ย่ิอมเข้าใจในสิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวแสดงธรรม แต่เมื่อยังไม่รู้จักอะไรเลย ก็เที่ยวว่าท่องจำมาบ้าง นั่นนี่บ้าง จะไปใส่ใจทำไมกับความคิดเห็นของคนไม่รู้
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏🪷🪷🪷
ไมรู้จักสติตรงใหนครับก็สติความระลึกได้ระลึกรู้รู้ว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไรคิดอะไรสติพิจจารณาแล้วเสพสติระลึกดูกำหนดดูลมหายใจเข้าออกมันยากตรงใหนครับเข้าใจง่ายๆแต่ปฏิบัตืเพื่อรู้จริงรู้แจ้งยากกว่าสอนแต่คนอื่นหัดลงมือปฏิบัติดูบ้าง
อินทรีย์ 5 พละ 5 ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ที่เป็น ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 มีศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต คือ การเกิดขึ้นของ อริยมรรคมีองค์แปด คือ การเกิดขึ้นของ สัทธานุสารี คือ การเกิดขึ้นของ ธรรมวินัยโพธิปักขิยธรรม 37 เจริญสมาธิรูปสัญญา ฌาน 1234 ด้วยการมี ศรัทธา ใน ตถาคตภาษิต สุตตมยปัญญา ฌาน 4 สัมมาทิฏฐิ เห็นชัดในเส้นทาง ปัญญาวิมุติ ภาวนามยปัญญา เจริญสมาธิ 9 ระดับ คือ ละนันทิ เจริญอานาปานสติ ศีล สมาธิ ปัญญา ฌาน 4 สัมมาสังกัปปะ สมถะ วิปัสสนา อานาปานสติ เป็น สมาธิสัญญาเวทยิตนิโรธ นั่นเองคะ ละนันทิ ด้วยการเจริญอานาปานสติ เจริญอานาปานสติแม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ถือว่าอยู่ไม่เหินห่างจาก ฌาน ตถาคตภาษิต บริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วโดยสิ้นเชิง
🙏🙏🙏
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง