ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
พระไตรปิฎก ต้องอ่านดีๆ ไม่เพ้อฝัน แล้วจะไม่มีอะไรขัดแย้งกับโลกครับ ที่ขัดแย้งเพราะคนเราเวลาอ่านพระไตรปิฎกมักจะไปจับประเด็นที่เป็นนามธรรมเลื่อนลอย เช่นจะไปเหาะ หายตัว แสดงฤทธิ์ หรือพยายามผูกโยงตรรกะ พยายามถอดรหัสลี้ลับ ไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ไม่มาสู่ชีวิตจริงที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้อย่างการที่พระประพฤติตนน่าเลื่อมใส มีสังฆสามัคคี รักษาธรรมารมณ์ มีวัตรปฏิบัติ มีชั่วโมงการปลีกวิเวกหลีกเร้นทำจิตให้สบาย ไม่เครียด พูดจามีปฏิภาณ น่าฟัง เป็นประโยชน์ ไม่ขัดแย้งต่อโลก ถ้าคฤหัสถ์ก็ขยันทำงาน ใฝ่เรียนรู้ มีเงินพอกินพอใช้ ทำใจให้แจ่มใสไม่เครียด ไม่เอาเปรียบจนน่าเกลียด ... รู้แจ้งในทางศิลปวัฒนธรรม พระไตรปิฎก เวลาอ่านแบ่งได้เป็น2อย่างหลักๆ คือ1.ข้อความที่อ่านเข้าใจ เป็นเชิงประจักษ์ ใช้โลกนี้เป็นฉากในการพิจารณาได้ (ปรมัตถ์สัจจะ) เช่น มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา นั่งในป่ามนสิการถึงนั่นถึงนี่ อยู่ในป่าพยายามจะเหาะแต่กระโดดไม่ขึ้น พยายามจะหายตัวแต่ร่างกายไม่หายไป การเอื้อเฟื้อกันของมนุษย์และสัตว์ สัมมาทิฏฐิ ความดำริชอบ การไม่ทำร้าย สันติ การรู้แจ้งอริยสัจตามที่เห็นจริง เป็นจริง, ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้สะอาด แจ่มใส ฯลฯกับ2.ข้อความที่อ่านไม่เข้าใจ อาศัยจินตนาการและความรู้สึก (สมมติสัจจะ) เช่น เทวดา มาร พรหม เปรต อสุรกาย อากาสานัญจายตนะ อรูปพรหม อิทธิวิธญาณ จำแลงร่างคนเดียวเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนพื้นดิน ผุดดำลงในแผ่นดินเหมือนในน้ำ หายตัวไปคุยกับเทวดาในภพเทวโลก พรหมโลก เหาะไปในอากาศ ครุฑ นาค สุดสาคร ม้านิลมังกร อภิธรรม ศัพท์แสงต่างๆ ฯลฯข้อความ 2 ประเภทนี้ อยู่ร่วมกันในพระไตรปิฎกอย่างแยกกันไม่ออก ประกอบกันเป็นมโนทัศน์ในความรู้สึกนึกคิดแห่งความจริงเจืออภินิหาร ในแบบที่ทุกศาสนาเป็นเหมือนกัน คริสต์ก็มีพระเยซูเดินบนน้ำ เสกขนมปังเลี้ยงคนเป็นพัน อิสลามก็มีม้าบินบินไปถึงสวรรค์ใครรับข้อนี้ได้ จะอ่านพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาได้อรรถรส ไม่สะดุด ไม่ก็จะไม่ชอบอ่านไปเลย------------------------------------As for believing things, I can believe anything, provided that it is quite incredible - จากนวนิยาย The Picture of Dorian Gray
พระท่านท่องจำเป็นคณะ ไม่ได้กระซิบต่อๆกันแบบตัวๆครับดังที่ยกตัวอย่างมา เช่นเดียวกับเหมือนกับสวดมนต์ ถ้าคนสวดผิดก็จะสวดไม่เหมือนพวก การท่องจำจึงแม่นยำกว่าการจดจารึกเสียด้วยซ้ำครับ อย่าได้เอาความเข้าใจของตัวเองมาตัดสินแทนครับ
เห็นด้วย
คนทำคลิปตื้นมากเลย ท่านทรงจำเป็นคณะใหญ่ แบ่งกันจำคนละหมวดเช่นสายพระอนุรุทธะหมวดนี้ สายพระอานนท์หมวดนี้ สายพระอุบาลีหมวดนี้ ท่านทบทวนด้วยการสวดพร้อมกันใครสวดออกเสียงผิดสวดผิดแม้รูปเดียว รู้ได้เลยทันที
เจ้าของคลิปยกมาเทียบแบบ ไม่ศึกษามาให้ดีก่อน ข้อมูลที่พูดมา ไม่สมบูรณ์ ขาดความน่าสนใจ แถมบอกพระไตรปิฏก มีส่วนผิดผสมอยู่ อันนี้ ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆๆ ตามปากพูด
@@เปรียบดั่งจันทราช่ายเลยเจ้าขอคลิป ติ้นเขินมาก ใช้ความรู้สมองมด วิเคราะห์หน่อมแน้มๆ
ลบวีดีโอนี้ออกแล้วหาข้อมูลใหม่ครับ ถ้าผู้ทำวดีโอมีความสงสัยจริง หาข้อมูลไม่นานก็น่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องกว่านี้ อย่าได้เอาความเข้าใจของตัวเองมาตัดสินแทนครับ
คนพูดแสดงความอ่อนด้อยของตนเองออกมาอย่างมาก การทรงจำด้วยการสวดพร้อมกันเป็นคณะใหญ่นั้น เป็นการรักษาข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ท่านรักษากันมาด้วยการสวดพร้อมกันเป็นหมู่เป็นคณะใหญ่ ใครสวดผิดออกเสียงผิดแม้แต่คนเดียวรู้เลยทันที และพระไตรปิฎกโดยมาก 98% เหมือนกันทั้งหมดทุกประเทศถ้าเป็นฉบับดังเดิมเถรวาท จะแตกต่างกันบ้างตรงการออกเสียงที่ จะแตกต่างกันบางคำ อยากให้เจ้าของวิดีโอลองเปิดใจศึกษาดูครับอย่าตัดสินตามความเข้าใจของตนเพียงเพราะฟังเขาว่ามา
คุณก็แย้งเขาสิครับ ไม่ใช่มาติเขาแบบลอยๆ หากคุณเป็นผู้รู้แล้วไซร้ ใยจึงเงียบอยู่เล่า??
@@MM-vq2ni 1. กรณีทั่วๆป คนจะทำวีดีโอควรมีความรับผิดชอบ โดยเป็นฝ่ายหาข้อมูลให้มากพอ สรุป ก่อนเผยแผ่ 2. คุณ qu4... ก็มาช่วยตอบให้บางส่วนแล้ว3. ใครติลอยๆ ใครเงียบครับ ผมชี้ทางให้แล้วว่า หาข้อมูลไม่นานก็น่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องกว่านี้ 4. ผมไม่ได้เป็นผู้รู้ จบ
@@jjii6144 1.อะไรคือเกณฑ์ของคำว่ามากพอ ของคุณ หรือ ของเขา มันเท่ากันไหมละ?2.คุณไม่ได้เป็นผู้รู้ แต่คุณสามารถออกความเห็นให้เขาลบคลิปออก แล้วไปหาข้อมูลใหม่ อย่าขัดแย้งในตัวเองครับ คนที่รู้ตัวเองว่าไม่ใช่ผู้รู้ สมควรไปออกความเห็นไล่คนที่ให้ข้อมูลไหม?
@@เปรียบดั่งจันทรา ต้นฉบับอยู่ที่ไหนครับ
มีหลักมหาปเทส 4 อยู่ครับผม ใช้ตัวนี้พอจะช่วยสอบทานได้ครับ
ติดตาม..ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุค่ะ
สาธุครับ
ใครล่ะเป็นคนเขียน เป็นคนบันทึกเรื่องราวพระพุทธเจ้า สมัยนั้นไม่มีเครื่องเขียน เครื่องบันทึกที่ดีสามารถเก็บข้อมุลได้ดี น่าจะแต่งเติมให้ดูดี พัฒนาเปลี่ยนแปลงคำสอนให้ทันยุคมากกว่า แต่ผมเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม บาปกรรมมีจริง
พระไตรผิฏกห้ามแก้ไขดัดแปลง ค้นคว้าก่อนครับ อย่สเพิ่งแสดงความคิดเห็นเลย มันเป็นกรรมครับ
จะรู้ใด้อย่างไร ว่าอันใหนผิด อันใหนถูก เอาอะไรมายืนยันคับ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนถูก อันไหนผิด ทุกตำราก็อ้างว่าของตนถูก ปัญหาหลักใหญ่ๆเลยคือเราไม่รู้ว่านิพพานเป็นอย่างไร อารมณ์แบบไหน เปรียบนิพพานเหมือนรสชาติของอาหารมีเปรี้ยว,หวาน,มัน,เค็ม,จืด,เผ็ด และสมมติว่านิพพานคือรสชาติหวาน แต่เรารู้จักแค่รสชาติจืดกับเค็ม มีคนเอาเปรี้ยวมาให้กินแล้วบอกว่านี่แหละรสหวานเราก็ต้องเชื่อ มีคนเอารสมันๆมาให้ชิมแล้วบอกนี่แหละหวาน, แล้วเราจะแยกแยะได้อย่างไรว่าอันไหนถูกอันไหนผิด เหมือนให้เราไปหาของที่เราไม่รู้จัก อันนี้ถามด้วยความไม่รู้ ไม่ได้กวนนะ🥰
ถ้าใจพี่อยู่เหนือโลกุตรเมื่อไหร่ นั่นละครับธรรมของพุทธองค์เป็นธรรมที่อยู่เหนือความสุขความทุกข์ของโลกใบนี้ครับ วางเฉยเป็นอุเบกขา แล้วพี่จะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเช่นนั่นเองครับ
@@anansunday4803 ผมจะวางหรือไม่วางได้อย่างไร...ในเมื่อชีวิตมันก็ต้องดำเนินมันก็มีหน้าที่การงาน มีสิ่งต่างๆมากระทบก็ต้องเป็นไป เค้าด่าเราก็ไม่พอใจ เค้าชมเราก็ยิ้มแป้น ถ้าจะวางแล้วใช้ชีวิตยังไงล่ะ เป็นหุ่นยนต์เหรอประมวลผลในสมองแต่ไม่แสดงความรู้สึกออกมา พูดง่ายแต่ไม่น่าจะทำได้....ฉะนั้นเหมือนมีอาหารอร่อยที่ผมอาจยังไม่เคยชิม หรือเคยชิมแล้วแต่เครื่องปรุงมันผิดเพี้ยนไป ลองตักมาให้ผมชิมสักช้อนเล็กๆที่ปุถุชน พอจะเข้ากับจริตในการใช้ชีวิตได้มั้ยครับ ถ้าถูกปากค่อยจัดสำรับใหญ่
@@น้ําหวานลูกพ่อขวัญ ผมเข้าใจครับ คนเราไม่สามารถวางได้ในทันทีครับต้องค่อยๆปรับไปครับ เอาเป็นว่าประสบการณ์ของผมแล้วกันครับ สิ่งที่มากระทบใจเรา จะต้องผ่านทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทางใดทางหนึ่ง อย่างที่บอกว่า เขาชมพี่ก็ยิ้ม เขาด่าเราก็ไม่พอใจ นั่นผ่านมาทางหูส่งผลกระทบที่ใจ ผมก็เคยเป็นเช่นกันครับแต่การที่เขาด่าที่เขาว่าเกิดจากอารมณ์ความทุกข์ของเขาเองครับ คนจะด่าจะพูดอะไรเราก็ห้ามใครไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่วางเฉยเป็นหุ่นยนต์นะ แต่ก็รู้ละว่าไม่ชมก็ด่า2อย่าง แล้วพี่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเหล่านี้ครับ อย่างทีผมเจอ ชมแล้วไงด่าแล้วไงใจผมก็รู้เดี๋ยวมันก็วนมาอีก พอผมเบื่อผมก็แค่ อ่อหรือไม่ก็อืม อยู่แค่นี้ละครับ ไม่อยากพูดอะไรเพราะมันเบื่อหน่าย แต่ก็ทำงานปกติ ลองฝึกดูครับ ผลเป็นยังไงบอกด้วยนะ
@@anansunday4803 อ้อ...พอเข้าใจนิดหน่อยแล้วครับประมาณนี้มั้ยสมมตินะ ถ้ามีใครมาโกรธผมมันก็คือปัญหาของคนนั้นไม่ใช่ปัญหาของเรา(อันนี้เราพูดถึงแค่สภาพจิตใจความรู้สึกนะ) ยกเว้นว่าเราจะไปคล้อยตามกับสิ่งที่เค้ากำลังโกรธด้วย ปล่อยวางก็คือเหมือนว่าเราก็วางใจแล้วก็พิจารณาเค้าด้วยอารมณ์ที่ไม่โกรธไปกับเค้า สติอารมณ์เราก็จะยังเต็มมุมมองมันก็จะไปอีกแบบนึง แต่ถ้าไปโกรธร่วมกับเค้ามุมมองมันก็จะไปอีกแบบนึง .....ปล่อยวางแบบนี้ใกล้เคียงมั้ยครับ
@@น้ําหวานลูกพ่อขวัญ ใช่ครับ อีกอย่างตอนเขาบ่นเขาด่าผมยังคิดว่าเขากำลังด่าตัวเขาเองอยู่เลยครับ ผมรู้ว่าเขาด่าแต่ไม่รู้ว่าเขาด่าอะไร เหมือนประมาณครูสอนแล้วเด็กไม่ตั้งใจเรียนประมาณเนี่ยครับเพราะใจเราไปอยู่กับเรื่องอื่นครับ แต่เราก็ทำงานของเราครับ
พอจะมีหลักฐาน จากภายนอกศาสนา บ้างมั้ยครับ หรือ การที่ว่าสังฆยนา นอกจากในพระไตรปิฎกแล้ว พอจะมีคนอื่น รับรู้เรื่องนี้ด้วยไหมครับ
ถ้าการบันทึกคำสอนสำคัญจริง พระพุทธเจ้าต้องให้บันทึกตั้งแต่สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่แล้วเหตุผลที่ท่านไม่ได้ให้บันทึกสมัยที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ -แสดงว่าการบันทึกไม่ใช่ส่วนสำคัญ-การเข้าถึงเป็นปัจเจคบุคคล-ถ้ามองให้ดีพระไตรปิฎกก็เป็นทุกข์-สิ่งที่จะสอนชี้ทางปุถุชนให้ไปนิพพานได้มีเพียงแค่ผู้ที่นิพพานเท่านั้นที่ชี้ทางได้เพราะฉะนั้นพระอรหันต์คือพระไตรปิฎกที่แท้จริง 😊
ทีรูปปั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไม่ได้สั่ง ปั้นกราบกันอยู่ได้ ศาลพระภมิู ศาลผี มั่วไปหมด คนไทยนี่เปรอะ!!!
มันจะบันทึกตั้งแต่สมัยนั้นได้ยังไงในเมื่อสมัยนั้นมันไม่มีภาษาเขียน ยังไม่มีใครเค้าประดิษฐ์อักษรมาใช้ มีแต่ภาษาพูดสื่อสารระหว่างกัน
@@ยงยุทธไชยสมุทรสมัยนั้นมีอักระแล้วครับ เช่น อักษร Harappan มีอายุ เกือบ 2,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
ทำไมคิดว่าไม่มีภาษาเขียน ได้ลองค้นดูรึยังครับ สมัยนั้นมีหลักฐานเสาอโศกจารึกตัวอีกษรแล้ว แม้ในสมัยพระพุทธเจ้าเองพูดถึงพระโปฐิระว่าท่านใบลานเปล่า เข้าใจความหมายของคำว่าใบลานเปล่ามั้ยครับ
การบันทึกคำสอนสำคัญ ท่านจึงให้พระอานนท์ ผู้เป็นเลิศทางสุตตมัยยปัญญา (ฟังหรืออ่าน และทรงจำ) และเมื่อไปแสดงธรรมที่อื่นเรื่องใดแล้ว ก็จะมาแสดงธรรมให้พระอานนท์ฟังอีกครั้ง การบันทึกเป็นตัวอักษร ลงกระดาษ ชำรุดเสียหายง่าย แก้ไขง่ายไป เก็บรักษาไม่ดี 5 ปีก็เลือนลางหมด ตัวอย่างโดนอิสลามเผาเรียบ ที่นาลันทา จะจารึกลงบนศิลา ก้อนหิน ก็ทำได้ยาก การบันทึกคำสอนที่ดีที่สุดในยุคนั้น และเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการทั่วโลก คือ การท่องจำ การทรงจำด้วยการสวดพร้อมกันเป็นคณะใหญ่นั้น เป็นการรักษาข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ท่านรักษากันมาด้วยการสวดพร้อมกันเป็นหมู่เป็นคณะใหญ่ ใครสวดผิดออกเสียงผิดแม้แต่คนเดียวรู้เลยทันที และพระไตรปิฎกโดยมาก 98% เหมือนกันทั้งหมดทุกประเทศถ้าเป็นฉบับดังเดิมเถรวาท จะแตกต่างกันบ้างตรงการออกเสียงที่ จะแตกต่างกัน พระพุทธเจ้าทรงตรัสแล้วว่า คำสอนนั้นคือตัวแทนของพระองค์ ส่วนพระอรหันต์ไม่มีใครรับรองได้ว่า องค์นั้นองค์นี้เป็นพระอรหันต์จริง มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รับรองว่าใครเป็นพระอรหันต์ ถ้าใครบอกองค์นั้นองค์นี้เป็น อย่าไปเชื่อ เพราะพระรูปใดบอกเป็นพระอรหันต์ ก็ผิดพระวินัย ต้องอาบัติปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม ขาดจากความเป็นพระ
แก่นแท้คำสอนของพระพุทธเจ้า มีน้อยที่อยู่ในพระไตรปิฎกส่วนมากจะแต่งเติมเอาเอง ตามภพตามภูมิของคนรุ่นหลังๆ (แต่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน) เพียงแต่ไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ได้จริงและเร็วเท่านั้นเอง ☺️
คิดเหมือนกันเลย😮😮
เท่าที่อ่านมาจะเห็นได้ว่า ไม่มีใครที่มีความรู้แบบตกผลึกเลย มีแต่การพูดในทำนองหล่อๆ ลอยๆ ไร้อ้างอิงวิชาการ หรือในเชิงตรรกะ เช่น คุณต้องศึกษาอย่างแท้จริง คุณต้องนั้นต้องนี้ ฯลฯ ไม่มีการยกตัวบทหลักฐานจากคัมภีร์ใดๆ เมื่อตัวคัมภีร์ยังไม่ชัดเจน ทั้งมีความคลาดเคลื่อน แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะครับ
พอดีผมไปรู้จากกายวิภาคศาสตร์มาว่า เซลบอดี้..มันเกิดพร้อมกับเนิฟ..ที่เป็นสัมผัสทั้ง5...ผมจึงขอถามท่านหน่อยว่า ใช่จิตกับเจตสิก(ขัน5)รึเปล่าครับ เห็นว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ ครับ เนี่ยผมฟังท่านแล้วมองเห็นเหมิอนท่านเลย แล้วทีนี้ สมองเราเนี่ย..ไอ้เซลบอดี้กับเนิฟ มันใช้กระแสความถี่..เหมือนพระพุทธเจ้าบอกเลยว่า..เป็นล้านๆครั้ง..ความถี่นั้นในเนื้อสมองเราเนี่ย .คงกระสำกระสายน่าดูเลย..😂
การเปรียบเทียบคุณยกคนญี่ปุ่นต่อแถวกระซิบกันคนที่1กับคนสุดท้ายยังพูดไม่เหมือนกัน แต่ว่าการสังคยาไปเปรียบเเบบนั้นกับคนธรรมดาได้ยังไงครับ เพราะพระที่มาสังคยาเป็นอรหันต์แล้ว พระอรหันต์คือผู้ที่มีสติบริบูรณ์ครับ
สติบริบูณ์ ถ้าไม่มีการจดบันทึกก็จบเห่ เปรียบดังทนาย อัยการ แม้ผู้พิพากษา ถ้าไม่มีการขีดเขียนกฎหมาย มันย่อมมั่วแน่ๆ ที่คลิปเปรียบเทียบน่ะถูกต้องแล้ว..โยม
@@isakhanp.3748 ผมไม่ได้พูดเลยว่าไม่จดบันทึกหรือไม่ ผมแค่เขาเปรียบคนชาวบ้านธรรมดา กับสติความจำอรหันต์ มันไม่เหมือนกัน ท่านอ่านดูดีๆครับ ท่านไม่มีความละเอียดเลย
ใช่เลยแสดงว่าคนทำคลิปเค้าไม่มีข้อมูลและไม่มีความรู้เลยนำเสนอสะเปะสะปะ
ใครเขียนไม่สำคัญ สำคัญที่อ่านแล้ว ทำแล้ว ได้มรรคผลจริงก็พอ เหมือนไดโนเสา หน้าตาเป็นยังไง ไม่สำคัญ
ไม่มีใครตอบได้ว่าถูกต้องแค่ไหน แต่ที่แน่ๆไม่มีแหล่งไหนเชื่อได้นอกจากไตรปิฎกพระอรหันต์ในยุคพุทธกาลที่สังคายนา(มิใช่อรหันต์ธรรมดา)
พระคึกคักละ😂
การสังคนาย่อมมีการแก้ไขแต่งเติม ไม่งั้นจะสังคายนาทำไม ยิ่งทำกลายครั้งยิ่งต่างไปจากเดิมมากขึ้น
นี่ก็ทึกทัก ก่อนแสดงความเห็น หาความรู้ก่อนเถอะครับ ถ้าสงสัยก็ควรค้นคว้า อย่าเพิ่งแสดงความเห็นก่อนจะมีความรู่
234
พระพุทธเจ้าสอนให้ละความติดข้อง..สิ่งที่จะละได้ต้องไม่ใช่เราที่จะละได้..แต่ละได้ด้วยปัญญา...ถ้าผู้ใดสอนให้ติดข้อง..ก็สอนผิดค่ะ
ไก่กับไข่ใครเกิดก่อนกัน
แล้วสมัยก่อนบันทึกบนอะไร หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุด แล้วต นนี้อยู่ที่ไหนคับ แค่ละนิกายนั้นแยกเล่มไหมครับ
หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของพระไตรปิฎก คือที่จารึกบนเสาหินอโศก เมื่อปีพ.ศ.282 เมื่อ 2,000 กว่าปีที่ผ่านมา แต่มีน้อย การบันทึกคำสอนสำคัญ ท่านจึงให้พระอานนท์ ผู้เป็นเลิศทางสุตตมัยยปัญญา (ฟังหรืออ่าน และทรงจำ) และเมื่อไปแสดงธรรมที่อื่นเรื่องใดแล้ว ก็จะมาแสดงธรรมให้พระอานนท์ฟังอีกครั้ง การบันทึกเป็นตัวอักษร ลงกระดาษ ชำรุดเสียหายง่าย แก้ไขง่ายไป เก็บรักษาไม่ดี 5 ปีก็เลือนลางหมด ตัวอย่างโดนอิสลามเผาเรียบ ที่นาลันทา จะจารึกลงบนศิลา ก้อนหิน ก็ทำได้ยาก การบันทึกคำสอนที่ดีที่สุดในยุคนั้น และเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการทั่วโลก คือ การท่องจำ การทรงจำด้วยการสวดพร้อมกันเป็นคณะใหญ่นั้น เป็นการรักษาข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ท่านรักษากันมาด้วยการสวดพร้อมกันเป็นหมู่เป็นคณะใหญ่ ใครสวดผิดออกเสียงผิดแม้แต่คนเดียวรู้เลยทันที และพระไตรปิฎกโดยมาก 98% เหมือนกันทั้งหมดทุกประเทศถ้าเป็นฉบับดังเดิมเถรวาท จะแตกต่างกันบ้างตรงการออกเสียงที่ จะแตกต่างกัน พระโมฤคัลลีบุตรติสเถระจึงรวบรวมพระอรหันต์ทำสังคายนาขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ราว พ.ศ. 235 เมื่อทำสังคายนาเสร็จสิ้นพระเจ้าอโศกมหาราชและพระโมคคัลลีบุตรติสเถระก็จัดพระสมณทูตเป็น 9 สายส่งไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังนี้ สายที่ 1 คณะพระมัชณันติกเถระ ไปรัฐกัศมี-คันธาระ (อัฟกานิสถาน) สายที่ 2 คณะพระมหาเทวเถระ ไปสหมณฑล (แคว้นไมซอร์) สายที่ 3 คณะพระรักขิตเถระ ไปวนาสี ( ตอนเหนือเมืองบอมเบย์) สายที่ 4 คณะพระธัมมรักขิตเถระ ไปอปรันตประเทศ สายที่ 5 คณะพระมหาธัมมรักขิตเถระ ไปมหารัฏฐะต้นแม่น้ำโคธาวารี สายที่ 6 คณะพระมหารักขิตตเถระ ไปโยนกประเทศ (ประเทศอิหร่านหรือที่กรีกปกครอง) สายที่ 7 คณะพระมัชฌิมเถระ ไปเนปาล (เชิงขาหิมาลัย) สายที่ 8 คณะพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ไปสุวรรณภูมิ สายที่ 9 คณะพระมหินทเถระ ไปศรีลังกา สายที่ 8 พระโสณะ และพระอุตตระได้เดินทางจากแคว้นมคธ เข้ามาประดิษฐานพระพุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีข้อสันนิษฐานว่า น่าจะมีศูนย์กลางอยู่บริเวณตอนกลางของไทยในปัจจุบัน โดยพิจารณาจากโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น พระปฐมเจดีย์ ศิลารูปพระธรรมจักร เป็นต้น
@@jaru072 แล้วระบบท่องจำแบบหลายคน เขาตรวจสอบกันยังไงครับ พระอานนท์นี้คือศิษย์เอกใช่ไหมครับ ท่านมีศิษย์เอกกี่คนครับ แลังช่วงไหนที่รวมเล่มครับ แล้วทำไมบางแหล่งข้อมูลบอกว่ามีการแก้ไขครับ
@@sufareweedunyamat5030 ตรวจสอบกันโดย หลังปรินิพพาน ทำสังคายนา ครั้งที่ 1 คือการประชุมตรวจชำระสอบทานและจัดหมวดหมู่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า วางลงเป็นแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน ตามศัพท์ "สังคายนา" หมายถึง สวดพร้อมกัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “นามะสะทำมาชิตา” แปลว่า สวดพร้อมกัน มาจากคำว่า คายนา หรือ คีตี แปลว่า การสวด สํ แปลว่า พร้อมกัน คำนี้มีมูลเหตุมาจากวิธีการสังคายนาพระธรรมวินัย ที่เรียกว่าวิธีการร้อยกรองหรือรวบรวมพระธรรมวินัย หรือประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีวิธีการคือนำเอาคำสั่งสอนของสาวักที่ทรงจำไว้มาแสดงในที่ประชุมพระสงฆ์ จากนั้นให้มีการซักถามกัน จนกระทั่งที่ประชุมลงมติว่าเป็นอย่างนั้นสีดีนั้น เมื่อได้มติร่วมกันแล้วในเรื่องใด ก็ให้สวดขึ้นพร้อมกัน การสวดพร้อมกันแสดงถึงการลงมติร่วมกันเป็นเอกฉันท์ และเหมือนทรงจำกันไว้ อย่างเช่นพระพม่า ก็ใช้วิธีท่องจำพระไตรปิฎกทั้งหมด
พระอานนท์ ไปหาอ่าน หรือค้นในกูเกิ้ลเอาบ้างสิ พระไตรปิฎกของ เถรวาท รวมเล่มฉบับของสยามรัฐ ภาษาบาลี ประเทศไทยน่าจะเก่าแก่ที่สุด รัชกาลที่ 5 รวบรวมสร้าง
ยชุรเวท บท 32 โองการที่3 "นา ตัสยา ปราติมา อัสตี"พระเจ้านั้นไม่ทรงมี ปราติมา ไม่มีรูปภาพ ไม่มีภาพวาด ไม่มีลักษณ์ ไม่มีรูปเคารพ ไม่มีรูปปั้น.อันนี้จริงไหมคะ
จริง แต่นั่นมันคัมภีร์ พระเวท ไม่ใช่ไตรปิฎกนี่ย่ะ😊
@@isakhanp.3748 คุณนับถือพุทธใช่ไหม งั้นถามหน่อยว่า พระพุทธเจ้าในฮินดู หรือศาสดาโลก คนละคนกับศาสนาพุทธปะคะ ? เเล้ว ดารมา + อมิททาภา + ไมตรียะ คือใครคะ ( อยากทราบคะ )
@@Littleammieคือฮินดูไหว้วัวไหว้กระบือ ใช่ใหม
จริงสิฮินดูจะไหว้วัวไหว้กระบือ อันนี้เห็นอยู่
แล้วเรารู้ได้ยังไงกับช่วงเวลาที่อ้างมาครับ
บรรลุธรรรมรุ้แน่นอน
คนพุทธอ้างแต่บรรลุธรรม ผมถามหน่อย คนสองคนทำข้อสอบคนนึงอ่านหนังสือเตรียมตัวค้นคว้าหาข้อมูลส่วนอีกคนนั่งสมาธิ สองคนนนี้ใครจะสอบผ่านครับ
ลองไปค้นหาดูเองจ่ะ เอหิปัสสิโก…
@@sk094อับดุลเลาะห์อ้างหมูสามชั้นดีกว่า อร่อยดี
พระไตรปิฏก ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ ถูก 100% คุณต่างหากที่ไม่รู้ ไม่ศึกษามาให้ดี ถ้าจะแตะ เรื่องศาสนา ถ้าข้อมูลอ่อนๆแบบนี้ หาเรื่องอื่นมาเสนอดีไหมครับ เพราะมันทำให้ช่องคุณ ไม่น่าเชื่อถือเลยอะครับ
ใช่เลยช่องนี้พอเปิดมาฟังอ่อนมากเลยเด็กมัธยมยังทำดีกว่า
ความจริงคือผู้ทำคลิปยังไม่มีปัญญา มีความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ตัวอย่างที่ยกวิจัยมาเทียบอย่างไม่มีสติ ตัวอย่างการบอกต่อเพียงช่วงขณะในวิจัย มันอาจถูกส่งต่อไม่ถูกต้องก็จริง .. แต่การท่องจำจากผู้ที่มีปัญญาของพระสาวก มีมากพอที่จะจำจดชั่วกัปชั่วกาลได้คะ ... ไม่ทราบว่าผู้ทำคลิปนี้เคยอ่านพระไตรปิฎกบ้างหรือยังคะ? ลองอ่านดูสักครู่นะคะ!!! เผื่อจะเกิดปัญญาบ้างคะ
1.ถ้าพระพุทธเจ้าคือพระเจ้าแล้ว ก่อนหน้าพระพุทธเจ้าเกิดใครคือพระเจ้าอันนี้ถามด้วยความอยากรู้ครับ ว่าศาสนาพุทธสอนในหลักความเชื่อเรื่องพระเจ้ายังไง
เอาแค่พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระเจ้าก่อนละกันเนอะศาสนาพุทธไม่ได้เชื่อเรื่องพระเจ้า😊
แล้วที่กราบไหว้อยู่ละครับ คืออะไรครับไม่ใช่พระเจ้าหรือครับ
@@sk094อับดุลเลาะห์ ไม่ใช่ครับ
แล้วทำไมถึงกราบครับ
@@sk094อับดุลเลาะห์ กราบเพื่อระลึกถึงองค์คุณที่ท่านมีต่อสัตว์โลกทั้งหลายให้ได้รู้ถึงความจริงอันประเสริฐคือ*อริยสัจสี่*ครับคือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สรุปสั้นๆคือพระพุทธเจ้าสอนให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดก็คือ*นิพพาน*ครับถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ให้ค้นหาในยูทูปได้ครับพิมพ์คำว่า*พุทธวจน*แล้วตามด้วยสิ่งที่คุณอยากรู้เช่นอริยสัจ๔คืออะไรหรือขันธ์๕คืออะไรประมาณนี้ครับ
แอดเป็นหน่วยกล้าตายจริงๆ ครับ นับถือๆ
กล้าลงนรกนะเหรอ ไม่เอาด้วย กล้าแล้วก็ต้องรับผลกรรมด้วยนะ ถ้าผู้ฟังแล้วศรัทธาในพุทธศาสนา เชื่อมั่นในพระไตรปิฎกน้อยลงก็รับบาปไป แต่ถ้าฟังแล้วศรัทธาในพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้นก็รับบุญไป นรกไม่ใช่ของเล่น อยู่ดีไม่ว่าดี เขาเรียกแกว่งปากหานรก
แอดเป็นอะไรที่แจ้งดับ แทนการแจ้งเกิด
คุณควรยุ่อย่างคนไม่มีศาสนาแล้วไม่ต้องวิจารณ์ศาสนาใด
ผมไม่เคยสงสัยถ้าศึกษาแล้วทำตัวทำใจให้ห่างจากกิเลสลดละกิเลสได้นั่นแหละคือหนทางแห่งพระไตรปิฎกแล้วครับไม่ต้องไปสงสัยว่าใครเขียนความสงสัยไม่สิ้นไปได้หากเราไม่ปฏิบัติตามในพระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก ต้องอ่านดีๆ ไม่เพ้อฝัน แล้วจะไม่มีอะไรขัดแย้งกับโลกครับ ที่ขัดแย้งเพราะคนเราเวลาอ่านพระไตรปิฎกมักจะไปจับประเด็นที่เป็นนามธรรมเลื่อนลอย เช่นจะไปเหาะ หายตัว แสดงฤทธิ์ หรือพยายามผูกโยงตรรกะ พยายามถอดรหัสลี้ลับ ไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ไม่มาสู่ชีวิตจริงที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้อย่างการที่พระประพฤติตนน่าเลื่อมใส มีสังฆสามัคคี รักษาธรรมารมณ์ มีวัตรปฏิบัติ มีชั่วโมงการปลีกวิเวกหลีกเร้นทำจิตให้สบาย ไม่เครียด พูดจามีปฏิภาณ น่าฟัง เป็นประโยชน์ ไม่ขัดแย้งต่อโลก ถ้าคฤหัสถ์ก็ขยันทำงาน ใฝ่เรียนรู้ มีเงินพอกินพอใช้ ทำใจให้แจ่มใสไม่เครียด ไม่เอาเปรียบจนน่าเกลียด ... รู้แจ้งในทางศิลปวัฒนธรรม
พระไตรปิฎก เวลาอ่าน
แบ่งได้เป็น2อย่างหลักๆ คือ
1.ข้อความที่อ่านเข้าใจ เป็นเชิงประจักษ์ ใช้โลกนี้เป็นฉากในการพิจารณาได้ (ปรมัตถ์สัจจะ) เช่น มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา นั่งในป่ามนสิการถึงนั่นถึงนี่ อยู่ในป่าพยายามจะเหาะแต่กระโดดไม่ขึ้น พยายามจะหายตัวแต่ร่างกายไม่หายไป การเอื้อเฟื้อกันของมนุษย์และสัตว์ สัมมาทิฏฐิ ความดำริชอบ การไม่ทำร้าย สันติ การรู้แจ้งอริยสัจตามที่เห็นจริง เป็นจริง, ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้สะอาด แจ่มใส ฯลฯ
กับ
2.ข้อความที่อ่านไม่เข้าใจ อาศัยจินตนาการและความรู้สึก (สมมติสัจจะ) เช่น เทวดา มาร พรหม เปรต อสุรกาย อากาสานัญจายตนะ อรูปพรหม อิทธิวิธญาณ จำแลงร่างคนเดียวเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนพื้นดิน ผุดดำลงในแผ่นดินเหมือนในน้ำ หายตัวไปคุยกับเทวดาในภพเทวโลก พรหมโลก เหาะไปในอากาศ ครุฑ นาค สุดสาคร ม้านิลมังกร อภิธรรม ศัพท์แสงต่างๆ ฯลฯ
ข้อความ 2 ประเภทนี้ อยู่ร่วมกันในพระไตรปิฎกอย่างแยกกันไม่ออก ประกอบกันเป็นมโนทัศน์ในความรู้สึกนึกคิดแห่งความจริงเจืออภินิหาร ในแบบที่ทุกศาสนาเป็นเหมือนกัน คริสต์ก็มีพระเยซูเดินบนน้ำ เสกขนมปังเลี้ยงคนเป็นพัน อิสลามก็มีม้าบินบินไปถึงสวรรค์
ใครรับข้อนี้ได้ จะอ่านพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาได้อรรถรส ไม่สะดุด ไม่ก็จะไม่ชอบอ่านไปเลย
------------------------------------
As for believing things, I can believe anything, provided that it is quite incredible - จากนวนิยาย The Picture of Dorian Gray
พระท่านท่องจำเป็นคณะ ไม่ได้กระซิบต่อๆกันแบบตัวๆครับดังที่ยกตัวอย่างมา
เช่นเดียวกับเหมือนกับสวดมนต์ ถ้าคนสวดผิดก็จะสวดไม่เหมือนพวก การท่องจำจึงแม่นยำกว่าการจดจารึกเสียด้วยซ้ำครับ
อย่าได้เอาความเข้าใจของตัวเองมาตัดสินแทนครับ
เห็นด้วย
คนทำคลิปตื้นมากเลย ท่านทรงจำเป็นคณะใหญ่ แบ่งกันจำคนละหมวดเช่นสายพระอนุรุทธะหมวดนี้ สายพระอานนท์หมวดนี้ สายพระอุบาลีหมวดนี้ ท่านทบทวนด้วยการสวดพร้อมกันใครสวดออกเสียงผิดสวดผิดแม้รูปเดียว รู้ได้เลยทันที
เจ้าของคลิปยกมาเทียบแบบ ไม่ศึกษามาให้ดีก่อน ข้อมูลที่พูดมา ไม่สมบูรณ์ ขาดความน่าสนใจ แถมบอกพระไตรปิฏก มีส่วนผิดผสมอยู่ อันนี้ ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆๆ ตามปากพูด
@@เปรียบดั่งจันทราช่ายเลยเจ้าขอคลิป ติ้นเขินมาก ใช้ความรู้สมองมด วิเคราะห์หน่อมแน้มๆ
ลบวีดีโอนี้ออกแล้วหาข้อมูลใหม่ครับ ถ้าผู้ทำวดีโอมีความสงสัยจริง หาข้อมูลไม่นานก็น่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องกว่านี้ อย่าได้เอาความเข้าใจของตัวเองมาตัดสินแทนครับ
คนพูดแสดงความอ่อนด้อยของตนเองออกมาอย่างมาก การทรงจำด้วยการสวดพร้อมกันเป็นคณะใหญ่นั้น เป็นการรักษาข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ท่านรักษากันมาด้วยการสวดพร้อมกันเป็นหมู่เป็นคณะใหญ่ ใครสวดผิดออกเสียงผิดแม้แต่คนเดียวรู้เลยทันที และพระไตรปิฎกโดยมาก 98% เหมือนกันทั้งหมดทุกประเทศถ้าเป็นฉบับดังเดิมเถรวาท จะแตกต่างกันบ้างตรงการออกเสียงที่ จะแตกต่างกันบางคำ อยากให้เจ้าของวิดีโอลองเปิดใจศึกษาดูครับอย่าตัดสินตามความเข้าใจของตนเพียงเพราะฟังเขาว่ามา
คุณก็แย้งเขาสิครับ ไม่ใช่มาติเขาแบบลอยๆ หากคุณเป็นผู้รู้แล้วไซร้ ใยจึงเงียบอยู่เล่า??
@@MM-vq2ni 1. กรณีทั่วๆป คนจะทำวีดีโอควรมีความรับผิดชอบ โดยเป็นฝ่ายหาข้อมูลให้มากพอ สรุป ก่อนเผยแผ่
2. คุณ qu4... ก็มาช่วยตอบให้บางส่วนแล้ว
3. ใครติลอยๆ ใครเงียบครับ ผมชี้ทางให้แล้วว่า หาข้อมูลไม่นานก็น่าจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องกว่านี้
4. ผมไม่ได้เป็นผู้รู้
จบ
@@jjii6144 1.อะไรคือเกณฑ์ของคำว่ามากพอ ของคุณ หรือ ของเขา มันเท่ากันไหมละ?
2.คุณไม่ได้เป็นผู้รู้ แต่คุณสามารถออกความเห็นให้เขาลบคลิปออก แล้วไปหาข้อมูลใหม่ อย่าขัดแย้งในตัวเองครับ คนที่รู้ตัวเองว่าไม่ใช่ผู้รู้ สมควรไปออกความเห็นไล่คนที่ให้ข้อมูลไหม?
@@เปรียบดั่งจันทรา ต้นฉบับอยู่ที่ไหนครับ
มีหลักมหาปเทส 4 อยู่ครับผม ใช้ตัวนี้พอจะช่วยสอบทานได้ครับ
ติดตาม..ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุค่ะ
สาธุครับ
ใครล่ะเป็นคนเขียน เป็นคนบันทึกเรื่องราวพระพุทธเจ้า สมัยนั้นไม่มีเครื่องเขียน เครื่องบันทึกที่ดีสามารถเก็บข้อมุลได้ดี น่าจะแต่งเติมให้ดูดี พัฒนาเปลี่ยนแปลงคำสอนให้ทันยุคมากกว่า แต่ผมเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม บาปกรรมมีจริง
พระไตรผิฏกห้ามแก้ไขดัดแปลง ค้นคว้าก่อนครับ อย่สเพิ่งแสดงความคิดเห็นเลย มันเป็นกรรมครับ
จะรู้ใด้อย่างไร ว่าอันใหนผิด อันใหนถูก เอาอะไรมายืนยันคับ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนถูก อันไหนผิด ทุกตำราก็อ้างว่าของตนถูก
ปัญหาหลักใหญ่ๆเลยคือเราไม่รู้ว่านิพพานเป็นอย่างไร อารมณ์แบบไหน เปรียบนิพพานเหมือนรสชาติของอาหารมีเปรี้ยว,หวาน,มัน,เค็ม,จืด,เผ็ด และสมมติว่านิพพานคือรสชาติหวาน แต่เรารู้จักแค่รสชาติจืดกับเค็ม มีคนเอาเปรี้ยวมาให้กินแล้วบอกว่านี่แหละรสหวานเราก็ต้องเชื่อ มีคนเอารสมันๆมาให้ชิมแล้วบอกนี่แหละหวาน, แล้วเราจะแยกแยะได้อย่างไรว่าอันไหนถูกอันไหนผิด เหมือนให้เราไปหาของที่เราไม่รู้จัก อันนี้ถามด้วยความไม่รู้ ไม่ได้กวนนะ🥰
ถ้าใจพี่อยู่เหนือโลกุตรเมื่อไหร่ นั่นละครับธรรมของพุทธองค์เป็นธรรมที่อยู่เหนือความสุขความทุกข์ของโลกใบนี้ครับ วางเฉยเป็นอุเบกขา แล้วพี่จะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเช่นนั่นเองครับ
@@anansunday4803 ผมจะวางหรือไม่วางได้อย่างไร...ในเมื่อชีวิตมันก็ต้องดำเนินมันก็มีหน้าที่การงาน มีสิ่งต่างๆมากระทบก็ต้องเป็นไป เค้าด่าเราก็ไม่พอใจ เค้าชมเราก็ยิ้มแป้น ถ้าจะวางแล้วใช้ชีวิตยังไงล่ะ เป็นหุ่นยนต์เหรอประมวลผลในสมองแต่ไม่แสดงความรู้สึกออกมา พูดง่ายแต่ไม่น่าจะทำได้....ฉะนั้นเหมือนมีอาหารอร่อยที่ผมอาจยังไม่เคยชิม หรือเคยชิมแล้วแต่เครื่องปรุงมันผิดเพี้ยนไป ลองตักมาให้ผมชิมสักช้อนเล็กๆที่ปุถุชน พอจะเข้ากับจริตในการใช้ชีวิตได้มั้ยครับ ถ้าถูกปากค่อยจัดสำรับใหญ่
@@น้ําหวานลูกพ่อขวัญ ผมเข้าใจครับ คนเราไม่สามารถวางได้ในทันทีครับต้องค่อยๆปรับไปครับ เอาเป็นว่าประสบการณ์ของผมแล้วกันครับ สิ่งที่มากระทบใจเรา จะต้องผ่านทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทางใดทางหนึ่ง อย่างที่บอกว่า เขาชมพี่ก็ยิ้ม เขาด่าเราก็ไม่พอใจ นั่นผ่านมาทางหูส่งผลกระทบที่ใจ ผมก็เคยเป็นเช่นกันครับแต่การที่เขาด่าที่เขาว่าเกิดจากอารมณ์ความทุกข์ของเขาเองครับ คนจะด่าจะพูดอะไรเราก็ห้ามใครไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่วางเฉยเป็นหุ่นยนต์นะ แต่ก็รู้ละว่าไม่ชมก็ด่า2อย่าง แล้วพี่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเหล่านี้ครับ อย่างทีผมเจอ ชมแล้วไงด่าแล้วไงใจผมก็รู้เดี๋ยวมันก็วนมาอีก พอผมเบื่อผมก็แค่ อ่อหรือไม่ก็อืม อยู่แค่นี้ละครับ ไม่อยากพูดอะไรเพราะมันเบื่อหน่าย แต่ก็ทำงานปกติ ลองฝึกดูครับ ผลเป็นยังไงบอกด้วยนะ
@@anansunday4803 อ้อ...พอเข้าใจนิดหน่อยแล้วครับประมาณนี้มั้ยสมมตินะ ถ้ามีใครมาโกรธผมมันก็คือปัญหาของคนนั้นไม่ใช่ปัญหาของเรา(อันนี้เราพูดถึงแค่สภาพจิตใจความรู้สึกนะ) ยกเว้นว่าเราจะไปคล้อยตามกับสิ่งที่เค้ากำลังโกรธด้วย
ปล่อยวางก็คือเหมือนว่าเราก็วางใจแล้วก็พิจารณาเค้าด้วยอารมณ์ที่ไม่โกรธไปกับเค้า สติอารมณ์เราก็จะยังเต็มมุมมองมันก็จะไปอีกแบบนึง แต่ถ้าไปโกรธร่วมกับเค้ามุมมองมันก็จะไปอีกแบบนึง .....ปล่อยวางแบบนี้ใกล้เคียงมั้ยครับ
@@น้ําหวานลูกพ่อขวัญ ใช่ครับ อีกอย่างตอนเขาบ่นเขาด่าผมยังคิดว่าเขากำลังด่าตัวเขาเองอยู่เลยครับ ผมรู้ว่าเขาด่าแต่ไม่รู้ว่าเขาด่าอะไร เหมือนประมาณครูสอนแล้วเด็กไม่ตั้งใจเรียนประมาณเนี่ยครับเพราะใจเราไปอยู่กับเรื่องอื่นครับ แต่เราก็ทำงานของเราครับ
พอจะมีหลักฐาน จากภายนอกศาสนา บ้างมั้ยครับ หรือ การที่ว่าสังฆยนา นอกจากในพระไตรปิฎกแล้ว พอจะมีคนอื่น รับรู้เรื่องนี้ด้วยไหมครับ
ถ้าการบันทึกคำสอนสำคัญจริง พระพุทธเจ้าต้องให้บันทึกตั้งแต่สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่แล้ว
เหตุผลที่ท่านไม่ได้ให้บันทึกสมัยที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่
-แสดงว่าการบันทึกไม่ใช่ส่วนสำคัญ
-การเข้าถึงเป็นปัจเจคบุคคล
-ถ้ามองให้ดีพระไตรปิฎกก็เป็นทุกข์
-สิ่งที่จะสอนชี้ทางปุถุชนให้ไปนิพพานได้มีเพียงแค่ผู้ที่นิพพานเท่านั้นที่ชี้ทางได้
เพราะฉะนั้นพระอรหันต์คือพระไตรปิฎกที่แท้จริง 😊
ทีรูปปั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไม่ได้สั่ง ปั้นกราบกันอยู่ได้ ศาลพระภมิู ศาลผี มั่วไปหมด คนไทยนี่เปรอะ!!!
มันจะบันทึกตั้งแต่สมัยนั้นได้ยังไงในเมื่อสมัยนั้นมันไม่มีภาษาเขียน ยังไม่มีใครเค้าประดิษฐ์อักษรมาใช้ มีแต่ภาษาพูดสื่อสารระหว่างกัน
@@ยงยุทธไชยสมุทรสมัยนั้นมีอักระแล้วครับ เช่น อักษร Harappan มีอายุ เกือบ 2,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
ทำไมคิดว่าไม่มีภาษาเขียน ได้ลองค้นดูรึยังครับ สมัยนั้นมีหลักฐานเสาอโศกจารึกตัวอีกษรแล้ว แม้ในสมัยพระพุทธเจ้าเองพูดถึงพระโปฐิระว่าท่านใบลานเปล่า เข้าใจความหมายของคำว่าใบลานเปล่ามั้ยครับ
การบันทึกคำสอนสำคัญ ท่านจึงให้พระอานนท์ ผู้เป็นเลิศทางสุตตมัยยปัญญา (ฟังหรืออ่าน และทรงจำ) และเมื่อไปแสดงธรรมที่อื่นเรื่องใดแล้ว ก็จะมาแสดงธรรมให้พระอานนท์ฟังอีกครั้ง
การบันทึกเป็นตัวอักษร ลงกระดาษ ชำรุดเสียหายง่าย แก้ไขง่ายไป เก็บรักษาไม่ดี 5 ปีก็เลือนลางหมด ตัวอย่างโดนอิสลามเผาเรียบ ที่นาลันทา จะจารึกลงบนศิลา ก้อนหิน ก็ทำได้ยาก
การบันทึกคำสอนที่ดีที่สุดในยุคนั้น และเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการทั่วโลก คือ การท่องจำ การทรงจำด้วยการสวดพร้อมกันเป็นคณะใหญ่นั้น เป็นการรักษาข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ท่านรักษากันมาด้วยการสวดพร้อมกันเป็นหมู่เป็นคณะใหญ่ ใครสวดผิดออกเสียงผิดแม้แต่คนเดียวรู้เลยทันที และพระไตรปิฎกโดยมาก 98% เหมือนกันทั้งหมดทุกประเทศถ้าเป็นฉบับดังเดิมเถรวาท จะแตกต่างกันบ้างตรงการออกเสียงที่ จะแตกต่างกัน
พระพุทธเจ้าทรงตรัสแล้วว่า คำสอนนั้นคือตัวแทนของพระองค์
ส่วนพระอรหันต์ไม่มีใครรับรองได้ว่า องค์นั้นองค์นี้เป็นพระอรหันต์จริง มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รับรองว่าใครเป็นพระอรหันต์ ถ้าใครบอกองค์นั้นองค์นี้เป็น อย่าไปเชื่อ เพราะพระรูปใดบอกเป็นพระอรหันต์ ก็ผิดพระวินัย ต้องอาบัติปาราชิก อวดอุตริมนุสธรรม ขาดจากความเป็นพระ
แก่นแท้คำสอนของพระพุทธเจ้า มีน้อย
ที่อยู่ในพระไตรปิฎก
ส่วนมากจะแต่งเติมเอาเอง ตามภพตามภูมิของคนรุ่นหลังๆ (แต่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน) เพียงแต่ไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ได้จริงและเร็วเท่านั้นเอง ☺️
คิดเหมือนกันเลย😮😮
เท่าที่อ่านมาจะเห็นได้ว่า ไม่มีใครที่มีความรู้แบบตกผลึกเลย มีแต่การพูดในทำนองหล่อๆ ลอยๆ ไร้อ้างอิงวิชาการ หรือในเชิงตรรกะ เช่น คุณต้องศึกษาอย่างแท้จริง คุณต้องนั้นต้องนี้ ฯลฯ ไม่มีการยกตัวบทหลักฐานจากคัมภีร์ใดๆ เมื่อตัวคัมภีร์ยังไม่ชัดเจน ทั้งมีความคลาดเคลื่อน แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะครับ
พอดีผมไปรู้จากกายวิภาคศาสตร์มาว่า เซลบอดี้..มันเกิดพร้อมกับเนิฟ..ที่เป็นสัมผัสทั้ง5...ผมจึงขอถามท่านหน่อยว่า ใช่จิตกับเจตสิก(ขัน5)รึเปล่าครับ เห็นว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ ครับ เนี่ยผมฟังท่านแล้วมองเห็นเหมิอนท่านเลย แล้วทีนี้ สมองเราเนี่ย..ไอ้เซลบอดี้กับเนิฟ มันใช้กระแสความถี่..เหมือนพระพุทธเจ้าบอกเลยว่า..เป็นล้านๆครั้ง..ความถี่นั้นในเนื้อสมองเราเนี่ย .คงกระสำกระสายน่าดูเลย..😂
การเปรียบเทียบคุณยกคนญี่ปุ่นต่อแถวกระซิบกันคนที่1กับคนสุดท้ายยังพูดไม่เหมือนกัน แต่ว่าการสังคยาไปเปรียบเเบบนั้นกับคนธรรมดาได้ยังไงครับ เพราะพระที่มาสังคยาเป็นอรหันต์แล้ว พระอรหันต์คือผู้ที่มีสติบริบูรณ์ครับ
สติบริบูณ์ ถ้าไม่มีการจดบันทึกก็จบเห่ เปรียบดังทนาย อัยการ แม้ผู้พิพากษา ถ้าไม่มีการขีดเขียนกฎหมาย มันย่อมมั่วแน่ๆ ที่คลิปเปรียบเทียบน่ะถูกต้องแล้ว..โยม
@@isakhanp.3748 ผมไม่ได้พูดเลยว่าไม่จดบันทึกหรือไม่ ผมแค่เขาเปรียบคนชาวบ้านธรรมดา กับสติความจำอรหันต์ มันไม่เหมือนกัน ท่านอ่านดูดีๆครับ ท่านไม่มีความละเอียดเลย
ใช่เลยแสดงว่าคนทำคลิปเค้าไม่มีข้อมูลและไม่มีความรู้เลยนำเสนอสะเปะสะปะ
ใครเขียนไม่สำคัญ สำคัญที่อ่านแล้ว ทำแล้ว ได้มรรคผลจริงก็พอ เหมือนไดโนเสา หน้าตาเป็นยังไง ไม่สำคัญ
ไม่มีใครตอบได้ว่าถูกต้องแค่ไหน แต่ที่แน่ๆไม่มีแหล่งไหนเชื่อได้นอกจากไตรปิฎกพระอรหันต์ในยุคพุทธกาลที่สังคายนา(มิใช่อรหันต์ธรรมดา)
พระคึกคักละ😂
การสังคนาย่อมมีการแก้ไขแต่งเติม ไม่งั้นจะสังคายนาทำไม ยิ่งทำกลายครั้งยิ่งต่างไปจากเดิมมากขึ้น
นี่ก็ทึกทัก ก่อนแสดงความเห็น หาความรู้ก่อนเถอะครับ ถ้าสงสัยก็ควรค้นคว้า อย่าเพิ่งแสดงความเห็นก่อนจะมีความรู่
234
พระพุทธเจ้าสอนให้ละความติดข้อง..สิ่งที่จะละได้ต้องไม่ใช่เราที่จะละได้..แต่ละได้ด้วยปัญญา...ถ้าผู้ใดสอนให้ติดข้อง..ก็สอนผิดค่ะ
ไก่กับไข่ใครเกิดก่อนกัน
แล้วสมัยก่อนบันทึกบนอะไร หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุด แล้วต นนี้อยู่ที่ไหนคับ แค่ละนิกายนั้นแยกเล่มไหมครับ
หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของพระไตรปิฎก คือที่จารึกบนเสาหินอโศก เมื่อปีพ.ศ.282 เมื่อ 2,000 กว่าปีที่ผ่านมา แต่มีน้อย
การบันทึกคำสอนสำคัญ ท่านจึงให้พระอานนท์ ผู้เป็นเลิศทางสุตตมัยยปัญญา (ฟังหรืออ่าน และทรงจำ) และเมื่อไปแสดงธรรมที่อื่นเรื่องใดแล้ว ก็จะมาแสดงธรรมให้พระอานนท์ฟังอีกครั้ง
การบันทึกเป็นตัวอักษร ลงกระดาษ ชำรุดเสียหายง่าย แก้ไขง่ายไป เก็บรักษาไม่ดี 5 ปีก็เลือนลางหมด ตัวอย่างโดนอิสลามเผาเรียบ ที่นาลันทา จะจารึกลงบนศิลา ก้อนหิน ก็ทำได้ยาก
การบันทึกคำสอนที่ดีที่สุดในยุคนั้น และเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการทั่วโลก คือ การท่องจำ การทรงจำด้วยการสวดพร้อมกันเป็นคณะใหญ่นั้น เป็นการรักษาข้อมูลที่แม่นยำเที่ยงตรงที่สุด ท่านรักษากันมาด้วยการสวดพร้อมกันเป็นหมู่เป็นคณะใหญ่ ใครสวดผิดออกเสียงผิดแม้แต่คนเดียวรู้เลยทันที และพระไตรปิฎกโดยมาก 98% เหมือนกันทั้งหมดทุกประเทศถ้าเป็นฉบับดังเดิมเถรวาท จะแตกต่างกันบ้างตรงการออกเสียงที่ จะแตกต่างกัน
พระโมฤคัลลีบุตรติสเถระจึงรวบรวมพระอรหันต์ทำสังคายนาขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ราว พ.ศ. 235 เมื่อทำสังคายนาเสร็จสิ้นพระเจ้าอโศกมหาราชและพระโมคคัลลีบุตรติสเถระก็จัดพระสมณทูตเป็น 9 สายส่งไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังนี้
สายที่ 1 คณะพระมัชณันติกเถระ ไปรัฐกัศมี-คันธาระ (อัฟกานิสถาน)
สายที่ 2 คณะพระมหาเทวเถระ ไปสหมณฑล (แคว้นไมซอร์)
สายที่ 3 คณะพระรักขิตเถระ ไปวนาสี ( ตอนเหนือเมืองบอมเบย์)
สายที่ 4 คณะพระธัมมรักขิตเถระ ไปอปรันตประเทศ
สายที่ 5 คณะพระมหาธัมมรักขิตเถระ ไปมหารัฏฐะต้นแม่น้ำโคธาวารี
สายที่ 6 คณะพระมหารักขิตตเถระ ไปโยนกประเทศ (ประเทศอิหร่านหรือที่กรีกปกครอง)
สายที่ 7 คณะพระมัชฌิมเถระ ไปเนปาล (เชิงขาหิมาลัย)
สายที่ 8 คณะพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ไปสุวรรณภูมิ
สายที่ 9 คณะพระมหินทเถระ ไปศรีลังกา
สายที่ 8 พระโสณะ และพระอุตตระได้เดินทางจากแคว้นมคธ เข้ามาประดิษฐานพระพุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีข้อสันนิษฐานว่า น่าจะมีศูนย์กลางอยู่บริเวณตอนกลางของไทยในปัจจุบัน โดยพิจารณาจากโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น พระปฐมเจดีย์ ศิลารูปพระธรรมจักร เป็นต้น
@@jaru072 แล้วระบบท่องจำแบบหลายคน เขาตรวจสอบกันยังไงครับ พระอานนท์นี้คือศิษย์เอกใช่ไหมครับ ท่านมีศิษย์เอกกี่คนครับ แลังช่วงไหนที่รวมเล่มครับ แล้วทำไมบางแหล่งข้อมูลบอกว่ามีการแก้ไขครับ
@@sufareweedunyamat5030 ตรวจสอบกันโดย หลังปรินิพพาน ทำสังคายนา ครั้งที่ 1 คือการประชุมตรวจชำระสอบทานและจัดหมวดหมู่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า วางลงเป็นแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน ตามศัพท์ "สังคายนา" หมายถึง สวดพร้อมกัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “นามะสะทำมาชิตา” แปลว่า สวดพร้อมกัน มาจากคำว่า คายนา หรือ คีตี แปลว่า การสวด สํ แปลว่า พร้อมกัน คำนี้มีมูลเหตุมาจากวิธีการสังคายนาพระธรรมวินัย ที่เรียกว่าวิธีการร้อยกรองหรือรวบรวมพระธรรมวินัย หรือประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มีวิธีการคือนำเอาคำสั่งสอนของสาวักที่ทรงจำไว้มาแสดงในที่ประชุมพระสงฆ์ จากนั้นให้มีการซักถามกัน จนกระทั่งที่ประชุมลงมติว่าเป็นอย่างนั้นสีดีนั้น เมื่อได้มติร่วมกันแล้วในเรื่องใด ก็ให้สวดขึ้นพร้อมกัน การสวดพร้อมกันแสดงถึงการลงมติร่วมกันเป็นเอกฉันท์ และเหมือนทรงจำกันไว้ อย่างเช่นพระพม่า ก็ใช้วิธีท่องจำพระไตรปิฎกทั้งหมด
พระอานนท์ ไปหาอ่าน หรือค้นในกูเกิ้ลเอาบ้างสิ
พระไตรปิฎกของ เถรวาท รวมเล่มฉบับของสยามรัฐ ภาษาบาลี ประเทศไทยน่าจะเก่าแก่ที่สุด รัชกาลที่ 5 รวบรวมสร้าง
ยชุรเวท บท 32 โองการที่3 "นา ตัสยา ปราติมา อัสตี"พระเจ้านั้นไม่ทรงมี ปราติมา ไม่มีรูปภาพ ไม่มีภาพวาด ไม่มีลักษณ์ ไม่มีรูปเคารพ ไม่มีรูปปั้น.
อันนี้จริงไหมคะ
จริง แต่นั่นมันคัมภีร์ พระเวท ไม่ใช่ไตรปิฎกนี่ย่ะ😊
@@isakhanp.3748 คุณนับถือพุทธใช่ไหม งั้นถามหน่อยว่า พระพุทธเจ้าในฮินดู หรือศาสดาโลก คนละคนกับศาสนาพุทธปะคะ ? เเล้ว ดารมา + อมิททาภา + ไมตรียะ คือใครคะ ( อยากทราบคะ )
@@Littleammieคือฮินดูไหว้วัวไหว้กระบือ ใช่ใหม
จริงสิฮินดูจะไหว้วัวไหว้กระบือ อันนี้เห็นอยู่
แล้วเรารู้ได้ยังไงกับช่วงเวลาที่อ้างมาครับ
บรรลุธรรรมรุ้แน่นอน
คนพุทธอ้างแต่บรรลุธรรม
ผมถามหน่อย คนสองคนทำข้อสอบ
คนนึงอ่านหนังสือเตรียมตัวค้นคว้าหาข้อมูล
ส่วนอีกคนนั่งสมาธิ
สองคนนนี้ใครจะสอบผ่านครับ
ลองไปค้นหาดูเองจ่ะ เอหิปัสสิโก…
@@sk094อับดุลเลาะห์อ้างหมูสามชั้นดีกว่า อร่อยดี
พระไตรปิฏก ไม่มีอะไรผิดหรอกครับ ถูก 100% คุณต่างหากที่ไม่รู้ ไม่ศึกษามาให้ดี ถ้าจะแตะ เรื่องศาสนา ถ้าข้อมูลอ่อนๆแบบนี้ หาเรื่องอื่นมาเสนอดีไหมครับ เพราะมันทำให้ช่องคุณ ไม่น่าเชื่อถือเลยอะครับ
ใช่เลยช่องนี้พอเปิดมาฟังอ่อนมากเลยเด็กมัธยมยังทำดีกว่า
ความจริงคือผู้ทำคลิปยังไม่มีปัญญา มีความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ตัวอย่างที่ยกวิจัยมาเทียบอย่างไม่มีสติ ตัวอย่างการบอกต่อเพียงช่วงขณะในวิจัย มันอาจถูกส่งต่อไม่ถูกต้องก็จริง .. แต่การท่องจำจากผู้ที่มีปัญญาของพระสาวก มีมากพอที่จะจำจดชั่วกัปชั่วกาลได้คะ ... ไม่ทราบว่าผู้ทำคลิปนี้เคยอ่านพระไตรปิฎกบ้างหรือยังคะ? ลองอ่านดูสักครู่นะคะ!!! เผื่อจะเกิดปัญญาบ้างคะ
1.ถ้าพระพุทธเจ้าคือพระเจ้าแล้ว ก่อนหน้าพระพุทธเจ้าเกิดใครคือพระเจ้า
อันนี้ถามด้วยความอยากรู้ครับ ว่าศาสนาพุทธสอนในหลักความเชื่อเรื่องพระเจ้ายังไง
เอาแค่พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระเจ้าก่อนละกันเนอะศาสนาพุทธไม่ได้เชื่อเรื่องพระเจ้า😊
แล้วที่กราบไหว้อยู่ละครับ คืออะไรครับไม่ใช่พระเจ้าหรือครับ
@@sk094อับดุลเลาะห์ ไม่ใช่ครับ
แล้วทำไมถึงกราบครับ
@@sk094อับดุลเลาะห์ กราบเพื่อระลึกถึงองค์คุณที่ท่านมีต่อสัตว์โลกทั้งหลายให้ได้รู้ถึงความจริงอันประเสริฐคือ*อริยสัจสี่*ครับคือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สรุปสั้นๆคือพระพุทธเจ้าสอนให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดก็คือ*นิพพาน*ครับถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ให้ค้นหาในยูทูปได้ครับพิมพ์คำว่า*พุทธวจน*แล้วตามด้วยสิ่งที่คุณอยากรู้เช่นอริยสัจ๔คืออะไรหรือขันธ์๕คืออะไรประมาณนี้ครับ
แอดเป็นหน่วยกล้าตายจริงๆ ครับ นับถือๆ
กล้าลงนรกนะเหรอ ไม่เอาด้วย กล้าแล้วก็ต้องรับผลกรรมด้วยนะ ถ้าผู้ฟังแล้วศรัทธาในพุทธศาสนา เชื่อมั่นในพระไตรปิฎกน้อยลงก็รับบาปไป แต่ถ้าฟังแล้วศรัทธาในพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้นก็รับบุญไป นรกไม่ใช่ของเล่น อยู่ดีไม่ว่าดี เขาเรียกแกว่งปากหานรก
แอดเป็นอะไรที่แจ้งดับ แทนการแจ้งเกิด
คุณควรยุ่อย่างคนไม่มีศาสนาแล้วไม่ต้องวิจารณ์ศาสนาใด
ผมไม่เคยสงสัยถ้าศึกษาแล้วทำตัวทำใจให้ห่างจากกิเลสลดละกิเลสได้นั่นแหละคือหนทางแห่งพระไตรปิฎกแล้วครับไม่ต้องไปสงสัยว่าใครเขียนความสงสัยไม่สิ้นไปได้หากเราไม่ปฏิบัติตามในพระไตรปิฎก