ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
กราบนมัสการ..พระอาจารย์ที่ช่วยแถลงไข ทำให้เข้าใจถึงหลวงพ่อครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีให้เป็นศิริมงคลกับญาติโยม..ได้เข้าใจได้ถูกต้องคับ..สาธุๆๆๆครับ😊❤❤
สาธุครับ พระคุณเจ้า ท่านแม่นและตรงในพระธรรมมากครับ
ชัดเจนและถูกต้องครับผม สาธุครับ คนที่มีบุญบารมี และปัญญา แยกแยะได้ ว่าอันไหน จริงเท็จ ทุกวันนี้ มีทั้ง พระสงฆ์และฆราวาส สอนธรรมะ มากมาย มีทั้งผิดและถูก เยอะแยะ อยู่ที่ ปัญญา ของผู้ฟัง เท่านั้น ที่จะแยกแยะได้ว่า อันไหนจริงเท็จ
โมทนาสาธุ ครับท่านพระอาจารย์ ที่มีเมตตากรุณานำเรื่องนี้มาเทศสอนให้เกิดความเข้าใจได้ดีขึ้นกราบขอบคุณครับ
สาธุค่ะน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ🙏🙏🙏🕯️💐💐💐💐🕯️ขออนุโมทนาบุญกับการเผยแผ่ธรรมทานด้วยค่ะสาธุๆๆ🙏🙏🙏😊
สาธุ กราบนมัสการพระอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งเจ้าค่ะ สาธุในธรรมที่พระอาจารย์ได้สาธยาย ทำให้โยมเข้าใจได้อย่างกระจ่างมากขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
พระมหาสมบูรณ์ พูดถูกต้องแล้วมีพระบางรูป ไม่รู้บาลี อ่านพระไตรปิฎกก็จริง แต่ไม่รอบคอบ จึงสอนผิดบ้าง ถูกบ้างถ้าสอนผิด ญาติโยมก็เชื่อถือนำมาปฏิบัติแบบผิดๆอนุโมทนากับพระมหาสมบูรณ์ด้วยครับ🙏🙏🙏
แล้วนำ้มนต์มันมีฤทธิ์เดชอย่างไร
รู้บาลีแล้วยังไงครับ สามารถ เพิ่มคุณสมบัติน้ำได้หรอ
@สันติเที่ยงสัมพันธ์-ศ5ด เขาไม่ได้เพิ่มคุณสมบัติ แต่แปลให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้มากที่สุด
ย่าเปันผู้เหันยู่ แต่ไม่เหันเปันคนบอดจักสุ
น้ำมนต์ ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีทั้งส่วนที่ปรากฏในคัมภีร์โบราณและส่วนที่พัฒนาขึ้นใหม่ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนพุทธในยุคหลัง ดังนั้นคำถามว่า "น้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่หรือไม่" อาจต้องพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางวัฒนธรรม1. ในพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณคำว่า "น้ำมนต์" หรือการใช้น้ำในพิธีกรรม ไม่ได้ปรากฏอย่างตรงตัว ในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าในยุคต้น ๆ แต่มีการกล่าวถึง น้ำ ในฐานะสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการชำระล้างจิตใจ เช่น การใช้ในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคล เช่น การเจริญพระปริตร (บทสวดที่มีพลังเป็นมงคล) อาจเกี่ยวโยงกับน้ำมนต์ในภายหลัง2. น้ำมนต์ในฐานะวัฒนธรรมที่พัฒนาในยุคหลังการใช้น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา อาจได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮินดูและความเชื่อพื้นบ้าน ที่ใช้น้ำในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคลและการขจัดเคราะห์ร้ายเมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว หรือกัมพูชา ประเพณีการใช้น้ำมนต์ได้ถูกนำมา ปรับให้สอดคล้องกับวิถีพุทธ เช่น การสวดมนต์เจริญพระปริตร และการปลุกเสกน้ำมนต์3. คำว่า "น้ำมนต์" แต่งใหม่หรือไม่?คำว่า "น้ำมนต์" อาจไม่ได้เป็นคำดั้งเดิมจากพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล แต่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นในภายหลังเพื่อเรียกน้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พุทธศาสนาประยุกต์ ที่พัฒนามาจากการผสมผสานศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้าน---4. มุมมองทางธรรมะพระพุทธเจ้าสอนว่า "การชำระล้างที่แท้จริงอยู่ที่การชำระจิตใจ" ผ่านการปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการกระทำกรรมดี การใช้น้ำมนต์ในปัจจุบันจึงเป็น ส่วนเสริมทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้พุทธศาสนิกชนเกิดความมั่นคงในจิตใจ ไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน---สรุปน้ำมนต์ อาจถือได้ว่าเป็นคำและแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ในบริบทของพระพุทธศาสนา แต่ยังคงยึดโยงกับความเชื่อในพลังแห่งธรรมะและการสวดมนต์เพื่อความเป็นมงคล น้ำมนต์ไม่ใช่แก่นของคำสอน แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างศรัทธาและความสงบทางใจในมิติของวัฒนธรรม.
สาธุ เป็นบุญที่ได้ฟังธรรมอันสงบ
พระคุณเจ้าพูดถูกต้องครับ ถ้าผู้ที่ไม่มีความรู้ เปรียญ ไม่ได้เรียนบาลี อรรถกถา ฎีกา แต่ไปนั่งเปิดคัมภีร์พระสูตรอธิบายทีละบรรทัดย่อมเกิดความผิดพลาดได้มากเป็นการทำลายศาสนาทางอ้อม คัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่มีมาเป็นพันๆปี จะมาอ่านแล้วตีความหมายตามใจเองย่อมมีความผิดพลาดมากยิ่งเป็นตำราที่เป็นภาษาไทยซึ่งแปลมาจากบาลีอีกทีย่อมคลาดเคลื่อนเยอะ มีเห็นมาเยอะแล้วอย่างลัทธิ พุทธวัจนะเป็นต้น
เจ้าของลัทธิ แก้จาก พุทธวจน จนกลายเป็น ลิตรวจน เพราะแก้ตามใจตัวเอง วิเคราะห์เอง ตัดสินใจเอง เออเองถูกเอง
ดี เยี่ยม สาธุ ๆ ....ท่านมหาสมบูรณ์.....น่าจะมีการสาธยาย หรือ คู่มือ ในประเด็นต่าง ๆ ที่ ทั้งนักศึกษาธรรมมะ อาจไม่เข้าใจในคำประโยคในพระไตยปิฎก เป็นภาษาไทย อย่างที่ท่านได้สาธยายในรายการนี้....จะเป็นการสืบทอดการเรียนการสอนพุทธศาสนาอย่างถูกต้องยิ่งขึ้น....จับเอาประเด็นที่อาจจะเป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่.........
๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ นับประมวล แต่งกาพย์ โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. ๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก เป็นหมอทรงหญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้า บวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์ พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. ๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกระเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ ก็เป็นศีลของเธออีกประการหนึ่ง. ดูกรพราหมณ์ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เลย เพราะ ศีลสังวรนั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัย แต่ไหนๆ เพราะราชศัตรูนั้น ฉันใด ดูกรพราหมณ์ ภิกษุก็ฉันนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน ดูกรพราหมณ์ ด้วยประการดังกล่าวดังนี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วยศีล แม้นี้แหละ คือศีลนั้น. จบมหาศีล
@@thongphan-i1l ศ.ดร. บรรจบ บรรณรุจิ มจร. อธิบายว่ คำว่าเดรัจฉาน แปลว่าขวาง เดรัจฉานวิชา คือวิชาที่ไม่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น(ไม่ใช่วิปัสสนา) แต่ไม่ใช่น่ารังเกียจอย่างที่คนไทยชอบเหน็บแนมกันแค่คำว่า เลี้ยงชีพด้วย สำนักคึกยังตีความกันมั่วภิกษุเว้นขาด จากการทำอาชีพ ( เรียกรับค่าจ้าง) ด้วย...คือภิกษุ มีอาหารที่ชาวบ้านถวายให้ฉันแล้ว ก็ต้องเว้นการประกอบอาชีพด้วย..คือไม่จำเป็นต้องทำเพื่อเลี้ยงชีพอย่างชาวบ้านแต่ไม่ได้ทรงห้ามภิกษุทำเพื่อการสงเคราะห์ ทำเป็นครั้งคราว..ทำแล้วก็ปล่อยวาง ไม่หมกมุ่นเป็นอาชีพ
❤ขอบคุณอาจารย์เบียร์..ที่กล้าออกมาเผยแผ่พระพุทธศาสนา.ทำให้ประชาชนได้รู้พระดีๆ.พระไม่ดี.หมอดูรางทรงสิแส.ร้อนรนนั่งกันไม่ติด.ปัจจุบัน.ศาสนาเริ่มสะเปะสะปะเลอะเทอะไปหมด...มี พุทธวจน.อย่างน้อยทำให้ครอบครัวหลุดพ้นจาก.เดรัจฉานวิชาไม่งมงายเหมือนแต่ก่อนๆ
ดูหนัง ฟังเพลง ดูละคร ก็อวิชา แค่สวดพระปริต ยังมีคุณอย่างนี้ พระเครื่องพระก๋็สวดบทสรรเจริญพุทธเจ้า จะไม่ดีได้อย่างไร
จริงคะ
@@MrSupornchai2525 แล้วจะดีได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันเป็นความเห็นผิด เกิดประโยชน์อะไร แต่แทนที่จะนำคำสอนของพระพุทธองค์นำมาใช้มาปฏิบัติ พระองค์ก็ตรัสสอนอยู่ว่าการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ถือเป็นการบูชาตถาคตอย่างสูงสุด
@@MrSupornchai2525ใช่ค่ะ ถูกต้องค่ะ
@@Gameblackcoverน่าสงสารคนที่คิดแบบนี้ ฟังให้จบท่านพูดหมายถึงอะไร แค่ฟังก็ตีความไม่แตกแล้ว😅😅 กลับไปฟังใหม่นะว่าทำได้เรียนได้ไหม
ต้องขอบพระคุณพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ที่ท่านสอนธรรมะให้เราสามารถแยกแยะออก ให้เรามีสุตะของพระพุทธเจ้า มาเทียบเคียงกับอาจารย์หลายๆรูปที่มาสอนธรรมะทำให้เราได้รู้ว่าคำสาวกนั้น ไม่สอดรับกัน ต่างจากพระพุทธเจ้าที่ท่านเป็นสัพพัญญูผู้เดียวในโลกจริงๆ สาธุๆครับ
การที่กุลบุตรทั้งหลายเข้ามาบวช เข้ามาศึกษาพระไตรปิฎก ศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นบุตรของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน พุทธบริษัทสี่ทุกคนก็ควรรักใคร่สามัคคีกัน และภิกษุก็ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เมื่อเห็นว่าภิกษุรูปอื่นทำผิดตรงไหน ควรเดินเข้าไปหา แล้วชี้มูลข้อผิดพลาดตรงนั้น แล้ววินิจฉัยร่วมกัน ช่วยกันในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุง ในอนาคตมันจะได้ไม่เกิดข้อถถเถียง ความขัดแย้งและทะเลาะวิวาทกัน อีกอย่างผู้ศึกษาควรรู้อย่างนี้ว่า สิ่งใดที่เป็นกุศลนับว่าเป็นกุศล มีโทษนับว่ามีโทษ ควรเสพนับว่าควรเสพ ควรมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่ประกอบด้วยเมตตาต่อเพื่อนประพฤติพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และควรช่วยเหลือกันในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง แต่นี่ กลับไม่เป็นแบบนั้น..ภิกษุบางรูปหรือฆารวาสบางคน ถือหนังสือพุทธวจนมา แล้วชี้คำแปลและความหมายในหนังสือผิดบ้าง กล่าวหาว่าบิดเบือนคำสอนบ้าง ให้กับฆราวาสที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้า ลักษณะอย่างนี้เค้าเรียกว่า"โพนทนา"หรือ”โจมตี”เพราะกล่าวหาผู้อื่นฝ่ายเดียว หนังสือพุทธวจนที่คัดลอกและแปลถูกเกือบทั้งเล่ม สอนถูกก็เยอะมากกว่า แทบจะไม่พูดถึง พูดถึงสิ่งไม่ดีอยู่อย่างเดียว แถมยังมีการโพสลงโซเชียล จนผู้ไม่หวังดีตัดคลิปไปแขวนประจาน แล้วพวกที่ไม่ชอบรุมด่า อีกฝั่งก็โต้ตอบ ทิ่มแทงกันด้วยปาก เกิดความแตกแยกในพุทธบริษัท. และอีกอย่างหนึ่ง พระบางรูป หรือฆราวาสบางคนที่มีการศึกษา มีความรู้สูง มีการเล่าเรียนปริยัติและภาษาบาลีมา แต่กลับมีใจคับแคบ ชอบยกตนข่มผู้อื่น ชอบปรามาสดูถูกผู้อื่นอย่างนี้ว่า เขาไม่ได้เรียนภาษาบาลีมา เขาไม่ได้ศึกษาอรรถกถามา จะรู้ธรรม รู้วินัย จะรู้ความหมายแท้จริงในพระไตรปิฎกอย่างเราได้ยังไง บุคคลมีลักษณะพูดยกตนข่มผู้อื่นแบบนี้พระพุทธเจ้าตำหนิ และเรียกว่าคนประเภทนี้ว่า อสัตบุรุษ หรือ อสัปปุริสธรรมถึงแม้หลายคนที่ศึกษาพระไตรปิฎกแต่อาจไม่ได้คล่องแคล่วในภาษาบาลี แต่ว่าพระไตรปิฎกที่แปลไทยแล้วก็มีตั้งหลายสำนัก เช่นฉบับหลวง, มหามงกุฎ ,มหาจุฬา, ต่อให้กลับไปเรียนบาลีจนจบหลักสูตรจนอ่านออกเขียนได้ แล้วย้อนกลับมาอ่านพระไตรปิฎกภาษาบาลี ก็แปลความหมายออกมาเหมือนเดิม พระไตรปิฏกบาลีที่แปลไทยจะมีไว้เพื่ออะไรเพราะเห็นความ อยุติธรรม และความแตกแยกกันในสงฆ์ จึงออกมาเตือนสติ เฉพาะบุคคลที่ชอบยกตนข่มผู้อื่น ว่าอย่าได้ปรามาสผู้อื่นว่าไม่รู้ธรรม ไม่รู้บาลี ไม่ควรพูดแข่งดี เพราะพระไตรปิฎกแปลไทยแล้วก็มี พจนานุกรมบาลีก็มี สามารถนำไปศึกษาและปฏิบัติได้เหมือนกัน..เข้าถึงแก่นแท้ของพระธรรมได้เช่นเดียวกัน..ฉะนั้น ธรรมะของพระพุทธเจ้ายิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง อย่ามัวแต่จ้องทำลายกันด้วยการออกมาประจานข้อเสียคนอื่น มันมีแต่ผลเสียเพราะทำให้สังคมแตกกัน ตัวท่านเองก็ต้องแพ้ภัยจากมารและได้รับวิบากกรรมนั้นด้วย ขอฝากไว้ให้ทุกคนคิดพิจารณาให้รอบคอบ.
สาธุครับ🙏🙏🙏
มีผู้สอนว่าห้ามฟังคำพระสาวก คือต้นเหตุให้ชาวพุทธแตกแยกกัน
@@sarirakaitsara8883 บัณฑิตที่ฉลาดในธรรมเค้าไม่โต้ตอบปัญหาที่ตนสงสัยด้วยการกล่าวหาใครโดยที่ตนไม่รู้มูลเหตุปัจจัย ฉะนั้นบัณทิตที่ฉลาดในธรรม จะตำหนิใครก็จะตำหนิในฐานะที่ควรตำหนิมูลเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธบริษัททะเลาะวิวาทกัน ทิ่มแทงกันด้วยหอกปาก พระพุทธเจ้าตรัสไว้สามอย่าง คือ กามวิตก พยาบาทวิตก และวิหิงสาวิตก ธรรมสามอย่างนี้แหละที่เป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกกันในพุทธบริษัท ยกตัวอย่างเช่น คนกลุ่มหนึ่งพยายามให้คนชักชวนให้สาธุชนเข้ามาสนใจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว บัญญัติไว้ดีแล้ว ให้ศึกษาแต่คำสอนพระพุทธเจ้าที่เป็นพุทธวจนเท่านั้น อย่าสนใจคำที่แต่งเติมขึ้นมาใหม่ ให้ละทิ้งคำอธิบายของพระสาวกเสียเพราะมีการบัญญัติเพิ่มในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ ทั้งในส่วนพระอภิธรรมและอรรถกถา ดังนี้เป็นต้น ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่ง ก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะเห็นว่าในส่วน พระอภิธรรม อรรถกถาฏีกา อนุฎีกา เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมจากพระอริยสาวก ผู้เป็นอรหันต์ เพื่อให้ผู้ที่มาภายหลังศึกษาได้ง่ายขึ้น ดังนี้เป็นต้น....ฝั่งหนึ่งพยายามคัดลอกเอาแต่คำที่เป็นพุทธวจนมาทำเป็นหนังสือ เพื่อให้คนได้เข้าถึงคำสอนพระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้น ว่าพระองค์ตรัสอะไรบ้าง แต่ละพระสูตรสอดรับกันไหม ตั้งใจที่จะเผยแพร่คำพระพุทธเจ้าอย่างเดียว....อีกฝั่งหนึ่ง พยายามเพ่งโทษจับผิด หาแต่ข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของอีกฝั่ง เมื่อนั้น พยาบาทวิตก เกิดขึ้นภายในจิตเขา แต่ไม่ยอมละไม่ยอมกำจัดพยาบาทวิตกนั้นให้หมดสิ้นไป สุดท้ายก็ออกมาโพนทนาข้อผิดพลาดกันบ้าง โจมตีกันบ้าง ต่างฝ่ายต่างทิ่มแทงกันด้วยหอกปากบ้าง..จนแตกกันเป็นวงกว้าง.ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงยกตัวอย่างให้เห็นถึงต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้พุทธบริษัททะเลาะกัน แตกแยกกันก็คือ อกุศลวิตก๓อย่าง โดยอิงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า.(ดูพระสูตรที่เราอ้างอิงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ได้ใน ภณฺฑนสูตร บาลีสยามรัฐ เล่มที่๒๐ หน้าที่๓๕๕ ข้อที่ ๕๖๔)
@@phathanachot_mjcm4568 ใช่ครับ ชาวพุทธส่วนหนึ่งเข้าใจกันดีว่าพุทธวจนะมาจากพระไตรปิฎก(แต่พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลเป็นผู้ทำสังคายนารวบรวมขึ้นมา)ท่านพุทธทาส ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ค้นคว้าแบบผู้รอบรู้ไม่ได้มีเจตนาจะบิดเบือน แต่หนองนาป่าพงนำมาแตกออกมาอีกหลายไปเล่มเพี่อให้เข้าใจง่ายหรือมีเจตนาหา....คิดเอาเอง กลับบอกว่าคำสาวกไม่น่าเชื่อ กล่าวคำติเตียนสาวกซึ่งอยู่ไกลเพราะพุทธอง์มากที่สุด ย่อมรู้ดีกว่าพวกกล่าวตู่พุทธวจนะ มันก็เลยถกต้องเถียงกันหน่อย พอโต้ สำนักนี้ก็ชี้หน้ามาเหมือนกันว่า พุทธเทียมบ้าง เดรัจฉานวิชาบ้าง จะบอกให้นะครับ พุทธเรานิกายเถรวาทนะครับ เถรวาทก็คำของพระผู้ใหญ่(พระอรหันต์นะครับ...งั้นคุณไปตั้งสำนักใหม่ จะมหายาน วัชรยาน เซน คึกบิดนิกาย ก็ได้ครับ
@@khemtishomhaul9145เรื่องอื่นวางไว้ก่อน อาตมาขอย้อนถามโยม 3ข้อ บัณฑิตใดก็ตาม เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว ควรพยากรณ์ปัญหาโดยอรรถโดยธรรม ไม่ควรนิ่ง.ข้อแรก. "สัทธาสัมปทา" พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าอย่างไร ? ข้อที่สอง.ระหว่างธรรมและวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว บัญญัติไว้ดีแล้ว กับ ธรรมที่พระอริยสาวกผู้เป็นอรหันต์ หลายรูปได้ได้อธิบายขยายพุทธพจน์และบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นมา ธรรมสองส่วนนี้ ให้โยมเลือกเชื่อฟังเพียงแค่ส่วนเดียว โยมจะเลือกธรรมส่วนไหน ระหว่าง พระพุทธเจ้า กับ พระอรหันต์สาวก ข้อที่สาม. พระธรรม ในความหมายของโยม หมายถึงอะไร?
ชอบ. อาจารย์เบียร์.ไม่เรียนมาก.อาจารย์เบียร์ศึกษา เอาเนื้อ. ธรรมแท้ๆ. เช่น.อริยสัจสี่.ปฏิจจสมุปาบาท.มาบอกสอนได้. อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมาก.บอกสอนให้คนตื่นในธรรมได้..ประชาชนคนธรรมดา.มีความรู้น้อย.ไม่โอกาสไปนั่งเรียนเองได้.. ปัจจุบันย้งมีพระสงฆ์ที่ดี.ช่วยแปลเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า.จากพระไตรปิฎกจากบาลี.แปลเป็นไทยแปล.เล่นเล็กๆ.เป็น.พุทธวจน. ให้ประชาชนคนไทยพุทธ.ได้อ่านได้ศึกษา.อ่านคำของพระพุทธได้ด้วยตนเอง. เราสามัญชนคนธรรมดา.ได้เข้าใจ.อริยสัจสี่.ปฏิจจสมุปาบาท.น่อมมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข.(สิบกว่าปีโยมไม่เอาเลย.พระทำน้ำมนต์.ทำพิธีกรรมต่างๆ. ก็ย้งใช้ชีวิตก็ย้งดีย้งลำบากปกติ.พึ่งตน.พึ่งธรรม.รู้ในคำสอนของพระพุทธเจ้า. จาก.หนังสือ.พุทธวจน
รู้แค่นี้ก็สามารถบรรลุธรรมได้แล้วคับที่อ.เบียร์นำมาสอนคือธรรมอันเป็นหัวใจแก่นแท้ของศาสนา
อย่างห่างไกลกับคำว่าแจ่มแจ้งมากๆ ความละเอียดของธรรมเต็ม10 แต่คุณเบียพูดได้และรู้แค่4/10เท่านั้น ไม่เชื่อลองไปฟังพระ อ.คึกฤทธิ์อธิบายอริยสัจ,ปฏิจสมุปบาทฯลฯดูเอานะ
@@นักรบสยบมารการบรรลุธรรมคือการหมดกิเลสนะ หรือทำกิเลสให้เบาบางเหมือนพระ อ.องค์นี้ หรือพระ อ.คึกฤทธิ์
@@phatchariwiedemann1811 เนื้อแท้หนะใช่ แต่ที่ไปศึกษามามีแต่เปลือกของเนื้อแท้ ที่จับมาจากความละเอียดชัดเจนของพระธรรมในพระไตรปิฎกเต็ม10แต่ละข้อที่เอาพูดเป็นจริงแค่5แค่6แค่7เต็ม10 หลายๆเรื่องพูดผิดเต็มๆด้วยซ้ำ อย่างเช่นเรื่องพยานาคนี่
ถ้าอยากรู้ว่า พระอ.คึกฤทธิ์ เป็นพระแท้จริงอย่างที่ตาท่านเห็น หรือป่าว. เราขอบอกท่านได้เท่านี้ครับ. ขอให้ปฎิบัติสมาธิให้ถึง. แล้ว ทุกอย่างจะเฉลยให้รู้เอง. ผมเอง อยู่สายศึกษาคำสอนและสายกรรมฐานด้วย. ขอบอกไว้ว่า. พระอาจารย์คึกฤทธิ์. หมดอายุใขท่านลำบากครับ. ผมบอกแค่นี้นะ. ที่เหลือ ปฎิบัติเองรู้เอง. นอกจากนี้. สหายธรรมรุ่นน้องรุ่นพี่ ผมที่เชี่ยวชาญสมาธิ เขากผ้รู้แต่วางเฉย. แต่ผม รู้ตั้งแต่เเรกแล้วว่า พระอาจารย์คึกฤทธิ์. ท่านได้. ทำอนันตริยะกรรม ....ผมรู้มา2ปีกว่าๆ. และมาจนถึงปัจจุบัน. สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นจริง ศาสนาแตกเเยก ใน4เดือนนี้. แต่เริ่ม. แตกแยกมาเป็น10ปี. ....ถ้าคุณอยากรู้ว่า ว่า ทำน้ำมนต์ได้จริงมั๊ย. นั่งสมาธิ แล้วย้อนดูครับ. อย่าลืมนะครับ. สมาธิแบบของพระพุทธเจ้า. นอกจากจะพาไปถึงอรหันต์นั้น ยังสามารถ หาคำตอบของผลลัพธุ์ ที่มีต้นเหตุได้. แม้กระทั้งพระที่คุณปรามาสว่าทำพระเครื่องนั้นมรฯะภาพแล้วไปที่ใหนบ้างคุณก็จะรู้...เรื่องของเรื่องคุณจะตกใจในเรื่องของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ว่า....จะไปอยู่ชั้นลึก..( อันนี้พิสูจน์เอาเองนะครับไม่ต้องเชื่อผม ) ศาสนาพุทธละเอียดมากๆ มสกกว่าที่คุณเข้าใจ. ส่วนผม ทำเฟสธรรมะ และ ส่งเสริม การศึกษาพระกรามฐาน40และ พระปริยัติ...กรรมฐานเน้นให้ถึง นรกสวรรค์พรหมและ. นิ...าน. เลย...ไม่ทำเล่นๆ. ......ผมจะให้ข้อคิดในคำสอนที่พระพุทธเจ้าเตือนไว้จาก10ข้อ. ให้ อ่านซัก3ข้อ...1 จงอย่าเชื่อพระเขาเป็นครูอาจารย์เรา. 2จงอย่าเชื่อเพราะฟังตามๆกันมา. 3. จงอย่าเชื่อในตำรา....3ข้อนี้มีเหตุผลที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้จาก10ข้อ. ไปลองพิจรณาดูครับ.
ดีครับ มุ่งสร้างความเข้าใจ และ มุ่งเอาคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไปเผ่ยแพร่ให้สัตว์โลกได้เข้าถึงพระธรรม" มีผิดมีพลาดได้ แต่อยู่ที่เจตนา"และขอกราบขอพระคุณพระอาจารย์ ที่มาให้คำแนะนำ และ กราบขอบคุณอ. เบียร์ ที่ทำให้มีคนได้ตื่นธรรม ได้เข้ามาสนใจธรรม แล้วนำไปใช้ในชีวิต
ของอาจารย์สมบูรณ์ เอาไว้สอบ ยึดไว้เป็นหลักการ ไว้บนหิ้ง น่าเบื่อมานั่งอ่านไม่พูดเป็นไปแบบอัตโนมัติ เจออุปสรรคในชีวิตจริงดึงมาใช้ไม่ทัน ของอาจารย์เบียร์สอนแบบใช้ในชีวิตจริงง่ายไม่กรุงรัง ดีคนละแบบ ไม่เสียเงินทองไม่งมงายอ้อนวอน
น้อมกราบพระอาจารย์สมบูรณ์เจ้าค่ะ.กราบๆๆ
สาธุ ครับ
อานนท์ ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ ...เป็นอยู่ (อยู่ด้วยสติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม) -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๑๖/๗๓๗ อุตส่าห์ติดตามฟังธรรม หมดเพราะเดรัจฉานวิชา..สาธุๆๆครับ
หมดกัน ฟังดูแล้วย้อนแย้งเหมือนกันนะ บทใหญ่บอกไว้ชัดเจน แต่บทย่อยกลับแย้งกับบทใหญ่มันไม่ใช่อะ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม และกรรมคือการกระทำไม่ใช้ผลลัพธิ์ ถ้าการสวดร้องขอสำเร็จได้ ทุกอย่างบนโลกนี้ก็ไม่ต้องมีกรรมแล้วสิ หากปลายทางคือการละ แต่ต้นทางสอนให้ยึดมันไม่ใช่อะ ย้อนแย้ง
@@dowai2611ไปปฏิบัติให้ถึงจะรู้แจ้งค่ะ
อย่าเพิ่งเชื่อ ฟังกาลามสูตร จากพระพุทธเจ้า10ประการก่อนอย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลืออย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำราอย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกันอย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
ถ้าจะตีความสุดโต่งแบบที่คุณยกมาแย้ง"..จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสระณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ.." ก็ต้องไม่เอาแม้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะด้วยนะ
@@dowai2611 ถ้าจะยกเรื่องพรหมชาลสูตรตามที่สำนักคึกชอบอ้าง ก็ขอบอกว่า ไปหัดอ่านภาษาไทยให้แตกก่อนจะตีความในพรหมชาลสูตร กล่าวว่า " เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยการ....." คือ ไม่ประกอบเป็นอาชีพ ( ไม่เรียกรับค่าตอบแทน ) คือทำเพื่อเมตตาสงเคราะห์คนได้ แต่สำนักคืกก็มักอ้างว่า ถ้าทำน้ำมนต์แล้วชาวบ้านถวายภัตตาหารให้ ก็ถือเป็นการเลี้ยงชีพแล้ว..นี่แหละหนออ่านภาษาไทยยังไม่แตก..ก็ตีความกันมั่วแล้ว
กราบพระอาจารย์ที่แสดงธรรมให้สติ...สาธุ❤
อะไรถูก ผิด ก็แล้วแต่ แต่ ที่รู้พระพุทธองค์ สอนให้พึ่งตนพึ่งธรรม แสวงหาทางพ้นทุกข์ ใช้ชีวิตประจำวัน อย่างมีเหตุมีผล ถือศีล 5 เป็นกิจวัตร พอแล้วสาธุ
@@ทิวากรอินพูลวงศ์-ล5ฒ การใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้ จะพึ่งตนพึ่งธรรมอย่างเดียวมันยาก...
คนที่ยังอ่อนแอกำลังน้อยก็ยังต้องพึ่งคนอื่นด้วย,พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าลึกซึ้งมาก,มีหลากหลายมิติทั้งสอนฆราวาสทั้งสอนภิกษุ,เราถ้านับถือพุทธจริงควรประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
@เตือนใจอาถนา ไม่หรอกครับ ถึงคนที่มีกำลังมาก ยังไงก็ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง..นอกซะจากว่าคุณอยู่ในโลกนี้คนเดียว จนกระทั่งตาย ต้องให้สัปปะเหร่อเผาศพให้..
@@เตือนใจอาถนา คนที่มีกำลังเยอะยังต้องพึ่งพาอาศัยกันกับคนมีกำลังน้อยเลยครับคุณ เว้นแต่คุณจะปลีกตัวไปอยู่ป่า....ขนาดไปอยู่ป่ายังต้องพึ่งพาอาศัยป่าเลยครับ ยิ่งลึกซึ้งในธรรมและทำถึงจริง ๆ ยิ่งเข้าใจระบบใหญ่ของโลกครับ คุณไม่มีทางนั่งปิดประตูอยู่ในห้องคนเดียวและเข้านิพพานได้ครับ
@@Ingg47 พึ่งตนพึ่ง ธรรมะ เป็นแบบนี้ค่ะพระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ให้รู้ตามว่ามีอยู่นะ สังขตธรรม คุณสมบัติ เกิดปรากฏ เสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ มีเกิด มีเสื่อม มีดับ เป็นอนัตตามี นรก มี กำเนิดเดรัจฉาน มี เปรตวิสัย มี มนุษย์ มี เทวดามี กามภพ มี รูปภพ มี อรูปภพ กามภพ นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย เกิดปรากฏขึ้นมา คือ การเจริญ อกุศลกรรมบถสิบ เป็นการกระทำทาง กาย วาจา ใจเป็นการกระทำทาง กาย 3 ฆ่า ขโมย ประพฤติผิดในกาม เป็นการกระทำทาง วาจา4 พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อเป็นการกระทำทาง ใจ 3 โลภเพ่งเล็งอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น พยาบาท มี มิจฉาทิฏฐิเมื่อเจริญ อกุศลกรรมบถสิบ กามภพ เกิดปรากฏขึ้นมา เป็น ทุคติ มี นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย กรรมดำ มี วิบากดำ
ท่านพูดได้ถูกต้องที่สุด ตามบาลีทุกประการ ผู้ที่ศึกษาพระบาลีกับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาแตกต่างกันจริงๆ
อาตมาก็จบเปรียญ ๗ เห็นว่าน้ำมนต์เป็นเดรัชฉานวิชา
@@BnncomseBsigskดีแล้วที่ลาสิกขาออกมา อย่าอยู่เพื่อสร้างความเข้าใจผิดจากความไม่รู้อีกเลย ตนยังเข้าใจผิดจะสอนสิ่งที่ถูกให้ใครได้
ใครจะเชื่อในการเอาน้ำมาทำเป็นมงคลหรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เชื่อไปเถอะ ใครจะเก่งแปลบาลีเป็นไทยหรือเข้าใจพุทธศาสตร์แค่ไหน แต่ผมเชื่อในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า หลักอริยสัจ 4 มรรคมีองค์ 8 การฝึกตนอานาปานสติ
@@jaya3037 ฝึกไปสิครับ มาพิมพ์ประกาศบอกใครตรงนี้ คนฝึกจริงๆไม่มาประกาศหรอกนะ
@@ฟิตเรียลสไตล์ พิมพ์ของผมครับไม่ได้บอกไผ
ผมฟังธรรมะได้เพราะอาจารย์เบียร์ ปกติผมไม่สามารถฟังธรรมแบบนี้ได้ ตอนนี้เข้าใจมากขึ้นเมื่อฟังพระธรรมเทศนาสอนธรรมะ ผมสาธุครับ
ขออนุโมทนาสาธุครับพระอาจารย์ ผู้รู้ธรรมจริงจะสงบ เช่นพระอาจารย์กล่าวครับ คนที่รู้ปูๆปลาๆ ก็ชอบอวดธรรม ขอบคุณพระอาจารย์ที่มากล่าวให้คนมืดอยู่ให้สว่างครับผม
อ.เบียร์ทำให้คนหนุมสาว วัยรุ่นหันมาสนใจศาสนา....แม้แต่ต่างศาสนายังหันมาสนใจสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้
@@Channel-pt8yo อย่ามาพึ่งพูดว่าหนุมสาวหันมาฟังไอ้....ธรรมมะมาแต่สมัยไหน...วันสำคัญทางพุทธศาสนาเห็นสาวเข้าวัดมากมาย...ทำไมเขาไม่เอามาพูดมาแสดง....
@chanon7051 โธ่นั่นมันแค่เข้าไปตามทำเนียมเฉพาะวันสำคัญพอวันสำคัญผ่านพ้นหนุ่มสาวเข้าวัดกันมั้ยละ สนใจถามธรรมะกันมั้ย เห็น อ.เบียร์นี่แหละที่คนออกมาสนใจกันไลฟ์สดกันคนฟังก็สนใจกันมากบางคนไม่เคยไปวัดเลยก็มาฟังกัน ต่างกันเลยอะ พวกมือไม่พายนั่นแหละมาต่อต้านด่าว่า...
พระอริยะเจ้าหลายองค์ก้สอนนะ แต่คนมันโง่ไม่ฟังเอง...ปุ่มั่น ปุ่ชา....
@@Channel-pt8yoผมก็เข้าวัดฟังธรรมอยู่ครับ และเพื่อนๆรุ่นเดียวกันก็สนใจเช่นกันและมีคนอีกมากมายที่สนใจในธรรม จะไปสนใจคำพูดที่ถูกกิเลสของคนๆนึงมาพูดให้ถูกใจแล้วมาหันเขาวัดหรือเข้ามาปฏิบัติธรรมก็หาไม่ ในโลกนี้มีอะไรอีกมากที่คนธรรมดาๆยังไม่รู้ไม่เห็นครับ
@piyaphonanan7430 บางเรื่องบางกรณี ผมก็ไม่อยากให้เอาตัวเราเป็นมาตรฐานครับผม เพราะคนเข้าถึงธรรม หันมาสนใจศาสนามีหนทางเข้าถึงแตกต่างกัน สาธุครับ
สาธุๆฟังธรรมของพระพุทธเจ้าจากอ.เบียร์เข้าใจง่าย มีความรู้ทางธรรมดีขึ้น เมื่ออ.เบียร์พูดผิด หรือพระรูปใดสาธยายพุทธวนัยผิด ก็ได้ฟังพระอ.สมบูรณ์ให้กระจ่างถูกต้องยิ่งขึ้น สาธุๆๆที่ทำให้อวิชชาเบาบาง🎉🎉
ดีตรงไหนครับ ไหนคนตื่นธรรมบอกว่างมงายไม่ใช่หรือครับ
กราบสาธุๆๆจ้าว ทุกวันนี้ก้อขอขอบคุณอาจารย์เบียร์มากๆจ้าวที่ได้ออกมาสอนธรรมมะให้คนและพระพิสุกสงฆ์ได้ตื่นจากการนอนลับลัยได้ตื่นรู้ไดีออกมาแสดงความคิดเห็นขอขอบคุณพระอาจารย์ที่ได่ออกมาแสดงความคิดเห็นจ้าวและขอขอบคุณอาจารย์เบียร์มากๆที่ได้ออกมาเอาคําสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนให้ผู้คนได้ตื่นและใช้ชีวิตได้ง่ายจ้าวอาจารย์เบียร์บรรยายธรรมมะไม่เคยลบลูครูบาอาจารย์ที่ฟังมาจ้าว ขอให้ทุกๆท่านฟังอาจารย์เบียร์แล้วขอให้ตีความหมายให้ถูกจ้าว
ภิกษุท่านตื่นมานานแล้วภิกษุท่านสอนธรรมะมานานแล้ว คนก็เรียนรู้มานานแล้วเปรียบครูดนตรีที่บรรเลงมานาน แฟนเพลงก็มีมานานมีวันหนึ่ง มีคนเอากะลามาเคาะ,เอาปี๊บมาตีดังสนั่นพวกที่เคยหูหนวกก็เลยพอจะได้ยินเสียงแว่วๆกันบ้างพอครูดนตรีมาติงว่าเขาตีมั่วพวกหูหนวกทั้งหลายก็พาลด่าว่าครูดนตรีไม่เคยบรรเลง..แล้วยังมาขวางพวกเคาะกะลาตีปี๊บอันไพเราะของพวกตนอีก
กราบพระอาจารย์มหาสมบูรณ์ ด้วยภูมิความรู้ ปธ.8 สาธยายพระไตรปิฎกให้ฟัง ในนาทีที่ 16.40 สนฺติกมฺมํ ที่แปลกันผิดๆ จึงทำให้รู้ว่าการที่ปล่อยให้คนบวช 2 พรรษาที่ไม่รู้บาลีออกมาตั้งสำนักแปลบาลีกลางทุ่งนาและตีพิมพ์หนังสือฉบับตัดตอนพระไตรปิฎกออกมาขาย จนทำให้เกิดปัญหาที่เราเห็นทุกวันนี้
จริงครับ 😊
@@lovechanel7029บาลีเก่งแล้วยังไงหรอครับ ยังไงน้ำมนต์ ก็คือ น้ำเปล่านั่นล่ะ มองเห็นความเป็นจริงก่อน ก่อนจะมองลึกในพระไตร
@@สันติเที่ยงสัมพันธ์-ศ5ดคุณฟังไม่รู้เรื่องหรอว่ามันเป็นความเชื่อของบุคคล
@@ตาธงคําลาง 555พอแบบนี้บอกเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ..
ชัดแจ้งครับ กราบสาธุพระอาจารย์ครับ
อ.เบียร์รู้ไม่มาก แต่ทำประโยชน์มาก ทำให้ผู้คนมากมายตื่นในธรรมของพระพุทธ์เจ้า
รู้ไม่มาก อืม ได้เสี้ยวเขาป่าว ทำอวดดี อ จ เบียร์ ทำให้ทั่วประเทศ ตื่นรู้ ต่อจากพระอ จ_ กฤ รู้เท่ามด อวดดี ทำไปว่าเขา ถถถ ค
คนรู้มากกว่า แต่ทำประโยชน์น้อย what the duck😂
@@ChanY21you drunk 😀
สาธุ สาธุ พาคนหลงให้สว่างจากมืดบอด
รู้ไม่มาก. ก็ไม่ควรพูดมาก. ควรพูดเท่าที่รู้
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงเจ้าค่ะดิฉันเคยสวดพระปริตรและทิ้งไปนานเพราะคิดว่าคนละสมัยกัน มาเน้นสวดพระสูตร ต่อไปนี้ก็จะขออารธนาพระปริตรเพื่อเป็นมลคลชีวิตรเจ้าค่ะขอน้อมกราบพระอาจารย์ค่ะ สาธุค่ะ
แจ่มแจ้งครับสาธุครับ
จะมีกี่เล่ม ศึกษาจนครบ แต่ถ้าไม่ออกมาเผยแผ่ อบรม ก็เท่านั้น เก่งกันจริง หลังจากคนตื่นธรรมมาอบรมสั่งสอน ติติงว่าสอนถูกบ้างไม่ถูกบ้าง เมื่อก่อนก็ไม่รู้ทำไรกันอยู่
เค้ามีคนสอนมานานแล้ว แต่เค้าไม่บ้าโซเชียล ไม่ออกสื่อ
เมื่อก่อนฝึกปฏิบัติอยู่ที่วัดเทศน์อยู่ที่วัดแต่มีคนมาสอนถูกบ้างผิดบ้างก็เลยออกมาเตือนสติว่าของจริงๆของแท้มันเป็นแบบไหนส่วนคนตื่นทำนั้นอ่านจากพุทธวจนพุทธวจนเป็นของคึกฤทธิ์ที่สร้างขึ้นมาตั้งขึ้นมาเองโดยพระไม่ดีองค์แต่พระไตรปิฎกนั้นสังคายนามาจากพระอรหันต์500 รูปโดยมีพระโมคคัลลาพระสารีบุตรพระสาวกของพระพุทธเจ้าอยู่ด้วย
ช่องทางที่คุณกำลังรับชม และแสดงความคิดเห็นนี้ ก็คือวิธีการเผยแพร่นะ แต่พอดีสื่อใหญ่เขาไม่เอาไปออกแต่นั้นเอง คนตื่นธรรมพูดถึง คุณเลยพึ่งเข้ามาฟังแม่นนนบ่อ
พระพุทธเจ้าพูดหยาบคายไหม ในการสอนธรรม คิดแค่นี้พอ เราสอนธรรมะ เราไช้หลักวาจา ที่พระพุทธเจ้าสอนหรือไม่
@@payo007able ก็นั้นไง ยุคนี้มันยุคโซเชียล เจ้าถึงง่าย แล้วทำไม ไม่สอนแบบบ้าโซเชียลกันบ้างละ ทั้งที่ประโยชน์การเผยแพร่ธรรม ก็เห็นอยู่จากอุปกรณ์ โซเชียล ทีอย่างงี้ พึ่งจะมาบ้าโซเชียลสอนกัน เป็นคำถามว่า หายไปไหนกัน ช่องทางสอนธรรมก็เห็นอยู่ เข้าถึงง่ายไม่ต้องเสาะหาให้ยาก แล้วถ้าสอนธรรมถูกต้องกันมาเนินนาน แล้วทำไมไม่ดังเป็นกระแสแบบนี้ มันขึ้นกับวิธีการสอนให้น่าสนใจหรือเปล่า
พระ อ.คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง บอกสอนมาก่อนกาลแล้ว สาธุครับ❤❤❤
ตัวผมเองนับถือ พระอาจารย์ทางอีสานรูปหนึ่ง ฟังธรรมที่ท่านสอนแล้วเข้าใจง่าย ก่อนท่านบวชท่านเคยสอนศาสนาคริสต์ ท่านเคยทำงานมีรายได้สูงท่านผ่านชีวิตฆราวาสแบบสุดมาก่อน คำบันทึกที่ว่าพระสารีบุตรฉลาด ผมมองท่านเช่นนั้นเลย ภาษาอังกฤษภาษาบาลี ภาษาลาว คำสอนในพระไตรปิฎกท่านบอกได้เล่มไหนหน้าใด สติปัญญาท่านดีมากแต่ปัจจุบันท่านเทศสอนไม่ได้แล้ว แต่ท่านยังมีชีวิตอยู่
พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
@@วิชาญหนูกัน😊ใช้ครับ ถือว่ากว้างอยู่นะที่ผมกล่าวไปแต่ท่านก็รู้
แต่ถ้าคิดตามความเป็นจริงแล้ว น้ำมนต์ก็แค่น้ำ ทุกอย่างอยู่การกระทำของตัวเราเองทั้งนั้น
มันก็ไม่ทั่หมดหรอกครับ. ธรรมะ มีอยู่. อยู่เป็นคู่. เช่น เครื่อวอยู่ และ เครื่องทำลาย. อุปมาเหมือน. มีลูกปืน. ก็ย่อม. ต้องมี. เกาะกันลูกปืน. ไม่งั่น มันไปในโลกไม่ได้.
รับน้ำมนต์จากพระสงฆ์แล้วพอใจอิ่มใจสบายใจก็ไม่เห็นเป็นไร...ความพอใจของแต่ล่ะคนก็เป็นบุญแก่ตนเอง....
@@chanon7051 ก็เป็นมิจฉาทิฐิไง เชื่อว่ารับน้ำจากคนนั้นแล้วจะทำให้ตัวเองสบายใจ เป็นต้น ทั้งที่ตัวเองต้องทำให้ตัวเองสบายใจแท้ๆ ถ้าให้ลึกลงกว่านั้น คือความไม่สบายใจเดี๋ยวมันก็หายไป เพราะมันเป็นอนิจจัง ถึงไม่มีน้ำมนต์มันก็ต้องหายไปอยู่ดี แล้วคุณก็สบายใจเองสักครั้ง แล้วก็ต้องทุกข์ใจอีกเหมือนเดิม😂😂😂 เพราะไม่มีอะไรที่จะเป็นไปในทางเดียวตลอดเวลา
ใช่ พระพุทธเจ้าบอกเอง กรรมสุขหรือทุกข์ไม่มีดลบรรดาล ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วน้ำมนต์ มาได้ยังไง ขัดแย้งกับคำสอน พระพุทธเจ้าเอง
ไปดูผลทางวิทยาศาสตร์นะ
เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์เบียร์ถึงอยากจะไปขอกราบพระองนี้ ท่านตั้งใจศึกษาพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง รู้อย่างลึกซึ้งว่าแต่ละฉบับมีความแตกต่างกันอย่างไรสรุปว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงอนุญาต ให้สาธยายพระปริตร จึงเป็นอันไม่ควรเลยที่จะไปตำหนิต่อว่าพระที่สาธยายพระปริตรอย่างรุนแรงหลังจากฟังมากๆ จึงได้ทราบว่าหนังสือพุทธวจนะ มีการเขียนที่ผิดพลาดหลายจุดมาก หากจะใช้เป็นหนังสือเพื่ออ่านธรรมะฉบับย่อ เพราะไม่มีเวลาอ่านฉบับเต็ม อันนั้นก็ดีอยู่ แต่ถ้าจะใช้เป็นอาวุธฟาดฟันล้มล้างพระไตรปิฎกทั้งฉบับ อันนี้ก็ไม่ควร เท่าที่สังเกตมา อาจารย์เบียร์จะมีความประพฤติระมัดระวังต่อพระเป็นอย่างมาก แม้จะมีการถกกับพระปีนเสาในรายการโหนกระแส แต่ตอนจบรายการก็ยังมีการถวายของและก้มลงไปกราบที่เท้าท่าน เป็นแบบอย่างที่ดีที่ชาวพุทธพึงกระทำตาม fc ของอาจารย์เบียร์จึงควรกระทำตาม ไม่ควรไปกระทำอะไรรุนแรง ไม่ว่าจะทางกายวาจาใจพระมหาสมบูรณ์รูปนี้ อาจารย์เบียก็ต้องการเข้าไปกราบ เป็นแบบอย่างอันดีให้ชาวพุทธ ดังนั้น fc ของอาจารย์เบียร์ ก็ควรจะทำใจเปิดรับเหมือนกับที่อาจารย์เบียร์ได้กระทำ(ที่ว่าอาจารย์เบียร์อยากเข้าไปกราบ อ้างอิงจากคลิปนี้เลยครับ th-cam.com/video/cvIce348T4I/w-d-xo.htmlsi=GdD34CqIkxjoy5BF)
อยากให้มีเวที ในการถกกันเรื่องพระไตรปิฎกตรงไหนถูก ตรงไหนผิด ที่เข้าใจผิดผิดอย่างไร?? ที่ถูก ถูกอย่างไร ฆราวาส จะได้ประโยชน์
@@pongpanklommuang5948 จริงครับ อยากให้ถกว่า หนังสือพุทธวจนะที่ทำโดยวัดนาป่าพง ผิดที่ใดบ้าง โดยผู้รู้ลึกมาถกกันอย่างมีมารยาท แบบที่พระอาจารย์สมบูรณ์ท่านเสนอมาหลายตอนแล้วครับ
@@ภาณุชัยเริงสุขพิพัฒนะลองเเล้วครับอลัชชีคึกฤทธิ์ไม่ยอมออกมาคุย
กราบพระอาจารย์โยมขอเอสแค่อริยสี่และมรรคมีองค์แปดพึ่งตนพึ่งธรรมก็พอแล้วเจ้าค่ะ ยุคปัจจุบันพระสงฆ์ทำผิดเยอะเหลือเกิน พอมาฟังพุทธวจนแล้วจิตสงบเจ้าค่ะ กราบสาธุ
มากกว่า30ล้านคนไม่สนว่าจะกี่เล่ม มันไกลเกินกว่า เค้าจะสนใจไปหาอ่านแต่ตอนนี้มีฆราวาสมาสอนธรรมแบบฟังรู้เรื่องเข้าใจให้อยู่กับปัจจุบันแบบไม่งมงายไม่ผิดศิลธรรมก็ต้องชมเค้า
ฆราวาสสอนธรรม(เรียนมาไม่มาก) กับพระที่ท่านทรงพระปริยัติศึกษามามากสอนธรรมควรจะเชื่อใคร
ท
ฟังจากพระก็มึนตืบเลยตู...55555
สอน อธิบาย แบบพระ คนไทยไม่เข้าใจหรอกครับ
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี 😇😇😇
ฟังแล้วน่าเบื่อ พูดแต่ภาษาบาลี ไม่ต้องพูดบาลีก็ได้ พูดให้เข้าใจเลย นี่แหล่ะเข้าวัดไปก็แค่นั้น ไม่เข้าใจ
@@lekkiclarke6149คนสอนที่เก่งและฉลาด ต้องฉลาดในการสอนทำให้คนไม่รู้ รู้เข้าใจและฉลาดขึ้น พระพุทธเจ้าทรงเป็นบรมครู สาธุ
ทำไมท่านถึงยกภาษาบาลีมารู้ไหมครับเพื่อจะให้คุณรู้ไงว่าเอามาจากพุทธวจนจริงๆไม่ใช่แค่พูดเอาเองโดยไม่มีหลักฐาน@@story8147
ต้องขอบพระคุณวัดนาป่าพง ที่ทำให้เกิดความสนใจเนื้อหาตามคำสอนแท้ในฉบับบาลีสยามรัฐ ผมเองเข้าใจคำสอนตามหลักก็เพราะวัดนาป่าพง นี่แหละ
แปลเอง แปลเป็นหรอ หรือเอามาจากที่พระอรรถกถาแปลไว้ ขำจริง
@@บาลี5nuunengdj อรรถกถาคำแต่งใหม่ไร่สาระ
@@fnmydn ไม่ใช้ อรรถกถา แปลได้ไหมครับ ไหนแปลประโยคนี้ โดยใช้สำนวนของคุณเอง ห้ามใช้สำนวนของพระอรรถกถาจารย์ ให้ดูหน่อยครับ" สพฺพํ ภิกฺขเว อาทิตฺตํ กิญฺจ ภิกฺขเว สพฺพํ อาทิตฺตํ จกฺขุํ ภิกฺขเว อาทิตฺตํ รูปา อาทิตฺตา จกฺขุวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ จกฺขุสมฺผสฺโส อาทิตฺโต ยมฺปิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ อาทิตฺตํ เกน อาทิตฺตํ อาทิตฺตํ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ ชาติยา ชรามรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺตนฺติ วทามิ ฯ แปลให้ดูหน่อยครับ ใช้สำนวนของคุณนะ
โง่อีกตัวโผล่มาละ.
ต้องหนองป่าพรงของหลวงพ่อชาตรงตามพระไตรปิฎก
ภิกษุรู้มากประโยชน์น้อย = รู้เรื่องไม่ประกอยด้วยประโยชน์ภิกษุรู้น้อยประโยชน์มาก = รู้คำสอนพระพุทธเจ้าเช่น ภิกษุรูปหนึ่ง ศึกษาหาสิ่งไดพระพุทธเจ้าห้าม สิ่งไดพระพุทธเจ้าไม่ห้าม อายุ มนุษย์ 100 ปีคงไม่พอ(รู้เยอะประโยชน์น้อย)ส่วนภิกษุรูปหนึ่ง ศึกษาหาว่าสิ่งไดที่พระพุทธเจ้าตรัสให้ศึกษาให้ตั้งใจทำอย่างนี้อย่างนี้ว่าเป็นสิ่งที่ควรศึกษาเล่าเรียน (รู้น้อยประโยชน์มาก)#เรื่องพระพุทธเจ้าทำน้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่ ด้วยเหตุที่ว่าขัดกับพระสูตร "ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้เว้นขาดจากเดรัฉานวิชาเห็นโทษปานนั้นอยู่"และอีกหลายพระสูตร หลักใหญ่ๆคือพระองค์ตรัส สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ถ้าพระพุทธเจ้าลดน้ำมนต์งั้นสัตว์โลกก็เป็นไปตามน้ำมนต์สิ มันขัดกัน พระองค์จึงตรัสไว้อีกว่า ได้ฟังอะไรมาแล้ว พึงอย่ารับรอง อย่าคัดค้าน ให้เอามาเทียบกับคำสอนว่ามันเข้ากันได้ลงกันได้มั้ย ถ้าเข้ากันได้แสดงว่าภิกษุจำมาถูก แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ลงกันไม่ได้แปลว่าภิกษุจำมาผิด หรือท่านทั้งหลายพิจราณาดู ประโยชอะไรด้วยน้ำจะทำอะไรเราได้😊 เหลืออีก3ธาตุนะอย่าลืม เป่าลม ซัดดิน บูชาไฟ น่านเข้าหมดเลย ของศาสนาพราหมชัดพอมั้ย😊
อนุโมทนาสาธุครับ
แตกฉานดีแท้ นี่สินะที่เรียกว่า เนื้อนาบุญของแท้ ขอกราบนมัสการ พระสมบูรณ์ครับ
การทำน้ำมนต์ คือการ ช่วยเหลือคน คือสายขาว ส่วน เดรัจฉานวิชาคือ เอาไว้ทำร้าย คน จุดมุ่งหมายต่างกัน ชัดเจน เพราะฉะนั้นการทำ น้ำมนต์จึงไม่ใช่ เดรัจฉานวิชา แต่เป็นสิ่งช่วยเหลือคน
ขาวไงคะ?ถ้าเชื่อว่าทำให้เราหมดเคราะห์ หายจากโรคก็แย้งคำสอนที่ทรงตรัสว่า"สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" สิบสองพระสูตรห้ามพระทำแต่เกิดโรคห่าพระอานนท์ เอาน้ำมนต์ไปพรมทั่ว มหานคร อันนี้ม่ใช่ คำมันแต่งใหม่นะคะถ้าไป ดูสิบพระสูตร ทรงตรัสว่า คำพูดท่านไม่ ขัดแย้งกันเป็นอื่น เข้ากันได้เหมือนน้ำนมกับน้ำพระองค์ทรงตรัสว่า "สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" กรรมทางกาย ทางวาจา ทาง ใจ(ความคิด) ของเราเอง งั้นน้ำมนต์มาบันดาลให้หายป่วยได้ขัดแย้งเต็มๆ ไม่มีใครมาดลบันดาลได้
ชัดเจนคับหลวงพ่ออ่านตามพระไตรปิฎก
คำสอนของพระพุทธเจ้าสอดรับไม่ขัดแย้งกันไม่ใช่หรอครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่ไปหลงงมงายในไสยศาสตร์ แล้วการรดน้ำมนต์ช่วยในเรื่องอะไรหรอครับ ถ้าบอกว่าช่วยได้นี่ขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยนะครับ
เล่มที่พระมหาเอามาอ่านให้ฟังในคลิปนี้แหละครับที่ขัดแย้งกับอีก 13 พระสูตร
@@tranceprogressive8414อย่าเพ้อเจ้อไปเอามาเเจงสิว่าผิดอะไรในพระวินัยมึงไม่นับด้วยละมึงเอาเเค่พระสูตรอย่ามาปัญญาอ่อน
พระรูปนี้ก็คงมาผิดทาง อีกเเล้วละ หนทางไปเมืองราชคฤห์ก็ยังตั้งอยู่ พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอก
@@หยอยหยอย-ฤ5ป เพ้อเจ้ออย่ามาพูดเเบบสมองกลวง
อ่านนะครับแล้วจะเข้าใจว่าพระก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง น้ำมนต์ ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีทั้งส่วนที่ปรากฏในคัมภีร์โบราณและส่วนที่พัฒนาขึ้นใหม่ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนพุทธในยุคหลัง ดังนั้นคำถามว่า "น้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่หรือไม่" อาจต้องพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางวัฒนธรรม1. ในพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณคำว่า "น้ำมนต์" หรือการใช้น้ำในพิธีกรรม ไม่ได้ปรากฏอย่างตรงตัว ในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าในยุคต้น ๆ แต่มีการกล่าวถึง น้ำ ในฐานะสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการชำระล้างจิตใจ เช่น การใช้ในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคล เช่น การเจริญพระปริตร (บทสวดที่มีพลังเป็นมงคล) อาจเกี่ยวโยงกับน้ำมนต์ในภายหลัง2. น้ำมนต์ในฐานะวัฒนธรรมที่พัฒนาในยุคหลังการใช้น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา อาจได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮินดูและความเชื่อพื้นบ้าน ที่ใช้น้ำในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคลและการขจัดเคราะห์ร้ายเมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว หรือกัมพูชา ประเพณีการใช้น้ำมนต์ได้ถูกนำมา ปรับให้สอดคล้องกับวิถีพุทธ เช่น การสวดมนต์เจริญพระปริตร และการปลุกเสกน้ำมนต์3. คำว่า "น้ำมนต์" แต่งใหม่หรือไม่?คำว่า "น้ำมนต์" อาจไม่ได้เป็นคำดั้งเดิมจากพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล แต่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นในภายหลังเพื่อเรียกน้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พุทธศาสนาประยุกต์ ที่พัฒนามาจากการผสมผสานศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้าน---4. มุมมองทางธรรมะพระพุทธเจ้าสอนว่า "การชำระล้างที่แท้จริงอยู่ที่การชำระจิตใจ" ผ่านการปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการกระทำกรรมดี การใช้น้ำมนต์ในปัจจุบันจึงเป็น ส่วนเสริมทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้พุทธศาสนิกชนเกิดความมั่นคงในจิตใจ ไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน---สรุปน้ำมนต์ อาจถือได้ว่าเป็นคำและแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ในบริบทของพระพุทธศาสนา แต่ยังคงยึดโยงกับความเชื่อในพลังแห่งธรรมะและการสวดมนต์เพื่อความเป็นมงคล น้ำมนต์ไม่ใช่แก่นของคำสอน แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างศรัทธาและความสงบทางใจในมิติของวัฒนธรรม.
พระพุทธเจ้าอนุญาติให้ทำน้ำพระพุทธมนต์ได้ ด้ายมงคลก็สามารถทำได้ สมัยพุทธกาล ด้าย ฟ้ายเป็นของหายาก เมื่อกาลเวลาผ่านมา ครูบาอาจารย์ก็มีวัตถุดิบมากจึงทำ ผ้ายันต์ได้ พิรอดแขน มงคล ตะกรุด แต่ล้วนแล้วสร้างให้จากความเมตตาทั้งนั้น เช่นพระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านทราบไหมว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ท่านก็ทราบ แต่ท่านก็ทำให้ชาวบ้านบางระจัน...สิ่งเหล่านี้ เราจะยัดข้อหาโบราณจารย์เป็น พระสงค์นอกรีดหรือ เป็นพระไม่ดีหรือ ชาติไทยตั้งมาได้เพราะศรัทธา หากชาวพุทธขาดศรัทธาแล้ว รับรองศาสนาเสื่อมแน่
พระสงฆ์ปัจจุบันถึงเป็นกันแบบนี้ไงครับ มีเทพเจ้ากันเต็มวัด เพราะเราไปเกรงใจพระสงฆ์ แต่เราไม่เกรงใจ พระพุทธเจ้า
ท่านพระมหามาชี้แนะแนวทางในการศึกษา หรือออกมาตัดสินว่าพระรูปนั้นสอนผิด รูปนั้นสอนถูก หรือว่าท่านบัญญัติคำสอนเอง ถึงรู้ใครผิดใครถูก ทุกคนใช้ความคิดตนตัดสินทั้งนั้น จบป.ธ.เก้าก็เยอะ แต่ท่านเหล่านั้นไม่กล้าชี้ผิดชี้ถูกขนาดนี้ ขออนุโมทนาครับ
ท่านคึกฤทธิ์ก็ตัดสินคนอื่นแบบนี้ ไอ้เบียร์ก็ตัดสินพระแบบนี้ สรุปแล้วคุณจะให้เป็นแบบไหน
@@sutthiphanbuanphirom534 พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติ พระธรรม พระธรรมวินัย ไว้ให้รู้ตามถ้า อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาสัทธานุสารี เกิดปรากฏขึ้นมานั่นคือถูกต้อง เพราะว่าเป็น เส้นทางสู่ นิพพาน คือ อริยมรรคมีองค์แปดถ้า นิวรณ์ทั้งห้า เกิดปรากฏขึ้นมา สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้นมา ก็จะยังคง เวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏ นั่นเองค่ะสังโยชน์ คือ เครื่องร้อยรัด
@@sutthiphanbuanphirom534ถูกต้องแน่นอน ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมาถูกต้องแน่นอน ถ้า สัทธานุสารี เกิดปรากฏขึ้นมาไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะว่า นิวรณ์ทั้งห้า เกิดปรากฏขึ้นมาไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะว่า สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้นมา
@@sutthiphanbuanphirom534 เมื่อ เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ถึงจะรู้ว่า ทางนี้ถูกต้องแล้วเจริญสติปัฏฐาน 4 กาย เวทนา จิต ธรรม ด้วยการเจริญอานาปานสติ เพื่อเพ่งพิสูจน์ การเกิดดับของ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ก็จะเห็นการเวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏปฏิจจสมุปบาท สายเกิด เวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏ
น้อมอนุโมทนาสาธุครับพระอาจารย์🙏🙏🙏
เอาแล้วไง...เดรัจฉานวิชชา ที่ควรเรียนก็มีอยู่..พระพุทธเจ้าอนุญาติ นี้ไง.การตีความย้อนแย้งแบบนี้ไง น้ำมนต์ เครื่องรางถึงเต็มเมือง ตามพระสูตรกลองศึกเลย
โนบิตะแก่บวชมาเพื่อสิ่งนี้เพราะของมันดีจริงโนบิตะจีงต้องรักษาไว้
@@Yooth15 ประมาทไปปรามาศคนอื่นไปทั่วทำพลาดไปตอนไหนไม่รู้ตัว รู้ตัวก็ตอนเมื่อสายแล้ว
พระพุทธเจ้าบอก ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน กรรมสุขหรือทุกข์ไม่มีใครดลบรรดาล แล้วมีน้ำมนต์ ได้ไง ทำไมมันขัดแย้ง
@@wonbinphomma9916 ที่ท่านพี่กล่าวมาก็ถูก "ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน กรรมสุขหรือทุกข์ไม่มีใครดลบรรดาล"...พระพุทธเจ้ากล่าวเช่นนั้นน่าจะหมายถึงไม่มีพระเจ้าซึ่งเป็นบุคล ที่มีตัวตนตามความเชื่อของศาสนาอื่นๆ มาคอยดลบันดาลให้เรา นอกจาก กรรม ซึ่งมีบุญและบาป อยู่เบื้องหลังแต่พุทธศาสนา บุญ และบาป งัยครับ ตัวบันดาลให้เราเป็นไปต่างๆ นาๆ สมมุติ พี่เจ็บป่วย การไปพบเจอหมอที่เก่งๆ และดี มีเมตตา ก็เพราะบุญบันดาลให้ได้เช่นนั้น เพราะทุกสิ่งล้วนมีบุญ-บาปสัมพันธ์กันมาในอดีต นับชาติไม่ถ้วนสมมุติ พี่มีบุญสัมพันธ์ในกาลก่อน มากับพระอรหันต์รูปหนึ่ง...และชาติปัจจุบัน มาพบเจอกัน ท่านบรรลุอรหันต์ไปแล้ว แต่พี่ยังเป็นปุธุชนอยู่บังเอิญพี่เจ็บป่วย หรือเป็นเศษกรรมบางอย่างทำให้พี่ไปเจอพวกไสยเวทย์สายดำ ทำให้เจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัว...และไปปรึกษาให้พระอรหันต์ท่านช่วย และด้วยความที่ พี่มีบุญสัมพันธ์ในกาลก่อนกับท่านมา หากท่านเมตตาต่อสัตว์โลก จึงทำการช่วยเหลือเป็นการสงเคราห์สัตว์โลกซึ่งหากท่านรู้ ท่านเห็นว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวพี่ที่ทำให้ป่วย และไม่เกินกรรมของพี่ ที่ท่านจะช่วยได้...ท่านอาจจะทำน้ำพระปริตร ให้พี่ดื่มกินหรือให้วัตถุอะไรสักอย่าง อาจเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กๆก็ได้ มาติดตัวไว้...แล้วพี่อาการดีขึ้น จนหายป่วยครั้งนี้ไปได้...พี่คิดว่า ความสุข ที่ได้กลับคืนมาจากการหายป่วยในครั้งนี้ มีอะไรบันดาลไหมครับ???***ท่านพี่อย่าลืมนะ ผู้สำเร็จ ขั้นฌาน4 ขึ้นไป จนไปถึงขั้นโลกุตตระ ทั้งหมด ล้วนมีคุณวิเศษทั้งสิ้น(ขึ้นอยู่ที่ว่าท่านจะใช้หรือไม่ใช้ตามเหตุปัจัย)ด้วยเหตุนี้งัย พระพุทธเจ้าจึง ตรัสเรื่อง อจินไตย4. ว่าปุธุชน ไม่ควรคิดเพราะจิตเราไปไม่ถึง ซึ่ง อจินไตย4 ข้อที่.2 ก็คือ (ฌานวิสัย) ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้มีฌานสมาบัติ ย่อมทำอะไรที่เกินกว่าวิสัยของปุธุชน ได้เสมอ...แล้วไม่ต้องสงสัยอีกนะครับ ว่าสิ่งที่ท่านทำช่วยเหลือท่านเป็นเดรัจฉานวิชาหรือไม่???ต่อให้เป็นเดรัจฉานวิชา ถ้าท่านรู้ว่าทำแล้วช่วยให้พี่หายป่วยได้ ท่านก็คงทำให้ เพราะพี่มีบุญสัมพันธ์กับท่านมาในอดีต....เพราะคำว่าเดรัจฉานวิชา เป็นแค่ตัวขวางทางมรรคผลนิพพาน..สำหรับผู้ยังไม่บรรลุุมรรคผล...แต่วันนี้จิตท่านบรรลุ อรหัตผล ไปแล้ว จึงไม่มีบุญ-บาป ส่งผลอะไรกับท่านให้มีภพชาติต่อไปอีกแล้ว(ในทางพระอภิธรรม เรียกว่า เป็นเพียงกริยาจิต เท่านั้นที่เกิดกับพระอรหันต์ ไม่มี อกุศลจิต หรือ กุศลจิต เกิดกับท่านอีกต่อไปแล้วแต่ด้วยมีบุญสัมพันธ์กับท่านมา ท่านอาจจะช่วยพี่เป็นการสงเคราะห์สัตว์โลกเพียงเท่านั้น...(หวังว่าพี่จะพอเข้าใจ เรื่องที่สงสัย ได้บ้างนะครับ )....สาธุๆๆๆ🙏❤🙏
น้อมกราบพระอาจารย์สาธูๆคะ
เพื่อนลองใช้สติคิดดีๆครับอย่าพึ่งเชื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีใครบันดาลตัวเรา เราก็บันดาลตัวเองไม่ได้ ทั้งเราและเขาก็บรรดาลไม่ได้สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมพระพุทธเจ้าเคยบอกอีก ว่าหากการอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงใครเล่าจะมีความทุกข์มีความเสื่อมในโลกนี้ แต่พระสงฆ์ทุกวันนี้ทำน้ำมนต์ เพื่อให้คนพ้นโลกภัยพ้นผีพ้นเจ้ากรรมนานเวร แต่พระอาจารย์กับบอกว่าทำน้ำมนต์ได้ถ้าสิ่งนั้นทำให้เป็นศิริมงคลแบบนี้มันขัดแย้งกันไหมครับไหนว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมพระอาจารย์ใช้พระสูตรอถคาถาที่พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ไปตัดน้ำแล้วเอามาพรมในเมืองแต่อถคาถาเรื่องนี้แต่งขึ้นหลังพระพุทธเจ้านิพพานไปเกือบ1,000ปี มันเชื่อถือได้หรอครับ ตกลงใครกันแน่กล่าวตู่คำพระศาสดา
น้ำมนต์ที่พระอานาท์ทำจากบาตรของพระพุทธเจ้าย่อมปราบโรคภัยได้แต่สมัยนี้ทำจากขันหรือบาตรธรรมดาคงจะไปเปรียบเทียบกับสมัยพทธกาลไม่ได้เพราะฉนั้นเราคิดว่าการทำน้ำมนต์สมัยนี้เป็นเดรฉานวิชา แอบอ้างรักษาโรค ไล่ผี ทำให้ร่ำรวย พ้นทุกข์ได้
กาลามสูตร10ประการอย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลืออย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำราอย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกันอย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
มึงบ้าอะไรอรถถกถามีมาตั้งเเต่ยุคที่พระองค์ยังมีพระชนชีพอย่าเสร่อ
คนเขาไม่เข้าใจหรือไม่ต้องการจะเข้าใจผมก้อไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจจขคม นะคำพระศาสดาสอนว่าการทำน้ำมนไม่ได้ แต่พระรูปอื่นอ้าง อรรถกถา ที่แต่งเติมเสริมเข้ามา บางส่วนอธิบายเพิ่มในคำพระศาสดา บางส่วนเพิ่มมาดื้อๆนอกเหนือจากคำพระศาสดาพระที่สอนแต่คำพระศาสดาที่เรียกว่า พุทธวจน บอกว่าสอนผิดเชื่อไม่ได้แต่บอก อรรถกถา ใช้ได้เปรียบเหมือนหนังสือเล่มแรกที่สอนไว้หมดทุกอย่างแล้วถูกต้องสอดรับกันทั้งหมดบอกไม่เอาจะเอาหนังสือที่แต่งเพิ่มจากหนังสือเล่มแรกอีกทีจะเรียกว่า นิยายที่อ้างอิงกับหนังสือเล่มแรกก็ยังได้ที่สุดก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะครับเราทำได้แค่ชี้นำสุดท้ายก็แล้วแต่กรรมแต่ละคนที่เคยสะสมมาว่าจะคิดเชื่อไปในทางใดแต่ถ้าอ้างว่า อรรถกถา ใช้ได้แน่นอนว่ามันจะขัดกับคำศาสดาแน่นอน เพราะคำแต่งใหม่ไม่ใช่คำของพระศาสดาที่สอดรับกันไม่ขัดแย้งกันทุกประการปัญหาของพุทธศาสนาที่ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้นก็มาจาก อรรถกถา นี่แหละทุกวัดจะอ้างตามนี้ว่าทำได้แม้แต่ ฉันเพล ก็ยังอ้างเลยว่าทำได้ทั้งที่ความเป็นจริง พระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัส ก็บอกชัดเจนว่าภิกษุฉันเพียงวันละ 1 มื้อ
@@chompooqdeer3218 เพ้อเจ้อ
เรื่องทํานํ้ามนต์และที่คล้ายคลึงกันแต่เป็นรูบแบบอื่น ขัดแย้งกับกรรมนิยามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน.การกระทำ หรือพิธีกรรมใดก็ช่าง ถ้ายังเนื่องด้วยความเชื่อที่ว่า กรรมและสุขทุกข์เกิดจากใครหรือผู้อื่นบันดาล นั้นแหละ ย้อนแย้งกับคําสอนของพระพุทธเจ้า.ชาวพุทธที่ยังไม่ได้ศึกษาคําสอนของพระพุทธเจ้าจะเข้าใจผิดว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลอะใรได้ ชึ่งตรงกันข้ามกับคําสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนว่า:1. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล2. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากตนเองบันดาล3. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นและตนเองบันดาล4. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆโดยปราศจากเหตุผลเรื่องทํานํ้ามนต์และที่คล้ายคลึงกันแต่เป็นรูบแบบอื่น เป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าคิดว่า กรรม และสุขทุกข์เกิดจากผู้อื่นบันดาล .คติของผู้มีมิจฉาทิฏฐิมิจฉาทิฐิ เป็น ทิฐิวิบัติผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เรากล่าวว่ามีคติเป็น ๒ คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง.---------------------เป็น #วัตตโกตูหลมงคล เป็นมงคลภายนอก ของสมณพราหมณ์เหล่าอื่น ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า คือ เป็นข้อปฎิบัติทางกายทางวาจา ตามความเห็นความเชื่อของชนเหล่าอื่น-----------------------เป็น #สีลลัพพตปรามาส #สีลัพพตุปาทาน เพราะการทําตามหรือยึดถือข้อวัตรข้อปฏิบัติตามฤษีโยคี สมณะพราหมห์เหล่าอื่น ที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า. การเชื่อในเทพเจ้า การเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์… การเชื่อว่ากรรมและสุขทุกข์เกิดจากผู้อื่นบันดาล นี้แหละ จัดเป็น สีลัพพตปรามาส ที่ขวางกั้นมรรคผลนิพพาน. ----------------------------ที่อ้างว่าพระพุทธเจ้าให้พระอานน ทํานํ้ามนต์ เป็นคำแต่งใหม่ ครับคําสอนของพระพุทธเจ้าไม่ขัดแย้งกัน เรื่องารทํานํ้ามนต์ขัดแย้งกับ กรรมนิยาม แย้งกับกฎแห่งกรรม ระบบของกรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้:เราทำกรรมอันใดไว้ เราจักต้องได้รับ(ผล)ของกรรมนั้นสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวและดีต่างกัน.กรรมเปรียบเหมือนก้อนเกลือที่เท่ากัน ถ้าใส่ลงในขันน้ำ ก็เค็มมาก ถ้าใส่ลงในแม่น้ำก็เค็มน้อย.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=6566&Z=6646 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล.การดลบันดาลไม่มีในโลก. เหตุสมปรารถนาคือต้องเป็นผู้มี สัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา.-------------------ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อพิจารณา-ไตร่ตรอง-เทียบเคียงด้วยตนเองไขข้อสงสัย ที่มาของการทํานํ้ามนต์ ที่อ้างมาจากพระสูตร รัตนสูตรfacebook.com/groups/934684070024209/permalink/2589018907924042/ พระสูตร รัตนสูตร นั้นมี ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสไว้จริง แต่ส่วนการทํานํ้ามนต์ พระพุทธเจ้าตรัสไม่ได้ตรัสไว้, ส่วนการทํานํ้ามนต์ เป็นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาที่หลัง เป็นเคําเเต่งไหม่ที่สวนทางกับคำพระพุทธเจ้า พบเห็นในพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เท่านั้น (เรื่องการทํานํ้ามนต์) และ เป็นแค่ในส่วน อรรถกถา เท่านั้น ไม่ไช่ส่วนที่เป็นพุทธวจน (ส่วนที่พระองตรัสเอง หรือรับรองไว้เอง). ถ้าถามว่าแล้วใครแต่งล่ะ คำตอบคือ ระบุรายละเอียดตัวตนไม่ได้ เพราะอ้างว่า “พระโบราณาจารย์ทั้งหลาย พรรณนาไว้”. ยังดีที่ใช่คําว่า “พระโบราณาจารย์ทั้งหลาย พรรณนาไว้” แต่ถ้าใช้คําว่า“ พระพุทธเจ้าตรัสไว้, กล่าวไว้ ” ถือว่า เป็นการกล่าวตู่ พระพุทธเจ้าด้วยถ้อยคำที่ไม่จริง น้้นจะเป็นสิ่งไม่ดี- เป็นบาปกรรม- ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=522&Z=555 ใน พระไตรปิฎก ทั้งสามฉบับอื่น พระไตรปิฎกแปลไทย (ฉบับหลวง, ฉบับมหาจุฬาฯ ) และ พระไตรปิฎกต้นฉบับ (บาลีสยามรัฐ) กล่าวถึง รัตนสูตร เกี่ยวกับ อุดมมงคล ชึ่งไม่มีเรื่อง การทํานํ้ามนต์อะไรนั่นเลย...มีแต่เรื่องแผ่เมตตาปรารถนาดีต่อกัน.แปลกไหม?etipitaka.com/read/thaimm/47/16/
สาธุครับ ชัดเจนแจ่มแจ้ง.
คำว่าบันดาล คือ เชื่อว่ามีได้จากการ ทำพิธีกรรม การถือวัตุมงคลและการบริกรรมคาถา แต่ผมมองเรื่องกรรมมันซับซ้อน เราต้องมองคุณสมบัติของสสารหรือคลื่นนั้นๆ เช่น ถ้าเราไปใกล้รังสีแกรมม่า เราจะรอดมั้ย งั้นแกรมม่าก็ดลบันดาลกรรมให้เราเจ็บป่วยจนตายได้สิ คลื่น อัลฟ่า ก็ดลบันดาลความสุข ทุเลาจากโรคได้สิ เรื่องพระปริตร มันเกินกว่าวิสัยผู้ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกสมถกรรมฐาน ว่ามีคุณสมบัติอะไร โลกธาตุมีมิติที่สูงว่าเรา แต่ที่ผมรู้อิทธิปาฏิหาริย์มีจริง แต่ที่จะสอดรับกัน มีผลกันและกัน คือมี กรรม มาเป็นภาชนะรองรับผลของสิ่งนั้นๆเสมอ ถ้าเราไม่มีกรรม เราจะไม่ไปเฉียดหรือโดน สิ่งที่ดีและไม่ดีที่มีผลต่อร่างกายและจิตใจเลย
@@VayoBeyonder ทําความเข้าใจเรื่องกรรม ให้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกสรุปสั้น: กรรม แปลว่า ‘ การกระทำ ที่เจตนา’ หรือ การปรุงแต่งสังขาร ทางกาย วาจา ใจ. กรรม ใม่สามารถสะเดาะออกได้เพียงเพราะ ‘พิธีกรรม’ หรือ การอ้อนวอน-ร้องขอ. "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" "ใครสร้างเหตุปัจจัยมายังไง ก็จะได้ผลอย่างงั้น" กรรมนิยาม กฎแห่งกรรม ระบบของกรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้: --> สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวและดีต่างกัน.เราทำกรรมอันใดไว้ เราจักต้องได้รับ(ผล)ของกรรมนั้น.กรรมเปรียบเหมือนก้อนเกลือที่เท่ากัน ถ้าใส่ลงในขันน้ำ ก็เค็มมาก ถ้าใส่ลงในแม่น้ำก็เค็มน้อย.etipitaka.com/read/thai/20/237/ --------------------------------------------------สรุปสั้น ๆ6 อย่าง เรื่องกรรม ควรรู้1. กรรมต้องมีเจตนาเท่านั้น ส่วนที่เราไม่มีเจตนา ทั้ง กายวาจาใจ ไม่เป็นกรรม2. กรรมเกิดจาก ผัสสะ3. กรรมที่ทำให้ไปเกิดในที่ต่างๆนั้นมี (นรก กำเนิดดิรัจฉาน เปตวิสัย มนุษย์ เทวดา)4. ผลของกรรมในเวลาต่างกัน( เวลาปัจจุบัน เวลาต่อมา เวลาต่อมาอีก)5. ดับกรรมต้องดับที่ผัสสะ6. วิธีดับไม่เหลือของกรรม ,ดับกรรมไม่ดำไม่ขาว(ต้อง ปฏิบัติ ตาม มรรคองค์8 เท่านั้น)www.anakame.com/page/3_Buddha_Wajana/Book_pdf/กรรม.pdf ----------------------------------------------------------พระพุทธเจ้าสอนว่า:1. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล2. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากตนเองบันดาล3. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นและตนเองบันดาล4. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆโดยปราศจากเหตุผล--> นิทานสัมภวะ(แดนเกิด)แห่งกรรมทั้งหลายเกิด จากผัสสะ(สัมผัส)ในอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น ตาเห็นรูป (สัมผัสทางตา แล้วเกิดมีการรับรู้ด้วยวิณณาญ แล้วมีการเสวยอารมณ์ (เวทนา= สุข ทุกข์ เฉยๆ) ดั่งนี้เป็นต้นและ กัมมนิโรธ(ความดับกรรม)แห่งกรรมทั้งหลาย ย่อมมีเพราะความดับไปแห่งผัสสะ. ดับกรรมต้องดับที่ผัสสะ, วิธีดับไม่เหลือของกรรม(ปฏิบัติ ตาม มรรค8)---------------4 ข้อนี้ ที่สรุปมานี้ เป็นประโยคที่สำคัญผู้ที่ได้ศึกษาพุทธวจน และได้อ่านพระสูตรที่เกี่ยวข้องเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้.ปุถุชนทั่วไป และ ต่างศาสนา ไม่มีทางเข้าใจได้ เพราะใน คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สอนเรื่อง อนัตตา ,อุปาทาน และ วิธีถอนออกจากอุปาทานทั้งหลายเหล่านี้ได้ (กามุปาทาน ความยึดมั่นในกาม /ทิฏฐุปาทาน ความยึดมั่นในทิฏฐิ / สีลัพพัตตุปาทาน ความยึดมั่นในศีลและวัตร / อัตตวาทุปาทาน ความยึดมั่นในวาทะว่ามีอัตตา).----------------1. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล:→ข้อนี้ ใคร่ครวญจากพระสูตรเรื่อง เหตุสมปรารถนา-สังขารูปปัตติสูตร etipitaka.com/read/thai/14/172/-ปัตตกรรมสูตร etipitaka.com/read/thai/21/65/-อุปมา บุรุษต้องการน้ำมัน อุปมาการกระทำโดยอุบายไม่แยบคายetipitaka.com/read/thaibt/3/1393/- และอีกพระสูตรหนึ่ง เพราะถ้าการอ้อนวอนให้ผลจริง จะมีใครในโลกเสื่อมจากอะไรได้ เพราะทุกคนต่างก็อ้อนวอนเป็นหมด เมื่อใครมีทิฐิ มีความเชื่อเรื่องการวิงวอนร้องขอ การทําความดี-ความชั่วก็ไม่มีความหมาย.84000.org/tipitaka/read/?22/43/51 อิฎฐสูตร: อายุ วรรณะ สุขะ ยศ สวรรค์ ไม่ได้เกิดจากการอ้อนวอน www.anakame.com/page/1_Sutas/300/378_Sutas.htm
@@monksomโอ็ย อ่านแล้วเหมือนเก่งจัง แต่ยังไม่รู้แจ้งนะ
@monksom มึงมั่วข้อมูลมากอีเพี้ยน
สาธุ สาธุ สาธุท่านผู้ที่ออกมาตอบโต้ แสดงความคิดเห็น ให้เดรัจถี รับทราบ เข้าใจบ้างพวกหนู พวกหนอน ในศาสนาพุทธที่บวชแล้ว ออกมาเป็นปราชญ์ หรือเป อกตัญญู เนรคุณศาสนามีมากครับ ดีครับ ครับ ดูครับ อนุโมทนาบุญด้วย
สรุปคือ อาบน้ำมนต์ก็คือ เดรัชฉานวิชา พ่นน้ำมนต์ ก็ใช่ บนบาน หรือ แก้บน คือเดรัชฉานวิชา เว้น น้ำมนต์ ที่สวดจากบท พระปริต นะท่าน ทีนี้ หันกลับไปดู แต่ละวัด ...... ผ่ามมมมม 90% เดรัชหมดเลย เอาไงทีนี้ โยมก็มึนตึบ
จริง
ก็ต้องเลิกเชื่อในน้ำมนต์
ไม่แปลกใจข้อนี้ทำไมมีการถกเถียง เพราะมันย้อนแย้งกับพุทธพจน์ อีกฝั่งหนึ่งถึงบอกว่าแต่งใหม่ พอฟังแล้วส่วนตัวก็รู้สึกว่าย้อนแย้งกับคำสอน
ไอ้พวกที่บอกว่าแต่งใหม่ก็ใช่จะรู้ดี พอดีมีสำนักพุทธวจนของสมมุติสงฆ์คึกลิดไปค้นมาตกๆหล่นๆไปมาจนเหลือพระไตรปิฎกไม่กี่เล่ม ศีล227เหลือแค่150 เอากะสำนักนี้ซิ
@@khemtishomhaul9145 สามารถเพ่งพิสูจน์ได้ค่ะว่า เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ไม่ใช่ คำสอนของพระพุทธเจ้าคำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาทคำสอนที่ ไม่มี ธรรมที่เป็นเหตุ ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท เป็นคำสอนที่ สาวก ภาษิตขึ้นมาเอง ก็คือ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ ซึ่งเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
สาธุสาธุครับขอน้อมรับคำสั่งสอน
น่าเห็นใจพระภิกษุสงฆ์ หากว่าคนตื่นธรรมะไม่ออกมาแสดงหรือไม่ออกมาพูดเกี่ยวกับธรรมะพระภิกษุสงฆ์ก็จะพูดอย่างเดียวให้แต่ญาติให้แต่โยมทำบุญทำทานอย่างเดียว โดยไม่นำธรรมะมาสั่งสอนญาติโยมเลยน่าเห็นใจมากครับ แม้แต่พระองค์นี้ก็อย่ามัวแต่ไหว้ครูอยู่ไม่นำธรรมะมาสอนให้ญาติโยมไปธรรมะในการดำรงชีวิตในแต่ละวันเลยพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องน่าเห็นใจญาติโยมจริงๆ
โชคดี ที่เจอะเจอพุทวจน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง ศึกษาปฎิบัติธรรม เจริญอานาปานสติ สิบกว่าปี ปัจจุบันอจ.เบียร์ เผยแพร่พระธรรม องค์ตถาคต ค่ะ
จริงของ อจ.เบียร์.ไม่ตอ้งออกมาแกล้ตัวแทนให้หมอผี
เกือบจะเนียนอยู่แล้วเชียว แต่ผู้มีปัญญายังคงดูออก
ก็เพราะมีคนสมองกลวงไม่รู้ไงบาลีไม่อ่านอวดฉลาด
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ถ้าใครเชื่อและเดินตามหลักธรรมนี้ ผมเชื่อว่าคนเดินตามต้องมุ่งสู่มรรคผลนิพพาน แต่ถ้าเขื่อเรื่อง ดิน น้ำ ไฟ ลม จะทำเรื่องนั่นเรื่องนี้ส่งผลเรื่องนั่นเรื่องนี้ ให้สำเร็จก็จะวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้ต่อไป เรื่องอนุภาพ ในน้ำมนต์ก็ดี ในดินก็ดี มันก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี แต่มันจะไปขัดต่อหลักธรรม ขัดต่อมรรคปลนิพพาน เพราะคนที่ติดอยู่กับเรื่องพวกนี้ ไม่สามารถหนีออกจากโลกได้เลย ถ้ามีพระสงฆ์ที่ดีมากพอ ก็จะทำให้พระสงฆ์ที่ไม่ดีอ่อนกำลัง ก็หวังว่าจะมีพระสงฆ์ที่ดี หวังให้โยมเจ้าถึงมรรคผลนิพพานเป็นที่ตั่ง มุ่งเน้นแต่หลักธรรมคำสอนเท่านั่น พระองค์สอนลูกศิษย์เป็นพระอรหันต์มากมาย ไม่เห็นท่านจะเอา ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประกอบพิธีการอะไรให้ลูกศิษย์บรรลุธรรมเลย บอกสอนกันด้วยปากนี้แหละ
ถูกต้องแล้วค่ะ
จริงๆ การทำน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก ถึงพระจะทำได้ แต่ก็ควรจะให้ศาสนาพราหมณ์ เขาทำอย่างเดียวก็พอ พระเรา อย่าไปแข่ง เจ้าพิธีกรรม กับ เขาเลย
ใช่ครับ สิ่งพวกนี้แหละ ปิดบังสัจจธรรม คนพุทธจึงมองไม่เห็นแก่นธรรม เลิกได้เลิกเถอะ
ท่านพระมหาสมบูรณ์ ท่านก็กล่าวอย่างชัดเจนแล้วนี้ครับ ตามบาลีในพระไตรปิฎกยังจะบอกว่าเป็นของพราหมณ์อีก การสวดพระพุทธมนต์คือบทพระปริตร ก็อยู่ในมนต์พิธี ที่นำมาสวดในงานมงคลตามบ้านของโยมอยู่แล้ว
พุทธก็มี พระอานนท์ ทำพระพุทธเจ้า ท่านไม่ประสงค์จะทำ เลยตรัสให้พระอัครสาวกทำแทนชัยมงคลคาถา มหาการุณิโก หรือ พระชัยปริตรพุทธก็มี ไม่ใช่มีแค่พราหมณ์ แต่สังเกตุง่ายว่าอันไหน พราหมณ์หรือพุทธ
เอาถูกให้ได้ พ่o มรึง สิไม่รู้จัก พระปริตร สินะพาหุงมหากา มงคลจักรวาล อุ๊ยยยแต่จะเป็นพราหมณ์หรือฮินดู นั่นอีกเรื่องเพราะศาสนาพุทธ ก็มาจาก ศาสนาพราหมณ์ถามจริง พุทธแท้ป่าวหนิ ดูไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด
@@MulLaTeZCarLพระพุทธเจ้าท่านเป็นคนสั่ง(ประธาน)มีหลักฐานคนบางพวกยังอ้างว่าเป็นเดรัจฉานวิชชาเพราะคนมันมีอวิชชาเลยมองไม่เห็น
สาธุ อนูโมทนาบุญด้วยครับ กับธรรมะดีๆ
ถ้าทำน้ำมนต์ได้ คำสอนในพระสูตรก็จะขัดกันครับ
ในอรรกถาบอกเอาบาตรตักน้ำ ประพรมพร้อมแสดงธรรม ท่านไม่ได้บอกทำน้ำมนต์เลยแม้แต่น้อย คนเอามาตีความกันไปเอง
ไม่ขัดครับ เพราะคำของตถาคตจะสอดรับไม่ขับแย้งกันตั้งแต่ วันตรัสรู้ถึงวันปรินิพานและเป็นอกาลิโกไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลา มีแค่อรรถกถาที่แต่งขึ้นพาภายหลัง
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลืออย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำราอย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกันอย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอาอย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
น้อมกราบพระอาจารย์สมบูรณ์ครับ
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่นับถือศรัทธาในความรู้ของท่านมหานะครับ แต่ขอให้ท่านมหาเฉลียวใจบ้างว่าพระสูตรนี้มันใช่หรือ มันไปขัดแย้งกับหลายๆพระสูตรหรือไม่...นับตั้งแต่ราตรีที่ตถาคตได้ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณจนกระทั่ง ถึงราตรี ที่ตถาคตปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย.
เพื่อนพี่น้อง ชาวพุทธ ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ในพระไตบิดก ในปัจจุบัณนี้ มีคำแต่งใหม่ แทรกเข้าไปในพระไตบิดก ถูกแทรกมาหลายยุคหลายสมัย มากกว่าร่วมๆ 70 เปิอเซ็น (คำแต่งใหม่รวมทั้ง อถักคาถา ) และคำแต่งใหม่ บางบทนี้ก็มีเรียนแบบสำนวลของพุทธองค์ เช่น ดูก่อน พวกเธิอทั้งหลาย เป็นต้น นี่ละครับ อัถถักคาถาถามว่าดีใหม ก็มีส่วนดีในการอธิบาย แต่ ส่วนเสียมันน่ากลัวส่งผลเสียหายมากกว่าส่วนดีนะบางเรื่อง เพราะฉะนั้นเราต้องพิจรณาให้ดีก่อนจะเชื่อ ใช้หลักมหาปะเทศ4ที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าคำใหนเป็นคำพูดของพระองค์ คำใหนพระองค์ทรงรับรอง จะดีที่สุด พระองค์ ทรงตรัสป้องกันการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของพระองค์มา สองพันกว่าปีแล้ว ผมอ้างอิงและศึกษาความรู้จาก พุทธทวจน อาจมีตกหล่นผมขออภัย และ พุทธทวจน ส่วนใหญ่นำมาจาก ฉบับบาลีสยามรัฐ บาลีสยามรัฐ ถูกจัดทำขึ้นเมื่อ สมัยรัชการที่ 5 พระองค์ทรงมีพระดำริ ให้แปลจากอักษรบารีในใบราณ มาตีพิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกใน สยามประเทศ ให้เป็นตัวอักษรไทยในภาษาบาลี
อันไหนที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์หรือเกิดประโยชน์น้อย จะทำทำไม ไม่คุ้มกับ ฉันบิณฑบาตของชาวบ้านไปวันๆ แล้ว ให้ น้ำมนต์ ตอบแทน คิดว่ามันคุ้มกันหรือเปล่า ทำไมไม่แสดงธรรม ญาติโยมได้รู้สัจจะความจริง ให้เกิดปัญญา เขา ให้น้ำมนต์จะเอาไปทำอะไร
อนุโมทนาและฟังด้วยเคารพค่ะ
กราบสาธุครับพระอาจารย์ที่ให้ความกระจ่างในธรรมด้วยความเมตตา ไม่ได้มีอคติ กราบสาธุๆๆครับ
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๙สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรคข้อ 383ฯจุลศีล ดูกรวาเสฏฐะ อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล?ฯมหาศีลฯ๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธา แล้วยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือนทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบนปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง. ดูกรวาเสฏฐะ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เลย เพราะศีลสังวรนั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะราชศัตรูนั้น ดูกรวาเสฏฐะ ภิกษุก็ฉันนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้นภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน ดูกรวาเสฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล. จบมหาศีล.
สาธุครับ
@@เสริมศักดิ์คําภานุช อนุโมทนาครับ
@@rimtangมึงไม่ยกบาลีะเเปลทีละส่วนละจะได้รู้ความหมาย
ส่วนตัวผม ยึดถือไตรสรณคมน์ เป็นหลักสูงสุด และครูบาอาจารย์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เช่น หลวงปู่ดู่ หลวงปู่มั่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และหลวงพ่อวิริยังค์ เป็นตัวอย่างก็พอ
พระสมัยนี้หลงทาง ไม่เคยเรียนรู้คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พอฆราวาสสอนธรรมถูกต้องแล้วตรงจริงลุกขึ้นมาแซะ คนตื่นธรรม
อย่าคิดว่าตนเองพูดถูกเสีย ทั้งหมดน่ะ😮
เรียกว่าอาศัยโอกาสที่สื่อทุกข่องปั่นกระแสคนตื่นธรรมมาสอนธรรมที่แท้จริงครับมีปัญญาก็เอาไปพิจารณานะ
โถไอ้บ้าเอาอะไรมาตัดสิน ว่าเค้าหลงทางมึงเคยฟังเรื่องภิกษุใบลานเปล่าไหมแล้วมึงบรรลุธรรมแล้วเหรอถึงไปกล่าวติติงพระสงฆ์ ไอ้บ้า
ก็เพราะไม่รู้จริง รู้ไม่ครบ แต่เอาไปป่าวประกาศ คนที่เขารู้แตกฉานกว่าก็มาเตือน มาบอกนี่ไง
@ แตกฉานตรงไหน555
พระปริตร มนต์ป้องกันต้องเกี่ยวกับเนื้อความจากพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ แค่คล้ายเดรัชฉานวิชชาในส่วนที่ใช้ป้องกัน/คุ้มครอง ต้องถูก ขอให้ทำให้ หาวัสดุมา ก็ทำให้ได้ อย่าขวนขวายทำให้เองหรือโฆษณาว่าจะทำให้เดรัชฉานวิชา คือ วิชชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำสอนโดยตรง ทั้งมนต์ขาวและมนต์ดำ ใช้ทั้งสำหรับป้องกัน(อันนี้พอทำได้ตามบริบทกำหนด) เสริมชะตา สะกดหลงไหล ทำลาย เลี้ยงสัตว์(วิญญาณ) และฆ่า โดนประมาณทีนี้ เอาสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาพุทธมาท่องมา เพื่อให้เกิดมนต์ป้องกัน คือ พระปริตร อันนี้ ทำคล้าย เดรัชฉานวิชชา แต่บริบทจำเพาะตามกำหนด อันนี้คือพุทธ คือทำได้ที่สำคัญกว่านั้น คือ พระอรหันต์ ทำได้หมด เพราะท่านทำอะไรก็ไม่มีกิเลส ไม่มีเจตนาร้าย
จากคำภีร์อรรถกถาแต่งขึ้น เป็นเหตุให้ขัดแย้งต่อภาษิตและบัญญัติของพระศาสดา ที่ทรงระบุการทำน้ำมนต์เป็นเดรัจฉานวิชา โดยกล่าวถึงพระองค์เองและสั่งห้ามภิกษุทำไว้ถึง13พระสูตรคือ พระองค์ตรัสว่า ตถาคตเว้นขาดจากการทำเดรัจฉานวิชา รวมถึงตรัสว่า ผู้เป็นอริยะบุคคลจะเจตนางดเว้นจากการทำเดรัจฉานวิชา นอกจากนี้ได้ตรัสโทษของการแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้ภาษิตใว้และไม่ได้บัญญัติใว้ ว่าเป็นสิ่งที่ตถาคตได้ภาษิตใว้และได้บัญญัติใว้นั้น ย่อมทำมหาชนให้หมดสุข เป็นไปเพื่อความฉิบหายแก่มหาชน คนนั้นย่อมประสบสิ่งที่ไม่ใช่บุญเป็นอันมาก และเชื่อว่าทำพระสัทธรรมของพระองค์อันตรธานไป(พระอานนท์ถามว่าสิ่งที่ไม่ใช่บุญเป็นอันมากคืออะไร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เขาจะไปตั้งอยู่ในนรกตลอดหน่งกัลป์)
อะไรของเองนี่
คำสอนที่ สาวก ภาษิตขึ้นมาเอง จะแตกต่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างนี้ค่ะถ้าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาทอริยมรรคมีองค์แปด เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้าแน่นอน เพราะว่า มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาทเป็นการยืนยันว่า อริยมรรคมีองค์แปด เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะคำสอนที่ สาวก ภาษิตขึ้นมาเอง จะไม่มี ธรรมที่เป็นเหตุ ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ พี่น่าจะเก่งเรื่อง กฏอิทัปปัจจยตา ผมอยากทราบว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้ มีอวิชชาเกิดขึ้น ครับ???...
@TonboonBoonraksa9283 การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคอริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า อริยสัจสี่ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาทอริยสัจสี่ มี ธรรมที่เป็นเหตุทุกข์ / สมุทัย / นิโรธ / มรรคอริยสัจสี่ มี กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาททุกข์ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สมุทัยสมุทัย เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ นิโรธนิโรธ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ มรรคอริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการยืนยันว่า อริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะว่า อริยสัจสี่ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
ตั้งจิตอธิษฐานให้ได้พบเจอสงฆ์สาวกที่แท้จริง สาธุ ท่านเป็นสงฆ์ที่น่ากราบน่าไหว้
ยังงั้นพระพุทธเจ้าก็ตัดขัดกันเองน่ะสิ13 พระสูตรห้ามพระภิกษุทำน้ำมนต์แต่ท่านบอกว่าทำน้ำมนต์ได้อย่างนี้ท่านก็คัดงานคำพระพุทธเจ้าได้น่ะสิ
พระมหาแกก็ดันฉลาดเอาเล่มที่ขัดแข้งกับ 13 พระสูตรมาอ่านซะด้วยสิ
มันคือการเล่นคำ สวดพระปริตรเพื่อให้คนเชื่อว่าอยู่ยงคงกระพัน จะมีโชคลาภ ท่านอาจารย์ยังจะเปิดตำรากี่เล่ม มันรู้ได้ด้วยสามัญสำนึก พระพุทธองค์ไม่ได้ตัดห้ามโดยทันที ตอนที่นางวิสาขาจะถวายผ้าน้ำฝน พอเห็นพระภิกษุเปลือยกาย การก่อบัญญัติให้มีเนื่องจากโลกติเตียน ดังนั้นอะไรก็ตามที่โลกติเตียน ไม่ต้องเปิดตำราเพื่อให้มันดูดีหรอกครับท่าน ฟังคลิปก็ถูกนะแต่อันนี้ขอเห็นแย้ง
อย่าเอาความรู้ที่อ่านภาษาบาลีที่คนแปลไม่ได้มาตำหนิคนที่เขาพยายามทำประโยชน์ให้คนเข้าใจในอริยสัจสี่ อย่าทำให้คนที่กำลังตื่นธรรมสับสน
@rattanajindarat9612เหมือนเรากำลังเรียนและอ่านหนังสือที่แปลมาจากText Book ภาษาอังกฤษ และเรากับเพื่อนอีกคน กำลังสงสัยว่าบางประโยคหนังสือเล่มที่แปลเป็นไทย แปลผิดความหมาย เลยเถียงกันเนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกันพอดีมีครูชาวต่างชาติที่เป็น Native ที่เป็นเจ้าของภาษาเห็นเข้าเลยพยายามเข้ามาช่วยอธิบายให้ฟังว่าที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร??? แต่เรากลับไปต่อว่าครูชาวต่างชาติว่าอย่ามายุ่ง ไปไกลๆเลย ไม่ต้องมายุ่ง...คำถาม : แล้วเราจะเก่ง และฉลาดขึ้น ในภาษาอังกฤษ ที่เราไม่ใช่เจ้าของภาษาไหมครับคุณพี่???In the same meaning....UnderstandSadhu Sadhu.🙏
คิดเหมือนกันครับ พระท่านนี้ไม่ฟันธงให้รู้แจ้งแทงตลอด พยายามทำให้สบสน ขวางธรรม ขวางประโยชน์ พยายามปิดบังทำให้เข้าใจยาก พูดจาอ้อมๆ วกไปวนมา เหมือนจะดีแต่เจตนาไม่ดี แม้แต่ชื่อ อ.เบียร์คนตื่นธรรมยังไม่มีกล้าที่จะกล่าวาจาออกมาอย่างเปิดเผย แบบนี้จะสอนธรรมคำสอนที่แท้จริงได้อย่างไร สรุปพระท่านนี้ต้องการจะสื่อว่า น้ำมนต์ไม่ใช่เดรัชฉานวิชา อยู่ที่เจตนา โดยอ้างจากภาษาบาลีบลาๆๆ ว่าไม่ได้กล่าวไว้ในหลักธรรมคำสอน ท่านผู้มีปัญญาลองพิจารณากันนะครับ
การทำน้ำมนต์ เป็นเดรัจฉานวิชา ขวางกั้นความเป็นอริยบุุคคล มรรคผล นิพพาน พระพุทธเจ้าไม่ทรงกระทำเอง และทรงห้ามไม่ให้ภิกษุทำ
😂😂😂 มึงมันควายยั่งงี้ไง😂😂😂 ไปศึกษาบทรัตนสูตร นะ ว่าที่มาที่ไปเป็นยังไง. จะได้หายโง่
ไตรปิฎก 9/25 ๗. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจําพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทําพิธีบนบาน ทําพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทํากะเทยให้กลับเป็นชาย ทําชายให้กลายเป็นกะเทย ทําพิธีปลูกเรือน ทําพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทําพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสํารอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัดถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทําการผ่าตัดรักษาเด็ก ใส่ยาชะแผล
อะไรที่พระพุทธองค์ไม่เคยทำก็อย่าทำ พระสูตรกล่าวอย่างไรก็ทำอย่างนั้น สิ่งที่ขัดแย้งกับธรรมที่พระศาสดาแสดงไว้ จัดว่ามาในยุคหลัง
พระอานนท์ ตักน้ำใส่ในบาตรของพระองค์ แล้วสวดคาถาพระปริตร นำไปพรมทั่วหมู่บ้าน ใช้หูฟังบ้าง
@@channell2974 ใช่ครับพี่ ไม่มีคำว่า น้ำมนต์ สักคำ....คำว่าน้ำมนต์ ที่ใช้ในภาษาไทย มันเป็นคำรวมๆ ไปหมด....เพราะจริงๆ ที่พระอานนท์ทำ ต้องเรียกว่า "น้ำพระปริตร "...ถ้าพระสงฆ์ทำเหมือนกันโดยสวดบทพระปริตร ต้องเรียกว่า "น้ำพระปริตร " เช่นเดียวกัน แต่คนไทนอาจเรียกคำรวมๆว่า น้ำมนต์ (เพราะประเทศไทยดั้งเดิมมีทั้งนับถือ ผี พราหมณ์ พุทธ ต้องยอมรับบ้านเรา เป็นเช่นนี้...และพอมีเรื่องเดรัชฉานวิชา กล่าวในพระสูตรเช่น พรหมชาลสูตร ว่าด้วยติรัจฉานวิชา มีคำว่า"การพ่นน้ำมนต์ และ รดน้ำมนต์ " เป็นติรัจฉานวิชา....เลยมโนเอาเองเลยว่า "น้ำพระปริตร "เป็นติรัจฉานวิชาซึ่งในพระสูตรเค้า กล่าวว่า "การพ่นน้ำมนต์ และรดน้ำมนต์ " ที่เป็นติรัจฉานวิชา นั้นมาจากคำบาลี 2 คำนี้ในพระสูตร คือ " อาจมนํ กับ นหาปนํ "ซึ่งจริงๆ แล้ว "อาจมนํ กับ นหาปนํ " จากภาษาบาลีไม่ใช่ การพ่นน้ำมนต์ และรดน้ำมนต์ ตามแบบวัฒนธรรมที่คนไทยเราคุ้นเคย หากแต่เป็นพิธีกรรมนอกศาสนา เป็นการทำน้ำมนต์ของพราหมณ์ โดย "อาจมนํ " คือ การเอาน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา มาประกอบพิธีกรรม แล้วจึงนำมาล้างหน้า โดยหมายให้เป็นการชำระล้างบาปแต่ตัวเอง และนำน้ำนั้นมาอมไว้ในปากก่อนจะบ้วนออกไป โดยเชื่อว่าจะทำให้ปากเป็นสิริมงคล! ส่วน "นหาปนํ " คือ การนำน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์จากในแม่น้ำ มาประกอบพิธีอาบให้แก่ผู้อื่น เพื่อชำระล้างบาปให้...*** เนี่ยละนะคนพวกเราชาวพุทธ ที่แปลว่า ผู้รู้ผู้ตื่น พอมีผู้รู้บาลี มาช่วยอธิบาย ให้ความรู้ก็ไม่ฟัง ไปต่อว่าท่าน ซะงั้น...และแบบนี้เราจะตื่นธรรม จริงหรือ??? ฝากไปคิดดูครับ🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะขอบพระคุณที่ให้ความรู้ความเข้าใจเจ้าค่ะ
ศึกษามามากมาย สุดท้าย น้ำก็ยังศักดิ์สิทธิ์เอาแค่ common sense ยังไม่ผ่านเลยประโยชน์อะไรกับน้ำจะทำอะไรกับเราได้ทำน้ำวิเศษได้จริง ทำไมไม่ไปทำที่ต้นน้ำไปเลยหละจะได้ช่วยคนได้ทั้งโลกเอาคำแบบนี้มาป่าวประกาศ มีแต่จะอับอาย ประกาศไปก็ไม่รุ่งเรื่อง ปิดบังไว้รุ่งเรื่องกว่าอายศาสนาอื่นจริงๆ ที่ยังมีคนคิดว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธยิ่งฟังอธิบาย แล้วยิ่งขำ เหมือนเล่นมุขตลก
เพ้อเจ้อ
อรรถคาถา อรรถคาถาและ อรรถคาถา (สาวกแต่งเพิ่ม)ทั้งนั้น และเอามาอ้างอิงกล่าวตู่พระศาสดา กระทำตัวเทียบชั้นพระพุทธองค์อย่างมิบังควรไม่มีพระสูตรรับรอง ที่อธิบาย ใช้การทึกทักเอาเอง ตามธงที่อยู่ในใจไว้ก่อนแล้ว อีกแล้ว
เขาคงคิดว่า อรรถกถาเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ยกแต่อรรถกถามา แย้งพระสูตรที่เป็นพุทธวจน
@olarnyingseree5915ถ้าท่านกล่าวว่า อรรถคาถา (สาวกแต่งเพิ่ม)ต้องมีหลักฐานอธิบายได้ว่า สาวก ชั้นไหน เป็นพระอรหันต์ไหม แต่งเพิ่มเมื่อไร ปีไหน ก่อนแต่งเพิ่มเนื้อหาเป็นอย่างไร หลังบันทึกเพิ่มด้วยเนื้อหาอะไร ที่เพิ่มขึ้นมา.....กล่าวลอยๆ แบบนี้ใครๆ ก็พูดได้ดูเหมือนท่านจะไม่ให้ค่า คำว่าสาวก เลยเน้อ...ถามว่า แล้วใครเป็นผู้ทรงจำคำสอนพระศาสดา มาถ่ายทอดตั้งแต่ยุค มุขปาฐะ จนถึง พศ.400กว่า จึงมีการจารึกคำสอนเป็นตัวหนังสือลงใบลาน ที่เราเรียกว่า พระไตรปิฎก...ซึ่งพระไตรปิฎกลงใบลาน ฉบับแรกของโลกก็เป็นภาษาสิงหล ของศรีลังกา ...ไม่ใช่สาวก หรือครับ ที่เป็นผู้ทำมาทั้งหมด ???....ทำให้ท่านมีพระไตรปิฎกแปลไทยมาอ่านทุกวันนี้....(และที่สำคัญ มีการแปลภาษาสิงหล กลับไปเป็น ภาษามคธ อีกครั้ง...และกว่าจะมาเป็นพระไตรปิฎก อักษรพม่า/พระไตรปิฎก อักษรธัมม์ล้านนา/พระไตรปิฎก อักษรขอม...แล้วกว่าจะมาเป็นพระไตรปิฎก ภาษาไทย ...และท่านทราบไหมว่าพระไตรปิฎก ภาษาไทย แปลมาจากต้นฉบับ อักษรอะไร??? แต่ละขั้นตอนไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิด คัมภีร์อรรถคถา จึงเกิดขึ้น ถ้าไม่มีคัมภีร์อรรถคถา เหล่านี้พระไตรปิฎก ภาษาไทย จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้แปลที่มีความรู้บาลีก็ตาม แต่ด้วความที่ธรรมะมีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง บางส่วนก็เป็นสภาวะธรรม และผู้แปลก็ไม่ใช่เจ้าของภาษาบาลี จึงจำเป็นต้องใช้ คัมภีร์อรรถคถา ช่วยในการแปลทั้งสิ้น...เพื่อมาเป็นพระไตรปิฎก ภาษาไทย ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็คือ พระไตรปิฎก ภาษาไทย ที่เราอ่านกันทุกวันนี้ล้วนมีเนื้อหาใน อรรถคถา รวมอยู่ด้วยแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้.***สมมุติ ถ้าพระไตรปิฎก ที่จารึกเป็นตัวอักษร เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว โดยมีพระศาสดา ตรวจสอบ Approved เรียบร้อยว่า Completely....เหมือนแบบพิมพ์เขียวสร้างบ้านที่สถาปนิกออกแบบให้เราตรวจสอบก่อนสร้างบ้านจริง....หลังจากสร้างเสร็จ ครั้งแรก เราจะรู้ทันทีว่าตรงตามแบบไหม...และผ่านไปอีก 5ปี 10ปี ถ้ามีใครมาต่อเติมบ้าน...ท่านก็จะรู้ได้เช่นกันว่า ส่วนไหนคือของเดิม ส่วนไหนคือส่วนที่ต่อเติมใหม่ขึ้นมา....ถ้าพระไตรปิฎก ที่จารึกเป็นตัวอักษร ที่สมบูรณืเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ผมจะเข้าใจตามที่คุณพยายามอธิบายว่า ส่วนนี้แต่งเพิ่ม ไม่เอาตัดทิ้ง แบบนี้ Ok...make sense ผมเห็นด้วยเลยครับ...แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่และผมคิดว่าผู้ที่เอาพระสูตรที่แปลเป็นไทยแล้ว...มาบรรยายธรรมแล้วไม่เข้าใจคำบาลีแบบแจ่มแจ้ง หรือด้วยค่าอรรถคถา โดยตัดอรรถคถาทิ้งไปตามความคิดตัวเอง...พอคำแปลไทยอธิบายมาระดับหนึ่ง....แล้วทำให้ผู้ฟังธรรมยังไม่เข้าใจในเนื้อธรรมนั้นๆ แล้วก็ไม่ยอมใช้ความรู้ในอรรถคถาช่วยให้เราเข้าใจเพิ่มขึ้น...แต่กลับใช้ความคิดตามตรรกะของตนเอง อธิบายเพิ่มเติมเข้าไป ทั้งๆที่สิ่งที่อธิบายเพิ่มเข้าไป ไม่มี คำบาลี ปรากฎอยู่ในพระสูตรนั้นเลย...ทำให้ผู้ฟังอาจได้เนื้อธรรมที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงที่เป็นในระดับ ปรมัตถธรรม...ทั้งผู้ฟังที่อาจยังไม่เข้าใจธรรมลึกซึ้งพอ และลูกศิษย์ก็ปล่อยผ่านไปเพราะไม่รู้บาลีและก็ไม่เอาอรรถคถาเช่นกัน*** แบบนี้ผมว่า น่ากลัว กว่า อรรถคถา ดั้งเดิมที่มีมาเป็นพันๆปี อีกนะครับ...ว่ามะ????
@@TonboonBoonraksa9283 การสังคายนามี 9 ครั้งเพิ่มอะไรเข้าไปมั่งคงไม่เห็นข้อเสียของอรรถกถาที่บัญญัติเพิ่มขยายข้อความเพิ่ม
@@sitiphonsfongnom1268เพ้อเจ้อมากสัตว์นรก
กราบนมัสการพระอาจย์ครับ.
น้ำมนต์ เป็นของศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่หรือ ไม่เกี่ยวกับพุทธ
ยืมมาใช้ได้มั้ย
ศีล 5 มีมาก่อนพุทธกาลทำไมพระพุทธเจ้าท่านถึงยกมาใช้ละครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุธรรมคำสอน
พระพุทธเจ้าให้ทำน้ำมนต์ในรัตนสูตรจริงหรือ?หรือเป็นคำแต่งใหม่ แล้วอีก หลายๆพระสูครทรงห้าม จะขัดแย้งกันหรือไม่ คำสอนของพระองค์ สอดรับไม่ขัดแย้งกัน
ใช่ๆ ถ้าทำน้ำมนต์ได้ แสดงว่า พระท่านนี้ ศึกษาพระสูตรยังไม่ครอบคลุม ไม่ลึกซึ้งพอ
@@wwo2308 งั้นคุณเก่งคุณก็สอนสิครับ 11:30 11:30 11:30
@@user-th8oy9lq1bดู ไม่มีใครว่าใครเก่ง หรือไม่เก่ง แต่เป็นข้อสงสัย ว่าตรงไหนผิด หรือถูกกันแน่ แต่การเม้นต์ของท่าน ไม่เสริมสร้างหาความรู้
@@user-th8oy9lq1bดู เค้าไม่ต้องเก่งหรอกครับแค่รู้จักคิดวิเคราะห์ก็พอ เห็นๆอยู่ว่าน้ำมนต์มันขัดหลักคำสอน
@@wwo2308มึงละฟังจบไหม
สาธุเจ้าค่ะ
ไอ้เบียร์มันก็พูดไปเรื่อยความเชื่อของคนอย่าเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่...ทำแล้วสบายใจ พอใจมันก็เป็นบุญแล้ว
มึJนับถือพุทธมึJจะพูดจาแบบนี้ไม่ได้ มึJเคยศึกษารึป่าวพระพุทธเจ้าเค้าไปดีเบตกับพราหม์เรื่องนี้กี่รอบ พระพุทธเจ้าเค้ายังต่อสู้กับเรื่องนี้เลย มึJเป็นใครมาพูดแบบนี้ รับไม่ได้ก็ย้ายศาสนาไป
มึงก็มั่วพูดไปเรื่อยอย่างไรลองฟังให้ดีพระอาจารย์กับอ.เบียร์เขาขัดแย้งยังไงเขาไปทางเดียวกัน
เองก็อคติอ.เบียร์เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเขาทำดีมากด้วยแต่เองไม่เข้าใจเองเขาไม่ได้เรียนบาลีจริงแต่สิ่งที่เขาสอนอยู่ในหลักคำสอนพุทธเองรู้น้อยหาว่าเขาสอนผิด
@@ธนายิ่งยืน-ฅ4ห😅😅😅
@@ธนายิ่งยืน-ฅ4ห อคติใช่การสอนธรรมะแบบนี้มันไม่ใช่......หยาบคายยกตนข่มท่านวาจาสามหาว....ดูหมิ่นดูแคลนพระสงฆ์....ความเชื่อความพอใจขอแต่ล่ะคนมันเหมารวม....อ้างคำสอนพระพุทธเจ้ามาแอบอ้าง...ให้มันแดกข้าวในกระโถน....ดังช่วงข้ามคืนเดี่ยวดับไม่นาน.....จบไม่ตุยต่อนะ
ทำเอง รู้เองแจ่มแจ้งฟังคนไม่รู้ แต่เหมือนรู้ ก็พาหลงสาธุบุญกับหลวงพ่อค่ะ
ผมขออนุญาต ท่านพระอาจารย์ มหาสมบูรณ์ ในเบื้องต้นท่านได้แจ้งว่าควรจะอ่านบาลีจะได้ความหมายที่แท้จริงแต่ ท้ายที่สุดเวลาพระอาจารย์สอนก็สอนภาษาไทยอยู่ดี โดยพระอาจารย์เป็นผู้แปลแต่เพียงผู้เดียวในขณะที่ในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ห้าได้รวบรวมพระภิกษุหลายรูปเพื่อแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทยภาษาไทย และได้รับรับรอง เพื่อให้คนไทยได้อ่านในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยดังนั้นผมเข้าใจว่าเราคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถจะเข้าใจภาษาบาลีแต่เราก็ต้องใช้พระไตรปิฎกฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยและรับรองโดยมหาเถระสมาคม แต่ในขณะที่พระมหาสมบูรณ์อ่านบาลีอยู่นี้ ท่านใช้ความเห็นของท่านในการแปลเพียงผู้เดียวนะครับเพราะฉะนั้นผมขออ่าน พระไตรปิฎกที่แปลเป็นภาษาไทย แต่ถึงกระนั้นพระพุทธเจ้าก็ยังมีหลักการรามสูตร เมื่อเราอ่านแล้วก็ควรที่จะพิจารณาพิจารณาอย่างแยบคาย เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นกาลิโก เป็นจริงตลอดกาลและสามารถนำไปใช้ได้ตลอดเวลา และคำสอนของพระพุทธเจ้าจะสอดรับทุกครั้งที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโดยไม่มีความขัดแย้งกัน เพราะฉะนั้นให้เราพิจารณาอ่านนำมาปฏิบัติ หากสิ่งที่เราปฏิบัตินำมาซึ่งความสงบสุข นำมาซึ่งความรู้แจ้ง นำมาซึ่งการละกิเลส นำมาซึ่งหนทางพ้นทุกข์ ผมเชื่อว่าหลักนั้นนั้นในพระไตรปิฎกที่แปลเป็นภาษาไทยภาษาไทยก็สามารถนำมาใช้ได้😊
การรามสูตร 555 ขำกลิ้ง
พุทธวจนความจริงที่ประเสริฐ
ขอแนะเพิ่มเติมครับ ใช้หลัก มหาปเทศ 4 ร่วมด้วยครับ จะทำให้ชัดเจนในคำของตถาคตมากขึ้น
@@soraake746 555 พอดีพูดให้เครื่องพิมพ์ครับ
@@nattanateยกตัวอย่างมั่วมากอะลุง
กราบนะมัสการเจ้าคะสาธุสาธุ
สาธุ ในปราชญ์ ย่อมมีปราชญ์.....ท่านมหาเป็นปราชญ์ในปราชญ์ครับ
เอาเนื้อแท้คำสอนมาสอนไม่ต้องพาดพิงส่วน,ครั้งพุทธกาลเต็มไปด้วยหลากหลายลัทธิพระองค์ยังบรรยายผ่ากลาง,ไม่หักด้ามพร้า,พระเวทย์เป็นไสยศาสตร์ใช้มาเป็นหมื่นปี,เดี่ยวกับรักษาการเจ็บป่วย,แต่เอารักษาสันดานชั่วกรรมชั่่ว,โยคชะตาชั่วมิได้,ที่ผมสึกษาพุทธองค์ไม่สรรเสริญ
เรื่องนี้ท่านอธิบายได้ดีครับ แต่คนและพระส่วนมากเอาการทำแบบนี้ไปหาประโยชน์ครับ บางครั้งก็เอาไปรวมกับการทำอย่างอื่น จนดูว่าไม่มีเหตุผลและจะได้ประโยชน์อะไร ดูเป็นการกระทำที่เชื่อถือไม่ค่อยได้ เลยทำให้คนคิดว่าอยู่ในกลุ่มของเดรัจฉานวิชาครับ
สรุป ว่าท่านพยายามอธิบายว่าพระสามารถทำน้ำมนต์ได้ใช่มั้ย สรุปน้ำมนต์มีอิทธิฤทธิ์ใช่มั้ย ถ้ามีแสดงว่าขัดหลักคำสอน ถ้าไม่มีจะให่ทำไปทำไม สำหรับผมสรุปว่าพระไม่ควรทำน้ำมนต์ตามคำสอนหลักนะครับ
โง่โผลมาอีกตัว
ศึกษาเถอะ
😂หลักคำสอนที่ว่าขัด คืออะไร ตอบดิ
@@นินาทป๋อมแป๋ม เหตุและผลไงครับ สาดน้ำมนต์เพื่ออะไรครับ โดนน้ำมนต์แล้วจะมีการสร้างบาเรียมาคุ้มกันรึไง
@@วิจารณ์ต่อ ศึกษาแล้วหัดตั้งคำถามหน่อยนะครับ ไม่ใช่เชื่อไปเรื่อย
กราบนมัสการสาธุเจ้าค่ะ
ความรู้ต้องคู่กับประสบการณ์ พวกรู้มากแต่ประสบการณ์น้อย ขึ้นเป็นผู้นำจึงไปไม่ค่อยรอด
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
ขัดแย้งไม่สอดรับ
@@jamewc7241เดรฉานวิชาทำได้เจริญ
กราบนมัสการ..พระอาจารย์ที่ช่วยแถลงไข ทำให้เข้าใจถึงหลวงพ่อครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีให้เป็นศิริมงคลกับญาติโยม..ได้เข้าใจได้ถูกต้องคับ..สาธุๆๆๆครับ😊❤❤
สาธุครับ พระคุณเจ้า ท่านแม่นและตรงในพระธรรมมากครับ
ชัดเจนและถูกต้องครับผม สาธุครับ คนที่มีบุญบารมี และปัญญา แยกแยะได้ ว่าอันไหน จริงเท็จ ทุกวันนี้ มีทั้ง พระสงฆ์และฆราวาส สอนธรรมะ มากมาย มีทั้งผิดและถูก เยอะแยะ อยู่ที่ ปัญญา ของผู้ฟัง เท่านั้น ที่จะแยกแยะได้ว่า อันไหนจริงเท็จ
โมทนาสาธุ ครับท่าน
พระอาจารย์ ที่มีเมตตา
กรุณานำเรื่องนี้มาเทศสอน
ให้เกิดความเข้าใจได้ดีขึ้น
กราบขอบคุณครับ
สาธุค่ะน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ🙏🙏🙏🕯️💐💐💐💐🕯️ขออนุโมทนาบุญกับการเผยแผ่ธรรมทานด้วยค่ะสาธุๆๆ🙏🙏🙏😊
สาธุ กราบนมัสการพระอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งเจ้าค่ะ สาธุในธรรมที่พระอาจารย์ได้สาธยาย ทำให้โยมเข้าใจได้อย่างกระจ่างมากขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
พระมหาสมบูรณ์ พูดถูกต้องแล้ว
มีพระบางรูป ไม่รู้บาลี
อ่านพระไตรปิฎกก็จริง แต่ไม่รอบคอบ จึงสอนผิดบ้าง ถูกบ้าง
ถ้าสอนผิด ญาติโยมก็เชื่อถือนำมาปฏิบัติแบบผิดๆ
อนุโมทนากับพระมหาสมบูรณ์ด้วยครับ
🙏🙏🙏
แล้วนำ้มนต์มันมีฤทธิ์เดชอย่างไร
รู้บาลีแล้วยังไงครับ สามารถ เพิ่มคุณสมบัติน้ำได้หรอ
@สันติเที่ยงสัมพันธ์-ศ5ด
เขาไม่ได้เพิ่มคุณสมบัติ แต่แปลให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้มากที่สุด
ย่าเปันผู้เหันยู่ แต่ไม่เหันเปันคนบอดจักสุ
น้ำมนต์ ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีทั้งส่วนที่ปรากฏในคัมภีร์โบราณและส่วนที่พัฒนาขึ้นใหม่ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนพุทธในยุคหลัง ดังนั้นคำถามว่า "น้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่หรือไม่" อาจต้องพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางวัฒนธรรม
1. ในพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณ
คำว่า "น้ำมนต์" หรือการใช้น้ำในพิธีกรรม ไม่ได้ปรากฏอย่างตรงตัว ในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าในยุคต้น ๆ แต่มีการกล่าวถึง น้ำ ในฐานะสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการชำระล้างจิตใจ เช่น การใช้ในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคล เช่น การเจริญพระปริตร (บทสวดที่มีพลังเป็นมงคล) อาจเกี่ยวโยงกับน้ำมนต์ในภายหลัง
2. น้ำมนต์ในฐานะวัฒนธรรมที่พัฒนาในยุคหลัง
การใช้น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา อาจได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮินดูและความเชื่อพื้นบ้าน ที่ใช้น้ำในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคลและการขจัดเคราะห์ร้าย
เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว หรือกัมพูชา ประเพณีการใช้น้ำมนต์ได้ถูกนำมา ปรับให้สอดคล้องกับวิถีพุทธ เช่น การสวดมนต์เจริญพระปริตร และการปลุกเสกน้ำมนต์
3. คำว่า "น้ำมนต์" แต่งใหม่หรือไม่?
คำว่า "น้ำมนต์" อาจไม่ได้เป็นคำดั้งเดิมจากพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล แต่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นในภายหลังเพื่อเรียกน้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พุทธศาสนาประยุกต์ ที่พัฒนามาจากการผสมผสานศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้าน
---
4. มุมมองทางธรรมะ
พระพุทธเจ้าสอนว่า "การชำระล้างที่แท้จริงอยู่ที่การชำระจิตใจ" ผ่านการปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการกระทำกรรมดี การใช้น้ำมนต์ในปัจจุบันจึงเป็น ส่วนเสริมทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้พุทธศาสนิกชนเกิดความมั่นคงในจิตใจ ไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน
---
สรุป
น้ำมนต์ อาจถือได้ว่าเป็นคำและแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ในบริบทของพระพุทธศาสนา แต่ยังคงยึดโยงกับความเชื่อในพลังแห่งธรรมะและการสวดมนต์เพื่อความเป็นมงคล น้ำมนต์ไม่ใช่แก่นของคำสอน แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างศรัทธาและความสงบทางใจในมิติของวัฒนธรรม.
สาธุ เป็นบุญที่ได้ฟังธรรมอันสงบ
พระคุณเจ้าพูดถูกต้องครับ ถ้าผู้ที่ไม่มีความรู้ เปรียญ ไม่ได้เรียนบาลี อรรถกถา ฎีกา แต่ไปนั่งเปิดคัมภีร์พระสูตรอธิบายทีละบรรทัดย่อมเกิดความผิดพลาดได้มากเป็นการทำลายศาสนาทางอ้อม คัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่มีมาเป็นพันๆปี จะมาอ่านแล้วตีความหมายตามใจเองย่อมมีความผิดพลาดมากยิ่งเป็นตำราที่เป็นภาษาไทยซึ่งแปลมาจากบาลีอีกทีย่อมคลาดเคลื่อนเยอะ มีเห็นมาเยอะแล้วอย่างลัทธิ พุทธวัจนะเป็นต้น
เจ้าของลัทธิ แก้จาก พุทธวจน จนกลายเป็น ลิตรวจน เพราะแก้ตามใจตัวเอง วิเคราะห์เอง ตัดสินใจเอง เออเองถูกเอง
ดี เยี่ยม สาธุ ๆ ....ท่านมหาสมบูรณ์.....น่าจะมีการสาธยาย หรือ คู่มือ ในประเด็นต่าง ๆ ที่ ทั้งนักศึกษาธรรมมะ อาจไม่เข้าใจในคำประโยคในพระไตยปิฎก เป็นภาษาไทย อย่างที่ท่านได้สาธยายในรายการนี้....จะเป็นการสืบทอดการเรียนการสอนพุทธศาสนาอย่างถูกต้องยิ่งขึ้น....จับเอาประเด็นที่อาจจะเป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่.........
๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก
จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ
นับประมวล แต่งกาพย์ โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง
ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง
ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก
เป็นหมอทรงหญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้า บวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์ พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกระเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้ ก็เป็นศีลของเธออีกประการหนึ่ง.
ดูกรพราหมณ์ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เลย เพราะ
ศีลสังวรนั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัย แต่ไหนๆ
เพราะราชศัตรูนั้น ฉันใด ดูกรพราหมณ์ ภิกษุก็ฉันนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว
ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน ดูกรพราหมณ์ ด้วยประการดังกล่าวดังนี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วยศีล แม้นี้แหละ คือศีลนั้น.
จบมหาศีล
@@thongphan-i1l
ศ.ดร. บรรจบ บรรณรุจิ มจร. อธิบายว่ คำว่าเดรัจฉาน แปลว่าขวาง เดรัจฉานวิชา คือวิชาที่ไม่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น(ไม่ใช่วิปัสสนา) แต่ไม่ใช่น่ารังเกียจอย่างที่คนไทยชอบเหน็บแนมกัน
แค่คำว่า เลี้ยงชีพด้วย สำนักคึกยังตีความกันมั่ว
ภิกษุเว้นขาด จากการทำอาชีพ ( เรียกรับค่าจ้าง) ด้วย...
คือภิกษุ มีอาหารที่ชาวบ้านถวายให้ฉันแล้ว ก็ต้องเว้นการประกอบอาชีพด้วย..
คือไม่จำเป็นต้องทำเพื่อเลี้ยงชีพอย่างชาวบ้าน
แต่ไม่ได้ทรงห้ามภิกษุทำเพื่อการสงเคราะห์ ทำเป็นครั้งคราว..ทำแล้วก็ปล่อยวาง ไม่หมกมุ่นเป็นอาชีพ
❤ขอบคุณอาจารย์เบียร์..ที่กล้าออกมาเผยแผ่พระพุทธศาสนา.ทำให้ประชาชนได้รู้พระดีๆ.พระไม่ดี.หมอดูรางทรงสิแส.ร้อนรนนั่งกันไม่ติด.
ปัจจุบัน.ศาสนาเริ่มสะเปะสะปะเลอะเทอะไปหมด...มี พุทธวจน.อย่างน้อยทำให้ครอบครัวหลุดพ้นจาก.เดรัจฉานวิชา
ไม่งมงายเหมือนแต่ก่อนๆ
ดูหนัง ฟังเพลง ดูละคร ก็อวิชา แค่สวดพระปริต ยังมีคุณอย่างนี้ พระเครื่องพระก๋็สวดบทสรรเจริญพุทธเจ้า จะไม่ดีได้อย่างไร
จริงคะ
@@MrSupornchai2525 แล้วจะดีได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันเป็นความเห็นผิด เกิดประโยชน์อะไร แต่แทนที่จะนำคำสอนของพระพุทธองค์นำมาใช้มาปฏิบัติ พระองค์ก็ตรัสสอนอยู่ว่าการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ถือเป็นการบูชาตถาคตอย่างสูงสุด
@@MrSupornchai2525
ใช่ค่ะ ถูกต้องค่ะ
@@Gameblackcover
น่าสงสารคนที่คิดแบบนี้ ฟังให้จบท่านพูดหมายถึงอะไร แค่ฟังก็ตีความไม่แตกแล้ว😅😅
กลับไปฟังใหม่นะว่าทำได้เรียนได้ไหม
ต้องขอบพระคุณพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ที่ท่านสอนธรรมะให้เราสามารถแยกแยะออก ให้เรามีสุตะของพระพุทธเจ้า มาเทียบเคียงกับอาจารย์หลายๆรูปที่มาสอนธรรมะ
ทำให้เราได้รู้ว่าคำสาวกนั้น ไม่สอดรับกัน ต่างจากพระพุทธเจ้าที่ท่านเป็นสัพพัญญูผู้เดียวในโลกจริงๆ สาธุๆครับ
การที่กุลบุตรทั้งหลายเข้ามาบวช เข้ามาศึกษาพระไตรปิฎก ศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นบุตรของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน พุทธบริษัทสี่ทุกคนก็ควรรักใคร่สามัคคีกัน และภิกษุก็ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เมื่อเห็นว่าภิกษุรูปอื่นทำผิดตรงไหน ควรเดินเข้าไปหา แล้วชี้มูลข้อผิดพลาดตรงนั้น แล้ววินิจฉัยร่วมกัน ช่วยกันในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุง ในอนาคตมันจะได้ไม่เกิดข้อถถเถียง ความขัดแย้งและทะเลาะวิวาทกัน อีกอย่างผู้ศึกษาควรรู้อย่างนี้ว่า สิ่งใดที่เป็นกุศลนับว่าเป็นกุศล มีโทษนับว่ามีโทษ ควรเสพนับว่าควรเสพ ควรมีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่ประกอบด้วยเมตตาต่อเพื่อนประพฤติพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และควรช่วยเหลือกันในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง แต่นี่ กลับไม่เป็นแบบนั้น..ภิกษุบางรูปหรือฆารวาสบางคน ถือหนังสือพุทธวจนมา แล้วชี้คำแปลและความหมายในหนังสือผิดบ้าง กล่าวหาว่าบิดเบือนคำสอนบ้าง ให้กับฆราวาสที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้า ลักษณะอย่างนี้เค้าเรียกว่า"โพนทนา"หรือ”โจมตี”เพราะกล่าวหาผู้อื่นฝ่ายเดียว หนังสือพุทธวจนที่คัดลอกและแปลถูกเกือบทั้งเล่ม สอนถูกก็เยอะมากกว่า แทบจะไม่พูดถึง พูดถึงสิ่งไม่ดีอยู่อย่างเดียว แถมยังมีการโพสลงโซเชียล จนผู้ไม่หวังดีตัดคลิปไปแขวนประจาน แล้วพวกที่ไม่ชอบรุมด่า อีกฝั่งก็โต้ตอบ ทิ่มแทงกันด้วยปาก เกิดความแตกแยกในพุทธบริษัท. และอีกอย่างหนึ่ง พระบางรูป หรือฆราวาสบางคนที่มีการศึกษา มีความรู้สูง มีการเล่าเรียนปริยัติและภาษาบาลีมา แต่กลับมีใจคับแคบ ชอบยกตนข่มผู้อื่น ชอบปรามาสดูถูกผู้อื่นอย่างนี้ว่า เขาไม่ได้เรียนภาษาบาลีมา เขาไม่ได้ศึกษาอรรถกถามา จะรู้ธรรม รู้วินัย จะรู้ความหมายแท้จริงในพระไตรปิฎกอย่างเราได้ยังไง บุคคลมีลักษณะพูดยกตนข่มผู้อื่นแบบนี้พระพุทธเจ้าตำหนิ และเรียกว่าคนประเภทนี้ว่า อสัตบุรุษ หรือ อสัปปุริสธรรม
ถึงแม้หลายคนที่ศึกษาพระไตรปิฎกแต่อาจไม่ได้คล่องแคล่วในภาษาบาลี แต่ว่าพระไตรปิฎกที่แปลไทยแล้วก็มีตั้งหลายสำนัก เช่นฉบับหลวง, มหามงกุฎ ,มหาจุฬา, ต่อให้กลับไปเรียนบาลีจนจบหลักสูตรจนอ่านออกเขียนได้ แล้วย้อนกลับมาอ่านพระไตรปิฎกภาษาบาลี ก็แปลความหมายออกมาเหมือนเดิม พระไตรปิฏกบาลีที่แปลไทยจะมีไว้เพื่ออะไร
เพราะเห็นความ อยุติธรรม และความแตกแยกกันในสงฆ์ จึงออกมาเตือนสติ เฉพาะบุคคลที่ชอบยกตนข่มผู้อื่น ว่าอย่าได้ปรามาสผู้อื่นว่าไม่รู้ธรรม ไม่รู้บาลี ไม่ควรพูดแข่งดี เพราะพระไตรปิฎกแปลไทยแล้วก็มี พจนานุกรมบาลีก็มี สามารถนำไปศึกษาและปฏิบัติได้เหมือนกัน..เข้าถึงแก่นแท้ของพระธรรมได้เช่นเดียวกัน..
ฉะนั้น ธรรมะของพระพุทธเจ้ายิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง อย่ามัวแต่จ้องทำลายกันด้วยการออกมาประจานข้อเสียคนอื่น มันมีแต่ผลเสียเพราะทำให้สังคมแตกกัน ตัวท่านเองก็ต้องแพ้ภัยจากมารและได้รับวิบากกรรมนั้นด้วย ขอฝากไว้ให้ทุกคนคิดพิจารณาให้รอบคอบ.
สาธุครับ🙏🙏🙏
มีผู้สอนว่าห้ามฟังคำพระสาวก คือต้นเหตุให้ชาวพุทธแตกแยกกัน
@@sarirakaitsara8883
บัณฑิตที่ฉลาดในธรรมเค้าไม่โต้ตอบปัญหาที่ตนสงสัยด้วยการกล่าวหาใครโดยที่ตนไม่รู้มูลเหตุปัจจัย ฉะนั้นบัณทิตที่ฉลาดในธรรม จะตำหนิใครก็จะตำหนิในฐานะที่ควรตำหนิ
มูลเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พุทธบริษัททะเลาะวิวาทกัน ทิ่มแทงกันด้วยหอกปาก พระพุทธเจ้าตรัสไว้สามอย่าง คือ กามวิตก พยาบาทวิตก และวิหิงสาวิตก ธรรมสามอย่างนี้แหละที่เป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกกันในพุทธบริษัท ยกตัวอย่างเช่น คนกลุ่มหนึ่งพยายามให้คนชักชวนให้สาธุชนเข้ามาสนใจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว บัญญัติไว้ดีแล้ว ให้ศึกษาแต่คำสอนพระพุทธเจ้าที่เป็นพุทธวจนเท่านั้น อย่าสนใจคำที่แต่งเติมขึ้นมาใหม่ ให้ละทิ้งคำอธิบายของพระสาวกเสียเพราะมีการบัญญัติเพิ่มในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ ทั้งในส่วนพระอภิธรรมและอรรถกถา ดังนี้เป็นต้น ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่ง ก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะเห็นว่าในส่วน พระอภิธรรม อรรถกถาฏีกา อนุฎีกา เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมจากพระอริยสาวก ผู้เป็นอรหันต์ เพื่อให้ผู้ที่มาภายหลังศึกษาได้ง่ายขึ้น ดังนี้เป็นต้น.
...ฝั่งหนึ่งพยายามคัดลอกเอาแต่คำที่เป็นพุทธวจนมาทำเป็นหนังสือ เพื่อให้คนได้เข้าถึงคำสอนพระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้น ว่าพระองค์ตรัสอะไรบ้าง แต่ละพระสูตรสอดรับกันไหม ตั้งใจที่จะเผยแพร่คำพระพุทธเจ้าอย่างเดียว.
...อีกฝั่งหนึ่ง พยายามเพ่งโทษจับผิด หาแต่ข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆของอีกฝั่ง เมื่อนั้น พยาบาทวิตก เกิดขึ้นภายในจิตเขา แต่ไม่ยอมละไม่ยอมกำจัดพยาบาทวิตกนั้นให้หมดสิ้นไป สุดท้ายก็ออกมาโพนทนาข้อผิดพลาดกันบ้าง โจมตีกันบ้าง ต่างฝ่ายต่างทิ่มแทงกันด้วยหอกปากบ้าง..จนแตกกันเป็นวงกว้าง.
ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงยกตัวอย่างให้เห็นถึงต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้พุทธบริษัททะเลาะกัน แตกแยกกันก็คือ อกุศลวิตก๓อย่าง โดยอิงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า.
(ดูพระสูตรที่เราอ้างอิงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ได้ใน ภณฺฑนสูตร บาลีสยามรัฐ เล่มที่๒๐ หน้าที่๓๕๕ ข้อที่ ๕๖๔)
@@phathanachot_mjcm4568 ใช่ครับ ชาวพุทธส่วนหนึ่งเข้าใจกันดีว่าพุทธวจนะมาจากพระไตรปิฎก(แต่พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลเป็นผู้ทำสังคายนารวบรวมขึ้นมา)ท่านพุทธทาส ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้ค้นคว้าแบบผู้รอบรู้ไม่ได้มีเจตนาจะบิดเบือน แต่หนองนาป่าพงนำมาแตกออกมาอีกหลายไปเล่มเพี่อให้เข้าใจง่ายหรือมีเจตนาหา....คิดเอาเอง กลับบอกว่าคำสาวกไม่น่าเชื่อ กล่าวคำติเตียนสาวกซึ่งอยู่ไกลเพราะพุทธอง์มากที่สุด ย่อมรู้ดีกว่าพวกกล่าวตู่พุทธวจนะ มันก็เลยถกต้องเถียงกันหน่อย พอโต้ สำนักนี้ก็ชี้หน้ามาเหมือนกันว่า พุทธเทียมบ้าง เดรัจฉานวิชาบ้าง จะบอกให้นะครับ พุทธเรานิกายเถรวาทนะครับ เถรวาทก็คำของพระผู้ใหญ่(พระอรหันต์นะครับ...งั้นคุณไปตั้งสำนักใหม่ จะมหายาน วัชรยาน เซน คึกบิดนิกาย ก็ได้ครับ
@@khemtishomhaul9145
เรื่องอื่นวางไว้ก่อน อาตมาขอย้อนถามโยม 3ข้อ บัณฑิตใดก็ตาม เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว ควรพยากรณ์ปัญหาโดยอรรถโดยธรรม ไม่ควรนิ่ง.
ข้อแรก. "สัทธาสัมปทา" พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าอย่างไร ?
ข้อที่สอง.ระหว่างธรรมและวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว บัญญัติไว้ดีแล้ว กับ ธรรมที่พระอริยสาวกผู้เป็นอรหันต์ หลายรูปได้ได้อธิบายขยายพุทธพจน์และบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นมา ธรรมสองส่วนนี้ ให้โยมเลือกเชื่อฟังเพียงแค่ส่วนเดียว โยมจะเลือกธรรมส่วนไหน ระหว่าง พระพุทธเจ้า กับ พระอรหันต์สาวก
ข้อที่สาม. พระธรรม ในความหมายของโยม หมายถึงอะไร?
ชอบ. อาจารย์เบียร์.ไม่เรียนมาก.อาจารย์เบียร์ศึกษา เอาเนื้อ. ธรรมแท้ๆ. เช่น.อริยสัจสี่.ปฏิจจสมุปาบาท.มาบอกสอนได้. อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมาก.บอกสอนให้คนตื่นในธรรมได้..ประชาชนคนธรรมดา.มีความรู้น้อย.ไม่โอกาสไปนั่งเรียนเองได้.. ปัจจุบันย้งมีพระสงฆ์ที่ดี.ช่วย
แปลเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า.จากพระไตรปิฎกจากบาลี.แปลเป็นไทยแปล.เล่นเล็กๆ.เป็น.พุทธวจน. ให้ประชาชนคนไทยพุทธ.ได้อ่านได้ศึกษา.อ่านคำของพระพุทธได้ด้วยตนเอง. เราสามัญชนคนธรรมดา.ได้เข้าใจ.อริยสัจสี่.ปฏิจจสมุปาบาท.น่อมมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข.(สิบกว่าปีโยมไม่เอาเลย.พระทำน้ำมนต์.ทำพิธีกรรมต่างๆ. ก็ย้งใช้ชีวิตก็ย้งดีย้งลำบากปกติ.พึ่งตน.พึ่งธรรม.รู้ในคำสอนของพระพุทธเจ้า. จาก.หนังสือ.พุทธวจน
รู้แค่นี้ก็สามารถบรรลุธรรมได้แล้วคับที่อ.เบียร์นำมาสอนคือธรรมอันเป็นหัวใจแก่นแท้ของศาสนา
อย่างห่างไกลกับคำว่าแจ่มแจ้งมากๆ ความละเอียดของธรรมเต็ม10 แต่คุณเบียพูดได้และรู้แค่4/10เท่านั้น ไม่เชื่อลองไปฟังพระ อ.คึกฤทธิ์อธิบายอริยสัจ,ปฏิจสมุปบาทฯลฯดูเอานะ
@@นักรบสยบมารการบรรลุธรรมคือการหมดกิเลสนะ หรือทำกิเลสให้เบาบางเหมือนพระ อ.องค์นี้ หรือพระ อ.คึกฤทธิ์
@@phatchariwiedemann1811
เนื้อแท้หนะใช่ แต่ที่ไปศึกษามามีแต่เปลือกของเนื้อแท้ ที่จับมาจากความละเอียดชัดเจนของพระธรรมในพระไตรปิฎกเต็ม10แต่ละข้อที่เอาพูดเป็นจริงแค่5แค่6แค่7เต็ม10 หลายๆเรื่องพูดผิดเต็มๆด้วยซ้ำ อย่างเช่นเรื่องพยานาคนี่
ถ้าอยากรู้ว่า พระอ.คึกฤทธิ์ เป็นพระแท้จริงอย่างที่ตาท่านเห็น หรือป่าว. เราขอบอกท่านได้เท่านี้ครับ. ขอให้ปฎิบัติสมาธิให้ถึง. แล้ว ทุกอย่างจะเฉลยให้รู้เอง. ผมเอง อยู่สายศึกษาคำสอนและสายกรรมฐานด้วย. ขอบอกไว้ว่า. พระอาจารย์คึกฤทธิ์. หมดอายุใขท่านลำบากครับ. ผมบอกแค่นี้นะ. ที่เหลือ ปฎิบัติเองรู้เอง. นอกจากนี้. สหายธรรมรุ่นน้องรุ่นพี่ ผมที่เชี่ยวชาญสมาธิ เขากผ้รู้แต่วางเฉย. แต่ผม รู้ตั้งแต่เเรกแล้วว่า พระอาจารย์คึกฤทธิ์. ท่านได้. ทำอนันตริยะกรรม ....ผมรู้มา2ปีกว่าๆ. และมาจนถึงปัจจุบัน. สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นจริง ศาสนาแตกเเยก ใน4เดือนนี้. แต่เริ่ม. แตกแยกมาเป็น10ปี. ....ถ้าคุณอยากรู้ว่า ว่า ทำน้ำมนต์ได้จริงมั๊ย. นั่งสมาธิ แล้วย้อนดูครับ. อย่าลืมนะครับ. สมาธิแบบของพระพุทธเจ้า. นอกจากจะพาไปถึงอรหันต์นั้น ยังสามารถ หาคำตอบของผลลัพธุ์ ที่มีต้นเหตุได้. แม้กระทั้งพระที่คุณปรามาสว่าทำพระเครื่องนั้นมรฯะภาพแล้วไปที่ใหนบ้างคุณก็จะรู้...เรื่องของเรื่องคุณจะตกใจในเรื่องของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ว่า....จะไปอยู่ชั้นลึก..( อันนี้พิสูจน์เอาเองนะครับไม่ต้องเชื่อผม ) ศาสนาพุทธละเอียดมากๆ มสกกว่าที่คุณเข้าใจ. ส่วนผม ทำเฟสธรรมะ และ ส่งเสริม การศึกษาพระกรามฐาน40และ พระปริยัติ...กรรมฐานเน้นให้ถึง นรกสวรรค์พรหมและ. นิ...าน. เลย...ไม่ทำเล่นๆ. ......ผมจะให้ข้อคิดในคำสอนที่พระพุทธเจ้าเตือนไว้จาก10ข้อ. ให้ อ่านซัก3ข้อ...1 จงอย่าเชื่อพระเขาเป็นครูอาจารย์เรา. 2จงอย่าเชื่อเพราะฟังตามๆกันมา. 3. จงอย่าเชื่อในตำรา....3ข้อนี้มีเหตุผลที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้จาก10ข้อ. ไปลองพิจรณาดูครับ.
ดีครับ มุ่งสร้างความเข้าใจ และ มุ่งเอาคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไปเผ่ยแพร่ให้สัตว์โลกได้เข้าถึงพระธรรม
" มีผิดมีพลาดได้ แต่อยู่ที่เจตนา"
และขอกราบขอพระคุณพระอาจารย์ ที่มาให้คำแนะนำ และ กราบขอบคุณอ. เบียร์ ที่ทำให้มีคนได้ตื่นธรรม ได้เข้ามาสนใจธรรม แล้วนำไปใช้ในชีวิต
ของอาจารย์สมบูรณ์ เอาไว้สอบ ยึดไว้เป็นหลักการ ไว้บนหิ้ง น่าเบื่อมานั่งอ่านไม่พูดเป็นไปแบบอัตโนมัติ เจออุปสรรคในชีวิตจริงดึงมาใช้ไม่ทัน ของอาจารย์เบียร์สอนแบบใช้ในชีวิตจริงง่ายไม่กรุงรัง ดีคนละแบบ ไม่เสียเงินทองไม่งมงายอ้อนวอน
น้อมกราบพระอาจารย์สมบูรณ์เจ้าค่ะ.กราบๆๆ
สาธุ ครับ
อานนท์ ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ ...เป็นอยู่ (อยู่ด้วยสติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม) -บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๑๖/๗๓๗ อุตส่าห์ติดตามฟังธรรม หมดเพราะเดรัจฉานวิชา..สาธุๆๆครับ
หมดกัน ฟังดูแล้วย้อนแย้งเหมือนกันนะ บทใหญ่บอกไว้ชัดเจน แต่บทย่อยกลับแย้งกับบทใหญ่มันไม่ใช่อะ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม และกรรมคือการกระทำไม่ใช้ผลลัพธิ์ ถ้าการสวดร้องขอสำเร็จได้ ทุกอย่างบนโลกนี้ก็ไม่ต้องมีกรรมแล้วสิ หากปลายทางคือการละ แต่ต้นทางสอนให้ยึดมันไม่ใช่อะ ย้อนแย้ง
@@dowai2611
ไปปฏิบัติให้ถึงจะรู้แจ้งค่ะ
อย่าเพิ่งเชื่อ ฟังกาลามสูตร จากพระพุทธเจ้า10ประการก่อน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
ถ้าจะตีความสุดโต่งแบบที่คุณยกมาแย้ง
"..จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสระณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ.."
ก็ต้องไม่เอาแม้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะด้วยนะ
@@dowai2611 ถ้าจะยกเรื่องพรหมชาลสูตรตามที่สำนักคึกชอบอ้าง
ก็ขอบอกว่า ไปหัดอ่านภาษาไทยให้แตกก่อนจะตีความ
ในพรหมชาลสูตร กล่าวว่า " เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพด้วยการ....." คือ ไม่ประกอบเป็นอาชีพ ( ไม่เรียกรับค่าตอบแทน ) คือทำเพื่อเมตตาสงเคราะห์คนได้
แต่สำนักคืกก็มักอ้างว่า ถ้าทำน้ำมนต์แล้วชาวบ้านถวายภัตตาหารให้ ก็ถือเป็นการเลี้ยงชีพแล้ว..นี่แหละหนออ่านภาษาไทยยังไม่แตก..ก็ตีความกันมั่วแล้ว
กราบพระอาจารย์ที่แสดงธรรมให้สติ...สาธุ❤
อะไรถูก ผิด ก็แล้วแต่ แต่ ที่รู้พระพุทธองค์ สอนให้พึ่งตนพึ่งธรรม แสวงหาทางพ้นทุกข์ ใช้ชีวิตประจำวัน อย่างมีเหตุมีผล ถือศีล 5 เป็นกิจวัตร พอแล้วสาธุ
@@ทิวากรอินพูลวงศ์-ล5ฒ การใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้ จะพึ่งตนพึ่งธรรมอย่างเดียวมันยาก...
คนที่ยังอ่อนแอกำลังน้อยก็ยังต้องพึ่งคนอื่นด้วย,พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าลึกซึ้งมาก,มีหลากหลายมิติทั้งสอนฆราวาสทั้งสอนภิกษุ,เราถ้านับถือพุทธจริงควรประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
@เตือนใจอาถนา ไม่หรอกครับ ถึงคนที่มีกำลังมาก ยังไงก็ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง..นอกซะจากว่าคุณอยู่ในโลกนี้คนเดียว จนกระทั่งตาย ต้องให้สัปปะเหร่อเผาศพให้..
@@เตือนใจอาถนา คนที่มีกำลังเยอะยังต้องพึ่งพาอาศัยกันกับคนมีกำลังน้อยเลยครับคุณ เว้นแต่คุณจะปลีกตัวไปอยู่ป่า....ขนาดไปอยู่ป่ายังต้องพึ่งพาอาศัยป่าเลยครับ ยิ่งลึกซึ้งในธรรมและทำถึงจริง ๆ ยิ่งเข้าใจระบบใหญ่ของโลกครับ คุณไม่มีทางนั่งปิดประตูอยู่ในห้องคนเดียวและเข้านิพพานได้ครับ
@@Ingg47 พึ่งตนพึ่ง ธรรมะ เป็นแบบนี้ค่ะ
พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติไว้ให้รู้ตามว่า
มีอยู่นะ สังขตธรรม คุณสมบัติ เกิดปรากฏ เสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
มีเกิด มีเสื่อม มีดับ เป็นอนัตตา
มี นรก มี กำเนิดเดรัจฉาน มี เปรตวิสัย มี มนุษย์ มี เทวดา
มี กามภพ มี รูปภพ มี อรูปภพ
กามภพ นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย เกิดปรากฏขึ้นมา คือ การเจริญ อกุศลกรรมบถสิบ เป็นการกระทำทาง กาย วาจา ใจ
เป็นการกระทำทาง กาย 3 ฆ่า ขโมย ประพฤติผิดในกาม
เป็นการกระทำทาง วาจา4 พูดโกหก พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
เป็นการกระทำทาง ใจ 3 โลภเพ่งเล็งอุปกรณ์แห่งทรัพย์ของผู้อื่น พยาบาท มี มิจฉาทิฏฐิ
เมื่อเจริญ อกุศลกรรมบถสิบ กามภพ เกิดปรากฏขึ้นมา เป็น ทุคติ มี นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย กรรมดำ มี วิบากดำ
ท่านพูดได้ถูกต้องที่สุด ตามบาลีทุกประการ ผู้ที่ศึกษาพระบาลีกับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาแตกต่างกันจริงๆ
อาตมาก็จบเปรียญ ๗ เห็นว่าน้ำมนต์เป็นเดรัชฉานวิชา
@@BnncomseBsigskดีแล้วที่ลาสิกขาออกมา อย่าอยู่เพื่อสร้างความเข้าใจผิดจากความไม่รู้อีกเลย ตนยังเข้าใจผิดจะสอนสิ่งที่ถูกให้ใครได้
ใครจะเชื่อในการเอาน้ำมาทำเป็นมงคลหรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เชื่อไปเถอะ ใครจะเก่งแปลบาลีเป็นไทยหรือเข้าใจพุทธศาสตร์แค่ไหน
แต่ผมเชื่อในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า หลักอริยสัจ 4 มรรคมีองค์ 8
การฝึกตนอานาปานสติ
@@jaya3037 ฝึกไปสิครับ มาพิมพ์ประกาศบอกใครตรงนี้ คนฝึกจริงๆไม่มาประกาศหรอกนะ
@@ฟิตเรียลสไตล์ พิมพ์ของผมครับไม่ได้บอกไผ
ผมฟังธรรมะได้เพราะอาจารย์เบียร์ ปกติผมไม่สามารถฟังธรรมแบบนี้ได้ ตอนนี้เข้าใจมากขึ้นเมื่อฟังพระธรรมเทศนาสอนธรรมะ ผมสาธุครับ
ขออนุโมทนาสาธุครับพระอาจารย์ ผู้รู้ธรรมจริงจะสงบ เช่นพระอาจารย์กล่าวครับ คนที่รู้ปูๆปลาๆ ก็ชอบอวดธรรม ขอบคุณพระอาจารย์ที่มากล่าวให้คนมืดอยู่ให้สว่างครับผม
อ.เบียร์ทำให้คนหนุมสาว วัยรุ่นหันมาสนใจศาสนา....แม้แต่ต่างศาสนายังหันมาสนใจสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้
@@Channel-pt8yo อย่ามาพึ่งพูดว่าหนุมสาวหันมาฟังไอ้....ธรรมมะมาแต่สมัยไหน...วันสำคัญทางพุทธศาสนาเห็นสาวเข้าวัดมากมาย...ทำไมเขาไม่เอามาพูดมาแสดง....
@chanon7051 โธ่นั่นมันแค่เข้าไปตามทำเนียมเฉพาะวันสำคัญพอวันสำคัญผ่านพ้นหนุ่มสาวเข้าวัดกันมั้ยละ สนใจถามธรรมะกันมั้ย เห็น อ.เบียร์นี่แหละที่คนออกมาสนใจกันไลฟ์สดกันคนฟังก็สนใจกันมากบางคนไม่เคยไปวัดเลยก็มาฟังกัน ต่างกันเลยอะ พวกมือไม่พายนั่นแหละมาต่อต้านด่าว่า...
พระอริยะเจ้าหลายองค์ก้สอนนะ แต่คนมันโง่ไม่ฟังเอง...ปุ่มั่น ปุ่ชา....
@@Channel-pt8yoผมก็เข้าวัดฟังธรรมอยู่ครับ และเพื่อนๆรุ่นเดียวกันก็สนใจเช่นกันและมีคนอีกมากมายที่สนใจในธรรม จะไปสนใจคำพูดที่ถูกกิเลสของคนๆนึงมาพูดให้ถูกใจแล้วมาหันเขาวัดหรือเข้ามาปฏิบัติธรรมก็หาไม่ ในโลกนี้มีอะไรอีกมากที่คนธรรมดาๆยังไม่รู้ไม่เห็นครับ
@piyaphonanan7430 บางเรื่องบางกรณี ผมก็ไม่อยากให้เอาตัวเราเป็นมาตรฐานครับผม เพราะคนเข้าถึงธรรม หันมาสนใจศาสนามีหนทางเข้าถึงแตกต่างกัน สาธุครับ
สาธุๆฟังธรรมของพระพุทธเจ้าจากอ.เบียร์เข้าใจง่าย มีความรู้ทางธรรมดีขึ้น เมื่ออ.เบียร์พูดผิด หรือพระรูปใดสาธยายพุทธวนัยผิด ก็ได้ฟังพระอ.สมบูรณ์ให้กระจ่างถูกต้องยิ่งขึ้น สาธุๆๆที่ทำให้อวิชชาเบาบาง🎉🎉
ดีตรงไหนครับ ไหนคนตื่นธรรมบอกว่างมงายไม่ใช่หรือครับ
กราบสาธุๆๆจ้าว ทุกวันนี้ก้อขอขอบคุณอาจารย์เบียร์มากๆจ้าวที่ได้ออกมาสอนธรรมมะให้คนและพระพิสุกสงฆ์ได้ตื่นจากการนอนลับลัยได้ตื่นรู้ไดีออกมาแสดงความคิดเห็นขอขอบคุณพระอาจารย์ที่ได่ออกมาแสดงความคิดเห็นจ้าวและขอขอบคุณอาจารย์เบียร์มากๆที่ได้ออกมาเอาคําสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนให้ผู้คนได้ตื่นและใช้ชีวิตได้ง่ายจ้าวอาจารย์เบียร์บรรยายธรรมมะไม่เคยลบลูครูบาอาจารย์ที่ฟังมาจ้าว ขอให้ทุกๆท่านฟังอาจารย์เบียร์แล้วขอให้ตีความหมายให้ถูกจ้าว
ภิกษุท่านตื่นมานานแล้ว
ภิกษุท่านสอนธรรมะมานานแล้ว คนก็เรียนรู้มานานแล้ว
เปรียบครูดนตรีที่บรรเลงมานาน แฟนเพลงก็มีมานาน
มีวันหนึ่ง มีคนเอากะลามาเคาะ,เอาปี๊บมาตีดังสนั่น
พวกที่เคยหูหนวกก็เลยพอจะได้ยินเสียงแว่วๆกันบ้าง
พอครูดนตรีมาติงว่าเขาตีมั่ว
พวกหูหนวกทั้งหลายก็พาลด่าว่าครูดนตรีไม่เคยบรรเลง..แล้วยังมาขวางพวกเคาะกะลาตีปี๊บอันไพเราะของพวกตนอีก
กราบพระอาจารย์มหาสมบูรณ์ ด้วยภูมิความรู้ ปธ.8 สาธยายพระไตรปิฎกให้ฟัง ในนาทีที่ 16.40 สนฺติกมฺมํ ที่แปลกันผิดๆ จึงทำให้รู้ว่าการที่ปล่อยให้คนบวช 2 พรรษาที่ไม่รู้บาลีออกมาตั้งสำนักแปลบาลีกลางทุ่งนาและตีพิมพ์หนังสือฉบับตัดตอนพระไตรปิฎกออกมาขาย จนทำให้เกิดปัญหาที่เราเห็นทุกวันนี้
จริงครับ 😊
@@lovechanel7029บาลีเก่งแล้วยังไงหรอครับ ยังไงน้ำมนต์ ก็คือ น้ำเปล่านั่นล่ะ มองเห็นความเป็นจริงก่อน ก่อนจะมองลึกในพระไตร
@@สันติเที่ยงสัมพันธ์-ศ5ดคุณฟังไม่รู้เรื่องหรอว่ามันเป็นความเชื่อของบุคคล
@@ตาธงคําลาง 555พอแบบนี้บอกเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ..
ชัดแจ้งครับ กราบสาธุพระอาจารย์ครับ
อ.เบียร์รู้ไม่มาก แต่ทำประโยชน์มาก ทำให้ผู้คนมากมายตื่นในธรรมของพระพุทธ์เจ้า
รู้ไม่มาก อืม ได้เสี้ยวเขาป่าว ทำอวดดี อ จ เบียร์ ทำให้ทั่วประเทศ ตื่นรู้ ต่อจากพระอ จ_ กฤ รู้เท่ามด อวดดี ทำไปว่าเขา ถถถ ค
คนรู้มากกว่า แต่ทำประโยชน์น้อย what the duck😂
@@ChanY21you drunk 😀
สาธุ สาธุ พาคนหลง
ให้สว่างจากมืดบอด
รู้ไม่มาก. ก็ไม่ควรพูดมาก. ควรพูดเท่าที่รู้
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงเจ้าค่ะ
ดิฉันเคยสวดพระปริตรและทิ้งไปนานเพราะคิดว่าคนละสมัยกัน มาเน้นสวดพระสูตร ต่อไปนี้ก็จะขออารธนาพระปริตรเพื่อเป็นมลคลชีวิตรเจ้าค่ะ
ขอน้อมกราบพระอาจารย์ค่ะ สาธุค่ะ
แจ่มแจ้งครับสาธุครับ
สาธุ ครับ
จะมีกี่เล่ม ศึกษาจนครบ แต่ถ้าไม่ออกมาเผยแผ่ อบรม ก็เท่านั้น เก่งกันจริง หลังจากคนตื่นธรรมมาอบรมสั่งสอน ติติงว่าสอนถูกบ้างไม่ถูกบ้าง เมื่อก่อนก็ไม่รู้ทำไรกันอยู่
เค้ามีคนสอนมานานแล้ว แต่เค้าไม่บ้าโซเชียล ไม่ออกสื่อ
เมื่อก่อนฝึกปฏิบัติอยู่ที่วัดเทศน์อยู่ที่วัดแต่มีคนมาสอนถูกบ้างผิดบ้างก็เลยออกมาเตือนสติว่าของจริงๆของแท้มันเป็นแบบไหนส่วนคนตื่นทำนั้นอ่านจากพุทธวจนพุทธวจนเป็นของคึกฤทธิ์ที่สร้างขึ้นมาตั้งขึ้นมาเองโดยพระไม่ดีองค์แต่พระไตรปิฎกนั้นสังคายนามาจากพระอรหันต์500 รูปโดยมีพระโมคคัลลาพระสารีบุตรพระสาวกของพระพุทธเจ้าอยู่ด้วย
ช่องทางที่คุณกำลังรับชม และแสดงความคิดเห็นนี้ ก็คือวิธีการเผยแพร่นะ แต่พอดีสื่อใหญ่เขาไม่เอาไปออกแต่นั้นเอง คนตื่นธรรมพูดถึง คุณเลยพึ่งเข้ามาฟังแม่นนนบ่อ
พระพุทธเจ้าพูดหยาบคายไหม ในการสอนธรรม คิดแค่นี้พอ เราสอนธรรมะ เราไช้หลักวาจา ที่พระพุทธเจ้าสอนหรือไม่
@@payo007able ก็นั้นไง ยุคนี้มันยุคโซเชียล เจ้าถึงง่าย แล้วทำไม ไม่สอนแบบบ้าโซเชียลกันบ้างละ ทั้งที่ประโยชน์การเผยแพร่ธรรม ก็เห็นอยู่จากอุปกรณ์ โซเชียล ทีอย่างงี้ พึ่งจะมาบ้าโซเชียลสอนกัน เป็นคำถามว่า หายไปไหนกัน ช่องทางสอนธรรมก็เห็นอยู่ เข้าถึงง่ายไม่ต้องเสาะหาให้ยาก แล้วถ้าสอนธรรมถูกต้องกันมาเนินนาน แล้วทำไมไม่ดังเป็นกระแสแบบนี้ มันขึ้นกับวิธีการสอนให้น่าสนใจหรือเปล่า
พระ อ.คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง บอกสอนมาก่อนกาลแล้ว สาธุครับ❤❤❤
ตัวผมเองนับถือ พระอาจารย์ทางอีสานรูปหนึ่ง ฟังธรรมที่ท่านสอนแล้วเข้าใจง่าย ก่อนท่านบวชท่านเคยสอนศาสนาคริสต์ ท่านเคยทำงานมีรายได้สูงท่านผ่านชีวิตฆราวาสแบบสุดมาก่อน คำบันทึกที่ว่าพระสารีบุตรฉลาด ผมมองท่านเช่นนั้นเลย ภาษาอังกฤษภาษาบาลี ภาษาลาว คำสอนในพระไตรปิฎกท่านบอกได้เล่มไหนหน้าใด สติปัญญาท่านดีมากแต่ปัจจุบันท่านเทศสอนไม่ได้แล้ว แต่ท่านยังมีชีวิตอยู่
พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
@@วิชาญหนูกัน😊ใช้ครับ ถือว่ากว้างอยู่นะที่ผมกล่าวไปแต่ท่านก็รู้
แต่ถ้าคิดตามความเป็นจริงแล้ว น้ำมนต์ก็แค่น้ำ ทุกอย่างอยู่การกระทำของตัวเราเองทั้งนั้น
มันก็ไม่ทั่หมดหรอกครับ. ธรรมะ มีอยู่. อยู่เป็นคู่. เช่น เครื่อวอยู่ และ เครื่องทำลาย. อุปมาเหมือน. มีลูกปืน. ก็ย่อม. ต้องมี. เกาะกันลูกปืน. ไม่งั่น มันไปในโลกไม่ได้.
รับน้ำมนต์จากพระสงฆ์แล้วพอใจอิ่มใจสบายใจก็ไม่เห็นเป็นไร...ความพอใจของแต่ล่ะคนก็เป็นบุญแก่ตนเอง....
@@chanon7051 ก็เป็นมิจฉาทิฐิไง เชื่อว่ารับน้ำจากคนนั้นแล้วจะทำให้ตัวเองสบายใจ เป็นต้น ทั้งที่ตัวเองต้องทำให้ตัวเองสบายใจแท้ๆ ถ้าให้ลึกลงกว่านั้น คือความไม่สบายใจเดี๋ยวมันก็หายไป เพราะมันเป็นอนิจจัง ถึงไม่มีน้ำมนต์มันก็ต้องหายไปอยู่ดี แล้วคุณก็สบายใจเองสักครั้ง แล้วก็ต้องทุกข์ใจอีกเหมือนเดิม😂😂😂 เพราะไม่มีอะไรที่จะเป็นไปในทางเดียวตลอดเวลา
ใช่ พระพุทธเจ้าบอกเอง กรรมสุขหรือทุกข์ไม่มีดลบรรดาล ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วน้ำมนต์ มาได้ยังไง ขัดแย้งกับคำสอน พระพุทธเจ้าเอง
ไปดูผลทางวิทยาศาสตร์นะ
เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์เบียร์ถึงอยากจะไปขอกราบพระองนี้ ท่านตั้งใจศึกษาพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง รู้อย่างลึกซึ้งว่าแต่ละฉบับมีความแตกต่างกันอย่างไร
สรุปว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงอนุญาต ให้สาธยายพระปริตร จึงเป็นอันไม่ควรเลยที่จะไปตำหนิต่อว่าพระที่สาธยายพระปริตรอย่างรุนแรง
หลังจากฟังมากๆ จึงได้ทราบว่าหนังสือพุทธวจนะ มีการเขียนที่ผิดพลาดหลายจุดมาก หากจะใช้เป็นหนังสือเพื่ออ่านธรรมะฉบับย่อ เพราะไม่มีเวลาอ่านฉบับเต็ม อันนั้นก็ดีอยู่ แต่ถ้าจะใช้เป็นอาวุธฟาดฟันล้มล้างพระไตรปิฎกทั้งฉบับ อันนี้ก็ไม่ควร
เท่าที่สังเกตมา อาจารย์เบียร์จะมีความประพฤติระมัดระวังต่อพระเป็นอย่างมาก แม้จะมีการถกกับพระปีนเสาในรายการโหนกระแส แต่ตอนจบรายการก็ยังมีการถวายของและก้มลงไปกราบที่เท้าท่าน เป็นแบบอย่างที่ดีที่ชาวพุทธพึงกระทำตาม fc ของอาจารย์เบียร์จึงควรกระทำตาม ไม่ควรไปกระทำอะไรรุนแรง ไม่ว่าจะทางกายวาจาใจ
พระมหาสมบูรณ์รูปนี้ อาจารย์เบียก็ต้องการเข้าไปกราบ เป็นแบบอย่างอันดีให้ชาวพุทธ ดังนั้น fc ของอาจารย์เบียร์ ก็ควรจะทำใจเปิดรับเหมือนกับที่อาจารย์เบียร์ได้กระทำ
(ที่ว่าอาจารย์เบียร์อยากเข้าไปกราบ อ้างอิงจากคลิปนี้เลยครับ th-cam.com/video/cvIce348T4I/w-d-xo.htmlsi=GdD34CqIkxjoy5BF)
อยากให้มีเวที ในการถกกันเรื่องพระไตรปิฎกตรงไหนถูก ตรงไหนผิด ที่เข้าใจผิดผิดอย่างไร?? ที่ถูก ถูกอย่างไร ฆราวาส จะได้ประโยชน์
@@pongpanklommuang5948 จริงครับ อยากให้ถกว่า หนังสือพุทธวจนะที่ทำโดยวัดนาป่าพง ผิดที่ใดบ้าง โดยผู้รู้ลึกมาถกกันอย่างมีมารยาท แบบที่พระอาจารย์สมบูรณ์ท่านเสนอมาหลายตอนแล้วครับ
@@ภาณุชัยเริงสุขพิพัฒนะลองเเล้วครับอลัชชีคึกฤทธิ์ไม่ยอมออกมาคุย
กราบพระอาจารย์โยมขอเอสแค่อริยสี่และมรรคมีองค์แปดพึ่งตนพึ่งธรรมก็พอแล้วเจ้าค่ะ ยุคปัจจุบันพระสงฆ์ทำผิดเยอะเหลือเกิน พอมาฟังพุทธวจนแล้วจิตสงบเจ้าค่ะ กราบสาธุ
มากกว่า30ล้านคนไม่สนว่าจะกี่เล่ม มันไกลเกินกว่า เค้าจะสนใจไปหาอ่านแต่ตอนนี้มีฆราวาสมาสอนธรรมแบบฟังรู้เรื่องเข้าใจให้อยู่กับปัจจุบันแบบไม่งมงายไม่ผิดศิลธรรมก็ต้องชมเค้า
ฆราวาสสอนธรรม(เรียนมาไม่มาก) กับพระที่ท่านทรงพระปริยัติศึกษามามากสอนธรรมควรจะเชื่อใคร
ท
ฟังจากพระก็มึนตืบเลยตู...55555
สอน อธิบาย แบบพระ คนไทยไม่เข้าใจหรอกครับ
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี 😇😇😇
ฟังแล้วน่าเบื่อ พูดแต่ภาษาบาลี ไม่ต้องพูดบาลีก็ได้ พูดให้เข้าใจเลย นี่แหล่ะเข้าวัดไปก็แค่นั้น ไม่เข้าใจ
@@lekkiclarke6149คนสอนที่เก่งและฉลาด ต้องฉลาดในการสอนทำให้คนไม่รู้ รู้เข้าใจและฉลาดขึ้น พระพุทธเจ้าทรงเป็นบรมครู สาธุ
ทำไมท่านถึงยกภาษาบาลีมารู้ไหมครับเพื่อจะให้คุณรู้ไงว่าเอามาจากพุทธวจนจริงๆไม่ใช่แค่พูดเอาเองโดยไม่มีหลักฐาน@@story8147
ต้องขอบพระคุณวัดนาป่าพง ที่ทำให้เกิดความสนใจเนื้อหาตามคำสอนแท้ในฉบับบาลีสยามรัฐ ผมเองเข้าใจคำสอนตามหลักก็เพราะวัดนาป่าพง นี่แหละ
แปลเอง แปลเป็นหรอ หรือเอามาจากที่พระอรรถกถาแปลไว้ ขำจริง
@@บาลี5nuunengdj อรรถกถาคำแต่งใหม่ไร่สาระ
@@fnmydn ไม่ใช้ อรรถกถา แปลได้ไหมครับ ไหนแปลประโยคนี้ โดยใช้สำนวนของคุณเอง ห้ามใช้สำนวนของพระอรรถกถาจารย์ ให้ดูหน่อยครับ
" สพฺพํ ภิกฺขเว อาทิตฺตํ กิญฺจ ภิกฺขเว สพฺพํ อาทิตฺตํ จกฺขุํ ภิกฺขเว อาทิตฺตํ รูปา อาทิตฺตา จกฺขุวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ จกฺขุสมฺผสฺโส อาทิตฺโต ยมฺปิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา ตมฺปิ อาทิตฺตํ เกน อาทิตฺตํ อาทิตฺตํ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ ชาติยา ชรามรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺตนฺติ วทามิ ฯ แปลให้ดูหน่อยครับ ใช้สำนวนของคุณนะ
โง่อีกตัวโผล่มาละ.
ต้องหนองป่าพรงของหลวงพ่อชาตรงตามพระไตรปิฎก
ภิกษุรู้มากประโยชน์น้อย = รู้เรื่องไม่ประกอยด้วยประโยชน์
ภิกษุรู้น้อยประโยชน์มาก = รู้คำสอนพระพุทธเจ้า
เช่น ภิกษุรูปหนึ่ง ศึกษาหาสิ่งไดพระพุทธเจ้าห้าม สิ่งไดพระพุทธเจ้าไม่ห้าม อายุ มนุษย์ 100 ปีคงไม่พอ(รู้เยอะประโยชน์น้อย)
ส่วนภิกษุรูปหนึ่ง ศึกษาหาว่าสิ่งไดที่พระพุทธเจ้าตรัสให้ศึกษาให้ตั้งใจทำอย่างนี้อย่างนี้ว่าเป็นสิ่งที่ควรศึกษาเล่าเรียน (รู้น้อยประโยชน์มาก)#เรื่องพระพุทธเจ้าทำน้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่ ด้วยเหตุที่ว่าขัดกับพระสูตร "ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้เว้นขาดจากเดรัฉานวิชาเห็นโทษปานนั้นอยู่"
และอีกหลายพระสูตร หลักใหญ่ๆคือพระองค์ตรัส สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ถ้าพระพุทธเจ้าลดน้ำมนต์งั้นสัตว์โลกก็เป็นไปตามน้ำมนต์สิ มันขัดกัน พระองค์จึงตรัสไว้อีกว่า ได้ฟังอะไรมาแล้ว พึงอย่ารับรอง อย่าคัดค้าน ให้เอามาเทียบกับคำสอนว่ามันเข้ากันได้ลงกันได้มั้ย ถ้าเข้ากันได้แสดงว่าภิกษุจำมาถูก แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ลงกันไม่ได้แปลว่าภิกษุจำมาผิด หรือท่านทั้งหลายพิจราณาดู ประโยชอะไรด้วยน้ำจะทำอะไรเราได้😊 เหลืออีก3ธาตุนะอย่าลืม เป่าลม ซัดดิน บูชาไฟ น่านเข้าหมดเลย ของศาสนาพราหมชัดพอมั้ย😊
อนุโมทนาสาธุครับ
แตกฉานดีแท้ นี่สินะที่เรียกว่า เนื้อนาบุญของแท้ ขอกราบนมัสการ พระสมบูรณ์ครับ
การทำน้ำมนต์ คือการ ช่วยเหลือคน คือสายขาว ส่วน เดรัจฉานวิชาคือ เอาไว้ทำร้าย คน จุดมุ่งหมายต่างกัน ชัดเจน เพราะฉะนั้นการทำ น้ำมนต์จึงไม่ใช่ เดรัจฉานวิชา แต่เป็นสิ่งช่วยเหลือคน
ขาวไงคะ?ถ้าเชื่อว่าทำให้เราหมดเคราะห์ หายจากโรคก็แย้งคำสอน
ที่ทรงตรัสว่า"สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" สิบสองพระสูตรห้ามพระทำ
แต่เกิดโรคห่าพระอานนท์ เอาน้ำมนต์ไปพรมทั่ว มหานคร อันนี้ม่ใช่ คำมันแต่งใหม่นะคะ
ถ้าไป ดูสิบพระสูตร ทรงตรัสว่า คำพูดท่านไม่ ขัดแย้งกันเป็นอื่น เข้ากันได้เหมือนน้ำนมกับน้ำ
พระองค์ทรงตรัสว่า "สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" กรรมทางกาย ทางวาจา ทาง ใจ(ความคิด)
ของเราเอง งั้นน้ำมนต์มาบันดาลให้หายป่วยได้ขัดแย้งเต็มๆ
ไม่มีใครมาดลบันดาลได้
ชัดเจนคับหลวงพ่ออ่านตามพระไตรปิฎก
คำสอนของพระพุทธเจ้าสอดรับไม่ขัดแย้งกันไม่ใช่หรอครับ พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่ไปหลงงมงายในไสยศาสตร์ แล้วการรดน้ำมนต์ช่วยในเรื่องอะไรหรอครับ ถ้าบอกว่าช่วยได้นี่ขัดกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยนะครับ
เล่มที่พระมหาเอามาอ่านให้ฟังในคลิปนี้แหละครับที่ขัดแย้งกับอีก 13 พระสูตร
@@tranceprogressive8414อย่าเพ้อเจ้อไปเอามาเเจงสิว่าผิดอะไรในพระวินัยมึงไม่นับด้วยละมึงเอาเเค่พระสูตรอย่ามาปัญญาอ่อน
พระรูปนี้ก็คงมาผิดทาง อีกเเล้วละ หนทางไปเมืองราชคฤห์ก็ยังตั้งอยู่ พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้บอก
@@หยอยหยอย-ฤ5ป เพ้อเจ้ออย่ามาพูดเเบบสมองกลวง
อ่านนะครับแล้วจะเข้าใจว่าพระก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง น้ำมนต์ ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีทั้งส่วนที่ปรากฏในคัมภีร์โบราณและส่วนที่พัฒนาขึ้นใหม่ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนพุทธในยุคหลัง ดังนั้นคำถามว่า "น้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่หรือไม่" อาจต้องพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางวัฒนธรรม
1. ในพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณ
คำว่า "น้ำมนต์" หรือการใช้น้ำในพิธีกรรม ไม่ได้ปรากฏอย่างตรงตัว ในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าในยุคต้น ๆ แต่มีการกล่าวถึง น้ำ ในฐานะสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการชำระล้างจิตใจ เช่น การใช้ในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคล เช่น การเจริญพระปริตร (บทสวดที่มีพลังเป็นมงคล) อาจเกี่ยวโยงกับน้ำมนต์ในภายหลัง
2. น้ำมนต์ในฐานะวัฒนธรรมที่พัฒนาในยุคหลัง
การใช้น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา อาจได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮินดูและความเชื่อพื้นบ้าน ที่ใช้น้ำในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคลและการขจัดเคราะห์ร้าย
เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว หรือกัมพูชา ประเพณีการใช้น้ำมนต์ได้ถูกนำมา ปรับให้สอดคล้องกับวิถีพุทธ เช่น การสวดมนต์เจริญพระปริตร และการปลุกเสกน้ำมนต์
3. คำว่า "น้ำมนต์" แต่งใหม่หรือไม่?
คำว่า "น้ำมนต์" อาจไม่ได้เป็นคำดั้งเดิมจากพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล แต่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นในภายหลังเพื่อเรียกน้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พุทธศาสนาประยุกต์ ที่พัฒนามาจากการผสมผสานศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้าน
---
4. มุมมองทางธรรมะ
พระพุทธเจ้าสอนว่า "การชำระล้างที่แท้จริงอยู่ที่การชำระจิตใจ" ผ่านการปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการกระทำกรรมดี การใช้น้ำมนต์ในปัจจุบันจึงเป็น ส่วนเสริมทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้พุทธศาสนิกชนเกิดความมั่นคงในจิตใจ ไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน
---
สรุป
น้ำมนต์ อาจถือได้ว่าเป็นคำและแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ในบริบทของพระพุทธศาสนา แต่ยังคงยึดโยงกับความเชื่อในพลังแห่งธรรมะและการสวดมนต์เพื่อความเป็นมงคล น้ำมนต์ไม่ใช่แก่นของคำสอน แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างศรัทธาและความสงบทางใจในมิติของวัฒนธรรม.
พระพุทธเจ้าอนุญาติให้ทำน้ำพระพุทธมนต์ได้ ด้ายมงคลก็สามารถทำได้ สมัยพุทธกาล ด้าย ฟ้ายเป็นของหายาก เมื่อกาลเวลาผ่านมา ครูบาอาจารย์ก็มีวัตถุดิบมากจึงทำ ผ้ายันต์ได้ พิรอดแขน มงคล ตะกรุด แต่ล้วนแล้วสร้างให้จากความเมตตาทั้งนั้น เช่นพระอาจารย์ธรรมโชติ ท่านทราบไหมว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ท่านก็ทราบ แต่ท่านก็ทำให้ชาวบ้านบางระจัน...สิ่งเหล่านี้ เราจะยัดข้อหาโบราณจารย์เป็น พระสงค์นอกรีดหรือ เป็นพระไม่ดีหรือ ชาติไทยตั้งมาได้เพราะศรัทธา หากชาวพุทธขาดศรัทธาแล้ว รับรองศาสนาเสื่อมแน่
พระสงฆ์ปัจจุบันถึงเป็นกันแบบนี้ไงครับ มีเทพเจ้ากันเต็มวัด เพราะเราไปเกรงใจพระสงฆ์ แต่เราไม่เกรงใจ พระพุทธเจ้า
ท่านพระมหามาชี้แนะแนวทางในการศึกษา หรือออกมาตัดสินว่าพระรูปนั้นสอนผิด รูปนั้นสอนถูก หรือว่าท่านบัญญัติคำสอนเอง ถึงรู้ใครผิดใครถูก ทุกคนใช้ความคิดตนตัดสินทั้งนั้น จบป.ธ.เก้าก็เยอะ แต่ท่านเหล่านั้นไม่กล้าชี้ผิดชี้ถูกขนาดนี้ ขออนุโมทนาครับ
ท่านคึกฤทธิ์ก็ตัดสินคนอื่นแบบนี้ ไอ้เบียร์ก็ตัดสินพระแบบนี้ สรุปแล้วคุณจะให้เป็นแบบไหน
@@sutthiphanbuanphirom534 พระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติ พระธรรม พระธรรมวินัย ไว้ให้รู้ตาม
ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา
สัทธานุสารี เกิดปรากฏขึ้นมา
นั่นคือถูกต้อง เพราะว่าเป็น เส้นทางสู่ นิพพาน คือ อริยมรรคมีองค์แปด
ถ้า นิวรณ์ทั้งห้า เกิดปรากฏขึ้นมา สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้นมา ก็จะยังคง เวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏ นั่นเองค่ะ
สังโยชน์ คือ เครื่องร้อยรัด
@@sutthiphanbuanphirom534ถูกต้องแน่นอน ถ้า อริยมรรคมีองค์แปด เกิดปรากฏขึ้นมา
ถูกต้องแน่นอน ถ้า สัทธานุสารี เกิดปรากฏขึ้นมา
ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะว่า นิวรณ์ทั้งห้า เกิดปรากฏขึ้นมา
ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะว่า สังโยชน์ ทั้งสิบ เกิดปรากฏขึ้นมา
@@sutthiphanbuanphirom534 เมื่อ เห็น การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยมรรคมีองค์แปด ถึงจะรู้ว่า ทางนี้ถูกต้องแล้ว
เจริญสติปัฏฐาน 4 กาย เวทนา จิต ธรรม ด้วยการเจริญอานาปานสติ เพื่อเพ่งพิสูจน์ การเกิดดับของ ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด ก็จะเห็นการเวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏ
ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด เวียนว่ายตายเกิดใน สังสารวัฏ
น้อมอนุโมทนาสาธุครับพระอาจารย์
🙏🙏🙏
เอาแล้วไง...เดรัจฉานวิชชา ที่ควรเรียนก็มีอยู่..พระพุทธเจ้าอนุญาติ นี้ไง.การตีความย้อนแย้งแบบนี้ไง น้ำมนต์ เครื่องรางถึงเต็มเมือง ตามพระสูตรกลองศึกเลย
โนบิตะแก่บวชมาเพื่อสิ่งนี้เพราะของมันดีจริงโนบิตะจีงต้องรักษาไว้
@@Yooth15 ประมาทไปปรามาศคนอื่นไปทั่วทำพลาดไปตอนไหนไม่รู้ตัว รู้ตัวก็ตอนเมื่อสายแล้ว
พระพุทธเจ้าบอก ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน กรรมสุขหรือทุกข์ไม่มีใครดลบรรดาล แล้วมีน้ำมนต์ ได้ไง ทำไมมันขัดแย้ง
@@wonbinphomma9916 ที่ท่านพี่กล่าวมาก็ถูก "ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน กรรมสุขหรือทุกข์ไม่มีใครดลบรรดาล"...พระพุทธเจ้ากล่าวเช่นนั้น
น่าจะหมายถึงไม่มีพระเจ้าซึ่งเป็นบุคล ที่มีตัวตนตามความเชื่อของศาสนาอื่นๆ มาคอยดลบันดาลให้เรา นอกจาก กรรม ซึ่งมีบุญและบาป อยู่เบื้องหลัง
แต่พุทธศาสนา บุญ และบาป งัยครับ ตัวบันดาล
ให้เราเป็นไปต่างๆ นาๆ สมมุติ พี่เจ็บป่วย การไปพบเจอหมอที่เก่งๆ และดี มีเมตตา ก็เพราะบุญบันดาลให้ได้เช่นนั้น เพราะทุกสิ่งล้วนมีบุญ-บาปสัมพันธ์กันมาในอดีต นับชาติไม่ถ้วน
สมมุติ พี่มีบุญสัมพันธ์ในกาลก่อน มากับพระอรหันต์รูปหนึ่ง...และชาติปัจจุบัน มาพบเจอกัน ท่านบรรลุอรหันต์ไปแล้ว แต่พี่ยังเป็นปุธุชนอยู่
บังเอิญพี่เจ็บป่วย หรือเป็นเศษกรรมบางอย่าง
ทำให้พี่ไปเจอพวกไสยเวทย์สายดำ ทำให้เจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัว...และไปปรึกษาให้พระอรหันต์ท่านช่วย และด้วยความที่ พี่มีบุญสัมพันธ์ในกาลก่อนกับท่านมา หากท่านเมตตาต่อสัตว์โลก จึงทำการช่วยเหลือเป็นการสงเคราห์สัตว์โลก
ซึ่งหากท่านรู้ ท่านเห็นว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวพี่ที่ทำให้ป่วย และไม่เกินกรรมของพี่ ที่ท่านจะช่วยได้...ท่านอาจจะทำน้ำพระปริตร ให้พี่ดื่มกิน
หรือให้วัตถุอะไรสักอย่าง อาจเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กๆก็ได้ มาติดตัวไว้...แล้วพี่อาการดีขึ้น จนหายป่วยครั้งนี้ไปได้...
พี่คิดว่า ความสุข ที่ได้กลับคืนมาจากการหายป่วยในครั้งนี้ มีอะไรบันดาลไหมครับ???
***ท่านพี่อย่าลืมนะ ผู้สำเร็จ ขั้นฌาน4 ขึ้นไป จนไปถึงขั้นโลกุตตระ ทั้งหมด ล้วนมีคุณวิเศษทั้งสิ้น(ขึ้นอยู่ที่ว่าท่านจะใช้หรือไม่ใช้ตามเหตุปัจัย)
ด้วยเหตุนี้งัย พระพุทธเจ้าจึง ตรัสเรื่อง อจินไตย4. ว่าปุธุชน ไม่ควรคิดเพราะจิตเราไปไม่ถึง ซึ่ง อจินไตย4 ข้อที่.2 ก็คือ (ฌานวิสัย) ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้มีฌานสมาบัติ ย่อมทำอะไรที่เกินกว่าวิสัยของปุธุชน ได้เสมอ...
แล้วไม่ต้องสงสัยอีกนะครับ ว่าสิ่งที่ท่านทำช่วยเหลือท่านเป็นเดรัจฉานวิชาหรือไม่???
ต่อให้เป็นเดรัจฉานวิชา ถ้าท่านรู้ว่าทำแล้วช่วยให้พี่หายป่วยได้ ท่านก็คงทำให้ เพราะพี่มีบุญสัมพันธ์กับท่านมาในอดีต....เพราะคำว่าเดรัจฉานวิชา เป็นแค่ตัวขวางทางมรรคผลนิพพาน..สำหรับผู้ยังไม่บรรลุุมรรคผล...
แต่วันนี้จิตท่านบรรลุ อรหัตผล ไปแล้ว จึงไม่มีบุญ-บาป ส่งผลอะไรกับท่านให้มีภพชาติต่อไปอีกแล้ว(ในทางพระอภิธรรม เรียกว่า เป็นเพียง
กริยาจิต เท่านั้นที่เกิดกับพระอรหันต์ ไม่มี
อกุศลจิต หรือ กุศลจิต เกิดกับท่านอีกต่อไปแล้ว
แต่ด้วยมีบุญสัมพันธ์กับท่านมา ท่านอาจจะช่วยพี่เป็นการสงเคราะห์สัตว์โลกเพียงเท่านั้น...
(หวังว่าพี่จะพอเข้าใจ เรื่องที่สงสัย ได้บ้างนะครับ )....สาธุๆๆๆ🙏❤🙏
น้อมกราบพระอาจารย์สาธูๆคะ
เพื่อนลองใช้สติคิดดีๆครับอย่าพึ่งเชื่อ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีใครบันดาลตัวเรา เราก็บันดาลตัวเองไม่ได้ ทั้งเราและเขาก็บรรดาลไม่ได้
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
พระพุทธเจ้าเคยบอกอีก ว่าหากการอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง
ใครเล่าจะมีความทุกข์มีความเสื่อมในโลกนี้
แต่พระสงฆ์ทุกวันนี้ทำน้ำมนต์ เพื่อให้คนพ้นโลกภัยพ้นผีพ้นเจ้ากรรมนานเวร
แต่พระอาจารย์กับบอกว่าทำน้ำมนต์ได้ถ้าสิ่งนั้นทำให้เป็นศิริมงคล
แบบนี้มันขัดแย้งกันไหมครับ
ไหนว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
พระอาจารย์ใช้พระสูตรอถคาถา
ที่พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ไปตัดน้ำแล้วเอามาพรมในเมือง
แต่อถคาถาเรื่องนี้แต่งขึ้นหลังพระพุทธเจ้านิพพานไปเกือบ1,000ปี มันเชื่อถือได้หรอครับ
ตกลงใครกันแน่กล่าวตู่คำพระศาสดา
น้ำมนต์ที่พระอานาท์ทำจากบาตรของพระพุทธเจ้าย่อมปราบโรคภัยได้แต่สมัยนี้ทำจากขันหรือบาตรธรรมดาคงจะไปเปรียบเทียบกับสมัยพทธกาลไม่ได้เพราะฉนั้นเราคิดว่าการทำน้ำมนต์สมัยนี้เป็นเดรฉานวิชา แอบอ้างรักษาโรค ไล่ผี ทำให้ร่ำรวย พ้นทุกข์ได้
กาลามสูตร10ประการ
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
มึงบ้าอะไรอรถถกถามีมาตั้งเเต่ยุคที่พระองค์ยังมีพระชนชีพอย่าเสร่อ
คนเขาไม่เข้าใจหรือไม่ต้องการจะเข้าใจ
ผมก้อไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจ
จขคม นะ
คำพระศาสดาสอนว่าการทำ
น้ำมนไม่ได้ แต่พระรูปอื่น
อ้าง อรรถกถา ที่แต่งเติม
เสริมเข้ามา บางส่วนอธิบายเพิ่ม
ในคำพระศาสดา บางส่วนเพิ่มมาดื้อๆ
นอกเหนือจากคำพระศาสดา
พระที่สอนแต่คำพระศาสดา
ที่เรียกว่า พุทธวจน
บอกว่าสอนผิดเชื่อไม่ได้
แต่บอก อรรถกถา ใช้ได้
เปรียบเหมือนหนังสือเล่มแรก
ที่สอนไว้หมดทุกอย่างแล้ว
ถูกต้องสอดรับกันทั้งหมด
บอกไม่เอา
จะเอาหนังสือที่แต่งเพิ่ม
จากหนังสือเล่มแรกอีกที
จะเรียกว่า นิยายที่อ้างอิง
กับหนังสือเล่มแรกก็ยังได้
ที่สุดก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถอะครับ
เราทำได้แค่ชี้นำ
สุดท้ายก็แล้วแต่
กรรมแต่ละคนที่เคยสะสมมา
ว่าจะคิดเชื่อไปในทางใด
แต่ถ้าอ้างว่า อรรถกถา ใช้ได้
แน่นอนว่ามันจะขัดกับคำ
ศาสดาแน่นอน เพราะคำแต่งใหม่
ไม่ใช่คำของพระศาสดาที่สอดรับกัน
ไม่ขัดแย้งกันทุกประการ
ปัญหาของพุทธศาสนาที่ทะเลาะกัน
ไม่จบไม่สิ้นก็มาจาก อรรถกถา นี่แหละ
ทุกวัดจะอ้างตามนี้ว่าทำได้
แม้แต่ ฉันเพล ก็ยังอ้างเลยว่าทำได้
ทั้งที่ความเป็นจริง พระสูตร
ที่พระพุทธเจ้าตรัส ก็บอกชัดเจน
ว่าภิกษุฉันเพียงวันละ 1 มื้อ
@@chompooqdeer3218 เพ้อเจ้อ
เรื่องทํานํ้ามนต์และที่คล้ายคลึงกันแต่เป็นรูบแบบอื่น ขัดแย้งกับกรรมนิยามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน.
การกระทำ หรือพิธีกรรมใดก็ช่าง ถ้ายังเนื่องด้วยความเชื่อที่ว่า กรรมและสุขทุกข์เกิดจากใครหรือผู้อื่นบันดาล นั้นแหละ ย้อนแย้งกับคําสอนของพระพุทธเจ้า.
ชาวพุทธที่ยังไม่ได้ศึกษาคําสอนของพระพุทธเจ้าจะเข้าใจผิดว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลอะใรได้ ชึ่งตรงกันข้ามกับคําสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนว่า:
1. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล
2. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากตนเองบันดาล
3. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นและตนเองบันดาล
4. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆโดยปราศจากเหตุผล
เรื่องทํานํ้ามนต์และที่คล้ายคลึงกันแต่เป็นรูบแบบอื่น เป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าคิดว่า กรรม และสุขทุกข์เกิดจากผู้อื่นบันดาล .
คติของผู้มีมิจฉาทิฏฐิ
มิจฉาทิฐิ เป็น ทิฐิวิบัติ
ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เรากล่าวว่ามีคติเป็น ๒ คือ นรกหรือกำเนิดเดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง.
---------------------
เป็น #วัตตโกตูหลมงคล เป็นมงคลภายนอก ของสมณพราหมณ์เหล่าอื่น ไม่ใช่ของพระพุทธเจ้า คือ เป็นข้อปฎิบัติทางกายทางวาจา ตามความเห็นความเชื่อของชนเหล่าอื่น
-----------------------
เป็น #สีลลัพพตปรามาส #สีลัพพตุปาทาน เพราะการทําตามหรือยึดถือข้อวัตรข้อปฏิบัติตามฤษีโยคี สมณะพราหมห์เหล่าอื่น ที่ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า.
การเชื่อในเทพเจ้า การเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์… การเชื่อว่ากรรมและสุขทุกข์เกิดจากผู้อื่นบันดาล นี้แหละ จัดเป็น สีลัพพตปรามาส ที่ขวางกั้นมรรคผลนิพพาน.
----------------------------
ที่อ้างว่าพระพุทธเจ้าให้พระอานน ทํานํ้ามนต์ เป็นคำแต่งใหม่ ครับ
คําสอนของพระพุทธเจ้าไม่ขัดแย้งกัน
เรื่องารทํานํ้ามนต์ขัดแย้งกับ กรรมนิยาม แย้งกับกฎแห่งกรรม ระบบของกรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้:
เราทำกรรมอันใดไว้ เราจักต้องได้รับ(ผล)ของกรรมนั้น
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวและดีต่างกัน.
กรรมเปรียบเหมือนก้อนเกลือที่เท่ากัน ถ้าใส่ลงในขันน้ำ ก็เค็มมาก ถ้าใส่ลงในแม่น้ำก็เค็มน้อย.
84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=6566&Z=6646
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน กรรมและสุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล.
การดลบันดาลไม่มีในโลก. เหตุสมปรารถนาคือต้องเป็นผู้มี สัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา.
-------------------
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อพิจารณา-ไตร่ตรอง-เทียบเคียงด้วยตนเอง
ไขข้อสงสัย ที่มาของการทํานํ้ามนต์ ที่อ้างมาจากพระสูตร รัตนสูตร
facebook.com/groups/934684070024209/permalink/2589018907924042/
พระสูตร รัตนสูตร นั้นมี ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสไว้จริง แต่ส่วนการทํานํ้ามนต์ พระพุทธเจ้าตรัสไม่ได้ตรัสไว้, ส่วนการทํานํ้ามนต์ เป็นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาที่หลัง เป็นเคําเเต่งไหม่ที่สวนทางกับคำพระพุทธเจ้า พบเห็นในพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เท่านั้น (เรื่องการทํานํ้ามนต์) และ เป็นแค่ในส่วน อรรถกถา เท่านั้น ไม่ไช่ส่วนที่เป็นพุทธวจน (ส่วนที่พระองตรัสเอง หรือรับรองไว้เอง).
ถ้าถามว่าแล้วใครแต่งล่ะ คำตอบคือ ระบุรายละเอียดตัวตนไม่ได้ เพราะอ้างว่า “พระโบราณาจารย์ทั้งหลาย พรรณนาไว้”. ยังดีที่ใช่คําว่า “พระโบราณาจารย์ทั้งหลาย พรรณนาไว้” แต่ถ้าใช้คําว่า“ พระพุทธเจ้าตรัสไว้, กล่าวไว้ ” ถือว่า เป็นการกล่าวตู่ พระพุทธเจ้าด้วยถ้อยคำที่ไม่จริง น้้นจะเป็นสิ่งไม่ดี- เป็นบาปกรรม- ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก.
84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=522&Z=555
ใน พระไตรปิฎก ทั้งสามฉบับอื่น พระไตรปิฎกแปลไทย (ฉบับหลวง, ฉบับมหาจุฬาฯ ) และ พระไตรปิฎกต้นฉบับ (บาลีสยามรัฐ) กล่าวถึง รัตนสูตร เกี่ยวกับ อุดมมงคล ชึ่งไม่มีเรื่อง การทํานํ้ามนต์อะไรนั่นเลย...มีแต่เรื่องแผ่เมตตาปรารถนาดีต่อกัน.
แปลกไหม?
etipitaka.com/read/thaimm/47/16/
สาธุครับ ชัดเจนแจ่มแจ้ง.
คำว่าบันดาล คือ เชื่อว่ามีได้จากการ ทำพิธีกรรม การถือวัตุมงคลและการบริกรรมคาถา แต่ผมมองเรื่องกรรมมันซับซ้อน เราต้องมองคุณสมบัติของสสารหรือคลื่นนั้นๆ เช่น ถ้าเราไปใกล้รังสีแกรมม่า เราจะรอดมั้ย งั้นแกรมม่าก็ดลบันดาลกรรมให้เราเจ็บป่วยจนตายได้สิ
คลื่น อัลฟ่า ก็ดลบันดาลความสุข ทุเลาจากโรคได้สิ
เรื่องพระปริตร มันเกินกว่าวิสัยผู้ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกสมถกรรมฐาน ว่ามีคุณสมบัติอะไร โลกธาตุมีมิติที่สูงว่าเรา แต่ที่ผมรู้อิทธิปาฏิหาริย์มีจริง แต่ที่จะสอดรับกัน มีผลกันและกัน คือมี กรรม มาเป็นภาชนะรองรับผลของสิ่งนั้นๆเสมอ ถ้าเราไม่มีกรรม เราจะไม่ไปเฉียดหรือโดน สิ่งที่ดีและไม่ดีที่มีผลต่อร่างกายและจิตใจเลย
@@VayoBeyonder ทําความเข้าใจเรื่องกรรม ให้ถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก
สรุปสั้น:
กรรม แปลว่า ‘ การกระทำ ที่เจตนา’ หรือ การปรุงแต่งสังขาร ทางกาย วาจา ใจ.
กรรม ใม่สามารถสะเดาะออกได้เพียงเพราะ ‘พิธีกรรม’ หรือ การอ้อนวอน-ร้องขอ.
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" "ใครสร้างเหตุปัจจัยมายังไง ก็จะได้ผลอย่างงั้น"
กรรมนิยาม กฎแห่งกรรม ระบบของกรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้: -->
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ทั้งหลายให้เลวและดีต่างกัน.
เราทำกรรมอันใดไว้ เราจักต้องได้รับ(ผล)ของกรรมนั้น.
กรรมเปรียบเหมือนก้อนเกลือที่เท่ากัน ถ้าใส่ลงในขันน้ำ ก็เค็มมาก ถ้าใส่ลงในแม่น้ำก็เค็มน้อย.
etipitaka.com/read/thai/20/237/
--------------------------------------------------
สรุปสั้น ๆ
6 อย่าง เรื่องกรรม ควรรู้
1. กรรมต้องมีเจตนาเท่านั้น ส่วนที่เราไม่มีเจตนา ทั้ง กายวาจาใจ ไม่เป็นกรรม
2. กรรมเกิดจาก ผัสสะ
3. กรรมที่ทำให้ไปเกิดในที่ต่างๆนั้นมี (นรก กำเนิดดิรัจฉาน เปตวิสัย มนุษย์ เทวดา)
4. ผลของกรรมในเวลาต่างกัน( เวลาปัจจุบัน เวลาต่อมา เวลาต่อมาอีก)
5. ดับกรรมต้องดับที่ผัสสะ
6. วิธีดับไม่เหลือของกรรม ,ดับกรรมไม่ดำไม่ขาว
(ต้อง ปฏิบัติ ตาม มรรคองค์8 เท่านั้น)
www.anakame.com/page/3_Buddha_Wajana/Book_pdf/กรรม.pdf
----------------------------------------------------------
พระพุทธเจ้าสอนว่า:
1. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล
2. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากตนเองบันดาล
3. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นและตนเองบันดาล
4. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆโดยปราศจากเหตุผล
--> นิทานสัมภวะ(แดนเกิด)แห่งกรรมทั้งหลายเกิด จากผัสสะ(สัมผัส)ในอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น ตาเห็นรูป (สัมผัสทางตา แล้วเกิดมีการรับรู้ด้วยวิณณาญ แล้วมีการเสวยอารมณ์ (เวทนา= สุข ทุกข์ เฉยๆ) ดั่งนี้เป็นต้น
และ กัมมนิโรธ(ความดับกรรม)แห่งกรรมทั้งหลาย ย่อมมีเพราะความดับไปแห่งผัสสะ. ดับกรรมต้องดับที่ผัสสะ, วิธีดับไม่เหลือของกรรม(ปฏิบัติ ตาม มรรค8)
---------------
4 ข้อนี้ ที่สรุปมานี้ เป็นประโยคที่สำคัญ
ผู้ที่ได้ศึกษาพุทธวจน และได้อ่านพระสูตรที่เกี่ยวข้องเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้.
ปุถุชนทั่วไป และ ต่างศาสนา ไม่มีทางเข้าใจได้ เพราะใน คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่สอนเรื่อง อนัตตา ,อุปาทาน และ วิธีถอนออกจากอุปาทานทั้งหลายเหล่านี้ได้ (กามุปาทาน ความยึดมั่นในกาม /ทิฏฐุปาทาน ความยึดมั่นในทิฏฐิ / สีลัพพัตตุปาทาน ความยึดมั่นในศีลและวัตร / อัตตวาทุปาทาน ความยึดมั่นในวาทะว่ามีอัตตา).
----------------
1. กรรมและสุขทุกข์ ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นบันดาล:
→ข้อนี้ ใคร่ครวญจากพระสูตรเรื่อง เหตุสมปรารถนา
-สังขารูปปัตติสูตร etipitaka.com/read/thai/14/172/
-ปัตตกรรมสูตร etipitaka.com/read/thai/21/65/
-อุปมา บุรุษต้องการน้ำมัน อุปมาการกระทำโดยอุบายไม่แยบคาย
etipitaka.com/read/thaibt/3/1393/
- และอีกพระสูตรหนึ่ง เพราะถ้าการอ้อนวอนให้ผลจริง จะมีใครในโลกเสื่อมจากอะไรได้ เพราะทุกคนต่างก็อ้อนวอนเป็นหมด เมื่อใครมีทิฐิ มีความเชื่อเรื่องการวิงวอนร้องขอ การทําความดี-ความชั่วก็ไม่มีความหมาย.84000.org/tipitaka/read/?22/43/51
อิฎฐสูตร: อายุ วรรณะ สุขะ ยศ สวรรค์ ไม่ได้เกิดจากการอ้อนวอน www.anakame.com/page/1_Sutas/300/378_Sutas.htm
@@monksom
โอ็ย อ่านแล้วเหมือนเก่งจัง
แต่ยังไม่รู้แจ้งนะ
@monksom มึงมั่วข้อมูลมากอีเพี้ยน
สาธุ สาธุ สาธุท่านผู้ที่ออกมาตอบโต้ แสดงความคิดเห็น ให้เดรัจถี รับทราบ เข้าใจบ้างพวกหนู พวกหนอน ในศาสนาพุทธที่บวชแล้ว ออกมาเป็นปราชญ์ หรือเป อกตัญญู เนรคุณศาสนามีมากครับ ดีครับ ครับ ดูครับ อนุโมทนาบุญด้วย
สรุปคือ อาบน้ำมนต์ก็คือ เดรัชฉานวิชา พ่นน้ำมนต์ ก็ใช่ บนบาน หรือ แก้บน คือเดรัชฉานวิชา เว้น น้ำมนต์ ที่สวดจากบท พระปริต นะท่าน ทีนี้ หันกลับไปดู แต่ละวัด ...... ผ่ามมมมม 90% เดรัชหมดเลย เอาไงทีนี้
โยมก็มึนตึบ
จริง
ก็ต้องเลิกเชื่อในน้ำมนต์
ไม่แปลกใจข้อนี้ทำไมมีการถกเถียง เพราะมันย้อนแย้งกับพุทธพจน์ อีกฝั่งหนึ่งถึงบอกว่าแต่งใหม่ พอฟังแล้วส่วนตัวก็รู้สึกว่าย้อนแย้งกับคำสอน
ไอ้พวกที่บอกว่าแต่งใหม่ก็ใช่จะรู้ดี พอดีมีสำนักพุทธวจนของสมมุติสงฆ์คึกลิดไปค้นมาตกๆหล่นๆไปมาจนเหลือพระไตรปิฎกไม่กี่เล่ม ศีล227เหลือแค่150 เอากะสำนักนี้ซิ
@@khemtishomhaul9145 สามารถเพ่งพิสูจน์ได้ค่ะว่า เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ไม่ใช่ คำสอนของพระพุทธเจ้า
คำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
คำสอนที่ ไม่มี ธรรมที่เป็นเหตุ ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท เป็นคำสอนที่ สาวก ภาษิตขึ้นมาเอง ก็คือ เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ ซึ่งเป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
สาธุสาธุครับขอน้อมรับคำสั่งสอน
น่าเห็นใจพระภิกษุสงฆ์ หากว่าคนตื่นธรรมะไม่ออกมาแสดงหรือไม่ออกมาพูดเกี่ยวกับธรรมะพระภิกษุสงฆ์ก็จะพูดอย่างเดียวให้แต่ญาติให้แต่โยมทำบุญทำทานอย่างเดียว โดยไม่นำธรรมะมาสั่งสอนญาติโยมเลยน่าเห็นใจมากครับ แม้แต่พระองค์นี้ก็อย่ามัวแต่ไหว้ครูอยู่ไม่นำธรรมะมาสอนให้ญาติโยมไปธรรมะในการดำรงชีวิตในแต่ละวันเลยพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องน่าเห็นใจญาติโยมจริงๆ
โชคดี ที่เจอะเจอพุทวจน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง ศึกษาปฎิบัติธรรม เจริญอานาปานสติ สิบกว่าปี ปัจจุบันอจ.เบียร์ เผยแพร่พระธรรม องค์ตถาคต ค่ะ
จริงของ อจ.เบียร์.ไม่ตอ้งออกมาแกล้ตัวแทนให้หมอผี
เกือบจะเนียนอยู่แล้วเชียว แต่ผู้มีปัญญายังคงดูออก
ก็เพราะมีคนสมองกลวงไม่รู้ไงบาลีไม่อ่านอวดฉลาด
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ถ้าใครเชื่อและเดินตามหลักธรรมนี้ ผมเชื่อว่าคนเดินตามต้องมุ่งสู่มรรคผลนิพพาน แต่ถ้าเขื่อเรื่อง ดิน น้ำ ไฟ ลม จะทำเรื่องนั่นเรื่องนี้ส่งผลเรื่องนั่นเรื่องนี้ ให้สำเร็จก็จะวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้ต่อไป เรื่องอนุภาพ ในน้ำมนต์ก็ดี ในดินก็ดี มันก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี แต่มันจะไปขัดต่อหลักธรรม ขัดต่อมรรคปลนิพพาน เพราะคนที่ติดอยู่กับเรื่องพวกนี้ ไม่สามารถหนีออกจากโลกได้เลย ถ้ามีพระสงฆ์ที่ดีมากพอ ก็จะทำให้พระสงฆ์ที่ไม่ดีอ่อนกำลัง ก็หวังว่าจะมีพระสงฆ์ที่ดี หวังให้โยมเจ้าถึงมรรคผลนิพพานเป็นที่ตั่ง มุ่งเน้นแต่หลักธรรมคำสอนเท่านั่น พระองค์สอนลูกศิษย์เป็นพระอรหันต์มากมาย ไม่เห็นท่านจะเอา ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประกอบพิธีการอะไรให้ลูกศิษย์บรรลุธรรมเลย บอกสอนกันด้วยปากนี้แหละ
ถูกต้องแล้วค่ะ
จริงๆ การทำน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก ถึงพระจะทำได้ แต่ก็ควรจะให้ศาสนาพราหมณ์ เขาทำอย่างเดียวก็พอ พระเรา อย่าไปแข่ง เจ้าพิธีกรรม กับ เขาเลย
ใช่ครับ สิ่งพวกนี้แหละ ปิดบังสัจจธรรม คนพุทธจึงมองไม่เห็นแก่นธรรม เลิกได้เลิกเถอะ
ท่านพระมหาสมบูรณ์ ท่านก็กล่าวอย่างชัดเจนแล้วนี้ครับ ตามบาลีในพระไตรปิฎกยังจะบอกว่าเป็นของพราหมณ์อีก การสวดพระพุทธมนต์คือบทพระปริตร ก็อยู่ในมนต์พิธี ที่นำมาสวดในงานมงคลตามบ้านของโยมอยู่แล้ว
พุทธก็มี พระอานนท์ ทำ
พระพุทธเจ้า ท่านไม่ประสงค์จะทำ เลยตรัสให้พระอัครสาวกทำแทน
ชัยมงคลคาถา มหาการุณิโก หรือ พระชัยปริตร
พุทธก็มี ไม่ใช่มีแค่พราหมณ์ แต่สังเกตุง่ายว่าอันไหน พราหมณ์หรือพุทธ
เอาถูกให้ได้ พ่o มรึง สิ
ไม่รู้จัก พระปริตร สินะ
พาหุงมหากา มงคลจักรวาล อุ๊ยยย
แต่จะเป็นพราหมณ์หรือฮินดู นั่นอีกเรื่อง
เพราะศาสนาพุทธ ก็มาจาก ศาสนาพราหมณ์
ถามจริง พุทธแท้ป่าวหนิ ดูไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด
@@MulLaTeZCarLพระพุทธเจ้าท่านเป็นคนสั่ง(ประธาน)มีหลักฐานคนบางพวกยังอ้างว่าเป็นเดรัจฉานวิชชาเพราะคนมันมีอวิชชาเลยมองไม่เห็น
สาธุ อนูโมทนาบุญด้วยครับ กับธรรมะดีๆ
ถ้าทำน้ำมนต์ได้ คำสอนในพระสูตรก็จะขัดกันครับ
ในอรรกถาบอกเอาบาตรตักน้ำ ประพรมพร้อมแสดงธรรม ท่านไม่ได้บอกทำน้ำมนต์เลยแม้แต่น้อย คนเอามาตีความกันไปเอง
ไม่ขัดครับ เพราะคำของตถาคตจะสอดรับไม่ขับแย้งกันตั้งแต่ วันตรัสรู้ถึงวันปรินิพานและเป็นอกาลิโกไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลา มีแค่อรรถกถาที่แต่งขึ้นพาภายหลัง
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
น้ำมนต์ ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีทั้งส่วนที่ปรากฏในคัมภีร์โบราณและส่วนที่พัฒนาขึ้นใหม่ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนพุทธในยุคหลัง ดังนั้นคำถามว่า "น้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่หรือไม่" อาจต้องพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางวัฒนธรรม
1. ในพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณ
คำว่า "น้ำมนต์" หรือการใช้น้ำในพิธีกรรม ไม่ได้ปรากฏอย่างตรงตัว ในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าในยุคต้น ๆ แต่มีการกล่าวถึง น้ำ ในฐานะสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการชำระล้างจิตใจ เช่น การใช้ในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคล เช่น การเจริญพระปริตร (บทสวดที่มีพลังเป็นมงคล) อาจเกี่ยวโยงกับน้ำมนต์ในภายหลัง
2. น้ำมนต์ในฐานะวัฒนธรรมที่พัฒนาในยุคหลัง
การใช้น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา อาจได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮินดูและความเชื่อพื้นบ้าน ที่ใช้น้ำในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคลและการขจัดเคราะห์ร้าย
เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว หรือกัมพูชา ประเพณีการใช้น้ำมนต์ได้ถูกนำมา ปรับให้สอดคล้องกับวิถีพุทธ เช่น การสวดมนต์เจริญพระปริตร และการปลุกเสกน้ำมนต์
3. คำว่า "น้ำมนต์" แต่งใหม่หรือไม่?
คำว่า "น้ำมนต์" อาจไม่ได้เป็นคำดั้งเดิมจากพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล แต่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นในภายหลังเพื่อเรียกน้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พุทธศาสนาประยุกต์ ที่พัฒนามาจากการผสมผสานศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้าน
---
4. มุมมองทางธรรมะ
พระพุทธเจ้าสอนว่า "การชำระล้างที่แท้จริงอยู่ที่การชำระจิตใจ" ผ่านการปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการกระทำกรรมดี การใช้น้ำมนต์ในปัจจุบันจึงเป็น ส่วนเสริมทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้พุทธศาสนิกชนเกิดความมั่นคงในจิตใจ ไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน
---
สรุป
น้ำมนต์ อาจถือได้ว่าเป็นคำและแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ในบริบทของพระพุทธศาสนา แต่ยังคงยึดโยงกับความเชื่อในพลังแห่งธรรมะและการสวดมนต์เพื่อความเป็นมงคล น้ำมนต์ไม่ใช่แก่นของคำสอน แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างศรัทธาและความสงบทางใจในมิติของวัฒนธรรม.
น้อมกราบพระอาจารย์สมบูรณ์ครับ
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่นับถือศรัทธาในความรู้ของท่านมหานะครับ แต่ขอให้ท่านมหาเฉลียวใจบ้างว่าพระสูตรนี้มันใช่หรือ มันไปขัดแย้งกับหลายๆพระสูตรหรือไม่...นับตั้งแต่ราตรีที่ตถาคตได้ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณจนกระทั่ง ถึงราตรี ที่ตถาคตปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ตลอดเวลาระหว่างนั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออก ซึ่งถ้อยคำใด ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย.
เพื่อนพี่น้อง ชาวพุทธ ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ในพระไตบิดก ในปัจจุบัณนี้ มีคำแต่งใหม่ แทรกเข้าไปในพระไตบิดก ถูกแทรกมาหลายยุคหลายสมัย มากกว่าร่วมๆ 70 เปิอเซ็น (คำแต่งใหม่รวมทั้ง อถักคาถา ) และคำแต่งใหม่ บางบทนี้ก็มีเรียนแบบสำนวลของพุทธองค์ เช่น ดูก่อน พวกเธิอทั้งหลาย เป็นต้น นี่ละครับ อัถถักคาถาถามว่าดีใหม ก็มีส่วนดีในการอธิบาย แต่ ส่วนเสียมันน่ากลัวส่งผลเสียหายมากกว่าส่วนดีนะบางเรื่อง เพราะฉะนั้นเราต้องพิจรณาให้ดีก่อนจะเชื่อ ใช้หลักมหาปะเทศ4ที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าคำใหนเป็นคำพูดของพระองค์ คำใหนพระองค์ทรงรับรอง จะดีที่สุด พระองค์ ทรงตรัสป้องกันการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของพระองค์มา สองพันกว่าปีแล้ว ผมอ้างอิงและศึกษาความรู้จาก พุทธทวจน อาจมีตกหล่นผมขออภัย
และ พุทธทวจน ส่วนใหญ่นำมาจาก ฉบับบาลีสยามรัฐ บาลีสยามรัฐ ถูกจัดทำขึ้นเมื่อ สมัยรัชการที่ 5 พระองค์ทรงมีพระดำริ ให้แปลจากอักษรบารีในใบราณ มาตีพิมพ์เป็นหนังสือครั้งแรกใน สยามประเทศ ให้เป็นตัวอักษรไทยในภาษาบาลี
อันไหนที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์หรือเกิดประโยชน์น้อย จะทำทำไม ไม่คุ้มกับ ฉันบิณฑบาตของชาวบ้านไปวันๆ แล้ว ให้ น้ำมนต์ ตอบแทน คิดว่ามันคุ้มกันหรือเปล่า ทำไมไม่แสดงธรรม ญาติโยมได้รู้สัจจะความจริง ให้เกิดปัญญา เขา ให้น้ำมนต์จะเอาไปทำอะไร
อนุโมทนาและฟังด้วยเคารพค่ะ
กราบสาธุครับพระอาจารย์ที่ให้ความกระจ่างในธรรมด้วยความเมตตา ไม่ได้มีอคติ กราบสาธุๆๆครับ
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๙
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
ข้อ 383
ฯ
จุลศีล
ดูกรวาเสฏฐะ อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล?
ฯ
มหาศีล
ฯ
๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธา แล้วยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน
ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่
พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน
ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์
ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้
ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
ดูกรวาเสฏฐะ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เลย เพราะ
ศีลสังวรนั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัย
แต่ไหนๆ เพราะราชศัตรูนั้น ดูกรวาเสฏฐะ ภิกษุก็ฉันนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่
ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้นภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้เสวยสุขอัน
ปราศจากโทษในภายใน ดูกรวาเสฏฐะ ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อม
ด้วยศีล.
จบมหาศีล.
สาธุครับ
@@เสริมศักดิ์คําภานุช อนุโมทนาครับ
@@rimtangมึงไม่ยกบาลีะเเปลทีละส่วนละจะได้รู้ความหมาย
ส่วนตัวผม ยึดถือไตรสรณคมน์ เป็นหลักสูงสุด และครูบาอาจารย์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เช่น หลวงปู่ดู่ หลวงปู่มั่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และหลวงพ่อวิริยังค์ เป็นตัวอย่างก็พอ
พระสมัยนี้หลงทาง ไม่เคยเรียนรู้คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พอฆราวาสสอนธรรมถูกต้องแล้วตรงจริงลุกขึ้นมาแซะ คนตื่นธรรม
อย่าคิดว่าตนเองพูดถูกเสีย ทั้งหมดน่ะ😮
เรียกว่าอาศัยโอกาสที่สื่อทุกข่องปั่นกระแสคนตื่นธรรมมาสอนธรรมที่แท้จริงครับมีปัญญาก็เอาไปพิจารณานะ
โถไอ้บ้าเอาอะไรมาตัดสิน ว่าเค้าหลงทางมึงเคยฟังเรื่องภิกษุใบลานเปล่าไหมแล้วมึงบรรลุธรรมแล้วเหรอถึงไปกล่าวติติงพระสงฆ์ ไอ้บ้า
ก็เพราะไม่รู้จริง รู้ไม่ครบ แต่เอาไปป่าวประกาศ คนที่เขารู้แตกฉานกว่าก็มาเตือน มาบอกนี่ไง
@ แตกฉานตรงไหน555
พระปริตร มนต์ป้องกันต้องเกี่ยวกับเนื้อความจากพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ แค่คล้ายเดรัชฉานวิชชาในส่วนที่ใช้ป้องกัน/คุ้มครอง ต้องถูก ขอให้ทำให้ หาวัสดุมา ก็ทำให้ได้ อย่าขวนขวายทำให้เองหรือโฆษณาว่าจะทำให้
เดรัชฉานวิชา คือ วิชชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำสอนโดยตรง ทั้งมนต์ขาวและมนต์ดำ ใช้ทั้งสำหรับป้องกัน(อันนี้พอทำได้ตามบริบทกำหนด) เสริมชะตา สะกดหลงไหล ทำลาย เลี้ยงสัตว์(วิญญาณ) และฆ่า โดนประมาณ
ทีนี้ เอาสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาพุทธมาท่องมา เพื่อให้เกิดมนต์ป้องกัน คือ พระปริตร อันนี้ ทำคล้าย เดรัชฉานวิชชา แต่บริบทจำเพาะตามกำหนด อันนี้คือพุทธ คือทำได้
ที่สำคัญกว่านั้น คือ พระอรหันต์ ทำได้หมด เพราะท่านทำอะไรก็ไม่มีกิเลส ไม่มีเจตนาร้าย
จากคำภีร์อรรถกถาแต่งขึ้น เป็นเหตุให้ขัดแย้งต่อภาษิตและบัญญัติของพระศาสดา ที่ทรงระบุการทำน้ำมนต์เป็นเดรัจฉานวิชา โดยกล่าวถึงพระองค์เองและสั่งห้ามภิกษุทำไว้ถึง13พระสูตรคือ พระองค์ตรัสว่า ตถาคตเว้นขาดจากการทำเดรัจฉานวิชา รวมถึงตรัสว่า ผู้เป็นอริยะบุคคลจะเจตนางดเว้นจากการทำเดรัจฉานวิชา นอกจากนี้ได้ตรัสโทษของการแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้ภาษิตใว้และไม่ได้บัญญัติใว้ ว่าเป็นสิ่งที่ตถาคตได้ภาษิตใว้และได้บัญญัติใว้นั้น ย่อมทำมหาชนให้หมดสุข เป็นไปเพื่อความฉิบหายแก่มหาชน คนนั้นย่อมประสบสิ่งที่ไม่ใช่บุญเป็นอันมาก และเชื่อว่าทำพระสัทธรรมของพระองค์อันตรธานไป(พระอานนท์ถามว่าสิ่งที่ไม่ใช่บุญเป็นอันมากคืออะไร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เขาจะไปตั้งอยู่ในนรกตลอดหน่งกัลป์)
สาธุครับ
อะไรของเองนี่
คำสอนที่ สาวก ภาษิตขึ้นมาเอง จะแตกต่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างนี้ค่ะ
ถ้าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า จะมี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
อริยมรรคมีองค์แปด เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้าแน่นอน เพราะว่า มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
เป็นการยืนยันว่า อริยมรรคมีองค์แปด เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า นั่นเองค่ะ
คำสอนที่ สาวก ภาษิตขึ้นมาเอง จะไม่มี ธรรมที่เป็นเหตุ ไม่มี กฏอิทัปปัจจยตา ไม่มี ปฏิจจสมุปบาท เป็นความคิดเห็นที่เป็น มิจฉาทิฏฐิ นั่นเองค่ะ เป็นการเกิดปรากฏขึ้นมาของ สังโยชน์ ทั้งสิบ นั่นเองค่ะ
@@รัศมีทองคํา-ณ5ภ พี่น่าจะเก่งเรื่อง กฏอิทัปปัจจยตา ผมอยากทราบว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้ มีอวิชชาเกิดขึ้น ครับ???...
@TonboonBoonraksa9283 การเกิดปรากฏขึ้นมาของ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
อริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า
อริยสัจสี่ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
อริยสัจสี่ มี ธรรมที่เป็นเหตุ
ทุกข์ / สมุทัย / นิโรธ / มรรค
อริยสัจสี่ มี กฏอิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปบาท
ทุกข์ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ สมุทัย
สมุทัย เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ นิโรธ
นิโรธ เป็น ธรรมที่เป็นเหตุ และ มี ธรรมที่เกิดแต่เหตุ คือ มรรค
อริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นการยืนยันว่า อริยสัจสี่ เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะว่า อริยสัจสี่ มี ธรรมที่เป็นเหตุ มี กฏอิทัปปัจจยตา มี ปฏิจจสมุปบาท
ตั้งจิตอธิษฐานให้ได้พบเจอสงฆ์สาวกที่แท้จริง สาธุ ท่านเป็นสงฆ์ที่น่ากราบน่าไหว้
ยังงั้นพระพุทธเจ้าก็ตัดขัดกันเองน่ะสิ13 พระสูตรห้ามพระภิกษุทำน้ำมนต์แต่ท่านบอกว่าทำน้ำมนต์ได้อย่างนี้ท่านก็คัดงานคำพระพุทธเจ้าได้น่ะสิ
พระมหาแกก็ดันฉลาดเอาเล่มที่ขัดแข้งกับ 13 พระสูตรมาอ่านซะด้วยสิ
มันคือการเล่นคำ สวดพระปริตรเพื่อให้คนเชื่อว่าอยู่ยงคงกระพัน จะมีโชคลาภ ท่านอาจารย์ยังจะเปิดตำรากี่เล่ม มันรู้ได้ด้วยสามัญสำนึก
พระพุทธองค์ไม่ได้ตัดห้ามโดยทันที ตอนที่นางวิสาขาจะถวายผ้าน้ำฝน พอเห็นพระภิกษุเปลือยกาย การก่อบัญญัติให้มีเนื่องจากโลกติเตียน ดังนั้นอะไรก็ตามที่โลกติเตียน ไม่ต้องเปิดตำราเพื่อให้มันดูดีหรอกครับท่าน ฟังคลิปก็ถูกนะแต่อันนี้ขอเห็นแย้ง
อย่าเอาความรู้ที่อ่านภาษาบาลีที่คนแปลไม่ได้มาตำหนิคนที่เขาพยายามทำประโยชน์ให้คนเข้าใจในอริยสัจสี่ อย่าทำให้คนที่กำลังตื่นธรรมสับสน
@rattanajindarat9612
เหมือนเรากำลังเรียนและอ่านหนังสือที่แปลมาจากText Book ภาษาอังกฤษ และเรากับเพื่อนอีกคน กำลังสงสัยว่าบางประโยคหนังสือเล่มที่แปลเป็นไทย แปลผิดความหมาย เลยเถียงกันเนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกัน
พอดีมีครูชาวต่างชาติที่เป็น Native ที่เป็นเจ้าของภาษา
เห็นเข้าเลยพยายามเข้ามาช่วยอธิบายให้ฟังว่าที่ถูกต้อง
ควรเป็นอย่างไร??? แต่เรากลับไปต่อว่าครูชาวต่างชาติ
ว่าอย่ามายุ่ง ไปไกลๆเลย ไม่ต้องมายุ่ง...
คำถาม : แล้วเราจะเก่ง และฉลาดขึ้น ในภาษาอังกฤษ ที่เราไม่ใช่เจ้าของภาษาไหมครับคุณพี่???
In the same meaning....Understand
Sadhu Sadhu.🙏
คิดเหมือนกันครับ พระท่านนี้ไม่ฟันธงให้รู้แจ้งแทงตลอด พยายามทำให้สบสน ขวางธรรม ขวางประโยชน์ พยายามปิดบังทำให้เข้าใจยาก พูดจาอ้อมๆ วกไปวนมา เหมือนจะดีแต่เจตนาไม่ดี แม้แต่ชื่อ อ.เบียร์คนตื่นธรรมยังไม่มีกล้าที่จะกล่าวาจาออกมาอย่างเปิดเผย แบบนี้จะสอนธรรมคำสอนที่แท้จริงได้อย่างไร สรุปพระท่านนี้ต้องการจะสื่อว่า น้ำมนต์ไม่ใช่เดรัชฉานวิชา อยู่ที่เจตนา โดยอ้างจากภาษาบาลีบลาๆๆ ว่าไม่ได้กล่าวไว้ในหลักธรรมคำสอน ท่านผู้มีปัญญาลองพิจารณากันนะครับ
การทำน้ำมนต์ เป็นเดรัจฉานวิชา ขวางกั้นความเป็นอริยบุุคคล มรรคผล นิพพาน พระพุทธเจ้าไม่ทรงกระทำเอง และทรงห้ามไม่ให้ภิกษุทำ
😂😂😂 มึงมันควายยั่งงี้ไง😂😂😂 ไปศึกษาบทรัตนสูตร นะ ว่าที่มาที่ไปเป็นยังไง. จะได้หายโง่
ไตรปิฎก 9/25 ๗. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจําพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทําพิธีบนบาน ทําพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทํากะเทยให้กลับเป็นชาย ทําชายให้กลายเป็นกะเทย ทําพิธีปลูกเรือน ทําพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทําพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสํารอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัดถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทําการผ่าตัดรักษาเด็ก ใส่ยาชะแผล
อะไรที่พระพุทธองค์ไม่เคยทำก็อย่าทำ พระสูตรกล่าวอย่างไรก็ทำอย่างนั้น สิ่งที่ขัดแย้งกับธรรมที่พระศาสดาแสดงไว้ จัดว่ามาในยุคหลัง
พระอานนท์ ตักน้ำใส่ในบาตรของพระองค์ แล้วสวดคาถาพระปริตร นำไปพรมทั่วหมู่บ้าน ใช้หูฟังบ้าง
@@channell2974 ใช่ครับพี่ ไม่มีคำว่า น้ำมนต์ สักคำ....คำว่าน้ำมนต์ ที่ใช้ในภาษาไทย มันเป็นคำรวมๆ ไปหมด....เพราะจริงๆ ที่พระอานนท์ทำ ต้องเรียกว่า "น้ำพระปริตร "...ถ้าพระสงฆ์ทำเหมือนกันโดยสวดบทพระปริตร ต้องเรียกว่า
"น้ำพระปริตร " เช่นเดียวกัน แต่คนไทนอาจเรียกคำรวมๆว่า น้ำมนต์ (เพราะประเทศไทยดั้งเดิมมีทั้งนับถือ ผี พราหมณ์ พุทธ ต้องยอมรับบ้านเรา
เป็นเช่นนี้...
และพอมีเรื่องเดรัชฉานวิชา กล่าวในพระสูตร
เช่น พรหมชาลสูตร ว่าด้วยติรัจฉานวิชา มีคำว่า
"การพ่นน้ำมนต์ และ รดน้ำมนต์ " เป็นติรัจฉานวิชา....เลยมโนเอาเองเลยว่า "น้ำพระปริตร "เป็นติรัจฉานวิชา
ซึ่งในพระสูตรเค้า กล่าวว่า "การพ่นน้ำมนต์ และรดน้ำมนต์ " ที่เป็นติรัจฉานวิชา นั้นมาจากคำบาลี 2 คำนี้ในพระสูตร คือ " อาจมนํ กับ นหาปนํ "
ซึ่งจริงๆ แล้ว "อาจมนํ กับ นหาปนํ " จากภาษาบาลีไม่ใช่ การพ่นน้ำมนต์ และรดน้ำมนต์ ตามแบบวัฒนธรรมที่คนไทยเราคุ้นเคย หากแต่เป็นพิธีกรรมนอกศาสนา เป็นการทำน้ำมนต์ของพราหมณ์ โดย "อาจมนํ " คือ การเอาน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา มาประกอบพิธีกรรม แล้วจึงนำมาล้างหน้า โดยหมายให้เป็นการชำระล้างบาปแต่ตัวเอง และนำน้ำนั้นมาอมไว้ในปากก่อนจะบ้วนออกไป โดยเชื่อว่าจะทำให้ปากเป็นสิริมงคล! ส่วน "นหาปนํ " คือ การนำน้ำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์จากในแม่น้ำ มาประกอบพิธีอาบให้แก่ผู้อื่น เพื่อชำระล้างบาปให้...
*** เนี่ยละนะคนพวกเราชาวพุทธ ที่แปลว่า ผู้รู้ผู้ตื่น พอมีผู้รู้บาลี มาช่วยอธิบาย ให้ความรู้ก็ไม่ฟัง ไปต่อว่าท่าน ซะงั้น...และแบบนี้เราจะตื่นธรรม จริงหรือ??? ฝากไปคิดดูครับ🙏🙏🙏
น้ำมนต์ ในบริบทของพระพุทธศาสนา มีทั้งส่วนที่ปรากฏในคัมภีร์โบราณและส่วนที่พัฒนาขึ้นใหม่ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนพุทธในยุคหลัง ดังนั้นคำถามว่า "น้ำมนต์เป็นคำแต่งใหม่หรือไม่" อาจต้องพิจารณาในแง่ของประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางวัฒนธรรม
1. ในพระไตรปิฎกและคัมภีร์โบราณ
คำว่า "น้ำมนต์" หรือการใช้น้ำในพิธีกรรม ไม่ได้ปรากฏอย่างตรงตัว ในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าในยุคต้น ๆ แต่มีการกล่าวถึง น้ำ ในฐานะสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการชำระล้างจิตใจ เช่น การใช้ในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคล เช่น การเจริญพระปริตร (บทสวดที่มีพลังเป็นมงคล) อาจเกี่ยวโยงกับน้ำมนต์ในภายหลัง
2. น้ำมนต์ในฐานะวัฒนธรรมที่พัฒนาในยุคหลัง
การใช้น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา อาจได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฮินดูและความเชื่อพื้นบ้าน ที่ใช้น้ำในพิธีกรรมเพื่อความเป็นมงคลและการขจัดเคราะห์ร้าย
เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่พื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว หรือกัมพูชา ประเพณีการใช้น้ำมนต์ได้ถูกนำมา ปรับให้สอดคล้องกับวิถีพุทธ เช่น การสวดมนต์เจริญพระปริตร และการปลุกเสกน้ำมนต์
3. คำว่า "น้ำมนต์" แต่งใหม่หรือไม่?
คำว่า "น้ำมนต์" อาจไม่ได้เป็นคำดั้งเดิมจากพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล แต่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นในภายหลังเพื่อเรียกน้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ พุทธศาสนาประยุกต์ ที่พัฒนามาจากการผสมผสานศาสนาพุทธกับวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้าน
---
4. มุมมองทางธรรมะ
พระพุทธเจ้าสอนว่า "การชำระล้างที่แท้จริงอยู่ที่การชำระจิตใจ" ผ่านการปฏิบัติธรรม การเจริญสติ และการกระทำกรรมดี การใช้น้ำมนต์ในปัจจุบันจึงเป็น ส่วนเสริมทางวัฒนธรรม ที่ช่วยให้พุทธศาสนิกชนเกิดความมั่นคงในจิตใจ ไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน
---
สรุป
น้ำมนต์ อาจถือได้ว่าเป็นคำและแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นใหม่ในบริบทของพระพุทธศาสนา แต่ยังคงยึดโยงกับความเชื่อในพลังแห่งธรรมะและการสวดมนต์เพื่อความเป็นมงคล น้ำมนต์ไม่ใช่แก่นของคำสอน แต่เป็นเครื่องมือช่วยสร้างศรัทธาและความสงบทางใจในมิติของวัฒนธรรม.
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
ขอบพระคุณที่ให้ความรู้ความเข้าใจเจ้าค่ะ
ศึกษามามากมาย สุดท้าย น้ำก็ยังศักดิ์สิทธิ์
เอาแค่ common sense ยังไม่ผ่านเลย
ประโยชน์อะไรกับน้ำจะทำอะไรกับเราได้
ทำน้ำวิเศษได้จริง ทำไมไม่ไปทำที่ต้นน้ำไปเลยหละจะได้ช่วยคนได้ทั้งโลก
เอาคำแบบนี้มาป่าวประกาศ มีแต่จะอับอาย ประกาศไปก็ไม่รุ่งเรื่อง ปิดบังไว้รุ่งเรื่องกว่า
อายศาสนาอื่นจริงๆ ที่ยังมีคนคิดว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธ
ยิ่งฟังอธิบาย แล้วยิ่งขำ เหมือนเล่นมุขตลก
กาลามสูตร10ประการ
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอ้างคัมภีร์หรือตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรก หรือเห็นว่าเป็นเหตุเป็นผลกัน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดคาดคะเนอนุมานเอา
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะคิดเอาตามอาการที่ปรากฏ
เพ้อเจ้อ
อรรถคาถา
อรรถคาถา
และ อรรถคาถา (สาวกแต่งเพิ่ม)
ทั้งนั้น
และเอามาอ้างอิงกล่าวตู่พระศาสดา กระทำตัวเทียบชั้นพระพุทธองค์อย่างมิบังควร
ไม่มีพระสูตรรับรอง ที่อธิบาย ใช้การทึกทักเอาเอง ตามธงที่อยู่ในใจไว้ก่อนแล้ว อีกแล้ว
เขาคงคิดว่า อรรถกถาเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ยกแต่อรรถกถามา แย้งพระสูตรที่เป็นพุทธวจน
@olarnyingseree5915
ถ้าท่านกล่าวว่า อรรถคาถา (สาวกแต่งเพิ่ม)
ต้องมีหลักฐานอธิบายได้ว่า สาวก ชั้นไหน เป็นพระอรหันต์ไหม แต่งเพิ่มเมื่อไร ปีไหน ก่อนแต่งเพิ่มเนื้อหาเป็นอย่างไร หลังบันทึกเพิ่มด้วยเนื้อหาอะไร ที่เพิ่มขึ้นมา.....กล่าวลอยๆ แบบนี้ใครๆ ก็พูดได้
ดูเหมือนท่านจะไม่ให้ค่า คำว่าสาวก เลยเน้อ...
ถามว่า แล้วใครเป็นผู้ทรงจำคำสอนพระศาสดา มาถ่ายทอดตั้งแต่ยุค มุขปาฐะ จนถึง พศ.400กว่า จึงมีการจารึกคำสอนเป็นตัวหนังสือลงใบลาน ที่เราเรียกว่า พระไตรปิฎก...ซึ่งพระไตรปิฎกลงใบลาน ฉบับแรกของโลกก็เป็นภาษาสิงหล ของศรีลังกา ...ไม่ใช่สาวก หรือครับ ที่เป็นผู้ทำมาทั้งหมด ???....ทำให้ท่านมีพระไตรปิฎกแปลไทยมาอ่านทุกวันนี้....(และที่สำคัญ มีการแปลภาษาสิงหล กลับไปเป็น ภาษามคธ อีกครั้ง...และกว่าจะมาเป็นพระไตรปิฎก อักษรพม่า/พระไตรปิฎก อักษรธัมม์ล้านนา/พระไตรปิฎก อักษรขอม...แล้วกว่าจะมาเป็น
พระไตรปิฎก ภาษาไทย ...และท่านทราบไหมว่า
พระไตรปิฎก ภาษาไทย แปลมาจากต้นฉบับ อักษรอะไร??? แต่ละขั้นตอนไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านคิด คัมภีร์อรรถคถา จึงเกิดขึ้น ถ้าไม่มีคัมภีร์อรรถคถา เหล่านี้
พระไตรปิฎก ภาษาไทย จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้แปลที่มีความรู้บาลีก็ตาม แต่ด้วความที่ธรรมะมีความละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง บางส่วนก็เป็นสภาวะธรรม และผู้แปลก็ไม่ใช่เจ้าของภาษาบาลี จึงจำเป็นต้องใช้ คัมภีร์อรรถคถา ช่วยในการแปลทั้งสิ้น...เพื่อมาเป็นพระไตรปิฎก ภาษาไทย ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็คือ พระไตรปิฎก ภาษาไทย ที่เราอ่านกันทุกวันนี้ล้วนมีเนื้อหาใน อรรถคถา รวมอยู่ด้วยแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้.
***สมมุติ ถ้าพระไตรปิฎก ที่จารึกเป็นตัวอักษร เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว โดยมีพระศาสดา ตรวจสอบ Approved เรียบร้อยว่า Completely....เหมือนแบบพิมพ์เขียวสร้างบ้านที่สถาปนิกออกแบบให้เราตรวจสอบ
ก่อนสร้างบ้านจริง....หลังจากสร้างเสร็จ ครั้งแรก เราจะรู้ทันทีว่าตรงตามแบบไหม...และผ่านไปอีก 5ปี 10ปี
ถ้ามีใครมาต่อเติมบ้าน...ท่านก็จะรู้ได้เช่นกันว่า ส่วนไหนคือของเดิม ส่วนไหนคือส่วนที่ต่อเติมใหม่ขึ้นมา....
ถ้าพระไตรปิฎก ที่จารึกเป็นตัวอักษร ที่สมบูรณืเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ผมจะเข้าใจตามที่คุณพยายามอธิบายว่า ส่วนนี้แต่งเพิ่ม ไม่เอาตัดทิ้ง แบบนี้ Ok...make sense ผมเห็นด้วยเลยครับ...
แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
และผมคิดว่าผู้ที่เอาพระสูตรที่แปลเป็นไทยแล้ว...มาบรรยายธรรมแล้วไม่เข้าใจคำบาลีแบบแจ่มแจ้ง หรือด้วยค่าอรรถคถา โดยตัดอรรถคถาทิ้งไปตามความคิดตัวเอง...
พอคำแปลไทยอธิบายมาระดับหนึ่ง....แล้วทำให้ผู้ฟังธรรมยังไม่เข้าใจในเนื้อธรรมนั้นๆ แล้วก็ไม่ยอมใช้ความรู้ในอรรถคถาช่วยให้เราเข้าใจเพิ่มขึ้น...แต่กลับใช้ความคิดตามตรรกะของตนเอง อธิบายเพิ่มเติมเข้าไป ทั้งๆที่สิ่งที่อธิบายเพิ่มเข้าไป ไม่มี คำบาลี ปรากฎอยู่ในพระสูตรนั้นเลย...ทำให้ผู้ฟังอาจได้เนื้อธรรมที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงที่เป็นในระดับ ปรมัตถธรรม...ทั้งผู้ฟังที่อาจยังไม่เข้าใจธรรมลึกซึ้งพอ และลูกศิษย์ก็ปล่อยผ่านไปเพราะไม่รู้บาลีและก็ไม่เอาอรรถคถาเช่นกัน
*** แบบนี้ผมว่า น่ากลัว กว่า อรรถคถา ดั้งเดิมที่มีมาเป็นพันๆปี อีกนะครับ...ว่ามะ????
@@TonboonBoonraksa9283 การสังคายนามี 9 ครั้งเพิ่มอะไรเข้าไปมั่ง
คงไม่เห็นข้อเสียของอรรถกถาที่บัญญัติเพิ่มขยายข้อความเพิ่ม
@@sitiphonsfongnom1268เพ้อเจ้อมากสัตว์นรก
กราบนมัสการพระอาจย์ครับ.
น้ำมนต์ เป็นของศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่หรือ ไม่เกี่ยวกับพุทธ
ยืมมาใช้ได้มั้ย
ศีล 5 มีมาก่อนพุทธกาลทำไมพระพุทธเจ้าท่านถึงยกมาใช้ละครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุธรรมคำสอน
พระพุทธเจ้าให้ทำน้ำมนต์ในรัตนสูตรจริงหรือ?หรือเป็นคำแต่งใหม่ แล้วอีก หลายๆพระสูครทรงห้าม จะขัดแย้งกันหรือไม่ คำสอนของพระองค์ สอดรับไม่ขัดแย้งกัน
ใช่ๆ ถ้าทำน้ำมนต์ได้ แสดงว่า พระท่านนี้ ศึกษาพระสูตรยังไม่ครอบคลุม ไม่ลึกซึ้งพอ
@@wwo2308 งั้นคุณเก่งคุณก็สอนสิครับ 11:30 11:30 11:30
@@user-th8oy9lq1bดู ไม่มีใครว่าใครเก่ง หรือไม่เก่ง แต่เป็นข้อสงสัย ว่าตรงไหนผิด หรือถูกกันแน่ แต่การเม้นต์ของท่าน ไม่เสริมสร้างหาความรู้
@@user-th8oy9lq1bดู เค้าไม่ต้องเก่งหรอกครับแค่รู้จักคิดวิเคราะห์ก็พอ เห็นๆอยู่ว่าน้ำมนต์มันขัดหลักคำสอน
@@wwo2308มึงละฟังจบไหม
สาธุเจ้าค่ะ
ไอ้เบียร์มันก็พูดไปเรื่อยความเชื่อของคนอย่าเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่...ทำแล้วสบายใจ พอใจมันก็เป็นบุญแล้ว
มึJนับถือพุทธมึJจะพูดจาแบบนี้ไม่ได้ มึJเคยศึกษารึป่าวพระพุทธเจ้าเค้าไปดีเบตกับพราหม์เรื่องนี้กี่รอบ พระพุทธเจ้าเค้ายังต่อสู้กับเรื่องนี้เลย มึJเป็นใครมาพูดแบบนี้ รับไม่ได้ก็ย้ายศาสนาไป
มึงก็มั่วพูดไปเรื่อยอย่างไรลองฟังให้ดีพระอาจารย์กับอ.เบียร์เขาขัดแย้งยังไงเขาไปทางเดียวกัน
เองก็อคติอ.เบียร์เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเขาทำดีมากด้วยแต่เองไม่เข้าใจเองเขาไม่ได้เรียนบาลีจริงแต่สิ่งที่เขาสอนอยู่ในหลักคำสอนพุทธเองรู้น้อยหาว่าเขาสอนผิด
@@ธนายิ่งยืน-ฅ4ห
😅😅😅
@@ธนายิ่งยืน-ฅ4ห อคติใช่การสอนธรรมะแบบนี้มันไม่ใช่......หยาบคายยกตนข่มท่านวาจาสามหาว....ดูหมิ่นดูแคลนพระสงฆ์....ความเชื่อความพอใจขอแต่ล่ะคนมันเหมารวม....อ้างคำสอนพระพุทธเจ้ามาแอบอ้าง...ให้มันแดกข้าวในกระโถน....ดังช่วงข้ามคืนเดี่ยวดับไม่นาน.....จบไม่ตุยต่อนะ
ทำเอง รู้เองแจ่มแจ้ง
ฟังคนไม่รู้ แต่เหมือนรู้ ก็พาหลง
สาธุบุญกับหลวงพ่อค่ะ
ผมขออนุญาต ท่านพระอาจารย์ มหาสมบูรณ์ ในเบื้องต้นท่านได้แจ้งว่าควรจะอ่านบาลีจะได้ความหมายที่แท้จริงแต่ ท้ายที่สุดเวลาพระอาจารย์สอนก็สอนภาษาไทยอยู่ดี โดยพระอาจารย์เป็นผู้แปลแต่เพียงผู้เดียว
ในขณะที่ในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ห้าได้รวบรวมพระภิกษุหลายรูปเพื่อแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทยภาษาไทย และได้รับรับรอง เพื่อให้คนไทยได้อ่านในพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย
ดังนั้นผมเข้าใจว่าเราคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถจะเข้าใจภาษาบาลีแต่เราก็ต้องใช้พระไตรปิฎกฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยและรับรองโดยมหาเถระสมาคม
แต่ในขณะที่พระมหาสมบูรณ์อ่านบาลีอยู่นี้ ท่านใช้ความเห็นของท่านในการแปลเพียงผู้เดียวนะครับ
เพราะฉะนั้นผมขออ่าน พระไตรปิฎกที่แปลเป็นภาษาไทย แต่ถึงกระนั้นพระพุทธเจ้าก็ยังมีหลักการรามสูตร เมื่อเราอ่านแล้วก็ควรที่จะพิจารณาพิจารณาอย่างแยบคาย เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นกาลิโก เป็นจริงตลอดกาลและสามารถนำไปใช้ได้ตลอดเวลา และคำสอนของพระพุทธเจ้าจะสอดรับทุกครั้งที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโดยไม่มีความขัดแย้งกัน เพราะฉะนั้นให้เราพิจารณาอ่านนำมาปฏิบัติ หากสิ่งที่เราปฏิบัตินำมาซึ่งความสงบสุข นำมาซึ่งความรู้แจ้ง นำมาซึ่งการละกิเลส นำมาซึ่งหนทางพ้นทุกข์ ผมเชื่อว่าหลักนั้นนั้นในพระไตรปิฎกที่แปลเป็นภาษาไทยภาษาไทยก็สามารถนำมาใช้ได้😊
การรามสูตร 555 ขำกลิ้ง
พุทธวจน
ความจริงที่ประเสริฐ
ขอแนะเพิ่มเติมครับ ใช้หลัก
มหาปเทศ 4 ร่วมด้วยครับ จะทำให้ชัดเจนในคำของตถาคตมากขึ้น
@@soraake746 555 พอดีพูดให้เครื่องพิมพ์ครับ
@@nattanateยกตัวอย่างมั่วมากอะลุง
กราบนะมัสการเจ้าคะสาธุสาธุ
สาธุ ในปราชญ์ ย่อมมีปราชญ์.....ท่านมหาเป็นปราชญ์ในปราชญ์ครับ
เอาเนื้อแท้คำสอนมาสอนไม่ต้องพาดพิงส่วน,ครั้งพุทธกาลเต็มไปด้วยหลากหลายลัทธิพระองค์ยังบรรยายผ่ากลาง,ไม่หักด้ามพร้า,พระเวทย์เป็นไสยศาสตร์ใช้มาเป็นหมื่นปี,เดี่ยวกับรักษาการเจ็บป่วย,แต่เอารักษาสันดานชั่วกรรมชั่่ว,โยคชะตาชั่วมิได้,ที่ผมสึกษาพุทธองค์ไม่สรรเสริญ
เรื่องนี้ท่านอธิบายได้ดีครับ แต่คนและพระส่วนมากเอาการทำแบบนี้ไปหาประโยชน์ครับ บางครั้งก็เอาไปรวมกับการทำอย่างอื่น จนดูว่าไม่มีเหตุผลและจะได้ประโยชน์อะไร ดูเป็นการกระทำที่เชื่อถือไม่ค่อยได้ เลยทำให้คนคิดว่าอยู่ในกลุ่มของเดรัจฉานวิชาครับ
สรุป ว่าท่านพยายามอธิบายว่าพระสามารถทำน้ำมนต์ได้ใช่มั้ย สรุปน้ำมนต์มีอิทธิฤทธิ์ใช่มั้ย ถ้ามีแสดงว่าขัดหลักคำสอน ถ้าไม่มีจะให่ทำไปทำไม สำหรับผมสรุปว่าพระไม่ควรทำน้ำมนต์ตามคำสอนหลักนะครับ
โง่โผลมาอีกตัว
ศึกษาเถอะ
😂หลักคำสอนที่ว่าขัด คืออะไร ตอบดิ
@@นินาทป๋อมแป๋ม เหตุและผลไงครับ สาดน้ำมนต์เพื่ออะไรครับ โดนน้ำมนต์แล้วจะมีการสร้างบาเรียมาคุ้มกันรึไง
@@วิจารณ์ต่อ ศึกษาแล้วหัดตั้งคำถามหน่อยนะครับ ไม่ใช่เชื่อไปเรื่อย
กราบนมัสการสาธุเจ้าค่ะ
ความรู้ต้องคู่กับประสบการณ์ พวกรู้มากแต่ประสบการณ์น้อย ขึ้นเป็นผู้นำจึงไปไม่ค่อยรอด
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
ขัดแย้งไม่สอดรับ
เพ้อเจ้อ
@@jamewc7241เดรฉานวิชาทำได้เจริญ