ค้นพบอิสรภาพของชีวิต กับปรัชญาแห่งความ "เฉยเมย" | THE PHILOSOPHY EP.10
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 21 พ.ย. 2024
- เพราะการเรียนรู้ จะทำให้คุณ "เป็นอิสระ"
📖สั่งซื้อหนังสือ The library's shop กดเลย!👇 (Line : @thelibrary)
shop.line.me/@...
หรือ...
🎧เรียนรู้ผ่าน Storytel (เดือนละ 49 บาท)
Storytel discount : www.storytel.c...
_________________________________
ติดต่อเรา/Speaker/พิธีกร
Email : thelibrary.co@hotmail.com
คุณโส่ย : 064-675-7961
ติดตามเนื้อหาอื่นๆของเราได้ที่..
linktr.ee/thel...
#สรุปหนังสือ #podcast #พัฒนาตัวเอง #จิตวิทยา #ปรัชญา #การเรียนรู้
เพราะการเรียนรู้ จะทำให้คุณ "เป็นอิสระ
📖สั่งซื้อหนังสือ The library's shop กดเลย!👇
shop.line.me/@thelibrary
🎧เรียนรู้ผ่าน Storytel (เดือนละ 49 บาท)
Storytel discount : www.storytel.com/th/th/c/thelibrary
_________________________________
ติดต่อเรา/Speaker/พิธีกร
Line : @thelibrary (มี @)
Instragram : thelibrarylearn
Email : thelibrary.co@hotmail.com
คุณโส่ย : 064-675-7961
Facebook : m.facebook.com/librarypodcast/?ref=bookmarks
ชอบประโยคที่กล่าวว่า คนที่ไม่กล้าเลือกเส้นทางของตัวเอง ก็ไม่ต่างกับทาสที่ต้องรับใช้ ความคิดคนอื่น 😊
❤❤❤❤❤❤❤
เลือกเป็ยโจร😂
เขาเลือกที่จะไม่เลือกครับ
@@niti2539ใช่ครับจะตีความยังไงก็ได้ 😂
@@niti2539มันมีทั้งไม่เลือกและไม่กล้าเลือก
จริงที่สุด ตั้งแต่ค้นพบความเฉยเมย ชีวิตมีความสงบสุขมาก มองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทะลุปรุโปร่ง มองตามความเป็นจริง มองแล้วก็รู้ว่ามันเช่นนี้ เพราะมันมีที่มา และต่อไปจะต้องเป็นอย่างไร เมื่อเรารู้ถึงความเป็นจริง เราจะไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างสงบเยือกเย็น หรือจะเรียกว่าเฉยเมย แต่กลับเป็นปัญหากับคนรอบข้างมาก เดือดร้อนกับความสุขของเราเหลือเกิน เพราะไม่ได้รับความสนใจจากเราอีกต่อไป ได้รับเพียงความเฉยเมยจากเรา จากที่เคยควบคุมเราได้ เรียกร้องจะเอาโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา พอไม่ได้ดั่งใจก็โกรธ ต่อว่า ด่าทอ นินทาว่าร้าย ว่าเราเป็นคนใจร้าย เห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจ เนรคุณ อีกเยอะแยะ เมื่อก่อนเสียใจทุกข์ใจมากที่ทำให้คนอื่นไม่พอใจ เหนื่อยท้อ จนคิดฆ่าตัวตาย พอทุกข์ที่สุดกลับไม่มีใครซักคนจะสนใจ แค่ถามว่าสบายดีมั๊ย ยังไม่มีใครมีน้ำใจให้เราแม้แต่น้อย ทำให้เราได้ค้นพบความเฉยเมย การอยู่กับตัวเอง เห็นคุณค่าของตัวเอง สนใจตัวเองและทำทุกวินาทีที่เหลืออยู่ให้กับตัวเองมีความสงบสุขก่อนที่จะจากโลกนี้ไป โดยสิ่งที่ทำต้องไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น สิ่งที่ทำต้องเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและเพื่อนร่วมโลก ทำตัวให้มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อโลก คิดดี พูดดี ทำดี ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่อยาก ให้ทานตามกำลัง ตอนนี้จิตใจสงบมาก โชคดีที่ค้นพบทางสว่างก่อนจะจากโลกนี้ไป ขออวยพรให้ทุกคนพบเจอทางสว่าง สาธุ
คนที่คุณพูดถึงคือพ่อแม่ใช่ไหมคับ
@@tonynitz9 ไม่ใช่ค่ะ เราอยากจะทำทุกอย่างที่พ่อแม่มีความสุข แม้จะต้องลำบากแค่ไหนก็ยอม ขอเพียงแค่ได้เห็นท่านมีรอยยิ้ม คนที่เราพูดถึงคือคนที่ใช้พ่อแม่อ้างเป็นเครื่องมือหากิน โลกนี้มันซับช้อน ต้องเจอกับตัวเองจึงจะเข้าใจ ขออวยพรให้คุณเจอแต่คนที่รักและจริงใจนะคะ
จริงที่สุดค่ะ ความเฉยเมยคือความสุขสงบที่แท้จริง ค้นพบแล้วค่ะ😊
@@kunyawongboot7966 พี่น้องที่ดูแลพ่อแม่ใช่มั้ย คุณส่งเงิน?
ตวามเฉยเมย เป็น ธรรมของ พรหมลูกฟัก
ก็สงบ อะนะ ... แต่ ไม่เที่ยง ไม่อมตะ
ถุกอย่างหนึ่งคือ รอบข้างมองเราว่าหยิ่ง และขาดการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และมองเราผิดปกติ แต่เรามีความสุขปกติดีนะ😊😊😊😊😊
ผมก็เป็นและสัมผัสได้ถึงพลังงานจากคนรอบตัวคล้ายๆ แบบนี้เลย มีเพื่อนแล้วว 😁😉👍
@@shibatoz welcome คะ
เราโดนคนรอบข้างพยายามทำให้เราออกจากความเฉยเมยนี้ ทำเหมือนเราผิดปกติที่ไม่คบค้าสมาคมกับใคร บอกว่าเราปิดใจนู่นนี่ จริงๆแล้วถ้าเจอคนที่ like-minded และไม่นำเรื่องดราม่ามาสู่ชีวิตเรา เราก็พร้อมอ้าแขนรับแหละ แต่ถ้าไม่มีเราก็มีความสุขกับการอยู่สันโดษได้อยู่แล้ว
เราก็เป็นค่ะ มันก็มีที่มาหลายอย่างนะ เช่น ลองคุยแล้วรู้สึกว่าวิธีคิดต่างกันมาก น่าจะเป็นหลายปัจจัยนะ ถ้าคุยแล้วฝืนเราก็ไม่คุยทั้งๆที่คุยได้หมด การปฏิสัมพันธ์มันมาจากเราแค่คนเดียวไม่ได้เนอะ ถ้าคนอื่นไม่อยากคุย เราก็ไปคุยไม่ได้เหมือนกัน หรือตัดสินเราไปแล้วว่าหยิ่งเขาเองก็จะไม่ได้คุยกับเราค่ะ เราถือคติ อยากได้อะไรเริ่มที่ตัวเรา เมื่อไหร่ที่ไปคาดหวังกับคนอื่นก็คือจบแล้ว (แต่ที่เจอคนเข้ามาคุยนี่มันก็เป็นเรื่องไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่ เลยไปต่อไม่ได้ เราก็โดนหาว่าหยิ่งไปซะงั้น 5555555) เราไม่คุยได้นะเพราะมีหลายอย่างต้องทำ แต่ถ้าคุยแล้วไม่รู้สึกถูกคอ ไม่สบายใจ หรือไม่ตรงจริต ก็อาจจะไม่คุยดีกว่า ถ้าเราโอเคกับชีวิตแบบนี้หรือมีวิธีคิดแบบอยู่กับมันได้ก็ถือว่าไปต่อได้จ้า
@@SupeyaNgeamklang จริงคะ
หลักทางพุทธจะเรียกว่าอุเบกขาคือการวางเฉย ซึ่งอารมณ์ของมนุษย์ในโลกนี้มีอาการสามอย่าง1.รู้สึกสุข 2.รู้สึกทุกข์ 3.รู้สึกวางเฉยหรืออุเบกขา เป็นการวางจากสิ่งที่มากระทบทั้งสุขหรือทุกข์ ไม่เข้าไปหาส่วนที่สุดทั้งสองสิ่งนั้น
ประโยคแรกคือนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนกันเลยค่ะ
ใช่เลยครับ
ก็แค่อุเบกขาเท่านั้นเองครับ พูดซะยาวยืด
ฝรั่งที่ไม่รู้จักพุทธ แต่เค้ารู้จักทุกข์ เค้าก็หาทางดิ้น ไปเจอ indifferent ได้แค่นั้น
ทางพุทธศาสนามีบอกวิธีอย่างละเอียด
เป็นมรรคา เดินต้องระวังนะ เพราะถ้าแสร้งเฉย ก็ร่วง
เค้าพูดยาวแค่นี้คุณก็เป็นทุกข์ละ
อยู่กับตัวเอง ไม่สนใจใคร ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แล้วไม่ไห้ใครมายุ่งเกี่ยว นั่นแหล่ะคืออิสระอย่างแท้จริง แต่จะมีสักกี่เปอร์เซนต์ที่ทำได้เพราะมนุษย์คือสัตว์สังคม
เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ความอิสระเกิดจากภายในใจนะครับ มันไม่จำกัดเวลา สถานที่ และไม่จำเป็นต้องปลีกตัวโดดเดี่ยวขนาดนั้น ความอิสระเกิดได้ทั้งตอนว่างและตอนวุ่น
ความวุ่นวายทำให้ค้นภพสัจจะธรรมของชีวิต เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิต การอยู่เอาตัวรอด ความรัก ความเสียสละและยินดีรับความป่วยความตาย ความแก่ ความเจ็บปวด
มีอยู่ค่ะคนแบบนี้
เอ,,ไม่นะบางเรื่อง
บางสถานการณ์
บางคนเท่านั้้น
ไม่ให้ใครมายุ่งเกี่ยวพูดง่ายแต่ทำยากมันชอบมายุ่งเกี่ยวตลอดดด
เราเป็นแบบนี้เลย ต่อ สภาพแวดล้อมสังคมที่เราอยู่ร่วมด้วยกับพวกเขาแทบทุกวัน จนพวกเขามองว่าเราเป็นคน หยิ่งยโส หรือ เป็นพวก ignore ไปเลย สังคมที่เราอยู่ไม่หน้าอยู่เลยสักนิด มีแต่ผู้คนซุบซิบนินทา พูดจาถากถางแซะกันไปมา เราก็เข้าใจนะว่าคนมันเป็นแบบนี้กันทุกที่ เราเลือกที่จะเฉยเมยต่อพวกเขา มันดูง่ายดายและสงบในจิตใจเราเองมากกว่า ที่จะต้องไปสนใจพวกเขา
ถ้าคุณอยู่เหืนอผู้คนเหล่านั้นจริงๆ1คุณต้องไม่ทำให้เขารู้สึกด้อยค่า2คุณต้องเข้าใจว่าเขาและเราก็แค่มนุษย์ที่มีทั้งข้อผิดพลาดและข้อดี3ให้อภัยมีความเมตตา 4ต้องให้คำปรึกษาได้และไม่ทำให้คนอื่นอยู่ต่ำกว่าคุณไม่เปิดแผลของเขาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี
@@aerlyablache6522 คุณพี่ก็ตรงไป จขม.เค้ากำลังดื่มด่ำกับโลกของเค้าอยู่ เล่นตีแสกหน้าแบบนี้ เดี๋ยวเค้าก็รู้ว่าอันนั้นเรียกว่า กูเบื่อ 555
มันมีวิธีที่อธิบายได้อยู่ค่ะ แต่อธิบายไปแล้วกลุ่มคนเหล่านี้จะยอมรับได้หรือเปล่าก็อีกเรื่อง เราเองก็ระวังเรื่องนี้มาก จริงๆในแง่มุมจิตวิทยามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะแล้วก็มีที่มา เพราะคนเรามีแน้วโน้มที่จะไม่ยอมรับเรื่องพวกนี้ด้วยค่ะ เราเองก็สนใจแล้วก็หาวิธีวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่แต่ขอเก็บไว้ให้คนที่สนใจเรื่องนี้ดีกว่า
ผิดคนผิดที่ผิดเวลา
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
ผมอายุ23ตอนนี้ผมเริ่มศึกษาตอนอายุ19 ปรัชญาตะวันกรีกกับปรัชญาจีน แล้วผมบอกได้เลยเรื่องของความเฉยเมยนั้นช่วยชีวิตมากผมรู้สึกผมไม่ถูกพันธนาการโดยวัตถุนิยม ทุกคนรอบตัวบอกต้องมีไอโฟนต้องรองอดิดาสเสื้อสูพรีมเราต้องมีหนี้แล้วจะมีนั้นแล้วจะมีโน้น ผมได้แต่บอกว่าผมขอมีแค่อิสระก็พอแล้ว แล้วคนอื่นก็บอกว่าไปบวชซ่ะ
ผมไม่เข้าใจคนที่ไล่ไปบวช ทั้งที่ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองโดยการใช้หลักปรัชญา แสดงว่าคนที่ว่ายังไม่เข้าใจ
คนที่พูดใส่แบบนี้ไม่ทราบ จุดมุ่งหมายของการบวช
เลือกใช้ชีวิตคนเดียว เพราะเราชอบแบบนี้ มีความสุข
🙂
กำลังเป็นอยู่ บอกเลยว่าชีวิตมีความสุข(แบบเรียบง่าย)มาก รู้สึกเบา เป็นอิสระ ไม่ไหลตามกระแสสังคม ไม่ดราม่า เลิกใส่ใจความคิดคำพูคนอื่น เป็นตัวของตัวเอง เพื่อนน้อยลง ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แต่ไม่เคยเหงา หานู่นนีทำตามแพสชั่นตัวเอง
เดี๋ยวก็เจอคนที่เหมือนกันค่ะ แต่พื้นฐานของการรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ถือเป็นพื้นฐานที่ดีนะ
ความสุขสงบ = ความวางเฉย
ขอบคุณนะคะ เรามาถูกทางแล้ว🫶
ส่วนตัวก็ใช้แนวคิดนี้ในการใช้ชีวิต ชีวิตง่ายและสบายขึ้นมากจริง ๆ ค่ะ
จริงค่ะ เราไม่ได้
เกิดมาเพื่อเอาใจคนทั้งโลก เมื่อก่อนแคร์คนอื่นมาก เวลาเขาพูดว่าก็เอาเก็บมาคิดมาก อยากทำทุกอย่างให้ถูกใจเขา จนลืมความเป็นตัวตนของตัวเอง พอได้ฟังคลิปนี้ ความคิดเปลี่ยนเลยค่ะ ต่อไปนี้เราจะฟังเสียงหัวใจตัวเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำคลิปยังงี้ออกมา ดีต่อใจมากเลย♥️♥️♥️
+1🎉👌😊เห็นด้วยค่ะ จริงๆ^^
แคร์คนที่ควรแคร์ค่ะ หลักคือการเลือกคบคนนะ เราเคยมีเพื่อนเยอะมากแต่ก่อน แต่สุดท้ายในวันที่แย่จริงๆเขากลับหายหมด เหลือไม่กี่คน ถ้าคนที่ยังไม่เจอจุดต่ำสุดในชีวิตคุณจะไม่เห็นธาตุแท้ของคนหรอกค่ะ (เงิน+งาน+ผลประโยชน์) ชีวิตจะมัวมาทำตัวให้ถูกใจคนทั้งโลกทั้งๆที่มีไม่กี่คนที่สนใจเราก็ไม่ได้นะ แล้วในชีวิตนี้จะเจอไม่กี่คนหรอกที่หวังดีจริงๆ การแยกแยะได้ทำให้ตัวเรารู้ด้วยว่าจะเลือกอะไรให้กับตัวเองแล้วก็จะไปทิศทางไหนด้วยค่ะ ดีแล้วที่ยอมฟังตัวเองบ้างเพราะตัวเราเองนี่แหละค่ะจะยังอยู่ในวันที่ไม่เหลือใครนะ
เค้าเรียกว่า การวางเฉย หรือ อุเบกขาค่ะ
สิ่งอันตราย อีกอย่างคือ ถ้าคุณเฉยเมยต่อวัฒนธรรมที่ดี ของสังคม ก้ออาจจะทำให้คนหมู่มากเดือดร้อน ท่านต้องรู้ด้วยว่า คุณทำอะไรก้แตาม ต้องไม่ทำให้คนเดือดร้อนค่ะ
วงเล็บเรื่องที่ไม่ควรสนใจครับ และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนครับ
เราต้องนิยามคำว่าวัฒนธรรมที่ดีให้ได้ก่อนค่ะ แต่นี่จริงนะ การมีวัฒนธรรมที่ดีก็จะทำให้ทุกอย่างดีในตัวของมันเองได้จริงๆ ซึ่งสามารถดูได้จากผลลัพธ์ในปัจจุบันได้เลย
1ใน4ของ"พรหมวิหาร4"(ที่อยู่ของพรหมในพรหมโลก) และเป็นลำดับท้ายสุดคือ "อุเบกขา"
และ1ใน10ของบารมี10(บารมี10ประการที่จำเป็นต้องใช้เพื่การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร) และเป็นลำดับสุดท้ายเหมือนกันคือ "อุเบกขา"
ซึ่งแปลว่า "ความวางเฉย"
ในทางปฏิบัติหมายความว่า
ในเมื่อสงสาร(เมตตา)ก็แล้ว
ช่วยเหลือ(กรุณา)ก็แล้ว
หวังดี(มุทิตา)ก็แล้ว
ก็ยังไม่ดีขึ้น หรือเป็นเรื่องสุดวิสัย
ก็ต้องทำใจให้วางเฉยเสีย ปลงใจเสียว่า "มันเป็นกฎแห่งกรรม"
หรือ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
อาการวางเฉยเช่นนี้ เรียกว่า "อุเบกขา"
ผมมีความคิดแบบนี้เลย และใช้ดำเนินชีวิตมานานมากแล้ว เราก็เป็นนักปรัชญาได้เหมือนกันนะเนี่ย
ลองเรียนดูไหมน่าสนใจนะ วิธีคิดทางปรัชญาไม่มีคำตอบตายตัวค่ะ ขอแค่เรามีวิธีคิดมันก็ใช้ได้หมด สมัยก่อนไม่มีวิทยาศาสตร์หรืออะไรที่เป็นเหตุเป็นผลเหมือนปัจจุบัน ศาสตร์นี้ค่อนข้างหายากนะ แล้วคนก็เรียนน้อย เพราะบางอย่างก็ยังหาคำตอบไม่ได้ บางคำตอบก็เปลี่ยนไปตามเวลา
ทางพุทธ คือ วางอุเบกขา
เห็นด้วยทุกข้อครับ มันคล้ายกับหลักการใช้ชีวิตที่ใช้อยู่พอดี (ใช้ชีวิตเหมือนแมว)
ผมไม่มีเหมือนคนอื่นเขา แต่ผมมีความสุขในทุกๆวันแม้ในวันนั้นผมจะเจอปัญหา ความสุขที่ผมมี คนที่มีข้าวของทุกอย่างอาจไม่มีก็ได้ ผมยิ้มให้ด้วยความจริงใจ ไม่ใช้เงินทองแลกมา ทำไมเราต้องไปวิ่งตามด้วยในเมื่อกำลังเรามีไม่เท่ากัน ตอนเด็กอายุน้อยเกิน ตอนหนุ่มต้องทำตามคนอื่นสั่งตลอด แก่มาไม่มีเรี่ยวแรงสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเลย.
การไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นคือแกนหลักของความสุขและความอิสระเลย มองโลกให้เหมือนแมว
ปล่อยวางสิ่งที่ไม่สำคัญ
มนุษย์เราเกิดมาในบาปขาดแคลนความรักเราไม่สามารถอยู่ได้หากขาดจากความรัก เราสามารถมีความรักที่ไม่ขาดแม้จะแบ่งให้คนทั้งโลกก็ไม่ขาดมีเพิ่มอย่างเหลือเฟือและมีสันติสุขที่ได้แบ่งปันความรัก เพราะได้รับการเติมเต็มจากความรักของพระเยซูคริสต์ฟรีๆ ไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร
ลึกมาก แต่ง่ายมาก ขอรายชื่อหนังสือเหล่านี้ได้ไหมครับ
มีให้จบครบหมดแล้ว โชคดีมากที่เกิดมาเจอพระพุทธเจ้า เจอศาสนาพุทธ แล้วปฏิบัติ
ชอบตรง "เสียงที่ควรฟังมากที่สุดในชีวิต คือเสียงของเราครับ" ขอบคุณค่ะ ^^
ดีกว่าฟังคนอื่นแล้วเราต้องมารับผิดชอบชีวิตตัวเองนะ อย่างน้อยการฟังตัวเองก็ทำให้เรารับได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นด้วย แต่ฟังคนอื่นก็ดีค่ะการเลือกฟังอะไรก็ตามที่ให้ประโยชน์จริงๆมันก็ดีกับตัวเราอีกทางนะ ซึ่งการฟังมันก็ต้องได้อะไรบ้างนะแล้วก็รู้ว่าเราอยากได้มุมมองคนอื่นแบบที่เป็นตัวเขาหรือตัวเรา ลองดูค่ะว่าแบบไหนโอเคกว่ากัน(เลือกที่ปรึกษาให้ดีนะ)เราแนะนำที่ปรึกษาที่ดีควรเป็นคนที่เห็นในมุมเราค่ะ แต่จริงๆจุดประสงค์คือต้องยอมรับผลลัพธ์ให้ได้นั่นแหละค่ะประเด็น
พึ่งฟังเกี่ยวกับเรื่องเเรงผลักดันให้ชีวิตก้าวกระโดด แล้วมาฟังคลิปนี้ต่อคือปรับความคิดไม่ทันเลย แต่คิดว่าเลือกใช้แนวคิดให้เหมาะแต่ละสถานการณ์เอา
อิสระที่แท้จริงมันยากนะ เพราะคุณต้องมีปัจจัยและก็อำนาจทางเงิน มีนิดนึงอ่ะอย่างน้อยๆถึงจะมินิมอลได้
ชอบบทความเกี่ยวกับการเพิ่ม Self esteem มากค่ะ เหมือนมีคนคอยเตือนว่าเราลองหยุดฟังเสียงคนอื่นบ้าง และหันมาฟังเสียงตัวเองให้มากขึ้น ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ🙏❤
จริงงงงงงงงงงง เราคุยกับหลายคน รู้สึกเขามีเวลาอยู่กับตัวเองน้อยนะ คนที่เข้าใจตัวเอง รู้จักตัวเองก็มักไปได้ไกลกว่าค่ะ ถือว่า ถ้าเรารู้ตัวว่าทำไมเราคิดแบบนี้ ทำแบบนี้ พูดแบบนี้ ตัดสินใจแบบนี้ คือถ้าตอบตัวเองได้ก็ถือว่าเราเคารพตัวเองในระดับนึงแล้วนะ
ปล่อยวาง ว่างเปล่า มีความสุข
บางทีหลักศาสนาก็ช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขได้ มีหลักข้อนึงคือทำให้ดีที่สุดแล้วมอบหมายความสำเร็จกับพระเจ้า สิ่งที่เกิดมาแล้วดีทั้งหมด พยายามต่อไป ความล้มเหลวไม่ใช่ผลลัพธ์ แต่เป็นกระบวนการของความสำเร็จ
คือการมีสติอยู่กับตัวนั้นเอง คิด พูด ทำ ถูกเฝ้ามองด้วยสติ
สติคือผู้กำกับทุกอย่าง
ความสันโดษและเป็นอิสระได้แท้จริง ต้องเริ่มจากภายใน .. หากยังดิ้นรนต้องการโน้นนี่นั่น คงยากที่จะทำได้
เฉยเมยอย่างเป็นสุขมากค่ะ.... เฉยเมยตามวาระและโอกาสมันดีจริงๆ❤
เหมือนเลือกเลยว่าอะไรที่ควรสนใจกับอะไรที่ควรเฉยเมยไปเลยนะ แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นมาก เพราะการเลือกของตัวเราเองนี่แหละ
ความอิสระเท่าความสันโดษไม่มี ความสุขเท่าความสงบไม่มี
มันคือหัวใจหลักของพุทธนั่นแหละ เขาเรียกว่ารู้เท่าทันอารมณ์
เรื่องอเล็กซานเดอร์นี้มีเล่าในหนังสือ โลกของโซฟีด้วย
ความคิดของแต่ละคน ในการปลอบตัวเองเวลาผิดหวัง ต่างกัน
ดังนั้นรับฟังได้ แต่ไม่ได้จริงทั้งหมด ไม่ได้เชื่อได้ทั้งหมด
เพราะบางความคิดคือคิดลบ คิดเข้าข้างตัวเอง ตีความไปเอง ของแต่ละคนที่มีหลากหลายปัญหา
คนมีความรู้ มีสติ จะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข ได้หลากหลายวิธี
มันอาจไม่ใช่ความเฉยเมยตามที่ คนทำคลิป เข้าใจตีความไปก็ได้
สรุป รับฟังได้ อย่าเชื่อว่าจะทำให้สุขได้จริงทุกคน
แต่ถ้ายังเขื่อ เฉยเมย แล้ว มีความเจริญ มีความสุข ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ทำร้ายคนอื่นก็ทำไปเถอะ
ขอบคุณหนังสือดีๆและผู้อ่านนะคะ🙏
อยากมีเสรีภาพในชีวิต คุณจะสนใจในทุกเรื่องทุกอย่างในโลกไม่ได้แม้กระทั่งเรื่องการเมือง
หากจะพุดแบบงามๆ. หากนับำเพ็ญในสาสนา. ตั้งฐานทางจิตสำนึกเอาใว้แบบนี้. นี้แหละ. คือสิ่งที่ผู้มากมายด้วยความอยากอันไม่มีที่สิ้นสุด. ไม่รู้เคล็ดแห่งความสำเร็จในพลังงานทางธรรมในตน. ดีมาก.
ในศาสนาพุทธเขาเรียกว่า การปล่อยวาง มันเป็นหลักการทางพระพุทธศาสนา ยิ่งมีการปล่อยวางได้มากเท่าใด ความทุกข์ก็ย่อมน้อยลงไปได้มากเท่านั้น มันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ มันเป็นอิสระภาพของชีวิตอย่างแท้จริง จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าจะให้อธิบายก็ต้องใช้เวลา ดังนั้นหากสนใจในเรื่องแบบนี้ก็ลองหาทางเข้าไปพิสูจน์ด้วยตนเอง
บางอาจมีจะเรื่องดีก็ได้ที่กลายเป็นคนตาค้างตลอดชีวิต ค้นพบได้หลายข้อเลย
ความเป็นจริง ถ้ายังมีบ่วงที่ชื่อครอบครัว ก็เฉยเมยได้ไม่นานหรอก😢
อุเบกขาแหละครับยิ่งผมได้ฟังท่านปอ.ปยุตโตผมเข้าใจกระจ่างครับ
ขอบคุณมากๆ❤ครับที่ ทำให้ผมบรรลุถึงความคิด🎉🎉🎉🎉ผมรู้สึกดีมาก
Indifference without ignorance is immunity to sufferings.
เคยได้ยินคำว่า ignorance is a bliss มั้ย
@@m.45 เคย แต่ไม่ซาบซึ้ง
การวางเฉยเมย
ในสิ่งที่ถูกต้อง จะดี แม้จะ
จงใจ รึไม่
ในสิ่งที่ไม่ย้อนแย้ง ที่ควรเปน การวางเฉยเมย กะสิ่งใด คนชนิดใด ในแบบที่ผสมผสานกันได้จริง
ในสิ่งที่รับรู้ข้อมูลมา อธิบายแล้วทำไม่ได้จากสาเหตุใด เขาต้องเสริมจุดใด คนช่วยสนับสนุน
การพึ่งพา เกิดขึ้นทุกที่ ที่ก้าวเดิน
ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้ดิฉันได้มาฟังคลิปนี้ค่ะ
ถ้ารู้จักพระเจ้า มีเล่มเดียวคือพระคัมภีร์ไบเบิ้ลค่ะ
สันติสุขในพระเจ้าไม่ใช่ปรัชญาทางโลก
อย่าดำเนินชีวิตตามอย่างคนในโลกนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่านใหม่ แล้วท่านจึงจะสามารถพิสูจน์และยืนยันได้ว่าสิ่งใดคือพระประสงค์ของพระเจ้า คือพระประสงค์อันดีอันเป็นที่พอพระทัยและสมบูรณ์พร้อมของพระองค์
โรม 12:2
ชอบมากเลยค่ะ ปลงได้ = อิสระ
เมื่อก่อนเราไปยุไหนมา พึ่งเลื่อนมาเจอ
มีแต่คลิปดีๆมีประโยชน์มากๆ ขอบคุณมากๆนะคะ
บางครั้งเราฟังตัวเอง เราอาจจะไม่รู้เรื่องแต่เราต้องฟัง ผมนี่ลั่นเลยคับ ตรงเกินน
ถ้าเทียบการวางเฉยเเบบพุทธ อุเบกขายังเป็นวิปัสนูกิเลศ เป็นกิเลสอย่างละเอียดถ้าเลยทางสายกลาง เป็นการวางเฉยทุกสิ่ง จนวางเฉยในธรรม ดั้งนั้นจึงต้องอยู่ในทางสายกลาง
ความเฉยเมยกับการวางเฉย.มันแตกต่างกันไหมคะ.และหากเราต้องการข้อมูลจากคนตรงหน้า
เราใช้ความเฉยเมยกับเขา.เขาคงรู้สึกไม่ดีเท่่าไร.ก็คงแล้วแต่สถานการณ์นะคุณ.แต่มีสาระค่ะ
หนังสือที่คุณอ่าน.อย่างน้อยก็ทำให้รู้ในเรื่องที่เราไม่รู้.ขอบคุณ
มากค่ะ
มีคนเป็นแบบเรา สุดยอดมากๆๆ🎉🎉🎉
รู้จักคำนี้จากนายกพิทา เลยติดตามมาฟังต่อ นายกพิทาคงเป็นตัวอย่างของคนที่ทำปรัชญาได้เต็มที่ indifferent but not ignore เฉยเมยแต่ไม่ได้ละเลยจริงๆ
เราว่าพิธาก็ยังเข้าไม่ถึงแก่นของปรัชญานี้หรอก คนที่ไม่เคยพอใจกับชีวิตถ้าไม่ได้สิ่งนู้นสิ่งนี้ ต้องคอยเรียกร้องสิ่งนู่นสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ปล่อยให้สิ่งภายนอกมามีอิทธิพลต่อชีวิตเรา ถ้าไม่ได้รับสิ่งนี้จะไม่ถูก fulfilled แบบนี้ยังไม่เรียกว่า indifference นะ การที่บอกว่า indifferent but not ignore มันก็แค่คำพูดไว้จูงใจคนนั่นแหละ indifference จริงๆมันก็คือการไม่แยแสนั่นแหละ
@@m.45จ้าาาา
@@ThanachoteAbility ชั้นพูดผิดหรอ 😂
🪞IndifferenceWithoutIgnorance?🤪วางเฉยโดยไม่เพิกเฉย=Impossible!⁉️เมื่อ"วาง"สิ่งใดแล้วสิ่งนั้นก็โดน"เพิก"ในทันที-เว้นสักแต่ว่า"ปัญญาเจตนารมณ์ไม่สมประกอบ"=ยังติดใจอยากกับสิ่งที่"วางเฉย"ไปแล้วด้วยว่าจะไม่ยอมจากผละละเลยเพราะว่าจะไม่"เพิกเฉย"ดายไดให้เชื้อใคร่ในหัวกะใจได้วายวางลง¿🦠?
ปล่อยวาง หรือก็คืออุเบกขา นั่นเอง
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสงบสุข
ความเฉยเมย ทำให้รู้สึก โปร่ง โล่ง เบาสบายยยย เป็นมานานแล้วค่ะ
อิสระและเสรีที่สุดอยู่ในพุทธศาสนาตรงสภาวะที่สิ้นกิเลส ละความอยากได้แล้ว.
ไม่จำเป็นต้องคบคนทั้งโล
ทำไมไม่รู้นะครับผมว่ามันคล้ายกับหลักพุทธ คือ ไม่ไปยึดแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือจะผิด แล้วเขาฝึกจนหายสงสัย คงคือจนไม่มีอะไรต้องมาคิดต่อแล้ว อันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้หายสงสัยมันเป็นยังไง ฟังเขามาอีกที
คุณพ่อคุณแม่แน่วแน่ใจกายซ้ายขวา
วิปัสสนาใจกายดับลับสถาน
คืนสิ้นดินน้ำลมไฟให้จักรวาล
คู่อรหันต์สองท่านนิรันดร.
ขอบคุณที่ช่วยนำเสนอปรัชญาดีๆนะะครับ❤❤
เท่าที่ผมฟังมา ฟังไปๆแล้วก็งงเพราะเป็นปรัชญาแบบเป็นท่อนๆทื่อๆ กลับมาคิดถึงคำสอนในศาสนาพุทธปัญญาพาให้มองทะลุทุกอย่าง ขอบคุณครับ
ผมว่าบวช คือทางที่ดีที่สุด ตราบใดที่ใช้ชีวิตในสังคมมักจะมีกิเลสตามมาเสมอ
มันคือความพอใจ
มันคือธรรมมะของพระพุทธเจ้า คืออุเปกขา คือการไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่พบเจอทั้งเรื่งดี เรื่องร้ายที่เกิดขึ้น
ถ้ายังมีอัตตา ก็ไม่มีวันเป็นอิสระ
ใช่ค่ะ การมีชีวิตอยู่ใช่ใช่อิสระที่แท้จริง
🍀I love the library podcast 🍀
ดีมากเลยค่ะ ปรัชญาเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิต❤
ไม่ต่างอะไรจากปรัชญา ของพระพุทธเจ้า
ยอดเยี่ยมมากครับ
เงื่อนไข คน(มีอำนาจ)ที่ถูกเฉยเมยต้องมีความใจกว้างด้วย😅😅
พุทธรู้มานานแล้วครับ สมาถะและเฉยเนย
มีความเข้าใจในสภาพของตนอย่างน้อยๆก็อยู่ในกฎหมายขณะที่คิดไปยังเรื่องนอกตัวก็วุ่นวายกว่าจะเข้าใจหรือยอมรับได้โลกรอบตัวก็หยุดเราไว้ที่ไม่แยแสซะแล้วก็ทำเรื่องรับผิดชอบของตนให้ดีอย่างที่เป็นต่อไป ก็ยังอยู่กับ ความอ่อนหวาน อิสระจากความสันโดษของตนแล้ว ลำพังตนเข้าใจจริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ใส่ใจแยแสเอาเรื่อง 😅😅
ขอบคุณมากค่ะ ที่ให้ความรู้❤😊
ความสุขและความทุกข์เป็นส่วนสุดของสองด้าน ทางสายกลางคือการวางเฉย
ขอบคุณที่ช่วยปลดล็อคความคิดบางอย่างในใจผมได้ครับ กับคำพูดที่ว่า ซื่อสัตย์ เชื่อมันในตัวเอง และอย่าได้เชื่อฟังความคิดเห็นของคนอื่นตลอดเวลา
สาธุ ชอบมาก
ผมมองอีกแง่มุมในโลกแห่งความเป็นจริง ความเฉยเมยของไดโอจีนีสอาจจะเป็นเพราะไดโอแกเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ไม่สนใจผู้อื่น ไม่ได้เข้าถึงปรัชญาอะไรหลอก เพราะการเฉยเมย ไม่ควรทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อนทั้งที่สถานการณ์นั้นควบคุมได้ เช่นการทำให้ตัวเองถูกจับหรือลงโทษจากราชาหรือทหาร ไม่งั้นการเฉยเมยแบบไม่คิดก็ไม่ต่างกับคนบ้า หรือไม่แกก็เป็นฮิคิโคโมริ (Hikikomori) เป็นคำอธิบายถึงพฤติกรรมของคนที่ชอบเก็บตัว พยายามแยกตัวเองออกจากสังคม และไม่ชอบพบปะผู้คน รวมถึงอาจไม่พูดคุยกับผู้อื่นเลยเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าพยายามทำตัวให้หายไปจากโลกความจริง ซึ่งคนแต่งในยุคนั้นอาจจะยังไม่ค้นพบพฤติกรรมนี้
🪞โลกความจริงมีหลากหลายองศา-[1]จริงทางเนื้อหนังสังขาร(+สมาคมสัมพันธ์+)?-[2]จริงทางใจคิดจิตฟุ้งฝัน(+ปรัชญาศาสนคติ+)?-[3]จริงทางวัฏโลกา(+ประชาคมวิทยาวิวัฒน์+)?-[4]จริงทางวัฏมายากาลี(+โลกุตตรเจตคติ+)?***DiogenesMightBeInTheForthReal?⁉️ความจริงในโลกที่ต่างสายต่างเชื่อเพราะว่าต่างเชื้อต่างพันธุ์¿🦠?
เราเลือกได้ค่ะว่าอะไรที่ควรตอบสนองหรือเฉยเมย การยกสถานการ์บางอย่างขึ้นมาหรือมีสถานการณ์บางอย่างอาจจะทำให้เราเข้าใจผู้คนและบริบทมากขึ้นนะ บางอย่างก็ควรพูดบางอย่างก็ควรเงียบ โลกความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้นะ เราเองก็เป็นคนโลกส่วนตัวสูงเพราะรู้สึกว่าคนเราต้องการพูดคุยกันมากเกินไป ทั้งๆที่การพูดคุยไม่กี่รอบก็น่าจะเข้าใจแล้ว เราโอเคกับกลุ่มคนบางกลุ่มนะไม่ถึงกับปิดตัวเองขนาดนั้น(แต่คนอื่นอาจไม่รู้55555) ถ้าการโจมตีคนที่มีพฤติกรรมเมินเฉยไม่ถูกวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมเราอาจจะมองคนที่เมินเฉยผิดไปหน่อยค่ะ เรามีที่มาประมาณว่าเคยตอบสนองแล้วมันไม่ช่วยอะไรนั่นแหละค่ะเราถึงเมินเฉยมันแบบทุกวันนี้ แล้วก็ไปสนใจในเรื่องที่ควรสนใจดีกว่า การยอมรับในเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ถึงเวลามันก็ต้องปล่อยนะคะ ก่อนจะเฉยเมยก็เคยสนใจมาก่อนแหละ 55555555 จริงๆ
ปรัชญาคุุณจะมีมันได้จากชีวิตจริง
ขอบคุณค่ะ❤
ขอยคุณมากๆ ค่ะ❤❤❤
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อนี้ฟังแล้วตรงกับตัวเองมากค่ะ😂
5555....
ชอบฟังมาก เข้าใจได้ง่ายคะ
อุเบกขา นั่นเอง ทุกข์มาก็ดึงกลับ สุขมาก็ดึงกลับ อุเบกขาคือเซ็นเตอร์
พี่เป็นแนวนี้ แต่เป็นคนพุทธ อุเบกขา แต่แจ้งจากใจ ฟังคนอื่นบ้างเพื่อลดตัวตน
คำสอนพุทธเรื่อง อุเบกขา ละเอียดลึกซึ้งกว่านี้ ไม่เอาใจไปเกี่ยวแม้แต่สุข หรือทุกข์
ทำได้มั้ยล่ะ
@@mobilerservicesoฝึกฝน..
ผมชอบ อยากเป็นแบบนี้
ขอบคุณที่นำมาเล่าให้ฟังค่ะ
คงคล้ายกับ “อุเบกขา”ในคติพุทธ เขาแปลว่าการวางตนเป็นกลาง แต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นการมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างทะลุปรุโปร่ง และก้อคิดได้ว่ามันก้อเป็นเช่นนี้เอง ตามสภาวะธรรมชาติ ไม่ยินดียินร้าย ก้อมันเป็นของมันแบบนี้ เลยวางเฉยเสีย ไม่ทุกข์ไม่สุขไปกับสิ่งนั้น
ขอบคุณมาก ที่มอบความคิดที่ทรงคุณค่าให้
ให้ข้อคิดดีค่ะ ขอบคุณนะคะ❤
ความอิสระ
ฟังมาหลายคลิปชอบทุกคลิปเลยค่ะ ทำอีกเรื่อยๆต่อไปเลยนะคะ ฟังทุกคลิปค่ะ ชอบมาก
ชอบฟังมากครับ
พูดเก่งมากครับ คำแทบไม่ผิด ไม่มีการตัดต่อด้วย
ขอบคุณมากครับ มีประโยชน์มากครับ
❤Thank you❤
กิเลส พระพุทธเจ้าเรียกว่า กิเลส ทรงเป็นนักปรัชญาที่ยิ่งใหญ่คัฟ(ชอบคลิปนี้มากคัฟ)
น่าสนใจ ชอบมากครับ