- 285
- 195 906
Politic com นสพ.การเมืองชุมชน♟️ซินดี้ ไอทีวี นิวส์
เข้าร่วมเมื่อ 29 ส.ค. 2023
การเมืองวาไรตี้
วีดีโอ
#ศูนย์ดิจิทัลชุมชน #ประเสริฐ #กระทรวงดีอี 27มิย.67 (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 35 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ศูนย์ดิจิทัลชุมชน #ประเสริฐ #กระทรวงดีอี 27มิย.67 (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#พรบ.ชนเผ่า#ลานปชป.ประชาธิปัตย์ #ปชป.today
มุมมอง 45 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#พรบ.ชนเผ่า#ลานปชป.ประชาธิปัตย์ #ปชป.today
#โฆษกปอย ตรีชฏา #สาธารณสุข #พรบ.อสม.
มุมมอง 157 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#โฆษกปอย ตรีชฏา #สาธารณสุข #พรบ.อสม.
#กองทัพดีเจคุยข่าว#อบรมจริงจัง #ขอบพระคุณท่านผู้ให้โอกาส #เอาจริงเอาจังไม่ผิดหวัง
มุมมอง 68 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#กองทัพดีเจคุยข่าว#อบรมจริงจัง #ขอบพระคุณท่านผู้ให้โอกาส #เอาจริงเอาจังไม่ผิดหวัง
#รมช.อรรถกร #พรรคพลังประชารัฐ #พปชร (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 28 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#รมช.อรรถกร #พรรคพลังประชารัฐ #พปชร (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#ปุจฉาพาเสียว..ว? #เด็กดูได้?ผู้ใหญ่ดูดี?#สื่อสร้างสรรค์? #ส่งเสริมคุกคามทางเพศในบริการขนส่งสาธารณะ?
มุมมอง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ปุจฉาพาเสียว..ว? #เด็กดูได้?ผู้ใหญ่ดูดี?#สื่อสร้างสรรค์? #ส่งเสริมคุกคามทางเพศในบริการขนส่งสาธารณะ?
#ท่องเที่ยวภูเก็ต #กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 210 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ท่องเที่ยวภูเก็ต #กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#ข่าววิทยุ #ข่าวออนไลน์ #เสริมทัพดีเจ ขอบพระคุณช่วยกันคิดทิศทางข่าว FM 100.5 คลื่นข่าวคลื่นความคิด
มุมมอง 912 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ข่าววิทยุ #ข่าวออนไลน์ #เสริมทัพดีเจ ขอบพระคุณช่วยกันคิดทิศทางข่าว FM 100.5 คลื่นข่าวคลื่นความคิด
#เก็บตก#อุดรจ๊วดๆ #รวมพลแม่ทัพ..นายกอง #ก้าวไกลอุดร #รถขยายเสียง
มุมมอง 1319 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#เก็บตก#อุดรจ๊วดๆ #รวมพลแม่ทัพ..นายกอง #ก้าวไกลอุดร #รถขยายเสียง
#เก็บตก#อุดรจ๊วดๆ#ขำก๊ากสองสส.! #ก้าวไกลอุดรธานี
มุมมอง 819 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#เก็บตก#อุดรจ๊วดๆ#ขำก๊ากสองสส.! #ก้าวไกลอุดรธานี
#พิธา #เก็บตกมุกดาหาร #ชาวบ้านสีข้าวใหม่มาฝาก #รักเขา#มุกดาหารก้าวไกล
มุมมอง 620 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#พิธา #เก็บตกมุกดาหาร #ชาวบ้านสีข้าวใหม่มาฝาก #รักเขา#มุกดาหารก้าวไกล
#ผู้การแต้มชี้#กตร. (อ่านข่าวในคอมเมนต์)cr line Chinnakrit
มุมมอง 1221 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ผู้การแต้มชี้#กตร. (อ่านข่าวในคอมเมนต์)cr line Chinnakrit
#ประเสริฐติดปีกธุรกิจ #กระทรวงดีอี#ไปรษณีย์ไทย (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 623 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ประเสริฐติดปีกธุรกิจ #กระทรวงดีอี#ไปรษณีย์ไทย (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#สส.ค่าไฟ #ศุภโชติ ก้าวไกล( อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 252 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#สส.ค่าไฟ #ศุภโชติ ก้าวไกล( อ่านข่าวในคอมเมนต์)
ชัยธวัช ตุลาธน การปล่อยผู้ต้องขังคดีการเมือง และนิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 162 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ชัยธวัช ตุลาธน การปล่อยผู้ต้องขังคดีการเมือง และนิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#สกลรักพิธา#พิธาtoday#สาขาพรรค#ก้าวไกลสกลนคร #เลือกตั้ง
มุมมอง 7932 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#สกลรักพิธา#พิธาtoday#สาขาพรรค#ก้าวไกลสกลนคร #เลือกตั้ง
#แก้ปัญหาโค#สส.โค#ณรงเดช อุฬารกุล (อ่านข่าวในคอมเมนต์)#ก้าวไกลสกลนคร
มุมมอง 1112 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#แก้ปัญหาโค#สส.โค#ณรงเดช อุฬารกุล (อ่านข่าวในคอมเมนต์)#ก้าวไกลสกลนคร
#พิธีทอดผ้าป่าฯ บูรณะปฏิสังขรณ์ พระบรมบรรพรต (ภูเขาทอง) /อ่านรายละเอียดในคอมเมนต์
มุมมอง 452 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#พิธีทอดผ้าป่าฯ บูรณะปฏิสังขรณ์ พระบรมบรรพรต (ภูเขาทอง) /อ่านรายละเอียดในคอมเมนต์
คุ้มครองสิทธิฯ จับมือ 4 พันธมิตร แก้หนี้เจ้าหน้าที่สธ (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 182 ชั่วโมงที่ผ่านมา
คุ้มครองสิทธิฯ จับมือ 4 พันธมิตร แก้หนี้เจ้าหน้าที่สธ (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#เรือพ่นพิษผู้โดยสารอ๊วกแตก #กรุงเทพ
มุมมอง 914 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#เรือพ่นพิษผู้โดยสารอ๊วกแตก #กรุงเทพ
#กรุงเทพ #เรือแสนแสบ ปล่อยมลพิษผู้โดยสารอ๊วก
มุมมอง 114 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#กรุงเทพ #เรือแสนแสบ ปล่อยมลพิษผู้โดยสารอ๊วก
พิธีบวงสรวง ถวายผ้าป่าบูรณะปฏิสังขรณ์บรมบรรพต ภูเขาทองวัดสระเกษ กทม.
มุมมอง 774 ชั่วโมงที่ผ่านมา
พิธีบวงสรวง ถวายผ้าป่าบูรณะปฏิสังขรณ์บรมบรรพต ภูเขาทองวัดสระเกษ กทม.
#พิธาพบประชาชน#อิสาน3จังหวัดหวังยึดอุดรสกลมุกดาหาร #พิธาคนรุม"รัก" #พิธาtoday (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 807 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#พิธาพบประชาชน#อิสาน3จังหวัดหวังยึดอุดรสกลมุกดาหาร #พิธาคนรุม"รัก" #พิธาtoday (อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#ภูมิธรรมเรื่องประมูลข้าว(อ่านข่าวในคอมเมนต์)
มุมมอง 67 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ภูมิธรรมเรื่องประมูลข้าว(อ่านข่าวในคอมเมนต์)
#ยื่นหนังสือยางพารา ? (คิวแทรก?ที่ยากจะเข้าใจ ถือว่าเป็นบรรยากาศจากสถานที่จริง)#มุกดาหารก้าวไกล
มุมมอง 717 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#ยื่นหนังสือยางพารา ? (คิวแทรก?ที่ยากจะเข้าใจ ถือว่าเป็นบรรยากาศจากสถานที่จริง)#มุกดาหารก้าวไกล
#มุกดาหารรุมรัก"พิธา"#พิธาtoday#มุกดาหารก้าวไกล #พรรครุ่นใหม่แต่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่..แน่นวล!
มุมมอง 1.4K7 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#มุกดาหารรุมรัก"พิธา"#พิธาtoday#มุกดาหารก้าวไกล #พรรครุ่นใหม่แต่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่..แน่นวล!
#บิ๊กแบงอุดร #เวทีปราศรัย #รวมสส.ก้าวไกลงานอุดรจ๊วดๆ
มุมมอง 457 ชั่วโมงที่ผ่านมา
#บิ๊กแบงอุดร #เวทีปราศรัย #รวมสส.ก้าวไกลงานอุดรจ๊วดๆ
“รังสิมันต์” จี้รัฐบาลไทยออกนโยบายให้ชัด กรณีรัฐบาลทหารเมียนมาใช้ธนาคารไทยโอนถ่ายเงินซื้ออาวุธ ย้ำในขณะที่นานาชาติกำลังคว่ำบาตร เราจะปล่อยให้ไทยเป็นเครื่องมือของรัฐบาลทหารในการปราบปรามประชาชนไม่ได้ . วันที่ 28 มิถุนายน 2567 รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการเปิดเผยรายงานจากผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติ ว่ารัฐบาลทหารเมียนมาได้เปลี่ยนมาใช้ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารอื่นๆ ในประเทศไทยในการโยกย้ายโอนถ่ายเงิน เพื่อจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการปราบปรามประชาชน . โดยรังสิมันต์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลทหารเมียนมาใช้ธนาคารประเทศสิงคโปร์ในการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นหลัก แต่ภายหลังถูกรัฐบาลสิงคโปร์กดดันหนัก และขณะนี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้สั่งปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารเมียนมาทั้งหมดแล้ว จึงจำเป็นต้องย้ายประเทศโอนถ่ายเงิน ซึ่งผลนั้นก็ตกมาอยู่ที่ประเทศไทย . รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้นานาประเทศกำลังคว่ำบาตรรัฐบาลทหารเมียนมาและเรียกร้องให้เมียนมากลับสู่ระบบประชาธิปไตยโดยเร็ว ขณะเดียวกัน ประเทศในกลุ่มอาเซียนรวมถึงไทยก็ได้บรรลุฉันทามติ 5 ข้อต่อสถานการณ์ในเมียนมาไปแล้วเมื่อปี 2564 ซึ่งมีสาระสำคัญคือการยุติการใช้ความรุนแรงเพื่อเปิดพื้นที่เจรจาร่วมกันของทุกฝ่าย ดังนั้น เราจึงไม่สามารถปล่อยให้ประเทศไทยกลายเป็นเครื่องมือของกองทัพรัฐบาลทหารในการซื้อขายอาวุธต่อไปได้ และรัฐบาลไทยต้องมีนโยบายที่ชัดเจนต่อการแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว . ทั้งนี้ รังสิมันต์กล่าวว่า ตนจะใช้กลไกของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป จึงขอให้ประชาชนร่วมกันจับตาและติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด
‘กระทรวงดีอี’ มอบอุปกรณ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชน 500 ศูนย์ทั่วประเทศ ภายใต้โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน สร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตกับประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม - - - - - วันที่ 27 มิถุนายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบอุปกรณ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 500 ศูนย์ทั่วประเทศ ‘โครงการเช่าอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน’ ภายใต้โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยมีนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยนายธีรวุฒิ ธงภักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , นางอำไพ จิตรแจ่มใส รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนางสาวรัตนา จรูญศักดิ์สิทธิ์ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ตลอดจนผู้บริหารศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 6 แห่ง เข้ารับมอบอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน ณ ห้องประชุม MDES1 ชั้น 9 สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และผู้แทนศูนย์ดิจิทัลชุมชนทั่วประเทศ เข้าร่วมรับมอบผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ . โดยนายประเสริฐ กล่าวแสดงความยินดีพร้อมย้ำว่ารัฐบาลได้มีนโยบายที่จะนำพาประเทศไทยก้าวสู่ ‘ไทยแลนด์ 4.0’ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจรากฐานของประเทศให้เข้มแข็งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทุกคนเข้าถึงได้ให้มีประสิทธิภาพสูงครอบคลุมทั่วประเทศ . นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้ดำเนินโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อเป็นการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่จัดตั้งอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผลักดันให้เกิดสังคมแห่งการสร้างภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Base Society) เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของเด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชน สามารถสืบค้นข้อมูล เรียนรู้ได้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และส่งเสริมการค้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน อีกทั้งยังเป็นการขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ต ทั้งทางด้านข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีไปสู่ส่วนท้องถิ่น ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการให้บริการของภาครัฐเพิ่มมากขึ้น โดยมีความมุ่งหวังให้ประเทศไทยมีการพัฒนาไปข้างหน้าพร้อมกันทุกด้าน ทั้งคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดประโยชน์ กับประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน . นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า สดช. ได้จัดให้มี ‘ศูนย์ดิจิทัลชุมชน’ ภายใต้กิจกรรมการเช่าอุปกรณ์สนับสนุนศูนย์ดิจิทัลชุมชน โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ดิจิทัลและบุคลากรสนับสนุน เป็นการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในระดับท้องถิ่น ซึ่งกระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ประชาชนในชุมชนส่วนใหญ่เข้าถึงและมีความสะดวกในการใช้บริการ เช่น วัด มัสยิด ที่ทำการหมู่บ้าน สหกรณ์ องค์กรปกครองส่งท้องถิ่น โรงเรียน ห้องสมุด ค่ายทหาร เป็นต้น เพื่อลดช่องว่างทางด้านดิจิทัลให้กับชุมชน ประชาชนทุกกลุ่มและทุกพื้นที่ให้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเชื่อมโลกที่จะส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษา การสร้างรายได้ การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล /////////////
เริ่มแล้ว ! สาธารณสุขเปิดให้แสดงความคิดเห็นต่อ ร่างพ.ร.บ.อสม. ก่อนจะส่งครม.เห็นชอบ รัฐมนตรี“สมศักดิ์”เร่งให้ออกเป็นกฏหมายโดยเร็ว หวังยกระดับ อสม.ทั้งประเทศ เผยสิทธิ สวัสดิการ ค่าป่วยการ ใหัมีเกียรติ ศักดิ์ศรีและยั่งยืน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข (สธ.) ได้เริ่มเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผ่านทางออนไลน์ กูเกิ้ลฟอร์ม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ไปจนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 รวมเวลา 15 วัน ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการให้ อสม. ซึ่งมีจำนวน 1.07 ล้านคน มีกฎหมายมารองรับเพื่อสร้างหลักประกันในการได้รับค่าป่วยการ สิทธิ สวัสดิการช่วยเหลือต่างๆ การพัฒนาส่งเสริม การวางระบบและโครงสร้างของ อสม. ได้เร่งรัดให้ปลัดกระทรวง สธ.ดำเนินการยกร่างพ.ร.บ.ด้วยตระหนักว่า อสม.ในฐานะ ‘นักรบด่านหน้า’ในการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชน น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า ร่างพ.ร.บ. อสม. ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้แสดงความเห็นตอบคำถามต่างๆผ่านกูเกิ้ลฟอร์ม ซึ่งเป็นเรื่องสะดวกและง่ายนั้น มีทั้งสิ้น 53 มาตรา สาระสำคัญ ได้แก่ การกำหนดโครงสร้างให้มีคณะกรรมการระดับประเทศ ระดับเขตและระดับจังหวัด กำหนดองค์ประกอบและ อำนาจหน้าที่ของแต่ละระดับ, สิทธิประโยชน์ต่างๆ สวัสดิการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล เช่นค่าห้อง ค่าอาหารพิเศษ รวมถึงคู่สมรสและบุตรของ อสม. เบิกค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่โดยเบิกได้เทียบเท่าข้าราชการระดับปฏิบัติการ ได้รับเงินค่าป่วยการในการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจุบันได้ปรับเพิ่มจากเดือนละ 1,000 บาทเป็น 2,000 บาท, การได้รับประโยชน์จากกองทุนสนับสนุนการปฏิบัติงาน, ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์, ได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น อสม.ดีเด่น, คุณสมบัติ และบทบาทหน้าที่และมาตรฐานทางจริยธรรม เป็นต้น โฆษกสธ.ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพ.ร.บ. อสม.เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนตรากฏหมายออกมาบังคับใช้ หลังผ่านขั้นตอนแรกนี้แล้ว ทาง สธ.จะประมวลความเห็นนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงร่างพ.ร.บ. เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณา หลังจากนั้นจะส่งกลับมาให้คณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นลำดับถัดไป “ขอแจ้งข่าวดีมายังพี่น้อง อสม.เป็นล้านคนทั่วทั้งประเทศว่า บัดนี้ร่างกฎหมาย อสม.เสร็จสิ้นในส่วนของกระทรวงสธ.แล้ว เราต้องการฟังเสียงสะท้อนจากท่านและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้กรุณาตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างสุจริตที่จะเป็นประโยชน์ต่อ อสม. ต่อสังคม และต่อพี่น้องประชาชนในชุมชนท้องถิ่น ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ได้ฝากขอบคุณมาถึงพี่น้องอสม.ที่จะมีส่วนร่วมในครั้งนี้ และขอร้องให้ช่วยกันรณรงค์ส่งข่าวสารถึงกันเพื่อให้ตอบข้อคำถามในการแบบฟอร์มแสดงความคิดเห็นกันมากๆ ช่วยกันติดตามข่าว เสนอแนะ ผ่านทาง docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSc0_FCfE_x7RPZU7IDWrzDclb7iXgRYma2ubmodL1yIpVoTHA/formResponse เพื่อให้ร่างพ.ร.บ.นี้ประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว” น.ส.ตรีชฎากล่าวทิ้่งท้าย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯร่วมคลื่น 100.5 อบรมนักจัดหน้าใหม่ เสริมทัพรายการวิทยุ ‘ช่วยกันคิดทิศทางข่าว’ ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับกิจกรรม “การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการการเป็นนักจัดรายการวิทยุรายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ณ ที่สำนักงานชั่วคราว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ชั้น 7 ห้อง Meeting A (ตึกแดง บางซื่อจังชั่น ถนนกำแพงเพชร 2 กรุงเทพฯ) ชวนคนข่าวภาคสนามมาเรียนรู้ทักษะการจัดรายการวิทยุอย่างมืออาชีพให้กับบุคลากรภาคสนามในแวดวงสื่อมวลชน และเฟ้นหานักจัดหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพในรายการ โดยรายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กับ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น. โดยประมาณ ทางคลื่นข่าว MCOT News Network FM 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้มาบอกเล่าประเด็นข่าวต่างๆ ที่ไปลงติดตามทำข่าวกันมา ผ่านมุมมองของ “คนข่าว” ซึ่งนอกจากประเด็นข่าวแล้ว ยังรวมถึงความยาก-ง่าย หรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจที่ผู้สื่อข่าวได้พบระหว่างการทำข่าวนั้นด้วย
ปีนี้ลุ้น “ต้มยำกุ้ง” และชุด “เคบาย่า” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก พร้อมเร่งจัดทำแผนล่วงหน้า 10 ปี เสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย เพื่อเผยแพร่สู่ระดับนานาชาติ กำชับส่งเสริม Soft Power นำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สร้างอาชีพและรายได้สู่ชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศค่ะ #รมว #รมวปุ๋ง #สุดาวรรณ #สุดาวรรณหวังศุภกิจโกศล #กระทรวงวัฒนธรรม
"รมว.ธรรมนัส" มอบหมาย “รมช.อรรถกร” เร่งกรมพัฒนาที่ดินตรวจวิเคราะห์คุณภาพดินรับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง หนุนชาวนาเข้าถึงข้อมูลวางแผนเพาะปลูกแม่นยำเพิ่มรายได้-ลดต้นทุนตามนโยบายรัฐ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้จัดประชุม vdo conference ร่วมกับ จนท กรมพัฒนาที่ดินทั่วประเทศให้เตรียมตัวสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้สูงขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยได้เร่งรัดให้กรมพัฒนาที่ดิน จัดเก็บผลวิเคราะห์ดินทั่วประเทศ ใช้กลไกของอาสาหมอดินที่มีอยู่ใน 77 จังหวัด ทำการรวบรวมฐานข้อมูลคุณภาพดินในการเพาะปลูกของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งหมด ที่จะนำไปสู่การวางแผนการเพาะปลูกที่เหมาะสม กับชนิดปุ๋ยในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สามารถวางแผนต้นทุนการเพาะปลูกข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนมาตรการ"ปุ๋ยคนละครึ่ง" ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อเร็วๆนี้ “การจัดทำฐานข้อมูลคุณภาพดินทั่วประเทศเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อให้ใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมกับคุณภาพดินในแต่ละพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาพบว่าการใช้ปุ๋ยเกินความจำเป็น สร้างภาระต้นทุนให้กับพี่น้องเกตรกรมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขณะนี้ราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น หากยิ่งใช้เกินความจำเป็นทำให้เกษตรกรขาดทุนในการเพาะปลูก ดังนั้นโครงการดังกล่าว ถือเป็นภาระกิจหลักตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกะทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีแผนการพัฒนาภาคเกษตร มีการวางแผนการเพาะปลูกแบบแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 3 เท่า ภายในระยะเวลา 4 ปี เป็นแนวทางของการสร้างความมั่นคงในอาชีพ ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน ///////////////////////////////////////////////
ลุย "ภูเก็ต" ตรวจความเรียบร้อย ระบบรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และ ระบบกล้องวงจรปิด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและอำนวยความสะดวก พร้อมพบปะประชาชน ผู้ประกอบการ ที่ถนนบางลา หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต #กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการ “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” เปิดรับ ภาพถ่าย และ คลิปสั้นประกอบเพลงฯ ร่วมประกวดในหัวข้อ “พหุวัฒนธรรมในมุมมองของฉัน” วันนี้ ถึง 15 ก.ค. 2567 โครงการสารคดีพหุวัฒนธรรม “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้จัด 2 กิจกรรมพิเศษ เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม เสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม จึงขอเชิญชวนนักศึกษา,ประชาชนผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลงาน ภาพถ่าย และ คลิปสั้นประกอบเพลงไทยแลนด์ลองสเตย์ ร่วมประกวด ในหัวข้อ “พหุวัฒนธรรมในมุมมองของฉัน” ไม่จำกัดจำนวนผลงาน โดยเปิดรับภาพถ่ายและคลิปสั้น ทาง Facebook: Thailand longstay และ Tiktok: Thailand longstay ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 กรกฎาคม 2567 ประกาศผลการตัดสินในวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 พิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่าย การมอบรางวัล และเวทีเสวนา จะมีขึ้นในวันที่ 25 กรกฏาคม 2567 ณ มิวเซียมสยาม โดยผลงานที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการภาพถ่าย ระหว่างวันที่ 25-30 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจสามารถเข้ามาชมได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับ 4 ช่องทางสื่อออนไลน์ของโครงการ “ไทยแลนด์ ลองสเตย์” คือ FB: Thailand longstay , Tiktok.: Thailand longstay , IG: Thailand longstay และ TH-cam : Thailand longstay ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลด เพลงไทยแลนด์ลองสเตย์ได้ที่หน้าเพจ FB ของโครงการฯ รางวัลประกวดคลิปสั้น มี 5 รางวัล คลิปที่รับคะแนนโหวตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้รับเงินรางวัลๆละ 3,000 บาท ได้แก่ : รางวัลชนะเลิศ 3 รางวัล, รางวัล TikTok popular Vote 1 รางวัล และ รางวัล FB Popular Vote 1 รางวัล รางวัลประกวดภาพถ่ายมี 5 รางวัล ๆ ละ 1,000 บาท: ตัดสินโดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้การตัดสินของกรรมการถือเป็นอันสิ้นสุด ----------------------------------------------- สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ 081-9919444 ปูเป้-ภัคนันท์ , 0819080782 ต่าย-รสวรรณภัทชก์
ทำไงก็ได้ที่ทำให้คนแบบเดิมๆได้มาเป็นส.วอีกครั้ง
อ้าวว พอพรรคพวกตัวเองไม่ได้😮 พาลเลยหรือก้าวไกล?
กลโกง มาแต่แรกแล้ว..สว.ชุดนี้ไร้ค่า
ไว้ให้เผด็จการใช้ประโยชน์สร้างอำนาจให้ตัวเองและพรรคพวกสิครับ...หึๆ
“ในเมื่อเราพยายามออกแบบ สว. และหน้าตาออกมาแบบนี้ สุดท้ายต้องกลับมาว่าเราจะมีวุฒิสภาไว้ทำอะไร ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องมี ดีกว่ามาออกแบบ สว. พิสดารแบบนี้ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณะเลย” . ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงรายชื่อว่าที่ 200 สว. วันที่ 27 มิถุนายน 2567
ยินดีต้อนรับคะ
ข่าว “พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ” วันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผู้การแต้ม ชี้มติที่ประชุม ก.ตร.สอดคล้องแนวทางที่เคยวิเคราะห์ ย้ำจุดยืนทำหน้าที่สื่อให้ความเห็นโดยยึดหลักกฎหมาย “ผู้การแต้ม” พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ กล่าวว่า จากการที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเป็นเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 ให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อนถูกต้องแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของตนที่ได้วิเคราะห์ และมีการนำเสนอไว้ในรายการแต้มต่อที่ออกอากาศทาง ททบ.5 เมื่อคืนวันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2567 ซึ่งทั้งหมดนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการทำหน้าที่ในฐานะสื่อในการให้ความเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ โดยยึดหลักกฎหมาย มีเจตนาที่สุจริต ไม่มีจุดประสงค์ที่จะเข้าข้างใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ผู้การแต้มยังกล่าวย้ำ ประเด็นที่มีข่าวว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะฟ้องร้องตนเองนั้น ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวล แต่ถ้าฟ้องมาตนก็จำเป็นต้องฟ้องกลับเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเองและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ให้ความรู้กับประชาชน ********************************
‘กระทรวงดีอี’ ผนึกกำลัง ‘กระทรวงอุตสาหรรม’ เชื่อม ‘ไปรษณีย์ไทย - ดีพร้อม’ ส่งเสริม ‘ผู้ประกอบไทย’ ยกระดับ ‘ขน-ขาย-เก็บ-แพ็ค-ส่ง’ สินค้าชุมชนไทย ณ ที่ทำไปรษณีย์ไทยและเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศ 50,000 แห่ง - - - - - วันที่ 27 มิถุนายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมเป็นสักขีพยานในการณทำ MOU ร่วมกันระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ผ่าน DIPROM CONNECTION หนุนความร่วมมือ ‘การพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อยกระดับขีดความสามารถวิสาหกิจไทยอย่างยั่งยืน’ เพื่อเสริมแกร่งชุมชน-วิสาหกิจไทย ยกระดับสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ สนับสนุนสิทธิประโยชน์ส่วนลดพิเศษในการขนและขายสินค้าชุมชนไทยผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ ณ ที่ทำไปรษณีย์ไทยและเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศกว่า 50,000 แห่ง การผลักดันให้ผู้ประกอบการได้ใช้ประโยชน์จากโซลูชันต่างๆ ของไปรษณีย์ไทยทั้งเครือข่ายที่ครอบคลุม การขนส่งที่มีความรวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย ฯลฯ รวมถึงการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนลดขยะในสถานประกอบการ โดยหวังยกระดับขีดความสามารถวิสาหกิจไทยให้โตแบบยั่งยืน . นายประเสริฐ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของกระทรวงดีอีคือการส่งเสริมให้ภาครัฐ-เอกชน และทุกภาคส่วนเข้าถึงระบบต่างๆ ที่เป็นดิจิทัลซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมาย Digital Economy โมเดลที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้เติบโตอย่างรวดเร็ว และเป็นกลไกเพิ่มผลิตภาพทั้งในภาคการผลิต การค้า การบริการ รวมถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่จำเป็นสำหรับการแข่งขัน อย่างไรก็ตามความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นอีกกลไกที่สำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการในทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าถึงและใช้ประโยชน์โซลูชันทางดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้มอบหมายให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีความโดดเด่น ตั้งแต่ในด้านการขนส่ง ที่มีทั้งความรวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย เครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ - บุรุษไปรษณีย์ที่ครอบคลุม ระบบคลังสินค้า และช่องทางจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ขยายโอกาสและรองรับความต้องการต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการพร้อมผลักดันให้ใช้ประโยชน์จากไปรษณีย์ไทยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และเสริมความเป็น Digital SMEs ให้มากขึ้น . ด้านนางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า เราได้เตรียมความพร้อมรับมือกับรูปแบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต ดังนั้น เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าได้อย่างเต็มความสามารถจึงจำเป็นต้องยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากต้นทุนที่มีในท้องที่ต่าง ๆ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ขับเคลื่อนการเสริมศักยภาพและพัฒนาชุมชน วิสาหกิจชุมชน โดยความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านโลจิสติกส์ และการจัดจำหน่ายได้มากขึ้น . ด้าน นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม มีทิศทางการทำงานที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ตามนโยบาย “RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต” ภายใต้แนวคิด “ชุมชนเปลี่ยน” ผ่านการบูรณาการเครือข่ายความร่วมมือ (DIPROM CONNECTION) กับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสทางการตลาดในการยกระดับขีดความสามารถวิสาหกิจไทยให้มีความยั่งยืนผ่านการเสริมสร้างองค์ความรู้ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต มาตรฐาน และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย /////////////
ที่ตั้งพรรคยูตรงใหนครับ
“ศุภโชติ” หนุนมติ กพช.เปิดทางเอกชนซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้โดยตรง แต่รัฐบาลต้องปรับแผนพลังงานชาติให้สอดคล้องด้วย หวั่นประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าเกิน สุดท้ายประชาชนรับกรรม ค่าไฟแพงขึ้นอีก . วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวานนี้ ที่เห็นชอบกับแนวทางการดำเนินโครงการนำร่องซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (TPA) หรือกล่าวคือ การเปิดให้บริษัทเอกชนระดับโลกที่รัฐบาลเชิญชวนเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะบริษัทด้านศูนย์ข้อมูล (Data Center) สามารถเจรจาซื้อไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ได้โดยตรง โดยไม่กระทบกับระบบไฟฟ้าภายในประเทศ . ศุภโชติกล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ กพช.เห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว เพราะถือเป็นก้าวแรกของประเทศไทยที่จะนำไปสู่การเปิดเสรีทางพลังงานไฟฟ้าในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มตัวเลือกในการเข้าถึงพลังงานสะอาด ดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่ประเทศ และเป็นดังที่ตนได้อภิปรายในสภาฯ มาโดยตลอดหลายครั้งถึงความสำคัญของการเปิด Direct PPA อย่างไรก็ตาม การเปิด Direct PPA ครั้งนี้กลับไม่สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ฉบับใหม่ จนนำมาสู่ข้อกังวลว่ารัฐบาลกำลังละเลยปัญหาเดิมและสร้างปัญหาใหม่ต่อภาคพลังงานไทยใน 3 ประเด็นหลัก . ประเด็นแรก การเปิด Direct PPA หรือให้ผู้ซื้อกับผู้ขายไฟฟ้าสามารถเจรจากันได้โดยตรงนั้นเป็นการดึงอุปสงค์ (Demand) การใช้ไฟฟ้าออกจากระบบ ทำให้ความต้องการไฟฟ้าในระบบลดลง ขณะที่แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับใหม่ปี 2567 ที่กำลังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นนั้นไม่ได้วางแผนรองรับการเปิด Direct PPA ไว้ ดังนั้น เมื่อรัฐบาลประกาศโครงการนำร่องดังกล่าวในภายหลัง ย่อมทำให้โรงไฟฟ้าที่จะต้องถูกสร้างขึ้นตามแผนเกินความจำเป็น เป็นการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าที่สูงเกินจริง จนกระทบต่อค่าไฟของประชาชนที่อาจสูงขึ้นไปอีก . ประเด็นที่สอง หากรัฐบาลได้รับฟังสิ่งที่ตนอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ในสภาฯ เรื่อง “เปิดขบวนการอ้างพลังงานสะอาด ปล้นค่าไฟประชาชน” จะพบว่าประกาศของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เกี่ยวกับการรับซื้อพลังงานสะอาดรอบล่าสุดจำนวน 3,600 เมกะวัตต์นั้นมีปัญหาหลายด้าน เช่น การกีดกันไม่ให้คนที่กำลังฟ้องร้องภาครัฐเข้าร่วมประมูล หรือการไม่ให้มีการแข่งขันกันเรื่องราคา ดังนั้น หากโครงการนำร่อง Direct PPA มีการเปิดให้พลังงานสะอาดจากโครงการรับซื้อรอบล่าสุด 3,600 เมกะวัตต์เข้าร่วมได้ ก็ถือว่ารัฐบาลกำลังมองข้ามปัญหาและเร่งรัดตัดปัญหาให้พ้นตัว . ประเด็นสุดท้าย เนื่องจากการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายไฟฟ้านั้นจะต้องมีการจ่ายค่าเช่าสายส่งหรือ Wheeling Charge ให้กับเจ้าของโครงข่ายในประเทศ คือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แต่อัตราค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเก็บเท่าใด หากเก็บน้อยไปเจ้าของระบบโครงข่ายก็เข้าเนื้อ หากเก็บมากไปก็ไม่มีใครใช้ ดังนั้น ตนจึงเสนอให้รัฐบาลจัดเก็บในอัตราที่เหมาะสม โดยชี้แจงต่อประชาชน นักลงทุน และเจ้าของโครงข่ายให้ชัดเจนถึงเหตุผลในการได้มาซึ่งอัตราดังกล่าว เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส . ศุภโชติกล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ดี ตนมีความยินดีที่รัฐบาลจะสามารถเปิด Direct PPA ได้ภายในสิ้นปีนี้ตามมติ กพช. แต่เพื่อไม่ให้ประชาชนเป็นผู้แบกรับค่าไฟจากการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าที่สูงเกินไป ก็ขอเสนอให้รัฐบาลปรับปรุงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงชี้แจงกระบวนการต่างๆ และคิดอัตราค่าธรรมเนียม Wheeling Charge ให้โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“ชัยธวัช” รับหนังสือกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เรียกร้องเร่งผลักดันนิรโทษกรรม ย้ำ กมธ.นิรโทษฯ เห็นพ้องแนวทางตั้งคณะกรรมการกลั่นกรอง ไม่กำหนดฐานความผิดเจาะจง เพื่อให้ทุกคดีที่เกี่ยวพันกับการเมือง รวมถึง ม.112 เข้าสู่กระบวนการได้ . วันที่ 27 มิถุนายน 2567 ที่อาคารรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รับหนังสือจากภาคประชาชนกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข เรื่องการเรียกร้องให้รัฐบาลคืนสิทธิประกันตัวให้กับผู้ต้องขังคดีการเมือง และขอให้ กมธ.นิรโทษกรรมเร่งผลักดันกระบวนการนิรโทษกรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งต้องรวมถึงผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองตามคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย . ชัยธวัชกล่าวว่า กรณีคดีอาญามาตรา 112 รายงานข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ระบุว่ามาตราดังกล่าวถูกนำมาใช้มากเป็นพิเศษหลังการรัฐประหารปี 2549 และ 2557 โดยในการรัฐประหารทุกครั้ง คณะรัฐประหารได้อ้างอิงสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร รวมถึงรัฐบาลหลังจากนั้นก็มีพฤติการณ์ใช้ประเด็นเรื่องความจงรักภักดีมาสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองและปราบปรามพี่น้องประชาชน ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีอาญามาตรา 112 มีความเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองไทย . อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการนิรโทษกรรมจะไม่ได้พิจารณาว่าจะรวมคดีอาญามาตรา 112 อยู่ในการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ เพราะขณะนี้กรรมาธิการส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าไม่ควรออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยกำหนดฐานความผิดไว้ เนื่องจากหลายฐานความผิดมีทั้งคดีที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองกรณีที่สมควรจะได้รับการนิรโทษกรรมน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า ซึ่งก็มีข้อเสนอด้วยว่าในคดีที่มีความเห็นต่างกันสูง อาจจะให้อำนาจคณะกรรมการดังกล่าวกำหนดเงื่อนไขในการพิจารณาคดีนั้นๆ เป็นพิเศษก็ได้ . ทั้งนี้ ชัยธวัชย้ำว่าตนจะนำข้อเสนอที่ได้รับจากภาคประชาชนไปสะท้อนเสียงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ โดยวาระการประชุมวันนี้จะพิจารณากันถึงเรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองนิรโทษกรรม รวมถึงแนวทางการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและความหลากหลายของคดีอาญามาตรา 112 ที่เกิดขึ้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
ตื่นเต้นค่ะคนรุ่นใหม่ทำเพื่อประชาชน
เริ่ดค่ะ
สาธุเด้อครับขอให้ลูกสุขภาพแข็งแรงเฮงๆโชคดีมีชัย
❤,❤❤
❤❤❤สาธุ สาธุ สาธุ
เก่ง ฉลาดมาก คือ นายกพิธา
มันจะโกหกอะไรอีก จะเหมือนที่พูดที่ภาคใต้รึป่าว ใครเชื่อก็โง่เต็มทนแล้ว
“พิธา” ร่วมประชุมตั้งสาขาก้าวไกลสกลนคร ย้ำก้าวไกลเติบโตจากรากฐานที่แข็งแรง เป็นพรรคของประชาชนที่ฝังรากลึกในสังคมไทยแล้ว แม้จะต้องเปลี่ยนสี เปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ก็ไปต่อได้แน่นอน . วันที่ 23 มิถุนายน 2567 ที่โรงแรมพีซี แกรนด์ พาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร พรรคก้าวไกลจัดการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสาขาพรรคประจำจังหวัด จนสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นสาขาแห่งที่ 16 ได้สำเร็จ โดยในการประชุมมี ณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมบรรยายพิเศษให้กับสมาชิกพรรคด้วย . ณรงเดชกล่าวว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าเรามีความพร้อมในการบริหารประเทศ แต่เราจำเป็นต้องมี สส.มากกว่า 250 คนเพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลเองได้โดยไม่ต้องรอลุ้นว่าจะมีใครมาร่วมหรือไม่ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก ลำพังโดย สส.หรือแกนนำพรรคทำเองไม่ได้ แต่ต้องมีโครงสร้างในการสนับสนุน . ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงมุ่งจัดตั้งโครงสร้างการทำงานในระดับจังหวัด เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนตั้งแต่ระดับฐานราก ทั้งในการช่วยคัดสรรผู้สมัคร การแสดงความคิดเห็นต่อนโยบาย และประชาสัมพันธ์สิ่งที่พรรคกำลังทำอยู่ โดยมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งสาขาพรรคให้ได้ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่เงื่อนไขสำคัญคือจังหวัดใดที่จะตั้งสาขาพรรคได้ จะต้องมีตัวแทนพรรคประจำอำเภอ (ตทอ.) เกินครึ่งหนึ่งของอำเภอในจังหวัดนั้นๆ . ณรงเดชกล่าวต่อไปว่า จังหวัดสกลนครมีทั้งหมด 18 อำเภอ วันนี้เรามีตัวแทนพรรคประจำอำเภอแล้วใน 10 อำเภอ จึงสามารถจัดตั้งสาขาพรรคประจำจังหวัดได้สำเร็จ โดยในอนาคตเราคาดหวังว่าจะมีตัวแทนพรรคประจำทุกอำเภอของสกลนคร และเราก็คาดหวังว่าทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้จะมาช่วยพรรคก้าวไกล เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไปด้วยกัน . ขณะที่พิธาระบุว่า ถ้าไม่มีสกลนคร ก็ไม่มีพิธาในวันนี้ เพราะเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2562 ชาวสกลนครให้ความไว้วางใจพรรคอนาคตใหม่ถึง 80,000 คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ ทำให้ตนในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 ของพรรคอนาคตใหม่ในเวลานั้นได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ ได้ดูแลเรื่องการเกษตรโดยเฉพาะ ในช่วงนั้นอภิปรายในสภาฯ ได้ครั้งเดียวตนก็ลงพื้นที่มาเยี่ยมจังหวัดสกลนคร มาศึกษานโยบายเรื่องการเกษตร ได้นั่งคุยกับเกษตรกร ได้เข้าใจว่าการแก้ไขปัญหาแบบทำไปทีละเรื่องอย่างที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ในขณะที่ 3 ใน 4 ของคนไทยยังไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของตัวเอง เมื่อไม่มีที่ดินก็เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ต้องไปกู้นอกระบบ ทำนาเสร็จก็ไม่มีเงินเก็บเพราะต้องจ่ายค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง และหนี้สิน กลายเป็นงูกินหางที่ไปต่อไม่ได้ นำมาสู่แนวคิดกระดุม 5 เม็ดที่ตนพูดในสภาฯ ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องการปฏิรูปที่ดิน ดังนั้น ตนจึงเป็นหนี้บุญคุณพี่น้องชาวสกลนคร เพราะเป็นพื้นที่ที่สอนให้พิธาเป็น สส.ที่อภิปรายเป็น ลงมาเรียนรู้พื้นที่และกลับเข้าสภาฯ ด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องให้ใครเขียนสคริปต์อยู่ข้างหลัง โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่อยู่ในสคริปต์หมายถึงอะไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะชาวสกลนคร
นายณรงเดช อุฬารกุล สส.พรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปรับเรื่องร้องเรียนราคาโคตกต่ำ จากเกษตรผู้เลี้ยงโค อำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมกรรมาธิการการเกษตร เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประชุมและนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาราคาโคตกต่ำ ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาฯ ซึ่งนายณรงเดช ได้มีบทบาทในการแก้ปัญหาการส่งเสริมการเลี้ยงโคของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้อภิปรายในสภาถึง 5เรื่องเร่งด่วนของกรมปศุสัตว์คือ1.มาตราการฟาร์มที่ดี 2.ระบบป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม 3.วัคซีนเพียงพอ 4.สินค้าตรวจสอบย้อนหลังได้ 5.สนับสนุนการทำประกันโค แนวทางเร่งด่วนนี้จะสามารถพัฒนาการทำงานของกรมปศุสัตว์ให้แก้ปัญหาให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้นรวมทั้งลดปัญหาการผลิตโคล้นตลาดขณะที่รัฐบาลยังหาตลาดส่งออกไม่ได้
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2567 เวลา 16.00น. พระเดชพระคุณพระธรรมโพธิมงคล (สมควร ปิยสีโล ป.ธ.9) เจ้าคณะภาค 2เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีทอดผ้าป่าเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมบรรพตหรือภูเขาทองเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสเนื่องเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา6รอบ72พรรษา ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง) กรุงเทพฯ นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร พิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมคณะสมาชิกวุฒิสภาร่วม20ท่านและผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธี
คุ้มครองสิทธิฯ จับมือ 4 พันธมิตร ลงนามความร่วมมือ ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนแผนความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการเงิน พร้อมมอบนโยบายการสร้างขวัญกำลังใจ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมี นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ลงนามร่วมกับ ผู้บริหารหน่วยงานภาคีทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ นายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย นายทรงศิลป์ ภิรมย์กุล ผู้ตรวจราชการกรมบังคับคดี นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และ นายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมี ดร.โฆสิต สุวินิจิต คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.ธปภัค บูรณะสิงห์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท ผู้บริหารจาก 4 หน่วยงาน และบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินบุคลากร ตามนโยบายการสร้างขวัญกำลังใจ สอดรับกับนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศให้การแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งนี้ หนึ่งในปัญหาหนี้สินของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข คือ หนี้ กยศ. โดยมีประมาณ 35,472 คน ซึ่งบางส่วนมีโอกาสถูกฟ้องร้องได้ จึงได้หารือกับ กยศ. เพื่อวางแนวทางให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะกลุ่มค้างชำระหนี้ 5,702 คน เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ โดยวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2567 นี้จะจัดมหกรรมความสุขทางการเงิน เน้นการแก้หนี้อย่างครอบคลุม ยั่งยืนและครบวงจร ให้กับชาวสาธารณสุขทุกคน ในวันนี้จึงมีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางการแก้ปัญหาและเร่งรัดปิดหนี้ ให้สอดคล้องกับกฎหมายฉบับใหม่ คือ พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่มีการปรับลำดับการหักเงินใหม่ จากเดิมเป็นเบี้ยปรับ ดอกเบี้ย และเงินต้น มาเป็นหักจ่ายเงินต้นก่อน ตามด้วยดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ สามารถผ่อนชำระได้ทั้งรายปี รายไตรมาสและรายเดือน ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี และเบี้ยปรับไม่เกิน 0.5% ต่อปี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ร่วมกล่าวแถลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาหนี้สินครั้งนี้ว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้อง ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 เพื่อลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล พร้อมเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการไกล่เกลี่ยระหว่างหน่วยงาน อันเป็นประโยชน์แก่การดำเนินงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามขอบเขต หน้าที่ และอำนาจที่กฎหมายหรือระเบียบกำหนดไว้ นอกจากนี้ จะร่วมมือกันในการพัฒนาศักยภาพผู้ไกล่เกลี่ย การสนับสนุนบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ด้านกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ร่วมมือกันติดตามประเมินผลกระบวนการดำเนินงานเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และรายงานผลการดำเนินงานรวมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป ทั้งนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ดำเนินการจัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม จึงขอเชิญชวนลูกหนี้เข้าร่วมงานมหกรรมฯ พร้อมรับโปรโมชั่นดีๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์จากสถาบันการเงินที่เข้าร่วม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนยุติธรรม โทร. 1111 กด 77 และสายด่วนกรมบังคับคดี โทร. 1111 กด 79 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง //////////////////////
ป้ารักก้าวไกลทุกคนค่ะ❤❤❤❤
เป็นกำลังใจคุณพิธาและส.สก้าวไกลทุกคนค่ะ❤😊
เรารักก้าวไกล
น่ารักตลอดทั้งคู่ค่ะ
อ้าวคุณลุงไปขอเงินผู้สูงอายุคุณพิธาเพิ่มขึ้นได้ยังไง เดี๋ยวก่อนๆๆก่อนที่จะให้คุณพิธาเพิ่มให้ ให้นายกเศรษฐาจ่ายเงินดิจิตอลให้พวกเราก่อนเพราะว่าพรรคเพื่อไทยเขาประกาศลั้นว่าถ้าพรรคเขาได้เป็นรัฐบาล ชาวบ้านจะมีดินมีใช้ไปพร้อมๆกัน ไอ้ส่วนนี้ผมและชาวไทยยังไม่เห็นอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลยเอาตรงนี้ก่อนนะครับคุณลุงเพราะถ้าพรรคเพื่อไทยเขาทำไม่ได้แบบที่ออกมาหาเสียงพูดไว้เขาจะอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยนะครับเพราะถ้าคุณพิธามาหาเสียงรอบใหม่ผมเชื่อว่าส้มทั้งแผ่นดินอย่างแน่นอนนะคนับคุณลุง
พิธา นายก ของปชช มาอุดรด้วยใจรักปชช ก็มีพี่น้อง ปชชมากันมากมาย พิธาเดียวนี้เริ่มหัดพูด อีสารแล้ว ตั้งใจทําเพื่อปชชจริงๆ อดทน สู้ สู้ สู้นะค่ะ❤❤❤❤❤❤❤😂😂😂🎉
เสียงหายครับ
จะรีบแก้ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ😢
รีบแก้ไข😅
facebook.com/share/p/n68MkoeNRdgwbGu4/?mibextid=oFDknk
มึงเก่งจังจะพัฒนาไห้ทันเพื่อนบ้านโดยหาเงินเองไม่รบกวนำครเลยเก่งไหม
ปลาลืมน้ำหาเงินมาด้วยเพื่อไม่ต้องภาษีประชาชนด้วยนะ
ข่าว สดช. และ ทริส จับมือสำรวจโครงการศึกษา “Thailand Digital Outlook” ประจำปี พ.ศ. 2567 ชวนประชาชนร่วมตอบแบบสำรวจเพื่อพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ สดช. และ ทริส จับมือสำรวจโครงการศึกษา “Thailand Digital Outlook” ประจำปี พ.ศ. 2567 ชวนประชาชนร่วมตอบแบบสำรวจเพื่อพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) และ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ที่ปรึกษา) จับมือสำรวจโครงการศึกษา “Thailand Digital Outlook” ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนการจัดอันดับสถานะการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ ตามกรอบที่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนา ทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) กำหนด เชิญชวนประชาชนร่วมตอบแบบสำรวจ เพื่อการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 นางสาวบงกช นุตพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ที่ปรึกษาโครงการฯ) กล่าวว่า สดช. และทริส ขอเชิญชวนประชาชน ผู้ประกอบการภาคธุรกิจ และภาคเอกชน ร่วมตอบแบบสำรวจการศึกษาจัดทำดัชนีตัวชี้วัดการพัฒนาดิจิทัลของประเทศไทย ปี 2567 ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์และมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาประเทศในด้านดิจิทัล โดยภาคประชาชนสามารถเข้าตอบแบบสำรวจได้ที่ bit.ly/survey-ind2567 และภาคธุรกิจเอกชน bit.ly/survey-ent2567 ทั้งนี้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับนำไปใช้ เพื่อประโยชน์ของการศึกษาและวิจัยเท่านั้น และเป็นไปตามเป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และลุ้นรับของรางวัลได้แก่ Iphone 15 pro 128 gb มูลค่า 41,900 บาท จำนวน 1 รางวัล, Ipad gen 10 64 gb มูลค่า 14,900 บาท จำนวน 1 รางวัล, ทองคำแผ่น 1 สลึง มูลค่า ณ 21 มิ.ย. 2567 10,488 บาท จำนวน 2 รางวัล และของรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย โดยจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 บนเว็บไซต์ facebook.com/thailanddigitaloutlook/ และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ tdo.onde.go.th/ #Thailanddigitaloulook2024 #สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ #ONDE #TDO2024 #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #MDES
เหลี่ยมเหมือนกันนะเรา
“ภูมิธรรม” เซ็นหนังสือถึง อคส. ให้ 7 วัน เคลียร์ข้อสงสัย ย้ำให้เคร่งครัดตาม TOR และกฎหมาย วันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น.ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย(องค์การมหาชน) สศท. หรือ sacit ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์เรื่องความคืบหน้าการประมูลข้าว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ผู้ชนะการประมูลยังไม่ได้ประกาศ แต่ผู้ให้ราคาลำดับที่ 1 เราได้ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด แต่สื่อมวลชนมีข้อสงสัยที่ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท จะคลายความสงสัยอย่างไร เมื่อเช้าตนเซ็นจดหมายฉบับหนึ่งถึงองค์การคลังสินค้า เนื่องจากเรามีหน้าที่กำกับว่า ให้ช่วยตรวจสอบให้เวลาประมาณ 7 วัน เพื่อเร่งไปดูว่าข้อสงสัยของประชาชนและสื่อมวลชนที่มีต่อเขาอยู่ที่ตรงไหน ต้องพิสูจน์ตัวเองให้สิ้นสงสัย ได้ให้นโยบายผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าไปทำให้ชัดเจน ถ้าไม่มีอะไรเขาเป็นผู้เสนอราคาสูงสุด 19.07 บาท ก็จะสามารถประกาศได้ ตนไม่ต้องการให้ทุกคนเข้าใจผิดหรือไปประเมินว่าเป็นการฮั้วกันของรัฐบาล ถ้าตรวจสอบแล้วสิ้นสงสัย ก็จะปล่อย แต่ถ้าตรวจสอบว่าไม่มีความมั่นใจจะ บริหารจัดการข้าวได้ เราก็จะดูว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ได้อย่างไร อยู่ที่คณะกรรมการซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นต่อรอง ขอให้ดำเนินการโดยเคร่งครัดตาม TOR และกฎหมาย ตนมีหน้าที่กำกับดูแลให้โปร่งใสไม่ให้เกิดการฮั้วหรือเป็นนอมอนีของใคร วันนี้เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง คณะกรรมการพิจารณาเงื่อนไข คณะกรรมการมีอำนาจเต็มจัดการ ซึ่งลำดับที่ 1 เขาทำจดหมายยืนยันราคาซึ่งเป็นสิทธิ์ของเขา เรายังไม่ได้ต่อรองหรือติดต่อลำดับอื่น ถ้าเราพอใจราคานี้และเชื่อมั่นความสามารถในการเอาไปจัดการได้ก็ไม่มีปัญหา ต้องทำให้ข้อกังขายุติลงอย่างสิ้นสงสัย ถ้าสิ้นสงสัยก็ได้ไปเลยตามราคาที่เค้าประมูลมา 19.07 บาท TOR บอกว่าใครที่ประมูลได้ขั้นตอนต่อไปคือคณะกรรมการต่อรองต้องต่อรองราคา ถ้าพึงพอใจและต่อรองทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ของชาติที่รัฐจะได้ ถ้าต่อรองได้ก็จะดีกับประชาชน ดีกับประเทศต่อรองได้เท่าไหร่ดีเท่านั้น ถ้าเค้ายืนแค่นี้เราพอใจ ถ้าเราไม่พอใจก็ต้องยกเลิกอีกแต่ขณะนี้ได้เปิดช่องทางไว้แล้วว่าให้มีรายที่ 2 และ 3 ป้องกันไม่ให้มีปัญหาว่าพอมีปัญหาแล้วต้องประมูลใหม่ ให้สามารถไปตาม TOR นี้ได้
“ชัยธวัช” ร่วมเสวนาวาระ ‘92 ปี 24 มิถุนา’ ย้ำเอกภาพขบวนการประชาธิปไตย ไม่ใช่ความเห็นที่เหมือนกันทั้งหมด แต่เป็นเอกภาพระหว่างเป้าหมายและวิธีการไปสู่ประชาธิปไตย ย้ำบทบาทพรรคการเมือง ต้องสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภา . วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเสวนาหัวข้อ “เอกภาพขบวนการประชาธิปไตย สู่ ประชาธิปไตยสมบูรณ์ จากบทเรียน 2475 สู่อนาคต” จัดโดยสถาบันปรีดี พนมยงค์ ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) โดยชัยธวัชร่วมแสดงความเห็นว่า เมื่อพูดถึง 24 มิถุนายน 2475 เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปเป็นระบอบที่ในยุคนั้นเรียกว่า “ราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ” ซึ่งหลายคนในปัจจุบันอาจไม่คุ้นเคย เพราะในอดีตประชาธิปไตยใช้สำหรับระบอบการเมืองที่ประมุขของรัฐมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น . “ระบอบราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ” มีหลักการคืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ‘ปกเกล้าแต่ไม่ปกครอง’ ใช้รูปแบบการเมืองประชาธิปไตยระบบรัฐสภา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภารกิจนี้ยังไม่สำเร็จ บทบาทของคณะราษฎรก็ถูกจำกัดและพ่ายแพ้ในทางการเมือง โดยเฉพาะหลังการรัฐประหารครั้งแรกในปี 2489 ที่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ และจบบทบาทของคณะราษฎรตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา . ตั้งแต่เริ่มแรก การอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลงการปกครองถูกตอบโต้ตลอดเวลา นำโดยกลุ่ม Ultra Royalist หรือที่ปรีดีเรียกว่า “ผู้เกินกว่าราชา” แต่การโต้การอภิวัฒน์นี้ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนระบอบกลับไปเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบเดิม เพียงแต่ต้องการแต่งใหม่ให้ “ราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญ” กลายเป็นระบอบอื่นแบบแอบแฝงซึ่งอาจเรียกได้หลายชื่อ ชื่อล่าสุดที่เริ่มมีการพูดถึงอย่างเป็นระบบคือ “ราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจศึกษาว่าคืออะไร ดังนั้น ต้องยอมรับว่าภารกิจหรือจุดมุ่งหมายในการอภิวัฒน์ 2475 ยังไม่สำเร็จ มีการต่อสู้กันไปมาตลอดเวลา . ชัยธวัชกล่าวต่อว่า ส่วนจะไปถึงประชาธิปไตยสมบูรณ์ได้หรือไม่ ตนมองว่าประชาธิปไตยอาจไม่มีทางสมบูรณ์ จุดเน้นของปรีดีเมื่อกล่าวถึง “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” สาระสำคัญไม่ใช่เฉพาะมิติทางการเมือง แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยในทางเศรษฐกิจด้วย แต่ไม่ว่าจะความหมายใด ระบอบประชาธิปไตยเป็น “โครงการที่ไม่สิ้นสุด” กล่าวคือแม้เราผลักดันให้เป็นประชาธิปไตยในแง่หลักการพื้นฐาน เกิดความเท่าเทียมเป็นธรรมในทางเศรษฐกิจมากขึ้นแล้ว การต่อสู้ทางประชาธิปไตยก็ยังลึกและซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น ประชาธิปไตยทางเพศ ทางภูมิอากาศ ทางเทคโนโลยี ดังนั้น ชุดคุณค่าเปลี่ยนไปตลอดเวลา ประชาธิปไตยจะบรรลุเมื่อไรคงตอบไม่ได้ มีแต่เข้าใกล้ไปเรื่อย ๆ เพียงแต่ตอนนี้ประเทศไทยยังสู้กันในประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานอยู่เลย
“ภูมิธรรม”มอบ สศท. จับมือพาณิชย์ พันธมิตร ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย ชูใช้อัตลักษณ์ท้องถิ่นปรับให้ทันโลก พร้อมสร้างทายาทคนรุ่นใหม่สืบทอด วันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการขับเคลื่อนสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย(องค์การมหาชน) สศท. หรือ sacit ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสืบสานงานสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ชูงานศิลปหัตถกรรมที่เป็น Soft Power ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ โดยเน้นย้ำให้ สศท.เดินหน้า “สืบสาน รักษา พัฒนาต่อยอด”งานศิลปหัตถกรรม พร้อมเป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้ในงานหัตถศิลป์ทรงคุณค่า ควบคู่การ บูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานพันธมิตร สร้างความยั่งยืนให้แก่งานศิลปหัตถกรรมไทย โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดร.เสรี นนทสูติ ประธานกรรมการ สศท. นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการ สศท. ร่วมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรม ซึ่งนับว่าเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้งานศิลปหัตถกรรมเป็น Soft Power ของประเทศที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ภารกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของ สศท.คือการรวบรวมองค์ความรู้และฐานข้อมูลเกี่ยวกับ ครูศิลป์ ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาติที่จะต้องสืบสาน รักษา และต่อยอดให้คงอยู่ “ต้องให้โอกาสเอาช่างฝีมือที่ทันต่อโลก ทันยุคสมัย มาปรับเปลี่ยนกับของเดิมที่มีอัตลักษณ์ของไทยโดยไม่เสียอัตลักษณ์ ให้คนใหม่ๆหรือต่างประเทศเข้าสู่งานศิลป์ของไทยได้เพิ่มขึ้นทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลง เข้าถึงได้กับคนรุ่นใหม่ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับซอฟต์พาวเวอร์ เป็นงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย ดูแล สร้างสรรค์ภูมิปัญญา ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับผู้สร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็ว ถ้าเราจะอยู่ในโลกนี้ได้ต้องปรับตัวให้ทันกับโลก“ นายภูมิธรรมกล่าว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า SACIT อยู่กับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นกระทรวงมีศักยภาพที่จะทำให้ชุมชน วิสาหกิจชุมชนและประชาชนเติบโตได้ ทั้งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การจดทะเบียน การส่งเสริมการส่งออกทุกส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันกับพันธมิตร ดึงคุณค่าอัตลักษณ์ของไทยให้ออกมาได้อย่างมีศักยภาพ ให้คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจในงานหัตถกรรมและการรักษาหัตถกรรมไทยให้ยั่งยืนต้องมีทายาท สร้างคนรุ่นใหม่เข้ามา เด็กรุ่นใหม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ให้เกิดการประสานงานกันของคนทั้ง 3 รุ่น ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นใหม่ จะเกิดองค์ความรู้มาพัฒนาสอดรับกับยุคสมัย ให้เราเป็น Craft Center ของประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ซึ่งที่นี่มีภาระค่าใช้จ่ายดูแลต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา และตนได้ให้นโยบายว่าทำอย่างไรให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางให้จังหวัดต่างๆในภาคกลางมาใช้จัดแสดงงาน ใช้สถานที่และเป็นศูนย์ท่องเที่ยวประสานงานกับพันธมิตรเป็นศูนย์กลางในระดับประเทศต่อไป และกระทรวงพาณิชย์ก็จะให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาใช้สถานที่ พร้อมให้คนรุ่นใหม่เข้ามาใช้ได้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วัฒนธรรม หัตถกรรมไทย ถ่ายทอดให้ชาวต่างชาติเห็นถึงจิตวิญญาณของคนไทย
ก้าวไกลๆๆๆๆทั่วแผ่นดินจ๊วดๆๆๆๆๆๆ❤❤❤❤❤❤❤❤
ทุกคนรักนากพิธาคุณพ่อส้มอยู่เหมือนเดิมค่ะ
หนุ่มเจ้าสำราญนี่นะจะมาเป็นนายกบันเทิงแน่
ไม่เอาครับ ใครจะเอาก็เรื่องของคุณ
คิดถึงท่านนายกพิธา