อธิบาย ดีกว่าพระอีก สาธุค่ะอาจารย์ เข้าใจดีมากๆเลย
เจริญพรกราบอนุโมทนาสาธุ ครับตืดตามอาจารยมาตลอดครับ
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ สาธุครับ
เจริญพร โยมอาจารย์ทวีศักดิ์ ขออนุโมทนา กับธรรมบรรยาย ชัดเจนและมีประโยชน์ต่อผู้สนใจจริง ๆ ขออนุโมทนา สาธุ ๆ ๆ
สาธุ น้อมรับครับพระคุณเจ้า
อนุโมทนาสาธุๆค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เมตตาบรรยายเข้าใจมากๆค่ะโชคดีมากที่มาพบท่าน ณ ที่นี้และเข้าใจกายและจิตของตนเพิ่มมากขึ้นค่ะ
กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่จำแนกธรรมโดยสรุปให้เข้าใจ
🙏
ขอสอบถามนะครับ เผื่อใครที่ติดต่อกับอาจารย์ได้ ฝากคำถามไปถามท่านหน่อยครับผมสงสัยเรื่องสัมภเวสีที่อาจารย์อธิบายครับ ในพระอภิธรรมกล่าวว่า จิตก่อนจุติมีกุศลหรืออกุศลเป็นอารมณ์ จุติจิตก็มีอารมณ์นั้น นำไปปฏิสนธิทันทีไม่มีช่วงว่างคั่นเลย หมายความว่าเมื่อจุติจิตดับแล้ว ต้องปฏิสนธิต่อทันที จะเกิดที่ไหนนั้น ดูอารมณ์ก่อนตายเป็นหลัก ถ้าเป็นกุศลก็เกิดในสุขคติทันที ถ้าเป็นอกุศลก็เกิดทุคติทันที ดังนั้นกล่าวได้ว่าขณะจะตายต้องมีอารมณ์ก่อนตายที่เป็นความถี่ของกุศลหรืออกุศลเสมอ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าคลื่นความถี่นั้นจะไปปฏิสนธิยังที่ไหน นั่นหมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสัมภเวสีล่องลอยโดยหาภพหาภูมิหลังความตาย (ตามความเชื่อที่ตอนนี้ทุกคนก็รับรู้มาอย่างนั้น)ผมจึงขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยอธิบายความขัดแย้งกันตรงนี้หน่อย ถ้าสามารถอธิบายได้ว่า สัมภเวสีล่องลอยนั้น สอดคล้องกับเนื้อหาในพระอภิธรรม(ที่กล่าวว่าเมื่อจุติจิตดับแล้วจิตปฏิสนธิเกิดต่อทันที)อย่างไร จะเป็นพระคุณมากครับปล.สิ่งที่เราเรียกว่าวิญญาณหรือสัมภเวสี ถ้าจะเข้่าใจโดยสอดคล้องกับพระอภิธรรม คือ ไปเกิดแล้ว ณ สุคติหรือทุคติ แต่เกิดแล้วสามารถจูนคลื่นให้เข้ากับคนที่ต้องการจะให้เห็นได้ และเนรมิตร่างกายเป็นใครเป็นอะไรก็ตามอำนาจของตนที่ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่สัมภเวสีล่องลองหาภพภูมิไม่ได้
อาจารย์เปิดคอร์สเถอะค่ะ🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
เราไม่มีขัน4 มีเฉพาะ จิต เราก็ไม่ทุกไหมครับ เหมือน computer ครับ
เสียงคนสอดแทรกเวลา อาจารย์พูดรบกวนคนฟังครับ
ครับ.ฟังเฉยๆน่าจะดีกว่า..
พูดตามตำราหรือเปล่า
ชีวิตคนเราประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 1. กายคือส่วนที่เป็นโลกียธรรม 2. ใจคือส่วนที่เป็นโลกุตรธรรมขันธ์ 5 คือส่วนของโลกุตรธรรม ได้แก่ รูป(นามรูป) เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งหมดนี้ไม่มีตัวตน เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วดับไป เรียกว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งหมดนี้จิตทั้ง 4เป็นผู้สร้างขึ้น โดยมีใจเป็นผู้รับรู้ แต่เมื่อมาอธิบายว่า รูปคือกาย มันก็จบเห่แค่นั้นเองไม่ได้ช่วยให้แจ่มแจ้งอะไรเลย.ไปศึกษามาใหม่ครับ.
อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นแนวทางนำไป ปฏิบัติ ครับ
เนี้อหาก็น่าสนใจเรียนรู้มากครับ แต่ว่าถัาลดเสียงรบกวน. ทำให้เสียงมีคุณภาพมากขึ้น ก็จะดีมากครับ
อธิบาย ดีกว่าพระอีก สาธุค่ะอาจารย์ เข้าใจดีมากๆเลย
เจริญพรกราบอนุโมทนาสาธุ ครับตืดตามอาจารยมาตลอดครับ
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ทวีศักดิ์ สาธุครับ
เจริญพร โยมอาจารย์ทวีศักดิ์ ขออนุโมทนา กับธรรมบรรยาย ชัดเจนและมีประโยชน์ต่อผู้สนใจจริง ๆ ขออนุโมทนา สาธุ ๆ ๆ
สาธุ น้อมรับครับพระคุณเจ้า
อนุโมทนาสาธุๆค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เมตตาบรรยายเข้าใจมากๆค่ะโชคดีมากที่มาพบท่าน ณ ที่นี้และเข้าใจกายและจิตของตนเพิ่มมากขึ้นค่ะ
กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่จำแนกธรรมโดยสรุปให้เข้าใจ
🙏
ขอสอบถามนะครับ เผื่อใครที่ติดต่อกับอาจารย์ได้ ฝากคำถามไปถามท่านหน่อยครับ
ผมสงสัยเรื่องสัมภเวสีที่อาจารย์อธิบายครับ ในพระอภิธรรมกล่าวว่า จิตก่อนจุติมีกุศลหรืออกุศลเป็นอารมณ์ จุติจิตก็มีอารมณ์นั้น นำไปปฏิสนธิทันทีไม่มีช่วงว่างคั่นเลย หมายความว่าเมื่อจุติจิตดับแล้ว ต้องปฏิสนธิต่อทันที จะเกิดที่ไหนนั้น ดูอารมณ์ก่อนตายเป็นหลัก ถ้าเป็นกุศลก็เกิดในสุขคติทันที ถ้าเป็นอกุศลก็เกิดทุคติทันที ดังนั้นกล่าวได้ว่าขณะจะตายต้องมีอารมณ์ก่อนตายที่เป็นความถี่ของกุศลหรืออกุศลเสมอ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าคลื่นความถี่นั้นจะไปปฏิสนธิยังที่ไหน นั่นหมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสัมภเวสีล่องลอยโดยหาภพหาภูมิหลังความตาย (ตามความเชื่อที่ตอนนี้ทุกคนก็รับรู้มาอย่างนั้น)
ผมจึงขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยอธิบายความขัดแย้งกันตรงนี้หน่อย ถ้าสามารถอธิบายได้ว่า สัมภเวสีล่องลอยนั้น สอดคล้องกับเนื้อหาในพระอภิธรรม(ที่กล่าวว่าเมื่อจุติจิตดับแล้วจิตปฏิสนธิเกิดต่อทันที)อย่างไร จะเป็นพระคุณมากครับ
ปล.สิ่งที่เราเรียกว่าวิญญาณหรือสัมภเวสี ถ้าจะเข้่าใจโดยสอดคล้องกับพระอภิธรรม คือ ไปเกิดแล้ว ณ สุคติหรือทุคติ แต่เกิดแล้วสามารถจูนคลื่นให้เข้ากับคนที่ต้องการจะให้เห็นได้ และเนรมิตร่างกายเป็นใครเป็นอะไรก็ตามอำนาจของตนที่ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่สัมภเวสีล่องลองหาภพภูมิไม่ได้
อาจารย์เปิดคอร์สเถอะค่ะ🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏
เราไม่มีขัน4 มีเฉพาะ จิต เราก็ไม่ทุกไหมครับ เหมือน computer ครับ
เสียงคนสอดแทรกเวลา อาจารย์พูดรบกวนคนฟังครับ
ครับ.ฟังเฉยๆน่าจะดีกว่า..
พูดตามตำราหรือเปล่า
ชีวิตคนเราประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 1. กายคือส่วนที่เป็นโลกียธรรม 2. ใจคือส่วนที่เป็นโลกุตรธรรม
ขันธ์ 5 คือส่วนของโลกุตรธรรม ได้แก่ รูป(นามรูป) เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งหมดนี้ไม่มีตัวตน เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วดับไป เรียกว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งหมดนี้จิตทั้ง 4เป็นผู้สร้างขึ้น โดยมีใจเป็นผู้รับรู้ แต่เมื่อมาอธิบายว่า รูปคือกาย มันก็จบเห่แค่นั้นเองไม่ได้ช่วยให้แจ่มแจ้งอะไรเลย.ไปศึกษามาใหม่ครับ.
อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นแนวทางนำไป ปฏิบัติ ครับ
เนี้อหาก็น่าสนใจเรียนรู้มากครับ แต่ว่าถัาลดเสียงรบกวน. ทำให้เสียงมีคุณภาพมากขึ้น ก็จะดีมากครับ