เราเดินทางข้ามเวลาได้ไหม ไปอนาคต หรือย้อนอดีต - ไขความลับจักรวาล ตอนที่ 7
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 4 มิ.ย. 2024
- หากชอบแนวทางดำเนินงานของช่อง สามารถสนับสนุน หรือโดเนทได้ที่
1) สมัครเป็นสมาชิกช่อง
/ @sciways
2) Super Thanks กดที่ปุ่ม "ขอบคุณ" เพื่อสนับสนุนผู้ทำคลิปโดยตรง และทำให้ข้อความของคุณดูมีเอกลักษณ์
3) True Wallet (ทรูวอเลท), PromptPay (พร้อมเพย์) หรือ LINE PAY (ไลน์เพย์)
tipme.in.th/sciwayslife
___________________________________
[ติดตามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้จาก]
เพจเฟสบุ๊ค: / science21s
Blogger: sciways.blogspot.com/
Medium: / sciways
ยูทูป: / sciways
___________________________________
[สารบัญวิดีโอ]
00:00 หลุดพ้นจากพันธนาการ
02:16 เวลาของเราไม่เท่ากัน
08:59 นักเดินทางข้ามเวลาตัวจริง
13:27 หมุนกาลอวกาศ
19:43 รูหนอน
___________________________________
[ดนตรีประกอบ]
-Gymnopedie No. 3 โดย Wahneta Meixsell
___________________________________
[แหล่งอ้างอิง]
-ขนาฬิกาอะตอมที่จะคลาดเคลื่อนเพียง1วินาทีหลังจาก 300ล้านปีNIST-F2
www.scmp.com/news/world/artic...
-นาฬิกาอะตอม NIST-F1
www.nist.gov/pml/time-and-fre...
-การปรับเทียบเวลาในมุมมองของGPS
www.nist.gov/pml/time-and-fre...
-เครื่อง LHC ที่เซิร์น
home.cern/science/accelerator...
-ทฤษฎีที่ไม่สมบูรณ์ของ Gödel
www.wondriumdaily.com/kurt-go...
-กระบอกหมุนของทิปเลอร์
www.andersoninstitute.com/tip...
-Through the Wormhole - Is Time Travel Possible
#ย้อนเวลา #เดินทางข้ามเวลา #จักรวาล - วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ตามมาจากวิดีโอที่ถูกแนะนำมา. (วิดีโออัพเมื่อ1ปีที่แล้ว) เนื้อหาข้อมูลดีนะ แต่การเล่า น้ำเสียงฟังแล้วยังขัด ๆ อยู่
เลยกดมาดูวิดีโอล่าสุด พัฒนาการมาไกลมากกกก น้ำเสียงการเล่าดีขึ้น พูดชัด ฟังง่ายกว่าเดิมขึ้นมากค่ะ
ขอบคุณที่นำเสนอความรู้น่าสนใจเสมอ พัฒนาต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ☺️
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
ได้ครับ ปกติผมก็เดินข้ามนาฬิกาข้อมือตลอด
ข้ามได้ครับยืนยันจาก ประสบการณ์จริง😅😅🤣
อยากรู้ว่าคุณโตมายังใงถึงได้พูดคำนี้ได้55
ไปได้
เดินทางสู่อดีต ทำได้ | เดินทางสู่อนาคต ทำไม่ได้
จบนะ
😊😊😊😊
_โห้ววว...แอดหายไปนานเลยแต่ละครั้ง...อัพลงบ่อยๆนะครับแอด..😊_
เวลาทั้งหมดอยู่ในปัจจุบันขณะอยู่แล้ว..
..คุณคืออดีต...
..และจะทำซ้ำๆๆต่อไปในอนาคต..
อยากให้เวลาเดินไปในอนาคต เร็วกว่านี้
ที่ที่จะไม่มีพันธนาการ
ความจริงแล้ว เวลาไม่ได้มีเท่ากัน ทั่วทั้งจักรวาล
เวลาบนโลกมนุษย์ ก็เพื่อมนุษย์โลก..
และเวลาไม่มีทางย้อนกลับได้
ขอบคุณมากครับ
ชอบทุกคลิป
ชอบมาก
ทุกเวลาอยู่ในทุกช่วงเวลา ตลอดเวลา
เวลาทั้งหมดล้วนเชื่อมต่อกันทุกเวลา
เดินทางย้อนกาลเวลาได้ แต่ ไม่สามารถเดินทางไปอนาคตได้ จบนะ
ฟังนอนทุกคน
เราไม่สามารถย้อนเวลาหรือไปอนาคตแต่เราสามารถรู้อดีตที่ผิดพลาดได้ถ้าย้อนเวลาหรือไปอนาคตจะขอไปวันที่ 1 กับ 16 ก็พอ
ชอบการเชื่อมเรื่องราวครับ
หลายๆคลิปมีที่มาที่ไป หรือ ไล่ลำดับtimeline หรือ ไล่การเชื่อมโยงระหว่างความรู้จากการค้นพบของนักวิทย์แต่ละคนทำให้นักวิทย์รุ่นหลังนำไปใช้เพื่อค้นพบความรู้ใหม่อีกอย่างหนึ่งได้ยังไง
หรือพูดให้หล่อๆก็คือ การอธิบายและเล่าเรื่องอย่างมีศิลปะ
หายไปไหนนานจัง คิดถึงมากๆครับ.
WOW WOW WOW
นานๆ มาที แต่คุณภาพ
ใช้คาถาย่นระยะทาง พอได้อยู่. เช่นจะนั่งรถจะไปรังสิตแต่รถติดมาก จึงท่องคาถาย่นระยะทางเพื่อไปให้ทันเข้าประชุม.มีพระสุปฏิปันโณหลายรูปใช้พระคาถานี้ หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อจรัล🙏😎
จริงๆแล้ว นักวิทยาศาสตร์สามารถคิดค้นทฤษฎีที่เรียกว่า การเปิดประตูเวลา(การเดินทางสู่อดิตและอนาคต) ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์คิดค้นทฤษฎีดังกล่าวเชิงคณิตศาสตร์ที่เรียบง่าย แต่ว่า นักวิทยาศาสตร์กลับพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลาเชิงฟิสิกส์ควอนตัม กล่าวคือ นักวิทยาศาสตร์พยายามคิดค้นกระบวนการทางเทคโนโลยีเพื่อเดินทางสู่อดีตและอนาคตนั่นเอง ซึ่งเป็นความผิดพลาดของนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะพิสูจน์ความจริงดังกล่าวได้โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เมื่อนักวิทยาศาสตร์สามารถคิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษและทั่วไป ซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์ก็มีความต้องการที่จะคิดค้นทฤษฎีสรรพสิ่ง ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ครอบคลุมทั้งสิ่งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม แต่ก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในอดีตกาลได้มีคนโบราณจำนวนหนึ่ง เช่น พระพุทธองค์ เป็นต้น ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถคิดค้นทฤษฎีสรรพสิ่ง ทฤษฎีดังกล่าวนี้กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้าม ดังนั้นจึงทำให้มีความรู้เรื่องจิตเชิงวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ ความรู้เรื่องโปรแกรมจิต ซึ่งจะนำไปสู่การคิดค้นกระบวนการทางจิตเชิงคณิตศาสตร์ที่เรียบง่ายตามทฤษฎีสัมพันธภาพสิ่งตรงข้ามเพื่อเดินทางสู่อดีตและอนาคต อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์สามารถคิดค้นกระบวนการทางจิตดังกล่าว ดังนั้นในที่สุดแล้ว พระพุทธองค์ทรงบรรลุกระบวนการทางจิตดังกล่าว เรียกว่า การทำสมาธิ แท้จริงแล้ว การทำสมาธิคือ ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลานั่นเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่มีการค้นพบหลักฐานโบราณต่างๆ เช่น เส้นนาคา วิหารพระศิวะ เครื่องบินแกะสลักขนาดเล็กสองลำซ่อนไว้อย่างแยบยลในที่ฝังพระศพฟาโรห์ รูปไดโนเสาร์ที่ถูกแกะสลักลงบนก้อนหินของชาวอินคาโบราณ เหล่านี้เป็นต้น หลักฐานโบราณต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งยืนยันว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลานั้นมีมาแต่โบราณกาลแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบหลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการคิดค้นทฤษฎีการเปิดประตูเวลานั่นเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้แล้วว่าทฤษฎีดังกล่าวจะนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์การเปิดประตูเวลา ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องเบี่ยงเบนความสนใจที่มีต่อหลักฐานโบราณต่างๆดังกล่าวให้เป็นไปในเรื่องของUFOเพื่อปกปิดทฤษฎีดังกล่าวเอาไว้ก่อน
เราจะไม่อยากไปในอนาคตหรือย้อนอดีตอีกเลยครับถ้าเราไม่ต้องตาย เพราะความตายคือเครื่องกำหนดเวลาของสรรพสิ่งว่าเราต้องทำอะไรก่อนหลังครับ
เราที่เกิดก็คือเรา เราที่โตก็คือเรา เราที่แก่ก็คือเรา เราที่ตายก็คือเรา เราจึงมีแค่ปัจจุบัน
แสงเดินทางไปแบบไม่มีจุดหมาย ไม่ต้องมีข้อมูล แต่จิต ต้องมีข้อมูลก่อน ถึงจะไปได้
อยากให้ข้ามเวลาได้..จะได้ไปแก้ไขอดีตได้..ชีวิตจะได้ดีขึ้น
อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันเรากำหนดและลงมือทำให้ดีได้
ได้สิ เดินทางย้อนเวลาไปอดีต แต่ การเดินทางเร่งเวลาเร็วขึ้นเพื่อไปอนาคตทำไม่ได้😮😮😮
ชอบหนังเรื่องนี้มาก จะจดโพย ให้ตัวเองในอดีตบ้าง 555
เรื่อง ย้อนเวลา นึกถึง dark ใน netfilx เลยครับ
จักรวาลนี้ มึอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ เหตุการณ์ต่างๆที่เราจินตนาการ มันอาจเกิดขึ้นจริงก็ได้ ลองนึกภาพ สมัย100กว่าปีกับปัจจุบันมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้วถ้าโลกเราอีก100ปีข้างหน้า มันจะเป็นภาพแบบไหน ล้ำสมัยจนกว่าจะจินตนาการได้เลย
ถ้าย้อนเวลาได้จริงเกิดไปเปลี่ยนเรื่องราวในอดีตปัจจุบันที่เราอาศัยอยู่มันจะไม่พังหรือครับ
ถ้าการย้อนเวลามีจริง โลกคงวุ่นวายน่าดู เพราะtime paradox
มีจริงครับแต่ความเสี่ยงสูง
ผมเริ่มสนใจวิทยาศาสตร์มากขึ้นเพราะคลิปเดินทางข้ามเวลาของคุณตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน (ช่อง science 21) จำได้ว่าช่วงนั้นผมดูคลิปนั้นซ้ำบ่อยมาก (ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ 555) เอาเป็นว่าผมเป็นกำลังใจให้กับการทำคลิปต่อไปนะครับ ^^
รู้เลยว่าตามมานานจริงๆ ชื่อช่อง science21 นี่คือชื่อตอนทำช่องครั้งแรกเลย ขอบคุณครับที่ติดตามกันมาอย่างยาวนาน
@@SCIWAYS ทำไมช่องเดิมหายครับ
ติดลิขสิทธิ์ครับ ติดมาจากช่องอื่นในอีเมล์เดียวกัน เลยทำให้ช่องเก่าปลิวตามไปด้วยครับ
@@SCIWAYS อ่อ เสียดายๆ
อยากดูคลิปเก่าๆครับคิดถึงจริงๆ
ถ้าโลกหยุดหมุน เวลาจะหยุดเดินไหมครับ
เราเดินทางข้ามเวลาไปอนาคตตลอดเวลา แค่คุณไม่รู้ตัว วันนี้คืออดีตของพรุ่งนี้
ถูกต้องครับ
หลุมดำมี ผี อยู่ ครับ😊♍
ผู้สร้างเท่านั้นที่เดินทางข้ามเวลาได้ผมว่าเราไม่สามารถทำในสิ่งที่เกินตัวได้ ไม่มีไครอยู่เหนือเวลา มันถูกกำหนดโดยผู้สร้าง ผมว่าหลุมดำน่าจะเป็นสพานเวลานะ
ข่าว ufo ตอนนี้ พอจะมีข้อมูลบ้างมั้ยครับ
ผมคิดว่าเราอาจมองเห็นภาพในอดีตได้แต่ติดต่อไม่ได้
ฮารุฮัง ถูกเคมีแร่แวปปิ๊ง แต่ฮารุฮังไม่โกรธหร่อก แต่ปัญหาที่พามานี้สิหน้าแก้ไข แค่เด็ก เล่น เล่นแบบเด็ก พอโตมาก็เป็นเด็ก ดีกว่าหลักความคิดเสียหายไป แต่ละรายละเอียด
ได้ครับ แต่ต้องขับมือกับคนต่างดาว
มุมมองผมเราเดินทางข้ามเวลาไม่ได้คับ ถ้าทำได้คนในอนาคตข้างหน้าคงย้อนกลับมาหาเรานานแล้วคับ
😁👍👍
ต่อให้ย้อนได้จริง ผมจะไม่ทำแบบนั้น ไม่เสียใจที่ได้ทำอะไรลงไปในอดีต แต่จะเสียใจที่ไม่ได้ทำมากกว่า
ถ้าเราย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ได้ แล้วเราเผลอฆ่าปู่ หรือทำให้ปู่ไม่เจอกับย่า เราจะต้องหายไป
ถ้าเราย้อนกลับไปดูเหตุการก่อนหน้าได้ แสดงว่ามีการบันทึก ใช้สื่ออะไรบันทึก ต้องมีหน่วยความจำแค่ไหน
อีกไมนานก็ข้ามเวลากันแล้วตายครับข้ามแย่ๆ
หน่วยวัดเวลาในโลกไม่ใช่ความจริงครับ
การย้อนเวลาไปอดีตผมว่ามันเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันกลายเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมไปแล้ว แต่ถ้าไปยังอนาคตอันเป็นไปได้สูง เพราะยังไงมันก็จะเกิดขึ้นแน่นอน🤔
นั้นเเหละครับปัญหา ในเมื่อไปเเล้วกลับมาไม่ได้มันไม่โอเคเเน่
มนุษย์ต่างดาวบางกลุ่ม พวกเขาสามารถมาเยือนด้าวเคราะห์โลกเราได้ก็เพราะ กาลเดินทางข้ามเวลาได้ ด้วยเทคโนโลยีตามธรรมชาติ ไม่ใช่เล่นแร่แปรธาตุด้วยซ้ำ
คือถ้าเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากๆ ... เราอาจไม่แก่ลงมากนัก ... แต่เวลาบนโลกจะผ่านไปนานมาก พอเรากลับมาอีกโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว แต่เราจะยังดูอายุเท่าๆ เดิม ... แต่จะให้ย้อนเวลากลับไปในอดีตไม่น่าทำได้
ผิดหมดเลย ยกเว้นย้อนเวลาไม่ได้ ถูกแล้ว
@@user-pn1wi3hg7m ผมว่าถูกนะ ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ผมแค่สรุปให้มันฟังง่ายๆ
.. ลองอธิบายสิ่งที่คุณเข้าใจตามหลักวิทยาศาสตร์มาให้ฟังสิครับ ผมจะวิเคราะห์
@@kieattisaklaw อะเคร สสารทุกอณูในจักรวาลมีพื้นที่เฉพาะเพื่อการดำรงอยู่ คนเอาสสารตัวที่1ไปแทนที่ตัวที่2ในเวลาเดียวกันพื้นที่เดียวกันไม่ได้.....ต่อ
@@kieattisaklaw ซึ่งก็แปลได้ว่า ทุกอณูของคุณต้องมีพลังในการเคลื่อนที่เช่นเดียวกับแสง ซึ่งร่างกายคน โลหะ หิน น้ำ ไม่มีคุณสมบัตินั่น ....ต่อ
@@kieattisaklaw เมื่อคุณเร็วมากๆๆๆๆๆ โอกาสที่สสาร(แทนที่กันไม่ได้)ในตัวคุณ หรือสิ่งใดๆจะปะทะกันจากความเร็วในการเลื่อนที่ที่ต่างกัน สรุปคุณจะแหลก สงสัยถามได้
😃
วันที่สร้างเครื่องย้อนเวลาเครื่องแรกเสร็จคือวันที่เราจะย้อนเวลากลับไปใด้ลึกสุด
(เครื่องสร้างเสร็จ1ก.พ.66 เราใช้เครื่องในวันที่15ก.พ.66จะย้อนกลับไปใด้แค่15วันก่อน)
ทำไม่ได้ครับ ยังไงก็ทำไม่ได้ ยอมรับโลกความเป็นจริงเถอะครับ
อานาคตพรุ้งนี้เช้าครับคนมีชีวิตได้ 1วัน
อาจินไตร...
ใช่ครับ ในแง่ของสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ไม่ควรคิดว่าต้องสร้างเพิ่ม
แต่ถ้า อจินไตย ในแง่ที่ไปส่งเสริมความเป็นอวิชชา นั้นก็ควรระวัง เพราะอวิชชาก็สามารถอ้างความเป็นอจินไตยได้ ดังนั้นมันต้องคิดให้เห็นถึงสภาพที่สิ้นสุดที่สามารถบ่งบอกได้ถึงความเป็นอจินไตยของมันได้ในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งอยู่ดีนั่นแหละครับ
@@Prasa_Yiaedin 👍สุดยอดครับ
คุณคือนักพากษ์และบรรยายได้น่าทึ่งมาก เข้าใจง่ายไม่เบื่อไม่ซับซ้อน จากผม แฟนตัวยงที้ไม่ค่อยได้คอมเม้น
+1
เวลาเป็นแค่ภาพมายาของมิติ
เราย้อนเวลาไม่ได้ ถ้าได้ ป่านนี้พวกในอนาคตย้อนมาหาเรากันแล้ว แต่ สิ่งที่เราทำได้คือไปในอนาคต ทำได้ง่ายๆด้วย แค่ไปนอน หลับตา แล้วพริบตาเดียว คุณจะก้าวข้ามเวลาไปในอนาคต
จริงๆเราไม่ได้วิ่งไปสู่อนาคต แต่รูปปรากฏการณ์ของอนาคตวิ่งมาหาเรา ในขณะที่รูปปรากฏการณ์ต่างๆของเราก็วิ่งไปสู่อดีตเช่นกัน ดังนั้นเรากำลังวิ่งย้อนไปสู่อดีตอยู่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์มันเหมือนมองเห็นภาพปรากฏการณ์นี้ผ่านทางกระจกเงา คือเห็นมันแบบกลับด้าน เราต่างจึงเข้าใจและเห็นไปตามนั้นว่าเวลาเดินไปข้างหน้า แต่จริงๆแล้วเวลาในส่วนที่มีความไวที่ช้าลงนั้นกำลังพาข้อมูลของรูปปรากฏการณ์ต่างๆในอนาคตเดินถอยหลังเข้ามาสู่สภาวะของสิ่งที่เรียกว่าเบ้าหลอมปรากฏการณ์ ซึ่งเวลาที่มันช้าลงนั้นก็เป็นเพราะมันถูกยืดออกด้วยความไวของสิ่งที่ทรงพลังอำนาจที่เร็วกว่าแสงเป็นหลายล้านๆเท่าที่พามันวิ่งไป เวลาที่วิ่งอยู่บนสิ่งนั้นจึงถูกยืดออกและกลายเป็นหน่วยเวลาต่างๆจำนวนมากมายมหาศาล จนกระทั่งรูปปรากฏการณ์ต่างๆที่ต้องอาศัยระยะเวลาของความยาวนานในเชิงปรากฏ นั้นต่างก็มีเวลาที่ยืดออกไปจนเพียงพอต่อระยะเวลาในการแปลงข้อมูลของมันในเบ้าหลอมปรากฏการณ์แล้วสร้างข้อมูลเหล่านั้นด้วยระยะเวลาที่เป็นพิเศษเฉพาะของมันแปลงมันออกมาเป็นการปรากฏขึ้นของรูปปรากฏการณ์จากข้อมูลนั้น ดังนั้นการจะมุ่งเป้าทิศทางไปในการค้นคว้าในเรื่องของเวลาแล้ว จำเป็นที่จะต้องเข้าใจในทิศทางความเป็นจริงของรูปปรากฏการณ์ของมันและธรรมชาติของทิศทางในการทำงานของมันด้วยว่าเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็จะคลำทางไม่ถูก และยิ่งเดินหลงเข้าไปในภาพลวงตาของมัน
ถูกต้องแล้วครับ ไม่เห็นคนอนาคตกลับมาหาเลย
@@kissadaissarapong930 แล้วตัวของคุณเองในอนาตตไม่ได้มาหาคุณอยู่หรือครับ ข้อมูลที่เป็นตัวของคุณเองในอนาคตก็ต้องขาดการเชื่อมต่อกับคุณในปัจจุบันด้วยสิครับถ้าเป็นแบบนั้น
มันคือการใช้ภาษา ไม่มีผิดถูก ก็กูพูดแบบนี้กูเข้าใจ แต่จริงแล้วมันคือแบบเดิมๆ
รูหนอน หลุมดำ คือคำตอบ
หรือถ้ารู้ความโน้มถ่วงแบบ100%
มิติที่5-6ก็อยู่แค่เอื้อม😁
หารูหนอนให้เจอก่อนนะ
ถ้าย้อนไปหาอดีต อดีตที่เราไปก็คืออนาคตของเรา ละปัจจุบันที่เราจากมาก็กลายเป็นอดีต แล้วอนาคตที่เราไปนั้นจะเรียกว่าอดีตหรืออนาคต?
แล้วคุณเคยเห็นตัวเองเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหรือไม่ล่ะ
ถ้าเราเดินทางข้ามเวลาได้ แสดงว่าเราอยู่ในอดีตของใครสักคนที่เดินทางข้ามเวลามา
ผูใบ้หวย คือผู้เดินทางข้ามเวลา
ผมไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาได้ แต่ผมข้ามนาฬิกาได้😂😅
รอคลิปใหม่นะครับผม เปิดฟังก่อนนอนทุกคืนดูหมดทุกคลิปละครับ😅 ถ้าไม่ได้ฟังกลายเป็นว่านอนไม่หลับเฉย😄
ได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่ที่รู้ไม่มีใครเคยย้อนมาโลก
ได้หรือไม่ได้อยู่ที่ความคิด...ทุกอย่างมันมีในธรรมชาติ...ความจริงมันพูดไม่ได้หรก
ความจริงของทุกเรื่องนั้นพูดได้ครับถ้าเข้าใจหลักวิธีพูดได้ตามความเป็นจริงของมัน แต่ที่ความจริงบางอย่างพูดไม่ได้นั้นก็เป็นเพราะเหตุผลบางอย่างมันกำกับไว้ไม่ให้พูด
เวลาคือเครื่องวัดกิจกรรมที่ดำเนินไปเท่านั้น ทุกอย่างมันอยู่จุดนี้ ไม่มีอดีตอนาคต อดีตอนาคตเป็นแค่นามธรรม จะย้อนข้ามเวลามันเพ้อ
ช่วง 1.55 นาที หนังเรื่องอะไรครับ
ไทม์แมชชีนครับ
ทำไมผมขำเสียง
ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า เวลามีความยาวเท่าไร มีความกว้างเท่าไร มีปริมาณเท่าไร มีมวลหรือไม่ ต้องรู้สิ่งเหล่านี้สะก่อน
เวลามีมวล แต่มวลของเวลาอยู่ในรูปของแรงกระทำขับเคลื่อน เราจะมองเห็นมวลของเวลาได้โดยผ่านตัวกลางขับเคลื่อนต่างๆ ซึ่งมวลของเวลาจะผสมกลมกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกันกับความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆที่ได้รับจากการขับเคลื่อนไปในเวลาของสิ่งนั้นๆ ตัวอย่างเช่นเมื่อเวลาผ่านไปแล้วคุณดูแก่ลง ความแก่ของคุณนั่นแหละครับคือมวลของเวลาที่ผสมกลมกลืนเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกันกับริ้วรอยของความชราของคุณ
ส่วนเวลาจะ กว้างจะยาว หรือจะปริมาณเท่าไหร่นั้น ก็จะขึ้นอยู่กับตัวแปร ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ของสถานะและวันเวลาที่มีไม่เท่ากันในสิ่งของต่างๆนั่นเอง ดังนั้นคุณจะวัดมันกับสิ่งต่างๆที่เป็นเสมือนแค่บรรจุภัณฑ์ของมันไม่ได้ บรรจุภัณฑ์ของมันคืออะไร? มันก็คือสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในเอกภพที่มีทั้งไซส์เล็กไซส์ใหญ่ที่แตกต่างกันนั่นแหละครับซึ่งแต่ละไซส์ก็จะมีอายุยาวนานที่ต่างกันด้วย ดังนั้นคุณจะใช้สิ่งต่างๆเหล่านี้ในการวัดมาตรฐานของเวลาที่แท้จริงไม่ได้ เพราสุดท้ายคุณก็จะได้ค่าคำตอบของเวลาในแต่ละที่ในแต่ละสิ่งที่แตกต่างกันมากมายจนไม่อาจยึดเอาแบบไหมมาใช้เป็นมาตรฐานจริงๆของเวลาได้นั่นเอง
แล้วเราจะสามารถวัดเวลาที่แท้จริงได้กับอะไร ? คำตอบคือ เราต้องวัดมันในตอนที่เวลายังไม่ถูกยืดออก ซึ่งเมื่อเอาเข้าจริงๆ เครื่องวัดของคุณที่ดีที่สุดในจักรวาลก็ยังต้องระเบิดออกเป็นจุลและถูกมันดูดกลืนค่าปรากฏการณ์ต่างๆในการที่คุณพยายามเข้าไปมีปฏิสัมพันธุ์กับมันด้วยการวัดนั้นให้หายวับไปในพริบตา โดยเพียงแค่คุณพยายามเดินทางเข้าไปใกล้มันเพื่อวัดเท่านั้น เวลาจริงๆที่บริสุทธิ์มันอยู่ในแคปซูลที่เป็นจุดเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้แต่กลับมีแรงฉีกระดับอภิมหาศาลเก็บกักอยู่ในนั้น และแรงฉีกในระดับอภิมหาศาลที่ว่านี้ของมันสร้างให้เกิดค่าความไวในระดับอภิมหาศาลขึ้นมาให้กับเวลาที่เป็นต้นแบบของเวลาของทุกๆสิ่ง ( เวลาสากลของเอกภพ ) และเวลาที่เป็นต้นแบบนี้มันไวจนคุณเองไม่ทันที่จะสามารถสังเกตุมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากมันได้โดยตรงด้วยระดับค่าความไวของสายตาของคุณเอง หรือแม้แต่เครื่องมือจับค่าความไวของเวลาชนิดที่เป็นแสงก็ยังต้องพังเพราะความกดดันจากค่าความไวของเวลาบริสุทธิ์ที่เป็นต้นแบบของเวลาทั้งมวลในเอกภพอันนั้น
สรุปนะครับ เวลาที่แท้จริงที่เป็นปฐมบทของเวลามันไวจนคุณหรือสรรพสิ่งในเอกภพไม่ทันที่จะสามารถใช้มันเพื่อสร้างเป็นห้วงเวลาของปรากฏการณ์ในการเกิดขึ้นมาของทั้งตัวคุณเองหรือสรรพสิ่งใดๆในเอกภพได้ เพราะเวลาสากลเอกภพนั้นมันเกิดขึ้นและจบลงด้วยความไวของมันภายในเสี้ยวอนุภาคของเวลา ( ที่เทียบแบบนี้ก็เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาเทียบเปรียบเปรยระดับเวลาของมันไงครับ )
ทีนี้ก็จะมาถึงคำถามที่ว่าแล้วเวลาที่ช้าลงจนทุกสิ่งทุกอย่างสามารถใช้ฝากฝีฝากไข้ฝากให้อุ้มท้องจนทุกสรรพสิ่งสามารถเกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนได้นั้นมาจากไหน
คำตอบก็คือมันก็เป็นเวลาเฉพาะที่สรรพสิ่งนั้นมีบันทึกไว้อยู่ในรูปปรากฏการณ์เดิมของตัวเองแล้วก่อนที่ต่างคนต่างจะหมดเวลากระดี๊กระด๊า แล้วกลายเป็นข้อมูลแบบโจ๊กเละๆไหลเข้าไปเก็บกักรวมอยู่ในระบบซิงกูลาริตี้ของศุนย์กลางเอกภพที่เป็นที่อยู่ของเวลาสากลเอกภพนั่นแหละครับ พอเวลาสากลมันทำหน้าที่ เปิดบริสุทธิ์ ไอ้พวกเวลาที่แยกออกเป็นเอกเทศของทุกสิ่งเหล่านั้นก็เลยต้องถึงคราวออกมาวิ่งทะเล่อทะล่าตามไปด้วย แต่ทีนี้เวลาของสิ่งต่างๆเหล่านั้นมันวิ่งอยู่บนอะไรหละครับ มันก็วิ่งอยู่บนสิ่งที่เป็นเวลาสากลของเอกภพที่ไวกว่ามันนั่นแหละครับ การวิ่งของเวลาของสรรพสิ่งจึงได้รับอิทธิพลจากความไวของเวลาสากลเอกภพที่ไวกว่า ทำให้เวลาของทุกสรรพสิ่งกลายเป็นช้าลงทันทีเมื่อเปรียบเทียบอยู่กับอิทธิพลความไวของเวลาเอกภพ และเมื่อเวลาของทุกสรรพสิ่งนั้นช้าลงไปตามรูปปัจจัยเหตุดังกล่าว การช้าลงของมันจึงส่งผลให้มันถูกความไวของเวลาสากลเอกภพฉีกยืดมันออก เวลาแบบอันเดียวโด่เด่ของมันจึงพองขึ้นแล้วยืดออกมากลายเป็นมีมิติเวลาอีกสองใบห้อยพ่วงอยู่ด้วย และก็ได้กลายเป็นเวลาที่มีทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน อย่างที่เป็นกันอยู่นี้นี่เอง และทุกสรรพสิ่งก็เกิดขึ้นมาได้ภายใต้เวลาที่เป็นพวงสามเศร้าที่ว่านี้แหละ
ตอนแรกเรานึกว่าเราอยู่ในปัจจุบัน ที่ไหนได้นี่เราอยู่ในอดีตหรอ
⭐ *Promo SM*
😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊😊
ฝ
ผมไม่ได้ดูนะ พอดีไม่ว่าง (เดินทางไปอนาคต หรือ อดีตได้ ไปได้แต่จิตวิญญาณ นะ ร่างกาย ไปไม่ได้)
ย้อนไปในอดีตคงทำไม่ได้ เพราะอดีตมันตายไปแล้ว แต่ข้ามไปในอนาคตได้ ถ้าเราหลับไป10ปี ก็เหมือนเราข้ามเวลาไป10ปี ถ้าเราสามารถหยุดการเสื่อมของเซลในร่างกายได้ เราจะข้ามเป็น100ปีก็ได้ ถ้าเรายังไม่ตายเสียก่อน
ถ้า เรา บิด อวกาศ ได้ ราว แผ่นกระดาษ
เรา จะ เจาะ รู ทำไม? 😬
ก็เพราะมันจะพบกับอีกฟากมิติที่มันไปได้ ก็ต้องใช้วิธีเกิดใหม่ด้วยการออกจากรู เหมือนกับที่มันมาในมิติของโลกเรานี่แหละมันก็ต้องออกมาจากรูกันทุกคน ( ตรงนี้คือเอาฮาครับ )
แต่จริงๆก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละถ้าแนวคิดของการบิดพื้นทื่กาลอวกาศสองพื้นที่ให้พับเข้ามาหากันได้นั้นทำได้จริง แล้วจะไปเสียเวลาเจาะรูทำไม แต่จากการที่ดูในภาพประกอบของคลิ๊ป คนคิดเจาะรูมันมองว่ากาลอวกาศเป็นแบบลูกแอ๊ปเปิ้ล จุดตำแหน่งของกาลอวกาศที่เรากำลังยืนอยู่นี้ในทางความคิดตามโมเดลของลูกแอ๊ปเปิ้ลมันต้องมีพื้นผิวของกาลอวกาศที่เป็นฟากตรงกันข้าม เหมือนไทยอยู่พื้นผิวโลกอีกฟาก แล้วเมกาก็คืออยู่ในอีกฟากของผิวโลกนั่นแหละครับ นั่นคือโมเดลทางความคิดของเจ้าของทฤษฏีรูหนอน ทำไมต้องเป็นรูหนอน ? ก็เพราะมีคนเขาคิดออกมาว่าการบิดเพื่อพับพื้นที่กาลอวกาศเข้ามาทั้งผืนเนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเพราะมันต้องใช้การสร้างรูปปรากฏการณ์ทรงกระบอกหมุนที่กินพื้นที่ยาวออกไปแบบไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งเป็นไปไม่ได้ และก็มีบางคนมองไปที่ความหวังว่าเราอาจต้องพึ่งแรงบิดจากหลุมดำ แต่ในที่สุดก็พบว่าการไปยุ่งกับแรงบิดกาลอวกาศของหลุมดำนั้นมันจะกลายเป็นเดินทางไปได้แต่กลับออกมาไม่ได้ ดังนั้นคนคิดวิธีมันก็ไม่ละความพยายามจนคิดออกมาได้ตามพื้นฐานของการสมมุติว่า ให้การบิดกาลอวกาศนั้นสามารทำเฉพาะจุดขึ้นมาได้โดยผ่านทฤษฏีรูหนอน และมันก็จะต้องทำขึ้นมาในลักษณะของอุโมงเวลาโดยอาศัยสนามพลังเชิงลบในการแหกรูของอุโมงเพื่อเดินทางลอดผ่านไปยังจุดหมายที่เป็นฝั่งตรงข้าม ซึ่งวิธีนี้มันก็ต้องพึ่งการโค้งงอของกาลอวกาศในการคำนวนตำแหน่งของเป้าหมายที่จะไป ถ้ากาลอวกาศโค้งงอไม่เพียงพอที่จะทำให้ตำแหน่งเป้าหมายที่จะไปนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับปลายของรูหนอนในอีกฝั่ง มันก็ต้องหาทางบิดโค้งรูหนอนให้โค้งงอไปตามองศาของปลายทางที่มันจะไป ซึ่งนั่นก็คือมันต้องอาศัยการบิดโค้งทั้งพื้นที่กาลอวกาศ และต้องไปสร้างการบิดโค้งให้กับเส้นทางของรูหนอนอีกด้วย ซึ่งความเป็นไปได้ก็จะยากเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า
และรูปทฤษฏีของการสร้างแรงบิดพื้นที่ของกาลอวกาศนั้น รูปจริงของแรงบิดดังกล่าวนั้นมันก็คือ แรงสลายตัวของมวลเมื่อเวลาถูกทำให้หดตัวบีบอัดเข้าหากัน เวลาของการคงสภาพอยู่ของมวลก็จะหดสั้นลงไปด้วยและกลายเป็นเบ้าหลอมรวมให้มวลเหล่านั้นกลับสู่ความเป็นข้อมูลเพื่อเดินทางไปสู่สภาวะเอกฐานที่บีบอัดความเร็วของเวลาให้มีขึ้นภายในสภาวะเอกฐานนั้นอย่างยิ่งยวด เวลาที่ออกมาจากสภาวะเอกฐานนั้นจะรวดเร็วมหาศาลจนต้นทางของจุดกำเนิดของเวลาและปลายทางของเวลาสามารถมาบรรจบกันได้อยู่ในจุดเดียวกัน ไม่มีเวลาที่เป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบัน ที่เดินทางแบบช้าๆและนานพอที่จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นแบบแยกกันตามโครงสร้างของมิติเวลาที่ผ่านกระบวนการของการยืดออกของเวลาได้ เพราะเวลามันจะพับรวมเข้าหากันนั่นเอง ซึ่งตรงนี้เองที่รูปทฤษกีของการบิดพับกาลและอวกาศนั้นทำไม่ได้ในทางรูปปฏิบัติ เพราะมันคือการสร้างการเดินทางของเรื่องราวปรากฏการณ์และข้อมูลต่างๆในรูปของบิ๊กแบงขึ้นมานั่นเอง
เวลาและอวกาศหลอมรวมกันขึ้นเป็นปรากฏการณ์เดียวกัน อวกาศเคลื่อนตัว เวลาจึงเคลื่อนตัว และหากเวลาและอวกาศเคลื่อนตัวโดยถูกกระทำด้วยอำนาจความเร็วอยู่บนสิ่งที่ยังไม่มีใครมองเห็นและสิ่งนั้นมีแรงเคลื่อนตัวที่เร็วกว่าเวลาอย่างมหาศาล เวลาก็จะถูกกระทำให้เคลื่อนที่ช้าลง เมื่อเวลาเคลื่อนที่ช้าลงเวลามันก็จะยืดออกไปเป็น วินาที และจากวินาทีก็จะยืดออกเป็นนาที และจากนาที ก็จะยืดออกไปแบบไม่สิ้นสุดตามความช้าลงและยืดออกไปของมันเรื่อยๆ กระทั้งกลายเป็นคาบเวลาที่ยืดออกไปจนมีความยาวนานเป็นแสนๆล้านปีขึ้นมาอยู่ในเอกภพ และไอ้คาบเวลาที่ยืดตัวออกมาวิ่งกันไปแบบช้าๆจนเกิดเป็นช่วงระยะความยาวนานที่ต่างๆกันเหล่านี้เอง ที่ได้กลายเป็นปัจจัยของการก่อกำเนิดของมวลสสารต่างๆขึ้นมาจากเนื้ออวกาศที่เป็นข้อมูลวัตถุดิบของมวลที่ถูกแรงระเบิดของปฏิกิริยาบิ๊กแบงนั้นเหวี่ยงออกมาในลักษณะสาดกระจายอยู่เต็มทั่วไปในบริเวณต่างๆของพื้นที่เอกภพ เพราะเมื่อเวลาช้าลงบริเวณไหน ( เวลาทำหน้าที่เป็นแรงหนีศุนย์กลาง ) อำนาจความโน้มถ่วงก็จะมีมากขึ้นบริเวณนั้น ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงค้นพบว่าความโน้มถ่วงสามารถทำให้เวลานั้นยืดตัวออกไปได้ เมื่อเวลายืดตัวออกไป มันก็จะคืนค่าความเป็นอมตะ( เวลาที่ยาวเพิ่มขึ้น ) โดยเฉลี่ยให้กับสิ่งที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของมันด้วยเช่นกัน ดังนั้นมวลสสารต่างๆภายใต้อิทธิพลของมันจึงมีค่าของความเป็นอมตะเพิ่มขึ้นจนบางอย่างอาจสามารถมีคาบเวลาของชีวิตยาวนานขึ้นมาเป็นวินาทีหรือบางอย่างอาจยืดออกไปยาวนานไปจนถึงเป็นแสนๆล้านปีก็ได้ทั้งๆที่แต่เดิมคาบเวลาของมันอาจไวมากและไวจนมันไม่สามารถมีเวลาเพียงพอที่จะรวมตัวกันขึ้นเป็นมวลสารเสียด้วยซ้ำ
เพราะอะไรผมถึงบอกว่า เวลาทำหน้าที่เป็นแรงหนีศูนย์กลาง ก็เพราะปัจจัยการเกิดของมันนั้นมาจากแรงระเบิดออกมาของบิ๊กแบง ดังนั้นคุณสมบัติแรกที่ติดมากับมันจึงเป็นแรงหนีศูนย์กลางนั่นเอง แต่ถ้ามันวิ่งช้าลงมันจะกลายเป็นวิ่งย้อนกลับมาทางมิติที่เป็นอดีต ดังนั้นการที่เรามีกลไกของเวลาเป็นแบบมีปลายทางเป็นอดีต จึงเท่ากับเวลาของเรานั้นกำลังวิ่งย้อนกลับไปสู่อดีตนั่นเอง ( เพราะเรามีอดีตเป็นปลายทางโดยมีอนาคตเป็นต้นทาง ) ฉนั้นจึงเป็นบทที่พิสูจน์ได้ว่าครอบมิติเวลาที่ครอบเราอยู่นั้นมันคือเวลาที่กำลังวิ่งช้าลงและกำลังอยู่ในอาการของการวิ่งถอยหลัง โดยทำปฏิกิริยากับแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์อยู่เป็นแกนหลักนั่นเอง ดังนั้นหากดวงอาทิตย์ส่งสนามพลังดึงดูดที่เข้มขึ้นก็จะมีผลกระทบกับเวลาของสิ่งต่างๆในโลกของมนุษย์เราไปด้วยเช่นกัน ยิ่งโลกเข้าใกล้แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์มากขึ้นเท่าไหร่ ระบบนิเวศในโลกก็จะยิ่งเปลี่ยนไป และมันจะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของวัตถุที่มีความหนาแน่นและอายุยาวนานกว่าแทนที่สิ่งที่อ่อนแอเปราะบางและมีวงจรอายุที่สั้นกว่า ใกล้ดวงอาทิตย์สุดๆก็จะเหลือแต่หินและสิ่งที่เป็นธาตุหนักๆเท่านั้นที่จะรับกับอายุที่เป็นอมตะขึ้นคงทนขึ้นได้ จนสุดท้ายผนวกเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแกนกลางที่เป็นมหามวลในใจกลางของดวงอาทิตย์ที่คงทนยิ่งยวดและเป็นอมตะชนิดยิ่งยวดจากเวลาภายในดวงอาทิตย์ที่ถูกดูดกลืนเข้าไปทับถมกันจนกลายเป็นสภาวะเอกฐานแบบย่อยๆด้วยพลังความโน้มถ่วงอันมหาศาลในแกนกลางของดวงอาทิตย์ซึ่งแม้แต่อนุภาคของแสงก็ยังต้องใช้เวลาเป็นพันๆปีกว่าจะเดินทางหนีออกมาได้ ( นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าอนุภาคมันหนาแน่นวิ่งเบียดเสียดชนกันจนอนุภาคแสงกว่าจะหาช่องวิ่งออกมาได้ก็เสียเวลาไปเป็นพันๆปี )
ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกของคนเป็นครับ :D
ด้วยรูปธรรมไปไม่ได้ทั้งอดีตและอนาคต แต่นามธรรมไปได้ทั้งอดีตและอนาคตด้วยใจนึกคิด
เวลามีเวลาเดียวนี่แหละครับคือปัจจุบัน
ถ้ามีเวลาเดียวจริง แล้วตัวคุณในตอนเป็นเด็กที่อยู่ในเวลาปัจจุบันของในตอนนั้นมันทำไมไม่คงอยู่ในปัจจุบันหละครับ มันหายไปไหนครับ เวลามันเปลี่ยน หรือตัวคุณมันเปลี่ยนแต่เวลาคงที่ แล้วถ้าตัวคุณเปลี่ยนแปลงมันบอกค่าของความเปลี่ยนแปลงของตัวคุณเป็นช่วงเวลาหรือเปล่า และถ้าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวคุณมันบอกค่าเป็นช่วงเวลา แล้วคุณจะนับช่วงเวลาไหนคือปัจจุบันดีหละครับเพราะมันมีหลายช่วงเวลามันไม่ใช่มีแค่เวลาเดียวอย่างที่คุณบอกนะครับ คุณจะถือเวลาไหนเป็นเวลาปัจจุบัน ? มันก็จะเป็นเหมือนทฤษฏีของ ชโรดิงเงอร์ อีกนั่นแหละครับที่คุณต้องเลือกอันใดอันหนึ่งขึ้นมาเป็นตัวแสดง แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันมีแค่อันเดียว
ซึ่งเวลาเดียวนั้นก็มีอยู่นะครับ แต่พอเราตัดมันออกมาจากวงจรของเวลาเพื่อมาเป็นเวลาเดียวแบบโดดๆแล้ว มันก็จะกลายเป็นไม่ใช่เวลาอีกต่อไป แต่มันจะกลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าปรากฏการณ์ของช่วงเวลาโน้น นี้ นั้น เปรียบเหมือนเปลือกไม้ที่กระเทาะหลุดออกมาหนึ่งชิ้นจากต้นไม้ที่เป็นต้นของมันนั่นแหละ เปลือกนั้นหาได้เป็นต้นไม้นั้นอีกต่อไปแล้ว แต่เปลือกนั้นก็สามารถอ้างอิงที่มาจากต้นไม้ต้นนั้นได้ แต่มันไม่สามารถดำรงสถานะปัจจุบันด้วยการที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งกับต้นไม้ต้นนั้นได้อีกแล้วเท่านั้นเอง
ปัจจุบันก็คือตอนคุณกายใจยถ่นี่ไงครับ
ปัจจุบันที่คุณยังมีกายใจอยู่นั้นก็เพราะข้อมูลที่เป็นปรากฏการณ์ของตัวคุณยังไม่หมดไปจากการส่งต่อมาจากอนาคต นั่นต่างหาก และปรากฏการณ์จากอนาคตของคุณมันก็ไม่ได้กองทับถมกันอยู่ในปัจจุบันเวลานี้ของคุณนะครับ อะไรที่มันผ่านไปแล้วมันก็จะถูกกลไกการเคลื่อนตัวของปรากฏการณ์ปัจจุบันผลักให้มันเคลื่อนออกไปจากตำแหน่งของปัจจุบันเปลี่ยนกลับไปสู่รูปของข้อมูลคืนกลับไปสู่มิติเวลาของอดีต ดังนั้นหนวดคุณที่โกนไปเมื่อช่วงของปัจจุบันที่เป็น 5 นาทีที่แล้ว เมื่อกลายเป็นอดีตไปแล้วจะไม่สามารถดึงช่วงเวลาปัจจุบันของอดีตเมื่อ 5 นาทีที่แล้วนั้นให้กลับจากอดีตมาหาคุณในสภาพเดิมเหมือนเมื่อ 5 นาทีที่แล้วได้อีก
@@pramuansirivarin861 และถ้าปรากฏการณ์ของรูปเหตุการณ์ปัจจุบันเกิดการตายตัว ไม่มีช่วงปรากฏการณ์ของเวลาในอนาคตมาผลัดเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสร้างรูปความเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ที่พัฒนาไปในช่วงของอีกวินาทีต่อไปข้างหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงตัวคุณก็จะกลายเป็นเหมือนแค่ภาพๆหนึ่งที่ไม่มีการขยับเขยื้อนไปไหนและไม่มีพัฒนาการอะไรต่อไปอีก เหมือนกับกล้องถ่ายรูปที่สามารถเก็บกักภาพของช่วงเวลาปัจจุบันให้กับคุณได้ แต่ภาพเหล่านั้นมันไม่ใช่เวลาปัจจุบันอีกแล้วแต่จะถูกนับให้เป็นภาพของปัจจุบันเวลาในตอนนั้นที่เป็นอดีตไปแล้ว เข้าใจไหม งงมั๊ย ถ้างง ก็ทวนอ่านเพื่อทำความเข้าใจรูปเหตุผลที่ผมอธิบายหลายๆรอบก็ได้
ผมว่าการเดินทางข้ามเวลาน่าจะได้...จิงๆเขาพูดกันว่า ที่ระยะทางๆ10ปีแสงถ้าเดินทางด้วยความเรวแสงใข้เวลา10 มันเปนการพูดไปงั้นๆ เปนการพูดตามสมการทั่วไป เช่นขับรถจากกทไปชียงใหม่...แต่เรื่องที่เราพูดมันคนละเรื่อง คือเรื่องการเดินทางด้วยความเรวแสงหรือใกล้แสง เช่นทำให้เวลาผู้เดินทางเดินช้าหรือระยะทางยืดหด เช่นกำลังพูดว่าเดินทางด้วยความเรวแสงแล้วกลับมายังโลก เวลาโลกผ่านไปหลายปีกว่าคนเดินทาง ถามแค่ว่าตรงนี้มันจิงไหม ก็อาจจิงได้ไง แต่จิงๆถ้าคุนเดินทางด้วยความเรวแสงมันก็ใช่ว่าจะเปนแบบของการเคลื่อนที่เช่นที่คุนว่าใช้10ปี แต่มันอาจเปนแบบผ่านทะลุไป ก็ตามว่าความเรวแสงเวลาจะหยุดนิ่ง ก็หมายถึงไม่ใช้เวลาหมายถึงคนเดินทางไม่รู้สึกรับรู้ในเวลา แต่ที่พูดเราควรพูดว่าเรวใกล้แสง เอาว่าแสนกิโลเมตรวินาที ทั้งหมดจะอย่างไร เวลาเดินช้าระยะหดตัว ปลายทางที่คุนไปไกลจากโลกมาก กลับมาโลกผ่านไปหลายปี เอาว่าแบตผมหมด จินตาการเอาคับ เมื่อคุนเดินทางด้วยใกล้ความเรวแสง เวลาคนเดินทางกับเวลาโลก ถ้าเวลาคนบนยานกับบนโลกเท่ากัน ก็ไม่มีทางเดินทางในจักวาลอันกว้างใหญ่ได้แม้ใช้ความเรวแสง แต่การยืดหดของเวลาหรือสเปคทำให้สามารถเดินทางได้ทั่วจักรวาล การข้ามเวลามันก็อีกแง่นึงในเรื่องทำนองเดวกัน แต่รวมๆผมก็ว่านิยายวิทยาศาสก็ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันเสมอไป
คุณเองก็กำลังเคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวของโลกที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าคุณหลายหมื่นเท่า ในขณะที่โลกก็กำลังเคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวของอวกาศที่เคลื่อนที่เร็วกว่าโลกหลายหมื่นเท่า และอวกาศก็กำลังเคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวของเอกภพที่มีความเร็วกว่ามันเป็นหลายหมื่นเท่า สรุปก็คือคุณกำลังอยู่บนยานอวกาศแบบเป้นชั้นๆที่ทำความเร็วเป็นขั้นๆรองรับกันเป็นทอดๆไปเรื่อยจนถึงระดับที่เลยความเร็วในระดับแสงไปหลายหมื่นเท่า อยู่แล้วนั่นเอง
แล้ว 80 ปี ของอายุมนุษย์ ก็ได้มาจากค่าเวลาที่ยืดออกไปจากอิทธิพลของสิ่งที่บรรทุกเราวิ่งไปด้วยระดับความเร็วต่างๆเหล่านั้นนั่นแหละ ที่ทำหน้าที่ทอดรับต่อๆกันยาวออกไปจนถึงระดับความไวกว่าแสงเป็นหลายหมื่นเท่า หากไม่มีกลไกของสิ่งเหล่านี้มารองรับความเป็นตัวของคุณ บางทีช่วงเวลาของชีวิตตัวตนของคุณอาจจะยังอยู่ในรูปของกระไอข้อมูลก็ได้ เพราะไม่มีค่าเวลาที่ยาวนานพอเพียงต่อการเกิดขึ้นมาของตัวคุณได้นั่นเอง
แต่อนิจจา 80 ปีของมนุษย์นั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่พอเพียง มนุษย์อยากจะมีอายุที่ยาวนานกว่านี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้คิดฟุ้งไปว่าจะพยายามยืดเวลาออกไปด้วยความเร็วแสง ทั้งๆที่ 80 ปีที่มนุษย์ได้มานี้มันเกิดจากความเร็วผนวกในธรรมชาติที่กำลังเป็นตัวพาให้มนุษย์เดินทางไปด้วยเร็วกว่าแสงเป็นหลายๆหมื่นเท่าอยู่แล้ว แต่มนุษย์กลับอยากลดค่าความเร็วของธรรมชาติที่ห้อมล้อมส่งผลให้มนุษย์อายุยืนขึ้นมาได้อันนั้น ให้มันลงมาเหลือแค่ความเร็วแสง พุทธศาสนาเรียกว่าอวิชชาเป็นเหตุแห่งทุกข์
มนุษย์อยากเป็นอมตะ เพื่อข้ามขีดจำกัดทางธรรมชาติที่ทำหน้าที่เหมือนระบบป้องกันตัวให้กับมนุษย์ มนุษย์จึงต้องเห็นเครื่องมือต่างๆเป็นที่พึ่งในการที่จะสร้างขีดความสามารถของตนเองให้ได้มากกว่าความเป็นธรรมชาติของตัวเอง มนุษย์จึงผลิตและก็คิด และคิดไปจนเพลินจนลืมขอบเขตของความเป็นอยู่แบบธรรมดาที่เป็นของที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนจะได้รับโดยถ้วนหน้า มนุษย์ที่แหกกฏได้ด้วยเครื่องมือเหล่านี้จะกลายเป็นชนชั้นกลุ่มเล็กๆที่เข้าถึงเครื่องไม้เครื่องมือเหล่านั้น และที่สุดเมื่อถึงวันหนึ่งคนเหล่านี้ก็จะอยู่ในโลกโดยพึ่งพาธรรมชาติในแบบปกติอย่างคนทั่วไปไม่ได้คนพวกนี้จะต้องอยู่โดยมีเครื่องเคราจิปาถะต่างๆที่ต้องใช้สอยในการดำรงชีพมากกว่าคนธรรมดา และธรรมชาติจะร้องไห้ให้กับคนพวกนี้ที่พากันเดินไปไกล ไกลจากบ้านของตนเองที่เป็นธรรมชาติและไกลเกินกว่าที่ธรรมชาติจะสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้
@@Prasa_Yiaedin ไม่ใช่ว่ามนุษอยากให้เวลาเดินช้าหรือเรว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ประเดนที่พูดถึง ที่พูดถึงคือธรรมชาติของธรรมชาติ เช่นว่ามวลเยอะแรงโน้มถ่วงเยอะ เคลื่อนที่เรวเวลาช้าลง และมนุษก็ออกจากสิ่งเดิมๆมานานแล้ว เช่นใช้ไฟฟ้าแทนที่จะยุแต่กับที่มีเองโดยธรรมชาติ จะแปลกหรือน่าตำหนิหรือเมื่อมนุษประดิษทีวี หรือวิธีข้ามเวลา กับความเปนไปได้ไหมต่อการคิดสร้างสรรคต่าง หรือการเสาะแสวงหาต่างๆ พูดก็พูดผมว่าถ้าเราเดินทางความเรวใกล้แสงอาจจิงตามธรรมชาติว่าคนบนยานกับคนบนโลกจะมีความแตกต่างทางอายุ ประดนคือถ้าอย่างนี้ทำไมถึงเปนอย่างนั้น เวลาคืออะไรอะไรคือเวลา
บางทีมนุษย์ต่างดาวที่พากันเห็น อาจเป็นคนในโลกจำพวกนี้ก็ได้ ที่ในอดีตพึ่งพาเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆจนไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติในโลกเหมือนคนปกติทั่วๆไปได้ จึงต้องอยู่ในโลกจำลองที่เป็นเครื่องมือที่ตนเองสร้างขึ้น ( ในยาน ) และที่ยังวนเวียนผลุบๆโผล่ๆอยู่ในโลกก็เพราะ ไม่สามารถหนีไปจากระบบพยุงชีวิตที่มีอยู่ในธรรมชาติในโลกบางอย่างที่ตนเองยังคงสามารถใช้ได้ร่วมกับมนุษย์
@@user-mq3of2xp5c ถ้าเทคโนโลยี่ที่พัฒนาตอบสนองคนได้เพียงบางกลุ่ม นั่นคือประเด็นที่ผมพูด
แต่เทคโนโลยีผิดไหมที่มนุษย์จะพัฒนามันขึ้นมาใช้ นั่นคือประเด็นที่คุณพูด
คำตอบที่ใช้ได้ในทั้งสองประเด็นนั้นก็คือ มนุษย์เห็นเครื่องมือต่างๆเป็นที่พึ่งในการที่จะสร้างขีดความสามารถของตนเองให้ได้มากกว่าความเป็นธรรมชาติของตัวเอง มนุษย์จึงผลิตและก็คิด ( ตรงนี้คือตอบในส่วนประเด็นของผม )
มนุษย์จึงผลิตและก็คิด และคิดไปจนเพลินจนลืมขอบเขตของความเป็นอยู่แบบธรรมดาที่เป็นของที่มนุษย์ทุกผู้ทุกคนจะได้รับโดยถ้วนหน้า ( ตรงนี้คือตอบประเด็นในส่วนของคุณ )
แต่ คนเราย้อนเวลา กลับไปไม่ได้หรอก
แล้วตัวคุณที่เป็นอนาคตของอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้ามาจากไหน นั่นก็หมายถึงตัวคุณในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านั้นย้อนเวลามาหาคุณนั่นแหละครับ แต่ที่คุณมองเห็นว่าย้อนเวลาไปในอดีตของคุณเองไม่ได้นั้นก็เป็นเพราะกระบวนการย้อนไปในอดีตของธรรมชาตินั่นเป็นไปในระบบของข้อมูลครับ สิ่งที่ผ่านคุณไปแล้วในเวลานี้มันจะกลายเป็นข้อมูลแล้วกลไกชองเวลาถึงจะส่งผ่านมันไปในอดีตได้ และสถานีที่ใช้รองรับตัวตนของคุณในอดีตเวลานี้อาจจะอยู่ไกลจากที่คุณอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นหลายๆปีแสงก็ได้ เพราะระบบข้อมูลวิ่งไปด้วยตัวกลางที่เป็นเวลา เพราะคุณมีเวลาเป็นตัวนำข้อมูลจากอนาคตมาสู่ปัจจุบันและจากปัจจุบันไปสู่อดีต และเวลานั้นเร็วกว่าแสงหลายๆเท่าครับ แสงต้องใช้เวลาในการเดินทาง แต่เวลาไม่ต้องใช้แสงในการเดินทางครับ ธรรมชาติจะใช้เวลาเป็นเครื่องมือกำกับความไวในการเดินทางของทุกสิ่งและของทุกเรื่องราว นั่นก็เป็นเพราะเวลามีความไวเหนือกว่าทุกๆสิ่งนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อเวลาเป็นตัวนำข้อมูลของคุณมาจากอนาคตและไปในอดีตแค่เสี้ยววินาทีเดียวมันก็สามารถนำข้อมูลของคุณไปไกลเป็นหลายๆปีแสงแล้วครับ ดังนั้นตัวตนของคุณในอดีตก็กำลังปรากฏอยู่โดยตัวแปลข้อมูลที่เรียกว่าสถานีตัวตน ณ ที่ใดที่หนึ่งในเอกภพที่ไกลไปจากที่คุณอยู่นี้เป็นหลายๆปีแสง เหมือนอะไรรู้ไหมครับ เหมือนเครื่องย้ายมวลสารที่อยู่ในจินตนาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั่นแหละครับ แต่มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่ใช่ฝีมือมนุษย์เท่านั้น และที่มนุษย์จินตนาการถึงมันได้ก็เพราะโครงสร้างทางความรู้ในแบบที่ผมพูดให้คุณฟังนี่แหละครับดังนั้นการที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อตามโครงสร้างทางทฤษฏีว่ามีโลกคู่ขนานนั้น ก็มาจากความรู้ในแบบที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้แหละครับ แต่มันจะมีบิดนิดหน่อยก็ตรงการที่นักวิทพยายามจินตนาการให้โลกคู่ขนานนั้นมีสภาพที่มาสอดรับกับการเดินทางข้ามเวลาของมนุษย์เพื่อไปแก้ไขสิ่งต่างๆได้ เพราะเหตุที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าถึงเดินทางไปได้ก็ไปยุ่งหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลในอดีตไม่ได้ เขาจึงบิดความรู้เชิงโครงสร้างของทฤษฏีโลกคู่ขนานให้มาสอดรับกับการสามารถแก้ไขสิ่งต่างๆในอดีตได้ ด้วยการตั้งทฤษฏีว่าโลกคู่ขนานจะเป็นโลกคนละใบกับโลกของเรา และจะมีปรากฏการณ์ของทุกสิ่งเหมือนในโลกของเรา แต่มันจะพิเศษตรงที่เราสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงมันได้ เพราะมันเป็นโลกคนละใบกับเรา ที่เมื่อเกิดผลกระทบจากการเข้าไปเปลี่ยนแปลงใหม่ในเชิงข้อมูล มันจะไม่ส่งผลกระทบกลับมายังโลกปัจจุบันของเรานั่นเอง เพราะมันเป็นโลกคู่ขนาน แต่เป็นโลกคนละใบซึ่งไม่ใช่ใบเดียวกัน
และเราจะเห็นว่า พระพุทธเจ้า เอาชนะเวลาเป็นหลักครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเอาชนะความเร็วแสง เหมือนวิทยาศาสตร์นะครับ นั่นก็เป็นเพราะว่า เวลาอยู่เหนือทุกสิ่ง และมีอิทธิพลขับเคลื่อนทุกสิ่งไปกับอดีต อนาคต และปัจจุบันของมัน ซึ่งอดีต อนาคต และปัจจุบันของมันนั่นก็คือ รูปของความเกิดแก่ เจ็บตาย นั่นเอง
เวลาคือแรงหนีศูนย์กลาง และศูนย์กลางที่เป็นถิ่นเดิมของเรานั้น คือนิพพานครับ เรามาจากตรงนั้นด้วยแรงหนีของเวลา เวลามันพยายามหนีออกมาจากสิ่งที่เป็นความจบสิ้นของตัวมัน และเราก็เกาะติดมันออกมาเที่ยวชมโลกชมวัฏสงสาร กระทั่งเจอความไม่น่าภิรมณ์ จึงอยากกลับไปในนิพพานแบบเดิม
ทุกคนฟังผมนะ ไม่มีการย้อนเวลาครับ ไม่มีไปอนาคต ไม่มีไปอดีตครับ แต่มีมนุษย์ต่างดาว ครับ อนาคตยังไม่เกิด จึงไม่สามารถไปได้ ส่วนอดีต ผ่านมาแล้ว คุณต้องหมุนจักรวาลกลับ และโลกกลับถึงจะย้อนได้ ผู้คนทั้งหมด คุณคิดว่าจะย้อนได้ไหม
ตอนเด็กๆเคยไปเดินเล่นทุ่งนาจู่ๆก็มองเห็นถนนตัดผ่านทุ่งนาเฉยเลย ผ่านไป30กว่าปีปรากฏมีถนนตรงนั้นจริงๆ แสดงว่าผมเคยเดินทางไปในอนาคตโดยบังเอิญ
ไหนล่ะวิธีบอกหน่อย คงจะมีแต่โดเรม่อนเท่านั้นมั้งที่ทำได้55555
แคง เดอะคองเคอเรอ เดินทางข้ามเวลามาตลอด
เราติดอยู่ในช่วงระหว่างอดีตและอนาคตครับ ถ้าเทียบกับเสี่ยวของเวลาแล้วเราก้าวเข้าสู่อนาคตเสมอ เพราะเวลาจะเดินไปข้างหน้าครับ เราลองทำเป็นทามไลน์ เที่ยบ -1,0,+1แล้วเราจะอยู่ที่0และเวลาจะพาเราก้าวไปที่+1เสมอครับ
รูปปรากฏการณ์ในปัจจุบันของคุณที่ผ่านไปแล้วมันเดินไปทางไหนครับข้างหลังหรือข้างหน้า แล้วถ้ามันเดินไปข้างหลังที่เป็นตำแหน่งของอดีต นั่นก็แสดงว่ามันวิ่งไปข้างหลัง แต่ถ้าคุณบอกว่ามีอีกเสต็ปที่พาคุณเดินไปข้างหน้า นั่นก็คือการเดินของเวลาที่ไปข้างหน้าสู่อนาคต ภาพรวมของมันที่ได้ก็จะกลายเป็นภาพของเวลาที่ฉีกออกเป็นสองสายสายหนึ่งเดินไปข้างหน้าและพาคุณเดินไปข้างหน้าสู่อนาคต กับอีกสายหนึ่งเดินไปข้างหลังแต่ไม่สามารถพาคุณเดินไปข้างหลังได้ โดยมีปัจจุบันเป็นทางสองแพร่งของเวลา ซึ่งมันดูแล้วแปลกๆนะครับ ที่อดีตไม่มีตัวคุณหรือตัวคุณไม่มีอดีต เพราะเส้นไปอดีตคุณไม่ได้เดินแต่คุณเดินไปในเส้นอนาคต เช่นนั้นหรือ ? หรือว่า ตัวคุณเองก็ฉีกออกเป็นสองมิติ คนหนึ่งเดินไปในเส้นอดีตมิติหนึ่งกับอีกคนหนึ่งเดินไปในอนาคตอีกมิติหนึ่ง หากเป็นแบบนี้ก็จะเท่ากับคุณนั้นมีสองร่างอยู่ในเวลาเดียว แล้วมาอาศัยอำนาจของเวลาปัจจุบันช่วยฉีกมันออกจากกัน ถ้าตามนี้ก็แปลกๆนะครับ
@@Prasa_Yiaedin -1 คืออดีต ครับเราไม่สามารถอยู่ในอดีตได้ เราอยู่ในปัจจุบันคือ 0 และเวลาที่กำลังจะมาถึงคือ +1 ครับ คือทุกเวลาที่ผ่านไปล้วนแล้วคืออดีต
เคยมีคนข้ามเวลาสำเร็จมาแล้วถึง2 ครั้งคนไทยด้วย ลองคั้น หาดูคราบ เรนโบว์ข้ามเวลา 1และ2
ใช่ เล่นซะโบ๋ 1และ 2
ทุกอย่างหมุนวนไม่ว่าสิ่งที่เล็กแบบอะตอมไปถึงแกเล็คซี่ เช่นนั้นแล้วจักรวาลของเราทุกๆจักรวาลอาจจะหมุนวนกันอยู่ แค่เรายังหาจุดศูนย์กลางของการหมุนวนไม่พบเท่านั้นเอง
พระพุทธเจ้าพบศูนย์กลางของการหมุนวนของมวลหมู่จักรวาลแล้ว ประกาศเป็นสัจจะธรรมออกมาดังๆว่า ศูนย์กลางของการหมุนวนมันอยู่ที่การเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นหละลูกเอ๋ย
ในความเป็นจริงคงไม่น่าทำได้ แต่ในทางสมมติน่าจะทำได้ โปรแกรมเวลาให้สมองใหม่ การล้างสมอง เหมือนกับเวลาดูหนังdvd ที่สามารถย้อนเรื่องไปหน้าไปหลังได้ ข้ามเวลาแบบหลอกๆ ให้ชีวิตที่มันบัดซบได้
ใช่ครับเพราะมนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่ตรงนั้น ( ควบคุมวงจรของเวลา ) มนุษย์ยังขาดความเที่ยงธรรมที่ถือเป็นคุณสมบัติหลักในการทำหน้าที่ดังกล่าว มนุษย์ยังตามหลังความขี้โกง มนุษย์ยังตามหลังกิเลส แต่ความขี้โกงและกิเลส มันตามไม่ทันสิ่งที่เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่นี้ นั่นก็คือความยุติธรรม ความยุติธรรมในธรรมชาติเป็นผู้ควบคุมเวลา
ประเด็นแง่คิดก็คือคำถามที่ว่า แล้วทำไมสิ่งที่เราเห็นในสังคมโลกและสังคมมนุษย์ ความยุติธรรมถึงเหมือนจะตามหลังความขี้โกงและกิเลสของมนุษย์ไม่ทัน
คำตอบนี้ก็อยู่ที่ทริ๊กเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในมุมมองความเข้าใจของเราเอง ซึ่งถ้าเราเห็นจุดซ่อนเล็กๆนี้ เราก็จะเข้าใจได้ว่า มนุษย์นั้นตั้งตัวเป็นความยุติธรรมเสียเอง โดยที่ตัวเองยังตามหลังความขี้โกงและกิเลส ดังนั้นความยุติธรรมที่มนุษย์มองเห็นผ่านพฤติกรรมของมนุษย์เองจึงเป็นเหมือนความยุติธรรมที่ห่วยแตกในบางครั้งนั่นเอง
พี่หายไปไหนมานาน
ติดเรียนครับ แต่ก็ทำคอนเทนต์อยู่เรื่อยๆ อาจช้าหน่อย แต่จะพยายามมาลงครับ
ส่งกำลัง จากระบบสั่น ?
ถ้าย้อนเวลาได้จริงจะย้อนกลับไปหาไอสไตน์ขอร้องให้ไอสไตน์ช่วยโกหกว่าไม่มีอะไรที่เร็วกว่าแสงได้
กลัวว่าถ้าให้ไปคุณก็จะเลือกที่จะไม่ไปอยู่ดีนั่นแหละ เพราะอดีตคือโลกแห่งความตาย ปรากฏการณ์ที่ตายไปแล้วในช่วงตอนเป็นเด็กของคุณก็อยู่ที่นั่น
ผมก็สามารถเป็นทั้งแมวเป็นและแมวตาย
@@reading_steiner4681 โอเค FC เวียนว่ายรับทราบ
เราเดินทางถึงจุดจบผมเข้าใจ บ้างก็ไม่เข้าใจ คุณตัดสินได้สองอย่าง😮
UFO ก็อาจจะมี แต่ การเดินทางข้ามเวลา เป็นเรื่องที่ไม่ทางจะเป็นไปได้ ในเมื่อพรุ่งนี้ยังไม่มาถึง เราจะบอกว่าพรุ่งเป็นวันนี้ได้อย่างไร
ถ้าไปในอดีตอาจจะพอเป็นไปได้เพราะแสงได้เก็บภาพในอดีตเอาไว้ทั้งหมด
การเดินทางข้ามเวลามีความเป็นไปได้แต่สถานที่นั้นมันอาจจะไม่ใช่ที่ที่เราอยากไป
เปิดปฎิบัติการคู่ขนานทางทหารในโลกออนไลน์👌⚡🐲มี🐛🪳
ถ้าย้อนได้ทำไมลุงยังอยู่🫡