Yolo ที่สุดในชีวิตคือไป work and travel ที่อเมริกาค่ะ ชีวิตวัย22ปี เดินทางจากไทยไปอเมริกา..คนเดียว bkk-hnd-jfk แล้วยังต้องนั่ง air trian รถไฟไปใจกลางเมือง New york แล้วนั่ง amtrak จากnycไปohio 12ชั่วโมง คนเดียว!!! แรกๆยอมรับว่ากลัว เพราะเราเอาตัวเองไปอยู่ในที่ๆไม่คุ้น พอเราได้เจอเพื่อนๆได้ใช้ชีวิตที่อยากใช้ มันมีความสุขมากเลยค่ะ เป็น4เดือนที่คุ้มค่าจริงๆ พอเราได้ก้าวผ่านsafe zone ตัวเองแล้วเราก็ได้ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยว Chicago คนเดียว2วัน1คืน ซึ่งมันดีมากๆๆ เราได้ทำตามความฝันของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้ มันมีความสุขมากจริงๆค่ะและมันเป็นครั้งเดียวในชีวิตสำหรับการไปwork and travel เราตั้งใจและเต็มที่กับมันสุดๆแล้วค่ะ✨ you can do it because you only live once ka🩷
Yolo ที่สุดในชีวิต เรื่องตอนตัดสินใจออกจากงาน เพื่อมานั่งเรียนที่บ้านค่ะ ปกติเป็นคนที่บ้านไม่ได้รวยขนาดมีคน support เรียนจบก็ทำงานเลย จนจุดหนึ่งตัดสินใจลาออกเพื่อจะได้ลองเปลี่ยนสายงาน ได้ลองเรียนรู้งานใหม่ คือมันคือความบ้ามากๆค่ะ เพราะบ. ที่ทำอยู่คือ มั่นคง และสวัสดิการดีมาก แต่ตัดสินใจลาออกเพื่อมาตามหาความฝันของตัวเอง มาหาความสุขที่ตัวเองอยากทำจริงๆ ค่ะ สุดท้ายเลยได้เรียนรู้ชีวิต มากขึ้นจากการตัดสินใจนั้นค่ะ เพราะช่วงเวลาที่ว่างงาน คือ เจอเรื่องหนัก จนร้องไห้ อยู่ 2 อาทิตย์ แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ค่ะ ออกหางานใหม่ เจอคนใหม่ๆ เรียนรู้การปล่อยวาง การลุกขึ้นสู้ คือถ้า ไม่ได้ทำก็คงเสียดายในชีวิตค่ะ Past is history. Future is a mystery but today is a gift that why it's called present. ❤
yolo ของเราคือ ตัดสินใจช่วยเหลือสัตว์จรทุกตัวเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้ฐานะดีอะไรมาก และไม่สนว่าคนอื่นจะว่ายังไง พอได้ทำ ได้ให้ ได้ช่วยเหลือเขา ทำให้รู้สึกว่าโลกใบนี้ของเรา และคิดว่าโลกของเขามันอบอุ่นขึ้น และคงทำต่อไปจนถึง the end of my lifeค่ะ
YOLO ที่สุดคือการตัดสินใจในการมาทำงานที่ต่างจังหวัด ทั้งๆที่ในกทม.งานเยอะมาก แต่เลือกที่จะมาต่างจังหวัดเพื่อค้นหาตัวตนและดิ้นรนชีวิตว่ามันจะยังไงต่อไป แต่ก็ภูมิใจในตัวเองสุดๆ เพราะปกติจะอยู่ใกล้บ้านกับครอบครัว ตัดสินใจมาใช้ชีวิตเองคนเดียว Yolo in once life จริงๆ😂❤
Yolo ที่สุดในชีวิต คือ การตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง เงินเดือนดี เพื่อมาดูแลและใช้ชีวิตกับแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งที่บ้าน(พัทลุง) ความรู้สึดตอนนั้นมันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ลังเลเลยสักนิด เพราะอยากดูแลท่านให้ดีที่สุดเหมือนที่ท่านได้ดูแลเรามาตั้งแต่เด็กด้วยตัวคนเดียว ซึ่งหลังจากกลับมาก็มีเวลาได้ดูแลท่านแค่ 3 เดือน ทุกวันนี้ก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่กล้าตัดสินใจทิ้งทุกอย่างแล้วได้ใช้ชีวิตกับแม่จนวันที่ท่านจากไป ❤ ถ้าหากใครยังมีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่ ขอให้ทุกคนดูแลท่านให้ดีที่สุดนะคะ เพราะวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างๆมันเป็นความรู้สึกที่ว่างเปล่ามากๆ Do your best everyday, it’ll be your last chance. You only live once ✌🏻
ร่วมสนุกชิงของรางวัล BWB เซตใหญ่ Collection ใหม่ล่าสุด !!
คอมเม้นแชร์ประสบการณ์สุด Yolo ของทุกคนในคลิปนี้ได้เลยย เรื่องของใครถูกใจพวกเราที่สุดเตรียมรับของรางวัลไปได้เลยค่าา ❤❤❤❤❤🎉🎉🎉🎉
ไม่รู้ใช่เหตุการณ์yoloมั้ยแต่เคนคิดอยากจะทำคือปกติเาไม่ได้อยู่กับพ่อเจอกันก็แบบนานๆเจอกันทีมากๆพ่อแทบไม่เคยติดต่อมาหรือแม้กระทั่งวันเกิดเราที่1ปีมีครั้งพ่อก็ไม่ได้ติดต่อมาเคยอยากจะแกล้งว่าเราจำเขาไม่ได้อีกแล้วคือเราแค่อยากเห็นรีแอคเขาว่าแบบถ้าในสายตาเรามองเขาไม่ใช่คนในชีวิตเราอีกเขาจะรู้สึกยังไงเหมือนกับที่ว่าพอเรามีชีวิตก็ไ่ได้สนใจแต่พอวันหนึ่งต้องสูญเสียเราไปพึ่งมาเห็นค่าเรา
เคยโดดลงน้ำที่เเกรนเเคนย่อน เชียงใหม่ 10 เมตรค่ะ รู้สึกว่าครั้งนึงในชีวิตที่จะทำเเล้วไม่ทำอีก คือมันเหมือนจะตายเลยก่อนที่ยังไม่ถึงผิวน้ำ คือมันนานมากเลยตอนอยู่ที่อากาศ ต้องงอเข่าตลอดเวลา55555555 ไม่กล้าลืมตา ลืมตารอบเเรกอยู่ที่อากาศลืมตาอีกครั้งเห็นเเต่น้ำเเล้วจมไปลึกมากกกเพราะมันสูงมากก555555เเต่ว่าสนุกมากๆๆๆ ครั้งเดียวเเละครั้งสุดท้ายตลอดไปค่า ถ้ามีโอกาสลองไปกันดูได้นะคะทุกคน
ประสบการณ์ YOLO สำหรับหนูคือการไปเรียนไกลบ้าน ในวัย15ที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ใน รร.กีฬา ที่มีกฎระเบียบ ออกไปข้างนอกได้อาทิตย์ละครั้ง ตื่นตี5 ซ้อม ซ้อมเสร็จเรียน บ่ายสามลงซ้อม และมีวันหยุด1วันที่เหมือนไม่ได้หยุด เป็นการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างสนุก ท้าทายตัวเองมาก แต่สิ่งที่ได้กลับมาหนูคิดว่ามันคุ้มนะคะ เพราะมันทำให้หนูโตขึ้นเร็วมากๆ และหนูอยากขอบคุณช่องก้อยน้ตตี้ดรีมด้วยนะคะ ติดตามมานานมาก หนูเคยอยากมีความสัมพันธ์เพื่อนแบบพี่ๆ พวกพี่ทำให้หนูรู้สึกว่าการมีเพื่อนที่สามารถคุยกันได้ตรงๆ ทุกเรื่องมันดีมากแค่ไหน ซึ่งตอนนี้หนูเจอเพื่อนแบบนี้แล้วนะคะ ❤❤
yolo ของผมอาจจะไม่ใช่เรื่องอะไรมากนักและไม่ใช่ว่าคือ yolo หรือเปล่า คือผมได้เจอดารามากมายที่ผมไม่รู้จักและรู้จักและได้เห็นมากับตาจริง ๆ และอยากจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้น และอยากจะเจอดาราอีกให้แบบคุ้นชินและสนิทกับพวกเขา
Yolo ในชีวิต 555 คือต้องบอกว่าประสบการณ์เด็กจบใหม่ทุกคนคงต้องเจอ คือเรื่องการทำงานแล้วเจอคนที่โตกว่าอยู่มานาน เเต่ไม่ทำอะไร คำว่าไม่ทำอะไรเนี่ยแหละมันทำให้คนอื่นต้องเหนื่อยมากๆ และความเหนื่อยนี้มันทำคนที่ขี้เกรงใจ ไม่ชอบพูด อะไรทำได้ก็ทำ แล้วก็ทำอยู่คนเดียวทั้งที่มีทีม 5-7 คน ก็คือตะโกนในที่ประชุมไปเลย ว่าเอาตรงๆ เขาใจว่าบางงานพี่ๆอาจจะไม่ถนัด แต่มันจะไม่ถนัดทุกงานเลยไม่ได้ ทำงานมานานอยู่มานานยังไม่ถนัดงานที่ทำแล้วยังอยู่ทำไม จะยกทุกอย่างมาฝากให้ทำคนคนเดียวทำไม่ได้ เต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ต้องมานั่งสำนึกผิดเอง ไม่มีใครรู้สึกอะไร ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรือจะมีใครเห็นใจ นอกจากเห็นใจตัวเองด้วยการลาออก 😂😂😂
คงเป็นการตัดสินใจที่จะก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ที่ toxic มากๆๆที่นานถึง 6-7 ปี ก้าวออกมาแล้วรักตัวเองมากขึ้น ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีความสุข แล้วรู้สึกว่าตัวเองทำถูกแล้วที่สามารถออกมาได้ ตอนนี้รู้สึกมีความสุขขึ้นเยอะมากที่ไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกมัดกับคนๆนึง กับความรู้สึกที่ต้องคอยระแวงตลอดเวลา กลับมาโฟกัสที่ตัวเองมากขึ้น
❤
ชอบพี่ตี้ที่มีความคิดอยากทำโรงเรียนเพื่อสร้างสภาพจิตใจให้คนรุ่นนี้และต่อๆไปมีรากฐานของจิตใจที่ดี แข็งเกร่ง และมีความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก พร้อมที่จะเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ โดยส่วนตัวชอบทัศนคติและแนวคิดของพวกพี่มากๆอยู่แล้ว เเต่พอพี่ตี้พูดถึงเรื่องที่อยากจะทำ(เพื่อคนรุ่นต่อไป)มันยิ่งทำให้เรารู้สึกมีความสุข ขอบคุณนะคะที่เป็นส่วนหนึ่งให้สังคมของเราน่าอยู่ ซัพพอร์ตตลอดไปค่า🥹🫶🏻
ขอบคุณมากๆๆเลยนะคะ ❤❤❤🥺🥺🥺
Yolo! เริ่มแรกคือการก้าวข้ามความintrovertของตัวเอง เพื่อเขียนคอมเม้นให้พี่ๆเป็นครั้งแรก(ไม่เคยกล้าที่จะพิมพ์อะไรลงsocialเลยค่ะ แต่อยากมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของพี่ๆ ติดตามพี่ๆมานานมากในทุกๆคลิปค่ะ)
เรื่องของหนูอาจจะไม่มีอะไรมากค่ะ แค่รู้สึกตัวเองกล้าก้าวผ่านsafe zone ออกมา ในช่วงเข้ามหาลัยที่ได้เลือกเรียนสาขาวิชาหนึ่ง ทั้งที่ครอบครัวบอกว่ายากและโอกาสติดน้อย แต่หนูก็ทำมันได้ค่ะ และในช่วงที่ว่างระหว่างรอเข้าเรียน หนูก็ตัดสินใจขอทุนไปเรียนต่างประเทศประมาณ 2 เดือนค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้ไปอยู่คนเดียวในที่ที่ไม่เคยไป ได้ลองไปทำงานที่ร้านขนมปังเล็กๆ(อยากไปเที่ยว แต่ไม่กล้าใช้เงินของครอบครัวค่ะ) ถือเป็นประสบการณ์ที่คงหาไม่ได้แล้วค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นเอาความกล้ามาจากไหน แต่ดีใจที่มองย้อนไปหนูไม่เคยเสียใจเลยค่ะที่เลือกทางนี้ อยากเป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคนทั้งทีมเลยค่ะ พี่ๆเป็นหนึ่งในความสุขของใครหลายๆคน สู้ๆนะคะ ไม่ว่าพี่จะเลือกทำอะไร จะมีหนูคอยsupportตลอดไปค่ะ❤️🙏🏻🙏🏻
❤
ขอแสดงความยินดีด้วยนะค้าา และเรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเรื่อง Yolo ที่ถูกใจพวกเราที่สุด !! รับรางวัลจากทาง BWB ไปเลยค่าาา !!
รบกวนแคปหน้าจอคอมเม้นนี้เป็นหลักฐานยืนยันตน ส่งหาทางแอดมินได้ที่ Facebook Fanpage : Goy Natty Dream
ภายในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 23:59 น.
(หากไม่ได้ทักมาในเวลา จะถือว่าสละสิทธิ์น้าา)
เพื่อติดต่อรับของรางวัลต่อไปนะคะ
ขอแสดงความยินดีด้วนนะค้า
🥰🥰🥰🙏🏻🙏🏻💖💖💖
YOLO ที่สุดคือ การที่ตัดสินใจหาทุนเรียนต่อเอง โดยที่ทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรงเรื่องที่แม่จะไม่ให้เราเรียนต่อ ไม่มีคนส่งเราเรียน เราตัดสินใจสู้หาทุน พยายามทุกอย่างเพื่อให้สอบติดทุน โดยคิดแค่ว่าชีวิตฉันจะไม่เป็นแบบตอนนี้ ครอบครัวจะต้องไม่ลำบาก จะทำให้รู้ว่า“เราเลือกชีวิตเราได้” และปัจจุบันก็เป็นนักศึกษาทุนของมธ. ปี4 แล้วค่า
❤
อยากให้พี่นัตตี้ทำคลิปบอกทั้งหมดว่าใช้ skincareอะไรบ้าง เครื่องสำอางอะไรบ้าง เพราะชอบมากค่ะ ผิวดีมากกกกกกกกกกกก
YOLO ที่สุดในชีวิตคือช่วงมหาลัยที่หนูจำเป็นต้องทำงานไป ด้วยการเป็นเด็กเสริฟค่ะ ด้วยความที่ต้องเสริฟ ลูกค้าให้ชนเเก้ว เรากินเเละทำงานตามปกติค่ะ รู้สึกตัวตลอด สักพักพอไกล้เลิกงานเรามึนอึนๆมาก มีเพื่อนผญ.อีกคนที่มาด้วยกัน เพื่อนเค้าคุยกับลูกค้าเเละประคองเราขึ้นรถ พาไปสถานที่นึงค่ะ ลูกค้าผชคนนั้นกับเพื่อนเราเค้าชวนเราให้ไปกับเค้าค่ะ เราบังคับตัวเองไม่ไหวค่ะเเต่พยายามมีสติ เราหยิกเพื่อนผญ.คนนั้นค่ะ ว่าไม่ ร้อง กรี้ด เราเปิดประตูเเละวิ่ง เค้าก็ตามมา โทรหารุ่นพี่เเค่ว่าช่วยด้วยให้มารับเเถวๆนี้ กลับมาคือล้อคประตู ร้องหนักมากค่ะ กลัวมากกก หลังจากนั้นไม่เคยไว้ใจเพื่อนผญ.คนนั้นอีกเลยค่ะ😅 จริงๆเป็นเรื่องไม่น่าเล่า เเต่เป็นอุทาหรณ์สำหรับผญ.หลายๆคนที่ต้องทำงานกลางคืน บางครั้งเราทำงานเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนค่ะ ถึงจะรู้ว่าตัวเองทำอะไร จะระวังมากแค่ไหน เเต่บางครั้งก็โชคไม่เข้าข้างเรา สังคมที่เราต้องเจอมันอาจจะโหดร้ายในบางครั้ง เป็นประสบการณ์ที่YOLOสุดๆเลย ถ้าเราไม่ตัดสินใจวิ่งหนี คงไม่รู้ว่าคืนนั้นจะเป็นยังไงค่ะ ฮึ้บๆ🥺
เรื่อง Yolo ของทุกคนปังมากกก กำลังไล่อ่านนะค้าาา แชร์กันเข้ามาเยอะๆนะคะะ ❤❤❤❤❤😊😊😊😊
YOLO ของตัวเองคือ การลาออกจากงานที่เคยเป็นเซฟโซนของตัวเอง เป็นที่ที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว เพราะกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่ก้าวออกมา ลองเสี่ยงดูสักครั้ง ชีวิตคนเราถ้าไม่ลองก้าวผ่านเซฟโซนของตัวเอง ก็ถือว่าใช้ชีวิตไม่คุ้มค่า
❤
YOLO ที่สุดในชีวิตคือ ปีที่รู้สึกว่าเราต้องโตขึ้น มีความคิดให้มากขึ้น ด้วยความที่ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนที่จีน ได้เจอสังคม ผู้คนที่นู่นทำให้เห็นได้เลยว่าแบบ เขาก็มีความต่างและก็ความเหมือนกับประเทศเรามากๆเลย ตลอดสองอาทิตย์รู้สึกว่า ความรู้ในห้องเรียนกับความรู้ที่ต้องไปเรียนรู้เองมันต่างกันมาก ในห้องเราแค่เป็นผู้รับฟัง เราคิดว่าสองอาทิตย์ก็คงไม่อยากกลับมาหรอก แต่กับพอไปเองแค่สองวันแรกก็โทรมาปรึกษากับครอบครัวแล้วว่าแบบ มันใช้ชีวิตอยู่ยากมากๆถ้าด้วยตัวคนเดียว จริงๆทริปนี้ไปเรียนและเที่ยวด้วย และเป็นทริปที่ไปเป็นกลุ่มนักเรียน ไม่มีเพื่อนที่ตัวเองสนิทเลย มีแค่รุ่นน้องที่คุยกันนิดเดียวแต่น้องดูแลดีมากๆ ส่วนตัวหนูเป็นคนที่ introvert แบบที่ถ้าไม่มีใครมาคุย ก็จะไม่คุยเลย ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตแบบติดลบสุด ไปเที่ยวก็เดินนิ่งคนเดียว รู้สึกว่า YOLO ครั้งนึงก็คงจะเป็นสิ่งที่อยากจะเผชิญกับความเป็น introvert ของตัวเองจริง ( ปล.เหมือนหนูปลดทุกข์เหมือนกัน555555)
Yolo ที่สุดในชีวิตคือไป work and travel ที่อเมริกาค่ะ ชีวิตวัย22ปี เดินทางจากไทยไปอเมริกา..คนเดียว bkk-hnd-jfk แล้วยังต้องนั่ง air trian รถไฟไปใจกลางเมือง New york แล้วนั่ง amtrak จากnycไปohio 12ชั่วโมง คนเดียว!!! แรกๆยอมรับว่ากลัว เพราะเราเอาตัวเองไปอยู่ในที่ๆไม่คุ้น พอเราได้เจอเพื่อนๆได้ใช้ชีวิตที่อยากใช้ มันมีความสุขมากเลยค่ะ เป็น4เดือนที่คุ้มค่าจริงๆ พอเราได้ก้าวผ่านsafe zone ตัวเองแล้วเราก็ได้ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยว Chicago คนเดียว2วัน1คืน ซึ่งมันดีมากๆๆ เราได้ทำตามความฝันของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้ มันมีความสุขมากจริงๆค่ะและมันเป็นครั้งเดียวในชีวิตสำหรับการไปwork and travel เราตั้งใจและเต็มที่กับมันสุดๆแล้วค่ะ✨ you can do it because you only live once ka🩷
เรื่อง Yolo ที่สุด คือการลาออกจากประจำที่เคยเป็นComfort Zoneของตัวเอง เคยอุ่นใจกับการที่มีเงินเดือนทุกๆเดือน แต่ก็ก้าวออกมาจากจุดๆนั้นได้ ดีใจที่กล้าออกจาก Comfort Zone ของตัวเองได้ มันเปลี่ยนอะไรหลายมาก ทัศนคติที่ดีขึ้น อิสระ การใช้ชีวิต
YOLO ที่สุดในชีวิตคือ มาใช้ชีวิตที่ต่างประเทศคนเดียวและอยู่ดีๆก็มีเจ้าตัวเล็กโผล่มาในชีวิต ทั้งๆที่ตอนนั้นกำลังเรียนอยู่และไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท สุดท้ายตัดสินใจบอกที่บ้านให้รับรู้และบอกตัวเองว่าจะทำให้เค้ามีความสุดและภูมิใจในตัว mommy ที่สุด
ตอนนี้เรียน ทำการบ้าน ทำ part time job เลี้ยงลูก ปั้มนม วนไปค่ะ YOLO ที่สุด แต่ก็ Happy ที่สุดเมื่อตอนเค้ายิ้มให้เราค่ะ 😊
❤❤
เรื่องที่ yolo ที่สุดคือ การตัดสินใจเข้ามาเรียนกทม.คนเดียวทั้งๆที่แม่ไม่ซัพพอร์ต แม่อยากให้เรียนในจังหวัด เรียนใกล้บ้าน แต่ด้วยความที่เราอยากเติบโต มานั่งคิดดู ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยได้เลือกเรียนโรงเรียนที่้ราชอบเองจริงๆเลย แม่เป็นคนพาไปสมัครให้เข้านั่นนี่ตลอด ตอน ม.4 เคยอยากเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดมากๆ วาดฝันไว้ตั้งแต่ประถม บอกแม่ คุยเรียบร้อย พอถึงเวลาจริงๆแม่ก็ไม่ให้เรียน ให้เหตุผลว่ามันไกลบ้าน ตอนนั้นเศร้ามากๆ พอเข้ามหาลัยจึงตั้งเป้าแล้วว่าจะต้องได้เรียนในที่ที่เราอยากเรียนเท่านั้น ใครจะห้ามเราก็จะไม่ฟัง ออกมาจากเซฟโซนของตัวเอง มาใช้ชีวิตคนเดียวที่ กทม. ได้ลองทำงาน part-timeครั้งแรก เป็นอะไรที่ yoloที่สุดในชีวิตตอนนี้แล้วค่ะ
YOLO ที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา คือการนั่งรถทัวร์จากต่างจังหวัดเพื่อไปตามหาแม่ที่กรุงเทพครั้งแรกในชีวิตตอนอายุ 15 ค่ะ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลาหลายปีการเข้าครั้งแรกกรุงเทพ รู้อยู่แก่ใจค่ะว่ามันเสี่ยง และน่ากลัวมากแต่ใจมันต้องการที่จะไปตามหาคุณแม่ให้เจอค่ะ ซึ่งผลก็ปรากฏว่าได้เจอกับคุณแม่จริงๆ จากการที่เราเอ่ยปากถามผู้คนแปลกหน้าไปเรื่อยๆ ต่อรถ เดินเท้าจนไปถูกที่ตามที่เรามีข้อมูลเพียงน้อยนิดนั้น มันทำให้เรารู้สึกว่า YOLO ครั้งนั้นมันเสี่ยงและคุ้มที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ 😊
YOLO ที่สุดในชีวิตคือไปเป็นจิตอาสาที่อียิปต์🇪🇬 คนเดียว! เป็นเวลา 2 เดือน! 😅 เอาตัวเองไปสู้ชีวิตสุดๆ คือตอนปี2-3 มหาลัยมีโครงการที่ให้เด็กสมัครไปเป็นจิตอาสาต่างประเทศ เลือกประเทศเอง เลือกโครงการเอง แล้วก็ไปสัมภาษณ์กับเจ้าของโปรเจคในประเทศนั้นๆๆ ทุกคนจะแย่งโปรเจคที่อยู่อเมริกา ยุโรป แบบอากาศดี ปังๆ อยู่ง่าย ได้ไปเที่ยว แต่เราไม่ค่ะ ! 555555 เราขอเลือกประเทศที่ชีวิตนี้คงไม่ได้ไปง่ายๆดีกว่า ก็เลยเลือกอียิปต์ แบบคนเดียวโดดๆ แทบไม่ต้องไปแย่งกับใคร ได้ไปแพ็คอาหารแจกคนอพยพ เยี่ยมคนป่วย+สร้าง cheer up cmapaign ตามโรงพยาบาล และเป็นพี่เลี้ยงเด็กในสถานรับเลี้ยง คือทำหลายอย่างมากกกกก ตอนนั้นคือเจอเพื่อนหลากชาติมากกก ใช้ชีวิตกับต่างชาติเป็นหอหญิง แบบร้อนๆ ลำบากๆ ฝุ่นๆ อาหารก็หายากเพราะไปช่วงรอมดอนที่เค้าอดอาหารกันทั้งชาติ ไม่มีไรให้กินเลยจ้าาา คือไปแรกๆร้องไห้หนักมาก แต่สุดท้ายคือเราสู้ คนรอบข้างช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนก็ต่างมาจากต่างที่ และเราก็นึกถึงจุดประสงค์ของเราว่าเรามาเพื่ออะไร เพื่อการทำจิตอาสากับประเทศที่คนไม่จะมากัน แลกเปลี่ยน culture เพื่อ life skils เพื่อได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ และสักครั้งนึงในชีวิตต้องได้สัมผัส นี่แหละค่ะ you only live once ของจริง🔥
YOLO คือการเปิดใจรับแมวจรมาเลี้ยงค่ะ เป็นเพราะที่บ้านไม่ชอบสัตว์เลี้ยงเลย ไม่เคยให้จับสัตว์เลยตั้งแต่เด็กๆ เพราะบอกว่ามันสกปรก อยู่มาเกือบ30ปี ไม่เคยเล่นกับหมาแมวเลย จนวันนึงน้องแมวจรตัวนึงมาเปลี่ยนชีวิต รักน้องมาก ตัดสินใจดูแลน้องเหมือนเป็นคนในครอบครัว จากที่น้องแมวเกือบตายตอนนี้แข็งแรงแล้ว เรายังกลายเป็นคนรักหมาแมวจรไปหมด ไปเที่ยวต่างจังหวัดทีไรต้องเตรียมอาหารติดรถ ไปให้น้องหมากินตลอดทุกครั้ง การเปิดใจ และเปลี่ยนทัศนคติครั้งนี้...มีความสุขมากเลยค่ะ❤❤❤
เย้ๆมาแล้ว อยากดูทุกวัน วันไหนไม่ได้ดูตอนกินข้าวเหมือนกินข้าวไม่อร่อย555555555 รักๆ
❤❤❤❤❤😊😊😊😊
YOLO ในชีวิตมั้ยไม่แน่ใจ คือใช้เงินหมดบัญชีเป็นบัญชีเงินเก็บที่อาจจะไม่ได้เยอะแต่ก็เกือบหมื่นค่ะ ที่ทำเพราะอยากให้อะไรกับตัวเองบ้าง อยากสมองเบลอตัวลอยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น เป็นYOLOที่พยายามรักตัวเองเพราะทำเพื่อคนอื่นมาเยอะมาก สุดท้ายแล้ว คิดว่าสะใจว่ะ พรุ่งนี้ถ้าไม่ตายก่อนก็แค่รักตัวเองและคิดว่าตัวเองเก่งเห็นคุณค่าตัวเองค่อยหาใหม่เก็บใหม่ ถ้าเราทำเพื่อคนอื่นได้ เราก็ต้องรักและเห็นใจตัวเองได้เหมือนกัน ค่อยๆใช้ชีวิต ค่อยๆหายใจ ค่อยๆวางสายตา แค่นั้นเลยค่ะ 💐
เรื่อง yolo ที่สุด คงเป็นการกล้าที่จะตัดสินใจให้เลือกสิ่งๆนึงให้กับตัวเองค่ะ เพราะชีวิตที่ผ่านมา เราเลือกอะไร ทำอะไร เรามักจะตามในคนอื่นรอบๆข้าง แต่ตอนที่กล้าตัดสินใจคือการเลือกเข้ามหาลัยและคณะที่ชอบค่ะ เลือกที่ตัวเองชอบ ที่ตัวเองอยากทำ เพราะมันคืออนาคตของเรา
❤
เรื่อง yolo ที่สุดของเรา คงเป็นการที่เราก้าวผ่านความรู้กสึกโกรธ ไม่พอใจ และความไม่เข้าใจ ย้อนกลับไปตอนนั้นคือพ่อกับแม่เลิกกัน แล้วเค้าจะต้องแยกกันอยู่ คืนที่แม่เราเก็บของ จะออกจากบ้านเราร้องไห้หนักมาก ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ไม่เข้าใจทำไมเค้าถึงต้องเลิกกัน ทำไมถึงไม่ทนอยู่ต่อไปเพื่อลูก ทำไมเค้าถึงเห็นแก่ตัวไม่นึกถึงลูกเลยว่าจะรู้สึกยังไง เราเก็บความรู้สึกโกรธแบบนั้นเกือบ 3 ปี ไม่ค่อยคุย คุยแค่ที่จำเป็นขอพ่อไปเรียนไกลๆบ้าน แต่พอวันนึง วันนั้นพ่อเราหายใจไม่ออกก็เลยให้พี่มาเรียกเรา กลางดึก พ่อจับมือเราแล้วพูดว่า อยากให้เราคุยกับพ่อมากกว่านี้นะ อยากให้สนใจเค้าบ้าง วันนั้นเป็นวันที่เรา ปลดล็อกจริงๆ กับคำว่า you only live once
เราใช้ชีวิตแค่ครั้งเดียว เราไม่อยากโกรธ อยากอะไรแล้ว เราอยากทำให้พ่อแม่มีความสุข เราอยากมีความสุขไปกับเค้า เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วไม่มีอะไรเก็บไว้ในใจอีกต่อไป ❤😊
“YOLO ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะทุกคน”
YOLO ที่สุดคือกล้าที่จะกินยา เพราะตอนตัดสินใจไปปรึกษาจิตแพทย์คือแค่รู้สึกว่าชีวิตมันต้องไปต่อแล้ว ไม่อยากหยุดชีวิตอยู่ตรงนี้ อยากทำอะไรให้มีความสุข อยากใช้ชีวิตให้ดี อยากสมหวังในหลายๆอยาก แต่วินาทีที่หาหมอเสร็จได้ยามา นั่งมองยาแล้วร้องไห้ คือแบบฉันต้องกินยาเหรอ ฉันไม่ปกติเหรอ แต่ก็ตัดสินใจสุดๆของชีวิตคือกินยา รักษาตัวเอง เราไม่ได้ผิดปกติเลย เราแค่ป่วย
รักษามาเกือบ1ปีแล้ว พี่ๆก้อยนัตตี้ดรีม เป็นส่วนนึงของการฮีลใจหนูนะคะ
เรืองที่yolo ที่สุดในชีวิต คือทำตามใจตัวเอง(แบบไม่ให้ใครเดือดร้อน) ก่อนหน้านี้เคยอยู่ในกรอบเชื่อฟังพ่อแม่ ทำตามกฎระเบียบทุกอย่างแบบเป๊ะๆๆ ทำในสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำ จนถึงวันนึงที่กล้าพูดตรงๆว่าอยากทำตามใจตัวเองในแบบที่ตัวเองเลือก แล้วก็จะยอมรับกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น เพราะสุดท้ายคนที่ต้องเผชิญกับมันก็คือตัวเรา ก็คือคิดว่าสิ่งนี้คือyoloที่สุดแล้ว เพราถ้าวันนั้นไม่กล้าพูดก็คงไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ💟💟💟💟
❤
21:28 ตอนที่ก้อยบอกอยากทำงานกับต่างประเทศ คือแบบว้าวเลย😲😲
อยากดูเลย อยากให้ก้อยได้บทดีๆพีคๆซักเรื่อง อยากเห็นฝีมือการแสดงแบบขั้นสุด🔥🔥
24:10 แล้วไหนจะอยากทำหนังแบบ DUNE😱😱 อีก คือขนลุกนะ แพชชั่นเรื่องหนังของก้อยคือที่สุด 🎉🎉✨✨
❤❤❤❤
Yolo ที่เคยทำคือไปนั่งสังสรรค์ห้องเพื่อน ไปนั่ง deep talk บวกกับช่วงนั้นอกหักซึ่งในกลุ่มก็มีคนอกหักเหมือนกัน และมีการดื่มเครื่องดื่มมึนเมา จนได้มีการมานั่งคุยกันเรื่องความรัก ได้พูดสิ่งที่ไม่เคยพูด ไม่เล่าได้แลกเปลี่ยนกัน ร้องไห้จนไม่อยากร้อง แบบมันมีความรู้สึกรักเพื่อนมากๆ ชอบช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ได้เป็นเราจริงๆ หลังจากคุยเสร็จ เพื่อนในกลุ่มก็เลยชวนว่า พรุ่งนี้ไปแจกของให้เด็กๆกัน ที่มูลนิธิกันซึ่งพวกเราทุกคนในกลุ่มก็พูดว่าไปดิ คืนนั้นเลยแยกย้ายกันไปนอน และในเช้าวันต่อมาเลยได้ไปซื้อของ ขนม อาหาร เพื่อนำไปมอบให้เด็ก ลองเข้าไปรู้สึกดีมากกกกก น้องๆดีใจมากที่เรามาแจกข้าว แจกขนม ความรู้สึกเมื่อวานที่ร้องไห้เมื่อวานมันหายไปหมดเลย ภายในวันนั้นเพื่อนก็เลยพาไปเปิดหูเปิดตา เจอสิ่งใหม่ๆ ซื้อหนังสือให้อ่าน เลยได้ข้อคิดว่าก็อยู่กับเพื่อน อยู่ตัวคนเดียวได้หนิ แล้วสุดท้ายจริงๆคนที่เราควรจะรัก คือตัวเองเราจริงๆ
เรื่องที่Yoloมากที่สุดในชีวิตของหนู คือการที่ก้าวผ่านความกลัวค่ะ ตอนเเรกหนูเป็นคนไม่มั่นใจในหลายๆเรื่องเลยค่ะพี่ หนูกลัว กลัวการที่จะผิดหวัง กลัวการจากลา กลัวภายนอกจะมองเราไม่ดี จนหนูได้ลองเปลี่ยนความคิด ไม่เรียกว่าเปลี่ยน เรียกว่ากำลังเรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ครั้งเเรกที่หนูก้าวผ่านความกลัวการผิดหวังมาได้ คือการที่หนูเผื่อใจ หลายๆคนมักบอกให้หนูไม่ต้องคาดหวังสิจะได้ไม่ผิดหวัง เเต่ในใจลึกๆก็ยังหวังอยู่เสมอ เลยเปลี่ยนเป็นการเผื่อใจ มันต้องมีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสองทาง จะตรงตามที่ใจเราต้องการหรือไม่ตรงตามใจเราหวัง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของชีวิตนี้ ส่วนในเรื่องของความกลัวการจากลา หนูกลัวมาตลอด หนูเชื่อว่าทุกคนก็กลัวกันหมดถ้าต้องจากลากับคนที่รัก เเต่หนูก็ได้กลับมาคิดว่า คนเราทุกคนร่วงโรยไปตามการเวลา ไม่มีใครอยู่ตลอดไป หนูจึงมีความคิดที่จะทำทุกวันให้ดีที่สุด จนหนูได้กราบเท้าคนที่เลี้ยงหนูมาทั้งชีวิตครั้งเเรก นั่นทำให้หนูรู้ว่าหนูจะรักเเละดูเเลท่านให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่เด็กคนนึงจะทำได้ ไม่ต้องนำเรื่องอนาคตมาคิดให้เเพนิค ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อีกความกลัวที่หนูได้กล่าวไปข้างต้น คือการที่หนูกลัวคนอื่นมองหนูไม่ดีค่ะ เมื่อก่อนหนูมีความคิดที่จะต้องทำตัวให้คนอื่นชมถึงจะเป็นเด็กดี เป็นคนเเคร์คนมากๆ การเเคร์คนอื่นมันก็ดี เเต่เเคร์มากเกินไปมันก็ไม่ดีจริงๆค่ะ ทำให้หนูไม่เป็นตัวของตัวเองในหลายๆครั้ง จนถึงตอนนี้หนูก็กำลังปรับมายเซ็ทอยู่ค่ะ พยายามทำตามใจตัวเองให้มากๆ ทำเเบบที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่ต้องเเคร์สายตาใคร อย่างที่พี่ๆบอกเลยค่ะ ทำให้เต็มที่ ชีวิตนี้เกิดมาครั้งนึง เอาให้สุดเหวี่ยงเเต่ก็ต้องไม่เดือดร้อนใคร ❤
❤
เรื่องที่ื yolo ที่สุดคงจะเป็น ตอนที่ตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศคือตอนนั้นน่ะไม่รู้ภาษาเลย ภาษาอังกฤษก็ไก่กามากแต่ตอนนั้นด้วยความที่รู้สึกว่ามันคือประสบการณ์หนึ่งในชีวิตแล้วก็ด้วยความที่ เราโชคดีเรามีสัญชาตินั้นอยู่แล้ว มันก็จะง่ายขึ้นแต่ด้วยความที่ไม่เคยเรียนภาษานั้นเลยด้วยซ้ำต้องไปปรับพื้นฐานนานมากๆแล้วตอนนี้มีความคิดที่จะอยู่ยาวเลยเพราะว่าชอบมากแล้วก็ขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่ตัดสินใจที่จะมา🩷🩷🩷
❤
Yoloที่เคยทำน่าจะเป็นการออกจากความสัมพันธ์ที่อิ่มตัว จากความรักก็กลายเป็นความสงสารแทน คือแฟนเก่าเค้าดีมากๆแต่ความสัมพันธ์เรามันอิ่มตัว มันอยู่ในจุดที่ต่างคนต่างไม่รู้สึกอะไรแล้ว จเลยตัดสินใจออกจากความสัมพันธ์นี้ แต่เราต่างเลิกกันด้วยดียังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ ทุกวันนี้มีแต่ความหวังดีต่อกัน ห่างๆแบบห่วงๆ
YOLO ❤ ในปีที่แล้วคือการออกจากเซฟโซน ตอนแรกเราช่วยงานธุระกิจก่อสร้างของพ่อ ซึ่งเค้าไม่เปิดรับสิ่งใหม่ที่เราเรียนมาเลยใช้ระบบเดิมๆโปรแกรมเดิมๆไม่มีการพัฒนา ทำมา1ปี เราไม่มีวันหยุด จ-ส.ทำงาน อ.ก็เหมือนทำงาน😅
เราคิดหนักมาก เพราะถ้าเราออกพ่อจะอยุ่ได้ไหม เราแบกงานไว้เยอะหลายหน้าที่ จนมีปากเสียงกันเรื่องงานความคิดเราไม่ตรงกันทะเลาะกันหนัก เราเลยกับบ้านแม่ (พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่เราเด็ก ปกติเราอยุ่กับแม่แต่ไปมาบ้านพ่ออยุ่แล้วปกติ) แต่ก็ยังคงทำงานกับพ่ออยู่3เดือนละตัดสินใจว่าเราต้องออกจากจุดนี้เพื่อที่เราต้องไปใช้ชีวิตของเราก่อน อาจดูเห็น แก่ตัวแต่เราต้องเดินไปข้างหน้าเรียนรู้สิ่งใหม่ใน รูปแบบของเราเอง ไปทำสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ ใช้ชีวิตของเราจริงๆ ทั้งการทำงาน การเที่ยว การพบปะเพื่อน มีเวลาห้ตัวเอง ❤ปัจจุบันคือได้มีโอกาสทำงานที่ชอบอยุ่กับสังคมที่ทำงาน สังคมเพื่อน แฟนมัธยม มหาลัย happy มาก ได้เรียนรู้เยอะมาก ส่วนพ่อเค้าก็หาคนมาช่วยได้ถึงไม่มีเราบริษัทเค้าก็อยู่ได้ แต่เรายังเจอเม้ามอยกันแชร์การทำงานให้เค้าบ้างเค้าเริ่มเปิดรับมากขึ้น ด้วยเห็นว่าเราประสบความสำเร็จด้วย ทำงานมา1ปีได้เลื่อนขั้นจากจูเนียร์เป็นซีเนีย คือเราเต็มที่กับการทำงานมาก สนุกกับการใช้ชีวิตด้วย ทำงานจ-ศ หยุดส-อ วันหยุดตามธนาคารอีก คือเที่ยวฉ่ำมากกก ต้นปีก็ได้โบนัสหลักแสนครั้งแรกคือดีใจมากพาแม่ไปดำน้ำไปต่างประเทศ คือเป็นปีที่ดีมากปีนี้ รักตัวเองมากขึ้น❤แคร์ตัวเองมากขึ้น❤มีเวลาให้คนข้างๆมากขึ้น ใช้ชีวิตเต็มที่ 🎉
เรื่อง YOLO ที่สุดคือ บอกก่อนว่าเป็ฯคนที่ชอบจังหวัดเชียงใหม่มาก และเคยมีครอบครัวแล้วจับได้ว่าสามีแอบกิ๊กกั๊กกับเพื่อนเรา เราเลยตัดสินใจออกจากบ้านด้วยเงิน 10,000 บาทและรถ 1 คัน มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เชียงใหม่ โดยที่ไม่มีอะไรรองรับเลย ไม่มีงาน ไม่มีที่พัก ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีเพื่อน และไม่เคยมาเชียงใหม่เลย
Yolo!!!!! คือเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองมากๆๆๆ หลังจากใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง ขับรถเร็ว ทำบางอย่างที่ไม่ค่อยนึกถึงอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเกิดอุบัติเหตุที่ใกล้ความตายมากๆ อีกนิดเดียวจริงๆคือตายได้เลย หลังจากวันนั้นความคิดเปลี่ยนไปเลย รักตัวเองมากๆ คิดก่อนทำทุกอย่าง ใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง ดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกาย รู้สึกว่าเราต้องทำให้ตัวเองมีความสุข แล้วก็ไม่เดือดร้อนอื่นคนก็พอ
เรื่องที่ yolo ที่สุดในชีวิต คือ ปลายปีที่แล้วที่ตัดสินใจซื้อบ้าน ตลอด5 ปีที่ผ่านมา มีความคิดที่อยากจะซื้อ บ้านหรือคอนโด เพื่อแยกจากครอบครัวออกมาอยู่คนเดียว พื้นฐานครอบครัวทุกคนในบ้านอยู่ด้วยกัน ไม่ได้อึดอัดอะไร แต่เพราะเราโตขึ้น อยากออกไปใช้ชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง จนในที่สุดก็ได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวอย่างจริงจังแล้ว ภาระอันหนักอึ้ง ที่จะมาพร้อมความสุขที่หนักอึ้งงงงเช่นเดียวกัน
YOLO สุดคือการที่ฝันจะไปเรียนต่อต่างประเทศจนได้ทุนไปเรียน ได้ที่เรียนที่เดียวกับแฟน ณ ตอนนั้น ที่ตั้งใจว่าจะไปด้วยกัน แต่ตอนไปเรียนเป็นแฟนเก่าค่า เลิกกันไปไม่กี่เดือนก่อนไปเรียน แล้วสุดท้ายต้องไปอยู่หอพักตึกเดียวกัน เรียนคลาสเดียวกัน แต่ก็ต้องก้าวข้ามทุกความทุกข์ มองข้ามให้ได้ เพื่อให้ปีที่ฝันมาเนิ่นนานเป็นปีที่สนุกที่สุด แล้วมันก็สนุกจริงๆ ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ทำให้โตขึ้นมากๆ ตอนนี้ก็ไม่ค่อยกลัวอะไรแล้วค่ะ เพราะตอนนั้นหนักมากกก เพราะเค้ามูฟออนไปแล้วแต่เรายังย่ำอยู่กับทีี แต่สุดท้ายก็ผ่านมันไปได้แล้วค่ะ ตอนนี้แฮปปี้มากกก
YOLO ในชีวิตของหนู คือ การที่ตัวเองสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย และไม่เคยคิดว่าตัวเองอายุแค่นี้ต้องมาทำงานหนักอะไรแบบนี้ แต่รู้สึกว่าตัวเองโครตเก่งเลย เพราะในชีวิตส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ได้เป็นคนขยัน ไม่เคยได้ทำงานและโดนคนมองว่าตัวเองเป็นคนไม่ได้เรื่อง ไม่สามารถที่จะทำงานอะไรได้ แต่ทุกวันนี้คือ ภูมิใจมากกที่ตัวเองลบคำด่าหรือว่าของคนอื่นได้ หารายได้ด้วยตนเองโดยไม่เดือดร้อนพ่อแม่และไม่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง 💞❤️
❤
YOLO ที่สุดในชีวิตคงจะเป็นเรื่องที่เข้ามาอยู่กรุงเทพช่วงมหาลัยคนเดียวเริ่มต้นใช้ชีวิตเองจริงๆจังๆครั้งแรก เริ่มเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเด็กต่างจังหวัด ทำให้เราได้เติบโตเรียนผิดเรียนถูกเรียนแก้กันเองกับการใช้ชีวิตในช่วงนี้ ตั้งแต่เข้ามากรุงเทพรู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกอะไรหลายๆอย่าง เช่น กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว อยากทำอะไรก็ทำรู้สึกเป็น4ปีที่คุ้มค่า เพราะออกไปหากิจกรรมใหม่ๆให้ตัวเองตลอด เป็นสายติดคอนเท้นชอบออกไปใช้ชีวิต เพราะรู้สึกว่าเรามีเวลาแต่4ปีในการเรียนรู้และใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนเข้าสู่ช่วงวัยทำงานจริงๆ enjoy your life ka❤️
YOLO ที่สุดในชีวิตคือการได้เป็นตัวของตัวเอง มีอะไรก็พูดตรงๆ อยากทำอะไรก็ทำ เป็นตัวเองทุกอย่าง อยากไปไหนทำอะไร โดยที่รักตัวเองมากๆแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มันมีความสุขมากๆค่ะ แล้วมีพวกพี่เป็นแนวทางในการใช้ชีวิต พี่ทุกคนเป็นตัวของตัวเองหมดเลย แล้วก็ประสบความสำเร็จกัน 🎉❤
❤
Yolo ที่สุดในชีวิต เรื่องตอนตัดสินใจออกจากงาน เพื่อมานั่งเรียนที่บ้านค่ะ ปกติเป็นคนที่บ้านไม่ได้รวยขนาดมีคน support เรียนจบก็ทำงานเลย จนจุดหนึ่งตัดสินใจลาออกเพื่อจะได้ลองเปลี่ยนสายงาน ได้ลองเรียนรู้งานใหม่ คือมันคือความบ้ามากๆค่ะ เพราะบ. ที่ทำอยู่คือ มั่นคง และสวัสดิการดีมาก แต่ตัดสินใจลาออกเพื่อมาตามหาความฝันของตัวเอง มาหาความสุขที่ตัวเองอยากทำจริงๆ ค่ะ สุดท้ายเลยได้เรียนรู้ชีวิต มากขึ้นจากการตัดสินใจนั้นค่ะ เพราะช่วงเวลาที่ว่างงาน คือ เจอเรื่องหนัก จนร้องไห้ อยู่ 2 อาทิตย์ แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ค่ะ ออกหางานใหม่ เจอคนใหม่ๆ
เรียนรู้การปล่อยวาง การลุกขึ้นสู้ คือถ้า ไม่ได้ทำก็คงเสียดายในชีวิตค่ะ
Past is history. Future is a mystery but today is a gift that why it's called present. ❤
เรื่องที่yoloที่สุดในชีวิตคือ เรื่องประสบการณ์ที่เราคิดว่าเป็นแค่ในละครและไม่คิดว่าจะเจอกับตัว คือนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน แล้วคนขับแท็กซี่คือถูกติดคุกมาก่อน ซึ่งเป็นคดีฆ่า คนขับเล่าให้เราฟังในรถ ที่มีแค่เราและเขา และเป็นตอนกลางคืน ตอนนั้นกลัวมากที่สุดในชีวิต ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี่กับตัวเอง และไม่คิดว่าจะรอดมาด้วย😅แต่พี่เขาแค่เล่าให้ฟังนะคะ เขาก็ไปส่งเราถึงหน้าบ้านอย่างปลอดภัย 😂😂
yolo ของเราคือ ตัดสินใจช่วยเหลือสัตว์จรทุกตัวเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้ฐานะดีอะไรมาก และไม่สนว่าคนอื่นจะว่ายังไง
พอได้ทำ ได้ให้ ได้ช่วยเหลือเขา ทำให้รู้สึกว่าโลกใบนี้ของเรา และคิดว่าโลกของเขามันอบอุ่นขึ้น และคงทำต่อไปจนถึง the end of my lifeค่ะ
YOLO ที่สุดของเราคือ ตอนที่กล้าทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น จากแต่ก่อนที่เป็นคนขี้อายมาก พยายามออกจากเซฟโซนตัวเอง ไปเรียนต้น จากเต้นทีม มาแข่งเดี่ยวครั้งแรก คือมันรู้สึกYOLO มากของเด็กอายุ12ตอนนั้น การที่ทำการแสดงคนเดียว ที่คนดูเป็นร้อยเป็นพัน เราก้าวผ่านความกลัวได้ จนได้รางวัลชนะเลิศ ได้ไปเที่ยวฟรีที่สิงคโปร์มาเลเซีย รู้สึกภูมิใจในตัวเองและดีใจมากที่แบบเรากล้าขึ้น จนทำให้รู้ว่าการแสดงออก การทำการแสดงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าเราชอบมันก็ทำได้ เกิดมาครั้งนึงทั้งทีก็ต้องทำสักครั้ง หลังจากนั้นก็ใช้ความคิดนี้จากการกล้าลองทำอะไรหลายๆอย่าง (ในสิ่งที่ดีนะคะ🤣)
Yolo ที่สุด yolo มากๆที่นึกออกก็คือสิ่งที่เผชิญอยู่ตอนนี้เลย ก่อนหน้านี้เป็นบาริสต้าร้านกาแฟ ได้ทำงานที่ชอบ บวกกับพี่เจ้าของร้านรักและเอ็นดูเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่ด้วยช่วงสถานการณ์โควิดทำให้เรานึกคิดหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลัง นั่นก็คือ (แม่) เรายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน กลัวว่าวันนึงแม่จะเป็นอะไรไป จึงตัดสินใจออกจากเซฟโซน ลาออกเพื่อไปทำงานที่มีสวัสดิการให้ครอบครัว แต่ก็ต้องแลกกับการที่เราต้องห่างไกลกับแม่ เพราะต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด และใช่เราเดินทางมาเพียงคนเดียว ลุยใหม่คนเดียว คิดถึงบ้านมากๆ เราและแม่คอยโทรหากันเพื่อส่งกำลังใจให้กันตลอด ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง เราว่านี่มัน yolo ที่สุดในชีวิตตอนนี้เลย คิดถึงแม่มาก 🤍
อยากให้อัดคลิปสอนแต่งหน้ามากเลยยย สวยมั้กกทุกคนนนนนน 💖😽✨
Yolo ที่สุดในชีวิต คือ การลองเป็นผู้นำ ก้าวข้ามความไม่กล้าแสดงออก ลงเลือกตั้งเป็นประธานสโมคณะ เป็นประธานรุ่น คิดสะว่า “เอาว่ะ ชีวิตมหาวิทยาลัยมันมีครั้งเดียวในชีวิต” อยากลองใช้ชีวิตที่มันเฉิดฉายเป็นคนที่ทุกคนในคณะรู้จัก มีตัวตนในสังคมดูสักครั้ง เป็นคนนำทุกคนไปในทิศทางต่างๆที่เราว่ามันเริ่ด สร้างความเป็นปึกแผ่นของทุกชั้นปีในคณะ สร้างกิจกรรมกีฬาสีคณะที่ไม่เคยมีมาก่อน เอ้อออมันเริ่ดนะ
สำหรับหนูเรื่อง YOLO ที่สุดในชีวิตคงเป็นการที่อยากเติบโตไปเป็นคนที่สามารถเลี้ยงคนที่ดูแลส่งเสียเรามาตั้งแต่เด็กๆได้ อยากทำให้เขาสบายที่สุดให้สมกับที่เขาดูแลเรา ทำเพื่อเราทุกอย่าง จริงๆอยากมีบ้านแบบพี่ดรีมให้ครอบครัวเราได้อยู่ด้วยกัน บ้านพี่ดีที่สุดเพียงแค่หนึ่งหลังแต่มีวิวทิวทัศน์ที่ดี ครอบครัวเราชอบไปทะเลค่ะ บ้านที่ใฝ่ฝันที่สุดคงอยากให้อยู่ที่ทะเลที่ไหนสักที่ ถึงแม้ตอนนี้เรื่อง YOLO เรื่องนี้จะยังไม่เกิดขึ้น แต่หนูหวังและจะพยายามทำให้ครอบครัวสบายที่สุดค่ะ 🩷
Yolo!! การกล้าที่จะใช้ชีวิตคนเดี๋ยว เมื่อก่อนยอมรับว่าเป็นคนอยู่คนเดี๋ยวไม่ได้เหงาตลอด และมีเพื่อนตลอดเวลา วันนึงที่กลม้าตัดสินใจ สู้ก็เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องโตขึ้นและเดินตามทางของตัวเอง รวมถึงอยู่กับคนที่ตัวเองรักทั้งนั้น จนมาถึงจุดที่ทุกคนออกไปใช้ชีวิตในเเบบของตัวเอง ตัวเราเองก็มีภูมิคุ้มกันความเหงาเช่นกัน ทุกวันนี้สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้ มีความสุขในเเบบของตัวเอง พักผ่อน แบะในเวลาอยู่กับคอบครัว😊
ขอเล่าสองเรื่องเลย เคยไปเล่นห้องเพื่อนไม่รู้ว่าเพื่อนกินเหล้าอยู่ เราไม่เคยกินเหล้าเลยในชีวิต สรุปคืออยู่ดีๆขอเพื่อนลองกินเฉย ไม่ม่ใครยุเลยนะ พูดเองเลยงงตัวเองเหมือนกัน อีกเรื่องนึงคือเคยสอนเพื่อนขับมอไซค์แต่อยู่ดีๆเป็นคนบอกให้เพื่อนมาขับแล้วเราซ้อน สรุปเพื่อนพาล้ม เกือบขิต
YOLO ของเราคือ การตัดสินใจเลิกกันสามีที่แต่งงานกันมาสิบเอ็ดปี คบกันมาสิบสองปี รวมเป็น ยี่สิบสามปี หลังครบรอบวันเกิดอายุสี่สิบสามปีมาหนึ่งวัน เพราะเจอหลักฐานว่านอกใจเรา ขอหย่าทันที หลังจากนั้นสองอาทิตย์มูฟออน จนถึงทุกวันนี้ แต่ยังอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกันแต่แยกห้องนอน เพราะเค้าไม่ยอมหย่า ผ่านมาใกล้จะครบปีละ เรามีความสุขดีมาก ๆ ไม่เสียใจที่เสียผู้ชายทรยศไปเลย แค่เสียหน้า ตอนนี้ก็อยู่ใช้เงินเค้าไป
YOLOที่สุดในชีวิตคือการเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าและเตาอบขนมหนึ่งตัว (เราขายขนมออนไลน์เลยคืดว่ามีเตาอบมาด้วยก็น่าจะสร้างอาชีพในอนาคตได้) ขับรถจากนครปฐมไปเชียงรายคนเดียวแบบไม่มีครอบครัวหรือญาติหรือแม้แต่บ้านที่นั่น เป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ได้ทะเลาะกับที่บ้านด้วยนะ อยู่ๆอยากมาก็มาเลย ชอบเชียงรายอยากอยู่เชียงรายตลอดไป ขับรถมาทันทีวันเดียวถึง ตอนนั้นเหมือนจะอกหักอยู่เลยตัดสินใจอยากเริ่มอะไรใหม่ๆให้ชีวิต มันเหมือนเป็นจุดที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาลเลย หลังจากนั้นไปไม่นานก็ได้เจอแฟนคนปัจจุบัน ตอนนี้ผ่านมา3ปีแล้วปีเล่ามีแฟน มีหมา2ตัว มีธุรกิจ มีความฝันด้วยกัน มันดีมากๆคิดไม่ผิดที่ออกจากบ้านมาวันนั้น
❤
ประสบการณ์ YOLO ที่สุดในชีวิตคือ การที่ไปสอบสัมภาษณ์ทุนกับมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคใต้ แล้วอาจารย์พูดดูถูกว่าลุคแบบนี้จะอยู่หอได้หรอ (ลุคอาจจะดูคุณหนูในสายตาอาจารย์) ด้วยความที่เราเรียนคอนแวนท์ สุดท้ายได้มหาลัยแห่งนีัแต่แม่ไม่ให้ไปเพราะไกลบ้าน (อยู่กทม.) ด้วยความอยากพิสูจน์ตัวเองและให้คนรอบข้างเห็นว่าเราทำได้ จึงตั้งใจเลือกมหาวิทยาลัยชื่อดังแถวปริมณฑล ได้อยู่หอสมใจ❤ พิสูจน์ให้คนรอบตัวเห็นว่าเราดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบตัวเองได้ เริ่มหัดทำความสะอาดทุกอย่างเองตอนอยู่หอ ได้เกียรตินิยมด้วยนะ ความพยายามในการร่ำเรียนหนังสือ 🥰
เรื่องที่คิดว่าตัวเอง YOLO ที่สุดคือมันไม่ได้ยิ่งใหญ่มาก แต่รู้สึกเหมือนยืนขึ้นได้ด้วยตัวเองค่ะพร้อมกับคนที่รักเราจริงๆ เหมือนรู้สึกว่าตัวเรานี่ก็เก่งนะ คือตอนเลิกกับแฟนเก่าค่ะ มันคือเกือบ8ปีที่แล้ว เราคบเขามา3ปี เรารู้สึกว่าเขาช่วยเราหลายเรื่องมาก เราขับรถไม่เป็นเขาก็ขับให้ เราขี้อายไม่กล้าสั่งข้าวเอง เขาก็ทำให้ หรือเรายกของหนักเองไม่ไหว เขาก็ทำให้ จริงๆมันแทบทุกอย่างที่เขาทำแทนเรา จนเลิกกัน แรกๆเรารู้สึกว่าเราทำอะไรเองไม่ได้เลย เราเหมือนสูญเสียคนที่คอยซัพพอร์ตเรา แต่พอเวลาผ่านไปคือเพื่อนเราคอยพยุงจิตใจเราจริงๆค่ะ บางคนไม่สนิทกันก็ยังมาฮีลใจเรา ชวนเราไปกินข้าว ขับรถไม่เป็น พ่อเราก็บอกตั้งแต่เด็กพ่อก็เป็นคนไปรับส่ง แค่วันนี้พ่อเป็นคนกลับมาทำให้แทนเขา ทำไมพ่อจะทำไม่ได้ เรารู้สึกว่าเราหลุดออกจากการนึกถึงเขาไปเลย แม้แต่เพื่อนสนิทแฟนเก่าเรายังมาช่วยปลอบเรา เรารู้สึกว่าเราโตขึ้นและหลุดพ้นจากความรู้สึกบางอย่าง YOLO ของเราคือการที่เราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและโฟกัสถูกจุด ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเจ็บช้ำค่ะ เราเลยคิดว่าหลังจากที่เรามูฟออนได้แล้ว เราทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โฟกัสครอบครัวและเพื่อนที่ดีที่รักเรา เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่าแล้วค่ะ 💖
YOLO ที่สุดในชีวิต คือการที่ทุกวันศุกร์หลังเลิกงานแล้ว นั่งรถไฟตอนเย็นจากลพบุรี แล้ว นั่งรถ อีก 1 ต่อ เพื่อไปหาแฟนที่กรุงเทพ เป็นระยะเวลา 1 ปี เพราะเรา2คนอยู่ไกลกัน ร้อนมากเหนื่อยมากแต่ก็ไม่หวั่น รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอเค้า แต่ทุกวันนี้ไม่ต้องนั่งรถไฟแล้วค่ะเพราะเราได้ย้ายมาอยู่ใกล้กันแล้ววว
เรื่องที่YOLOที่สุดในชีวิตสำหรับหนูตอนนี้ที่อายุ19น่าจะเป็นการดรอปเรียน1ปีเพื่อสอบเข้าในมหาลัยที่ตัวเองอยากเข้าค่ะ ปกติเป็นคนที่อยู่ในกรอบมาตลอดถึงแม้ในยุคหนูจะดูเหมือนว่าการดรอป/ซิ่วดูปกติมากขึ้น แต่ต้องยอมรับเลยจริงๆค่ะว่าพออยู่ในสังคมใหญ่แล้วการดรอปเรียนไม่ง่ายเลย ถูกตั้งคำถามตลอดระยะ1ปี และตัวเราเองก็เห็นเพื่อนๆมีที่เรียน ได้เรียนในที่ที่ตัวเองอยากเรียน มันself-doubt มากๆๆ แบบเราไม่เก่งมั้ย เราถูกสตาฟที่เดิมรึเปล่า เริ่มด้อยค่าตัวเองบางจุด ทั้งที่จริงๆเราก็เต็มที่กับมันมาเสมอ เราถามตัวเองเสมอว่าที่/คนที่เราอยากอยู่ด้วยเค้าอยู่ตรงไหนกัน เราอยากไปอยู่ตรงนั้นกับเค้าเราจะทำยังไงแล้วเราก็ทำอย่างสุดกำลังความสามารถเราจริงๆ เรามีความสุขกับอะไร จนตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปแล้วค่ะว่า ในการตัดสินใจครั้งนี้เราจะไม่เสียใจกับมันเลยไม่ว่าผลหลังจากนี้จะออกมาแบบไหนก็ตาม ปล.แต่หนูดรอปมาเจอกับทปอ.ที่ออกข้อสอบนอกหลักสูตรนะคะ555555🥲🥲
YoLo ในชีวิตของหนู คือ การที่ตัวเองรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปไปหาเพื่อนสนิท ที่เราทำเค้าเสียใจครั้งใหญ่ ทำให้เราไม่สามารถกลับมาคบกันอีกได้ ตอนนั้นหนูรวบรวมความกล้าบวกกับความกลัว ที่ไม่รู้ว่าถ้าเดินไปแล้วจะมีผลดีหรือผลเสียอย่างไร แต่หนูก็อยากเดินไปขอโทษเขาแบบใจจริงและก็ขอโทษตัวต่อตัว วันนั้นหนูเลยเดินไปขอโทษเขาต่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างใด หรือเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หนูทำใจยอมรับผลที่เกิดขึ้นมาแล้ว และคิดว่าได้พูด ได้ทำเต็มที่แล้ว รู้สึกภูมิใจกับตัวเองมากที่ยอมชนะความกลัวของตัวเองเดินไปขอโทษ และคิดว่าจะไม่กลับมาเสียใจทีหลัง เพราะหนูได้ทำในสิ่งที่หนูคิดแล้ว🥰🙏💕
เมาแล้วก็ยังรีวิวได้ เก่งกันสุดๆๆๆ❤
ความสามารถเฉพาะตัวเลยค่าาา ❤❤❤😂😂
ตอนแรกนั่งนึกก็ยังไม่มีคำตอบให้คำถามนี้เลย แต่ก็มีแฟลชแบ็คถึงความรู้ที่อยากกลับไปอีกครั้ง
🙂 YOLO การได้ไปพูดคุยให้กำลังใจช่วยเหลือรับฟังผู้ป่วยมะเร็ง ได้กุมมือ โอบกอด ร้องไห้ และร่วมรู้สึกไปกับพวกเขา หลายสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสการได้เจอกันแค่ครั้งเดียวในโลกนี้ การเจอกันวันนี้จากกันวันพรุ่งนี้ การจากลาด้วยความห่วงใย เป็นช่วงเวลาที่นึกย้อนไปก็น้ำตาซึม เป็นไม่กี่วันที่เป็นพลังที่เต็มเปี่ยมทำให้เราไม่ทอดทิ้งการได้ช่วยเหลือคนที่สู้กับชีวิตที่นับถอยหลัง
บอกตามตรงว่านึกไปกี่ครั้งก็ดีใจที่เราได้ไป ได้ไปพบพวกเขา ได้ไปกราบหลวงปู่ที่วัด และไม่ท้อกับการเดินทางนั่งรถ8-9ช.ม.เพื่อไปที่เป้าหมาย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ดลบันดาลจริงๆ🙂
เรื่องที่ YOLO ที่สุดในชีวิต การกล้าที่จะสู้กับคนที่ทำร้ายความรู้สึก และชีวิตในการทำงานของเรา ทำให้รู้สึกไม่อยากไปทำงานและร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องทำงานเจอกันตลอด 4 ปีปกติเป็นคน introvert ชอบอยู่กับตัวเอง ไม่อยากมีปัญหากับใครและยิ่งมีเหตุการณ์ที่เราถูกคนไม่ชอบ โดยไม่ทราบเหตุผล เคยถามแล้วแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาชอบทำท่าทางประชดใส่ และเคยได้ยินเรื่องที่พูดถึงเราจนงงว่านี้คือเราหรอ ทั้งๆที่เราไม่เคยคิดหรือทำแบบนั้น เป็นแบบนี้มาเกือบ 4 ปีได้ จนมาถึงวันนึงที่เขาพูดว่าเราตอนอยู่ด้วยกัน 2 คน ในสถานการณ์ที่เราไม่ได้ทำ เราเลยคิดว่าถ้าไม่พูดครั้งนี้ก็อาจจะไม่มีโอกาส เลยพูดเถียงขึ้นมาว่าเราไม่ได้ทำกับเขาไป หลังจากนั้นก็มือสั่นร้องไห้ โทรไปเล่าให้แม่ พี่และเพื่อนฟัง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภูมิใจ เก่งและกล้าขึ้นมาก บอกไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะเราโดนกระทำมาตลอด
เรื่องที่ YOLO ของตัวเองคือการแบกเป้ไปเที่ยวคนเดียวที่ NYC และ Universal Studios ที่ Orlando ตอนที่ไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาในวัย 21 ปีค่ะ เนื่องจากเป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยน เลยต้องไปเที่ยวแบบประหยัดเงิน ที่พีคคือตอนที่ไปที่ Orlando อยากประหยัดค่าใข้จ่าย เลยไปนอนที่สนามบินหนึ่งคืน แบบตั้งใจไปนอนจริง ๆ คือไฟล์ทกลับมอเป็นวันรุ่งขึ้นตอนเที่ยง แต่ไปที่สนามบินตั้งแต่วันก่อนตอนเย็น แล้วการนอนคือลงไปนอนที่พื้นสนามบินจริง ๆ เลย แล้วใช้กระเป๋าเดินทางเป็นหมอน แล้วตอนเช้ามีฝรั่งมาปลุกด้วยว่าใช่ไฟล์ทของคุณรึป่าว หนูอายมากกก 55555 เป็นการไปเที่ยวที่ลุยและอึดถึกทนมาก แต่ก็สนุกมาก ๆ ด้วย เป็นประสบการณืที่คุ้มค่ามาก ๆๆๆ ตั้งแต่นั้นก็มีแต่เพื่อนฝรั่งมาขอคำแนะนำเรื่องการไปนอนที่สนามบิน รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ YOLO มากจริง ๆ ออกจาก comfort zone แบบสิ้นเชิงเลยค่ะ
YOLO ที่สุดคือการตัดสินใจในการมาทำงานที่ต่างจังหวัด ทั้งๆที่ในกทม.งานเยอะมาก แต่เลือกที่จะมาต่างจังหวัดเพื่อค้นหาตัวตนและดิ้นรนชีวิตว่ามันจะยังไงต่อไป แต่ก็ภูมิใจในตัวเองสุดๆ เพราะปกติจะอยู่ใกล้บ้านกับครอบครัว ตัดสินใจมาใช้ชีวิตเองคนเดียว Yolo in once life จริงๆ😂❤
เรื่องที่yoloที่สุดในชีวิตนี้ คือการทำงานเก็บเงินมาทั้งปีเพื่อนำเงินไปให้แม่ทั้งหมด หมดแบบหมดจริงๆให้ทั้งเงินเก็บเงินโบนัสที่ได้ตอนสิ้นปีเงินเดือนที่พึ่งจะได้ล่าสุด ให้หมดแบบหมดกระเป๋า ให้แบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเอาเงินไหนกินในเดือนถัดไป ให้แบบไม่คิดมากแล้วก็ไม่คิดอะไรอีก ไม่รู้ว่าเค้าจะเรียกว่าอะไรแต่สำหรับหนู หนูว่าในชีวิตหนูเรื่องนี้คือที่สุดแล้ว😊
สู้ๆนะครับพี่3สาว รักพี่ทั้ง3คน และหวังว่าจะได้มีโอกาสเจอพี่ๆนะครับ❤❤❤😊😊😊
❤❤❤😊😊😊
@@goynattydreamchannel ❤️❤️❤️
YOLO สุดน่าจะเป็นเรื่องการลาออกจากงานที่ฝันใฝ่ สัญญาทำงานถึงอายุ 60 ปี สิ่งแวดล้อมดี เพื่อนน่ารัก ออกมาทำงานราชการ เงินเดือน 15,060 บาท ที่วันแรกๆ นั่งเหงา เพราะปกติทำงานถึงสี่ห้าทุ่มทุกวัน บางวันนั่งเศร้าคิดถึงงานเดิม แต่สิ่งที่ได้มาก็ได้อยู่ใกล้ครอบครัว ได้นอนบ้าน (หลังจากไม่อยู่บ้านมา 10 ปี) ได้ทำงานแค่ในเวลา ได้เที่ยวกับครอบครัวบ่อยๆ ก็ถือว่าตัดสินใจดีที่สุด ณ ตอนนั้นแหละ เหมือนออกจาก safe zone สุดๆของชีวิต 😊
Yolo คงเป็นเรื่องการตัดสินใจบริจาคร่างกาย บริจาคอวัยวะ ดวงตาทุกอย่างในร่างกายที่สามารถบริจาคได้ตั้งแต่ตอนอายุ20ต้นๆ เริ่มเข้าวัดทุกเดือน บริจาคข้าวเงินหรือสิ่งของทุกเดือน หรืออย่างการไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดป่าคนเดียว เราว่ามันเป็นการฝึกให้เรารู้จักการให้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยสิ่งที่ได้กลับมามันคือความสุขและรอยยิ้มของคนรับที่ทำให้เราเองก็มีความสุขตาม แพลนที่อยากจะทำเพิ่มปีนี้ก้อคงเป็นเรื่องของการออกค่ายอาสาเพื่อช่วยเหลือน้องๆด้อยโอกาส ซึ่งถ้าคำว่า Yolo หมายถึงการมีชีวิตอยู่แค่ครั้งเดียว หรือ เกิดมาแค่หนเดียว, จะทำอะไรก็ทำไป สิ่งที่เราอยากทำก้อคือทำให้ตัวเองเป็นคนดียิ่งๆขึ้นไปและผลตอบแทนมันเพื่อคนอื่น
เรื่อง YOLO ที่สุดในชีวิตก็คือ การไปดูคอนเสิร์ตกับคนแปลกหน้า เปิดโลกมาก😂 เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ขี้เขิน ขี้อายมาก ไม่ค่อยพูด เงียบๆแต่ถ้ากับคนที่สนิทจะพูดมาก จะไม่ค่อยกล้าทำอะไร เวลาไปไหนทำอะไรต้องมีเพื่อนไปด้วยตลอด ไม่ชอบการไปไหนมาไหนคนเดียว ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่55555แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อน แล้วความอยากดูศิลปินคนนั้นมากๆ อยากไปฟังเขาร้องสด เลยชวนเพื่อนที่สนิทๆแต่ก็ไม่ไปด้วย ในใจคือโคตรอยากดูแต่ไม่กล้าที่จะไปดูคนเดียว555555ก็เลยลองไปเมคเฟรนกับคนที่ไปดูคอนเสิร์ตนั้นเหมือนกัน ก็เลยรู้ว่าแบบมันก็มีคนที่ไปคนเดียวแบบเรา มีคนหาเพื่อนไปเหมือนกัน แต่แรกๆมันก็จะมีความกล้าๆกลัวๆอยู่แต่ก็ลองไปดูไม่ได้เสียหายอะไร แล้วก็ได้ไปดูแถมได้เพื่อนใหม่อีกด้วย หลังจากนั้นก็สนิทกันเฉยเลยไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ดีมากจริงๆไม่คิดว่าจะสนิทกันด้วยซ้ำ🥹
yolo ของหนูคือการเลิกคบเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เป็นความสัมพันธ์ที่เขาไม่เห็นความสำคัญของเราเลย เขานึกถึงเป็นคนสุดท้าย หรือไม่นึกถึงกันเลย เหมือนไม่ต้องการไม่มีตัวตน เป็นการตัดสินใจที่ยากและออกมายากเพราะตอนนั้นไม่กล้าเดินออกมาจริงๆ กลัวอะไรหลายอย่าง ตอนนี้เดินออกมาและได้เจอกับเพื่อนกลุ่มที่ดีมากๆ ถือว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้หนูโตขึ้นมากจริงๆ เสียดายที่สุดคือนิสัยของตัวเองที่เปลี่ยนไป
ทุยมาเรียบร้อย กลิ่นหอม เนื่อเนียนนุ่ม เกลี่ยง่ายมากเว่อร์ เติมระหว่าางวันได้อีก แต่อยากให้ติดทนกว่านี้อีกค่ะ
ชอบดูช่องนี้มากๆค่ะ ชอบดูการเติบโตของพวกพี่ เก่งมากๆอะ ชอบพี่ๆทั้งแก้งเล๊ยยย❤BWBจึ่งมาก สวยมาก อยากได้มากค่าาา💖
❤❤❤❤❤
Yolo ที่สุดในชีวิต คือ การตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง เงินเดือนดี เพื่อมาดูแลและใช้ชีวิตกับแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งที่บ้าน(พัทลุง) ความรู้สึดตอนนั้นมันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ลังเลเลยสักนิด เพราะอยากดูแลท่านให้ดีที่สุดเหมือนที่ท่านได้ดูแลเรามาตั้งแต่เด็กด้วยตัวคนเดียว ซึ่งหลังจากกลับมาก็มีเวลาได้ดูแลท่านแค่ 3 เดือน ทุกวันนี้ก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่กล้าตัดสินใจทิ้งทุกอย่างแล้วได้ใช้ชีวิตกับแม่จนวันที่ท่านจากไป ❤ ถ้าหากใครยังมีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่ ขอให้ทุกคนดูแลท่านให้ดีที่สุดนะคะ เพราะวันที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างๆมันเป็นความรู้สึกที่ว่างเปล่ามากๆ Do your best everyday, it’ll be your last chance. You only live once ✌🏻
YOLO ที่สุดคือเลือกไปโครงการหนึ่งที่ไปแลกเปลี่ยนเมกาแล้วกลับมาขาดทุนดนเพื่อนซ่อนใบDS ติดหนีกว่าจะผ่านมาได้คือโหดมาก สุดจริง แต่เราก้ามข้ามความโกรธและทุกอย่างมาได้ และกลายเป็นคนเด็ดขาดกับตัวเอง ไม่อ่อนแอ และก็มองเห็นคนที่รักเรามากยิ่งขึ้น
❤
Yolo ที่สุดในชีวิต คิดเป็นเหตุการณ์ไม่ออกค่ะ แค่รู้สึกว่า ชีวิตไม่เคยไม่ทำอะไรที่ใจอยากทำและคิดว่าตัวเองทำได้ใน condition ที่มีเลยค่ะ เที่ยวในที่ที่อยากเที่ยว กินของที่อยากกิน ทำกิจกรรมที่รู้สึกว่าอยากลอง แต่ละอย่างอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นมองว่าพิเศษ หรืออาจจะเป็นประสบการณ์ที่ดีบ้าง แย่บ้าง แต่ไม่มีอันไหนที่รู้สึกเสียใจที่ได้ลองเลยค่ะ
Yolo ที่สุด คือ ความรู้สึกเฉียดตายสองครั้งในเวลาไล่กันค่ะ กระโดดจากตึกสามชั้น ที่เป็นหอกระโดดน้ำของมหาวิทยาลัย เราจัดมือกับเพื่อนแล้วกระโดดหอลงมาที่น้ำลึก 5เมตรค่ะ เรากระเเทกน้ำ แล้วจุก เเละเเว่นว่ายน้ำเราตกลงไปที่ก้นบ่อ
เราพยายามกันหายใจเเล้วดำลงไปจะถึงแว่นเเต่ไม่ไหว เกือบขาดอากาศหายใจ ดีที่ขึ้นมาถึงผิวน้ำทันค่ะ เเละสุดท้ายเพื่อนผู้ชายคนนึงดำลงไปเอาให้ เเล้วสุดท้ายเราสองคน ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ❤❤❤❤ มิตรภาพ คือสิ่งที่พิเศษและเราเรียกว่า ความรัก ที่ไม่คิดหวังอะไรตอบเเทนค่ะ 😊 unconditional love 💕
Yoloที่สุด น่าจะเป็นความใจดีของตัวเองค่ะ ใจดีกับทุกๆอย่างถึงจะเสียใจที่โดนใจร้ายมาแต่ภูมิใจและสุขใจมากๆกับความใจดีกลับไป รู้ว่าใครร้ายใส่มาแต่ก็ยังใจดีกับเขา เพราะเขาอาจจะเจอคนใจร้ายมาก่อนหรือพื้นฐานชีวิตเขาเป็นแบบใดแบบหนึ่ง
อยากใ้พี่ๆอัพเดท makeup look ที่ไม่ใช่ everyday look แต่ก็ไม่ได้จัดเต็ม เหมือนวันนี้ค่ะ ไปดูเมคอัพของปีก่อนๆคือไม่เหมือนตอนนี้แล้วง่า ทุกคนสวยขึ้นมากกก
อยากได้แบบเครื่องสำอางที่ใช้ไรงี้ค่ะ
เรื่องที่ YOLO ที่สุดในชีวิตคงหนีไม่พ้น
การเก็บลูกชายไว้ แม้เราจะต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในวัยที่กำลังเรียนอยู่ปี 2 ก็ตาม จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีวินาทีไหนที่เสียใจเลย มีแต่ความสุขและรอยยิ้มในทุกวัน เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่ก็มีลูกให้พิงเสมอ ถึงเราจะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ไม่ได้ แต่เรามั่นใจว่าเราเป็นแม่ที่ดีในแบบของเราให้ลูกเราได้ 😊 หากลูกผ่านมาเห็นคอมเมนต์ของแม่ แม่อยากบอกลูกว่า ขอบคุณที่ลูกเป็นชีวิให้แม่คนนี้มีแรงในยามเหนื่อยและยามท้อและจะเป็นแรงผลักดันให้แม่สู้เพื่อลูกตลอดไป รักลูกครับ ❤
เรื่องที่ Yolo ของตัวเองนั้น ก็คงจะเป็นการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น เราไม่ได้สมบูรณ์แบบ
เราเป็นมนุษย์คนนึงที่จะอ้วนได้ สิวขึ้นได้ หน้าไม่ต้องเป๊ะมากก็ได้ ผิดพลาดให้มันเป็นบทชีวิตบ้างก็ดี พอคิดได้ มันมีความสุขขึ้นมากจริงๆค่ะ แต่ถ้าได้ราวัล BWB มาก็คงเพิ่มความมั่นใจและรักตัวเองในแบบที่เองเป็นได้มากขึ้นแน่ๆค่ะ 😍💕 รักพี่ๆในรายการ Friendsfly ทุกๆคนนะคะ
Yolo ที่สุดคือการที่มีช่วงชีวิตนึงสมัยเรียนมัธยม เแ็นคนชอบอ่านนิยายมากๆ เริ่มอ่านจากเห็นพี่ชอบอ่านแล้วพี่สาวเป็นคนหวงหนังสือนิยายทุกเล่มซึ่งจะต้องเก็บใส่กล่อง รักษาอย่างดี ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าสนุกแค่ไหน จึงไปขโมยมาอ่านค่ะ ขโมยแบบที่อ่านไม่ให้พี่เห็น ค่อยๆจิกมาอย่างละเรื่องสองเรื่อง จนที่สุดถูกจับได้เพราะหนังสือในกล่องหายไปเล่มเดียว แต่มันจำได้หมด หลังจากนั้นก็ขอมันอ่านด้วยและได้อ่านแบบติดต่อกันมานานมากก จุดพีคคืออยู่วันๆนั่งอ่านแล้วคิดอยากมีนิยายของตัวเอง เลยตัดสินใจเขียนนิยายลงเวปซะเลย ปรากฎลองทำเล่นๆ แต่ได้เงินจริงค่ะ ตอนนั้นได้มาเกือบๆ ครึ่งแสน เป็นเงินก้อนแรกที่ภูมิใจมาก และซื้อโทรศัพท์ให้ตัวเองได้ ช่วงนั้นคือ 11promax ออกมาแบบปังๆพอดี 🎉🎉🎉❤❤
🤍🤎 Yolo แรกของเรา คือการที่สูญเสียคุณพ่อ คนที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไป แม่คือหญิงแกร่งที่แบกทุก อย่าง เราใช้ชีวิตแบบสู้กันมาสามสาว กับพี่สาวอีก 1 คน อะไรที่ไม่เคยได้ทำเอง ก็ได้ทำ เพราะเมื่อก่อนมีพ่อทำให้เสมอ อะไรที่กลัว เราต้องกล้าพาตัวเองออกมาเผชิญกับมัน เหมือนทุกครั้งที่พ่อทำ จนตอนนี้ yoloตัวนี้มันทำให้เราเข้มแข็งและพร้อมสู้กับทุกอย่างได้เสมอ 😊
อยากให้พี่ๆมาเปิดกุสกินแคร์แบบไม่สปอยค่ะ หน้าใสมากกกก❤❤❤❤
อยากให้ทำคลิปตอบคำถามแบบนี้สัก ชั่วโมงเลยค่ะ ชอบดู3สามเม้ามาก คลิปสั้นไป😿
แว้บเเรกต้นคลิปร้องดัง ‘เห้ยย!! ตกใจมากพี่ดรีมเคย one nice 5555+ ไม่เชื่อเลยยย สรุปอ่อเรื่องไม่จริง ต้องเรื่องนี้เเน่นอนค่ะ55555😂
Yolo ที่สุดเลยคงจะเป็นการที่เราเลือกที่จะเรียนสาขาศิลปะการแสดงมอแห่งนึงต่อ(ตอนนี้จะจบปี4แล้วคับ) โดยที่ต่อสู้ทั้งการเดินทางไปเรียน ค่าใช้จ่ายจากบ้านไปมอมากมาย โดยที่ก็โคตรจะเหนื่อยแต่ก็ยอมสู้จนมาถึงตอนนี้ ด้วยใจรักในการแสดงด้วย โดยที่ไม่ซิ่วที่จะมาสอบเข้าที่ใกล้บ้าน รู้สึกเราก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย อันนี้เป็นอีกก้าวนึงของชีวิตเลยที่เด็กที่พึ่งจบม.6 แล้วมาเรียนมหาลัยและต้องเป็นหนี้กยศ. ที่จะเรียนจบไปเราจะหาเงินมาใช้ได้ไหม มันโคตรจะท้าทายชีวิตเรามากๆ ว่าเราจะก้าวข้ามผ่านมันไปและวันยังไงที่โคตรยากลำบากเลย
❤
ประสบการณ์ yoloที่สุดในชีวิตเกิดตอนปี4เทอมสุดท้ายค่ะ
ไปดื่มดริ้งกันกับเพื่อน แต่อยู่ดีๆชีก็เกิดความคิด จะขับรถจากเชียงใหม่ไป กรุงเทพ พร้อมกับบอกว่า เพื่อไปหาคนคุย แล้วเราเป็นคนเดียวที่ไม่เมา โดนพวกมันอุ้มขึ้นรถ🤣 ไม่เมาแถมขับรถไม่เป็น เพื่อนอีกคนก็เมาสลบไปละ เหลือคนเมาที่พอขับรถได้สองคนแต่ไม่ฟังอะไรเลย ยังพูดอีกว่า เราจะไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้แล้วนะ ถ้าทำงานไปแล้ว ขับไปเจอด่านตำรวจ แต่เจอตรวจฉี่ แต่ตำรวจไม่สงสัยเรื่องเมาเลย แถมบอกตำรวจว่าไปจัดนิทรรศการ ที่ กรุงเทพ เพราะมีดินหลังรถพอดี สรุปฟ้าสว่างที่อยุธยา มีสติแล้วคิดได้ว่ามาไกลอยากกลับ สุดท้ายขับเข้ากรุงเทพ น้ำไม่ได้อาบไปสยาม เยาวราช เพื่อนอีกคนบินมาหา เพื่อ ขับรถพากลับเชียงใหม่ โชคดีที่มอประกาศหยุดเพราะฝุ่นpm เป็นประสบการณ์ที่จำไม่เคยลืมและยังไม่เคยบอกแม่เลยค่ะ🤣
ทายมาค่ะ เรื่องไหนคือเรื่องจริงคะ !! 😂😂❤❤
เรื่องจริงของพี่ดรีมคือ 1,2 โกหกคือ 3 ค่าาาา
ผมว่าเรื่อง 3 ครับน่าจะเป็นเรื่องโกหก
โกหกเรื่ิอง ons แน่นอน5555
เรื่องที่3 งับ
จริง1, 2. เรื่อง 3 เรื่องโกหก
ใครรักก้อยนัตตี้ดรีมและแก๊งเฟรนฟลายบ้างมาทางนี้❤❤
❤❤❤
❤❤❤❤❤
@@yhav1258❤❤
Yolo ตอนนั้นคืออายุ 25 มีความรักที่ toxic แต่เราไม่เข้าใจเพราะยังเด็ก ไปเที่ยวญป กับบ้านแฟน แต่ตั๋วไม่มี เราเลยต้องบินไปคนเดียวก่อน ซึ่งคืนที่บินคือก่อนวันเกิด ลงเครื่องแบกกระเป๋า ไปนอนรร. แคปซูลคนเดียว(ห้องladies) ตื่นเช้าวันเกิดคนเดียวในต่างแดน แต่สงบแบบทุกวันนี้ยังจำได้เลย ได้นั่งรถไฟไปกินขนมคนเดียว ไปaquarium คนเดียว เป็นปสก.ที่ไม่เคยทำถ้า ผช. ไม่บอกให้นั่งเครื่องไปก่อนสิ(วันนี้โชคดีละที่ออกมาได้) 🙄 ใดๆเปนปสกที่ดีเหลือเชื่อ ผ่านมาจะ10ปียังจำได้ และอยากไปอีก คงต้องรอลูกโตก่อนค่า 😊😊
เรื่อง YOLO ที่สุดในชีวิต คือตัดสินใจหนีออกจากบ้าน(แบบจริงจัง)ตอนมหาลัยปี1 เพราะไม่ชอบคณะที่เรียน แล้วไปหาทำงาน สุดท้ายโดนตามตัวเจอ ที่บ้านเลย YOLO บ้างโดยการตัดสินใจส่งเราไปเรียนต่อตปท.
23:20 ที่พี่ดรีมพูด หนูอยากนำเสนอ ทำหนังสั้น เป็นตอนๆ 7 ตอน เล่าเรื่องชีวิตแต่ละคน และแต่ละเรื่องมีเรื่องราวที่ต่่างกัน น่าสนุกอ่าาา
❤❤❤ น่าสนใจค่าา
Yolo ที่สุดคือเรื่องการเรียนเป็นการตัดสินเรียนเลือกมหาลัย คณะและสาขาที่เรียนเอง จากความชอบแต่ตัวเองไม่เคยมีพื้นฐานในด้านนั้นมาก่อน ก่อนที่จะเข้าเรียนทางครอบคัวก็ถามว่าตกลงจะเรียนที่นี่คณะนี้จริงๆใช่มั้ย เราก็ตอบว่าใช่ เข้าไปช่วงแรกเป็นเกี่ยวกับการรับน้องก็ยังไม่ซีเรียสมากพอกิจกรรมจบเข้าสู่โหมดเรียน พอไปเรียนเพื่อนๆทุกคนคือมีพื้นภาพมาหมด คณะที่เรียนมีการดออิ้งเราที่ไม่เคยฝึก หรือเรียนมาก่อนแต่ก็พยายามทำมันให้ภาพไปได้ แต่มีบางวิชาที่เราไม่เคยทำเลยเราพยายามมากอาจารย์ให้ส่งภายในวันนั้นเราทำไม่ได้ก็พยายามถามเพื่อนแต่เพื่อนก็มีธุระอื่นต้องไปทำ จนเหลือเราอยู่ในห้องคนเดียวพยายามเปิด youtuby ดูว่าทำยังไง พยายามสุดแล้วแต่มันก็ไม่ได้จนนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เรียนไปผ่านไปเดือนเดียวเราเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว มันยากเกินไป จนตัดสินใจบอกพ่อว่าหนูขอไปเรียนคณะอื่นได้มั้ยหนูเรียนไม่ไหวแล้ว พ่อก็บอกว่าไม่ไหวทำไมไม่พยายาม(โทรคุยค่ะ) เราผู้ที่ไม่เคยร้องไห้ให้พ่อแม่เห็นแต่วันนั้นร้องหนักมากก็บอกไปว่าเราพยายามสุดแล้ว พ่อพูดกลับมาว่าถ็าพยายามทำไมมันทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้งั้นก็ไม่ต้องเรียนแล้วก็วางสายไป เราก็พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องแล้วโทรไปหาแม่(พ่อทำงานอยู่ต่างประเทศค่ะ) ก็บอกแม่ไป แม่ก็ฟังจากเสียงน่าจะรู้ว่าเราร้องไห้ แม่ก็บอกไม่เป็นไรไปทำเรื่องซิ่วแล้วทยอยเก็บของ เดี๋ยวไปรับกลับ พ่อก็ไม่คุยกับเรามา 2-3เดือน หลังจากนั้นก็ไปหางานทำเพื่อรอเรียนปีหน้า แล้วก็ได้เรียนมหาลัยใหม่กับคณะใหม่พูดกับตัวเองเองตลอดว่าจะตั้งใจเรียนจะเอาเกียรตินิยมให้ได้จนตอนนี้หนูจะจบปี4แล้วค่ะ เกรดก็อยู่ในเกณฑ์เกียรตินิยม อยากจะขอโทษที่ตอนนั้นหนูพยายามทำให้ไม่ได้แต่ตอนนี้หนูทำได้แล้วค่ะ🥰
เรื่องที่ yolo ที่สุดคือ ตอนนั้นปิดเทอมมหาลัยแล้วไปเรียนซัมเมอร์ที่ลอนดอน อยากไป Warner Bros. Studio Tour London มากๆ (จองไม่เคยทัน) อยู่ๆพักเที่ยงวันนึงกดเข้าเวปเล่นๆ แล้วมีตั๋วหลุดรอบวันนั้นพอดี ตัดสินใจซื้อทันที กับแบตโทรศัพท์ที่เหลือประมาณ50%
เลิกเรียนก็เปิด gps นั่งbusไป สรุปหลงทางไปผิดที่ เกือบไปไม่ทันรอบรถไฟ
พอเดินทางไปถึง ก็เจอคนเกาหลีที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เลยตัวติดกันสลับกันถ่ายรูปกับฉากต่างๆในสตูดิโอ ได้เพื่อนใหม่มา1คน
ความพีคคือรอบนี้จะเสร็จประมาณ3ทุ่ม กว่าจะเดินทางกลับถึงสถานนีรถไฟ(แยกทางกับเพื่อนใหม่ละ) กำลังนั่งรถไฟไปป้ายบัสต่อ แบตโทรศัพท์ก็หมด อยู่กลางลอนดอนที่ไม่รู้ทางด้วย แล้วไม่เคยมาโซนนี้ ร้านค้าก็ปิดเร็วมาก เหลือแค่ร้านหัวมุมบางร้านตอนนั้น4-5ทุ่มละเริ่มเครียด เลยตัดสิน รวบรวมความกล้าไปถามพนักงานซึ่งเดินวนแถวนั้นอยู่นาน มีแต่พนักงานผู้ชาย ถามว่าต้องนั่งบัสเลขอะไรกลับบ้านซึ่งอยู่ไกลมาก(โซน3) เค้าก็พยายามเสิร์ทให้ แต่ว่าเราก็บอกทางไปบ้านไม่ถูกเพราะว่าพึ่งมาอยู่ลอนดอนได้ไม่ถึงเดือน สรุปก็นั่งรถบัสผิดสายอีก ก็ถามพนักงานที่ขับรถบัส เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแย่างนั้นประมาณสามคัน ถึงบ้านตีหนึ่ง รอดตายปาฏิหาริย์โดยที่ไม่มีแบตโทรศัพท์เลย
คิดเลยว่าตัวเองกล้ามากที่ทำแบบนั้นไป จากวันนั้นน่ะก็คิดกับตัวเองมาตลอดว่าสามารถไปได้ทุกที่และในโลกใบนี้ ฉันเก่งมาก ที่กลับถึงบ้านได้แบบไม่มีโทรศัพท์😂
ชอบมากเลยค่ะ อยากให้คลิปยาวกว่านี้ 😭😭😭🤍
❤❤
YOLO ที่สุดของหนูคงเป็นวัย18ปีที่เรียนจบมัธยมมาแล้วเดินทางมาเรียนต่อต่างประเทศด้วยตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องอยู่ด้วย มาอยู่เองคนเดียวแบบ100% พูดแล้วอาจจะฟังดูเป็นเด็กเก่งภาษาแน่เลยใช่มั้ยคะ แต่ตอนนั้นบอกเลยว่าพูดแทบไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่จะถามทางเลยค่ะ😂 ทุลักทุเลลองผิดลองถูกมาจนตอนนี้ก็1ปีครึ่งแล้ว และยิ่งกว่านั้นคือการทำงานส่งตัวเองเรียนค่ะ เพราะทางบ้านก็มีภาระมากอยู่แล้วด้วย จึงทำให้หนูได้พบเจอสังคมใหม่ๆ ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ เจอทั้งคนดีบ้าง ไม่น่ารักบ้าง แต่ก็ต้องขอบคุณตัวเราที่กล้าเสี่ยงในการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการเสี่ยงที่คุ้มที่สุดในชีวิตวัย19กำลังจะ20ด้วยค่ะ อย่างน้อยก็สามารถทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวเราได้ จากเด็กที่อาจจะโตไปเรียนมหาลัยตามหลักสูตรไทยเพื่อมีใบจบปริญญาให้เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่หนูเสี่ยง ที่จะเป็นเด็กที่อาจจะจบช้า หรือไม่จบเลยก็ได้ แต่ออกมาหาประสบการณ์ชีวิตให้กับตัวเอง ให้ตัวเองรู้ว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร แม้ตอนนี้อาจจะยังตอบให้ชัดเจนไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็ทำให้หนูได้ประสบการณ์ที่ไม่มีทางหาได้จากที่ไทยในอายุเท่านี้แน่นอน
ปล.ใครว่าไม่เก่งภาษามาต่างประเทศไม่ได้ ไม่จริงค่ะ มันอยู่ที่ตัวเราเองล้วนๆ ถ้าเราอยากมาจริงๆ มีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่วแน่กับมันมากพอ หนูเชื่อว่าทุกคนจะทำได้แน่นอนค่ะ (ขนาดหนูยังทำได้เลยย! สู้ๆค่ะ✨)
ขอบคุณค่ะ🙏🏻💖
มาแล้วววว❤❤
เรื่องที่ YOLO! ที่สุดสำหรับเราคือ ขอเกริ่นก่อนว่าเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนนึงที่ใช้ชีวิตทางสาย dark แบบสุดโต่งมาก อยู่ๆมารู้ว่าตัวเองตั้งท้องค่ะ ซึ่งอายุครรภ์5เดือนแล้ว!ในขณะที่รู้ตัว ตัดสินใจไปต่อ ตัดขาดเลิกทุกอย่างที่เป็นอบายมุข นั่ง taxiไปฝากครรภ์คนเดียว และใช่ค่ะ ไปคลอดลูกคนเดียวในวัย23ปี!! แต่ก็ผ่านมาได้ จากเด็กเกเรคนนึง ชีวิตไม่มีเป้าหมายไม่รู้ไปทางไหน ตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว :) ออกจากคสพ.toxic ที่อยู่มา7ปี ปัจจุบัน อายุ30ปีแล้วค่า ลูกทำให้เรามีชีวิตมีเป้าหมายที่ดีขี้น เป็นคนที่ดีขี้น และรู้ว่า 1 ชีวิตมันมีค่ามากแค่ไหน❤
❤
l🥺🥺🥺ขอโหวตให้กลับมาทำเสื้อยืดสีชมพูที่พี่ตี้ใส่ถ่ายรูปลงไอจีได้มั้ยคะ ที่มัดผมแล้วติดกิ๊กเยอะๆค่ะ คือเสื้อสีและลายสวยมากกกกกกก นุอยากได้แงงงง 🥺🥺🥺
เรื่องที่คิดว่าตัวเอง YOLO มากที่สุดคือการที่ได้ออกไปเที่ยวคนเดียว คือโดยปกติที่บ้านหวงและเป็นห่วงนี่มากกกกกก ด้วยความที่เป็นน้องสุดท้องก็ยิ่งห่วง ไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยจนปัจจุบันก็ยังไม่ได้ไปไหนเองสักเท่าไหร่ แต่ที่บ้านก็เปิดกว้างมากขึ้น คือช่วงนั้นเป้นช่วงที่หมดอาลัยตายอยากมาก หมดอารมณ์ในการใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน ไม่มีไฟ และไม่อยากตื่นมาทำอะไรเลย เบื่อ นอยด์ไปหมด จนมันจะเฉาตาย เลยรู้สึกว่าต้องไปเที่ยวที่ไกล ๆ (ออกจากเขตที่ทางบ้านอนุญาตด้วย) โดยทีแรกชวนเพื่อนแต่ไม่มีใครไป ด้วยความนี่มีงบที่จำกัดม้ากกกกกก มากจนต้องคิดค่าเดินทาง ค่าอาหาร วางแผนทุกอย่างไว้หมดก่อนที่จะไปแล้ว ทีแรกว่าจะไปเที่ยวตั้งแต่เช้าจนเย็น เที่ยวฉ่ำแบบ 4 ที่ แต่พอถึงวันนั้นจริง ๆ อารมณ์มันก็ยังเหี่ยวเฉามาก ๆ อยู่ จนกว่าจะพาตัวเองลุกออกไปได้ก็จน 4 โมงเย็นแล้ว เลยได้ไปแค่ 2 ที่ เริ่มจากตอนรอรถเมล์มีความรู้สึกว่าเป็นไงเป็นกันวะ แต่พอสักพักนึง ทำไมรถเมล์มาช้าจังนะ แล้วก็รู้สึกผิดกับทางบ้านมาก ๆ เพราะไม่ได้บอกว่าจะไปไหน ปกติต้องรายงานตลอดทุกวันว่าทำอะไร แล้วอากาศร้อนมากกกก รอรถเมล์นานเป็นชั่วโมงเลย แล้วก็นั่งยาว รู้สึกว่ายาวมาก ๆ แบบไม่เคยนั่งนานขนาดนี้มาก่อน พอจะต้องลงเพื่อต่อรถเมล์สายอื่น เดินตาม GPS มาแล้วเลยป้าย นี่ก็เลยเดินกลับไปใหม่ ซึ่งคือเลยมาระยะนึงเลยด้วยนะ แต่พอถึงจุดที่GPS บอก นี่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ ไม่มีป้ายอะไรเลย ปกติรอรถเมล์ต้องมีที่ให้นั่งรึอย่างน้อยต้องมีป้ายเสานึงอ่ะ แต่นี่ไม่มีเลย แล้วนี่ก็คิดว่ารถเมล์จะมาจอดรับคนตรงนี้หรอแบบมันเป็นซอยหมู่บ้าน ไม่ใช่ถนนใหญ่อะไรเลย ก็เริ่มไม่เชื่อ GPS ล่ะ นี่เลยคิดว่ามันอาจจะเปลี่ยนที่รึเปล่าเลยเดินกลับไปที่เดินเลยมาครั้งแรกแล้วเดินไกลมาก จนถึงสี่แยก นี่ก็ยังไม่เจอป้ายรถเมล์ก็เดินข้ามถนนมาเรื่อย ๆ จนเจอคนรอที่ป้ายรถเมล์แล้วค่าาา ตอนนั้นคือดีใจมากกก คิดว่าจะไปถึงที่หมายกี่โมง เนื่องจากมันผิดแผน ที่วางไว้ก็เลยต้องดูใหม่ว่าต้องนั่งรถเมล์สายอะไร การเงินอาจคลาดเคลื่อนเล็กน้อย จำไม่ได้ว่าต่อไปกี่สายถึงมาถึงจุดหมายแรก แต่ก็ถึงสักที พอถึงแล้วรู้สึกดีใจมากกก และหิวน้ำมากก เลยซื้อโกโก้ปั่นกิน อร่อยมาก ๆ เลย T T แล้วก็มีร้านที่อยากมากิน คำนวณตังค์ในเป๋าไว้แล้วว่าพอ เลยเดินหาตาม GPS สรุปคือเดินวนไปมาเดินท่ามกลางแดดร้อน ๆ เพราะหาทางเข้าห้างไม่เจอ นี่เลยแบบหงุดหงิดละ ร้านมันอยู่ไหน สรุปคือมันอยู่ตรงประตูที่เราเข้าไปซื้อโกโก้ปั่นนั่นแหละ แต่ต้องเข้าไปแล้วต้องลงบันไดเลื่อนถึงจะเจอ นี่เลยหิวมากกกกก ที่ร้านคนเยอะมาก นี่ก็เซ็งละ จะต้องรอนานมั้ยเนี่ย แค่เดินหาร้านก็จะแย่ละ แต่ก็รอไม่นานเลย ที่ร้านทำไวมาก เลยได้กินสมใจ แต่ ๆ เดี๋ยวก่อนคือเราซื้อมาแต่ที่ร้านไม่มีที่นั่งนะจ๊ะ เลยต้องหาที่นั่งแถวนั้น เพราะหิวจะกินตอนนั้น คือทั้งวันเราไม่ได้มีอาหารตกถึงท้องเลย โกโก้คือแก้วแรกเลย ซึ่งที่นั่นคนเยอะมาก ที่นั่งทานเต็มหมดทุกที่นั่งส่วนกลาง นี่เลยหาร้านอื่นที่ราคาไม่แรงมาก เพราะจะไปอาศัยกินในร้านนั้น แต่คำนวณตังล่ะ ไม่พอไง เลยกลับมาแถวร้านโกโก้ ตรงนั้นมี KFC แหละแก นี่เลย เออเอาวะมีเเอร์มีที่นั่ง สบาย ๆ โดยการซื้อไอติมไปนั่งกินที่ KFC ถามว่าอายมั้ย ก็อายอยู่แหละ แบบมันควรซื้อไก่เขาไง แต่ตังไม่พอง่ะ ขอโทษษษ แต่จังหวะนั้นคือด้านได้อายอด เพราะมันคือสวรรค์ของแทร่ อากาศดี กินอิ่มอร่อยเลย แต่ก็นั่นแหละกินเสร็จก็ต้องเดินทางต่อ นี่แค่จุดหมายมากินเฉย ๆ จุดหมายจริง ๆ ของเราคืออยากไปดูงานศิลปะ ไปวาดรูประบายสี และก็อยากได้ฟีลนิทรรศการ ซึ่งก็ไกลจากที่นี่อยู่พอสมควรเลย ก็นั่งรถเมล์ต่อ จนได้แหละ มาถึงทางที่เราต้องเลือกว่าจะรอต่อรถเมล์อีกสาย หรือจะนั่งวิน สรุปนี่เลือกเดินไปจ้า แต่งานนี้เริ่มขึ้นไปแล้วสักพัก นี่ก็เลยเร่งฝีเท้า เพราะกลัวงานปิดก่อนอ่ะ เป็นช่วงเกือบ 6 โมงเย็นล่ะ นี่รู้เลยว่าตัวเองไม่เคยเดินผ่านรถไฟฟ้าหลายสถานีขนาดนี้มาก่อน คือนับไม่ถ้วน คือมากกว่า 4 อ่ะ จำไม่ได้ละว่าเท่าไหร่
(ต่อ)
พอถึงซอยก็คือแบตเริ่มจะหมดละ ต้องเดินเข้าซอยในซอยอีกทีนึงอ่ะ คือไกลเลยแหละ และจังหวะนั้นแม่โทรมาจ้า นี่เลิ่กลั่กมากกกกกกเลยไม่กล้ารับ กลัวโป๊ะ แล้วตายเฉียบพลัน แล้วคือโทรมาเรื่อย ๆ หลายสาย แต่นี่ดื้อและใจแข็งสุด ของเหอะวันนี้วันเดียว จนในที่สุดก็มาถึงจนได้ ก็รู้สึกภูมิใจนะที่มาถึงได้อ่ะ แต่แบตเหลือ 2% พอนี่เข้าไปในงาน ปรากฎว่าแบบที่เขาให้ระบายสีฟรีอ่ะ มันหมดแล้ว มีแต่แบบต้องเสียตังเป็นร้อย ซึ่งนี่มีไม่ถึง เลยจบจ้า นี่เดินออกมาจากงานเลยตอนนั้น แต่ก็กลับเข้าไปใหม่เพราะแบบเราเดินทางมานานมากนะ และยากลำบากมากด้วยเดินมานานแค่ไหนถามใจดู งั้นนี่เลยไปดูภาพศิลปะที่เขาโฆษณาไว้ก่อนดีกว่า เลยไปหาปรากฎว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้อีกแล้วอ่า คือนึกว่าจะมีงานวางเรียง ๆ เยอะ ๆ จัดเป็นโซน ๆ ไว้ แต่เปล่าเลย มีแค่ไม่กี่รูปตรงทางเข้าห้องน้ำ กับงานประดิษฐ์เล็กน้อย นี่เลยแบบเห้อออออ งั้นไปเดินดูกิจกรรมที่เขาเสียตังกัน แค่ไปเดินดูเท่านั้น ไปรับบรรยากาศ ก็มาโซนนึงที่เราชอบพอมากเลย เป็นโซนน้ำหอม แต่กลิ่นเอง คือแค่ได้กลิ่นก็รู้สึกดีละอ่ะ เลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ๆ อยู่อย่างนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็เดินออกมา ถึงเวลากลับบ้านแล้วสิ จะเถลไถลนานกว่านี้ไม่ได้ล่ะ เพราะมันจะดึกอ่ะดิ เดะที่บ้านโทรถามว่าอยู่ไหน โป๊ะแน่นอน เลยเดินเท้าออกจากซอยนั่นมาแล้วข้ามสะพานมาอีกฝั่งเพื่อนมารอรถเมล์กลับทางเดิม แต่ ๆ มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ แบตที่บอกอ่ะมันจะหมดอยู่ร่อมร่อ กว่ารถเมล์สายที่เราต้องการจะมาคือเหลือ 1% แล้ว คือแน่นอนว่าหลายจังหวะเลยที่แม่ยังโทรมาตลอด ๆ คือเกร็งไม่ไหว ตื่นเต้นว่าจะแบตหมด หรือแม่จะรู้ก่อนว่าเราแอบหนีเที่ยว แต่คือนี่ต้องปิดเน็ต ปิดแบบทุกสิ่งทุกอย่าง เปิดโหมดประหยัดขั้นสุดแล้วนะ ตั้งแต่เหลือ 4% แล้ว แต่พอขึ้นรถเมล์ไปสักพักมือถือก็ดับจนได้จ้า ใช่ค่ะ แบตหมดจริง หมดจัง ดีที่นี่วางแผนใหม่จำว่ารถเมล์สายที่เราต้องขึ้นต่อไปคืออะไร จำได้แม่น แต่ลืมไปว่าต้องขึ้นฝั่งไหนเนี่ยสิ โอ้ยยย ละตอนลงคือลงตรงสะพานด้วย ทีนี้เอาไงดีล่ะ น้ำก็หิวอ่ะ ก็เลยซื้อน้ำก่อน พอดีตรงนั้นมีขาย แล้วก็ดูฝั่งนี้สักพักไม่น่าจะใช่เลยข้ามสะพานไปอีกฝั่งนึง ไม่รู้ว่าจะรีบอะไร คือมันรนไปเองอ่ะค่ะ มือที่ถือขวดน้ำหล่น ไปตอนเดินลงสะพาน โชคดีที่คนที่ยืนรอรถแถวนั้นไม่บาดเจ็บ ไม่มีใครโดนขวดน้ำเจ้าปัญหานั่น นี่ก็ตกใจมาก รีบลงไปขอโทษคนแถวนั้น แล้วเราก็ต้องยืนรอรถเมล์ตรงนั้นด้วยไง ก็กินน้ำแก้อายไปเลยสิ ฮือออ แต่ถือว่ารอไม่นาน มั้ง คือไวกว่าสายที่เรารอมาทั้งวันอ่ะ ทีนี้ก็โล่งใจขึ้นมากล่ะ เพราะสายนี้จะไปจอดที่หน้ามอเราพอดี อ้อเราอยู่หอในน่ะ แต่ว่าความเราต้องนั่งยาวม้ากกกกกกกกกกกกกกกก และต้องยืนเพราะคนเต็มรถเมล์เลย แบบแน่นแอ่ก ขนาดยืนอ่ะเรายังหลับได้เลย กลัวเลยป้ายเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่ามันจะนานก็เหอะ แต่กลัวเราหลับนานกว่าไง พอมีคนลงเราก็ได้นั่ง ทีนี้ก็หลับยาววว แบบยาวอ่ะ ตื่นมารอบนี้คือตกใจมาก คนเริ่มน้อยลงละ แต่ก็ยังมีคนยืนเยอะอยู่ เราไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วเลยลุกไปถามกระเป๋ารถเมล์ พี่เขาบอกว่ายังไม่ถึงค่ะ ถึงแล้วจะบอกนะคะ นี่คือดีใจมากที่พี่เขาจะเตือนเรา แต่ที่นั่งเราถูกคนอื่นนั่งไปแล้ว แต่ก็ไม่แปลกเพราะเขาคงคิดว่าเราน่าจะใกล้ถึงเลยลุกขึ้น สรุปคือพี่กระเป๋าบอกยังไม่ใกล้เลยค่ะ ยืนหลับสัปหงกอีกนานนนนนน จนตื่นขึ้นมาแล้วจำทางได้ล่ะ เพราะใกล้ถึงแล้ว แต่ด้วยความที่มันค่ำแล้วเลยง่วง ก็ยังคงหลับและสัปหงกทุกซอยเลย เป็ยความง่วง+กังวลว่าจะเลยป้าย แต่สุดท้ายก็ไม่เลยจ้า ถึงหอเป็นเวลาสัก 3 ทุ่มกว่าได้ กลับมาอย่างแรกคือชาร์จแบตเลย แล้วก็เช็คว่าแม่โทรมา หรือพิมพ์ข้อความมาเยอะมั้ย คิดว่าไงล่ะ หึ โดนแม่งอน 3 วันอ่ะ5555555(T^T) โจ้บบบบบบ
สู้ ๆ นะครับ พี่ ๆ ทั้ง 3 และหวังว่าจะได้มีโอกาสเจอพี่ ๆ นะครับ
❤❤❤❤❤
คุณนัตตี้คลิปนี้สวยมากกกกก แบบออร่าสุบๆๆๆๆๆ😍🥰
❤❤❤❤❤
Yolo ของเราคือการออกไปติ่งคนเดียวครั้งแรกค่ะ 555555555 เราเป็นคนเดินทางไม่เป็นไปนู้นนี้ไม่ค่อยถูกกลัวหลงกลัวคนงี้ แต่ช่วงนั้นเหมือนเริ่มปรับชีวิตเป็นวัยทำงานแล้วรู้สึกว่าเฮ้อชีวิตมันไม่สนุกเลยอะทำงานวนๆลูปๆเสาร์อาทิตย์นอนเป็นผัก จริงๆเราชอบฟังเพลงชอบศิลปินอยู่แล้วแต่แบบไม่ได้มีโอกาสไปตามเท่าไหร่ ช่วงนั้นเป็นความรู้สึกว่ามันต้องหาอะไรฮีลใจตัวเองอะ เลยตัดสินใจที่เหมือนออกเซฟโซนสุดๆแล้วตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้ก็ค้นพบว่าไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวก็แฮปปี้ได้ เย่ ขอบคุณ TRINITY ที่ทำให้เรากล้าเดินทางกล้าออกมาหาความสุขด้วยตัวเองได้ 🙌💖
เรื่องที่YOLO คือการที่เราได้ไปทำงานที่นึงและได้เจอผช.คนนึงทั้งๆที่ในชีวิตไม่เคยอยากมีใครและไม่อยากให้ใครเข้ามาจีบอยากจีบด้วยตัวเองแต่แล้วผช.คนนี้ก็เข้ามาจีบเขาตามจีบและที่พีคสุดคือเค้าเป็นมะเร็ง ตอนแรกช็อคและตกใจ แต่ด้วยความที่เราขี้สงสารถ้าเราไม่รับรักหรืออะไรเค้ากลัวเค้าคิดมากและกลับไปแย่ ตอนนั้นก็อยู่ข้างๆมาตลอดและพีคไปกว่าเค้ามีลูกที่ตอนนี้อายุ16ปีแล้วตอนแรกกลัวว่าจะเข้ากันไม่ได้หรือเค้าจะไม่ชอบ แต่เราก็ทำทุกอย่าง พาไปเที่ยว อยากให้เค้ารับรู้ว่าเราหวังดีกับพ่อและตัวเค้า จนตอนนี้ไม่มีเรื่องกังวลในหัวแล้วค่ะน้องน่ารักมากๆ และพีคอีกอย่างแม่จะให้เลิกพอรู้ว่าเค้ามีลูก แต่ตอนนี้ก็หมั้นมา1ปีแล้วค่ะซึ่งตอนแรกแม่ไม่รู้ เนื่องจากเราไม่ได้บอกแค่แรกแต่เรารับรู้มันคงผิดที่เราไม่บอกเค้าก่อน และเค้าก็ให้เราคิดเอาเอง ซึ้งตอนนี้ก็ยังคงคบกันอยู่ค่ะ หนูคอดว่าชีวิตคู่มันอยู่ที่เรา2คน ส่วนแม่และครอบครัวเข้าใจว่าเป็นห่วง หนูรู้สึกว่าเห่ยหนูไม่ได้ทำอะไรผิด เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด การให้โอกาสสำคัญที่สุด ถ้าทุกคนคิดว่าคนที่มีลูกแล้วเราไม่ควรเอาเข้ามาในชีวิตแล้วเค้าจะไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่เลยหรอ หนูดีใจที่หนูเลือกที่จะไม่ทิ้งเค้าและรับในสิ่งที่เค้าเป็นได้ เพราะคนทุกคนไม่ได้คิดแบบหนู แม่กระทั้งแม้ เพื่อนสนิท
เรื่องโกหกดรีมมมน่าจะะะวันไนท์แน่ๆ ขำมากกก🎉🎉😂❤
😂😂
14:33 เอออออ ใช่พี่เอพริล ab queen มั้ยน้า หน้าคุ้นมากก