The Buddha was born in 623 BCE and died in 543 BCE. Mahavira was born in 599 BCE and died in 527 BCE. The Buddha is 24 years older than Mahavira. When the Buddha attained enlightenment, Mahavira was 11 years old.
Regarding what you wrote, tell me. Isn't it true that anything written about Buddha was at least 200 years to 300 years after his death? For that matter, the same also applies to Mohammad, too, that there are no written records immediately following their deaths.
Buddhism is not Jainism. Buddhist believe that the Buddha was born in 623 BCE and died in 543 BCE. Jains believe that Mahavira was born in 599 BCE and died in 527 BCE. The Buddha is 24 years older than Mahavira.
When the Buddha attained enlightenment, Mahavira was 11 years old. Mahavira taught that the soul exists, a premise shared with Hinduism but not Buddhism. There is no soul (or self) in Buddhism, and its teachings are based on the concept of anatta (non-self). Mahavira taught that the soul is dravya (substantial), eternal, and yet temporary . To Mahavira, the metaphysical nature of the universe consists of dravya, jiva, and ajiva (inanimate objects). The jiva is bound to saṃsāra (transmigration) because of karma (the effects of one's actions). Karma, in Jainism, includes actions and intent; it colors the soul (lesya), affecting how, where, and as what a soul is reborn after death.
According to Mahavira, there is no creator deity and existence has neither beginning nor end. Gods and demons exist in Jainism, however, whose jivas a part of the same cycle of birth and death. The goal of spiritual practice is to liberate the jiva from its karmic accumulation and enter the realm of the siddhas, souls who are liberated from rebirth. Enlightenment, to Mahavira, is the consequence of self-cultivation and self-restraint.
About the death cycle and the birth, about of karma, about Nirvana That most Buddhists (Thai) believe is the same as the belief of Jainism If these 3 things are believed to be the Truth, then there is no need for a Buddha. If karma determines everything, it is not necessary to teach The Four Noble Truths. If the cycle of death occurs for countless lifetimes, then there is no need to teach the The Four Foundations of Mindfulness. If Nirvana is the spiritual realm, then there is no need to teach the about impermanent, subject to suffering, non-self (the Three Characteristics). Jainism would have been more prosperous and acceptable for to day. The thing that the Lord Buddha taught was to attain life At present good deeds for the liberation of the the Threefold Training is to purify oneself. The cycle of life is the mind that Birth and death in the mind every day. Hell-Heaven-World-Landscape On the inside can be not found as a place outside Unable to compute with the brain Must act correctly, have attitudes, know with the insight wisdom. Most people are ignorant and wrong. If he had a little inkling he would understand what this said. Sadhu 🙏
🙏ทั้งสองพระองค์ ไม่เคยพบกันซึ่งหน้า จะมีก็แต่ทางมหาวีระ ส่งลูกศิษย์ไปท้าท้ายปัญหากับพระพุทธเจ้า ซึ่งลูกศิษย์ที่ส่งไปแต่ละคน ก็กลับใจมานับถือพุทธทุกคน เชน คือ ศาสนาที่เน้นการทรมานตน แบบสุดโต่ง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประณามไว้ว่า“ อัตตกิลมถานุโยโคทุกโข“ สุดท้าย มหาวีระกระอักเลือดตาย เพราะแค้นใจลูกศิษย์ทิ้งตนเองไปนับถือพุทธ ท่านทั้งหลายลองวิเคราะห์ดูนะครับว่า ขณะดับจิตลงด้วย โทสะนี้จะมีคติภพเป็นที่ใด?.🙏🙏🙏💕💕🌸🌸
แล้วก่อนหน้าบอกว่าบำเพ็ญ12ปีจนบรรลุคล้ายนิพพานทางพุทธล่ะครับ
ใครๆก็อวยของเอง
สายกลางทางของพระพุทธเจ้านั้น..ดูสวยงามเรียบง่าย🙏❤️ ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใครไม่จำเป็นต้องโดดเด่น ถ้าชนะใจตัวเราเองได้ย่อมชนะทั้งปวง
ชาวพุทธทั้งหลาย..จงภูมิใจที่เราได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เป็นบุญอันใหญ่หลวง จงมั่นทำความดีเพื่อเป้าหมายอันสูงสุด คือ การหลุดพ้น สาธุ...
ส่วนคำสอนของศาสนาเชน เป็นการปฏิบัติของนักบวชแบบสุดโต่ง (อัตตกิลมถานุโยค) ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ซึ่งศาสดาของเราก็ได้บำเพ็ญมาแล้ว 6 ปีไม่มีใครทำแบบสุด ๆ ได้เท่าพระองค์ ฉนั้นการปฏิบัติของพุทธ เน้นการเดินสายกลางคือ มัชฌิมาปฏิปทา
พระพุทธเจ้า คือ มหาศาสดาโลก
ใครจะเป็นยังไงก็ชั่งเขา..แค่เราประพฤติชอบ
ในพระธรรมธรรมคำสอน ก็เพียงพอแล้ว
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ😇😇😇
นี้ต้องคิดแบบนี้
อย่างหลุด ศาสดาโลก
ຄຳສອນຂອງພຮະພຸດທະເຈົ້າສາມາດເຫັນຄວາມເປັນຈິ່ງ ແລະ ອອກຈາກທຸກໃດ້
เวลาตายไป แล้วเค้าช่วยอะไรได้หรอ
@@iz-dle4856 เวลามีชีวิตอยู่ตอนนี้คุณทำอะไรช้วยไครหรือยังครับ เลี้ยงดูพ่อแม่รึป่าว
๓๒.สัพเพ สัตตา พระพุทธเจ้ามหาศาสดาเอกของโลกตลอดกาลฯเกิดไม่ทันครับ เอาตามผู้เล่าครับ ตามที่เคยเรียนมา สุดท้ายก็หันมานับถือพุทธศาสนาครับ🙏🙏🙏👍👍👍👍👍💖💖💖💖💖แกล้งไปแกล้งมา สุดท้ายโดนธรณีสูบหมดครับ👌👌👌👌👌
พระพุทธเจ้าสอนทางสายกลางเป็นทางที่ประเสริฐที่สุด เป็นบุญของเราที่เกิดมาเป็นชาวพุทธ
สอนปฏิบัติอย่างเป็นกลาง(มัชฌิมาปฏิปทา)ไม่ได้สอนเรื่องทางสายกลาง(มัชฌิมมรรค)
ทางสายกลางเป็นการตู่เอาเองจากเรื่องพระอินทร์มาดีดพิณ3สาย เพื่อเปรียบเทียบ
ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์ครับ
Aikwee Taecholarn ใครเป็นคนคิดเรื่องพระอินทร์ครับ?
ไม่มีคนคิดเห็นด้วยตาสาวกที่ปฏิบัติได้ก็มีคนอื่นเห็น ถ้าคิดมันคือเรื่องอุปโลกแต่งขึ้น เหมือนอิสลาม@@chatzaoverwatch7681
ไม่มีใครยิ้งใหญ่กว่า พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
แค่พระเรวะตัดมหาวิระยังสู้ไม่ได้เลย
แล้วยุคสมัยนี้อยากรุ้จังว่าศาสนาเชนยังมีอยุ่รึป่าวแล้วเขานุ่งผ้ากันมั้ยเพราะศ.เชนต้องไม่ใส่เสื้อผ้านี่นะตามคริปเล่า
@@passaraparnkrajangpoom4219 ยังมีอยู่ในอินเดีย บางพวกก็หันมาใส่ผ้าก็มี บางพวกแก่ผ้าก็มี
พระเยซูยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าเยอะ เป็นศาสดาเอกของโลก คนนับถือเกินครึ่งโลกหรือกว่า 57% พุทธมีแค่ 6%
IZ-DLE เอาจำนวนคนนับถือมาเปรียบเทียบไม่ได้
สมัยก่อน คริส ก็เหมือนๆกับอิสลามสมัยนี้นี่เอง
เคยได้ยินคำว่า "บังคับเข้ารีตใหม " ส่วนพุทธ
ไม่เคยบังคับให้เชื่อ ไม่เคยบังครับให้นับถือ
สาธุ..เชื่อครับว่าเป็นจริง.ตามนั้นครับ.เพราะแนวทางของพระพุทธเจ้า.นำพาให้ผู้ปฏิบัติดี.ไปถึงซื่งพระนิพพาน หลุดพ้นได้จริงครับ.
ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระพุทธองค์ คิดว่าท่านมหาศาสดาพระพุทธเจ้า จะต้องสื่อสารกันทางโทรจิตแล้วพบสนทนาธรรมแน่นอน เพราะพลังจิตมีพลังมาก เหล่าเทวดาทั้งหลายจะต้องดนจิตดนใจแน่นอน
พระพุทธเจ้าน่าจะต่อยอดมาจากศาสนาเชนว่าการปฏิบัติแบบนั้นไม่ใช่การพ้นทุกข์ที่แท้จริง จึงค้นพบทางสายกลาง
สมดุลแห่งเต๋า
เชนตึงเกินไป คนเข้าไม่ถึงยากต่อการปฏิบัติ ลองดูสิเดินแก้ผ้ากลางถนนคนเห็นก็ว่าบ้า
แม้กินยังยาก
ตัองรับอาหารใส่มือเพื่อกินเท่านั้น
ใช้ภาชนะไม่ได้เลย
ถ้าออกบวชกันทังเมืองคงน่าดูน่าชมเชียวครับ ว่าแต่สาวๆออกบวชได้รึไม่น่าสนใจไม่น้อยครับผม อิๆ
@@apisentangthonglang1936 ได้ครับ ศาสนาเชนมีสองนิกาย 1.นุ่งลมห่มฟ้า แก้ผ้าน่ะแหละครับ 2.ใส่ชุดขาว ซึ่งผู้หญิงจะสามารถบวชในนิกายที่2เท่านั้นครับ
ลองแล้ว ตำรวจจับ นอนคุกหลายเดือนเลย ไม่ไหวตึงไป
ผู้ใดที่ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไปแล้ว คนผู้นั้น ก็ย่อมบรรลุนิพพาน. ถ้ายังไม่บรรลุ ก็แสดงว่า ยังตึง/หย่อนกันอยู่.
... ลองถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ บรรลุแล้วหรือยัง?
ศึกษามาทุกศาสนา ชอบพุทธมากสุด เพราะคำสอนทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่คนในศาสนาชอบทำให้เสื่อม สาเหตุก็เพราะ”ศาสนาเราไม่บังคับใคร”🙏🏻💕
ใช่ค่ะ ไหว้เทพรวมๆก็มีไหว้ทุกอย่าง ขอพรทุกเทพใส่มาทุกแมทช์
นรก สวรรค์ เกิดมาได้ยังไงหรอ เล่าให้ฟังหน่อย
@@iz-dle4856 มันเป็นธรรมชาติครับ มีอยู่แล้วไม่ใช่ศาสนาพุทธเป็นคนสร้างนรกสวรรค์นะครับ พระพุทธเจ้าสอนว่าสิ่งพวกนี้เช่นเราเกิดมากี่ชาติแล้ว นรกสวรรค์สร้างมาได้อย่างไร เป็นต้นเป็นคำถามที่เสียเวลาครับ ควรศึกษาคำสอนดีกว่านะครับ
@@arshavin8972 รู้ได้ไงว่ามีอยู่แล้ว
@@iz-dle4856 ไมม่ีการเกิด ไม่ต้องมโน นรกสวรรค์เป็นธรรมชาติ
หลายคนเข้าใจศาสนาตัวเองอย่างผิวเผิน แล้วเชียร์ศาสนาตัวเองเหมือนกับแฟนบอลกำลังเชียร์ทีมฟุตบอลที่ตัวเองชื่นชอบ ลองเอาไปคิดให้ดีว่าคุณทำอะไรกันอยู่
จริงเลยครับ
เรื่องที่ว่าอหิงสาแล้วจะไม่ใส่ร้ายนี่ฟังแล้วไม่มีน้ำหนักเลย การทำลายพระพุทธเจ้าก็เหมือนการกำจัดคู่แข่งเพื่อลัทธิของตัวจะได้รับความนิยม เป็นแรงจูงใจที่น่าจะมีน้ำหนัก จะเอาข้อวัตรปฏิบัติว่าไม่ฆ่าสัตว์มาอ้างว่าไม่ฆ่าสัตว์คงไม่ใส่ร้ายทำลายพระพุทธเจ้ามันคนละเรื่อง
เชนเป็นแค่ลัทธิชีเปลือยแค่นั้นเทียบกับพระพุทธเจ้าไม่ได้หรอกเพราะเชนหลุดพ้นไม่ได้
ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าพระพุทธเจ้าจะกำจัดคู่แข่งแบบนั้นด้วยมั๊ยล่ะ
เป็นไปไม่ได้ใช่มั๊ย
ดังนั้นมหาวีระก็ย่อมทำไม่ได้เช่นกัน
เพราะท่านถือศีลหนักกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก
นั่นแหละวิธีคิดง่าย ๆ เข้าใจยัง
@@คาปูชิโน่ไม่หวาน ถ้าจะยกเรื่องศีลมาย้อน ต้องถามก่อนว่าศีลคืออะไร ศีลแปลว่าอะไร ส่วนที่บอกว่ามหาวีระถือศีลมากกว่าพระพุทธเจ้านั่นมิจฉาทิฐิเลอะเทอะ
ในพระไตรปิฎก มีบาลีในบ้างช่วงบางตอนที่บงบอกถึงว่า พระพุทธเจ้ากับมหาวีระได้พบกันในตลาด
โดยพระพุทธเจ้าได้มากับพระอานนท์ และมหาวีระก็ได้มากับศิทษ์ของท่าน ในระหว่างนั้น พระอานนท์ได้มองเห็นมหาวีระ จึงได้บอกกับพระพุทธเจ้าว่า นั้นมหาวีระเจ้าลัทธิเชนก็มาด้วยอยู่ตรงโน้นพระเจ้าข้า แล้วสักครู่ ศาสดาทั้งสองก็เดินมาถึงกัน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินสวนผ่านกันไป ก็ได้มีการทักทายกันเล็กน้อยตามมารยาท แล้วก็เดินสวนผ่านกันออกไป...
พระอานนท์ถามพระพุทธเจ้าว่า มหาวีระเป็นพระอรหังเหมือนพระพุทธองค์หรือไม่ คำสอนของมหาวีระทำให้คนเป็นอรหังได้หรือไม่ ลัทธิเชนทำให้คนเป็นอรหังได้หรือไม่...
พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า ศาสนาพุทธเท่านั้นที่พาคนออกจากกองทุกข์ได้ คำสอนของพระพุทธองค์เท่านั้นที่พาคนออกจากกองทุกข์ได้ นับจากนี้ไป อีกห้าร้อยปี มหาวีระจะกลับมาเกิดใหม่ และจะเข้ามานิพพานในศาสนาของเรา..
อรหันต์ปะ ใช้ให้ถูกดิภาษาไทยอะ
สาธุครับได้ประดับความรู้
@@toonz6xnin9 อรหังคือภาษาทางบาลีทางมครอรหันต์คือภาษาไทย
มุกดา มุกดา ใช่ครับพิมพ์ตามคำบาลีในไตรฯ
ขนลุกครับ ....
อาจารย์เจ้าลัทธิทั้ง 6 ร่วมสมัยกับ ศาสนาพุทธ
1 นิครนธ์ นาฏบุตร
คำสอน คล้าย ศาสนาพุทธ
หากเเต่ว่า การปฏิบัติ มิใช่ทางเดียวกัน
2มัคขลิ โคสาร
คำสอน สิ่งทั้งหลายไม่มีปัจจัย ไม่มีบาปบุญ ไม่มีดีชั่ว
3 สัญชัย ปริพาชก
คำสอน ทุกสิ่งทุกอย่าง อาจมี หรือ ไม่มี
4 ปูรณะ กัสสปะ
คำสอน ทำดีชั่ว ไปก็เท่านั้น ไม่มีผลอันใดตามมา
5 อชิตะ เกศกัมพล
คำสอน เชื่อว่า มีบาปบุญ สังขาราประกอบธาตุ4 ตายไปไม่มีการเกิด ไม่มีการ ชดใช้กรรม
6 ปกุธะ
คำสอน เชื่อว่า สิ่งทั้งหลายบนโลก เที่ยงเเท้ ไม่มีเปลี่ยนเเปลง ตายไป ชาตินี้ เป็น ใคร ชาติหน้า เป็นเช่นนั้น เที่ยงเเท้
อ้างอิงจาก พรหมชาลสูตร ธรรม ของศาสนาเหล่านี้ ทำได้เพียง ถึงชั้นพรหม อรูปพรหม 16 เท่านั้น ไม่ถึงนิพพาน เนื่องจากเป็นการบำเพ็ญ การให้ถึง ฌาณ ไม่ใช่ สมาธิ
สำนักสัญชัย มีศิษย์เด่นๆจะเรียกตัวท็อปเลยก็ได้ 2 คน อุปติสสะ โกลิตะ แล้วสองคนนั้นก็มาเป็นอัครสาวกเบื้องขวาเบื้องซ้ายกับพระพุทธเจ้าของเรา คือ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ เมื่อพระสารีบุตรพบพระอัสสึชิ แสดงธรรมแล้วบรรลุโสดาบันไปบอกพระโมคคัลลานะก็บรรลุตาม ทั้งสองกับบริวารว่าจะไปบวชในสำนักพระพุทธศาสนาก่อนไปก้เชิญอาจารย์ไปด้วย แต่อาจารย์ปฏิเสธ
เยี่ยมครับ
@@madarauhiha2312 ก็เพราะว่า สัญชัยนั้น พูดว่า หากพวกเจ้าจะไปนั้น ก็ไปกันเถิด ไปหาความฉลาด ทำให้คนฉลาดเถิด ส่วนข้า จะอยู่กับคนโง่เขลานี่ เอาง่ายๆ ถ้าอยากไปอยู่กับคนฉลาด ก็ไปซ่ะ ไม่มีการสักการะ อะไร ไม่มี สิ่งของ เพราะว่า มันฉลาด ส่วนข้าจะอยู่กับคนโง่ เพื่อ ลาภสักการะ
ไม่เข้าถึงนิพพาน เพราะไม่ใช่สมาธิ่ที่ไหน ไม่เข้าถึงนิพพานเพราะไม่ใช้ปัญญาต่างหาก ถ้าไม่ใช่สมาธิ คงไม่ใช่พรหมแล้วละ เพราะพรหมหลัก ๆ เลย คือ ฝึกสมาธิจนได้ณาน พอได้ชาญ เลยมีปิติคือยินดีในสมาธิของตัวเอง ไม่มีเครื่องเกาะเกี่ยวให้ต้องกังวล ถ้าพรหมจะเข้าถึงนิพพาน พรหมต้องใช้ปัญญาเพื่อให้เห็นอริยสัจจะ 4 ถึงจะเข้าถึงนิพพานได้ สรุปคือใช้ปัญญา ไม่ใช่สมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิ คงเป็นได้แค่เทวดาชั้นกามมาพจรนั้นแหละ มาชั้นะพรหมไม่ได้หรอก
@@carddeathhunter9306 มั่วแล้ว เขาถามว่า ในโลกนี้คนฉลาดกับคนโง่ คนแบบไหนมีมากกว่ากัน สองคนตอบว่าคนโง่มีมากกว่า คนฉลาด อาจารย์เลยบอกให้ศิษย์ทั้งสองไปเฝ่าพระพุทธเจ้าเถิด ส่วนท่านจะขอรอรับคนโง่อยู่ที่เดิม ต่างหาก อาจารย์ไม่ได้อยากฉลาดเหมือนลูกศิทษย์ แค่นั้นแหละเขามีตรรกะของเขา
พระพุทธเจ้าไม่เคยเจอมหาวีระ แต่พระพุทธเจ้าเคยศึกษาศาสนาเชนมาก่อน แต่ท่านใด้คำตอบว่าไม่ใช่ทางออกแห่งการพ้นทุกข์..
พระมหาวีระเป็นคนละคนกับนิคลนาตบุตร เพระว่าสาวกอาจจะเชื่อปฎิบัติตนตามศาสดาของเขาอย่าเคร่งครัด เลยทำให้สาวกต่างจึงยกย่องให้สูงกว่าสาวกคนอื่น และให้ความสำคัญกับศาสดาของเขา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประเสริฐสุดแล้ว หามีพระเจ้าใดเสมอเหมือนได้
ฟังแล้วก็รำคาญใจครับ
เฉลย ให้ฟังนะครับ
พระมหาวีระ ก็คือ...
ก่อนอื่น ขอเท้าความถึง อาฬวะกะยักษ์
ก่อนนะครับ
อาฬวะกะ แปลว่า ยักษ์ผู้มีผ้าวิเศษ
กะ แปลว่า ยักษ์ ใหญ่ ตะกละ พระอินทร์ ด้วยกับ ฟ้า กินคน กินดิบๆ
โดยมากจะแปลว่ายักษ์ หรือ ใหญ่
อาฬาระดาบส
อาฬะ ผ้า
ระ วีระ สละ ละว่าง
ดาบส นักบวชพวกฤาษี ชีเปลือย
อาฬาระดาบส นักบวชผู้เอาชนะ(ละว่าง)ผ้า...
จึงได้ชื่อมหาวีระ ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่
ชนะอะไรครับ ชนะความอาย ครับ
คำถาม คุณ กล้าแก้ผ้าเดินกลางถนนที่ชุมชนไหมครับ..555
ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ทรงระลึกถึงอาจารย์ท่าน คือ อาฬารดาบส อุทกดาบส ทรงรู้ว่า เพิ่งจะตายไปเกิดในพรหมโลก
ตอนมหาวีระ ตาย ลูกศิษย์ว่าเป็นวันเดียวกับ ศิษย์ ท่านตรัสรู้ ก็คือพระพุทธเจ้า นั้นละครับ
ซึ่งโดยตรรก แล้วมันจะเป็นความจริงทั้งสองฝั่งสองฝ่ายครับ
ซึ่งคนในยุกค์นั้นย่อมรู้ดี และในฝ่ายพุทธเราก็ ไม่ค่อยจะกล่าวถึง ประวัติ อาฬาระดาบส มากนัก เพราะในยุกค์นั้น
เป็นอันว่ารู้กันว่าอะไรเป็นอะไร ก็เลยไม่เอ่ยถึง....
เหมือนเดิมครับ
อ่าน ดูคลิป สสปัณฑิตะชาดก
แล้ว หารูปกระต่ายกำก้อนข้าว(ในความหมายว่าให้ทาน)ไว้ ให้ได้นะครับ
ถ้ายังมองไม่ออกก็อย่ามาแย้งผมนะครับ..555
It's wrong I don't believe.
@@TheBuddhaWasBornBeforeMahavira up to you
คำสอนเกือบคล้ายกัน ข้อเเตกต่างคือมหาวีระจะสุดโต่ง เเต่พระพุธเจ้าจะใด้เดินสายกลางเเละยังยึดถือศิลอยู่
สมดุลแห่งเต๋า☯️
The Buddha was born in 623 BCE and died in 543 BCE.
Mahavira was born in 599 BCE and died in 527 BCE.
The Buddha is 24 years older than Mahavira.
When the Buddha attained enlightenment, Mahavira was 11 years old.
Buddist era 2563 in today is 543+2020=2563
Regarding what you wrote, tell me. Isn't it true that anything written about Buddha was at least 200 years to 300 years after his death? For that matter, the same also applies to Mohammad, too, that there are no written records immediately following their deaths.
พระปารศวนาถ เกิด 800 BCE จบเกมเลย มาก่อน สอนก่อนทุกคน
สมาธิกับการบำเพ็ญตบะไม่เหมือนกัน สมาธิเป็นการปล่อยและควบคุม แต่ การบำเพ็ญตบะเป็นการคุม แต่ ไม่ปล่อย การทำสมาธิเป็นการ ควบคุมทางจิตไปสู่กาย แต่การบำเพ็ญตบะเป็นการควบคุมกาย เลยทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ความทุกข์
พอคำถามนี้ลอยเข้ามาในหัว ก็เลยลองพิมพ์หาในกูเกิ้ล แล้วคลิปนี้ก็ลอยมาพอดี
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
เห็นมีอาจารย์ท่านนึงเคยบอกว่า ใน พระไตรปิฎก มีตอนนึงพูดถึงพระสารีบุตรกล่าวถึงพระมหาวีระด้วยนะ แต่เนื้อความที่กล่าว จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร
ใครจะเชื่ออะไร ก็เป็นเรื่องของความเชื่อ มันก็ถูกอยู่นะ แต่ไม่เป็นประโยชน์
ความจริง มีเพียง1 ไม่ว่าคนตาดีจะบอกว่าพระอาทิตย์มีจริง คนตาบอดจะบอกว่าไม่มี
ก็ไม่ใช่ว่าใครจะเชื่ออย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ถึงคนตาบอดจะเชื่อว่าพระอาทิตย์ไม่มี แต่ความจริงมันก็จะค้านกับสิ่งที่เขาเชื่ออยู่ดี
ดังนั้น ใครที่พูดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของความเชื่อ คุณต้องไม่เหมารวม เพราะมันเป็นเรื่องของความเชื่อเฉพาะสิทธิส่วนตัวเท่านั้น ที่เลือกจะเชื่ออย่างไรก็ได้ แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า ความเชื่อไม่ได้เป็นสิ่งที่กำหนดความเป็นจริง
จริงครับ ความเชื่อ จะจริงหรือไม่จริง ก็ได้ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น โคนัน ได้กล่าวไว้...
ความยิ่งใหญ่มีเพียง1เดียวเท่านั้น คือพระพุทธเจ้า
น่าจะจริงที่ได้พบกัน เพราะศาสนาพุทธเกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ความจริงในคำสอน ท่ามกลางเหล่าศาสนาที่มีในยุคนั้น ที่เกิดขึ้นมากมาย เป็นการพิสูจน์สัจจะธรรมคำสอน ไม่งั้นคงกล่าวไม่ได้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาเอกของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นกฎและธรรมเนียมในธรรมชาติ
ประวัติเหมือนกันเป๊ะ อย่างกับคนๆเดียวกัน
มีอีกทฤษฎีหนึ่ง บอกว่าเป็นคนเดียวกันครับ
ก็อาจจะเคยเจอกัน แต่ไม่ได้มีการบันทึก ใช่ว่าทุกเรื่องในสมัยนั้นจะถูกบันทึกไปซะทุกเรื่อง แค่เมื่อวานกินอะไรไปยังจำไม่ค่อยจะได้ อันนี้สองพันกว่าปี
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเปนเรื่องจิงหรือไม่จิง ศาสนาแต่ละศาสนาจะเขียนในแง่บวกของศาสนาตนเอง ศาสนาไหนสอนยังไงอย่ามาเปรียบเทียบกัน ศาสนาคือความเชื่อ ศาสนาคือการเมืองใน2500ปีเพื่อให้ศาสนาตนเปนใหญ่และพยายามกลืนศาสนาอื่น สรุปศาสนาจะเขียนยังไงหรือให้เชื่อแบบไหนก็เชื่อตามศาสนาของตนอย่ามาเปรียบเทียบกันมันจะขัดแย้งกัน
จริงครับ มีแต่พวกปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละ เถียงกัน
ganesha namah เค้าเรียกว่า การศึกษาศาสนาเปรียบเทียบไงครับ การที่เราจะรู้หลักการ คำสอน ของหลายๆศาสนา ว่าเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร เราจึงจำเป็นที่ต้องรู้ หลักคำสอน กรอบแนวคิด วิธีปฏิบัติ เป้าหมาย ของศาสนานั้นๆ ไม่ใช่เอามาเปรียบเทียบเพื่อต่อสู้ แข่งดีกัน แต่ เปรียบให้เห็นว่าเหมือน หรือต่างกันอย่างไรต่างหาก
ganesha namah ถ้าพูดถึงการกลืนกินละก็ ศาสนาพุทธ โดยหลักคำสอนแล้ว ไม่ได้มีการสอนเรื่องกลืนกินศาสนาอื่น หรือเอาคำสอนไปข่มศาสนาอื่น หลักการของพุทธ คือ ขัดเกลา โลภะ โทสะ โมหะ ในตนเอง ของทุกๆคน สอนเรื่องการฝึกตน
ส่วนประเด็นเรื่องหลักฐานนั้น ต้องอ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครับ
ใช่ครับ คัมภีร์ของศาสนาใดๆก็อวยศาสดาตัวเองให้เป็นพระเอก และกำหนดให้ศาสดาสำนักอื่นด้อยกว่าอยู่แล้ว
ผมมีความคิดว่า ระบบวรรณะของอินเดียก็แข่งกันเองด้วย โดยเฉพาะวรรณกษัตริย์กับพราหมณ์ แม้วรรณะกษัตริย์จะมีอำนาจ แต่ได้อำนาจแค่ทางกายของประชาชน แต่อำนาจทางใจ พราหมณ์กับเอาไปครอง ดังนั้นวรรณะกษัตริย์ก็เลยลองมาเล่นบทบาททางใจดูบ้าง เพื่อแข่งกับพราหมณ์
ต้องเข้าใจว่าหลักศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ดีงามสิ่งที่ดีของศาสนาอื่นพระพุทธก็ไม่ขังยังยอมรับเอามาสอนต่อเช่นการรักษาศีล5-8-10นี้เดิมที่เป็นของพราหมฮินดู พระพุทธเจ้าก็ยอมรับว่าดีแล้วเอามาสอนต่อการให้ทานแจกจ่ายอาหารก็เป็นของฮินดูการไม่ฆ่าสัตว์ก็เป็นคำสอนเก่าของฤษีพระพุทธก็ยอมรับว่าดีคนก็หาว่าแบบนี้พุทธก็ก๊อปศาสนาอื่นสิข้อนี้คือผิดพระองค์ไม่ได้ก๊อปเพราะความดีไม่ได้ก๊อปแต่ว่าอะไรดีก็ยอมรับเป็นกฎธรรมะชาติ ต่างจากบางศาสนาหากไม่นับถือพระเจ้าคือผิดเลยทำดีก็ยังผิดเพราะไม่นับถือพระเจ้าฟังดูย้องแย้ง
ต่างจากพุทธสอนว่าจะนับถืออะไรก็ตามไม่นับถือพุทธก็ตามหากทำดีก็ขึ้นสวรรคเหมือนกันหมด เช่นเดียวกันข้าวหากเรากินก็อิ่มเหมือนกันหมดจะเป็นคนดำคนขาวคนตัวใหญ่คนตัวเล็กชายหรือหญิง จะนับถือพระเจ้าหรือไม่นับถือจะนับถือพุทธหรือไม่นับถือหากเขากินข้าวเขาเหล่านั้นก็อิ่มข้าวเหมือนกันหมด
หากดูเวลาแล้ว มหาวีระน่าจะนิพพานไปก่อนแล้ว ก่อนพระพุทธเจ้าตั้งศาสนา แต่นิครน นั้นอาจเป็นศิษย์รุ่นต่อมาของมหาวีระก็ได้ เพราะในเมื่อศาสนาเซน ยังอยู่ต่อมา ก็ย่อมมีหัวหน้าของศาสนาเขา หรือสังฆราชสืบกันมา สังฆราชเป็นตำแหน่ง อาจไม่ได้บรรลุธรรมเท่ากับศาสดามหาวิระก็ได้ครับ อาจเป็นนักบวรอาวุโสสุด ของศาสนาเชนในขณะนั้น แต่เวลาของศาสนาเชน เกิดใกล้ๆ กับพุทธ ย่อมมีนักบวช สาวกต่างๆ อยู่ในช่วงที่พระพุทธเจ้าเผยแพร่พระธรรมจำนวนมากแน่นอน แต่เหตุที่ศาสนาเชน มุ่งทางสายหนัก ทรมานตนเป็นอย่างมาก ทำให้คนที่จะเข้าถึงหรือบรรลุนั้นน่าจะมีไม่มาก เลยขยายตัวได้จำกัด
สาธุครับ
ผมเคยเจอพระพุทธเจ้า กับ หลวงปู่ทวด หลายครั้ง ในฝัน เคยเจอพญานาค 7 พระองค์
ผู้ที่ได้พบพระพุทธเจ้า คือผู้ที่เข้าใจธรรมของพระองค์
พระพุทธเจ้าคือมหาบุรุษของโลกไมมีผุ้ใดยิ่งไปกว่าพระองค์
ที่บอกว่า มหาวีระ ปรินิพพานนี่เป็นไปไม่ได้ เพราะคำสอน มันก็ต่างจากพระพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่สอนมรรคมีองค์แปด ก็มีแต่พระพุทธเจ้าที่ค้นพบหนทาง การ หลุดพ้นเท่านั้น
โลกคู่ขนานแห่งชมพูทวีป
น่าจะเคยพบกัน การปกครองระหว่างกบิลพัสดุ์และเวสาลี ใช้ระบบสภากษัตริย์เหมือนกัน วัฒนธรรมของสองเมืองนี้จึงคล้ายกัน ดังนั้นการออกบวชของวรรธมาน ก็อาจเป็นแนวทางคล้ายๆกับเจ้าชายสิทธัตถะได้ แม้จะประสบความสำเร็จที่ต่างกันครับ.
นิครน อาจมีบิดาเป็นเจ้าแคว้น แต่มีมารดาเป็นสนมที่มาจากนางรำก็เป็นไปได้ เพราะเจ้าแคว้นมีเมียหลายคนหลายวรรณ
หลวงตามหาบัว.เคยบอกว่า.เชน.ใกล้เคียงพุทธ.การปฏิบัติเหมือนหรือใกล้เีคียงกับพุทธ.คือหมายถึงคล้ายๆกัน.
รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ นี่คือตอบแบบพุทธแท้ๆ
สาธุ สาธุ สาธุ
ใช่คับ
รู้ไปไม่ใช่ไม่มีประโยชน์
ต้องพิจารณาดูว่ารู้ไปเพื่ออะไร
หากรู้ไปเพื่อพิจารณาว่าเหตุใดการปฎิบัติของลัทธิเชนจึงไม่อาจดับทุกข์ได้ ก็มีประโยชน์ เพราะทำให้เกิดปัญญาว่าการปฎิบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์ได้ เป็นเครื่องสอนใจอย่างหนึ่งให้เกิดปัญญา
เมื่อปัญญาเกิดย่อมเป็นปัจจัยไปสู่การพ้นทุกข์ได้
@@ไมเคิลโอเว่นพูล ไม่ใช่ละ
@@motovan7950 แล้วที่ใช่คืออะไร ครับผม
การปฏิบัติแบบสุดโต่ง พระพุทธเจ้าทำจนถึงที่สุดแล้ว แต่ไม่ถึงที่สุด
ผมเข้าใจว่า.. พระพุทธเจ้า ท่านเป็น บรมครู เป็นพระอาจารย์ผู้คิดค้นคำสอน หรือการบำบัด
พระจอมมุณีแห่งพุทธตรัสรู้มาจากความเป็นจริง ถ้าเปรียบคนหลงป่าพระจอมมุณีก็เปรียบเสมือนเป็นผู้พบทางออกจากป่าเป็นคนแรกและนำพาคนอื่นให้ออกตามมา
มหาวีระเกิดก่อนพระพุทธเจ้า 43 ปี สิ้นอายุขัยตอนอายุ 72 ปี
เท่ากับว่า มหาวีระสิ้นอายุขัยในขณะที่พระพุทธเจ้าอายุ 29 ปี
ขณะที่พระพุทธเจ้าอายุ 29 ปี ท่านเพิ่งหนีจากพระราชวังมาออกบวช อาศัยอยู่ที่สำนักของอาฬารดาบส ในเขตแคว้นมคธ
แต่มหาวีระสิ้นอายุขัยที่เมืองปาวาในแคว้นมัลละ (ซึ่งอยู่ไกลกันมากสำหรับการเดินทางในสมัยนั้น)
ท่านทั้งสองไม่มีโอกาสได้พบกันหรอก
พระสารีบุตร ท่านเคยขอให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระวินัย ที่เมืองเวรัญชา เพราะท่านเห็นเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยของลัทธินิครนนาฎบุตร จึงชักชวนพระสงฆ์ให้ทำสังคายนาพระวินัย เพื่อจะได้ไม่ทะเลาะกันภายหลัง
พระจุนทะ ปรารภเหตุ พวกนิครนถ์สาวกแตกแยกเป็น 2 พวก เพราะนาฎบุตรถึงแก่กรรม จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและตรัสเรื่องสังคายนากับท่าน ตรัสแนะนำให้พระจุนทะจัดระเบียบพระธรรมวินัย ดังปรากฏในปาสาทิกสูตร เป็นต้น
เรื่องเวลาก็เพี้ยนได้...พระพุทธเจ้า..ตรัสเหตุการณ์กึ่งพุทธกาลคือพศ.2500จะเกิดเหตุการณ์คล้ายปัจจุบัน.....ฝรั่งได้ศึกษาว่า..การบันทึกพ.ศปัจจุบันคลาดเคลื่อนไปประมาณ45ปี..น่าจะบางพวกยึดวันตรัสรู้คือพศ.1กับบางพวกยึดเอาตอนปรินิพพาน...
@Tiger Uood ไม่น่าจะใช่ครับ..สมมุติมหาวีนะคือนิครนนาฎบุตร..พระพุทธเจ้าตรัสรู้โปรดปัญจวัคคี..ตอนอายุ35พรรษา...หลังจากนั้นบอกให้พระอรหันต์60รูปแยกย้ายกระจายตัวไปตามที่ต่างๆ..พระอัสชิไปเจอ..นายอุปปติสสะ..ซึ่งก็คือพระสาลีบุตร..ซึ่งมีอาจารย์คือนิครนนาฎบุตรแล้ว
.ตอนนั้นพระพุทธเจ้าน่าจะประมาณอายุ40..พระสาลีบุตรกับพระโมคคัลลาน่ะ.บวชอยู่หลายสิบปีก็ทยอยนิพพานไป..ผมคาดว่าพระพุทธเจ้า..นิครนนาฎบุตร..พระสารีบุตรพระโมคคัลลานะ..น่าจะอายุไล่เลี่ยกัน..แต่พระพุทธเจ้าน่าจะเกิดก่อนไม่กี่ปี..พอทำนายว่ามีคติเป็นสอง..ข่าวนี้ก็เลืรองลือไปในวงกษัตริย์..และก็คงมีบางตระกูลไม่เชื่อและ..ลองสร้างเลียนแบบขึ้นครับ...ทุกรกิริยาน่าจะทำไล่เลี่ยกัน...พอมหาวีระเสียตอนอายุ72คือก่อนพระพุทธเจ้า..ของพระองค์79ปีกับอีก1วัน..ถ้าคำนวนเกิดก่อนซัก3-4ปี...แสดงว่ามหาวีระไปก่อนพระพุทธเจ้า3-4ปี..ก็เป็นช่วงที่..มีบันทึกในพระไตรปิฎก..ถึงการเริ่มต้นสังคายนา..และพระอานนท์ถามพระพุทธเจ้าว่าถ้าพระองค์ไม่อยู่แล้วจะให้ใครแทน..ทรงตอบว่า..พระวินัย..จะเป็นศาสดาแทนเรา...ล้ำน่ะ..เหมือนบอกว่า..รัฐธรรมนูญจะมีอำนาจสูงสุด..แทนเรา...
@@ongdum1972
อย่ามั่วครับ
อาจารย์ของอุปติสสะ(พระสารีบุตร)นั้นไม่ใช้นิคลนาตบุตร แต่เป็นอาจารย์สัณชัยเวมัลบุตร
@Tiger Uood ใช่ครับ..ผมลืมไปเป็น..สัญชัยปริพาชก....ปริพาชกนี่..เห็นในคลิปบอกเป็นพวกเดียวกับนิครนนาฎบุตรนี่ครับ...หรือว่าเป็นอีกชื่อนึง...
ตามที่ฟังคุณเล่ามามหาวีระเกิดก่อนคริต6ร้อยกว่าปี ส่วนพุทธเกิดก่อนคริต5ร้อยกว่าปี เปนไปไม่ได้ที่จะพบเจอกัน
สาธุ ความจริงก็คือความจริง
ไม่มีใครสามารถขัดแย้งความจริงได้
ศึกษาจากคำสอนสอนศาสนาพุทธ ก็น่าจะรู้แล้ว ว่าคำสอนที่เป็นอกาลิโก เป็นวิทยาศาสตร์ เรียนรู้ได้เป็นปัตจัตตัง มี1เดียว พระสัพญุตญาโณ
ผมวิเคราะห์เอานะ
1. ผมเชื่อว่าการบำเพ็ญบารมี 10 ทัศน์ 30 ทัศน์ หรือจะกี่ประการกี่ทัศน์ ก็เป็นของสากลโลกสากลจักรวาล ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ตีตราว่าเป็นของศาสนา แต่มีโดยธรรมชาติที่เป็นสากล
2. ผมคิดว่าสายของศาสดาของศาสนาเชนองค์แรก ชื่ออะไรจำไม่ได้ น่าจะมีการบำเพ็ญบารมีมานานแต่ไม่ได้บำเพ็ญบารมีที่ทำการอธิฐานขอเป็นพระพุทธเจ้าภายในวงศ์ของพุทธะ จึงทำให้เมื่อบารมีเต็มเปรี่ยมในระดับนึงจึงมีประสูติ ออกบวช ตรัสรู้เกวรญาณ และมีสาวก แต่ไม่ได้อยู่วงศ์ของพระพุทธเจ้า ไปเกิดเป็นวงศ์ใหม่ต่างหากแทน จนมีรุ่นต่อรุ่นที่อธิฐานเป็นศาสดาแบบในศาสนาเชน จนมีทั้งหมด 24 พระองค์
พูดง่ายๆ คือ บำเพ็จบารมีแบบพระโพธิสัตย์แต่ไม่ได้อธิฐานต่อพระพุทธเจ้า ที่ขอได้เป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็มีอธิฐานเอง (องค์แรกของศาสนาเชน) ทำให้กลายเป็นนักบวชที่สำเร็จในอีกแบบหนึ่งที่ต้องการหลุดพ้นเวียนว่ายตายเกิดและเป็นศาสดาในอีกวงศ์ศาสนาใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในวงศ์ของพุทธะ และศาสดารุ่นต่อๆมาก็อธิฐานต่อหน้าศาสดาศาสนาเชนองค์แรกจึงมีองค์ต่อๆมา ทำให้เป็นวงศ์ของศาสนาเชน จนมีถึง 24 พระองค์นั่นเอง
Chok Dee ผมมองว่าท่านคล้ายปัจเจกพุทธะ ถ้าเกิดพระพุทธเจ้าไม่ออกบวชก็จะเป็นมหาจักรพรรดิ แล้วคงมีศาสนาเชนเป็นหลัก มีมหาวีระเป็นพระปัจเจก พระปัจเจกก็มีผู้เกี่ยวข้อง มีบริวาณนะครับ ผมว่าการตรัสรู้ ยังไงก็จะกลายเป็นพุทธะไปโดยปริยาย ต่อให้ไม่อธิษฐานก็ตาม
เป็นไปไม่ได้ที่ศาสนาเชนจะสําเร็จและเข้าถึงแค่ปัญญาก็ยังไม่ถึงจะตรัสรู้เข้าถึงได้ยังไงการปฏิบัติยิ่งไปกันใหญ่
พระพุทธเจ้าสอนถูกต้องให้ บำเพ็ญทางจิต เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว
การแก้ผ้าเดินโทงเทงให้คนทั่วไปเห็น สำหรับผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ฉลาด
@The Massเหมือนพิณที่เทวดามาดีดให้พระพุทธเจ้าฟังไง หย่อนไปก็ไม่ดี ตึงไปก็ขาด ทางสายกลางดีที่สุด
@@nomew5254 พิณถ้ามีแต่สายกลาง มันก็แค่โน๊ตเดียว เล่นเป็นเพลงไม่ได้ เปรียบเทียบมั่วๆเนอะ
@The Mass หนักว่ายังไง ไม่พูดกับใครสิบสองปีแบบนี้หนักแล้วหรอ 555 มหาวีระยังไม่กล้าอดข้าวเลย ร้องทรมานตัวหนักแล้วบ้าไปแล้ว
@@FunTheRaVada ก๋คุณเป็นคนยุคที่สัตว์นรกมาเกิดเป็นคนไง คุณไม่ใช่คนในยุคสมัยนั้น คนในสมัยนั้น เขาจะชื่นชมว่าช่างไม่ยึดติด คุณจะเอาความคิดตรรกะของคุณไปเทียบกับคนในยุคสมัยก่อนได้ยังไงละ โทษตัวเองที่เป็นชั่นต่ำจะดีกว่าไปวิจารณ์ว่าเขาทำไม่ฉลาดนะ 5555 โชว์โง่ ิปล่อยไก้ คนฉลาดที่ไหนเขาทำกัน
เป็นมาหมดทุกอย่างแล้ว คือพุทธะ
ปรินิพพาน ด้วยการทรมานกาย คงไม่มีในโลก
สาธุ🙏🏻สาธุ🙏🏻สาธุ🙏🏻
ขอบคุณมากกกกกครับ
พระพุทธเจ้าใช้เวลา ๖ ปีก่อนตรัสรู้คงได้รู่จักกันบ้างแต่พระองค์ไม่สนใจธรรมของลัทธินี้ เพราะเป็นการทรมานตนเป็นส่วนใหญ่ เช่นใช้กาบตาลถอนผมตนเองถือเป็นการเครพอย่างสูง สาวกลัทธินี้เข้ามาบวชเป็นอรหันต์ก้มีครับ
เนื้อหาแน่น ดี ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ผมว่าแปลกดีนะ หลังพระพุทธเจ้าเผยแพร่ศาสนา ความเชื่อแบบอื่นได้หายไปหมดแล้วในพุทธภูมิ แต่ทำไมที่อินเดียถึงไม่เหลือพุทธเลย แต่เชนกลับไม่หายไปเหมือนพุทธล่ะ
การครอบศาสนาครับ
@@Channel-oq3ov อะไรครอบอะไรครับ ในเมื่อฮินดูเข้ามาล้างศาสนาอื่น หรือเขาล้างแต่พุทธครับ
@@งงงวย-ฉ5ฅ เอาศาสนามาทำเหมือนเป็นศาสนาเดียวกันครับ พวกพิธีกรรม การบวงสรวง
@@Channel-oq3ov เชนทำเหมือนฮินดูหรือครับ อธิบายทีครับ
พุทธโนสน โนแคร์ ใง
ถ้ามหาวีระกับนิครณ์นาตบุตร ตายจะเรียกนิพพานไม่ได้
นิรวาณ
พุทธะคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดนับประมาณไม่ได้พุทธเปรียบเหมือนมหาพระเจ้าที่ช่วยมนุษย์เพื่อให้บรรลุธรรม
แตกต่างกันครับ พระเจ้า คือผู้สร้าง แต่พระพุทธเจ้าคือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดังนั้นยกท่านเป็นมหาพระเจ้าไม่ได้ครับ ท่านคือศาสดาเอกของโลกถูกต้องแล้วครับ
@@งงงวย-ฉ5ฅ พระเจ้าสร้างคนให้มีทุกข์ พระพุทธเจ้าช่วยคนให้พ้นทุกข์
@@งงงวย-ฉ5ฅ แล้วระหว่างคนสร้างทุกข์กับผู้ปลดทุกข์ ท่านจะเลือกใคร ผมว่าพระพุทธเจ้าท่านคือผู้ที่ยิ่งกว่าใครไม่มีใครเปรียบบารมีพระองค์ได้
พระเจ้าความหมายแคบมากครับ ในความจริงคำนี้เป็น1ใน9999คุณสมบัติแค่นั้น ยังอธิบายไม่ได้ครบ แค่การเรียกให้ง่าย ส่วนถ้าคิดว่าสร้างทุกข์ก็ผิดมากครับ ผธรรมคุณยังกระจ่างเลย เราเองป่าวสร้างทุกข์
พระเจ้าพิสูจน์ไม่ได้ แล้วจะเป็นผู้สร้างทุกข์ได้อย่างไรครับ มีแต่เราเท่านั้นที่สร้างทุกข์และสุขเท่านั้น หากจิตเราไม่ทุกข์ ไม่สุข ใครก็สร้างมันไม่ได้ครับ
วิเคราะห์วิจัยดีมาก ดีกว่าจะเชื่อแบบมีความลังเลสงสัย นับถือศรัทธาแบบไม่มีเหตุมีผล เราคนพุทธต้องศึกษาถึงขนาดนี้ถึงจะขจัด วิจิกิจฉาได้อนุโมทนาสาธุ ทำคริปไปเรื่อยไปนะจ๊ะ
ขอบคุณที่ชอบครับ
แต่ประเด็นนี้คงไม่ทำแล้วครับ บางคนเขาไม่พอใจ
ส่วน ประวัติศาสตร์ ปรัชญา เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ ยังมีเหมือนเดิมครับ
ด้วยความคิดส่วนตัวนะครับ ผมว่านิครน นาฏบุตร ไม่ใช่ท่านมหาวีระครับ ฉนั้น พระพุทธองค์ไม่เคยเจอกับท่านมหาวีระครับ เพราะดูแล้วชาติกำเนิดต่างกัน และหลักคำสอนที่ไม่เบียดเบียน ต่างจากเหล่านิครน ที่ใส่ร้ายพระพุทธศาสนาครับ
ใช่ครับเรียกอีกอย่างว่าพวกชีเปลือยครับ
น่าจะเคยเจอ เพราะเคยอดอาหารทรมารร่างกายแบบเชน แต่ไม่ใช่ทางบรรลุ เลยเดินทางสายกลาง และได้ตรัสรู้กลายเป็นศาสนาพุทธ
ตามความคิดผมนะ ไม่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน ตอนฝึกทุกรกริยา พระพุทธเจ้าก็น่าจะมีอาจารย์จากหลายสำนักอยู่
จิญจมาณวิกา เป็นพวกปริพาชกค่ะ ไม่ใช่พวกนิครนถ์
นิครนถ์มีตำนานก่อนสมัยพระเวท เจ้าลัทธิเรียกว่า ตีรถังกร นิครนถ์เป็นกลุ่มผู้ไม่เชื่อคัมภีร์พระเวท ลัทธินี้เป็นต้นกำเนิดศาสนาเชนที่มีมาก่อนพุทธกาล ตีรถังกรองค์ที่ 23 คือ พระปารศวนาถ ส่วนพระมหาวีระเป็น ตีรถังกรองค์ที่ 24(ห่างกันประมาณ250ปี)
ปารศวนารถประกาศคำสอนเรียกว่า จตุยามสังวรธรรม ไม่กำหนดว่าคนที่บรรลุโมกษะจะต้องเปลือยกาย อนุญาตให้สตรีบวชเป็นนิครนถ์ได้ มหาวีระปรับเปลี่ยนจตุยามสังวรธรรมเป็นปัญจมหาพรต กำหนดว่าผู้ได้บรรลุโมกษะจะต้องเปลือยกาย
อ้างอิง
พระปารศวนาถ (Pārśvanāth) หรือ พระปารศวะ (Pārśva) และ พระปารัศ (Paras) เป็นตีรถังกร (ศาสดา) องค์ที่ 23 จาก 24 องค์ ของศาสนาเชน พระปารศวนาถเป็นตีรถังกรองค์แรกที่มีการจดบันทึกไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในเชิงประวัติศาสตร์
นิครนถ์ หมายถึงผู้ไร้ปม ผู้ไม่มีกิเลส (นิ = ไม่, คณฺฐ = ปม, กิเลส เช่นคำว่า สพฺพคณฺฐปฺปหีโน ผู้ละกิเลสได้ทุกอย่าง) ที่เป็นลักษณะของคนหมายถึงผู้ไม่มีกิเลส เรียกลัทธิของผู้ไม่อาลัยในโลก ผู้มีชัยอยู่เหนือกิเลส ว่า ชินะ ไชนะหรือเชน
ผมเคยบวชแล้วพอสิกขาผมก็เลิกนำถือพุทธ
ตอนนี้ก็ไร้ศาสนาแต่ก็นำถือพระพุทธเจ้านะครับ แต่ไม่ไหว้พระหรือพระพุทธรูป หลายคนในกลุ่มไร้ศาสนาก็มีคนที่นับถือพระเจ้าแต่ไม่เชื่อในศาสนา ผมเห็นพระดีก็เยอะนะครับ
แต่พระแย่ๆเยอะเกินไป ส่วนมากหาแต่เงินไม่ได้หาทางบรรลุ เสียด้ายพระดีๆ
สรุปแล้วก็คือนับถือแต่ไม่อยากข้องเกี่ยว?
ขอให้ทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ ดูทุกตอนเลยครับ
ขอบคุณที่ชอบครับ นี้น่าเป็น EP สุดท้ายเกี่ยวกับประเด็นนี้แล้วครับ มีคนเขาไม่พอใจ ผมก็ไม่อยากให้มีเรื่องดราม่ากัน
แต่ประวัติศาสตร์ อื่นๆยังมีเหมือนเดิมครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
พระพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกของโลก หลักธรรม อาจอยู่เป็นล้านปี
ประหยัดอาหารและประหยัดเครื่องนุ่งห่มดี ลดน้ำหนักลดความอ้วนก็ดี สาธุ
แอบอ้างเอาคำสอนพระพุทธเจ้ามาพูด
อ่านหนังสือบ้างนะ
ในมุมมองนักประวัติศาสตร์และโบราณคดี"เชน"เกิดก่อนพุทธ
.
ส่วนเรื่องคำสอน...ปรัชญาอินเดียในยุคนั้นก็ใกล้เคียงกันเกือบหมด
.
อ่านหนังสือและศึกษาศาสนาเปรียบเทียบบ้าง...ไม่ใช่ดูคลิปเดียวก็จินตนาการต่อเติม
John Lee ไปอ่านจากresearch ฝรั่งจริงๆ มีหลายๆครั้งทีาเชนสังคยนานะครับ ซึ่งเห็นว่าหลักของพุทธเป็นเหตุเป็นผลจริงเอามาapplied เชนในสมัยแรกตัวความเชื่อจะตรงข้ามกับพราหมณ์ คือไม่มีพระผู้สร้าง และการเวียนว่ายตายเกิด สิ่งนี้จริงเป็นไปได้ที่ เขาเอาเรื่องต่างๆจากพุทธมาใช้ร่วม
@@napanach มีเชนกับพุทธเพียง 2 ศาสนาที่เป็นอเทวะนิยม...ใครเกิดก่อนใคร..จริงๆแล้วผมก็ไม่กล้าฟันธง...เพราะหนังสือหลายๆเล่มเขียนไม่เหมือนกัน...เรื่องเจ้าลัทธิที่เกิดร่วมสมัยกับศาสนาพุทธนั้นบางตำราว่ามี 6 ลัทธิบางตำราก็กล่าวไว้ถึง 8 ลัทธิ...และไอ้ที่เชื่อว่ามีเพียง 6 ลัทธิก็มักตีความเอามหาวีระกับนิครนห์นาฏบุตรว่าเป็นคนๆเดียว...และได้ชิงดีชิงเด่นกับศาสนาพุทธมาตลอด
.
ในความเห็นส่วนตัวของผม...มหาวีระไม่น่าจะใช่คนเดียวกับนาฏบุตรที่ได้ประลองปัญญากับพระพุทธเจ้าบ่อยๆ...จนเรียกได้ว่าเป็นศัตรูทางความคิดเชิงปรัชญากันเลย
โดยผมอนุมานจากคำสอนของเชนของศาสดามหาวีระ...ที่จะไม่สุงสิง,ชิงดีกับใคร...มีหลักอหิงสา....นักบวชเชนเมื่อเทียบกับนักบวชพุทธแล้วค่อนข้างจะสุดโต่งคือตึงเกินไปคือถึงขนาดไม่นุ่งผ้า(ชีเปลือย)ไม่กินเนื้อสัตว์(มังสะวิรัติ)และกินมื้อเดียวแถมเวลาจะกินก็จะเขี่ยดูให้แน่ใจ...ถ้าไม่แน่ใจว่าปนเปื้อนสิ่งมีชีวิตที่สามารถมองเห็นด้วยตาท่านจะหยุดกิน....เวลาเดิน,นั่ง,นอนก็ต้องมีแส้นุ่มๆไว้ค่อยปัดแมลงหรือสิ่งมีชีวิตเล็กๆเพื่อไม่ให้เดินเหยียบหรือนั่งนอนทับให้สัตว์เล็กๆต้องบาดเจ็บหรือตาย
.
บอกให้ทราบในตอนท้าย...ผมไม่ใช่คนพุทธหรอกครับ...ผมนับถือศาสนาที่มีพระเจ้าศาสนาหนึ่ง(เอกเทวะนิยม)คงไม่บอกนะครับว่าเป็นศาสนาอะไร...บอกได้เพียงต้นฉบับคัมภีร์ศาสนาที่ผมนับถือเป็นภาษาฮิบรูก็แล้วกันครับ...แต่ก็ชอบอ่านและศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ
.
นักบวชเจ้าลัทธิที่ชอบแข่งขันกับพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล...โดยส่วนตัวผมว่าน่าจะเป็นปริพาชก"สัญชัยเวลัฏฐบุตร"มากกว่า...เพราะอาจารย์ท่านนี้ผมอ่านแล้วดูเหมือนว่าท่านจะออกแนวนักต้มตุ๋น 18 มงกุฎที่มีผลประโยชน์เรื่องลาภสักการะมากกว่า...
ส่วนมหาวีระมีหลักปฏิบัติคล้ายๆกับพุทธมาก...แถมไม่ยินดีในอะไรทั้งสิ้น...ไม่ต้องการมวลชนหรือคะแนนนิยมใดๆ...แล้วมหาวีระจะมาเป็นอริกับพุทธศาสนาทำไม...ผมว่าเขาต่างคนต่างอยู่มากกว่า
ผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ...ก็บอกอยู่ว่าแค่ความเห็นส่วนตัว
@@johnlee8863 คนที่ถือศีล 5 นักประวิตศาสตร์ปัญญาอ่อน นักโบราณคดี ที่เขียนหนังสือออกมา ทั้ง ๆ ตัวมันก็เกิดไม่ทันเหมือน ๆกับเรา ให้พวกปัญญาอ่อนอ่านก็เพียงพอแล้วไม่ต้องยัดให้คนอื่นหรอกครับ อ่านหนังสือคำสอนของศาสนา อย่าเอาของนักโบราณคดีมาอ่านเลยครับ เพราะมันก็แค่ธรรมดา ๆ เหมือนกันกับเรา นั้นแหละ จะเปรียบเทียบอะไรก็ต้องเล็งถึงเหตุด้วยว่าเสียงข้างมากมันใช้กับหลักคำสอนไม่ได้ บางทีเสียงข้างมากอาจจะเป็นพวกโง่ ๆรวมตัวอยู่ก็เป็นได้ อ่านเรื่องศาสนา ต้องใช่หลักธรรมาธิปไตยไม่ใช่ประชาธิปไตย โลกใบนี้จะยุคสมัยไหนก็ไม่มียุคไหนหรอกที่คนฉลาดมันจะมากกว่าคนโง่ อย่าคิดว่าตัวเองรู้แล้วถ้าไม่มีปัญญาไว้ใช้คู่กันกับศรัทธานะครับ อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดเพราะมันอาจจะฉลาดแต่ในกะลาครอบก็เป็นได่้
เคยเจอกัน พระพุทธเจ้าก็ทรงพระเมตตาแสดงธรรมโปรดด้วย ธรรมที่ทรงแสดงก็คือเรื่อง เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ธรรมข้อนี้วิจิตรมากยิงตรงถึงพระนิพพาน วอนผู้รู้ผู้ปฏิบัติทั้งหลายพึงใช้สติปัญญาพิจารณา หาไม่จักเกิดโทษภัย (............)
Buddhism is not Jainism. Buddhist believe that the Buddha was born in 623 BCE and died in 543 BCE.
Jains believe that Mahavira was born in 599 BCE and died in 527 BCE. The Buddha is 24 years older than Mahavira.
When the Buddha attained enlightenment, Mahavira was 11 years old.
Mahavira taught that the soul exists, a premise shared with Hinduism but not Buddhism.
There is no soul (or self) in Buddhism, and its teachings are based on the concept of anatta (non-self).
Mahavira taught that the soul is dravya (substantial), eternal, and yet temporary .
To Mahavira, the metaphysical nature of the universe consists of dravya, jiva, and ajiva (inanimate objects).
The jiva is bound to saṃsāra (transmigration) because of karma (the effects of one's actions).
Karma, in Jainism, includes actions and intent; it colors the soul (lesya), affecting how, where, and as what a soul is reborn after death.
According to Mahavira, there is no creator deity and existence has neither beginning nor end.
Gods and demons exist in Jainism, however, whose jivas a part of the same cycle of birth and death.
The goal of spiritual practice is to liberate the jiva from its karmic accumulation and enter the realm of the siddhas, souls who are liberated from rebirth.
Enlightenment, to Mahavira, is the consequence of self-cultivation and self-restraint.
About the death cycle and the birth, about of karma, about Nirvana That most Buddhists (Thai) believe is the same as the belief of Jainism
If these 3 things are believed to be the Truth, then there is no need for a Buddha.
If karma determines everything, it is not necessary to teach The Four Noble Truths.
If the cycle of death occurs for countless lifetimes, then there is no need to teach the The Four Foundations of Mindfulness.
If Nirvana is the spiritual realm, then there is no need to teach the about impermanent, subject to suffering, non-self (the Three Characteristics).
Jainism would have been more prosperous and acceptable for to day.
The thing that the Lord Buddha taught was to attain life At present good deeds for the liberation of the the Threefold Training is to purify oneself.
The cycle of life is the mind that Birth and death in the mind every day. Hell-Heaven-World-Landscape On the inside can be not found as a place outside
Unable to compute with the brain Must act correctly, have attitudes, know with the insight wisdom.
Most people are ignorant and wrong. If he had a little inkling he would understand what this said.
Sadhu 🙏
Are you sure?
@@thebackground37 Yes, You can check it from the English version of Wikipedia.
พระมหาวีระ ศาสดาศาสนาเชนเคยเจอกับพระพุทธเจ้าในคราวที่พระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ ณ เมืองสังกัสนคร ก่อนที่พรเพุทธองค์จะเสด็จไปจำพรรษาที่ดาวดึงส์ พรเมหาวีระ อวดอ้างว่ามีฤทธิ์อภิญญาแต่ไม่สามารถแสดงฤทธิ์ได้ด้วยอ้างสาระพัดเหตุผล สุดท้ายวิ่งลงแม่น้ำแล้วเอาหม้อน้ำผูกคอถ่วงจมน้ำตาย มีมาในพระสูตรของพระไตรปิฎก.
คุณเข้าใจผิด เจ้าลัทธิที่โดดน้ำฆ่าตัวตายคือ ปูรณกัสปะต่างหากครับ
สุดโต่งกับทางสายกลาง
อยากรู้สุดท้ายปลายทางคือสิ่งเดียวกันรึเปล่า?
ศาสนาพุทธเป้าหมายสุดโต่ง แต่การปฏิบัติใช้ทางสายกลาง
ใช้สายกลางครับ
ความจริงอาจไม่มีผิดมีถูกก็ได้นะถ้าปลายทางมันคือที่เดียวกัน แต่พวกเราเน้นเเค่ระหว่างทางไง..
สุดโต่งกับทางสายกลางไม่เหมือนกันครับสุดโต่งคือความเห็น มีกับไม่มีแต่ทางสายกลางคือมีขึ้น ตั้งอยู่ แล้วหายไปเช่น มีแก้วใบนึง ผมหยิบขึ้นมาแล้วถามว่าแก้วใบนี้มีไหมถ้าคุณตอบว่ามีซึ่งจะถูกในปัจจุบันแต่จะผิดในอนาคตเพราะอีก10ปี 100ปี 1000ปี 10000ปี 100000ปี่ 1000000ปีแก้วใบนี้จะไม่อยู่แล้ว แล้วถ้าคุณตอบว่าไม่มีแต่ในมือผมยังถือแก้วอยู่นั่นคือจะผิดในปัจจุบันแต่จะถูกในอนาคต แต่ถ้าตอบว่ามีขึ้น ตั้งอยู่ หายไป นี่คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดนี่คือคำสอนของตถาคต(พระพุทธเจ้า)
พอมาฟัง อ่อ นิครนถ์นี่เอง แพ้พระพุทธเจ้าในการโต้เถียงทางปัญญา หลายครั้ง และศิษย์หลายคนก็ไปเป็นสาวกพระพุทธเจ้า
ในโลกนี้ถ้าจิตไม่สงบ ผิดหมด
สวัสดีท่าน พระพุทธเจ้ามีพระองค์เดียว
ในคัมภรีที่ท่านหามาอ้างอิง อาจจะมีการแต่งขึ้นมาในยุคสมัยต่างๆ ท่านคำว่าศาสนาที่จะตั้งขึ้นมาได้ต้องมีความเลื่อมใสศรัทธา จึงไม่มีศาสดาเกิดขึ้นในศาสนาของพระพุทธเจ้า แต่จะมี ฝ่ายที่ไม่เชื่อ ก็จะทำตนให้เหมือนพระพุทธเจ้า คับ นิคนาคตบุตรเป็นคนๆเดียวกัน เพราะเหตุว่า นิคนาคตบุตร ได้
ทรงแต่งตั้งตนเองเป็นศาสดาว่าเป็นผู้มีปัญญาเหนือผู้อื่น มนุษย์ผู้ไม่รู้ความจริงจึงได้ยกย่องให้นิคนาคตบุตร เป็นใหญ่ในทางการสอนธรรม ว่าไม่มีมนุษย์ผู้ใดเลยที่มาสนทนาธรรมกับนิคนนาคตบุตร
แล้วจะเอาชนะได้ มนุษย์เหล่านั้นจึงได้เกิดความเลื่อมใสในปัญญาของนิคนนาคตบุตร ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้
และมาสอนธรรมะที่ถูกต้องให้กับนิคนนาคตบุตร ในหัวข้อธรรมเรื่อง ขันร์ห้า
นิคนนาคตบุตรเชื่อว่าขันร์ห้ามีตัวมีตน
แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าขันร์ห้าไม่มีตัวมีตน จึงได้เกิดการสนทนาธรรมขึ้นมา ระหว่างพระพุทธเจ้าแท้และพระพุทธเจ้าปลอม ทำให้พระพุทธเจ้าแท้ได้อธิบายและได้แสดงธรรมโปรดให้กับนิคนนาคตบุตรให้รู้ความจริง ว่า ขันร์ห้านี้แหละคือตัวทุกข์ ขันร์ห้านี้แหละไม่เที่ยง ถ้าขันร์ห้าเที่ยงท่านจงสั่งขันร์ห้า
ว่าอย่าเจ็บไข้ได้ป่วยเลย ถ้าเราสั่งขันร์ห้าไม่ได้แสดงว่าขันร์ห้าไม่ใช่ของๆเรา
เมื่อ มนุษย์ทั่วทุกสารทิศมีทั้งพระราชาและนักปราชญ์ได้เห็น นิคนนาคตบุตรได้ยอมก้มหัวคำนับพระพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใสในคำสอนพระพุทธเจ้า
และได้เข้าถึงตรัยสรณคมทั้งสาม ครับ
นี่คือประวัติความจริง
@Tiger Uood เราเมตตาให้มนุษย์ทุกคนท่าน ไม่มีใครรู้ความจริงๆ ว่าคำสอนเชนเกิดขึ้นมาจากอะไรในเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้นมา ก็จะนับถือและปฎิบัติตามกันมาอย่างผิดๆที่เราเรียกว่าอวิชชาคือความไม่รู้ความจริงแต่อุปมาขึ้นมา จากการคาดเดาว่าต้องเป็นแบบนั้นว่าต้องเป็นแบบนี้ จึงได้มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดบนโลกมนุษย์เพื่อสั่งสอนอบรมให้มนุษย์รู้จักความจริง
ที่ตั้งอยู่และดับไปตามธรรมชาติ เราทุกคนจึงได้หลงสร้างเวรสร้างกรรมมาตามบรรพบุรษ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ
มหาวีระ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแน่นอนครับ
แต่เป็นนักบวชที่อยู่ร่วมสมัยกันกับพระพุทธเจ้า และมหาวีระ ก็มีศาสนาของท่านเองคือศาสนาเชน ปัจจุบันยังคงนับถือกันในอินเดีย
ทีนี้ข้อเสนอในคลิปนี้ก็แค่ตั้งคำถามว่าท่านทั้งสองเคยเจอกันหรือไม่ เพราะมีอายุไล่เลี่ยกัน (เป็นทั้งการนำเสนอและขอความรู้จากท่านผู้รู้ไปในตัวครับ)
ส่วนกรณีมหาวีระนั้น หลายคนมักเข้าใจผิดว่า เป็นพระพุทธเจ้าอีกองค์รึปล่าว เป็นพระปัจจเจกฯ หรือปล่าว ทั้งที่ไม่ใช่เลย หลักปฏิบัติต่างกันมาก ผมก็เลยจะศึกษาประวัติของมหาวีระ และจะนำมา บอกเล่าในครั้งต่อไปครับ
@Tiger Uood จะตรวจสอบดูให้ละเอียดครับ
คอมเมนต์มันเยอะ ผมไม่สามารถตรวจได้หมด บางอันก็ไม่ขึ้นแจ้งเตือน บางคนผมก็เตือนเขาไม่ได้ก็คงต้องลบความเห็นนั้นไป
ไม่ทรมานสิ่งมีชีวิตอื่นหรือเบียดเบียนผู้อื่นเป็นบาปกับมาทรมานตนเองแทน
ขัดแย้งกันครับเพราะทรมานตนเองนั่นแหละบาปกว่าปกติมนุษย์ต้องรักตัวเองก่อนค่อยไปรักผู้อื่น
สัตว์ก็เหมือนกันมันก็รักตัวมันแต่มันไม่ทรมานตัวมันเองมันก็ดำเนินชีวิตปกติมนุษย์ก็เหมือนกันก็แค่ดำเนินชีวิตปกติทุกอย่างที่สร้างมาบนโลกล้วนต้องเกื้อกลูกันเป็นห่วงโซอาหาร
สิงโตไม่กินเนื้อมันก็อยู่ไม่ได้
เพราะเป็นธรรมชาติของมัน
มีได้ต้องมีเสียเป็นเรื่องธรรมชาติ
ไม่เชื่อใคร นอกจากพระพุทธเจ้า
ผมหรือครับนึกว่าหนู
@@หนึ่งไม่มีสอง-ช8ฒ ผมเล่นของแฟนครับ ใช้ Gmail เดียวกัน
@@นู๋ข้าวหอม-ฐ8ฤ ออครับผม
นิครน กับมหาวีระ คือคนเดียวกันเเน่นอน เพียงเเต่ในคำภีร์ของศาสนาเชน จะต้องเขียนยกย่อง ศาสดา ของตน ไว้ในทางที่ดี
ในสมัยพระพุทธเจ้าแบะพระมหาวีระมีชีวิต ไม่มีการบันทึกดังนั้นไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน ก็บันทึกหลังเหตุการณ์มานานเป็นร้อยปี เชื่อว่ามีการแต่งเติมเพื่อยกย่องศาสดาของตน โดยการเขียนให้ฝ่ายนอกเป็นพวกไม่ดี เป็นแนวอุดมการณ์สร้างความรักชาติ นี่คือสร้างความรักศาสนาว่าของตนดีกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือพระธรรม
ศาสดามหา วีระนั้น
ประวัติท่านเกิดหลัง พุทธองค์
ปฐมเทศนา มีพระสงฆ์
ธรรมที่ทรงเผยแผ่ ก่อนหลายปี
ศาสนาเชนจึง มีสาวก
คำโกหกพุทธลอก คิดให้ดี
เรื่องอริยสัจ กิจทั้งสี่
คำสอนมีเฉพาะ ใช่ของใคร
พวกฮินดูดัดแปลง คำสอนพุทธ
เพื่อใช้อุดช่องโหว่ พราหมณ์แต่งไว้
เขียนหลังพุทธกาล ควรเข้าใจ
ไม่มีใครสอนเรื่อง อนัตตา
เชนกับพราหมณ์ สอนต่างกัน
ความเชื่อนั้นถือจิต เป็นอัตตา
พุทธเห็นจิตไม่ใช่ ตัวเราหนา
การเครมว่าลอกเขา จึงไม่จริง
ศาสดามหา วีระนั้น
ไม่สอนขันธ์ทั้งห้า อย่าอ้างอิง
เรื่องไตรลักษณ์พุทธสอน เหนือทุกสิ่ง
สอนให้ทิ้งตัวตน ที่คิดเอา
วิจารณญาณ ควรต้องใช้
หลังจากตายไม่มี ที่เป็นเรา
สาวกอื่นไม่เชื่อ เรื่องของเขา
อย่ามัวเมาเอามา ปะปนเอย
พระปัจเจกพุทธเจ้า คือมหาวีระ
ไม่ใช่ครับ ถ้ามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นในโลก ในเวลานั้นจะไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดขึ้นตราบที่ยังมีพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงอยู่ มหาวีระคืออลัชชี หรือนักบวชนอกศาสนา
เออน้ออ จะรู้ไปทำไม เพราะยังไงก็ไม่มีใครรู้จริง เพราะเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ประวัติทั้งสองศาสนาคนยุคก่อนอาจแต่งกันขึ้นมาก็ได้
อยากรู้ว่า คำว่าน้ำเย็น คือน้ำเย็นเหมือนที่เราแช่ตู้เย็นหรือป่าวครับ
มั่วแล้วครับ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ ข้อที่ ๗๐ "สารีบุตรโมคคัลลานะได้พากันเข้าไปหาท่านสญชัยปริพาชก ครั้นถึงแล้วได้เรียน ว่า ท่านขอรับ พวกกระผมจะไปในสำนักพระผู้มีพระภาค" ไม่ใช่นิครนถ์ นาฏบุตร ที่คุณตีความมาคือคุณพยายามเอาเรื่องราวสญชัยปริพาชก มายัดใส่นิครนถ์ นาฏบุตร ซึ่งมันไม่ใช่ครับ
💡 📚 🙏 *"ตถาคตอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า"* ได้ทรงตรัสสุตตะไว้ว่า ให้ยึดมั่นใน *"อริยสัจ 4"* *"ผัสสะ"* เป็นบ่อเกิดแห่งกรรม กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แต่ *"มโนกรรม"* หนักที่สุด ให้เดินสายกลาง *"มัชฌิมาปฏิปทา"* & ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต 🙏 🙏 🙏 👨🎓
มัชฌิมาปฏิปทาไม่ใช่ทางสายกลาง
แต่เป็นปฏิบัติอย่างเป็นกลาง
ซึ่งเน้นที่วางใจเป็นกลางไม่เอนเอียง
ไม่ใช่ทางสายกลางที่เป็นรูปมิใช่นาม
พระพุทธเจ้าประสูติ 623 ปีก่อนค.ศ. และปรินิพพาน 543 ก่อนค.ศ.
พระมหาวีระประสูติ 599 ปีก่อนค.ศ. และสิ้นพระชนม์ 527 ก่อนค.ศ.
พระพุทธเจ้ามีอายุแก่กว่าพระมหาวีระ 24 ปี
ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้พระมหาวีระอายุเพียง 11 ปี
* พ.ศ. 1 เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานนั้นพระมหาวีระอายุประมาณ 56 ปี (543BCE.)
* พ.ศ. 16 พระมหาวีระสิ้นพระชนม์อายุประมาณ 72 ปี (527BCE)
* พ.ศ. 30 เกิดการแตกแยกในศาสนาเชน หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระมหาวีระ เพียง 14 ปี
อ้างอิง
ศาสนาเชนในสมัยของพระศาสดาวรรธมานะ มหาวีระ เจริญรุ่งเรือง มีสาวกและศาสนิกเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากสมัยของพระองค์แล้ว ศาสนาเชน มีความเป็นไปดังนี้
* พ.ศ. 30 เกิดการแตกแยกในศาสนาเชน หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระมหาวีระ เพียง 14 ปี
พ.ศ. 143 มีการประดิษฐานรูปปฏิมาของพระมหาวีระขึ้นเป็นครั้งแรก สำหรับเคารพบูชาในโบสถ์ของศาสนาเชน
พ.ศ. 243 มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ 2 คัมภีร์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในการประชุมที่เมืองปัตนะ
พ.ศ. 299 พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งศาสนาพุทธได้พระราชทานถ้ำ 5 แห่ง ให้แก่ศาสนาเชน ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังดำรงอยู่
สรุป-ศาสนาเชนเกิดจากการปฏิรูปลัทธินิครนถ์โดยพระมหาวีระ
อ้างอิง
เชนรวบรวมคำสอนครั้งแรกที่ปาฏลีบุตร(รัฐวิหาร) รวบรวมครั้งที่ ๒ ที่วัลลภี คัมภีร์ของเชนเรียกว่าอาคม มี ๓ ระดับ ได้แก่ อังคะ(คัมภีร์ย่อยมี ๑๒ คัมภีร์) ปูรวะ (คัมภีร์ย่อยมี ๑๔ คัมภีร์) และประกีรณะ (คัมภีร์ย่อยมี ๑๖ คัมภีร์) เกิดขึ้นในการสังคายนาที่วัลลภี นิกายทิคัมพรเชื่อว่าคำสอนเดิมของมหาวีระสูญหายไปแล้ว ไม่เชื่อว่ามหาวีระเคยแต่งงาน แต่ยอมรับคัมภีร์ของนิกายเสวตัมพร
เชนมีคำสอนเป็นหมวดหมู่หลังมีพระไตรปิฎก ใช้ภาษาปรากฤต เรียกว่า อรรธมาคธี (Ardha-Magadhi or Jaina Prakrit) ที่รับอิทธิพลไปจากพระไตรปิฎก เช่น คำว่า คณิปิฎก ของนิกายเสวตัมพร
พุทธศักราช 2563 ในวันนี้คือ 543+2020=2563
ดาราเอวีทุกคนน่าจะเปนเชน
พระพุทธเจ้าเคยเทศนา สอน ลูกศิษย์ของศาสนาเชนครับ แต่เรื่องที่เคยพบมั้ย ผมไม่รู้
ในพระไตรปิฎก
ผมไม่ได้ลบหลู่น่ะครับ น่าจะสรุปให้แน่นอนว่า ศาสดาของศาสนาเชน คือใครกันแน่ แบบเป็นตัวเป็นตน แล้วค่อยมาเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้า (อันนี้ผมไม่ได้ว่าทางช่องน่ะครับ ผมแค่ งง ในคำสอน และคนที่เผยแผ่ ว่าพวกเค้านับถือใคร งง คำสอนก็คล้ายของพระพุทธเจ้าจัง)ในเมื่อไม่รู้แน่ชัดว่าคือใคร แล้วเค้านับถือใคร เอาคำสอนมาจากไหน งง เหมือนศาสนาทางตะวันออกกลาง ศาสดาไม่รู้ใคร มีแต่คำสอน แล้วเอาคำสอนมาจากไหน งง
ที่มีหลักฐานว่ามีจริงอย่างแน่ชัด แบบชาวบ้านๆคิด ไม่ใช่นักวิชาการมากความรู้คิด เห็นจะมีก็แค่คริสกับพุทธ อันอื่น เอาคำสอนมาจากไหน.....งง
ขอบคุณครับ
อ่านแล้วอย่า งง น่ะครับ
งงครับ
จะรู้ไปทำไม รู้แล้วทำให้เราได้มรรคได้ผลหรือ
การจะได้มรรคได้ผลต้องปฏิบัติ
เจอแต่มหาสมปอง
ห๋่าาา...เจอแล้วรึ สมปองน้องของสมชาย.!!5555😄
@@สันติร่มเย็น-ฎ3ญ 😀😀😀
ถ้าสังโยช10ไม่ครบ ไม่สมบูรณ์ บรรลุอรหันต์หรือนิพพานเป็นเรื่องยากมาก สูงสุดเป็นอรูปพรมหม ดั่งอาจารย์ของสิทธัตถะ ถ้าไม่ได้ปฎิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้า
เชนคือ ศาสนาทีดี แต่ทำมั้ยต้องแก้ผ้า ถึงจะดี แต่ต้องแก้ผ้า เดินไปเดินมา ทั้งหญิงและชาย ใครไหว ก็มานับถือครับ
Play Ccmg ตรงกันข้าม. ทำไมเราใส่เครื่องประดับแพงๆเสื้อผ้าสวยๆรถเท่ๆ
ของๆโลกนี้ทำไห้ติดอยุ่ที่นี่. ข้ามไม่พ้น. วนเวียนกลับไปกลับมา ชดไช้กันคืนไม่สิ้นสุด.
ไอสไตเคยพบพระพุทธเจ้า
George Best 5555
อ๋อเข้าใจแล้วคับเชนนี้มีมาแต่โบราณแล้วถ้าเข้าสมาธิแล้วจิตดับสงบนิ่งอยู่ไม่รับรู้โลกภายนอกกายไม่มีความรู้สึกเขาเข้าใจว่าบรรลุเป็นอรหันต์แล้วแต่พระพุทธศาสนาเหนือสมาธิชาญเหล่านี้พระพุทธเจ้าก็เคยตรัสไว้
ใช่ๆค่ะ
มหาวีระ คือ อลัชชี
ไม่ใช่ครับ ไม่เหมือนกันเลย คนละเรื่อง
อลัชชีแปลว่านักบวชในพุทธศาสนาที่ประพฤติผิดวินัยโดยไม่ละอาย
มหาวีระไม่ใช่นักบวชของพุทธจะเป็นอลัชชีได้ยังไง
รู้จักอ่านหนังสือบ้างนะ...ไม่ใช่ได้ยินใครพูดก็พูดตาม
แล้วอีกอย่างมหาวีระไม่ได้ประพฤติตนในเชิงเสื่อมเสีย...แถมตามหลักฐานอื่นๆศาสนาเชนเกิดมาก่อนพุทธ...คำว่าร่วมสมัยไม่ได้หมายความว่าเกิดพร้อมกัน...มันเหลื่อมๆกันอยู่หลายสิบปี...
ในคลิปมันมั่วแล้ว...พระพุทธเจ้าไม่น่าจะเคยเจอกับมหาวีระเพื่อประลองปัญญาคารมเพราะเชนถืออหิงสาไม่ยุ่งไม่คุยกับคนศาสนาอื่นมันเป็นกฏ
@@johnlee8863 ถูกต้องครับ สุดยอดจริงๆครับ
@@NONXN เชนจะไม่สุงสิงกับคนอื่นที่ต่างความเชื่อจากพวกเขา...เพราะไม่นุ่งผ้า(เขาไม่อายแต่เกรงว่าเราจะอาย)อีกนิกายแม้จะนุ่งผ้าก็ไม่สุงสิงเช่นกัน...พวกนี้จะพูดน้อยกินน้อยไม่กินเนื้อสัตว์...มีแส้นุ่มๆไว้คอยปัดแมลง....
การเอาคำสอน ยกขึ้นมาเปรียบเทียบนี้ น่าจะ น้ำหนักหายไปมาก คับ
อหิงสา นี้อาจมีมาก่อน แต่ก็ไม่ถีงที่สุดก็ได้
เปรียบคำว่า "อุเบกขา" กับ "สัมมาอุเบกขา" นี้ตางกันแบบ คนละเรื่อง เป็นต้นครับ
มีอยู่อีกนะในพระไตรปิฏก ก็ให้เห็นชัดว่า พวกนิครน นี้มีการรับคำสอนของพระพุทธเจ้า น้อมนำไปปฏิบัติมาก หลายๆ อย่างอยู่มาก ไปพัฒนาเพิ่มเติมในคำสอนเดิม
ยกตัวอย่าง
การคงอยู่ของคำสอนของศาสดา ที่จะ มีเหตุให้สูญไป หรือคงอยู่ได้นาน เป็นต้น
การดูแลตอนรับพระอรหันต์ เป็นต้น
จากความจำมาอย่างคร่างๆ นะครับ (ไม่ตรงเปะทุกอักษรเลยทีเดียว)
โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่า
สองท่านนี้ ไม่เคยเจอกัน
โดยที่นิครนนาฏบุตร กับ ท่านมหาวีระ ไม่ใช่คนเดียวกัน
เพราะคิดว่า พวกนิครน กับ เชน ไม่ใช่พวกเดียวกัน
เพราะ สมัยพุทธกาล นักบวชเปลือยกาย มีหลายพวก เพราะฉะนั้น จะไม่สามารถอนุมานได้ว่า นักบวชชีเปลือยต้องเป็น เชน เท่านั้น
อีกทั้งหลักในแง่หลักธรรมและความประพฤตินั้น พวกนิครน ฝักใฝ่ไปในทางลาภสักการะ ชื่อเสียง และ ชอบแข่งดี แข่งเด่น กับ พุทธศาสนาเป็นประจำ เรียกได้ว่า ในพระไตรปิฎก จะเจอเรื่องราวพวกนิครน เยอะมาก
แต่ในส่วนหลักธรรมของเชน นั้น มุ่งเน้นขจัดกิเลสโดยส่วนเดียว(แต่จะสุดโต่งไปหน่อย-อัตตกิลมัตถานุโยค)
และเป็นผู้มักน้อย สันโดน ไม่เบียดเบียน ไม่แสวงหาชื่อเสียง ซึ่งแตกต่างกับพวก นิครน ไปเลย
ในส่วนนักบวช ที่เป็นสาวกของเชน นั้น อาจจะเคยพบพระพุทธเจ้า อันนี้เป็นไปได้
อนึ่ง มีข้อน่าสังเกตว่า การที่หลักธรรมของเชนกับพุทธคลายกันบางอย่างนั้น(เพียงแต่คล้ายบางอย่าง) อันนี้เห็นว่าไม่แปลกเท่าใด แต่ส่วนที่แปลกใจคือ ประวัติท่านทั่งสอง มีความคล้ายกันอยู่
จึงทำให้คิดได้ว่า ประวัติท่านวีระ อาจจะถุกสาวกของท่าน แต่งขึ้นในภายหลัง โดยดัดแปลงมาจากประวัติพระพุทธเจ้า หรือไม่ก็เชนเกิดหลังพุทธ ไปเลย ดังนี้
ทุกศาสนามีดีคนละแบบ แต่ที่แน่ฯ คนพุทธด้วยกัน ชอบ ทะเลาะกันเองในเรื่องศาสนา😂 ไม่เหมือน อิสลาม เค้าจะเข้มแข็งในเรื่องนี้มากฯ ต่อให้ พระอัลเลาะห์ไม่มีจริงก็ตาม😅 อิสลามเค้าจะรักกันดีมากฯ 😂 มันน่าคิดนะว่าไหม🤣🤣🤣👌
เอาจริงๆ ผมเห็นวัดในอินเดียของศาสนาเชน คนอินเดียคนบางคนยังนับถือ ศาสนาเชนอยู่ครับ ส่วนนักบวชเชน อันนี้เขาจะเรียกว่า นิกายทิคัมพรครับ. จริงๆ เรื่องนักบวชเชน ก็ปล่อยเป็นความเชื่อเขาไปครับ สมมุติ นักท่องเที่ยวหลายๆ เดินผ่านๆ นึกว่าแก้ผ้ารึเปล่า อันนั่นไม่ได้ว่าอย่างงั้นครับมันเป็นความเชื่อส่วนตัวของคนอินเดียที่นับถือศาสนาเชนด้วยครับ คนเห็นเดินผ้า อย่าไปยุ่งนักบวชเชนเลยครับ มันเป็นธุระของเขา พวกนักท่องเที่ยว ก็ไม่ได้ไปยุ่งนักบวชเชนอยู่แล้ว