ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
#gaslight ความสัมพันธ์ที่ต้องรีบหนีห่าง #สื่อสารทางวิทยาศาสตร์สวัสดีครับ ผมคิดว่าหลายคนนะครับน่าจะได้เห็นข่าวเรื่องของนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์นะครับ แน่นอนเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ทำให้รายการของใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์ของ The Standard เนี่ยต้องปิดตัวลงนะครับ ผมก็จะไม่วิจารณ์เรื่องของเหตุการณ์เหล่านี้นะครับแต่ว่ามันมีคำศัพท์คำนึงซึ่งหลายๆคนก็ถามแล้วก็สงสัยว่ามันคืออะไรนะครับก็คือคำว่า Gaslight นั่นเองนะครับ วันนี้ผมก็เลยอยากจะเอาคำๆนี้มาอธิบายว่ามันคืออะไรแล้วก็มันอันตรายอย่างไรบ้างนะครับให้ทุกคนฟังนะครับพบกับผมนะครับ นายแพทย์ธนีย์ ธนียวันนะครับ เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัดนะครับสำหรับดราม่าเรื่องของนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์เนี่ยนะครับก็มีการเปิดเผยมาหลายๆอย่างนะครับแล้วก็แน่นอนว่ามันคงต้องมีเหตุเบื้องหลังที่เราไม่รู้อีกหลายอย่างนะครับซึ่งพอผมไม่รู้เหตุการณ์เบื้องหลังเนี่ยผมก็จะไม่วิจารณ์ใดๆทั้งสิ้นนะครับมันอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือว่าไม่ก็ได้นะครับหรือบางกรณีอาจจะมีส่วนที่จริงแล้วก็มีบางกรณีที่มันไม่จริงปนๆกันไปแต่เนื่องจากว่าผมเป็นคนอยู่นอกเหตุการณ์นะครับก็จะไม่สามารถที่จะอธิบายอะไรลงลึกไปได้นะครับหรือว่าบอกว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูกหรือยังไงนะครับ
1️⃣อย่างไรก็ตามวันนี้ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนมารู้จักคำๆหนึ่งก็คือคำว่า Gaslight นะครับแก๊ส Gaslight เนี่ยจริงๆมันเป็นพฤติกรรมการควบคุม การปั่นประสาทคนคนหนึ่งเพื่อที่จะให้เขารู้สึกสงสัยในความเป็นจริง แล้วก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของคนที่ทำการปั่นประสาทเขานะครับ Gaslight เนี่ยจริงๆมันเป็นพฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งนะครับ ผมเคยได้กล่าวเรื่องคำๆนี้ไปแล้วในกรณีของคลิปที่ผมทำเรื่องของน้องปิ่นปิ้นนะครับที่มีคนออกมาดราม่านะครับเป็นเกรียนคีย์บอร์ดไปว่าน้องเขานะครับ คำๆนี้ก็คือ Machiavellianism นะครับ Machiavellianism เนี่ยมันเป็นปรากฏการณ์เป็นบุคลิกภาพของคนประเภทหนึ่งซึ่งหลงในอำนาจของตัวเองนะครับ ต้องการหลอกใช้คนแล้วก็หนึ่งในพฤติกรรมของเขาก็คือ Gaslighting นะครับ Gaslight นี้มันมีที่มาจากบทละครอันนึงนะครับ ชื่อบทละคร Gaslight นี่แหละครับ ตอนแรกมันเป็นบทละครเวทีออกมาเมื่อปี 1938 นะครับแล้วหลังจากนั้นก็โด่งดังเลยทำมาเป็นบทละครทางทีวีนะครับออกอากาศเมื่อปี 1944 นะครับโดยในเรื่องนี้จริงๆก็คือมีนักร้องโอเปร่าชื่อดังเลยครับชื่อคุณอลิสนะครับโดนฆาตกรรม แล้วพอโดนฆาตกรรมและหลานสาวคนเดียวของเขาก็เป็นกำพร้าชื่อคุณพอลล่านะครับ พอลล่านี่ก็ถูกส่งไปอยู่ที่อิตาลีเพื่อที่จะเดินตามรอยเท้านักโอเปร่าอย่างคุณอลิสก็โด่งดังขึ้นมานะครับ แล้วคุณพอลล่าก็แต่งงานนะครับ ตอนแต่งงานเนี่ยนะครับก็ดูหวานชื่นดีอยู่ แล้วก็สุดท้ายเขาแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านของคุณอลิสนี่แหละนะครับ โดยหารู้ไหมว่าคนที่เขาแต่งงานด้วยคือคนที่ฆ่าคุณอลิสนะครับเพื่อที่จะฮุบสมบัตินะครับ ตัวร้ายเนี่ยเขาก็พยายามเพื่อจะกลับมาอยู่ในบ้านของคุณอลิสนะครับเพราะว่ามันมีสมบัติชิ้นหนึ่งซึ่งตอนที่เขาฆ่าแล้วเนี่ยเขายังไม่สามารถออกไปได้ แล้วสุดท้ายก็ไปเจอว่าอยู่ที่ชุดของคุณอลิสนี่แหละนะครับก็เลยพยายามทำยังไงก็ได้เพื่อที่จะฮุบสมบัติชิ้นนี้แล้วก็ฮุบทุกอย่างที่เป็นของคุณอลิสแล้วก็ของพอลล่าทั้งหมดนะครับ โดยตอนนั้นพลอลล่าเขากลับไปอยู่บ้านของคุณอลิสเขาก็รู้สึกว่าเสียใจยังจำภาพทรงจำเก่าๆได้อยู่นะครับ ตัวร้ายนี้ก็บอกว่า “เอาของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณอลิสเนี่ยไปเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาแล้วก็ปิดไปเลย” นะครับ แล้วทีนี้พอปิดไปเลยเนี่ยนะครับก็เริ่มสร้างเรื่องต่างๆให้เริ่มมีความเข้าใจผิดละนะครับ เช่น ในตอนที่เขาเอาของไปเก็บบนนั้นแล้วปิดเข้าไปเนี่ยมันมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ข้างๆสามารถปีนเข้ามาได้เขาก็ปีนเข้าไปในบ้านนั้นนะครับเข้าไปในห้องใต้หลังคา แล้วพอเข้าไปในห้องใต้หลังคา เขาเข้าไปเพื่อจะค้นสมบัติดูว่ามีชิ้นไหนที่สำคัญเขาจะได้เอาไปนะครับ แต่เขาค้นแล้วค้นอีกก็หาไม่เจอ ในช่วงที่เขาเข้าไปในนั้น การที่เขาจุดไฟตะเกียงข้างบนเนี่ยนะครับมันทำให้บ้านข้างล่างเนี่ยไฟมันหรี่ลงนะครับ Gaslight เนี่ยไฟมันหรี่ลงนะครับ แล้วทุกๆครั้งตอนี่ตัวร้ายนี้ออกไปจากบ้านไฟก็จะหรี่ลง ซึ่งจริงๆเขาไม่ได้ออกไปจากบ้านหรอกครับ ออกไปแล้วก็แอบเข้ามาในห้องใต้หลังคาเพื่อที่จะค้นสมบัตินะครับ
2️⃣ที่นี้ก็เริ่มสงสัยเอ๊ะทำไมมันมีเสียงกุกกักกุกกักข้างบนนะครับหรือว่าเสียงตัว Gaslight เนี่ยมันทำไมหรี่ลงนะครับ คุณพอลล่าเขาก็ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้นนะครับ ปรากฏว่าเขาโยนความผิดว่า “คุณคิดไปเองหรือเปล่า มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก” นะครับ ก็ทำให้สงสัยในหลายๆอย่างขึ้นมานะครับ ทีนี้พอทำให้สงสัยในเรื่องพวกนี้แล้วเนี่ยมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าเราประหลาดหรือเปล่า คนเหล่านี้ที่ทำ Gaslighting เข้าไปพยายามจะกันคนที่เขาทำ Gaslight นี่ออกจากสังคมนะครับ พยายามโดดเดี่ยวเขานะครับ เวลาออกงานสังคมผู้ร้ายคนนี้เขาจะบอกว่า “ พอลล่าเนี่ยจริงๆเขาเป็นนักขี้ขโมยนะ เห็นไหมออกมาข้างนอกแล้วเดี๋ยวจะสร้างปัญหาเราต้องเก็บเขาไว้นะครับ แล้วจะพยายามเอาเขาเข้าไปอยู่โรงพยาบาลบ้า” นะครับ แต่ปรากฏว่าก็ได้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนะครับพระเอกนี่ก็คือเป็นคนที่ชอบคุณพอลล่าตั้งแต่แรกๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วมาเห็นพฤติกรรมว่าทำไมเขาถึงดูแปลกๆ ทำไมถึงดูมีความวิตกกังวลสูงกว่าปกตินะครับ ก็ไปสืบจนกระทั่งเจอว่าเป็นเพราะแบบนี้นี่นั่นเอง และสุดท้ายเขาก็จับได้นะครับ หนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นที่มาของพฤติกรรม Gaslight นะครับ ทีนี้ Gaslgihter นะครับหรือว่าคนที่เขาทำการ Gaslight คนเนี่ยนะครับจะมีพฤติกรรมแบบไหนบ้างนะครับ?🌀ข้อแรกก็คือเขาพยายามที่จะบิดเบือนความจริง ไม่ยอมรับความจริงนะครับ เช่น เขาอาจจะทำอะไรสักอย่างแล้วคุณไปพูดกับเขาว่า “ตอนนั้นที่คุณพูดอย่างนี้มันหมายความว่าอะไร?” เขาอาจจะบอกว่า “เขาไม่ได้พูด ไม่ได้ทำ คุณคิดของคุณไปเองหรือเปล่า?” นะครับ “เข้าใจไปเองมั้ง” นะครับ คือบิดเบือนทำให้เรารู้สึกแปลกๆ มันไม่ใช่ แล้วทำบ่อยๆจนกระทั่งเราเริ่มสงสัยว่าเอ๊ะตกลงคนที่เข้าใจผิดนี่คือเราเองหรือเปล่า!? นะครับ แล้วทุกๆครั้งที่เราพยายามเอาเรื่องอะไรสำคัญมาพูดเขาก็จะลดทอนความสำคัญนั้นนะครับ ภาษาอังกฤษเราจะเรียกว่า Belittle นะครับ หรือ Trivialization นะครับ Trivial นะครับ คือเล็กๆน้อยๆ เราทำให้มันเล็กน้อยลงนะครับ ก็เป็นการที่จะทำให้เหมือนกับทุกๆอย่างมันแย่ลงนะครับ ทำให้ทุกอย่างที่เราพูดมามันดูไม่มีความสำคัญหมดนะครับเราคิดของเราเองเราคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นะครับ หรือเขาก็จะพูด “อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตซิเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย” นะครับ ทุกๆอย่างที่มันดูเป็นเรื่องใหญ่เขาจะทำให้มันเป็นเรื่องเล็กเสมอ ไม่ว่าเราจะว่ามันสำคัญยังไงเขาก็บอกไม่เห็นมันสำคัญคนอื่นเขายังไม่เป็นไรทำไมคุณถึงโวยวายอะไรนักหนานะครับ จะใช้คำพูดทำนองนี้นะครับ
3️⃣🌀อีกอย่างหนึ่งคือโยนความผิด บางทีเขานั่นแหละครับเป็นคนผิดนะครับแต่เขาจะโยนมาว่า “คุณนั่นแหละเป็นคนทำ”นะครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาสักเรื่องนึงไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่เขาจะโยนให้คุณเป็นคนทำหมดนะครับ จริงๆคือเขาเป็นคนทำอันนี้มันมีภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Projecting นะครับ Project ความรู้สึกหรือการกระทำของเราไปให้คนอื่น สมมติว่าผมเป็นคนทำ Gaslight ผมก็จะคิดว่าคุณนี่แหละเป็นคนทำในสิ่งที่ผมทำ จริงๆผมเป็นคนทำนะแต่ผมจะโยนให้คุณ โยนความผิดชัดๆเลยนะครับ แบบนี้อีกฝ่ายก็จะรู้สึกมีปัญหาขึ้นมานะครับ แล้วก็จะพยายามโดดเดี่ยวคุณออกจากสังคมให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจนะครับ ทั้งหมดนี้มันจะทำให้คุณสงสัยในความเป็นจริง สงสัยในความถูกต้อง สงสัยในสิ่งที่คุณคิดว่าจริงหรือเปล่านะครับ หรือจริงๆคนที่ผิดคือเรา เราอดทนไม่พอ คนอื่นเขาอดทนแต่เราอดทนไม่พอ เราเริ่มสงสัยเราเริ่มรู้สึกว่าจริงๆเราต้องขอโทษไปซะทุกเรื่อง เรื่องนี้เราไม่ผิดแต่ก็รู้สึกว่าเราผิด เราต้องขอโทษ เราไม่มั่นใจในตัวเอง เรารู้สึกว่าเราสูญเสียตัวตน เรากลัวว่าเราทำอะไรก็จะผิด กลัวว่าจะทำให้คนอื่นผิดหวัง เรายังผิดหวังในตัวเองเลยนะครับ มันจะเริ่มมีความรู้สึกอย่างนี้ใส่เข้าไปในหัวเราเรื่อยๆๆจนกระทั่งเรารู้สึกว่าเราทำอะไรไม่ได้เลยนะครับ สูญเสียความเป็นตัวตน แล้วคนคนเดียวที่จะช่วยเราได้ก็คือคนที่ทำ Gaslight เรานั่นแหละนะครับ เราจะมีเขาอยู่คนเดียวในชีวิต เรากลัวที่เวลาเราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นจะกลัวว่าคนอื่นเขาจะไม่คิดเหมือนเรา เรากลัวว่าคนอื่นเขาจะว่าเราบ้าเราคิดไปเองหรือเปล่า เพราะว่าคนที่ทำ Gaslight นี้มันจะใส่หัวเราเรื่อยๆว่า “เราคิดไปเอง คุณคิดไปเองนะ คิดมากไปคนอื่นก็ไม่เห็นคิดอย่างนั้นเลย” เราก็โดนล้างสมองไปเรื่อยๆทำให้เวลาที่เราจะไปบอกคนอื่นจะไปถามพ่อถามแม่ถามเพื่อนถามคนที่เราเชื่อถือได้เราก็ไม่กล้า มันโดดเดี่ยวเราอย่างนี้ล่ะครับ นี่คือปัญหาของ Gaslight
4️⃣ทีนี้คนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้นะครับ?☑️อันแรกก็คุณต้องเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเรารู้สึกว่าทุกๆครั้งที่เราไปคุยกับคนคนนี้ทำไมเขาทำไมเขาถึงคิดว่าเราไม่สำคัญ ทุกๆอย่างที่เราพูดเราดูเหมือนเป็นคนผิดหมดเลย บางอย่างที่เราเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆทำไมเขาคิดว่าเราเชื่อไม่ถูกต้องในสิ่งที่เราเชื่อนะครับ ☑️ต่อมาสิ่งที่คุณควรจะต้องทำก็คือพยายามเชื่อสัญชาติญาณตัวเองไว้ก่อนนะครับ ☑️หลังจากนั้นพยายามเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆเวลาที่เขาพูดอะไรมาเราเก็บรวบรวมหลักฐานเอาไว้ตรวจสอบว่าสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เราคิดมันเป็นยังไง ถ้าเกิดเราตรวจสอบแล้วสิ่งที่เขาพูดมันไม่ตรงเรื่อยๆ อย่างนี้คุณต้องสงสัยแล้วคุณโดนล้างสมองแล้วนะครับ ทีนี้เวลาที่คุณโดนล้างสมองแบบนี้เนี่ยนะครับเราก็ต้องกังวลแล้วว่าเราจะทำยังไงดี ทีนี้พอเราเข้าใจแล้วว่าเราโดนล้างสมองคุณต้องหาทางปรึกษาคนที่คุณไว้ใจได้นะครับ การยืนยันความจริงที่มันโดนบิดเบือน มันจะยืนยันได้ด้วย 2 อย่าง1 หลักฐานนะครับ หลักฐานที่คุณเก็บมานี่แหละ2 คือบุคคลที่ 3 ที่อยู่นอกวงสนทนานะครับ ดูว่าเขาคิดยังไง แล้วถ้าเรารู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเราอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Gaslight สิ่งที่คุณต้องทำเลยนะครับมีอย่างเดียวคือออกมาจากความสัมพันธ์นั้นให้เร็วที่สุด มันไม่มีทางที่คุณจะอยู่กับความสัมพันธ์นั้นได้เพราะว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ Toxic มากๆและจะเป็นอย่างนี้ตลอด มันจะเหนื่อยกายเหนื่อยใจเหนื่อยทุกอย่างคุณต้องพยายามทำทุกอย่างนะครับ คุณจะต่อสู้กับ Gaslight ได้มันมีวิธีเดียวคือคุณต้องเป็นคนที่เข้มแข็งทางจิตใจมากๆซึ่งถ้าคุณเข้มแข็งทางจิตใจมากๆคุณก็ไม่โดน Gaslight ตั้งแต่แรก หมายความว่าถ้าคุณรู้สึกเครียด รู้สึกว่าความสัมพันธ์มันไม่ดี รู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกใช้ รู้สึกว่าความจริงมันบิดเบือนไป แล้วก็รู้สึกว่าคุณทำอะไรก็ผิดนะครับ คุณทำแล้วกลัวผิดหวัง กลัวคนอื่นเขาไม่เห็นด้วยนะครับ ถ้าคุณมีความรู้สึกแบบนี้ก็แปลว่าคุณไม่สามารถช่วยตัวเองออกมาจากเหตุการณ์ได้ คุณต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้วดึงตัวเองออกมาให้เร็วที่สุดนะครับ
5️⃣เคยมีคนบอกว่าให้พยายามเซ็ตขอบเขตบอกว่า ถ้าเขาพูดอะไรมาเราก็บอกเขาโต้ตอบไปเลยว่า “เราจะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ“ บอกไปตรงๆ แต่ว่าแน่นอนคนที่เขาเป็น Gaslighter เขาจะบอกว่า ”ก็คุณทำนี่ จะมาพูดอย่างนี้ไม่รับผิดชอบได้ยังไง“ นะครับ แล้วคุณจะสู้กลับเขาไปอย่างไร คุณก็สู้เขาไม่ได้ ดังนั้นคนที่รู้ตัวและเริ่มรู้ตัวว่าเราอยู่กับคนคนนี้เราเริ่มไม่สบายใจแต่ก็รู้สึกว่าเราไม่ปลอดภัย เราไปคุยกับใครก็ไม่ได้ก็เดี๋ยวเขาหาว่าเราบ้าเราเพี้ยนเราไม่อดทนเราอะไรสักอย่างหรือเปล่า ถ้าแค่คุณมีความรู้สึกแค่นี้เลยนะครับแปลว่าคุณโดนแล้วครับ คุณควรจะต้องรีบหาคนอื่นเป็นที่พึ่งแล้วออกมาจากความสัมพันธ์นั้นให้เร็วที่สุด คนที่ยิ่งอยู่ใน Gaslighting นานๆนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณก็คือ 🔘 คุณจะมีความเครียดระยะยาวเลยนะครับ 🔘 มีความวิตกกังวลว่าเขาจะว่าอะไรเราอีกหรือเปล่าวันนี้ เขาจะสั่งให้เราทำอะไรเราก็ต้องทำนะครับ แล้วมันจะสูญเสียความเป็นตัวตนไปเรื่อยๆยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีปัญหานานนะครับ ยิ่งโดนล้างสมองนานนะครับ พวกนี้เราจะเห็นเขาใช้ทางการเมืองเรื่อยๆนะครับ ทางการเมือง เช่น อาจจะมีบางคนที่โดนล้างสมองให้ทำตามอยู่เรื่อยๆ ข่าวช่วงที่ผ่านๆมาก็มีบางคนนะที่โดนแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ยกตัวอย่างละกันเดี๋ยวมันจะเข้าการเมืองเกินไปนะครับ บางกรณีก็อย่างกรณีของไซยาไนด์เป็นยังไงโดนล้างสมองกันสนุกเลยใช่ไหมครับ นั่นแหละทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องพึ่งเขานะครับทุกๆอย่างที่เขาทำมันไม่ผิดแต่คนที่ผิดมันเราเองนะครับ 🔘 ความเครียดพวกนี้ก็จะมีปัญหาทำให้นอนไม่หลับนะครับ 🔘 ทำอะไรก็ทำไม่ได้นะครับ เกิดภาวะวิตกกังวล เกิด PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) ตามมานะครับมีผลต่อร่างกาย ร่างกายก็จะเจ็บป่วยเรื้อรังต่างๆนะครับตามมาเยอะแยะไปหมดเลยนะครับ
นอกจากจะโดดเด่นเป็นผู้้้้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์การรักษาแล้ว คุณหมอยังเก่งด้านจิตวิทยาอีก การวิเคราะห์ก็มีการเปรียบเทียบอ้างอิงให้เข้าใจง่าย อธิบายเหตุ ผล บอกข้อสังเกต และบอกแนวทางการแก้ไขให้ ขอบคุณคุณหมอสำหรับความรู้ ชอบความอัพเดตเรื่องราว ข่าวต่างๆเพื่อให้เราเหล่า fc ได้รู้ เท่าทันในยุคสังคมที่มีอะไรแอบแฝงมากมายไปหมด🙏😊
😢😢😮😮
คุณหมอเล่าได้เข้าใจง่ายขึ้น น่าฟัง ขอบคุณมากที่ทำให้ได้รู้อะไรลึกมากกว่าเดิม เพราะฟังเรืองของอาจารย์ท่านหนึ่ง แล้วพูดถึงเรื่องนี้ คุณหมอทำให้มีความเข้าใจมากๆๆๆ
การเอาตัวออกห่างจากคนที่ toxic เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง หากรู้สึกอยู่กับใครเเล้วรู้สึกไม่ดี รู้สึกต้องทน ต้องฝืน ต้องพยายาม รู้สึกเเย่กับตนเอง นั่นคือ Toxic ชนิดนึง ต้องเอาตัวออกให้ห่างเลย
เห็นด้วยมากๆค่ะ การออกให้ห่างเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ทำร้ายไม่จองเวรกัน แต่กรณีที่ทำไงก็หนีไม่พ้นอันนี้เรียกว่าเวรกรรมติดตัวจากชาติที่แล้วค่ะ 😂
ถ้าคน toxic ใส่เราคือผู้บังคับบัญชาเรา เราควรทำอย่างไร
@@user-np5kq8gs6iลองค่อยๆนึกถึงข้อดีของคุณหัวหน้าแล้วเขียนลงไปในกระดาษเป็นข้อๆให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อน แล้วตามด้วยข้อเสียของเค้าจ้ะพอมีข้อมูลคร่าวๆที่เริ่มชัดเจนขึ้น ก็ให้นัดเจอจิตแพทย์เลยค่ะ เอาแบบที่เป็นคุณหมอเลยนะคะ ไม่ใช่นักจิตวิทยา เพราะเท่าที่พี่เคยฟัง คุณหมอจะมีระดับความคิดความอ่าน การแนะนำได้ในระดับพระอริยะ (ภูมิธรรมไม่ถึงก็จริง แต่สติปัญญา คือ ผ่านฉลุย..คนที่มาปรึกษาได้พบทางออกแน่นอนค่ะ..(เพราะเพิ่งมีพี่ที่รู้จักคนนึงพาน้องสาวที่เป็นข้าราชการรักษาซึมเศร้ามาหลายปี ประสบปัญหาเจอเพื่อนร่วมงานหลายคนทุกที่..มีอุปนิสัยชอบแทงข้างหลัง..จิตตกจนยาเอาไม่อยู่เริ่มเบลอ..คิดวนลูปเดิมตลอดเวลา..จนพี่สาวต้องไปด้วยเพื่อคุยเล่าเรื่องที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวมาบ้าง..คุณหมอรับฟัง ให้ข้อคิดแนะนำ และยอมรับการตัดสินใจที่จะลาออกจากงานเพื่อจะเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ต่างประเทศกับเพื่อนเรียนสมัยมัธยม เพื่อหาเงินมาสร้างบ้านไว้ใช้ชีวิตในบั้นปลายที่บ้านสวนกับพี่สาวแต่ในคหสต.ของพี่ คิดว่ายังไงเปอร์เซ็นต์ที่น้องเค้าจะเจอแบบเดิมอีกครั้งก็มีสูงอยู่ เพราะขึ้นชื่อว่า..คน..แล้ว..วุ่นวายได้ทุกที่แหละจ้ะ แต่อาจจะเป็นการพบเจอที่จะทำให้ชีวิตเกิดการตกผลึกทางความคิดครั้งใหญ่ที่ว่า สุดท้าย..ทางออกที่ดีที่สุด..คือ การกลับมาดูแลสวนผลไม้ของพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่พวกท่านได้ปลูกทิ้งไว้เป็น 10 ปี จนมันเริ่มออกดอกออกผลและเก็บขายได้บ้างแล้ว อายุราชการก็ครบตามกฎกติกา ลาออกได้แล้ว บำนาญอาจได้ไม่มากแต่ก็มีตังค์ซื้อข้าวกินครบ 3 มื้อได้ทุกวันแน่นอน บางทีการอยู่กับธรรมชาติที่เป็นพวกต้นไม้กับสัตว์พวกหมาแมวสักตัวสองตัวมากขึ้น..วุ่นวายกับคนน้อยลง สภาพจิตใจน่าจะแช่มชื่นเบิกบานได้ง่ายขึ้นในแต่ละวันพอสมควรเลยนะคะขอแค่คุณน้องเล่าให้คุณหมอท่านฟังด้วยใจเป็นกลางๆ แบบไม่อคติ โอกาสที่จะพบทางออกที่ดีที่สุดก็จะเกิดขึ้นตามมาแน่นอนจ้ะ ในเคสเพื่อนพี่ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทเลยรู้ว่า เค้าจะเปิดใจแบบ 360 องศากับพระสงฆ์เท่านั้น ด้วยความที่เค้าเป็นคนชอบช่วยคนในยามคับขันอยู่เนืองๆ อานิสงส์เลยได้เจอพระอริยเจ้าในระดับที่ขุดทุกปัญหามาแนะนำให้พบเจอทางออกได้ทั้งหมด ตอนนั้นเพื่อนพี่ก็ร้องไห้เป็นเผาเต่าเพราะเครียดสะสมมามาก เลยรับฟังได้ไม่หมด ความทีพี่เป็นผู้ฟังที่ดี เพื่อนๆก็จะชอบมาระบายทุกข์ให้ฟัง พี่ก็ต้องมาแปลขยายความให้ฟังว่าท่านหมายถึงอะไรๆอีกครั้ง กว่าจะผ่านไปได้ก็หืดขึ้นคอพอสมควรจ้ะยกตัวอย่างมา(ยาวมาก)พอให้คุณน้องเห็นการแก้ปัญหาใน 2 เส้นทางแบบคร่าวๆ แต่ใดๆไปพบจิตแพทย์ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเราเจอพระไม่แท้ชีวิตยิ่งเครียดกว่าเดิมอีกเท่าตัวแน่นอนค่ะ ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยให้คุณน้องผ่านพ้นสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยดีจ้ะ💕✌️✌️
กราบขอบพระคุณอาจารย์หมอแทนนะคะ ที่กรุณาแนะนำให้เราเข้าใจทันโลกไม่ตกยุค คำว่า Gaslighting นี่ ก็เพิ่งจะพูดกันบ่อยเมื่อเร็วๆนี้เอง และมีคนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจความหมายจริงๆ แล้วใช้คำนี้ผิดที่ผิดทาง พฤติกรรมดังกล่าวแฝงอันตรายต่อสังคมไม่น้อย แต่สิ่งที่สำคัญมากถึงมากที่สุด มีอิทธิพลได้มากกว่าลมปากของ Gaslighter ก็คือจิตใจของเรานั่นเอง จริงอยู่ที่การเชื่อคล้อยตาม ยอมให้เขาชักจูง มันมีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์อันเคยดีมาก่อน แต่ตัวเราเองต้องมีพื้นฐานที่จะรักตัวเองมาก่อนด้วยเช่นกัน รักตัวเอง เชื่อมั่นว่าเราแข็งแกร่ง เชื่อมั่นในวิจารณญาณตัวเอง เชื่อมั่นในคุณค่า ความดีงามและความสามารถของตัวเอง เชื่อมั่นในความรักจากครอบครัวเรา จากเพื่อนฝูงมหาศาล แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถเป็นปราการป้องกันจากผู้ที่หวังครอบงำเราได้ อีกประการหนึ่งที่ใครก็ช่วยเราไม่ได้คือความกล้าในการตัดความสัมพันธ์อัน Toxic นั้นอย่างเด็ดเดี่ยว เราจะใจแกว่งๆได้แค่วินาทีที่ก้าวขาพ้น แล้วจิตใจมันจะดีขึ้นเลย ..ถ้าความสัมพันธ์มันไม่ดีจะเก็บจะถือไว้ทำไม..เผาพริกเผาเกลือส่งไปซะเพื่อนๆ
โดนมากับตัวค่ะ ทำอะไรก็ผิดในสายตาเค้าตลอด ถูกทำร้ายจิตใจ โยนความผิดมาให้ทั้งๆที่ถูกเข้าใจผิดมาตลอด สูญเสียความเป็นตัวตน toxic มากๆค่ะ
❤
คุณสมบัตินี้ คือแม่เราเลยคะ … ซึ่งเราก็ลุกขึ้นมาตอบโต้ เมื่อรู้ความจริง แม่หลอกเราหลายอย่าง หลอกใช้เรา บงการบังคับ ให้เรารู้สึก ด้อยค่าตัวเอง รู้สึกว่าต้องทำทุกอย่างๆให้แม่ ;( ตอนแรกไม่เชื่อคะ แม่เราไม่มีวันทำร้ายเรา แน่นอน ที่ไหนได้ แม่ทำทั้งหมด กว่าเราจะทำใจยอมรับได้ เสียใจมาก พอสมควรคะ ทุกวันนี้พยามไม่ ให้เราโดนบงการ และเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง และ คิดวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่พูด เราจะไปถามบุคคลที่แม่เอ่ยถึงก่อน เพื่อความแน่ใจ ว่า แม่พูดจริง เพราะเคยมีกรณีเราไปชนกับเขา เพราะฟังจากแม่ฝ่ายเดียวแม่จะพูดแต่เรื่องดีๆให้ฝั่งแม่ แต่เรื่องไม่ดีโยนไปฝั่งนั้น เราก็หัวร้อน จัดไปเลย โดนด่ามาสิคะว่า แม่เราไม่ยอมคืนเงินประกันเขา และเขาจำเป็นต้องใช้เงินเพราะจะไปเปิดกิจการใหม่ เขาก็จัดมาชุดใหญ่ มีเงินซื้อไอโฟน ผ่าตัดเสริมสวยให้ลูก แต่พอเขาทวงเงินกลับบอกว่า ยังไม่มีรอก่อน จะให้เขาคิดยังไง เราเถียงไม่ออกเลยคะ ก็เลยกลับไปถามแม่ว่าจริงไหมที่เขาพูด แม่ยังไม่คืนเงินเขา? แม่บอกจริง ก็แม่จะเอาไปหมุนโน้นนี่นั่นก่อน เราก็แบบโหวแม่ คืนเข้าไปเถอะ เงินเดี๋ยวหาใหม่ เขาต้องใช้ เปิดร้าน อีกอย่างเงินเขาไม่ใช่เงินเรา คืนๆไปเถอะ แม่เราก็ยอมคืนไป แต่ก็เสียเพื่อนไปเลย … ฝ่ายตรงข้ามเราเคยรักกันมากคะ มาเสียเพราะแม่เรา ยุให้้มีเรื่องมีราวซึ่งเราก็รับไปเต็มๆคะ ออกหน้าแทนแม่ .. 😢 ตัวเราทุกวันนี้ชื่อเสียง เสื่อมเสีย เพราะแม่นี่แหละคะ นี่ก็พยามเข้มแข็งอยู่ ไม่ได้อยากเอาเรื่องในครอบครัวมาเล่านะ เพียงแต่ เราเจอมาอยากแชร์ประสบการณ์คะ
เสียดายรายการฟิสิกข์ดีๆที่หาได้แสนยากในประเทศไทย ในประเทศนี้เปิดทีวีขึ้นมาเจอแต่รายการแข่งร้องเพลง แต่หารายการที่มีสาระจริงๆแทบไม่ได้เลย
คล้ายสามีเราเลยค่ะ เป็นคล้ายนั้นเลย ไม่ยอมรับความจริง โกหก ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีสัจจะ โยนความผิด แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องเล็กๆทั่วไป เราก็ว่าอยู่ทำไมดูแปลกๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ดูผิดปกติ ผิดแล้วก็ปัดๆไปไม่เคยว่าตัวเองผิดสักครั้ง พูดเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย เราพูดตรงๆ พูดตามข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น พูดถึงเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง เราพูดแต่สิ่งที่มันสำคัญมากๆ แต่เขาก็จะตอบตรงกันข้ามกับเราเสมอ เขาจะพูดมาแบบหล่อๆสวยหรู เหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูตลอดเวลา เหมือนคำพูดเรามันไม่มีคุณค่าอะไรเลย เขาไม่รับฟังความคิดเราเลย เขาไม่ใส่ใจ เขาไม่รู้ความรู้สึกเราถึงจะแสดงออกมากแค่ไหนก็ตาม อารมณ์เขาเหมือนหุ่นยนต์ แต่เราเป็นคนที่ดูภาษากายคนออก เราก็รู้ว่าภาษากายเขามันคืออะไร เขาก็ไม่เคยยอมรับ พวกเราเป็นคู่ที่มีความสัมพันธ์ที่เป็นพิษมากจริงๆค่ะ เราอาจเป็นซึมเศร้า ไม่เห็นค่าตัวเอง หรือไม่มั่นใจในตัวเอง ก็เพราะแบบนี้นี่เอง แต่ 4-5 ปีมานี่เราไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลย 99% เขาเป็นคนจิตใจดีนะคะ ไม่โกง ไม่เจ้าชู้ เป็นคนใจเย็น นิ่งสงบ ไม่เคยทำร้ายตบตีเรา แต่! เหมือนเป็นพระเอกที่เป็นตัวร้าย หรือเป็นตัวร้ายที่พยายามเป็นพระเอก เหมือนมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัว เหมือนสองคนในคนเดียว คือจะดีก็ไม่ใช่ จะเลวก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่รู้ อยู่กันมา 10+ ปี เหมือนเราไม่รู้จักเขาเลยว่าเป็นคนยังไงกันแน่? เราเคยสงสัยและบอกเขาว่า ถ้าไม่ใช่นิสัยนายก็คือต้องไปลองตรวจสมองดูไหม เขาก็ว่าไปสิ ที่แน่ๆคือถึงเขาจะไม่เป็นอันตรายต่อใคร แต่เขาก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย หาความจริงหรือความจริงใจไม่ได้ อย่าไปคั้นเอาความจริง อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนที่บุคลิกแบบนี้ เพราะมันเสียเวลา และจะไม่ได้อะไรเลย อยู่ใครอยู่มันดีสุด ขอบคุณที่ตัวเราเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง แล้วมันถูกต้อง ขอบคุณคุณหมอมากๆค่ะที่ไขข้อสงสัย
ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลยค่ะ แต่พอฟังคุณหมออธิบายก็สามารถเข้าใจได้ และรู้สึกว่าในสังคมทุกวันนี้มีคนแบบนี้มากขึ้นทุกวันแม้แต่คนใกล้ๆตัวเราเอง ถ้าเราใจอ่อนและขี้เกรงใจก็จะเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ได้ง่ายๆ ขอบคุณคุณหมอที่เปิดหูเปิดตาให้ทันโลกมากขึ้นค่ะ🙏🙏🙏
คนที่อาจารย์กล่าวถึง หมายถึง คนที่มีความโลภโกรธหลง ไม่มีความละอายต่อบาป ใจอำมหิต ค่ะ
คลิปใหม่มาแล้วค่ะ...หัวข้อวันนี้ เรื่อง... #gaslight ความสัมพันธ์ที่ต้องรีบหนีห่าง #นักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ทันเหตุการณ์มากค่ะอาจารย์ ขอบคุณที่กรุณามาอธิบายคำว่า gaslight นะคะ
าเข้าใจความหมายของคำ gas light ก็วันนี้เอง ค่ะอ.หมอ พูดถูกเป๊ะเลยว่า gas light คือ toxic และเราต้องมีจิตใจที่กล้าหาญที่จะเดินออกจากความสัมพันธ์แบบนี้ค่ะขอบคุณอ.หมอมากกกกนะคะสำหรับความห่วงใย ความเมตตา ที่มีให้เราๆ เสมอมา 🙏 ฟังอ.หมอแล้วพลังบวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ สวัสดีค่ะ 🙏
สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอแทน 🙏😍วันนี้คุณหมอ บอกว่าคงทราบเรื่อง ของนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นจัดรายการ ใดใดในโลกล้วนฟิสิกซ์ ถูกถอดรายการจาก สแตนดาร์ด และคุณหมอมาเล่าถึงคำว่า gaslight #ความสัมพันธ์ที่ต้องหนีห่าง เป็นพฤติกรรมการปั่นประสาท คนอื่น คนมีพฤติกรรม gaslight คือหลงตัวเอง ข่มขู่คนอื่น ให้อยู่ใต้อำนาจตัวเอง โดยเล่าถึงบทละคร1938และมาสร้างเป็นหนังเรื่องอีกครั้งค.ศ 1944 ซึ่งว่าคำว่าgaslight มาจากบทละครเรื่องนี้ เรื่องมีอยู่ว่า นักร้องโอเปร่า สาวชื่อว่า อลิศ ถูกฆาตกรรม และเธอมีหลานสาว ที่อยู่ด้วยชื่อ พอลล่า เมื่ออลิศเสียชีวิตไป พอลล่า ก็ออกจากบ้านมาเพื่อเรียน เป็นนักร้องเหมือนพอลล่า แล้ว เธอก็ได้แต่งงานกับชายคนหนึ่ง แล้วย้ายกลับมาอยู่บ้านอลิศ บ้านเดิมของเธอกับอลิศอยู่ พร้อมสามี โดยที่พอลล่าไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นคนที่ฆ่าอลิศ พอลล่ารู้สึก คิดถึงอลิศมากจึงเก็บของทุกอย่างไว้บนห้องใต้หลังคา สามี มาแต่งงานด้วยเพราะเค้าต้องการหา สมบัติ บางสิ่ง ที่อยู่กับอลิศ แต่เมื่อถูกไปเก็บแล้ว เค้าจึงหาวิธีปีนขึ้นไปค้นหา เมื่อเค้า ออกจากบ้านไป คือไม่ได้ไปไหนอยู่บนห้องใต้หลัง คา พร้อมด้วยการเปืดไฟ จึงทำให้ ไฟgaslight ในบ้านหลี่ลงทุกครั้งที่สามีพอลล่าขึ้นไปค้นหาของ จนเป็นที่สงสัย พอลล่าถามเค้าก็พูดว่าไม่มีอะไรคิดไปเอง พูดกี่ครั้ง ก็จะโดนว่า ทำเรื่อง เล็กเป็นใหญ่ ยืนยันบ่อย จนพอลล่า รู้สึกว่าตัวเอง ผิด ขาดความมั่นใจ จนวันหนึ่ง มีพระเอก ในเรื่อง เห็นความผิดปกติ จึงนำเธอออกมาจากคนที่มีพฤติกรรมนี้ ดังนั้น คนที่มีพฤติกรรม gaslighting กันพอลล่า ไม่ให้ออกสังคม หาว่าบ้า มัน อันตราย สำหรับคนที่อยู่ด้วยควรหนีห่าง เพราะเค้าทำให้ เสียความมั่นใจ ในตัวเอง เพราะทำอะไรก็โดนดุว่า ผิดไปหมด ไม่กล้าบอกใครเสียความเป็นตัวตนหดหู่ บางคนเสีย ความ เป็นตัวเองไป ถ้าอยู่กับคนแบบนี้อันตราย ต่อจิตใจ และอาจร่างกายด้วยจึงต้องออกมา และสังคมให้ความช่วย คุณ เหล่า นี้ คุณหมอให้กำลังใจ คนเป็นเหยื่อคนมีพฤติกรรม คำนี้ gaslight อยู่ขอบคุณคุณหมอค่ะ👍❤️🙏
สวัสดีค่ะคุณหมอธนีย์วิธีป้องกัน Gaslight ที่คุณหมอแนะนำคือ1) เชื่อสัญชาตญานของตัวเอง คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และยืนยันความคิดของตัวเองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง2) เก็บรวบรวมหลักฐาน เช่นใช้โทรศัพท์อัดเสียงขณะที่คุยกับคนที่ Gaslighting หรือจดบันทึกหลังจากคุยกัน3) หาทางปรึกษาบุคคลที่ 3 หรือคนที่สนับสนุนเราได้4) หากไม่สามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ควรตัดความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้ toxicตัวเองต่อไปอย่าลืมว่า "คุณค่าความเป็นมนุษย์สำคัญกว่าสิ่งใดๆ"อย่าปล่อยให้ใครมาลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์คลิปนี้สอนว่าใครชอบปั่นหัวผู้อื่น สักวันสิ่งนั้นจะสะท้อนกลับไปหาผู้กระทำขอบคุณมากค่ะคุณหมอแทนขอให้วันนี้เป็นวันดี...และดีต่อไปในทุกๆวันนะคะรักษาสุขภาพด้วยค่ะ🌻🌻🌻🌻🧡🌻🌻🌻🌻
🙏🙏🙏🙏🙏🙏
😮โอโห….ใช่เลย เจออยู่ คนพวกนี้แก้ไม่ได้ ต้องออกห่าง ถ้าเป็นคนในบ้าน ก็ห่าง ไม่ยุ่ง อย่าช่วย เพราะความซวยมันจะโยนมาที่เรา !…เราต้องไม่รับ ไม่เก็บมาใส่ใจ ก็เข้าตัวมันเอง
🙏ขอบคุณค่ะอาจารย์
ขอบคุณค่ะอาจารย์🙏🥰
เป็นประโยชน์มากค่ะอาจารย์
ขอบคุณมากๆครับอาจารย์
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ
🙏🙏🙏 ขอบคุณคุณหมอมากคะ👍❤️
😊🌼🍃ขอบคุณมากนะคะ🙏
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
😊ขอบคุณอจ.หมอมากค่ะ
ชอบมากค่ะทันทุกเหตุการณ์🙏
ชอบคลิปนี้มากค่ะ มีประโยชน์
Thank you 🙏 ค่ะ Doctor Tany
ทันเหตุการณ์มากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากคะได้ความรู้เพิ่มขึ้นคะ❤❤❤
อธิบายได้ชัดเจนมากครับ
เปิดหูเปิดตามากๆ ขอบพระคุณมากๆคะ 🙏😽😽😽😽
สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอบคุณข้อมูลนะคะ😊😍😍
คนเก่งก็คือคนเก่งนะคะ อาจารย์หมอขา
โดนอยู่ค่ะคุณหมอ ถูกฝ่ายตรงข้ามไม่หวังดี บิดเบือนความจริง เงียบมานานแล้วค่ะ ต่อไปคิดว่าจะลุกขึ้นพูดแล้ว ขอบคุณข้อมูลเชิงวิทย์ค่ะ 🙏
สวัสดีค่ะฟังสองรอบเพราะเพิ่งเคยได้ยินคำนี้ค่ะ มีน้องที่ทำงานเป็นผู้ชาย ตำแหน่งหัวหน้างาน แต่ยอมทุกคนแม้กระทั้งลูกน้องตัวเอง ไม่กล้าขัดแย้งกับใคร สุดท้ายต้องย้ายไปที่ทำงานใหม่ยอมลดตำแหน่งเป็นลูกน้อง จริงๆก็พยายามช่วยเหลือเขานะค่ะ แต่เขากลัวจนขาดความมั่นใจในตัวเอง อย่างนี้ก็ลำบากเลยนะคะ
เป็นข้อมูลที่ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากๆนะคะ
เสียดายรายการดีๆมากครับ
ขอบพระคุณค่ะ สำหรับความรู้ดีมากๆ ในทุกไปคลิปค่ะ
ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ เป็นประโยชน์ และเป็นกำลังใจมากเลยค่ะ
เจอประสบการณ์พอดีว่ามีเพื่อนที่กำลังทำ gaslighting เพื่อน ๆ ในกลุ่ม เขาพยายามบิดเบือน ว่าบุคคลหนึ่งที่เพิ่งเสียชีวิตไป เคยทำสิ่งใดไว้จึงได้รับผลกรรม รู้สึกไม่โอเคเลยที่นำคนตายมาสร้างเรื่องเพื่อหวังผลทางจิตวิทยา เป็นการกระทำที่เกินไปจริง ๆ 😐🤢
เคยเจอกับตัวค่ะ ตอนแรกก็สับสน เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วทำเช่นเดียวกันนี้กลับไปใส่เขา มันกลายเป็นสงครามประสาท สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้😂แต่เหนื่อยๆมากๆค่ะ
ผมตามตลอดเลยรายการนี้ครับ ป๋องแป๋งน้า
ขอบคุณนะคะคุณหมอคนเก่ง ให้ความรู้และแง่คิดดีมากๆ หลากหลายเรื่อง ขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณครับคุณหมอ,ได้มุมมองใหม่ๆเพิ่ม
สวัสดีค่ะ คุณหมอที่เคารพ 😊
ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ ยอมรับว่าพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เลย เป็นประโยชน์มากๆค่ะ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก เพิ่งอ่านข่าวเจอเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับความรู้และข้อเตือนภัยครับคุณหมอ ได้ความรู้ดีมากเลยครับ
ฟังคุณหมอพูดเรื่องนี้เข้าใจทันทีขอบคุณคุณหมอค่ะ🌸
เพิ่งรู้ที่มาของคำว่า gaslight วันนี้เอง ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ
รอฟังและรอติดตามครับ ❤รายการที่ the standard ถอดไปเป็นรายการที่ดีมาก แต่เข้าใจเหตุผลที่ถอดและต้นสังกัดก็รับมือได้เร็วพอควรครับเมื่อก่อนรอฟังรายการใดใด... ทุกสัปดาห์ตอนนี้ก็เก็บเป็นความทรงจำแห่งการเรียนรู้อาจารย์หมอแทนเล่าที่มาของ gaslighting ได้เข้าใจง่าย เกิดมุมไปค้นคว้าต่อได้ดีมากนึกถึงหนังจากเหตุการณ์จริงเรื่องหนึ่งที่เพิ่งดูหนังไปเลยครับเหตุการณ์จริงจากเรื่อง Killers of the Flower Moon สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรม gaslighting ได้เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้พฤติกรรม gaslighting กับชาวโอเซจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าชาวโอเซจเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม ส่งผลให้ชาวโอเซจถูกจับกุมและถูกสังหารจำนวนมาก เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรม gaslighting สามารถสร้างความเสียหายต่อบุคคลและสังคมได้เป็นอย่างมากผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยมันอาจเป็นต้นตอปัญหาสุขภาพหรือบุคลิกภาพ ถ้ามากกว่านั้นเลยเถิดอาจจะมีเหตุการณ์อาชญากรรมเกิดความสูญเสียมากขึ้น ข้อสงสัยและขัอแนะนำที่อ.หมอแทนให้มาดีมาก และรอฟังความเห็นท่านอื่นๆ ด้วย ขอบพระคุณครับ❤
ขอบพระคุณมากค่ะ อาจารย์คอยให้กำลังใจและเข้าใจผู้อื่นอยู่เสมอชื่นชมค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณหมอแทน สำหรับคำอธิบายที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายค่ะ
อาจารย์ชอบมากเลย ตรงกับตัวเองแปะเลย ขอบคุณอาจารย์หมอมากๆๆๆคะ🙏🙏🙏🙏🙏อาจารย์ใจดีจริง
ติดตามรายการนั้นเรื่อยๆ .. รู้สึก อึ้ง กับเรื่องราวปัญหาตัวบุคคล แต่ก็ต้องเข้าใจ มันเป็นผลกระทบ เสียดายรายการนั้นค่ะ #ใดใดในโลกฯ
ขอบคุณครับ🎉
ฟังคุณหมอพูดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรมีเลยความมั่นใจในตัวเอง!! มั่นใจในความคิดและความรู้สึกของตัวเองแล้วจะไม่โดนล้างสมอง 🙏
สุดยอดครับ อ. ผมนี้งงศัพท์นี้มาก สมัยผมเรียน ผมโดนเพื่อนตัวแสบทำผมเหมือนกัล ทำซะผมหมดความมั่นใจไปสักพักใหญๆเลย (เป็นปี) จนต้องหาเพื่อนคนอื่น ก็หาย แต่เกือบแย่เหมือนกันครับ ผิดไปหมด
ค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันสูงค่ะ ชอบเถียงแม่ตั้งแต่เด็ก แม่บอกซ้าย ไปขวา บอกขวา ไปซ้าย ไม่ยอมโดนควบคุมเลยค่ะ 😅
สนุกมากครับ เคยพบกับคนประเภทนี้ ตอนนั้นคิดแค่ว่าเขาเป็น Narcissistic Personality Disorder แต่เชื่อสัญชาตญาณตัวเองเพราะข้อมูลที่ให้มาแต่ละอย่างนั้นทำให้เราเกิดคำถามใสหัวตลอดว่า เขาทำอะไร ทำไปทำไม แล้วพอผูกข้อมูลต่างๆ ที่ได้เข้าด้วยกันแล้วมันดูไม่มีเหตุมีผลที่สมควรและแทบไม่ตรงกันเลย เป็นความสัมพันธ์พิษเกินไปที่จะไปต่อได้จริงๆ
ชอบฟังคลิปอาจารย์ ตอนทำงาน หรือตอนขับรถ สำหรับผมเหมือนได้ สมาธิเพิ่มขึ้น ทั้งทั้งที่หูเราก็ฟังอาจารย์อยู่ มือก็ทำนู่นทำนี่ไป😅
เคยอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เหมือนกันค่ะแต่เป็นกับเพื่อนร่วมงานค่ะ แต่ตอนนี้ลาออกมาได้4ปีแล้วค่ะ พอดีได้ดูคลิปนี้ก็เลยนึกภาพออกเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอที่ได้ให้ความรู้ดีๆ ค่ะ
เยี่ยมเลยครับอาจารย์ ผมรู้เรื่องgaslightมาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนรอบตัวเข้าใจ ส่วนใหญ่ก็ชอบคิดว่าผมคิดมากไปเอง😂
ขอบคุณครับ
❤❤❤👍👍👍🙏🙏🙏🍀🍀🍀 คลิปนี้น่าสนใจมากๆ ค่ะ เรื่องนี้หลายจุดเพิ่งรู้ มามันมีอยู่รอบตัวเราเลยในความสัมพันธ์หลายระดับหลายรูปแบบ แชร์ให้คนที่รักแล้ว เป็นประโยชน์มากๆ ขอบพระคุณนะคะ นำเสนอได้น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เคยดูช่องนี้ แต่ไม่ได้ดูรายการนี้เลยค่ะ เอาจริงที่ถูกกระทำจากคนใกล้ตัวในลักษณะ gaslight อาจจะก็มีโอกาสรู้ตัวน้อยหรือช้านะคะ กว่าจะรู้ตัวก็สูญเสียหรืออ่อนแอลงในการรับรู้ความเป็นจริงนะคะ อันตรายจากคนใกล้ตัวน่ากลัวนะคะ#ขอบคุณอาจารย์หมอมากค่ะ🥰
ขอบคุณสำหรับความรู้ในคลิปนี้มากค่ะคุณหมอ 😊 สำหรับตัวเองเคยได้ยินคำว่า Gaslighting ครัังแรกจากข่าวของอดีตคู่รัก Johnny Depp กับ Amber Heard ค่ะ แต่ไม่ค่อยเข้าใจมากนักว่าคืออะไร วันนี้ได้ฟังทั้งที่มาของคำศัพท์ พร้อมคำอธิบาย และแนวทางแก้ไขหากเจอหรืออยู่ในความสัมพันธ์แบบ Gaslighting นี้ ทำให้เข้าใจขึ้นมากเลยค่ะ
มันยากมากเลยค่ะ คือเตือนแล้ว แต่เพื่อนรักของเค้า เค้าพยายามเข้าข้างคนคนนั้น เรามองจากข้างนอก ตอนนั้นไม่รู้จักคำนี้ รู้แค่ว่า ทำไมผช.คนนี้ ทำเรื่องผิดเป็นไม่ผิด แถมยังให้เพื่อนเราผิดได้ คิดว่าเค้าmanipulateเพื่อนเรา ตอนนี้เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณหมอนะคะ ถ้าได้คุยกับเพื่อนอีก จะแนะนำเพื่อนฟังที่คุณหมอพูด
สวัสดีค่ะคุณหมอ❤
ตัวร้าย ร้ายจริงๆเลยค่ะ 😮 เพิ่งเคยฟังคำว่า gaslight และเรื่องที่คุณหมอเล่าค่ะ เห็นภาพเลยค่ะ ไฟหรี่ลง ๆ แล้วบอกว่าไม่มีอะไร โดนล้างสมอง 😊 ว่าแต่สมองล้างยังไงนะคะ 😅 🧠 🧼 ขอบคุณคุณหมอที่มาเล่านะคะ สนุกมากค่ะ
ขอบคุณคุณหมอมากๆเลยค่ะ ก่อนหน้านั้นเจอ direct report เลยค่ะทำแบบนี้กับเรา แล้วด้วยความนับถือเขาก็ไม่กล้าคิดแบบที่คุณหมอบอกเป๊ะเลยค่ะได้แต่คิดว่าหรือเราผิด สุดท้ายได้ฟัง podcast บ่อยๆถึงเข้าใจตัวเองและโชคดีที่เขาชิงลาออกไปเสียก่อนค่ะ
สวัสดีคะคุณหมอ ,เจอgaslightมากับตนเองคะคือคุณหมอพูดถูกต้องหมดเลยคะ,คือไม่ว่าเราทำอะไรเราจะผิดในสายตาในความรู้สึกของคนนั้นตลอดคะและวัน ๆ จะเรียกเราไปตำหนิได้ตลอดจนต้องถามตนเองบ่อย ๆ เราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? จนทำงานไม่มีความสุขเลยคะและก็เครียดจนลงกระเพาะท้องเสียตลอดช่วงนั้นพอพูดให้ผู้ร่วมงานคนอื่นฟังก็ไม่มีใครเชื่อได้แต่ระบายกับคนที่สนิทจริง ๆ จนกระทั่งมันไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจออกเลยคะคือสุดจะทนแล้ว,พอออกมาได้พี่ร่วมงานอึกคนก็ออกตามมาคะ ,เพิ่งจะรู้จากคุณหมอจริง ๆ ว่าเรียกว่าgaslightไม่เคยได้ยินมาก่อนคะ ขอบคุณความรู้ดี ๆ และคำแนะนำคะ😅👍👍🙏😊
ขอบคุณมากค่ะ บางครั้งเรารู้สึกตัวช้า หรือไม่ทันจับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็ว และคิดว่าคงปล่อยผ่านพฤติกรรมไปได้ แต่ทุกครั้งจะรู้สึกได้ว่ามีพลังงานลบแปลก ๆ เทคนิคที่คุณหมอแนะนำก็ดีเลยค่ะ เราจะลองเอาพฤติกรรมที่เรารู้สึกเอ๊ะ หรือไม่ประทับใจ ที่เจอหลาย ๆ ครั้งมาบันทึกและลองวิเคราะห์ดูว่านี่มัน red flag หรือเปล่า อีกอย่างพฤติกรรมการ toxic ที่เจออาจจะมาในรูปแบบของความสัมพันธ์แบบเพื่อน สังคมการทำงานซึ่งอาจจะเลิกคบด้วยยาก หรือยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นอยู่ เราทำได้แค่ fade ตัวเองออกมา หรือเว้นระยะห่าง ไม่ไป hang out ด้วยต่อให้เราเป็นคนเข้มแข็ง รู้สึกตัวได้ไว แต่ก็เสียความรู้สึก เสียพลังงานดี ๆ ไปค่ะ
เคยโดนแบบนี้เลย ที่โรงพยาลศรีธัญญาก็มีค่ะ รพ.ก่อตั้งร้านกาแฟ เบอเกอรี่ ล้างรถ ศีลปะ เราเป็นผู้ป่วยไบโพล่าร์ เลยไปทำงาน และถูกไล่ออก เพราะนักสังคมสงเคราะห์ชื่อแอ้บอกว่าเราจับมือกับน้องผู้ชาย และพูดว่าแอ้เห็นกับตา พอเราเอาใบแจ้งตำรวจไปขอดูกล้องวงจรปิด ไม่มีภาพเราจับมือและไม่มีนักสังคมสงเคราะห์ ชื่อ แอ้ อยู่ในคลิปเลย แล้วเราก็ร้องเรียน เค้ายัดข้อหาเราใหม่บอกว่าเราไปข่มขู่น้องผู้หญิงแต่ไม่เป็นเรื่องจริง แอ้ไม่มีหลักฐานอะไรมายันกับเราเลย เราเอาแต่ร้องไห้เสียใจมาก ร้องเรียนไปเค้าก็เข้าข้างกัน
ขอบพระคุณมากๆค่ะ อยู่กับคนgaslight มาเกือบ10ปีตอนนี้ออกมาแล้วค่ัะ เหมือนที่คุณหมอพูดทุกอย่างค่ะ
หนูเจอบ่อยครั้งจากเพื่อนร่วมงาน ขนาดลาออกไปเริ่มงานใหม่ก็เจอไปเรื่อยๆ โดยการเกี่ยงงาน ผลักภาระงานให้คนอื่น แย่งผลงาน
คุณหมอ วิเคราะห์ได้ลึกซึ้งมากค่ะ ดิฉัน รู้สึกแบบนี้ตลอดชีวิตแต่งงาน แต่ความดีที่เขามีต่อเราก็ต่างหากนะค่ะ มีมากมาย เบนทำให้เราไม่มองหรือมองไม่เห็น
อาจารย์เป็นหวัดเหรอคะ หายไวๆนะคะ
ขอคุณหมอต่อเรื่อง narcissist เลยค่ะ ไม่มีคนไทยทำคลิป แต่เป็นอะไรที่น่าเตือนคนไทยมากๆเลยค่ะ ขอแบบพฤติกรรม 4 ขั้นตอนที่เป็น loop ซ้ำๆที่น่ากลัวมากๆ
มันก็มีอยู่เต็มไปหมดพฤติกรรมแบบนี้ตัวอย่างในโรงเรียนส่วนใหญ่มากๆเวลามีนักเรียนโต้เถียงหรือแสดงพฤติกรรมแปลกแยกจากกรอบของสิ่งมันเคยมีอยู่ในโรงเรียน มักจะถูกใช้วิธีโดยการทำโทษหมู่ คือการลงโทษคนที่ไม่มีความผิดหรือเกี่ยวข้องแต่ให้ต้องมารับผิดชอบด้วย จากนั้นคนเหล่านั้นก็จะมาเพ่งโทษและกดดันอีกทีนึง ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกแปลกแยกหรือมีปมด้อย
น่ารักครับ ให้ความรู้ แต่ไม่พิพากษา
ในเฟซwitcast จะมีโพสต์จากผู้เสียหายมากล่าวยืนยันพฤติกรรมจากผู้คนใกล้ตัวของผู้ดำเนินรายการคนนั้นค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
คุณหมออออ เราเคยโดน gaslight มา แต่เราไม่รู้ว่ามันคือ gaslight เราก็เลยไปลงเรียนคอร์สต่างๆ แบบคอร์สเข้าใจ ผช คอร์สจิตวิทยาความสัมพันธ์ แค่รู้สึกว่าอยากให้มันดี แต่มันไม่เคยดีเลยแม้ว่าจะทำตามที่เขาบอก โดนหนักกว่าเก่าด้วยซ้ำ สุดท้ายทนไม่ไหวเลยออกมา พอออกมาก็ยังคงเสียใจ คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ทนไม่ได้ โอ้ มาย ก้อด อาการเป๊ะตามที่คุณหมอว่ามาเลยค่ะ เครียดจนต้องกินยาจากหมอต้านเครียด พอหายจากคนๆ นั้นไปต้องกลับมานั่งเรียนรู้ตัวเองใหม่ คือมันก็ดีแหล่ะเพราะเราก็มานั่งทำความรู้จักตัวเองจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เคยผ่านมาเขาเรียกว่า gaslight โชคดีมากที่เป็นคนขี้สงสัยหาความรู้เลยไปเรียนนู่นเรียนนี่ พยายามทำความเข้าใจเขา ถ้าเราไม่ขี้สงสัย ไม่ตั้งคำถาม เราว่าเราโดนครอบงำแบบหาทางออกไม่เจอแน่ น่ากลัวมากจริงๆ โชคดีมาากกกกก
สวัสดืครับติดตามรับขมอยู่ครับ
เหมือนพวก control freaks พวกหลงตัวเองมั่นใจสูงคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นชอบกดขี่คนที่ด้อยกว่าเหมือนโรคจิตเภท ทางแก้คือถอยห่างออกมาหรือไม่ก็ ignore ไปเลย เสียดายรายการดูสนุกไม่เครียด ตอนแกเป็นวัยรุ่นไปออกรายการทีวีก็ดูกวนๆแต่ยังสุภาพ แบบนี้จะเรียกว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดหรือปลาตายน้ำตื้นดี ถ้ารู้ตัวแล้วแก้ไขได้น่าจะดี ใจเขาใจเรา ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้างคงไม่สนุกแน่ๆ 😢😢😢
อยากฟังต่อครับ สาเหตุที่เกิดอาการแบบนี้เกิดจากนิสัย หรือสารเคมีเกี่ยวกับสมองผิดปกติ มีหนทางรักษาหรือให้อาการลดลงไหมครับ และปกติคนที่เป็นแบบนี้จะหายเป็นคนปกติได้ไหม
นิสัยครับ แก้ยากมากครับ
อันนี้หยอก ๆ นะครับ เสียง สำเนียง อาจารย์คล้าย ๆ อยู่นะครับ 555ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ครับ ติดตามตลอดครับ
ความรู้สึก วางใจ และมีความเข้าใจ ในความต้องการ เดียวกัน ขณะที่อยู่ด้วยกัน กลับต้อง มาหาเหตุผล อื่นใดที่มากขึ้น ด้วยเงื่อนไข ที่เกิดความต้องการอื่น ที่เข้ามา ปรับลด เติมเต็ม การอยู่ด้วยกันนี้ตลอดๆ เหมือนการ กลับไป ย้อนมองดู เบเบ้ ที่แสนอ่อนโยน เซนซิทีฟ ไร้เดียงสา ที่เรียนรู้ ปรับตัว อยู่รอดเติบโต มาเป็นตัวเรา ทุกวันนี้ได้ แก้สไล้แมน ที่โตขึ้นมากจนมีความต้องการที่จำเพาะของตน 😅😂❤
ขอบคุณครับคุณหมอ ผมกำลังงงอยู่ว่า gaslight คืออะไรฟังคลิปนี้แล้วเข้าใจชัดเจนเลยครับอย่างการศึกษาไทย หากเด็กเรียนไม่เก่ง จะโทษเด็กๆทั้งที่ครู และระบบการศึกษาไทยมันห่วยแตกมากแล้วก็ gaslight เด็กๆว่าเป็นความผิดของคุณหรือเรื่อง การตัดผมทรงนักเรียน แม้แต่การตี ทำร้ายร่างกายเด็กๆจะถูก gaslight ว่าเป็นเพราะเด็กๆ ไม่เรียบร้อย ไม่มีระเบียบ
เด็กมีความสามารถไม่เท่ากัน อย่าโยนความผิดให้ครู ถ้าคุณเป็นคนมีครูคงไม่พิมพ์แบบนี้นะคะ
@@wariwanda1 ครูก็คนเหมือนเด็กไม่ใช่หรอครับ ความสามารถก็ไม่เท่ากันเหมือนกันแล้วจะวิจารณ์ไม่ได้เลยหรอgaslight อีกอย่างคือ ห้ามวิจารณ์ครู/ผู้ใหญ่ สังคมหลอกให้คนคิดว่า ผู้ใหญ่/ครู ต้องถูกต้อง ต้องดีเสมอ
เรื่องครูกับนักเรียนนี่ ผมว่ามันมีปัญหาด้วยกันทั้งคู่ครับ ต้องมานั่งคุยกันดีๆเลย และต่างฝ่ายต่ายต้องเจอกันตรงกลาง หมายความว่าจะไม่มีฝ่ายไหนได้ทุกอย่างที่ตัวเองอยากได้ และจะต้องถอยในเรื่องที่ตัวเองไม่อยากถอยแน่นอน บางอย่างผมก็เห็นว่าไม่จำเป็น เช่น การตัดผมสั้น หรือการสอนในบางเรื่องมันก็ไม่ดี แต่บางอย่างเช่น กฏระเบียบผมก็เห็นว่ามันควรต้องเคารพ ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้ การเป็นครูยุคนี้ลำบากมากครับ ไม่ว่าสอนดียังไง ก็โดนว่า และครูแต่ละคนก็สอนไม่ได้เท่ากันหรอกครับ ทุกคนจะให้เก่งและดีเหมือนกันหมดเป็นไปไม่ได้ แถมจะทำโทษก็เตรียมโดนพ่อแม่เด็กมาเอาเรื่องได้เลย บางทีการที่เด็กมีอิสระมากเกินในความคิด ก็ทำให้ไม่มีความอดทน และยังเรื่องเทคโนโลยีที่ครูอาจจะตามไม่ทันอีก เด็กเดี๋ยวนี้หาความรู้จาก internet ได้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งครู เลยทำให้ความเคารพมันลดลงครับ
เหมือน abusive Man เลยค่ะ อยากให้เปรียบเทียบกันด้วย
หนูเคยมีเพื่อนคนนึงชอบ gaslighting ปัจจุบันเลิกคบแล้วชีวิตและสุขภาพจิตดีขึ้นมากค่ะ
สำหรับบางคนโชคร้ายกว่านั้น คือ ไม่ใช่แค่ร่วมงาน แต่เป็นครอบครัว เลี่ยงไม่ได้
คนบางคนหลงเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว คงต้องใช้สติมากๆไม่งั้นปัญญาไม่เกิดแน่แถมกลายเป็นเสียสติอีกด้วย น่ากลัวเหมือนกันนะ
ถ้าเราไม่มีความสุข หรือไม่สบายใจที่ต้องทนกับพฤติกรรมใคร ก็ถอนตัวออกมาเลย เพราะอยู่ไปก็เหมือนคนโง่ถูกเอาเปรียบอยู่เรื่อย พอไม่ยุ่งชีวิตก็สบายดี
เจอ narcissist หลายคนในชีวิต ใช้ gaslight เป็น 1 ใน หลายๆวิธีที่เขาใช้ เราต้องมีวิธีรับมือคะ
ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ ผมฟังมาแล้วคิดถึงการเมือง กับคนมีอำนาจเลยครับ คนพวกนี้ทำให้เราด่อยค่าแล้วมายื่นมือช่วยเรา ทำให้เขาเหมือนคนวิเศษ ทั้งที่จริงไม่ใช่เลย ขอสอบถามเพิ่มเติมถึงคนที่เป็นแกสไลเตอร์ ได้ไหมครับคุณหมอ ว่าเพราะเหตุใดจึงทำ หรือแรงจูงใจที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นแกสไลเตอร์ได้บ้างครับ🙏
ผลประโยชน์ล้วนๆครับ
คนที่ภายนอกดูเก่งดูดี บางทีก็มีมุมมืด ที่น่ารังเกียจจริงๆครับ ผมเคยเห็นคนแบบนี้มา มีทั้งความเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ หลงตัวเอง ไปๆมาๆ คนพวกนี้อาจชั่วร้ายกว่าคนทั่วไปซะอีกครับ
นึกถึงบริทนี่ย์เลยครับเคสแบบนี้
#gaslight ความสัมพันธ์ที่ต้องรีบหนีห่าง #สื่อสารทางวิทยาศาสตร์
สวัสดีครับ
ผมคิดว่าหลายคนนะครับน่าจะได้เห็นข่าวเรื่องของนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์นะครับ แน่นอนเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ทำให้รายการของใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์ของ The Standard เนี่ยต้องปิดตัวลงนะครับ ผมก็จะไม่วิจารณ์เรื่องของเหตุการณ์เหล่านี้นะครับแต่ว่ามันมีคำศัพท์คำนึงซึ่งหลายๆคนก็ถามแล้วก็สงสัยว่ามันคืออะไรนะครับก็คือคำว่า Gaslight นั่นเองนะครับ วันนี้ผมก็เลยอยากจะเอาคำๆนี้มาอธิบายว่ามันคืออะไรแล้วก็มันอันตรายอย่างไรบ้างนะครับให้ทุกคนฟังนะครับ
พบกับผมนะครับ นายแพทย์ธนีย์ ธนียวันนะครับ เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอด และวิกฤตบำบัดนะครับ
สำหรับดราม่าเรื่องของนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์เนี่ยนะครับก็มีการเปิดเผยมาหลายๆอย่างนะครับแล้วก็แน่นอนว่ามันคงต้องมีเหตุเบื้องหลังที่เราไม่รู้อีกหลายอย่างนะครับซึ่งพอผมไม่รู้เหตุการณ์เบื้องหลังเนี่ยผมก็จะไม่วิจารณ์ใดๆทั้งสิ้นนะครับมันอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือว่าไม่ก็ได้นะครับหรือบางกรณีอาจจะมีส่วนที่จริงแล้วก็มีบางกรณีที่มันไม่จริงปนๆกันไปแต่เนื่องจากว่าผมเป็นคนอยู่นอกเหตุการณ์นะครับก็จะไม่สามารถที่จะอธิบายอะไรลงลึกไปได้นะครับหรือว่าบอกว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูกหรือยังไงนะครับ
1️⃣
อย่างไรก็ตามวันนี้ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนมารู้จักคำๆหนึ่งก็คือคำว่า Gaslight นะครับแก๊ส Gaslight เนี่ยจริงๆมันเป็นพฤติกรรมการควบคุม การปั่นประสาทคนคนหนึ่งเพื่อที่จะให้เขารู้สึกสงสัยในความเป็นจริง แล้วก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของคนที่ทำการปั่นประสาทเขานะครับ Gaslight เนี่ยจริงๆมันเป็นพฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งนะครับ ผมเคยได้กล่าวเรื่องคำๆนี้ไปแล้วในกรณีของคลิปที่ผมทำเรื่องของน้องปิ่นปิ้นนะครับที่มีคนออกมาดราม่านะครับเป็นเกรียนคีย์บอร์ดไปว่าน้องเขานะครับ คำๆนี้ก็คือ Machiavellianism นะครับ
Machiavellianism เนี่ยมันเป็นปรากฏการณ์เป็นบุคลิกภาพของคนประเภทหนึ่งซึ่งหลงในอำนาจของตัวเองนะครับ ต้องการหลอกใช้คนแล้วก็หนึ่งในพฤติกรรมของเขาก็คือ Gaslighting นะครับ
Gaslight นี้มันมีที่มาจากบทละครอันนึงนะครับ ชื่อบทละคร Gaslight นี่แหละครับ ตอนแรกมันเป็นบทละครเวทีออกมาเมื่อปี 1938 นะครับแล้วหลังจากนั้นก็โด่งดังเลยทำมาเป็นบทละครทางทีวีนะครับออกอากาศเมื่อปี 1944 นะครับโดยในเรื่องนี้จริงๆก็คือมีนักร้องโอเปร่าชื่อดังเลยครับชื่อคุณอลิสนะครับโดนฆาตกรรม แล้วพอโดนฆาตกรรมและหลานสาวคนเดียวของเขาก็เป็นกำพร้าชื่อคุณพอลล่านะครับ พอลล่านี่ก็ถูกส่งไปอยู่ที่อิตาลีเพื่อที่จะเดินตามรอยเท้านักโอเปร่าอย่างคุณอลิสก็โด่งดังขึ้นมานะครับ แล้วคุณพอลล่าก็แต่งงานนะครับ ตอนแต่งงานเนี่ยนะครับก็ดูหวานชื่นดีอยู่ แล้วก็สุดท้ายเขาแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านของคุณอลิสนี่แหละนะครับ โดยหารู้ไหมว่าคนที่เขาแต่งงานด้วยคือคนที่ฆ่าคุณอลิสนะครับเพื่อที่จะฮุบสมบัตินะครับ ตัวร้ายเนี่ยเขาก็พยายามเพื่อจะกลับมาอยู่ในบ้านของคุณอลิสนะครับเพราะว่ามันมีสมบัติชิ้นหนึ่งซึ่งตอนที่เขาฆ่าแล้วเนี่ยเขายังไม่สามารถออกไปได้ แล้วสุดท้ายก็ไปเจอว่าอยู่ที่ชุดของคุณอลิสนี่แหละนะครับก็เลยพยายามทำยังไงก็ได้เพื่อที่จะฮุบสมบัติชิ้นนี้แล้วก็ฮุบทุกอย่างที่เป็นของคุณอลิสแล้วก็ของพอลล่าทั้งหมดนะครับ โดยตอนนั้นพลอลล่าเขากลับไปอยู่บ้านของคุณอลิสเขาก็รู้สึกว่าเสียใจยังจำภาพทรงจำเก่าๆได้อยู่นะครับ ตัวร้ายนี้ก็บอกว่า “เอาของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณอลิสเนี่ยไปเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาแล้วก็ปิดไปเลย” นะครับ แล้วทีนี้พอปิดไปเลยเนี่ยนะครับก็เริ่มสร้างเรื่องต่างๆให้เริ่มมีความเข้าใจผิดละนะครับ เช่น ในตอนที่เขาเอาของไปเก็บบนนั้นแล้วปิดเข้าไปเนี่ยมันมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ข้างๆสามารถปีนเข้ามาได้เขาก็ปีนเข้าไปในบ้านนั้นนะครับเข้าไปในห้องใต้หลังคา แล้วพอเข้าไปในห้องใต้หลังคา เขาเข้าไปเพื่อจะค้นสมบัติดูว่ามีชิ้นไหนที่สำคัญเขาจะได้เอาไปนะครับ แต่เขาค้นแล้วค้นอีกก็หาไม่เจอ ในช่วงที่เขาเข้าไปในนั้น การที่เขาจุดไฟตะเกียงข้างบนเนี่ยนะครับมันทำให้บ้านข้างล่างเนี่ยไฟมันหรี่ลงนะครับ Gaslight เนี่ยไฟมันหรี่ลงนะครับ แล้วทุกๆครั้งตอนี่ตัวร้ายนี้ออกไปจากบ้านไฟก็จะหรี่ลง ซึ่งจริงๆเขาไม่ได้ออกไปจากบ้านหรอกครับ ออกไปแล้วก็แอบเข้ามาในห้องใต้หลังคาเพื่อที่จะค้นสมบัตินะครับ
2️⃣
ที่นี้ก็เริ่มสงสัยเอ๊ะทำไมมันมีเสียงกุกกักกุกกักข้างบนนะครับหรือว่าเสียงตัว Gaslight เนี่ยมันทำไมหรี่ลงนะครับ คุณพอลล่าเขาก็ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้นนะครับ ปรากฏว่าเขาโยนความผิดว่า “คุณคิดไปเองหรือเปล่า มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก” นะครับ ก็ทำให้สงสัยในหลายๆอย่างขึ้นมานะครับ ทีนี้พอทำให้สงสัยในเรื่องพวกนี้แล้วเนี่ยมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าเราประหลาดหรือเปล่า คนเหล่านี้ที่ทำ Gaslighting เข้าไปพยายามจะกันคนที่เขาทำ Gaslight นี่ออกจากสังคมนะครับ พยายามโดดเดี่ยวเขานะครับ เวลาออกงานสังคมผู้ร้ายคนนี้เขาจะบอกว่า “ พอลล่าเนี่ยจริงๆเขาเป็นนักขี้ขโมยนะ เห็นไหมออกมาข้างนอกแล้วเดี๋ยวจะสร้างปัญหาเราต้องเก็บเขาไว้นะครับ แล้วจะพยายามเอาเขาเข้าไปอยู่โรงพยาบาลบ้า” นะครับ แต่ปรากฏว่าก็ได้พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนะครับพระเอกนี่ก็คือเป็นคนที่ชอบคุณพอลล่าตั้งแต่แรกๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วมาเห็นพฤติกรรมว่าทำไมเขาถึงดูแปลกๆ ทำไมถึงดูมีความวิตกกังวลสูงกว่าปกตินะครับ ก็ไปสืบจนกระทั่งเจอว่าเป็นเพราะแบบนี้นี่นั่นเอง และสุดท้ายเขาก็จับได้นะครับ หนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นที่มาของพฤติกรรม Gaslight นะครับ
ทีนี้ Gaslgihter นะครับหรือว่าคนที่เขาทำการ Gaslight คนเนี่ยนะครับจะมีพฤติกรรมแบบไหนบ้างนะครับ?
🌀ข้อแรกก็คือเขาพยายามที่จะบิดเบือนความจริง ไม่ยอมรับความจริงนะครับ เช่น เขาอาจจะทำอะไรสักอย่างแล้วคุณไปพูดกับเขาว่า “ตอนนั้นที่คุณพูดอย่างนี้มันหมายความว่าอะไร?” เขาอาจจะบอกว่า “เขาไม่ได้พูด ไม่ได้ทำ คุณคิดของคุณไปเองหรือเปล่า?” นะครับ “เข้าใจไปเองมั้ง” นะครับ คือบิดเบือนทำให้เรารู้สึกแปลกๆ มันไม่ใช่ แล้วทำบ่อยๆจนกระทั่งเราเริ่มสงสัยว่าเอ๊ะตกลงคนที่เข้าใจผิดนี่คือเราเองหรือเปล่า!? นะครับ แล้วทุกๆครั้งที่เราพยายามเอาเรื่องอะไรสำคัญมาพูดเขาก็จะลดทอนความสำคัญนั้นนะครับ ภาษาอังกฤษเราจะเรียกว่า Belittle นะครับ หรือ Trivialization นะครับ Trivial นะครับ คือเล็กๆน้อยๆ เราทำให้มันเล็กน้อยลงนะครับ ก็เป็นการที่จะทำให้เหมือนกับทุกๆอย่างมันแย่ลงนะครับ ทำให้ทุกอย่างที่เราพูดมามันดูไม่มีความสำคัญหมดนะครับเราคิดของเราเองเราคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นะครับ หรือเขาก็จะพูด “อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตซิเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย” นะครับ ทุกๆอย่างที่มันดูเป็นเรื่องใหญ่เขาจะทำให้มันเป็นเรื่องเล็กเสมอ ไม่ว่าเราจะว่ามันสำคัญยังไงเขาก็บอกไม่เห็นมันสำคัญคนอื่นเขายังไม่เป็นไรทำไมคุณถึงโวยวายอะไรนักหนานะครับ จะใช้คำพูดทำนองนี้นะครับ
3️⃣
🌀อีกอย่างหนึ่งคือโยนความผิด บางทีเขานั่นแหละครับเป็นคนผิดนะครับแต่เขาจะโยนมาว่า “คุณนั่นแหละเป็นคนทำ”นะครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาสักเรื่องนึงไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่เขาจะโยนให้คุณเป็นคนทำหมดนะครับ จริงๆคือเขาเป็นคนทำอันนี้มันมีภาษาอังกฤษเราเรียกว่า Projecting นะครับ Project ความรู้สึกหรือการกระทำของเราไปให้คนอื่น สมมติว่าผมเป็นคนทำ Gaslight ผมก็จะคิดว่าคุณนี่แหละเป็นคนทำในสิ่งที่ผมทำ จริงๆผมเป็นคนทำนะแต่ผมจะโยนให้คุณ โยนความผิดชัดๆเลยนะครับ แบบนี้อีกฝ่ายก็จะรู้สึกมีปัญหาขึ้นมานะครับ แล้วก็จะพยายามโดดเดี่ยวคุณออกจากสังคมให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจนะครับ ทั้งหมดนี้มันจะทำให้คุณสงสัยในความเป็นจริง สงสัยในความถูกต้อง สงสัยในสิ่งที่คุณคิดว่าจริงหรือเปล่านะครับ หรือจริงๆคนที่ผิดคือเรา เราอดทนไม่พอ คนอื่นเขาอดทนแต่เราอดทนไม่พอ เราเริ่มสงสัยเราเริ่มรู้สึกว่าจริงๆเราต้องขอโทษไปซะทุกเรื่อง เรื่องนี้เราไม่ผิดแต่ก็รู้สึกว่าเราผิด เราต้องขอโทษ เราไม่มั่นใจในตัวเอง เรารู้สึกว่าเราสูญเสียตัวตน เรากลัวว่าเราทำอะไรก็จะผิด กลัวว่าจะทำให้คนอื่นผิดหวัง เรายังผิดหวังในตัวเองเลยนะครับ มันจะเริ่มมีความรู้สึกอย่างนี้ใส่เข้าไปในหัวเราเรื่อยๆๆจนกระทั่งเรารู้สึกว่าเราทำอะไรไม่ได้เลยนะครับ สูญเสียความเป็นตัวตน แล้วคนคนเดียวที่จะช่วยเราได้ก็คือคนที่ทำ Gaslight เรานั่นแหละนะครับ เราจะมีเขาอยู่คนเดียวในชีวิต เรากลัวที่เวลาเราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นจะกลัวว่าคนอื่นเขาจะไม่คิดเหมือนเรา เรากลัวว่าคนอื่นเขาจะว่าเราบ้าเราคิดไปเองหรือเปล่า เพราะว่าคนที่ทำ Gaslight นี้มันจะใส่หัวเราเรื่อยๆว่า “เราคิดไปเอง คุณคิดไปเองนะ คิดมากไปคนอื่นก็ไม่เห็นคิดอย่างนั้นเลย” เราก็โดนล้างสมองไปเรื่อยๆทำให้เวลาที่เราจะไปบอกคนอื่นจะไปถามพ่อถามแม่ถามเพื่อนถามคนที่เราเชื่อถือได้เราก็ไม่กล้า มันโดดเดี่ยวเราอย่างนี้ล่ะครับ นี่คือปัญหาของ Gaslight
4️⃣
ทีนี้คนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้นะครับ?
☑️อันแรกก็คุณต้องเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเรารู้สึกว่าทุกๆครั้งที่เราไปคุยกับคนคนนี้ทำไมเขาทำไมเขาถึงคิดว่าเราไม่สำคัญ ทุกๆอย่างที่เราพูดเราดูเหมือนเป็นคนผิดหมดเลย บางอย่างที่เราเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆทำไมเขาคิดว่าเราเชื่อไม่ถูกต้องในสิ่งที่เราเชื่อนะครับ
☑️ต่อมาสิ่งที่คุณควรจะต้องทำก็คือพยายามเชื่อสัญชาติญาณตัวเองไว้ก่อนนะครับ
☑️หลังจากนั้นพยายามเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆเวลาที่เขาพูดอะไรมาเราเก็บรวบรวมหลักฐานเอาไว้ตรวจสอบว่าสิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เราคิดมันเป็นยังไง ถ้าเกิดเราตรวจสอบแล้วสิ่งที่เขาพูดมันไม่ตรงเรื่อยๆ อย่างนี้คุณต้องสงสัยแล้วคุณโดนล้างสมองแล้วนะครับ ทีนี้เวลาที่คุณโดนล้างสมองแบบนี้เนี่ยนะครับเราก็ต้องกังวลแล้วว่าเราจะทำยังไงดี ทีนี้พอเราเข้าใจแล้วว่าเราโดนล้างสมองคุณต้องหาทางปรึกษาคนที่คุณไว้ใจได้นะครับ
การยืนยันความจริงที่มันโดนบิดเบือน มันจะยืนยันได้ด้วย 2 อย่าง
1 หลักฐานนะครับ หลักฐานที่คุณเก็บมานี่แหละ
2 คือบุคคลที่ 3 ที่อยู่นอกวงสนทนานะครับ ดูว่าเขาคิดยังไง
แล้วถ้าเรารู้ตัวเมื่อไหร่ว่าเราอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Gaslight สิ่งที่คุณต้องทำเลยนะครับมีอย่างเดียวคือออกมาจากความสัมพันธ์นั้นให้เร็วที่สุด มันไม่มีทางที่คุณจะอยู่กับความสัมพันธ์นั้นได้เพราะว่ามันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ Toxic มากๆและจะเป็นอย่างนี้ตลอด มันจะเหนื่อยกายเหนื่อยใจเหนื่อยทุกอย่างคุณต้องพยายามทำทุกอย่างนะครับ คุณจะต่อสู้กับ Gaslight ได้มันมีวิธีเดียวคือคุณต้องเป็นคนที่เข้มแข็งทางจิตใจมากๆซึ่งถ้าคุณเข้มแข็งทางจิตใจมากๆคุณก็ไม่โดน Gaslight ตั้งแต่แรก หมายความว่าถ้าคุณรู้สึกเครียด รู้สึกว่าความสัมพันธ์มันไม่ดี รู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกใช้ รู้สึกว่าความจริงมันบิดเบือนไป แล้วก็รู้สึกว่าคุณทำอะไรก็ผิดนะครับ คุณทำแล้วกลัวผิดหวัง กลัวคนอื่นเขาไม่เห็นด้วยนะครับ ถ้าคุณมีความรู้สึกแบบนี้ก็แปลว่าคุณไม่สามารถช่วยตัวเองออกมาจากเหตุการณ์ได้ คุณต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้วดึงตัวเองออกมาให้เร็วที่สุดนะครับ
5️⃣
เคยมีคนบอกว่าให้พยายามเซ็ตขอบเขตบอกว่า ถ้าเขาพูดอะไรมาเราก็บอกเขาโต้ตอบไปเลยว่า “เราจะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ“ บอกไปตรงๆ แต่ว่าแน่นอนคนที่เขาเป็น Gaslighter เขาจะบอกว่า ”ก็คุณทำนี่ จะมาพูดอย่างนี้ไม่รับผิดชอบได้ยังไง“ นะครับ แล้วคุณจะสู้กลับเขาไปอย่างไร คุณก็สู้เขาไม่ได้ ดังนั้นคนที่รู้ตัวและเริ่มรู้ตัวว่าเราอยู่กับคนคนนี้เราเริ่มไม่สบายใจแต่ก็รู้สึกว่าเราไม่ปลอดภัย เราไปคุยกับใครก็ไม่ได้ก็เดี๋ยวเขาหาว่าเราบ้าเราเพี้ยนเราไม่อดทนเราอะไรสักอย่างหรือเปล่า ถ้าแค่คุณมีความรู้สึกแค่นี้เลยนะครับแปลว่าคุณโดนแล้วครับ คุณควรจะต้องรีบหาคนอื่นเป็นที่พึ่งแล้วออกมาจากความสัมพันธ์นั้นให้เร็วที่สุด
คนที่ยิ่งอยู่ใน Gaslighting นานๆนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณก็คือ
🔘 คุณจะมีความเครียดระยะยาวเลยนะครับ
🔘 มีความวิตกกังวลว่าเขาจะว่าอะไรเราอีกหรือเปล่าวันนี้ เขาจะสั่งให้เราทำอะไรเราก็ต้องทำนะครับ แล้วมันจะสูญเสียความเป็นตัวตนไปเรื่อยๆยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีปัญหานานนะครับ ยิ่งโดนล้างสมองนานนะครับ พวกนี้เราจะเห็นเขาใช้ทางการเมืองเรื่อยๆนะครับ ทางการเมือง เช่น อาจจะมีบางคนที่โดนล้างสมองให้ทำตามอยู่เรื่อยๆ ข่าวช่วงที่ผ่านๆมาก็มีบางคนนะที่โดนแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ยกตัวอย่างละกันเดี๋ยวมันจะเข้าการเมืองเกินไปนะครับ บางกรณีก็อย่างกรณีของไซยาไนด์เป็นยังไงโดนล้างสมองกันสนุกเลยใช่ไหมครับ นั่นแหละทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องพึ่งเขานะครับทุกๆอย่างที่เขาทำมันไม่ผิดแต่คนที่ผิดมันเราเองนะครับ
🔘 ความเครียดพวกนี้ก็จะมีปัญหาทำให้นอนไม่หลับนะครับ
🔘 ทำอะไรก็ทำไม่ได้นะครับ เกิดภาวะวิตกกังวล เกิด PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) ตามมานะครับมีผลต่อร่างกาย ร่างกายก็จะเจ็บป่วยเรื้อรังต่างๆนะครับตามมาเยอะแยะไปหมดเลยนะครับ
นอกจากจะโดดเด่นเป็นผู้้้้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์การรักษาแล้ว คุณหมอยังเก่งด้านจิตวิทยาอีก การวิเคราะห์ก็มีการเปรียบเทียบอ้างอิงให้เข้าใจง่าย อธิบายเหตุ ผล บอกข้อสังเกต และบอกแนวทางการแก้ไขให้ ขอบคุณคุณหมอสำหรับความรู้ ชอบความอัพเดตเรื่องราว ข่าวต่างๆเพื่อให้เราเหล่า fc ได้รู้ เท่าทันในยุคสังคมที่มีอะไรแอบแฝงมากมายไปหมด🙏😊
😢😢😮😮
คุณหมอเล่าได้เข้าใจง่ายขึ้น น่าฟัง ขอบคุณมากที่ทำให้ได้รู้อะไรลึกมากกว่าเดิม เพราะฟังเรืองของอาจารย์ท่านหนึ่ง แล้วพูดถึงเรื่องนี้
คุณหมอทำให้มีความเข้าใจมากๆๆๆ
การเอาตัวออกห่างจากคนที่ toxic เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง หากรู้สึกอยู่กับใครเเล้วรู้สึกไม่ดี รู้สึกต้องทน ต้องฝืน ต้องพยายาม รู้สึกเเย่กับตนเอง นั่นคือ Toxic ชนิดนึง ต้องเอาตัวออกให้ห่างเลย
เห็นด้วยมากๆค่ะ การออกให้ห่างเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ทำร้ายไม่จองเวรกัน แต่กรณีที่ทำไงก็หนีไม่พ้นอันนี้เรียกว่าเวรกรรมติดตัวจากชาติที่แล้วค่ะ 😂
ถ้าคน toxic ใส่เราคือผู้บังคับบัญชาเรา เราควรทำอย่างไร
@@user-np5kq8gs6iลองค่อยๆนึกถึงข้อดีของคุณหัวหน้าแล้วเขียนลงไปในกระดาษเป็นข้อๆให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อน แล้วตามด้วยข้อเสียของเค้าจ้ะ
พอมีข้อมูลคร่าวๆที่เริ่มชัดเจนขึ้น ก็ให้นัดเจอจิตแพทย์เลยค่ะ เอาแบบที่เป็นคุณหมอเลยนะคะ ไม่ใช่นักจิตวิทยา เพราะเท่าที่พี่เคยฟัง คุณหมอจะมีระดับความคิดความอ่าน การแนะนำได้ในระดับพระอริยะ (ภูมิธรรมไม่ถึงก็จริง แต่สติปัญญา คือ ผ่านฉลุย..คนที่มาปรึกษาได้พบทางออกแน่นอนค่ะ..(เพราะเพิ่งมีพี่ที่รู้จักคนนึงพาน้องสาวที่เป็นข้าราชการรักษาซึมเศร้ามาหลายปี ประสบปัญหาเจอเพื่อนร่วมงานหลายคนทุกที่..มีอุปนิสัยชอบแทงข้างหลัง..จิตตกจนยาเอาไม่อยู่เริ่มเบลอ..คิดวนลูปเดิมตลอดเวลา..จนพี่สาวต้องไปด้วยเพื่อคุยเล่าเรื่องที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวมาบ้าง..คุณหมอรับฟัง ให้ข้อคิดแนะนำ และยอมรับการตัดสินใจที่จะลาออกจากงานเพื่อจะเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ต่างประเทศกับเพื่อนเรียนสมัยมัธยม เพื่อหาเงินมาสร้างบ้านไว้ใช้ชีวิตในบั้นปลายที่บ้านสวนกับพี่สาว
แต่ในคหสต.ของพี่ คิดว่ายังไงเปอร์เซ็นต์ที่น้องเค้าจะเจอแบบเดิมอีกครั้งก็มีสูงอยู่ เพราะขึ้นชื่อว่า..คน..แล้ว..วุ่นวายได้ทุกที่แหละจ้ะ แต่อาจจะเป็นการพบเจอที่จะทำให้ชีวิตเกิดการตกผลึกทางความคิดครั้งใหญ่ที่ว่า สุดท้าย..ทางออกที่ดีที่สุด..คือ การกลับมาดูแลสวนผลไม้ของพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่พวกท่านได้ปลูกทิ้งไว้เป็น 10 ปี จนมันเริ่มออกดอกออกผลและเก็บขายได้บ้างแล้ว อายุราชการก็ครบตามกฎกติกา ลาออกได้แล้ว บำนาญอาจได้ไม่มากแต่ก็มีตังค์ซื้อข้าวกินครบ 3 มื้อได้ทุกวันแน่นอน บางทีการอยู่กับธรรมชาติที่เป็นพวกต้นไม้กับสัตว์พวกหมาแมวสักตัวสองตัวมากขึ้น..วุ่นวายกับคนน้อยลง สภาพจิตใจน่าจะแช่มชื่นเบิกบานได้ง่ายขึ้นในแต่ละวันพอสมควรเลยนะคะ
ขอแค่คุณน้องเล่าให้คุณหมอท่านฟังด้วยใจเป็นกลางๆ แบบไม่อคติ โอกาสที่จะพบทางออกที่ดีที่สุดก็จะเกิดขึ้นตามมาแน่นอนจ้ะ
ในเคสเพื่อนพี่ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทเลยรู้ว่า เค้าจะเปิดใจแบบ 360 องศากับพระสงฆ์เท่านั้น ด้วยความที่เค้าเป็นคนชอบช่วยคนในยามคับขันอยู่เนืองๆ อานิสงส์เลยได้เจอพระอริยเจ้าในระดับที่ขุดทุกปัญหามาแนะนำให้พบเจอทางออกได้ทั้งหมด ตอนนั้นเพื่อนพี่ก็ร้องไห้เป็นเผาเต่าเพราะเครียดสะสมมามาก เลยรับฟังได้ไม่หมด ความทีพี่เป็นผู้ฟังที่ดี เพื่อนๆก็จะชอบมาระบายทุกข์ให้ฟัง พี่ก็ต้องมาแปลขยายความให้ฟังว่าท่านหมายถึงอะไรๆอีกครั้ง กว่าจะผ่านไปได้ก็หืดขึ้นคอพอสมควรจ้ะ
ยกตัวอย่างมา(ยาวมาก)พอให้คุณน้องเห็นการแก้ปัญหาใน 2 เส้นทางแบบคร่าวๆ แต่ใดๆไปพบจิตแพทย์ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเราเจอพระไม่แท้ชีวิตยิ่งเครียดกว่าเดิมอีกเท่าตัวแน่นอนค่ะ ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยให้คุณน้องผ่านพ้นสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยดีจ้ะ💕✌️✌️
กราบขอบพระคุณอาจารย์หมอแทนนะคะ ที่กรุณาแนะนำให้เราเข้าใจทันโลกไม่ตกยุค คำว่า Gaslighting นี่ ก็เพิ่งจะพูดกันบ่อยเมื่อเร็วๆนี้เอง และมีคนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจความหมายจริงๆ แล้วใช้คำนี้ผิดที่ผิดทาง พฤติกรรมดังกล่าวแฝงอันตรายต่อสังคมไม่น้อย แต่สิ่งที่สำคัญมากถึงมากที่สุด มีอิทธิพลได้มากกว่าลมปากของ Gaslighter ก็คือจิตใจของเรานั่นเอง จริงอยู่ที่การเชื่อคล้อยตาม ยอมให้เขาชักจูง มันมีพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์อันเคยดีมาก่อน แต่ตัวเราเองต้องมีพื้นฐานที่จะรักตัวเองมาก่อนด้วยเช่นกัน รักตัวเอง เชื่อมั่นว่าเราแข็งแกร่ง เชื่อมั่นในวิจารณญาณตัวเอง เชื่อมั่นในคุณค่า ความดีงามและความสามารถของตัวเอง เชื่อมั่นในความรักจากครอบครัวเรา จากเพื่อนฝูงมหาศาล แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่สามารถเป็นปราการป้องกันจากผู้ที่หวังครอบงำเราได้ อีกประการหนึ่งที่ใครก็ช่วยเราไม่ได้คือความกล้าในการตัดความสัมพันธ์อัน Toxic นั้นอย่างเด็ดเดี่ยว เราจะใจแกว่งๆได้แค่วินาทีที่ก้าวขาพ้น แล้วจิตใจมันจะดีขึ้นเลย ..ถ้าความสัมพันธ์มันไม่ดีจะเก็บจะถือไว้ทำไม..เผาพริกเผาเกลือส่งไปซะเพื่อนๆ
โดนมากับตัวค่ะ ทำอะไรก็ผิดในสายตาเค้าตลอด ถูกทำร้ายจิตใจ โยนความผิดมาให้ทั้งๆที่ถูกเข้าใจผิดมาตลอด สูญเสียความเป็นตัวตน toxic มากๆค่ะ
❤
คุณสมบัตินี้ คือแม่เราเลยคะ … ซึ่งเราก็ลุกขึ้นมาตอบโต้ เมื่อรู้ความจริง แม่หลอกเราหลายอย่าง หลอกใช้เรา บงการบังคับ ให้เรารู้สึก ด้อยค่าตัวเอง รู้สึกว่าต้องทำทุกอย่างๆให้แม่ ;( ตอนแรกไม่เชื่อคะ แม่เราไม่มีวันทำร้ายเรา แน่นอน ที่ไหนได้ แม่ทำทั้งหมด กว่าเราจะทำใจยอมรับได้ เสียใจมาก พอสมควรคะ ทุกวันนี้พยามไม่ ให้เราโดนบงการ และเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง และ คิดวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่พูด เราจะไปถามบุคคลที่แม่เอ่ยถึงก่อน เพื่อความแน่ใจ ว่า แม่พูดจริง เพราะเคยมีกรณีเราไปชนกับเขา เพราะฟังจากแม่ฝ่ายเดียวแม่จะพูดแต่เรื่องดีๆให้ฝั่งแม่ แต่เรื่องไม่ดีโยนไปฝั่งนั้น เราก็หัวร้อน จัดไปเลย โดนด่ามาสิคะว่า แม่เราไม่ยอมคืนเงินประกันเขา และเขาจำเป็นต้องใช้เงินเพราะจะไปเปิดกิจการใหม่ เขาก็จัดมาชุดใหญ่ มีเงินซื้อไอโฟน ผ่าตัดเสริมสวยให้ลูก แต่พอเขาทวงเงินกลับบอกว่า ยังไม่มีรอก่อน จะให้เขาคิดยังไง เราเถียงไม่ออกเลยคะ ก็เลยกลับไปถามแม่ว่าจริงไหมที่เขาพูด แม่ยังไม่คืนเงินเขา? แม่บอกจริง ก็แม่จะเอาไปหมุนโน้นนี่นั่นก่อน เราก็แบบโหวแม่ คืนเข้าไปเถอะ เงินเดี๋ยวหาใหม่ เขาต้องใช้ เปิดร้าน อีกอย่างเงินเขาไม่ใช่เงินเรา คืนๆไปเถอะ แม่เราก็ยอมคืนไป แต่ก็เสียเพื่อนไปเลย … ฝ่ายตรงข้ามเราเคยรักกันมากคะ มาเสียเพราะแม่เรา ยุให้้มีเรื่องมีราวซึ่งเราก็รับไปเต็มๆคะ ออกหน้าแทนแม่ .. 😢 ตัวเราทุกวันนี้ชื่อเสียง เสื่อมเสีย เพราะแม่นี่แหละคะ นี่ก็พยามเข้มแข็งอยู่ ไม่ได้อยากเอาเรื่องในครอบครัวมาเล่านะ เพียงแต่ เราเจอมาอยากแชร์ประสบการณ์คะ
เสียดายรายการฟิสิกข์ดีๆที่หาได้แสนยากในประเทศไทย ในประเทศนี้เปิดทีวีขึ้นมาเจอแต่รายการแข่งร้องเพลง แต่หารายการที่มีสาระจริงๆแทบไม่ได้เลย
คล้ายสามีเราเลยค่ะ เป็นคล้ายนั้นเลย ไม่ยอมรับความจริง โกหก ไม่ซื่อสัตย์ ไม่มีสัจจะ โยนความผิด แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องเล็กๆทั่วไป เราก็ว่าอยู่ทำไมดูแปลกๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ดูผิดปกติ ผิดแล้วก็ปัดๆไปไม่เคยว่าตัวเองผิดสักครั้ง พูดเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย เราพูดตรงๆ พูดตามข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น พูดถึงเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง เราพูดแต่สิ่งที่มันสำคัญมากๆ แต่เขาก็จะตอบตรงกันข้ามกับเราเสมอ เขาจะพูดมาแบบหล่อๆสวยหรู เหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูตลอดเวลา เหมือนคำพูดเรามันไม่มีคุณค่าอะไรเลย เขาไม่รับฟังความคิดเราเลย เขาไม่ใส่ใจ เขาไม่รู้ความรู้สึกเราถึงจะแสดงออกมากแค่ไหนก็ตาม อารมณ์เขาเหมือนหุ่นยนต์ แต่เราเป็นคนที่ดูภาษากายคนออก เราก็รู้ว่าภาษากายเขามันคืออะไร เขาก็ไม่เคยยอมรับ พวกเราเป็นคู่ที่มีความสัมพันธ์ที่เป็นพิษมากจริงๆค่ะ เราอาจเป็นซึมเศร้า ไม่เห็นค่าตัวเอง หรือไม่มั่นใจในตัวเอง ก็เพราะแบบนี้นี่เอง แต่ 4-5 ปีมานี่เราไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลย 99%
เขาเป็นคนจิตใจดีนะคะ ไม่โกง ไม่เจ้าชู้ เป็นคนใจเย็น นิ่งสงบ ไม่เคยทำร้ายตบตีเรา แต่! เหมือนเป็นพระเอกที่เป็นตัวร้าย หรือเป็นตัวร้ายที่พยายามเป็นพระเอก เหมือนมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัว เหมือนสองคนในคนเดียว คือจะดีก็ไม่ใช่ จะเลวก็ไม่ใช่ อะไรก็ไม่รู้ อยู่กันมา 10+ ปี เหมือนเราไม่รู้จักเขาเลยว่าเป็นคนยังไงกันแน่? เราเคยสงสัยและบอกเขาว่า ถ้าไม่ใช่นิสัยนายก็คือต้องไปลองตรวจสมองดูไหม เขาก็ว่าไปสิ ที่แน่ๆคือถึงเขาจะไม่เป็นอันตรายต่อใคร แต่เขาก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย หาความจริงหรือความจริงใจไม่ได้ อย่าไปคั้นเอาความจริง อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนที่บุคลิกแบบนี้ เพราะมันเสียเวลา และจะไม่ได้อะไรเลย อยู่ใครอยู่มันดีสุด ขอบคุณที่ตัวเราเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง แล้วมันถูกต้อง ขอบคุณคุณหมอมากๆค่ะที่ไขข้อสงสัย
❤
ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลยค่ะ แต่พอฟังคุณหมออธิบายก็สามารถเข้าใจได้ และรู้สึกว่าในสังคมทุกวันนี้มีคนแบบนี้มากขึ้นทุกวันแม้แต่คนใกล้ๆตัวเราเอง ถ้าเราใจอ่อนและขี้เกรงใจก็จะเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้ได้ง่ายๆ ขอบคุณคุณหมอที่เปิดหูเปิดตาให้ทันโลกมากขึ้นค่ะ🙏🙏🙏
คนที่อาจารย์กล่าวถึง หมายถึง คนที่มีความโลภโกรธหลง ไม่มีความละอายต่อบาป ใจอำมหิต ค่ะ
คลิปใหม่มาแล้วค่ะ...
หัวข้อวันนี้ เรื่อง... #gaslight ความสัมพันธ์ที่ต้องรีบหนีห่าง #นักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์
ทันเหตุการณ์มากค่ะอาจารย์ ขอบคุณที่กรุณามาอธิบายคำว่า gaslight นะคะ
าเข้าใจความหมายของคำ gas light ก็วันนี้เอง ค่ะ
อ.หมอ พูดถูกเป๊ะเลยว่า gas light คือ toxic และเราต้องมีจิตใจที่กล้าหาญที่จะเดินออกจากความสัมพันธ์แบบนี้ค่ะ
ขอบคุณอ.หมอมากกกกนะคะสำหรับความห่วงใย ความเมตตา ที่มีให้เราๆ เสมอมา 🙏 ฟังอ.หมอแล้วพลังบวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ สวัสดีค่ะ 🙏
สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอแทน 🙏😍วันนี้คุณหมอ บอกว่าคงทราบเรื่อง ของนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นจัดรายการ ใดใดในโลกล้วนฟิสิกซ์ ถูกถอดรายการจาก สแตนดาร์ด และคุณหมอมาเล่าถึงคำว่า gaslight #ความสัมพันธ์ที่ต้องหนีห่าง เป็นพฤติกรรมการปั่นประสาท คนอื่น คนมีพฤติกรรม gaslight คือหลงตัวเอง ข่มขู่คนอื่น ให้อยู่ใต้อำนาจตัวเอง โดยเล่าถึงบทละคร1938และมาสร้างเป็นหนังเรื่องอีกครั้งค.ศ 1944 ซึ่งว่าคำว่าgaslight มาจากบทละครเรื่องนี้ เรื่องมีอยู่ว่า นักร้องโอเปร่า สาวชื่อว่า อลิศ ถูกฆาตกรรม และเธอมีหลานสาว ที่อยู่ด้วย
ชื่อ พอลล่า เมื่ออลิศเสียชีวิตไป พอลล่า ก็ออกจากบ้านมาเพื่อเรียน เป็นนักร้องเหมือนพอลล่า แล้ว เธอก็ได้แต่งงานกับชายคนหนึ่ง แล้วย้ายกลับมาอยู่บ้านอลิศ บ้านเดิมของเธอกับอลิศอยู่ พร้อมสามี โดยที่พอลล่าไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นคนที่ฆ่าอลิศ พอลล่ารู้สึก คิดถึงอลิศมากจึงเก็บของทุกอย่างไว้บนห้องใต้หลังคา สามี มาแต่งงานด้วยเพราะเค้าต้องการหา สมบัติ บางสิ่ง ที่อยู่กับอลิศ แต่เมื่อถูกไปเก็บแล้ว เค้าจึงหาวิธีปีนขึ้นไปค้นหา เมื่อเค้า ออกจากบ้านไป คือไม่ได้ไปไหนอยู่บนห้องใต้หลัง คา พร้อมด้วยการเปืดไฟ จึงทำให้ ไฟgaslight ในบ้านหลี่ลงทุกครั้งที่สามีพอลล่าขึ้นไปค้นหาของ จนเป็นที่สงสัย พอลล่าถามเค้าก็พูดว่าไม่มีอะไรคิดไปเอง พูดกี่ครั้ง ก็จะโดนว่า ทำเรื่อง เล็กเป็นใหญ่ ยืนยันบ่อย จนพอลล่า รู้สึกว่าตัวเอง ผิด ขาดความมั่นใจ จนวันหนึ่ง มีพระเอก ในเรื่อง เห็นความผิดปกติ จึงนำเธอออกมาจากคนที่มีพฤติกรรมนี้
ดังนั้น คนที่มีพฤติกรรม gaslighting กันพอลล่า ไม่ให้ออกสังคม หาว่าบ้า มัน อันตราย สำหรับคนที่อยู่ด้วยควรหนีห่าง เพราะเค้าทำให้ เสียความมั่นใจ ในตัวเอง เพราะทำอะไรก็โดนดุว่า ผิดไปหมด ไม่กล้าบอกใครเสียความเป็นตัวตนหดหู่ บางคนเสีย ความ เป็นตัวเองไป ถ้าอยู่กับคนแบบนี้อันตราย ต่อจิตใจ และอาจร่างกายด้วยจึงต้องออกมา และสังคมให้ความช่วย คุณ เหล่า นี้ คุณหมอให้กำลังใจ คนเป็นเหยื่อคนมีพฤติกรรม คำนี้ gaslight อยู่ขอบคุณคุณหมอค่ะ👍❤️🙏
สวัสดีค่ะคุณหมอธนีย์
วิธีป้องกัน Gaslight ที่คุณหมอแนะนำคือ
1) เชื่อสัญชาตญานของตัวเอง คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และยืนยันความคิดของตัวเองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
2) เก็บรวบรวมหลักฐาน เช่นใช้โทรศัพท์อัดเสียงขณะที่คุยกับคนที่ Gaslighting หรือจดบันทึกหลังจากคุยกัน
3) หาทางปรึกษาบุคคลที่ 3 หรือคนที่สนับสนุนเราได้
4) หากไม่สามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ควรตัดความสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้ toxicตัวเองต่อไป
อย่าลืมว่า "คุณค่าความเป็นมนุษย์สำคัญกว่าสิ่งใดๆ"
อย่าปล่อยให้ใครมาลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
คลิปนี้สอนว่า
ใครชอบปั่นหัวผู้อื่น สักวันสิ่งนั้นจะสะท้อนกลับไปหาผู้กระทำ
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอแทน
ขอให้วันนี้เป็นวันดี...และดีต่อไปในทุกๆวันนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
🌻🌻🌻🌻🧡🌻🌻🌻🌻
🙏🙏🙏🙏🙏🙏
❤
😮โอโห….ใช่เลย เจออยู่ คนพวกนี้แก้ไม่ได้ ต้องออกห่าง ถ้าเป็นคนในบ้าน ก็ห่าง ไม่ยุ่ง อย่าช่วย เพราะความซวยมันจะโยนมาที่เรา !…เราต้องไม่รับ ไม่เก็บมาใส่ใจ ก็เข้าตัวมันเอง
❤
🙏ขอบคุณค่ะอาจารย์
ขอบคุณค่ะอาจารย์🙏🥰
เป็นประโยชน์มากค่ะอาจารย์
ขอบคุณมากๆครับอาจารย์
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ
🙏🙏🙏 ขอบคุณคุณหมอมากคะ👍❤️
😊🌼🍃ขอบคุณมากนะคะ🙏
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
😊ขอบคุณอจ.หมอมากค่ะ
ชอบมากค่ะทันทุกเหตุการณ์🙏
ชอบคลิปนี้มากค่ะ มีประโยชน์
Thank you 🙏 ค่ะ Doctor Tany
ทันเหตุการณ์มากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากคะได้ความรู้เพิ่มขึ้นคะ❤❤❤
อธิบายได้ชัดเจนมากครับ
เปิดหูเปิดตามากๆ ขอบพระคุณมากๆคะ 🙏😽😽😽😽
สวัสดีค่ะคุณหมอ ขอบคุณข้อมูลนะคะ😊😍😍
คนเก่งก็คือคนเก่งนะคะ อาจารย์หมอขา
โดนอยู่ค่ะคุณหมอ ถูกฝ่ายตรงข้ามไม่หวังดี บิดเบือนความจริง เงียบมานานแล้วค่ะ ต่อไปคิดว่าจะลุกขึ้นพูดแล้ว ขอบคุณข้อมูลเชิงวิทย์ค่ะ 🙏
สวัสดีค่ะฟังสองรอบเพราะเพิ่งเคยได้ยินคำนี้ค่ะ มีน้องที่ทำงานเป็นผู้ชาย ตำแหน่งหัวหน้างาน แต่ยอมทุกคนแม้กระทั้งลูกน้องตัวเอง ไม่กล้าขัดแย้งกับใคร สุดท้ายต้องย้ายไปที่ทำงานใหม่ยอมลดตำแหน่งเป็นลูกน้อง จริงๆก็พยายามช่วยเหลือเขานะค่ะ แต่เขากลัวจนขาดความมั่นใจในตัวเอง อย่างนี้ก็ลำบากเลยนะคะ
เป็นข้อมูลที่ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากๆนะคะ
เสียดายรายการดีๆมากครับ
ขอบพระคุณค่ะ สำหรับความรู้ดีมากๆ ในทุกไปคลิปค่ะ
ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ เป็นประโยชน์ และเป็นกำลังใจมากเลยค่ะ
เจอประสบการณ์พอดีว่ามีเพื่อนที่กำลังทำ gaslighting เพื่อน ๆ ในกลุ่ม เขาพยายามบิดเบือน ว่าบุคคลหนึ่งที่เพิ่งเสียชีวิตไป เคยทำสิ่งใดไว้จึงได้รับผลกรรม รู้สึกไม่โอเคเลยที่นำคนตายมาสร้างเรื่องเพื่อหวังผลทางจิตวิทยา เป็นการกระทำที่เกินไปจริง ๆ 😐🤢
เคยเจอกับตัวค่ะ ตอนแรกก็สับสน เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วทำเช่นเดียวกันนี้กลับไปใส่เขา มันกลายเป็นสงครามประสาท สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้😂แต่เหนื่อยๆมากๆค่ะ
ผมตามตลอดเลยรายการนี้ครับ ป๋องแป๋งน้า
ขอบคุณนะคะคุณหมอคนเก่ง ให้ความรู้และแง่คิดดีมากๆ หลากหลายเรื่อง ขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณครับคุณหมอ,ได้มุมมองใหม่ๆเพิ่ม
สวัสดีค่ะ คุณหมอที่เคารพ 😊
ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ ยอมรับว่าพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เลย เป็นประโยชน์มากๆค่ะ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก เพิ่งอ่านข่าวเจอเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับความรู้และข้อเตือนภัยครับคุณหมอ ได้ความรู้ดีมากเลยครับ
ฟังคุณหมอพูดเรื่องนี้เข้าใจทันทีขอบคุณคุณหมอค่ะ🌸
เพิ่งรู้ที่มาของคำว่า gaslight วันนี้เอง ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ
รอฟังและรอติดตามครับ ❤
รายการที่ the standard ถอดไป
เป็นรายการที่ดีมาก แต่เข้าใจเหตุผลที่ถอด
และต้นสังกัดก็รับมือได้เร็วพอควรครับ
เมื่อก่อนรอฟังรายการใดใด... ทุกสัปดาห์
ตอนนี้ก็เก็บเป็นความทรงจำแห่งการเรียนรู้
อาจารย์หมอแทนเล่าที่มาของ gaslighting ได้เข้าใจง่าย เกิดมุมไปค้นคว้าต่อได้ดีมาก
นึกถึงหนังจากเหตุการณ์จริงเรื่องหนึ่ง
ที่เพิ่งดูหนังไปเลยครับ
เหตุการณ์จริงจากเรื่อง Killers of the Flower Moon สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรม gaslighting ได้เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้พฤติกรรม gaslighting กับชาวโอเซจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าชาวโอเซจเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม ส่งผลให้ชาวโอเซจถูกจับกุมและถูกสังหารจำนวนมาก เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรม gaslighting สามารถสร้างความเสียหายต่อบุคคลและสังคมได้เป็นอย่างมาก
ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
มันอาจเป็นต้นตอปัญหาสุขภาพ
หรือบุคลิกภาพ ถ้ามากกว่านั้นเลยเถิด
อาจจะมีเหตุการณ์อาชญากรรมเกิดความสูญเสียมากขึ้น
ข้อสงสัยและขัอแนะนำที่อ.หมอแทนให้มาดีมาก และรอฟังความเห็นท่านอื่นๆ ด้วย ขอบพระคุณครับ❤
ขอบพระคุณมากค่ะ อาจารย์คอยให้กำลังใจและเข้าใจผู้อื่นอยู่เสมอชื่นชมค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณหมอแทน
สำหรับคำอธิบายที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายค่ะ
อาจารย์ชอบมากเลย ตรงกับตัวเองแปะเลย ขอบคุณอาจารย์หมอมากๆๆๆคะ🙏🙏🙏🙏🙏อาจารย์ใจดีจริง
ติดตามรายการนั้นเรื่อยๆ .. รู้สึก อึ้ง กับเรื่องราวปัญหาตัวบุคคล แต่ก็ต้องเข้าใจ มันเป็นผลกระทบ เสียดายรายการนั้นค่ะ #ใดใดในโลกฯ
ขอบคุณครับ🎉
ฟังคุณหมอพูดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรมีเลยความมั่นใจในตัวเอง!! มั่นใจในความคิดและความรู้สึกของตัวเองแล้วจะไม่โดนล้างสมอง 🙏
สุดยอดครับ อ. ผมนี้งงศัพท์นี้มาก
สมัยผมเรียน ผมโดนเพื่อนตัวแสบทำผมเหมือนกัล ทำซะผมหมดความมั่นใจไปสักพักใหญๆเลย (เป็นปี) จนต้องหาเพื่อนคนอื่น ก็หาย แต่เกือบแย่เหมือนกันครับ ผิดไปหมด
ค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันสูงค่ะ ชอบเถียงแม่ตั้งแต่เด็ก แม่บอกซ้าย ไปขวา บอกขวา ไปซ้าย ไม่ยอมโดนควบคุมเลยค่ะ 😅
สนุกมากครับ เคยพบกับคนประเภทนี้ ตอนนั้นคิดแค่ว่าเขาเป็น Narcissistic Personality Disorder แต่เชื่อสัญชาตญาณตัวเองเพราะข้อมูลที่ให้มาแต่ละอย่างนั้นทำให้เราเกิดคำถามใสหัวตลอดว่า เขาทำอะไร ทำไปทำไม แล้วพอผูกข้อมูลต่างๆ ที่ได้เข้าด้วยกันแล้วมันดูไม่มีเหตุมีผลที่สมควรและแทบไม่ตรงกันเลย เป็นความสัมพันธ์พิษเกินไปที่จะไปต่อได้จริงๆ
ชอบฟังคลิปอาจารย์ ตอนทำงาน หรือตอนขับรถ สำหรับผมเหมือนได้ สมาธิเพิ่มขึ้น ทั้งทั้งที่หูเราก็ฟังอาจารย์อยู่ มือก็ทำนู่นทำนี่ไป😅
เคยอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เหมือนกันค่ะแต่เป็นกับเพื่อนร่วมงานค่ะ แต่ตอนนี้ลาออกมาได้4ปีแล้วค่ะ พอดีได้ดูคลิปนี้ก็เลยนึกภาพออกเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอที่ได้ให้ความรู้ดีๆ ค่ะ
เยี่ยมเลยครับอาจารย์ ผมรู้เรื่องgaslightมาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนรอบตัวเข้าใจ ส่วนใหญ่ก็ชอบคิดว่าผมคิดมากไปเอง😂
ขอบคุณครับ
❤❤❤👍👍👍🙏🙏🙏🍀🍀🍀 คลิปนี้น่าสนใจมากๆ ค่ะ เรื่องนี้หลายจุดเพิ่งรู้ มามันมีอยู่รอบตัวเราเลยในความสัมพันธ์หลายระดับหลายรูปแบบ แชร์ให้คนที่รักแล้ว เป็นประโยชน์มากๆ ขอบพระคุณนะคะ นำเสนอได้น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เคยดูช่องนี้ แต่ไม่ได้ดูรายการนี้เลยค่ะ เอาจริงที่ถูกกระทำจากคนใกล้ตัวในลักษณะ gaslight อาจจะก็มีโอกาสรู้ตัวน้อยหรือช้านะคะ กว่าจะรู้ตัวก็สูญเสียหรืออ่อนแอลงในการรับรู้ความเป็นจริงนะคะ อันตรายจากคนใกล้ตัวน่ากลัวนะคะ#ขอบคุณอาจารย์หมอมากค่ะ🥰
ขอบคุณสำหรับความรู้ในคลิปนี้มากค่ะคุณหมอ 😊 สำหรับตัวเองเคยได้ยินคำว่า Gaslighting ครัังแรกจากข่าวของอดีตคู่รัก Johnny Depp กับ Amber Heard ค่ะ แต่ไม่ค่อยเข้าใจมากนักว่าคืออะไร วันนี้ได้ฟังทั้งที่มาของคำศัพท์ พร้อมคำอธิบาย และแนวทางแก้ไขหากเจอหรืออยู่ในความสัมพันธ์แบบ Gaslighting นี้ ทำให้เข้าใจขึ้นมากเลยค่ะ
มันยากมากเลยค่ะ คือเตือนแล้ว แต่เพื่อนรักของเค้า เค้าพยายามเข้าข้างคนคนนั้น เรามองจากข้างนอก ตอนนั้นไม่รู้จักคำนี้ รู้แค่ว่า ทำไมผช.คนนี้ ทำเรื่องผิดเป็นไม่ผิด แถมยังให้เพื่อนเราผิดได้ คิดว่าเค้าmanipulateเพื่อนเรา ตอนนี้เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณหมอนะคะ ถ้าได้คุยกับเพื่อนอีก จะแนะนำเพื่อนฟังที่คุณหมอพูด
สวัสดีค่ะคุณหมอ❤
ตัวร้าย ร้ายจริงๆเลยค่ะ 😮 เพิ่งเคยฟังคำว่า gaslight และเรื่องที่คุณหมอเล่าค่ะ เห็นภาพเลยค่ะ ไฟหรี่ลง ๆ แล้วบอกว่าไม่มีอะไร โดนล้างสมอง 😊 ว่าแต่สมองล้างยังไงนะคะ 😅 🧠 🧼
ขอบคุณคุณหมอที่มาเล่านะคะ สนุกมากค่ะ
ขอบคุณคุณหมอมากๆเลยค่ะ ก่อนหน้านั้นเจอ direct report เลยค่ะทำแบบนี้กับเรา แล้วด้วยความนับถือเขาก็ไม่กล้าคิดแบบที่คุณหมอบอกเป๊ะเลยค่ะได้แต่คิดว่าหรือเราผิด สุดท้ายได้ฟัง podcast บ่อยๆถึงเข้าใจตัวเองและโชคดีที่เขาชิงลาออกไปเสียก่อนค่ะ
สวัสดีคะคุณหมอ ,เจอgaslightมากับตนเองคะคือคุณหมอพูดถูกต้องหมดเลยคะ,คือไม่ว่าเราทำอะไรเราจะผิดในสายตาในความรู้สึกของคนนั้นตลอดคะและวัน ๆ จะเรียกเราไปตำหนิได้ตลอดจนต้องถามตนเองบ่อย ๆ เราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? จนทำงานไม่มีความสุขเลยคะและก็เครียดจนลงกระเพาะท้องเสียตลอดช่วงนั้นพอพูดให้ผู้ร่วมงานคนอื่นฟังก็ไม่มีใครเชื่อได้แต่ระบายกับคนที่สนิทจริง ๆ จนกระทั่งมันไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจออกเลยคะคือสุดจะทนแล้ว,พอออกมาได้พี่ร่วมงานอึกคนก็ออกตามมาคะ ,เพิ่งจะรู้จากคุณหมอจริง ๆ ว่าเรียกว่าgaslightไม่เคยได้ยินมาก่อนคะ ขอบคุณความรู้ดี ๆ และคำแนะนำคะ😅👍👍🙏😊
ขอบคุณมากค่ะ บางครั้งเรารู้สึกตัวช้า หรือไม่ทันจับอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็ว และคิดว่าคงปล่อยผ่านพฤติกรรมไปได้ แต่ทุกครั้งจะรู้สึกได้ว่ามีพลังงานลบแปลก ๆ
เทคนิคที่คุณหมอแนะนำก็ดีเลยค่ะ เราจะลองเอาพฤติกรรมที่เรารู้สึกเอ๊ะ หรือไม่ประทับใจ ที่เจอหลาย ๆ ครั้งมาบันทึกและลองวิเคราะห์ดูว่านี่มัน red flag หรือเปล่า
อีกอย่างพฤติกรรมการ toxic ที่เจออาจจะมาในรูปแบบของความสัมพันธ์แบบเพื่อน สังคมการทำงาน
ซึ่งอาจจะเลิกคบด้วยยาก หรือยังต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นอยู่ เราทำได้แค่ fade ตัวเองออกมา หรือเว้นระยะห่าง ไม่ไป hang out ด้วย
ต่อให้เราเป็นคนเข้มแข็ง รู้สึกตัวได้ไว แต่ก็เสียความรู้สึก เสียพลังงานดี ๆ ไปค่ะ
เคยโดนแบบนี้เลย ที่โรงพยาลศรีธัญญาก็มีค่ะ รพ.ก่อตั้งร้านกาแฟ เบอเกอรี่ ล้างรถ ศีลปะ เราเป็นผู้ป่วยไบโพล่าร์ เลยไปทำงาน และถูกไล่ออก เพราะนักสังคมสงเคราะห์ชื่อแอ้บอกว่าเราจับมือกับน้องผู้ชาย และพูดว่าแอ้เห็นกับตา พอเราเอาใบแจ้งตำรวจไปขอดูกล้องวงจรปิด ไม่มีภาพเราจับมือและไม่มีนักสังคมสงเคราะห์ ชื่อ แอ้ อยู่ในคลิปเลย แล้วเราก็ร้องเรียน เค้ายัดข้อหาเราใหม่บอกว่าเราไปข่มขู่น้องผู้หญิงแต่ไม่เป็นเรื่องจริง แอ้ไม่มีหลักฐานอะไรมายันกับเราเลย เราเอาแต่ร้องไห้เสียใจมาก ร้องเรียนไปเค้าก็เข้าข้างกัน
ขอบพระคุณมากๆค่ะ อยู่กับคนgaslight มาเกือบ10ปีตอนนี้ออกมาแล้วค่ัะ เหมือนที่คุณหมอพูดทุกอย่างค่ะ
❤
หนูเจอบ่อยครั้งจากเพื่อนร่วมงาน ขนาดลาออกไปเริ่มงานใหม่ก็เจอไปเรื่อยๆ โดยการเกี่ยงงาน ผลักภาระงานให้คนอื่น แย่งผลงาน
คุณหมอ วิเคราะห์ได้ลึกซึ้งมากค่ะ
ดิฉัน รู้สึกแบบนี้ตลอดชีวิตแต่งงาน
แต่ความดีที่เขามีต่อเราก็ต่างหากนะค่ะ มีมากมาย เบนทำให้เราไม่มองหรือมองไม่เห็น
❤
อาจารย์เป็นหวัดเหรอคะ หายไวๆนะคะ
ขอคุณหมอต่อเรื่อง narcissist เลยค่ะ ไม่มีคนไทยทำคลิป แต่เป็นอะไรที่น่าเตือนคนไทยมากๆเลยค่ะ ขอแบบพฤติกรรม 4 ขั้นตอนที่เป็น loop ซ้ำๆที่น่ากลัวมากๆ
มันก็มีอยู่เต็มไปหมดพฤติกรรมแบบนี้ตัวอย่างในโรงเรียนส่วนใหญ่มากๆเวลามีนักเรียนโต้เถียงหรือแสดงพฤติกรรมแปลกแยกจากกรอบของสิ่งมันเคยมีอยู่ในโรงเรียน มักจะถูกใช้วิธีโดยการทำโทษหมู่ คือการลงโทษคนที่ไม่มีความผิดหรือเกี่ยวข้องแต่ให้ต้องมารับผิดชอบด้วย จากนั้นคนเหล่านั้นก็จะมาเพ่งโทษและกดดันอีกทีนึง ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกแปลกแยกหรือมีปมด้อย
น่ารักครับ ให้ความรู้ แต่ไม่พิพากษา
ในเฟซwitcast จะมีโพสต์จากผู้เสียหายมากล่าวยืนยันพฤติกรรมจากผู้คนใกล้ตัวของผู้ดำเนินรายการคนนั้นค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
คุณหมออออ เราเคยโดน gaslight มา แต่เราไม่รู้ว่ามันคือ gaslight เราก็เลยไปลงเรียนคอร์สต่างๆ แบบคอร์สเข้าใจ ผช คอร์สจิตวิทยาความสัมพันธ์ แค่รู้สึกว่าอยากให้มันดี แต่มันไม่เคยดีเลยแม้ว่าจะทำตามที่เขาบอก โดนหนักกว่าเก่าด้วยซ้ำ สุดท้ายทนไม่ไหวเลยออกมา พอออกมาก็ยังคงเสียใจ คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ ทนไม่ได้ โอ้ มาย ก้อด อาการเป๊ะตามที่คุณหมอว่ามาเลยค่ะ เครียดจนต้องกินยาจากหมอต้านเครียด พอหายจากคนๆ นั้นไปต้องกลับมานั่งเรียนรู้ตัวเองใหม่ คือมันก็ดีแหล่ะเพราะเราก็มานั่งทำความรู้จักตัวเองจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เคยผ่านมาเขาเรียกว่า gaslight โชคดีมากที่เป็นคนขี้สงสัยหาความรู้เลยไปเรียนนู่นเรียนนี่ พยายามทำความเข้าใจเขา ถ้าเราไม่ขี้สงสัย ไม่ตั้งคำถาม เราว่าเราโดนครอบงำแบบหาทางออกไม่เจอแน่ น่ากลัวมากจริงๆ โชคดีมาากกกกก
สวัสดืครับติดตามรับขมอยู่ครับ
เหมือนพวก control freaks พวกหลงตัวเองมั่นใจสูงคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นชอบกดขี่คนที่ด้อยกว่าเหมือนโรคจิตเภท ทางแก้คือถอยห่างออกมาหรือไม่ก็ ignore ไปเลย เสียดายรายการดูสนุกไม่เครียด ตอนแกเป็นวัยรุ่นไปออกรายการทีวีก็ดูกวนๆแต่ยังสุภาพ แบบนี้จะเรียกว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดหรือปลาตายน้ำตื้นดี ถ้ารู้ตัวแล้วแก้ไขได้น่าจะดี ใจเขาใจเรา ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้างคงไม่สนุกแน่ๆ 😢😢😢
อยากฟังต่อครับ สาเหตุที่เกิดอาการแบบนี้เกิดจากนิสัย หรือสารเคมีเกี่ยวกับสมองผิดปกติ มีหนทางรักษาหรือให้อาการลดลงไหมครับ และปกติคนที่เป็นแบบนี้จะหายเป็นคนปกติได้ไหม
นิสัยครับ แก้ยากมากครับ
อันนี้หยอก ๆ นะครับ เสียง สำเนียง อาจารย์คล้าย ๆ อยู่นะครับ 555
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ครับ ติดตามตลอดครับ
ความรู้สึก วางใจ และมีความเข้าใจ ในความต้องการ เดียวกัน ขณะที่อยู่ด้วยกัน กลับต้อง มาหาเหตุผล อื่นใดที่มากขึ้น ด้วยเงื่อนไข ที่เกิดความต้องการอื่น ที่เข้ามา ปรับลด เติมเต็ม การอยู่ด้วยกันนี้ตลอดๆ เหมือนการ กลับไป ย้อนมองดู เบเบ้ ที่แสนอ่อนโยน เซนซิทีฟ ไร้เดียงสา ที่เรียนรู้ ปรับตัว อยู่รอดเติบโต มาเป็นตัวเรา ทุกวันนี้ได้ แก้สไล้แมน ที่โตขึ้นมากจนมีความต้องการที่จำเพาะของตน 😅😂❤
ขอบคุณครับคุณหมอ ผมกำลังงงอยู่ว่า gaslight คืออะไร
ฟังคลิปนี้แล้วเข้าใจชัดเจนเลยครับ
อย่างการศึกษาไทย หากเด็กเรียนไม่เก่ง จะโทษเด็กๆ
ทั้งที่ครู และระบบการศึกษาไทยมันห่วยแตกมาก
แล้วก็ gaslight เด็กๆว่าเป็นความผิดของคุณ
หรือเรื่อง การตัดผมทรงนักเรียน แม้แต่การตี ทำร้ายร่างกายเด็กๆ
จะถูก gaslight ว่าเป็นเพราะเด็กๆ ไม่เรียบร้อย ไม่มีระเบียบ
เด็กมีความสามารถไม่เท่ากัน อย่าโยนความผิดให้ครู ถ้าคุณเป็นคนมีครูคงไม่พิมพ์แบบนี้นะคะ
@@wariwanda1 ครูก็คนเหมือนเด็กไม่ใช่หรอครับ
ความสามารถก็ไม่เท่ากันเหมือนกัน
แล้วจะวิจารณ์ไม่ได้เลยหรอ
gaslight อีกอย่างคือ ห้ามวิจารณ์ครู/ผู้ใหญ่
สังคมหลอกให้คนคิดว่า ผู้ใหญ่/ครู ต้องถูกต้อง ต้องดีเสมอ
เรื่องครูกับนักเรียนนี่ ผมว่ามันมีปัญหาด้วยกันทั้งคู่ครับ ต้องมานั่งคุยกันดีๆเลย และต่างฝ่ายต่ายต้องเจอกันตรงกลาง หมายความว่าจะไม่มีฝ่ายไหนได้ทุกอย่างที่ตัวเองอยากได้ และจะต้องถอยในเรื่องที่ตัวเองไม่อยากถอยแน่นอน บางอย่างผมก็เห็นว่าไม่จำเป็น เช่น การตัดผมสั้น หรือการสอนในบางเรื่องมันก็ไม่ดี แต่บางอย่างเช่น กฏระเบียบผมก็เห็นว่ามันควรต้องเคารพ ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้ การเป็นครูยุคนี้ลำบากมากครับ ไม่ว่าสอนดียังไง ก็โดนว่า และครูแต่ละคนก็สอนไม่ได้เท่ากันหรอกครับ ทุกคนจะให้เก่งและดีเหมือนกันหมดเป็นไปไม่ได้ แถมจะทำโทษก็เตรียมโดนพ่อแม่เด็กมาเอาเรื่องได้เลย บางทีการที่เด็กมีอิสระมากเกินในความคิด ก็ทำให้ไม่มีความอดทน และยังเรื่องเทคโนโลยีที่ครูอาจจะตามไม่ทันอีก เด็กเดี๋ยวนี้หาความรู้จาก internet ได้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งครู เลยทำให้ความเคารพมันลดลงครับ
เหมือน abusive Man เลยค่ะ อยากให้เปรียบเทียบกันด้วย
หนูเคยมีเพื่อนคนนึงชอบ gaslighting ปัจจุบันเลิกคบแล้วชีวิตและสุขภาพจิตดีขึ้นมากค่ะ
สำหรับบางคนโชคร้ายกว่านั้น คือ ไม่ใช่แค่ร่วมงาน แต่เป็นครอบครัว เลี่ยงไม่ได้
คนบางคนหลงเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว คงต้องใช้สติมากๆไม่งั้นปัญญาไม่เกิดแน่แถมกลายเป็นเสียสติอีกด้วย น่ากลัวเหมือนกันนะ
ถ้าเราไม่มีความสุข หรือไม่สบายใจที่ต้องทนกับพฤติกรรมใคร ก็ถอนตัวออกมาเลย เพราะอยู่ไปก็เหมือนคนโง่ถูกเอาเปรียบอยู่เรื่อย พอไม่ยุ่งชีวิตก็สบายดี
เจอ narcissist หลายคนในชีวิต ใช้ gaslight เป็น 1 ใน หลายๆวิธีที่เขาใช้ เราต้องมีวิธีรับมือคะ
ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ ผมฟังมาแล้วคิดถึงการเมือง กับคนมีอำนาจเลยครับ คนพวกนี้ทำให้เราด่อยค่าแล้วมายื่นมือช่วยเรา ทำให้เขาเหมือนคนวิเศษ ทั้งที่จริงไม่ใช่เลย
ขอสอบถามเพิ่มเติมถึงคนที่เป็นแกสไลเตอร์ ได้ไหมครับคุณหมอ ว่าเพราะเหตุใดจึงทำ หรือแรงจูงใจที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นแกสไลเตอร์ได้บ้างครับ🙏
ผลประโยชน์ล้วนๆครับ
คนที่ภายนอกดูเก่งดูดี บางทีก็มีมุมมืด ที่น่ารังเกียจจริงๆครับ ผมเคยเห็นคนแบบนี้มา มีทั้งความเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ หลงตัวเอง ไปๆมาๆ คนพวกนี้อาจชั่วร้ายกว่าคนทั่วไปซะอีกครับ
นึกถึงบริทนี่ย์เลยครับเคสแบบนี้