“สมเด็จโต”สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ประวัติความเป็นมาสมเด็จวัดระฆัง

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 16 เม.ย. 2023
  • “สมเด็จโต”สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ประวัติความเป็นมาสมเด็จวัดระฆัง 17 เมษายน วันคล้ายวันเกิด
    ประวัติความเป็นมาของสมเด็จโตพระพุฒาจารย์
    สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มีนามเดิมว่า โต เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ (หลังสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ได้ ๗ ปีแล้ว) เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีวอก จุลศักราชที่ ๑๑๕๐ มีมารดาเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่มีชื่อว่า งุด เกศ ส่วนบิดา ไม่มีหลักฐานปรากฏที่แน่ชัด เล่ากันว่า เมื่อวัยเยาว์ ท่านมีรูปร่างที่บอบบาง เพื่อเป็นการข่มนาม ผู้ใหญ่จึงตั้งชื่อไปในทางตรงกันข้าม และให้มีนามว่า โต ท่านอาศัยอยู่ที่ ณ บ้านตำบลไก่จ้น (ท่าหลวง) อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมรณภาพ ในวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ ปีวอก จุลศักราชที่ ๑๒๓๔ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๔๑๕ สิริรวมอายุ ๘๕ ปี ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามได้ ๒๐ ปี โดยรับตำแหน่งตั้งแต่อายุ ๖๕ ปี และดำรงฐานันดรศักดิ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตมาได้ ๗ ปีเศษ
    เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ท่านได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดใหญ่เมืองพิจิตร และได้ย้ายไปศึกษาพระปริยัติธรรม ณ เมืองชัยนาท จนอายุครบ ๑๘ ปี ท่านก็ย้ายมาศึกษากับอาจารย์แก้ว ณ วัดบางลำพู จังหวัดกรุงเทพฯ และยังได้ศึกษาพระปริยัติธรรมกับเสมียนตราด้วง ขุนพรมเสนา ปลัดเสนา ปลัดกรมนุท เสมียนบุญ และพระกระแสร์ จนกระทั่งได้เข้ามาเฝ้าสมเด็จพระลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอดิศร สุนทร พระบรมโอรสาธิราชให้ทรงโปรดมาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราช วัดมหาธาตุ
    ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ท่านมีอายุได้ ๒๑ ปี จึงบวชเป็นพระภิกษุ และสมเด็จเจ้าฟ้าพระบรมราชโอรส ทรงรับภาระบรรพชาให้เป็น นาคหลวง และให้ไปบวชตามภูมิลำเนาที่มีโยมแม่ และบรรดาญาติพี่น้องอาศัยอยู่ ณ วัดตะไกร จังหวัดพิษณุโลก ท่านได้เที่ยวสัญจรไปมาตามสถานที่ต่างๆ ตามนิสัยที่ชอบการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ มุ่งศึกษาหาพระอาจารย์ต่างๆ ที่คงแก่ด้านวิปัสสนากรรมฐานสมถะ โดยการเดินธุดงค์เข้าไปตามป่าตามเขา
    จวบจนสำเร็จวิปัสสนาญาณกรรมฐานขั้นสูง ท่านได้มีสมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อนเป็นพระอาจารย์ ที่คอยพร่ำบอก พร่ำสอนวิชาความรู้ต่างๆ ให้แก่สมเด็จโต จนสมเด็จโตเก่งแตกฉานในทุกๆด้าน ในตอนนั้น สมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน มีการสร้างพระสมเด็จวัดพลับขึ้นมาและได้ปลุกเสกเอง จึงทำให้สมเด็จโตได้ความรู้ในการสร้างพระของขลัง หลังจากนั้นไม่นาน ท่านสมเด็จโตก็ได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาส ณ วัดระฆัง
    ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระองค์ได้โปรดปรานพระมหาโตเป็นอย่างยิ่ง กระทั่ง ปี พ.ศ. ๒๓๙๕ พระองค์ได้พระราชทานสมณศักดิ์พระมหาโตเป็นครั้งแรก ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ตอนอายุ ๖๔ ปี และเป็นพระราชาคณะที่ พระธรรมกิติ โดยปกติแล้วพระมหาโตมักพยายามหลีกเลี่ยงการรับพระราชทานสมณศักดิ์ แต่เพราะตอนนั้นในหลวงเป็นถึงเจ้าฟ้า จึงทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำใจที่จะยอมรับยศสมเด็จ ทำให้ท่านต้องรับพระราชทานสมณศักดิ์ไปอีก ๒ ปี แต่ถ้าเป็นเจ้าแผ่นดินสมเด็จโตท่านสามารถหนีพ้นจึงไม่รับยศ โดยการเดินธุดงค์ออกไปหลายเดือนเพื่อหนียศ ต่อมา ท่านได้เลื่อนยศเป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ที่ พระเทพกระวี และอีก 10 ปี ต่อมา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ จึงทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีราชทินนามตามจารึกในหิรัญบัฏว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ อเนกสถานปรีชา วิสุทธศีลจรรยาสมบัติ นิพัทธุตคุณ สิริสุนทรพรตจาริก อรัญญิกคณิศร สมณนิกรมหาปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลศีลขันธ์ สถิต ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระอารามหลวงฯ
    ตอนนั้นได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่พิสดารมากมาย บ้างก็เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เป็นเรื่องตลกขบขัน เช่น มีชาวต่างชาติ ได้ทราบข่าวว่าท่านสมเด็จโตมีความสามารถที่เก่งกาจ อัจฉริยะ จึงอยากลองภูมิปัญญาของท่านว่า จุดศูนย์กลางของโลกอยู่ตรงไหน และท่านสมเด็จตอบกลับไปว่า จุดศูนย์กลางของโลกนั้นอยู่ทุกหนแห่งบนพื้นผิวโลกใบนี้ ไม่ว่าฉันจะไปยืนตรงไหน ณ จุดใด ตรงนั้นคือจุดศูนย์กลางของโลก ฝรั่งจึงถามต่อว่า ท่านสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้หรือไม่ ท่านสมเด็จจึงตอบกลับไปว่า หากฉันพิสูจน์ได้แล้ว ท่านจะว่าอย่างไร ฝรั่งจึงไม่ตอบอะไร หลังจากนั้น สมเด็จโตจึงถือตาลปัตรและหยิบสายสิญจน์มาแทนเชือก เพื่อผูกเข้ากับตาลปัตร แล้วนำไปปักดิน จากนั้นทำการดึงเชือกสายสิญจน์ออก ใช้ปลายนิ้วลากลงบนพื้นดินให้เป็นวงกลม แล้วกล่าวว่า วงกลมคือโลก เพราะฉะนั้น ฉันยืนอยู่จุดศูนย์กลางของโลกตรงจุดที่มีตาลปัตรปักดินอยู่นั่นแหละ
    เมื่อฝรั่งได้ยิน จึงยอมแพ้กลับไป และยังมีอีกหลายๆเรื่องที่ท่านสมเด็จโตสามารถรู้กาลเวลาอนาคต ครั้งหนึ่ง มีหญิงจีนมาขอหวยจากท่าน โดยการแอบนัดกับเด็กวัดแล้วแนะให้ขึ้นไปคุยกับท่านสมเด็จโตบนกุฏิ จากนั้นเด็กวัดก็ถามท่านสมเด็จโต ในขณะที่กำลังบีบนวดไปด้วย ว่า ท่านตา ท่านตา หวยงวดนี้จะออกอะไร ท่านสมเด็จโตจึงตอบว่า ข้าตอบไม่ได้โว้ย เดี๋ยวหวยของข้าจะรอดร่อง และในขณะนั้น มีอาเจ็กคนจีนคนหนึ่ง แอบอยู่บริเวณใต้ถุนกุฏิ ได้ยินสมเด็จโตพูดอย่างนั้นก็เปิดแน่บไปเลย
    และอีกตำนานหนึ่งที่เล่าขานกันมา เกี่ยวกับแม่นาค สมเด็จโตพระพุฒาจารย์โต ท่านได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ผีนางนาค กำเริบ หมอผีไหนก็ไม่สามารถจัดการได้ ท่านจึงเดินทางไปค้างที่วัดมหาบุศย์ ในคลองพระโขนง พอค่ำท่านก็ไปนั่งอยู่ที่ปากหลุม แล้วเรียกนางนาคขึ้นมาสนทนากัน แต่ตกลงกันว่าอย่างไรไม่ทราบได้ ผลสุดท้ายท่านสมเด็จโตได้เจาะเอากระดูกตรงส่วนหน้าผากของนางนาคที่เขาฝังไว้มาได้ จากนั้นท่านก็นั่งขัดเกลาจนมันวาว แล้วนำกลับไปยังวัดระฆัง และทำการลงยันต์เป็นอักษรไว้ เจาะเป็นปั้นเหน่งคาดเอว เพื่อนำติดตัวไปทุกแห่งหน ตั้งแต่นั้นมา ผีนางนาคก็หายไปไม่มาเที่ยวหลอกผู้คนอีกเลย
    เรื่องเล่าจากบันทึก เล่าเรื่องต่างๆที่มีสาระและน่าสนใจ ประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญต่างๆ รวมถึงธรรมะคำสอนต่างๆ #สมเด็จโต #สมเด็จวัดระฆัง

ความคิดเห็น • 8

  • @wiriwan6181
    @wiriwan6181 2 วันที่ผ่านมา +2

    กราบสาธุ

  • @user-zl6ln9gm9g
    @user-zl6ln9gm9g 2 หลายเดือนก่อน +2

    ขอนอบน้อมกราบสาธุๆเจ้าค่ะ

  • @user-rp5is3jg5s
    @user-rp5is3jg5s หลายเดือนก่อน +2

    สาธุ สาธุ สาธุ

  • @pakinbuathong9943
    @pakinbuathong9943 หลายเดือนก่อน +3

    🎉😢😮😊

  • @user-eb9jd6ki9r
    @user-eb9jd6ki9r 10 หลายเดือนก่อน +3

    🙏🙏🏻🙏🏻

  • @Touy-eh3qj
    @Touy-eh3qj 18 วันที่ผ่านมา +2

    ຂໍລາບນະມັດສະການຫລວງປູ່ໂຕພລົມມະຣັງສີເອວັງ

  • @user-vy1rj1vl5k
    @user-vy1rj1vl5k 10 หลายเดือนก่อน +2

    มงคลอาร้อน

  • @user-zl6ln9gm9g
    @user-zl6ln9gm9g 3 หลายเดือนก่อน +2

    ขอนอบน้อมกราบสาธุๆเจ้าค่ะ