ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
สาธุครับ🙏🙏🙏 เปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายๆ
@@CTR4456 ขอบคุณนะคะ
คุณครูเรียบเรียงอธิบายได้ดีศาสนิกอื่นที่ตั้งคำถามนี้รวมทั้งคนพุทธที่สงสัยคงได้คำตอบพอสมควร ขอบคุณที่นำเสนอครับ
คำว่า "ชาติแรก" ถ้าหมายถึงการเกิดขึ้นของร่างกายและจิตวิญญานขึ้นเป็นครั้งแรกของมนุษย์แล้วละก็ ในทางพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ในที่ไหนๆเลย มีแต่ตรัสไว้ว่าวัฏฏะสงสารอันยาวนานนี้ไม่ปรากฏเบื้องต้นและเบื้องปลาย หมายความว่าจะสาวไปสักเท่าไรก็ไม่อาจพบชาติแรกและชาติสุดท้ายได้ ยกเว้นสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์จึงจะเป็นชาติสุดท้ายพ้นความเกิดได้ ดังนั้นใครก็ตามอย่าเก่งเกินพระพุทธเจ้าที่เอาเรื่อง "ชาติแรก"มาพูด
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะค่ะ🙏🙏🙏
ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนามาอย่างดีระดับหนึ่งแล้วเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ในที่ไหนๆ วัตุประสงค์ของการพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร? ไม่ใช่อวดเก่งอย่างที่คุณพยายามยัดเยียด แต่เพื่อประโยชน์ในการถอนอัตตาตัวตน โดยเอาแนวทฤษฎีของนักวิทยุาศาสตร์ ที่เห็นว่ามีความสอดคล้องกับพุทธศาสนาระดับหนึ่งมาพูด ไม่ได้เอาความรู้ของตัวเองมาพูด และก็ไม่ได้บอกว่า “พระพุทธเจ้าตรัส”ด้วย ถ้าฟังด้วยดีก็จะได้ปัญญาระดับหนึ่ง ถ้าฟังด้วยอัตตาตัวตน แบบ“อลคัททูปม“ ผลก็จะเป็นอย่างที่คุณกำลังเป็นและแสดงออกอยู่นี่แหละ
@nuntiwan1963 ที่คุณอธิบายมาทั้งหมดนั้น มันแสดงถึงอัตตาตัวตนที่เต็มเปี่ยมอยู่อย่างไม่รู้ตัว คือถ้าคิดพิจารณาในข้อความให้ดีจริงก็จะเข้าใจว่าผมสื่อความหมายถึงประเด็นอะไร และจะไม่พูดออกมาในลักษณะเช่นนี้หรอกครับ ถ้ายอมรับก็คือยอมรับและไม่มีคำแก้ตัว ถ้าไม่ยอมรับก็ต้องอธิบายว่าไม่ยอมรับด้วยเหตุใด พระพุทธดำรัสกับทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์บางเรื่องมันเข้ากันไม่ได้ มันไกลกันคนละโยชน์ บางเรื่องก็ถูกยกเลิกไปก็มี เรื่องชาติแรกแม้แต่พระพุทธองค์ยังทรงย้อนไปไม่ถึง มันจึงเป็นเรื่องอจินไตย ไม่ควรเอามาคิดเอามาพูด ผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนามาพอสมควรเขาจะรู้กันทุกคนครับ
@@nuntiwan1963อัตตาผมหรืออัตตาคุณกันแน่ครับ?
@@konjing.666ที่บอกว่า ชาติแรกคืออภิชา มันก็ถูกแล้วนี่ครับ ที่มันหลุดเข้ามาในสังสารวัฏครั้งแรก ก็เพราะมันยังไม่มีวิชา ผมหมายถึงสิ่งหนึ่งที่ยังไม่มีวิชา แต่พอมันมีวิชาแล้ว มันก็จะถูกเรียกว่า วิมุตติญาณทัศนะ หรือพระนิพพาน จริงๆมันก็คือคนเดิม แต่ถามต่อดีกว่า สิ่งสิ่งหนึ่งนี้มาจากไหน ตรงนี้ต่างหากที่บอกว่าหาที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่เจอ เหลืออีกนัยยะหนึ่ง จะบอกว่า ธรรมธาตุนั้นย่อมตั้งอยู่แล้วนั้นเทียว คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สรุปโดยย่อ มันมีหลายสเต็ปครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ยอดเยี่ยมมาก
🙏🙏🙏🥰🥰🥰ขอบคุณพระคุณมากค่ะ
เข้าใจลึกซึ้งมากครับ ขอบคุณครับ
@@Namo-bt3cb ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
เป็นการเข้าใจตวามหมายชองอนัตตา ผิด และเป็นการอธิบายผิด😊😅😮😢🎉😂❤
ความหมายของอนัตตามีอยู่ 4 อย่าง1. เห็นว่าเราไม่เป็นขันธ์ 52. เห็นว่าเราไม่ได้มีอยู่ในขันธ์ 53. เห็นว่าขันธ์ 5 ไม่ได้เป็นของเรา4. เห็นว่าเราไม่มีอยู่นอกขันธ์ 5นี้คือบทสรุปของคำว่าเห็นอนัตตาในพระพุทธศาสนา ถ้าคุณเข้าใจเรื่องอนัตตาผิดจากนี้ คุณไม่ควรเข้าไปแสดงความคิดเห็นเรื่องอนัตตาในที่ไหนๆอีก แต่ควรตั้งใจปฏิบัติธรรมพิจารณาขันธ์ 5 จนกว่าจะเห็นแจ้งด้วยปัญญาของตนเองโดยรีบด่วน นี้คือคำแนะนำที่ดีที่สุดจากกัลยาณมิตรผู้หนึ่งที่คุณควรปฏิบัติตาม
สาธุ สาธุ สาธุ ยอดเยี่ยมชัดเจนมาก
ขอบพระคุณมากค่ะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ขออนุญาตเรียก อ.แม่นะครับแต่ก่อนผมหาคำตอบมาตลอดว่าชาติแรกเกิดมาทำไม แต่พอได้ฟัง อ.เบียร์และอาจารย์แม่แล้ว เลิกสงสัยเลยครับเพราะไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม คำสอนพระพุทธเจ้าเรียบง่ายจริง ขอบคุณครับ ❤
@@paisupreecha7887 สาธุค่ะ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ สิ่งที่ควรรู้คือ ข้อปฏิบัติใดที่ทำให้ถึงความสิ้นทุกข์ นั่นแหละคือสิ่งที่ควรศึกษาเรียนรู้🥰🥰🥰🙏🙏🙏🙏
กราบสาธุๆๆค่ะครูนัน
ขอบคุณมากค่ะเพื่อน🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ฟังคุณแม่แล้วเอาไปรวมกับธรรมของพุทธองค์ที่ได้ฟังจาก อ.เบียร์ คือ ชัดเจนเข้าใจมากเลยค่ะ สาธุ 🙏....และทำให้คิดได้ว่า การที่พระองค์ไม่ทรงอธิบายขยายความก่อนมีอวิชชาให้มากมาย น่าจะมีเหตุมาจาก ความรู้นั้นเป็นเรื่องในอดีตที่ไม่มีประโยชน์ต่อหนทางดับทุกข์ เหมือนกับการที่มีข้อมูลว่ามีคำถามบางคำถามที่พระองค์ไม่ทรงตอบเหล่าสาวก เพราะเหตุที่ไม่มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ เข้าใจว่าแบบนี้นะคะคุณแม่ ไม่รู้ใช่ไหม สาธุ
@@tonsit1339 ขอบคุณนะคะ ศึกษาธรรมะไปด้วยกันนะคะ🥰🥰🥰
สาธุๆครับ...
@@สัณธยาฮมภาราช 🙏🙏🙏
น้อมขอบคุณ ในวิชา และอวิชาด้วยความที่ยังไม่รู้จริง จีงกลับสู่ต้นธาตุเดิมในจิตใจตนไม่ได้ครับ😊
@@บุญสืบแตงบุตร 🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุ🙏🙏🙏
ขอบคุณมากค่ะ🥰🥰🥰
สาธุ 🙏กราบ🙏กราบ🙏กราบ
🙏🙏🙏
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณพี่🥰🥰🥰
อนุโมทนาสาธุ
สาธุสาธุสาธุครับ
🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุ
@@Ninnonเพลง 🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุๆๆจ้า
ขอบคุณมากค่ะ❤❤❤
ขอบคุณครับได้ความรู้มากขึ้นเลย ขอถามข้อสงสัยหน่อยครับ ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ มนุษย์พึ่งเกิดมาได้แค่4-6หมื่นปีเอง แล้วที่บอกว่าเวียนว่ายตายเกิดนับครั้งไม่ถ้วน จะอธิบายยังไงครับ ขอบคุณครับ
@@tawanyamyen21 4-6หมื่นปีนี่ก็ไม่รู้ว่าได้กี่รอบนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ😊😊😊
เยี่ยมมากครับ
@@amornchaisi1 ขอบคุณนะคะ
ความมีอยู่ เกิดขึ้นจากความไม่มีอยู่ ความไม่มีอยู่ เกิดขึ้นจากความไม่รู้ ยังไม่มีการรับรู้ความจริงของจักรวาล เมื่อรับรู้ถึงความจริงของจักรวาล ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมีอยู่ และ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการไม่มีอยู่ เพราะทั้งการมีอยู่ และ การไม่มีอยู่ ล้วนเป็นสมมุติที่ถูกสร้างขึ้นมา จากความไม่รู้
@@SupphachaiChamnan 🥰🥰🥰ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ🙏🙏🙏
@@nuntiwan1963 สาธุ
@@nuntiwan1963 มีอยู่ 6 อย่างที่มีอยู่แล้วในเอกภพ โดยไม่มีใครสร้าง เรียกว่า ธรรมชาติ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และ ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเกิดการรวมตัว ของสิ่งต่างๆ และ การหมุนอย่างรวดเร็ว จนเกิดความร้อนสูง และ อัดแน่นจนเกิดการชนกันและปะทะกัน จึงเกิดการระเบิดแบบ บิ๊กแบง แล้วทุกอย่างก็ยังคงหมุนด้วยแรงเหวี่ยง ด้วยแรงเหวี่ยงนั้น จึงทำให้ดวงดาวต่างๆ เกิดขึ้น อย่างเป็นระบบระเบียบ ด้วยแรงเหวี่ยงที่เป็นวงกลมนั้น ความสงสัยการตั้งคำถาม ว่าใครสร้าง หรือ ทำไมไม่มีคนสร้าง ความมีอยู่ หรือความไม่มีอยู่ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อารมณ์ และ ความรู้สึกต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมา โดยธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเรียนรู้ และ ปฏิบัติ ค้นหาทางแยกออกจาก ธาตุต่างๆ มอง สัจธรรม ด้วยความเป็นจริง ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ ก็หยุดการปฏิสนธิ กับธาตุอื่นๆ เรียกว่านิพพาน ถ้ายังปฏิสนธิกับธาตุอื่นอยู่ ธาตุที่รับรู้ได้ที่เรียกกันสูงสุด ก็คือ พระพรหม ธาตุทั้ง 6 ธาตุที่มีอยู่แล้วดั้งเดิม ในเอกภพ ทั้ง 6 ธาตุนี้ เรียกว่าธรรมชาติ มีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น ที่สามารถรับรู้ได้ ธาตุอื่นๆนั้น ไม่มีความรับรู้ใดๆ ความคิดต่างๆ คำถามต่างๆ คำถามว่าใครสร้าง หรือทำไมไม่มีใครสร้าง ล้วนแล้วเกิดจาก ธาตุที่สามารถรับรู้ได้นี้ ที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น เรียกว่า สมมุติ การละจากสมมุติ ก็คือการละจากจากการยึดถือตัวเราของเรา อย่างนั้นชื่อนั้น ชื่อนี้ ละจากความความสงสัยทั้งปวง และกลับสู่ธาตุบริสุทธิ์ดั้งเดิม คือธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เรียกว่าพระพรหม แต่เมื่อเพิ่มการเรียนรู้ จากพระพุทธเจ้าถึงการดับทุกข์ ดับความสงสัย ดับกิเลสต่างๆ และหนทางแห่งพระนิพพาน ธาตุที่สามารถรับรู้นี้ มีวิธีแยกตัวออกจากธาตุทั้งหลาย และไม่เข้าไปปฏิสนธิอีก เรียกว่าพระนิพพาน อวิชา เกิดจากความไม้รู้ เกิดจากการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีอวิชชา ก็มีความไม่รู้ มีการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ สภาพจิตเดิมที่เรียกกันว่าพระพรหมนี้ ยังไม่มีการรับรู้ตามความจริงของจักรวาลนี้ ยังมีความสงสัย มีความไม่รู้ จึงเกิดอวิชชา ซึ่งเป็นต้นเหตุทั้งหลายแห่งความยึดมั่นถือมั่น และ ทำให้วนเวียนเกิดตาย ขึ้นสวรรค์ ตกนรก อยู่ในสามโลกธาตุ อย่างไม่มีวันจบสิ้น จึงต้องเดินตามทางพระพุทธองค์ เพื่อกำจัด อวิชชาให้สิ้นซากไป เมื่อสิ้นอวิชชาก็หมดสิ้นซึ่งความสงสัย เมื่อหมดความสงสัยอย่างแท้จริง ก็เข้าสู่หนทางแห่งความจริงของของจักรวาล เมื่อได้รับรู้ความจริงของจักรวาล ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสมมุติทั้งหลาย และรับรู้ตามความเป็นจริง ไม่ยึดถือทั้งความทุกข์ ไม่ยึดถือทั้งความสุข ไม่ยึดถือความมี ไม่ยึดถือความไม่มี ไม่ยึดถือความอยาก และ ไม่ยึดถือความไม่อยาก แต่อยู่ในอารมณ์อุเบกขา ไปตลอดกาลนาน นี้เรียกว่านิพพาน
@@nuntiwan1963 มีอยู่ 6 อย่างที่มีอยู่แล้วในเอกภพ โดยไม่มีใครสร้าง เรียกว่า ธรรมชาติ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และ ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเกิดการรวมตัว ของสิ่งต่างๆ และ การหมุนอย่างรวดเร็ว จนเกิดความร้อนสูง และ อัดแน่นจนเกิดการชนกันและปะทะกัน จึงเกิดการระเบิดแบบ บิ๊กแบง แล้วทุกอย่างก็ยังคงหมุนด้วยแรงเหวี่ยง ด้วยแรงเหวี่ยงนั้น จึงทำให้ดวงดาวต่างๆ เกิดขึ้น อย่างเป็นระบบระเบียบ ด้วยแรงเหวี่ยงที่เป็นวงกลมนั้น ความสงสัยการตั้งคำถาม ว่าใครสร้าง หรือ ทำไมไม่มีคนสร้าง ความมีอยู่ หรือความไม่มีอยู่ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อารมณ์ และ ความรู้สึกต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมา โดยธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเรียนรู้ และ ปฏิบัติ ค้นหาทางแยกออกจาก ธาตุต่างๆ มอง สัจธรรม ด้วยความเป็นจริง ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ ก็หยุดการปฏิสนธิ กับธาตุอื่นๆ เรียกว่านิพพาน ถ้ายังปฏิสนธิกับธาตุอื่นอยู่ ธาตุที่รับรู้ได้ที่เรียกกันสูงสุด ก็คือ พระพรหม ธาตุทั้ง 6 ธาตุที่มีอยู่แล้วดั้งเดิม ในเอกภพ ทั้ง 6 ธาตุนี้ เรียกว่าธรรมชาติ มีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น ที่สามารถรับรู้ได้ ธาตุอื่นๆนั้น ไม่มีความรับรู้ใดๆ ความคิดต่างๆ คำถามต่างๆ คำถามว่าใครสร้าง หรือทำไมไม่มีใครสร้าง ล้วนแล้วเกิดจาก ธาตุที่สามารถรับรู้ได้นี้ ที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น เรียกว่า สมมุติ การละจากสมมุติ ก็คือการละจากจากการยึดถือตัวเราของเรา อย่างนั้นชื่อนั้น ชื่อนี้ ละจากความความสงสัยทั้งปวง และกลับสู่ธาตุบริสุทธิ์ดั้งเดิม คือธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เรียกว่าพระพรหม แต่เมื่อเพิ่มการเรียนรู้ จากพระพุทธเจ้าถึงการดับทุกข์ ดับความสงสัย ดับกิเลสต่างๆ และหนทางแห่งพระนิพพาน ธาตุที่สามารถรับรู้นี้ มีวิธีแยกตัวออกจากธาตุทั้งหลาย และไม่เข้าไปปฏิสนธิอีก เรียกว่าพระนิพพาน อวิชา เกิดจากความไม้รู้ เกิดจากการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีอวิชชา ก็มีความไม่รู้ มีการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ สภาพจิตเดิมที่เรียกกันว่าพระพรหมนี้ ยังไม่มีการรับรู้ตามความจริงของจักรวาลนี้ ยังมีความสงสัย มีความไม่รู้ จึงเกิดอวิชชา ซึ่งเป็นต้นเหตุทั้งหลายแห่งความยึดมั่นถือมั่น และ ทำให้วนเวียนเกิดตาย ขึ้นสวรรค์ ตกนรก อยู่ในสามโลกธาตุ อย่างไม่มีวันจบสิ้น จึงต้องเดินตามทางพระพุทธองค์ เพื่อกำจัด อวิชชาให้สิ้นซากไป เมื่อสิ้นอวิชชาก็หมดสิ้นซึ่งความสงสัย เมื่อหมดความสงสัยอย่างแท้จริง ก็เข้าสู่หนทางแห่งความจริงของของจักรวาล เมื่อได้รับรู้ความจริงของจักรวาล ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสมมุติทั้งหลาย และรับรู้ตามความเป็นจริง ไม่ยึดถือทั้งความทุกข์ ไม่ยึดถือทั้งความสุข ไม่ยึดถือความมี ไม่ยึดถือความไม่มี ไม่ยึดถือความอยาก และ ไม่ยึดถือความไม่อยาก แต่อยู่ในอารมณ์อุเบกขา ที่ประกอบ ด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา แบะไร้ซึ่งความยึดติด และ ความสมมุติใดๆ ไปตลอดกาลนาน นี้เรียกว่านิพพาน
สัตตานังเป็นเพียงกรอบ boundary เหมือนอะตอม ที่คิดปรุงแต่งว่าตนเองต้องประกอบด้วย โปรตรอน นิวตรอน อิเล็คตรอน เหมือนปรุงแต่งเสมอว่าตนเองต้องมีขันธ์5 เสมอ ตรงนี้เรียกว่า อวิชชา แต่ถ้าสัตตานังตนนั้นไม่ปรุงยึด มันก็คืออะตอมที่ว่างเปล่า ที่ไม่มีองค์ประกอบ จะเรียกว่าอะตอมก็ไม่ได้เพราะมันไม่มีองค์ประกอบข้างใน เหมือนมีตัวตนแต่ว่าง นั่นคือสภาวะนิพพาน
สาธุครับ
@@ณัฐมงคลทาศรี-บ7ค 🙏🙏🙏สาธุค่ะ🥰🥰🥰
สาธุ สาธุ สาธุในธรรมค่ะ
@@แด่เธอผู้มีบุญ 🥰🥰🥰
คุณครูครับ สิ่งที่เป็นคำตอบ ของคำถามนี้ คือ การเกิดขึ้นมาของสิ่งๆหนึ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติว่า สัตตานัง ผู้ยึดติดในขันธ์ทั้ง๕ว่าเป็นของเราเป็นตัวเราตัวตนของเรา เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คำตอบคือ กระบวนการ ปฏิสัมพันธ์ ของสิ่งๆหนึ่ง เชื่อมต่อประสานเข้ากันได้กับสิ่งๆหนึ่ง แล้วกลายเป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง ที่เรียกว่า สัตตานัง ที่ยังไม่รู้ อริยสัจ๔ หลงยึดติด ธรรมธาตุ ทั้งรูปธาตุ เเละ นามธาตุ ว่าเป็นของเรา ความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ เป็นเรา ทั้งนั้น สัตตานัง เกิดในร่างนี้เเล้วยึดติดเเก่เจ็บตายจากร่างนี้ภพภูมินี้สู่ร่างใหม่ โดยอาศัย ทั้งพลังงานด้านดีเเละไม่ดีเป็นตัวเเปล ว่าจะปฏืสัมพันธ์เชื่อมต่อเข้ากันได้ประสานกันได้กับภพภูมินั้นไหม ก็คือกุศลเเละอกุศล ที่เคยทำไว้ กายนี้เป็นกรรมเก่า ส่วนชาติเเรก รูปธาตุที่ระเอียดีบริสุทธิ์มาก ที่เรียกว่า อาภัสราพรหม ที่ล่องลอย ในอวกาศ แล้วมาเจอกับดาวโลก ที่เริ่มมี ธาตุ บริสุทธิ์บางอย่างเริ่มก็ตัวขึ้นที่เรียกว่าง้วนดิน หลงมาชิมกินแล้วเกิด เวทนาพึงพอใจ จากนั้น จึงเกิดตัญหา อยากกินอีก มาเรื่อยๆเเล้วเกิดอุปาทานว่านี้เป็นของตน จากนั้นร่างกายที่ ใสบริสุทธิ์ก็เริ่มหยาบขึ้น มาเรื่อยๆ กลางเป็นรูปเป็นร่างโดยสมบูรณ์ เเล้ว ติดอยู่ในโลกนี้ กลายเป็นสัตว์น้ำ เเล้วเริ่ม มีเพศ ปรากฏ หลังจากนั้น ก็สืบเชื้อสาย วิวัฒนาการ กันมาเป็น มนุษย์โลกในปัจจุบัน ทุกสรรพสิ่ง เป็นการปฏิสัมพันธ์ประสานเชื่อมต่อเข้ากันได้ ของทุกๆภาวะ ก็เท่านั้น สัตตายังที่อยู่ในภพภูมิมนุษย์นั้นสามารถ บรรลุธรรมได้ จากการรู้อริยสัจ๔โดยการทกสมาธิเเล้วพิจารณากฏอิทัปปัจยะตาปฏิจสปุปบาทในสามธิ สัตตานัง จะตื่นเเละรู้ตัวเอง ว่าขันธ์๕ไม่ใช่ของเราไม่ใช่เป็นเราเเละไม่ใช่ของเรา สิ้นสงสัยรู้เเจ้งในธรรมทั้งหลาย เห็นตรัยลักษณ์ อนิจจังความไม่เที่ยงเเท้เเปลเปลี่ยน เป็น ทุกขัง เข้าถึงความเสื่อมสลายดับไป เป็นอนัตตา คือไม่ใช่ของเราไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตนของเรา😊
@@ภูมินิยาม ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุคะ
@@วรรรณาภูมิสุข 🥰🥰🥰
ที่บอกว่า ชาติแรกคืออภิชา มันก็ถูกแล้วครับ ที่มันหลุดเข้ามาในสังสารวัฏครั้งแรก ก็เพราะมันยังไม่มีวิชา ผมหมายถึงสิ่งหนึ่งที่ยังไม่มีวิชา แต่พอมันมีวิชาแล้ว มันก็จะถูกเรียกว่า วิมุตติญาณทัศนะ หรือพระนิพพาน จริงๆมันก็คือคนเดิม แต่ถามต่อกว่า สิ่งสิ่งหนึ่งนี้มาจากไหน ตรงนี้ต่างหากที่บอกว่าหาที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่เจอ เหลืออีกนัยยะหนึ่ง จะบอกว่า ธรรมธาตุนั้นย่อมตั้งอยู่แล้วนั้นเทียว คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สรุปโดยย่อ มันมีหลายสเต็ปครับ
@@somjidwifi ขอบคุณนะคะ🥰🥰
ชอบมากครับ
@@กนต์ธีร์ธนเกียรติมั่นคง 🥰🥰🥰ขอบคุณนะคะ🙏🙏🙏
😂😂😂😂 สำหรับผมจิตนาการ สิ่งนี้เกิดสิ่งนี้เกิดอย่างนี้อย่างนั้นไปเรื่อยครับ แม้รู้ดีไม่เกี่ยว ไม่มีประโยชน์กับการกับทุกข์ 😂😂😂 ปัญญาผมยังไม่มากพอครับ เลยติดอยู่จุดนี้ครับ สาธุ
@@saharatyasit2639 🥰🥰🥰
ก่อนจะมีก็ต้องไม่มี เมื่อมีแล้วเหตุปัจจัยก็พาไปเรื่อยเรื่อย
ผมรู้แล้วว่าก่อนอวิชชาคืออะไร รู้แล้วจริงๆ ทุกวันนี้ก็เลย ไม่แบ่งแยกศาสนา ทุกภาษา ทุกคำพูด ทุกวัตถุ ที่เราเห็นด้วยตาเนื้อปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ภูมิปัญญาขั้นสูง กำหนดไว้ และเป็นสิ่งที่โลกใช้เป็นสมมุติ เพื่อให้มีความเข้าใจต่อสิ่งมีชีวิตด้วยกัน
@@piromkij7 🙏🙏🙏สาธุในธรรมนะคะ🥰🥰🥰
ขอฟังหน่อยครับ
สาธุ แค่ยังมีความคลาเเคลื่อนจากความเป็นจริงอยู่หลายประการนะครูเรื่องที่มันลึกมากๆ ที่ไม่สามารถใช้จิตมยปัญญาเเล้วจะได้คำตอบ และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ ก็อย่าไปสรุปผลเอาเองเลยแรกเริ่มเดิมทีจิตเป็นประภัสสรของมนุษย์มีธาตุธรรม 3 ฝ่าย คือ กุสะลา ธัมมา(ธรรมฝ่ายกุศล) อะกุสะลา ธัมมา(ธรรมฝ่ายอกุศล) อัพยากะตา ธัมมา(ธรรมที่เป็นกลางๆ)เล่าให้ฟังเเค่นี้พอ สักวันจะได้รู้ว่าอวิชชาเกิดจากอะไร ไม่เกี่ยวว่ามีสมอง(หรือสติปัญญา) เพราะอวิชชาเกิดก่อนมีกายหยาบซะอีก อนุโมทนาบุญในการเผยแผ่ทำด้วย แต่เรื่องที่ไม่รู้จริงก็อย่าชี้เลย
@happynbee4844 ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า "ก่อนมีอวิชชาไม่มีอวิชชา ภายหลังจึงมีอวิชชา" และ " อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดอาสวะ อาสวะเป็นปัจจัยให้เกิดอวิชชา" คนที่รู้เรื่องอวิชชามากกว่านี้ ก็มีแต่มารหรือพวกโมเมมโนว่าตัวเองเป็นผู้รู้เท่านั้น
@@nuntiwan1963ก่อนมีอวิชชาคือไม่มีอวิชชาพระพุทธเจ้ากล่าวไว้ที่ไหนครับ แล้วอะไรเป็นเหตุให้มีอวิชชาขึ้นมาครับ
@nuntiwan1963ก็แสดงว่าอวิชชาเกิดจากอาสวะสิครับ
@@nuntiwan1963มหาไวปุลยพุทธาวตังสักสูตรพระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสไว้เช่นนี้ อวิชาเป็นอย่างไร?กุลบุตร!เหล่าเวไนยสัตว์ ไม่มีที่มาตั้งแต่ต้นความวิปลาสสับสนต่างๆดุจดั่งคนหลงที่ตั้งทิศทั้งสี่โดยง่าย หลงผิดมหาภูตรูปทั้ง4 ว่าเป็นลักษณะกายตนปัจจัยภาพสะท้อนอายตนะภายนอกทั้ง6 ว่าเป็นลักษณะใจของตน อุปมาดั่ง ดวงตานั้นเจ็บป่วย เห็นดอกไม้ท่ามกลางนภากาศและจันทร์ดวงที่สองกุลบุตร!นภากาศแท้จริงไม่มีดอกไม้ ผู้ป่วยยึดความเท็จจากเหตุที่ยึดความเท็จไม่เพียงสับสนสภาวะสุญญตานี้อีกทั้งหลงว่าสถานที่นั้นดอกไม้เกิดขึ้นจริงจากความเท็จนี้ จึงมีวัฏจักรการเกิดตาย เดิมชื่อว่า อวิชากุลบุตร!สิ่งที่เป็นอวิชานี้ มิใช่จริงแท้มีแก่นสารดุจคนอยู่ในฝัน ยามฝันมิใช่ไม่มีจนกระทั่งตื่น แล้วไม่ได้รับสิ่งใดดุจทุกสิ่งเป็นบุปผานภากาศดับในความว่างเปล่า แต่ไม่อาจพูดว่ามีสถานที่ดับแน่นอนเหตุใดฤๅ? เหตุที่ไร้สถานที่เกิดเหล่าเวไนยสัตว์ในท่ามกลางการไม่เกิดถูกลวงให้เห็นเกิดดับด้วยเหตุนี้ ชื่อว่า วัฏจักรการเวียนว่ายเกิดตาย
ชาติแรก ที่เพิ่งเกิดในปัจุบันยังมีอยู่เรื่อยๆใช่ใหมครับ
ไอ้ตัวที่มีอวิชาชาติแรกมันมาจากไหนแล้วมีจำนวนเท่าไรจะหมดเมื่อไร
@gosornmuli ผมคิดว่าชาติแรกยังเป็นภพที่สะอาด ผุดผ่อง เพราะเพิ่งเกิดครั้งแรก ยังไม่ผ่านความเศร้าหมองมาก่อน
ไม่ผุดผ่องหรอก เพราะเศร้าหมองด้วยอวิชชา
@@nuntiwan1963 แต่อาสวะน่าจะยังน้อยกว่าการเกิดหลายๆๆๆๆๆๆๆๆๆชาติน๊ะครับ
ผมมโนเอามันส์ว่า ก่อนชาติแรกของทุกชีวิต มันคงเป็นกลุ่มพลังงานมหาศาล พออัดแน่น สะสมความร้อน ระเบิดกระจายทั่ว ล่องลอยเป็นอณูทั่วจักรวาล เเล้วพัฒนาเป็นเจตสิกสู่จิต ทีนี้ก็ดิ้นรนหาที่เกาะอาศัยแล้วเริ่มวงจรปฏิจจสมุปบาท
@@nantamakot8560 🥰🥰🥰เป็นข้อคิดเห็นที่น่าสนใจค่ะ🙏🙏🙏
แล้วพลังงานแรกที่มารวมกัน มาจากไหน
แรงโน้มถ่วงตามกฎธรรมชาติมั๊ง อย่าหาต้นตอความจริง แค่ผมคิดเล่นๆ เพราะเป็นอาจิณไตย คิดเล่นๆได้ คิดมากบ้ามาก
ดีล่ะๆ ทีนี้ลองย้อนกระบวนการตามที่คุณว่ามาดู
การทดลองเรื่องกระแสไฟฟ้ากับน้ำ มันเกิดสารอินทรีย์ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต แต่นักวิทยาศาสตร์ ไม่เคยพิสูจน์ได้ ว่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเกิดขึ้นได้อย่างไร การทดลองที่อ้างไม่มีจริงครับ ผมเป็นคนนึงที่ศึกษาทางวิทยาศาสตร์และศาสนา แนะนำว่าควรศึกษาใจตัวเองดีกว่าครับ เรื่องความจริงของธรรมชาติอาจจะลึกล้ำเกินกว่าปัญญาของมนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ ต่อให้เข้าใจได้ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดครับ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏
@@nuntiwan1963 อนุโมทนาบุญด้วยครับ
มีสสารมูลฐานจึงมีอิเลคตรอนโปรตอน.รวมเป็นอะตอมภายใต้สภาวะควอนตั้ม..ชีวิตเกิดตามความน่าจะเป็นของควอนตั้ม...
ยอดเยี่ยมเลยค่ะ
อธิบายได้กระจ่างดีครับ สรุปการเกิดคือการอาศัยกันโดยแท้เฉกเช่นอาศัยโลกเกิดอาศัยนิพานเกิดตามเหตุพอที่จะเกิดตามสิ่งนั้นๆโดยแท้
@@ออเจ้าที่รัก-ฤ2ษ ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
"สังขารทั้งหลาย"คือขันธ์4 รูป เวทนา สัญญา สังขารเรียกว่า วิญญาณธิติ4แปลว่า ที่ตั้งวิญญาณมี4ความกำหนดสังขารทั้งหลายมาจากสัญญะเจตนา6ขันธ์4นึ้จึงเป็นนามขันธ์เพราะมีสังขาร จึงมีวิญญาณวิญญาณจึงตั้งลงได้ความตั้งลงของขันธ์5นึ้เป็น นามขันธ์มีสภาวะเป็น สัมภเวสีสัตว์พระตถาคตจึงบัญญัติเป็นนาม-รูป
🙏🙏🙏ขอบคุณในคำชี้แนะนะคะ
พืชคือสังขารที่ไม่มีใจครอง ถูกไหมครับ
ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้ว
☀️🙏🏿🙏🏿🙏🏿
@@wanid7466 🙏🙏🙏ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰
สวรรค์ นรก นิพพานเป็นสิ่งที่ปิดบังซ่อนเร้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังซ่อนเร้นไปเพื่ออะไรมีจริงหรือเปล่าก็พิสูจน์ไม่ได้ ชีวิตหลังความตายเป็นคำตอบของทุกคนมนุษย์มีความเสี่ยงต้องเลิอกว่าจะเชืออะไรมันเป็ฯเรื่องน่าสงสารมากเลือกผิดถูกก็ต้องรับไปน่าสมเพชจริงๆ
พุทธศาสนาสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ด้วยการปฏิบัติธรรม เมื่อปฏิบัติธรรมก้าวหน้าก็จะหมดความสงสัยเรื่องนี้ไปเอง
@@nuntiwan1963 กี่คนที่่ทำได้กี่ภพกี่ชาติชีวิตคนมันสั้นตายเสียก่อนร้อยละ99.999...ละง่ายกว่านี้มีไหม
@@nuntiwan1963 พิสูจน์ได้ส่วนใหญ่ตายเสียก่อนถึงร้อยละ99.999..ชีวิตคนมันสั้นมีวิธีไหนที่มันสั้นกว่านี้ไหมมนุษย์ก็น่าสงสารอยู่ดีละ
@@nuntiwan1963 มีกี่คนที่ทำได้ส่วนใหญร้อยละ99.999..ตายเสียก่อนชีวิตคนมันสั้นมีวิธีที่ง่ายกว่านี้ไหมจะได้ทันในฃาตินี้
@@nuntiwan1963 มีกี่คนที่ทำได้ในชาตินี้ส่วนใหญ่ร้อยละ99.999...ตายเสียก่อนมีวิธีง่ายกว่านี้ไหมชีวิตคนมันสั้นไม่พอจะเรียนรู้หรอกธรรมชาติวางระบบโหดๆไว้
อันนี้อธิบายได้แค่ภพภูมิมนุษย์และเดรัจฉาน แต่ยังไม่กระจ่างในภพภูมิอื่นที่ไม่มีกายเนื้อ
ปฏิจจสมุปบาทท่านเน้นที่ภพมนุษย์เป็นหลัก เพราะปฏิจจสมุปบาทท่านนำมาสอนมนุษย์เป็นหลัก จึงไม่ได้กล่าวถึงภพภูมิอื่นละเอียดนัก
13:30 มีช่องโหว่ ธรรมมะของพระพุทธองค์จะไม่มีช่องโหว่ จะต้องไม่ขัดแย้งกัน สัตว์เซลล์เดียวไม่มีสมองจึงไม่ได้รับผลของการกระทำ คำถามคือแล้วกรรมอะไรทำให้เกิดเป็นสัตว์เซลล์เดียว มองง่ายๆสัตว์ไม่มีสมองคือคนพิการทางสมอง เมื่อตายแล้วก็ต้องเกิดจนกว่าจะกระทำนิพพานให้แจ้งมิใช่หรอ รบกวนช่วยพิจารณาด้วยบุคคลที่ไม่ได้รับผลของกรรมคือ ตั้งแต่พระอริยะโสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์ ธรรมของพระพุทธองค์ลึกซึ้งมาก เพราะอาศัยกันและกันเกิดตามปฏิจจสมุปบาทจึงมีการเกิด แต่ถ้าดับได้ 1 ในปฏิจจสมุปบาท การเกิดก็จะดับตามวงปฏิจจสมุปบาท
@@Avicha-translate ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ เป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์มาก 🙏🙏🙏
เราว่าพุทธนี่คตขัดแย้งกันเองเลย
ดูเหมือนขัดแย้งกันเพราะคำสอนของศาสนาพุทธมีหลายระดับ คนมีปัญญาระดับไหนก็เข้าใจระดับนั้น พอเป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งสติปัญญาตัวเองไม่ถึง ก็จะมองว่าขัดแย้งกันเอง
ขอสนธนาด้วยคนนะครับ เรื่องเชื้อโรค สัตว์เซลเดียวเกิดมาได้อย่างไร ผมคิดว่าเกิดจากเหตุปัจจัย ที่ไม่มีกรรมเก่าเป็นส่วนประกอบ เหมือนการเกิดขึ้นของพวกต้นไม้ พืชชนิดต่างๆ
@@Bughouto สัตว์เซลเดียวเกิดมาได้อย่างไร เพราะมีการตายจึงมีการเกิด หาศึกษาได้จาก กำเนิด ๔ มีโอปปาติกะ เป็นต้น
สรุปคือ ฝึกฝนแทบตาย สุดท้ายก็ว่างเปล่า คำถามคือ จะเกิดมาทำไม เหตุไดจึงต้องเกิดมา ทั้งที่ปลายทางสุดท้ายของทางพุทธ ก็เพื่อกลับไปสู่ความว่างเปล่า สู้ ไม่เกิด ไม่รู้ ไม่กลัว ตั้งแต่แรก ไม่ดีกว่าเหรอ
คุณเคยได้ยินคำนี้ไหม “นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง”
ถ้าซื้อไมค์ ติด หน่อยนะ ยายเอ๋ย คลิป มันจะฟังรู้เรื่องกว่านี่ ๆ เสียงเบา เกิน อู้อี้ๆ อีก ฟังไม่รู้เรื่อง เล้ย.
@@Kwn_Tin ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ จะนำไปปรับปรุงนะคะ😁😁😁😍😍😍
ดูหนังจีนเขาบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่าเกิดขึ้นจากความว่างเปล่าพอเราดับเหตุของการเกิดได้แล้วเราก็กลับไปสู่ความว่างเปล่าหรือบางท่านก็บอกว่าจักรวาลเดิมของเราเพราะนิพพานนั้นก็คือความว่างเปล่าคือดับสูญไม่เกิดขึ้นมาอีกเพราะเราดับวิญญาณความรู้สึกได้แล้วเราก็ดับสูญไม่มีความรู้สึกอีกต่อไป มันก็ว่างเปล่า
เป็นคอมเมนท์ที่ดีมาก
- ถ้าอวิชชาเริ่มจากการมีสมอง แล้ว อรูปพรหม , เทวดา ไม่มีสมอง ไม่มีร่างกาย จะมีอวิชชาได้ไงครับ- นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ยังสร้างสิ่งมีชีวิตจากธาตุมูลฐานกับไฟฟ้าไม่ได้นะครับ (ถ้ามีรายละเอียดช่วยลงด้วย หรือผมตกข่าว?)
เมื่อใดสัตว์มีสมองคิดได้ มโนวิญญาณก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น เมื่อมีมโนวิญญาณแสดงว่ามีจิตแล้ว ต่อมาภายหลังเมื่อบุคคลนั้นฝึกสมาธิจนได้ฌาน ขณะจิตสุดท้ายจิตจะถูกปรุงแต่งด้วยอเนญขา(ฌาน)ภิสังขาร ให้สำเร็จเป็นปฏิสนธิวิญญาณ เพื่อไปบังเกิดยังพรหมโลก
อวิชาไม่ได้เริ่มต้นที่คิดได้ครับ อวิชาปัจจัยสังขาร สังขารตรงนี้ คือสังคตะธรรม ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณ อากาศ ภพ ชาติ เหล่านี้เป็นสังคตะธรรมทั้งหมดมีการเกิดปรากดขึ้น อวิชาไม่ใช่ความคิดครับเข้าใจผิดแล้วครับ อวิชาเป็นปัจจัยของความมีทั้งหมด ความมีทั้งหมด มีความเสื่อมเป็นธรรมดา เพราะไม่ใช่ตัวตนแท้จริงครับ
ต้นไม้ไม่มีความคิดแต่มีขึ้นตั้งขึ้นและเสื้อมก้เกิดขึ้นด้วยอวิชาในภพนั้น ภพเทวดาภพสัตว์นรกก้ตั้งขึ้นด้วยอวิชา มีสภาวะแตกต่างกันด้วยธาตุ สังคตะธาตุเกิดขึ้นด้วยอวิชา การจะหลุดพ้นจากอวิชาจึงรุ้เห็นความไม่มีตัวตน หรืออุปทานที่ไปยึดสิ่งต่างๆ ตันหาก้ไม่มีเจ้าของขันนี้ก้ไม่มีเจ้าของ วิญญานเกิดขึ้น วิญญานนั้นก้เสื่อมดับไปณที่นั้น แท้จริงแล้วก้ไม่ได้เป็นตัวตนเรา ภพชาติรุปนามทั้งหมดเป็นของอวิชาผู้สร้างขึ้น อวิชาจึงเป็นนายช่างผู้สร้างเรือน นิพพานจึงรุ้เห็นได้และหลุดพ้นได้ทั้งๆที่ยังมีภพชาติรุปนามของอวิชา
ส่วนเรื่องใครผู้สร้างอวิชานี้แหละไม่มีปรากด
ก่อนจะเกิดชาติแรก มีธาตุธรรมอยุ่แล้ว 3สิ่ง สิ่งหนึ่งเรียก กุศลาธรรมมา สิ่งหนึ่งเรียก อกุศลาธรรมมา อีกสิ่งหนึ่งเรียก อัพพยากัตตาธรรมมา เป็นธาตุธรรมชาติ๓ฝ่าย ที่เรียกว่าธรรมชาติ (ธรรมะ-ชา-ติ ) แปลว่าเกิดโดยธรรม ..จู่ๆ ฝ่ายอกุศลาธรรม ต้องการยึดครองกุศลาธรรมให้เป็นบ่าวเป็นทาสเขา ฝ่ายกุศลาธรรม เลยสร้างกายมนุษย์ขึ้นมาเพื่อ มากำจัดหรือมาปราบฝ่ายนั้น และ กายตั้งแต่แรกเริ่มเป็นกายมหาบุรษ คือ ธรรมขันธ์ (หรือธรรมกาย)ไม่ใช่เบญจขันธ์เหมือนทุกวันนี้ เพราะถูกฝ่าย อกุศลาธรรม แฮกโปรแกรม เอาโลภ โกรธ หลง มายั่วให้ติดกับดัก ครอบด้วยอวิชชา ความไม่รู้ สร้างกฏแห่งกรรม ขึ้นมา แล้วทำให้อยุ่ในกฏไตรลักษณ์ ให้เป็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา เกิดแก่เจ็บตาย สร้างภพสร้างภูมิ มาขังไว้ ให้เวียนว่ายในภพสาม จนฝ่าย กุศลาธรรม กลับไปที่เดิมไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้ครับ
เอาไปสร้างหนังแนวแฟนตาซีได้เลย
@ ใข่ครับ น่าทำเป็นหนังมากครับ เพราะหนังส่วนมากเกิดจากเรื่องจริงทั้งนั้นเลยครับ
สาธุครับ แสดงว่าอวิชชาคือตัวที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดชนิดแรก ๆ ในจักรวาลแห่งหนึ่ง ๆ เท่านั้นแต่จักรวาลเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นอวิชชาที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดนั้นก็เกิดขึ้นมาหลายครั้งแรก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ชาติแรกใช่มั้ยครับผมเคยได้ยินได้ฟังมาว่าพระพุทธเจ้าเคยใช้ญาณระลึกชาติตรวจดูชาติแรกจริง ๆ มาแล้วแต่ท่าน “หาไม่พบ” เพราะยิ่งระลึกไปไกลเท่าไหร่ ก็เห็นชาติก่อนหน้านั้นไปอีกเรื่อย ๆ แสดงว่าภพชาติแรก การกำเนิดจักรวาลครั้งแรกไม่มี ใช่มั้ยครับ?
@@samomanawat ท่านกล่าวไว้ประมาณว่า “สังสารวัฏนี้ยาวไกล หาเบื้องต้นไม่ได้ หาเบื้องปลายไม่พบ สำหรับบุคคลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม ส่วนพระพุทธเจ้าท่านหาก่อนชาติแรกพบ ท่านจึงตรัสว่า ”ก่อนมีอวิชชาไม่มีอวิชชา ภายหลังจึงมี“ สิ่งมีชีวิตที่มีสมองสามารถคิดได้เมื่อใด อวิชชาก็เริ่มต้นมีเมื่อนั้น อวิชชามีเมื่อใด ชาติแรกของมนุษย์และสัตว์ก็มีเมื่อนั้น อวิชชามิได้เป็นผู้สร้างสัตว์ให้เกิด หากแต่สัตว์นั้นเกิดชาติแรกพร้อมกับอวิชชา เหมือนเป็นฝาแฝดกัน หรือเหมือนวัตถุกับเงา แม้ในชาติปัจจุบัน อวิชชาก็มิได้เป็นผู้สร้างสัตว์ให้เกิด หากแต่เป็นเพราะอวิชชา ที่ทำให้สัตว์มิอาจเข้านิพพานได้
@@nuntiwan1963 อย่างงั้นแล้ว สัตว์ที่เข้ามาในสังสารวัฏครั้งแรกเข้ามาพร้อมกันหรือไม่ เช่นมีการระเบิดของ Big Bang แล้วสัตว์ต่าง ๆ ก็เข้าสังสารวัฏมาพร้อม ๆ กันหรือสัตว์แต่ละตัว ต่างคนต่างเข้าสังสารวัฏมาต่างเวลา ต่างเหตุการณ์ ต่างกรรมต่างวาระกันครับ
สาธุครับ ยอดเยี่ยมมากครับ ยาย
@ณัฐมงคลทาศรี-บ7ค ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰
อวิชชาดับไปเมื่อจิตรู้ว่าทุกสิ่งไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น
ธาตุเริ่มแรกมาจากไหน แล้วทำไมจึงมีสมอง แล้วทำไมจึงมีจิต จิตเอาอวิชชามาจากไหน อธิบายด้วยครับ
ถ้าจะถามธาตุเริ่มแรกมาจากไหน? รู้สึกว่าจะตั้งคำถามผิดคนแล้ว ต้องไปถามนักวิทยาศาสตร์ หรือศาสนาที่เชื่อมีพระเจ้าสร้าง ก็จะได้คำตอบแบบสำเร็จรูป แล้วทำไมจึงมีสมอง? ก็เหมือนคุณในปัจจุบันทำไมจึงมีสมอง? ก็มาจากร่างกายมีวิวัฒนาการ? จิตเอาอวิชชามาจากไหน? คุณคิดว่าอวิชชาเป็นต้วหรือวัตถุอะไรสักอย่างหรือ? อวิชชาคือความไม่รู้อริยสัจ4 ไม่ต้องพูดถึงอดีตหรอก แค่ปัจจุบันทำไมคุณมีอวิชชา? ก็เพราะคุณไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยปัญญา3 ไงล่ะ ขนาดปัจจุบันมีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ศึกษาคุณยังไม่ศึกษาเลย แล้วในกาลก่อนนั้น มีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ศีกษาหรือ?
@nuntiwan1963 สิ่งที่ถามเพราะคุณไม่ได้อธิบายตรงนี้ครับ ธาตุต่างๆ รวมถึงอวิชชาธาตุเดิมทีมาจากไหน คุณบอกว่าพอมีสมองแล้วมีคิดก็มีอวิชชา ตกลง อวิชชาเกิดจากสมองกับคิด? แล้วพระอรหันต์ก็มีสมองกับความคิดไหม?
อวิชชา เปนนามธาตุ.ไม่ใช่วัตถุธาตุ.ความคิด(เปนนามธาตุ)ใหนลองเอาความคิดออกมากองไว้ตรงหน้าให้ดูหน่อย ทำได้ใหม?.เมื่อมีสมอง=วัตถุธาตุ วัตถุธาตุคือสมอง ทำให้เกิดความคิด(จิต).ความคิด(นามธาตุ)ทำให้เกิดอวิชชา(ความไม่รู้).ความไม่รู้(อวิชชา)คือนามธาตุ อาศัยความคิดหรือจิต ในการเกิด เปนเจตนา(ความหมายมั่น)ในการทำกรรม(กรรมดี กรรมชั่ว).
@@SomsakSaosut-jr7yo แล้วสมองมาได้ไงครับ แล้วสมองทำไมมันคิดได้ครับ แล้วคิดมันมาจากส่วนไหนของสมอง คำถามถามเจ้าของคลิปว่า แรกเริ่มเดิมที มีอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างมีในปัจจุบัน จิตดวงแรกมาจากไหน อวิชชาธาตุแรกๆมาจากไหน ตอบตรงนี้สิ ถ้าตอบว่ามาจากสมองและคิด มันก็จะวนไม่ไปไหน และพิสูจน์ไม่ได้เลย เพราะพระอรหันต์ก็มีสมองมีคิด งั้นก็เกิดอวิชชาได้อีกนะสิ
ถามตัวเองสิ มีสมองมาจากใหน ก็มาจากธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟซึ่งเปนธาตุหลัก.ทุกสรรพสิ่ง มาจากธาตุ4 คือรูปธาตุ ส่วนเวทนา สัญญา สังขาร วิญญานคือนศมธาตุ อิงอาศัยรูปธาตุในการเกิด ส่วนจะเกิดมาครั้งแรก ชาติแรกได้ยังไง ยังไม่มีใครพิสูจน์ทราบได้ แม้แต่วิทยาศาสตร์.วิทยาศาสตร์ ก็อาศัยสมมุติฐานในการชี้ถูกชี้ผิด เช่นกันกว่าจะถึงวันนี้ เดียวนี้.ถ้าอยากรู้ชาติแรกเกิดมาได้ยังไง ก็ลองตายไป แล้วให้วิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดมาใหม่อีกครั้ง เอ็งน่าจะรู้ได้ รู้ชัด.
ทุกอย่าง คือ สมมติ ?
พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสอย่างนั้น ท่านตรัสว่าความจริงมีอยู่ 2 อย่าง คือจริงโดยความจริง ท่านเรียกชื่อว่าปรมัตถ์สัจจะ กับจริงโดยสมมติท่านเรียกชื่อว่าสมมติสัจจะ
อ้าว แล้วดิน น้ำ ลม ไฟ มาจากไหน
อธิบายแบบนี้ไม่ได้ตอบโจทย์
ดินน้ำไฟลมมาจากพัฒนาการของสะเก็ดดวงอาทิตย์. ที่ระเบิดออกจากดวงอาทิตย์. แล้วพัฒนาตัวเอง
ธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟ มาจากปัจจัย “ไม่ได้มาจากใครสร้าง” นี้คือทัศนะของพุทธศาสนา
@@nuntiwan1963ดีน น้ำ ลม ไฟ อะไรน่าจะเกีดก่อนครับ
คำถามนี้จะตอบอย่างไรล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น แล้วประโยชน์อะไรจากการคาดเดาที่ไร้คำตอบ!!
สัตว์นั้นไม่มีสมองก็ไม่มีเจตนา กิริยาก็คือกรรมก่อนจะมีกรรมกิริยาก็คือเจตนาเจตนาก็คือเจตสิคของจิตเมื่อทีจิตก็เกิดเจตสิคควบคู่ จิตก็คือสังขารวิญญาณนามรูป
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰
ก่อนนี้ไม่มีเราแล้วเรามาจากไหน
ในคลิปกล่าวไว้ละเอียดพอสมควรแล้ว ลองฟังและพิจารณาดู
มันเป็นอจินไตยเกินกว่าที่เราจะไปหาตรรกะ นึกถึงวงกลม ไม่มีต้นไม่มีปลาย จะสอดคล้องกับกรงล้อของวัฏสงสาร มันวนแบบนี้ไม่มีเริ่มและสิ้นสุด แต่ที่เราเห็นมันเริ่มหรือเกิดขึ้น มันผ่านการสิ้นสุดของการชุมนุมของธาตุต่างๆ มานับไม่ถ้วน ไม่มีกลุ่มสสารใดจะรวมกลุ่มอะตอมและอนุภาคได้ตลอดการ มันก็ต้องมีการแยกออกจากกัน นั่นคือการ จุติ = เคลื่อน ไปตามวังวนของกรงล้อ
@@VayoBeyonder ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ชาติแรกก็เป็นเชื่อโรคไง เป็นแบคทีเรีย สัตร์เซลเดียว แบบตัวบ่างกินกันเองบ่าง ถ้าพูดไปคนสมัยนั้นนักก็ไม่รู้บอกไปก็ทำให้งงสงสัยซะเปล่าๆ
@@นวดจับเส้นท่าน้ํานนทบุรี ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏
ครับเป้นแนวคิดที่น่าสนใจเลยคับ.... แล้วที่นี้ มันจะไม่ไปขัดกับหลักแห่งภพภุมิรึครับ ที่ว่าต้องทำกรรมต่างๆนาๆในด้านไม่ดีจึงจะไปเกิดในภพภุมิเดรัจฉาน แล้ววิวัฒนาการสมองแรกเกืดขึ้นในเดรัจฉาน ทำกรรมอะไรมาครับถึงได้เกิดขึ้น.....หรือเราจะยังไม่ใช้กฏนี้ มันเหมือนกับพุทธตอนนี้มี2กฏจากการอธิบายคือ ก่อนสัตว์มีสมอง ทุกๆชีวิตในจักรวาลสามารถอุบัติได้ขึ้นได้แบบไร้เหตุและปัจจัยและกลไกทางเวรกรรมทางพุทธ อันนี้ยังไม่นับรวมพลังของจักรวาลว่าเกิดขึ้นมายังไงเรื่มแรก...อนุภาคมุลฐานเล็กๆมหาศาลที่ประกอบรวมตัวกันเป้นอะตอมของ ธาตุต่างๆอีก และต่อมาพอมีวิวัฒนาการทางสมองก้อถึงค่อยมีกฏทางพุทธไปควบคุมอีกทีเพราะเริ่มคิดได้ จึงมีอวิชชาแล้วระบบเวรกรรมทางพุทธจึงเริ่มทำงาน....... แล้วถ้าอธิบายแบบนี้แสดงว่า ระบบ สวรรค์ นรก เริ่มแรกก้อน่าจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ คุณธรรมแรก ปรากฏในสามัญสามัญสำนึกของ มนุษย์ในยุคที่เริ่มมีสติปัญญารุ้คิดใช่มั้ยครับ เพราะแม้แต่มนุษย์ยุคบรรพกาบก้อยังใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน จากแนวคิดของอาจาร คือมองดูเหมือนกฏมันค่อยๆถุกเสริมเข้ามาแบบเป้นขั้นตอน ซึ่งสอดคบ้องกับหลักวิวัฒนาการจริงๆ นับว่าเป่นแนวคิดใหม่มากๆครับ ชีวิตวิวัฒนาการ กฏเกทณ์ก้อวิวัฒนาการได้เช่นกัน จนมาเป้นแบบปัจุบัน ❤❤
@@sakamada1999 ขอบคุณมากนะคะสำหรับความคิดเห็น เป็นความคิดเห็นที่น่าสนใจเลยทีเดียว🥰🥰🥰🙏🙏🙏
อุเบกขา.....อุเบกขา......อุเบกขา......
ปรุงแต่งเองทั้งสิ้น
ทีเพียงนิพพานอย่างเดียวเท่านั้นที่ปราศจากการปรุงแต่ง?
ถ้าไม่มีเราอยู่ก็จะไม่มีโลก โลกมีอยู่เพราะเราเกิดมา
ใช่ ถูกต้องแล้ววว
เอาง่ายๆดีกว่าครับ ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันครับ
คลิปนี้อธิบายเรื่องปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกิดของมนุษย์ การมาถามเรื่องไก่น่าจะเป็นการถามผิดช่องแล้ว
ธาตุ4 มาจากไหน?
ในคลิปนี้พูดถึงเรื่องอวิชชา ซึ่งเป็นเรื่องที่บังเกิดขึ้นหลังจากจักรวาลนี้มีธาตุ4 ไม่รู้กี่อสงไขย ถ้าจะถามว่าธาตุ 4 มาจากไหน ก็ขอตอบตามหลักปฏิจจสมุปบาทว่า “มาจากปัจจัย” เพราะทัศนะของชาวพุทธผู้มีปัญญา ย่อมเชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “สรรพสิ่งเกิดขึ้นเพราะปัจจัย และดับไปเพราะสิ้นปัจจัย” ถ้าเชื่อว่าธาตุ 4 มีขึ้นเพราะมีผู้สร้าง นั่นมิใช่ทัศนะของพุทธศาสนาแล้ว
@nuntiwan1963 ก็พุทธ ตอบไม่ได้ว่า ธาตุ4 มาจากไหนพุทธไม่ตอบ ถ้าปฎิเสธผู้สร้าง มันก็ไปไม่สุด (ทำไมพุทธ ไม่ยอกว่า ผู้สร้างคือ ธรรม แค่นี้มันก็จบ_พรามณ์เขามีผู้สร้างเขาตอบได้หมด ) เมื่อไม่ตอบมันก็วนอยู่ในอ่างนั่นละ พธจ ไม่เขื่อว่ามีผู้สร้าง เพราะหาไม่เจอ จึงกบถ จากพรามณ์ แล้วสอนใหม่ (แต่ตอนจะนั่งตรัสรู้ กลับอธิษฐานจิต เอาชามลอยทวนน้ำ แสดงว่ามันมีพลังอะไรที่เหนือธรรมชาติ รับคำอธิษฐาน ได้)
ไม่มีอะไรมาจากไหน และจะไปไหน การที่มีอะไรๆขึ้นมาได้ เพราะคนนิยามมันขึ้นมา ทุกสิ่งมันดำเนินของมันไปตามสภาวะเหตุปัจจัย แม้แต่คนที่คอยพยายามนิยามกำหนดค้นหาต้นสายปลายเหตุ ก็ทำได้คิดได้ระดับหนึ่งเท่าที่ประสาทสัมผัสของคนจะรับรู้ได้ เลยไปจากนั้นก็รับรู้ไม่ได้
@@Peppermint-f3j ไม่่มีอะไร ทุกสิ่งไม่มีอะไร มันเป็นอนัตตา นรก สวรรค์ นิพพาน ภพภูมิ มันก็ไม่มีหรอก ตายไปก็จบ _มานั่งสวดทำศพกันทำไม เอาศพไปทำปุ๋ย มีประโยชน์กว่าไหม?
ผู้สร้างยังเกิดเองได้ แล้วทำไมธาตุ๔จะเกิดเองไม่ได้ อย่าสงวนสิทธิ์นี้ไว้เฉพาะคนเดียวสิ ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ?
❤🪷🙏🙏🙏🪷❤️
@@ชุติภาส-ฒ3ฉ 🥰🥰🥰🙏🙏🙏😍😍😍
นิทานชาดกตอนใหม่😂
ค่ะ🫠🫠🫠
ถ้างั้น ถอนหญ้าก็บาปรึป่าวครับ
เอาความคิดนี้มาจากไหน?
@@nuntiwan1963 เห็นครูบอกพืชมีวิญญาณไงครับ และมีสัญชาตญาณการรับรู้ ผมฟังพระมาว่า วิญญาณเข้าไปตั้งและรู้ได้แค่เฉพาะ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ครูบอกพืชมีวิญญาณผมจึงเข้าใจว่าพืชมีขันธ์ห้า ถ้าทำลายมันจะบาปหรือไม่
ชาติแรกไม่มีครับ สัตว์เกิดชาติเดียว ชาติถัดไปเป็นสัตว์ใหม่ ไม่ใช่สัตว์เดิม
ค่ะ
พระศิวะ
ถ้าเป็นพุทธะต้องเป็นพระพุทธเจ้า
เริ่มต้นจากความว่างเปล่าหรือ0=สิ่งที่ไม่มีสร้างสิ่งที่มีเหมือน0+0=1คือพุทธเริ่มต้นจากพระเจ้าหรือ1=สิ่งที่มีสร้างสิ่งที่มีเหมือน1+1=2คือพระเจ้า0+1=1ผิด1+1=2ถูก1-1=0ถูก
@หายใจลึกๆ ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้นท์ แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสน่ะว่า "ความมีเริ่มต้นมาจากความไม่มีหรือ0 "พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สรรพสิ่งเกิดมาจากปัจจัย เพราะสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี" คำว่าสิ่งนั้นกับคำว่า0 มีความหมายไม่เหมือนกันน่ะ คุณควรทราบไว้ด้วยนะว่า แนวคิดที่คุณว่ามา 0+0=1 ไม่ใช่แนวคิด ของพุทธศาสนา คุณกำลังกล่าวตู่พระพุทธเจ้าด้วยคำไม่จริง
พืชเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ไม่มีวิญญาณครอง วิญญาณมี 6คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ ซึ่งพืชไม่มี
@prathinkaewruang8687 🙏🙏🙏ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ แต่แอดมินเห็นด้วยกับแนวคิดท่านพุทธทาสที่กล่าวว่า ต้นไม้ก็มีวิญญาณ แต่เป็นวิญญาณอย่างอ่อนตามธรรมชาติ มิใช่วิญญาณที่เป็นวิญญาณ6 อันเป็นวิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา และตัณหา อุปาทานตามมา
ชาติแรกมาจากไหน ?คำตอบคือ............๑. ติณกัฏฐสูตร [๔๒๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลาย แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ฯ[๔๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า บุรุษตัดทอนหญ้า ไม้กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ แล้วจึงรวมกันไว้ ครั้นแล้ว พึงกระทำให้เป็น มัดๆ ละ ๔ นิ้ว วางไว้ สมมติว่า นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นมารดาของมารดา ของเรา โดยลำดับ มารดาของมารดาแห่งบุรุษนั้นไม่พึงสิ้นสุด ส่วนว่า หญ้าไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ พึงถึงการหมดสิ้นไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน เหมือนฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อ จะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ..............พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯเล่มที่ ๑๖ ข้อที่ ๔๒๑
พระสูตรนี้ไม่ได้กล่าวถึงชาติแรก กล่าวถึงความยาวนานของสังสารวัฏ เรื่องพระสูตรชาติแรกไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ท่านตรัสไว้เพียงแต่ “ก่อนมีอวิชชาไม่มีอวิชชา อวิชชามีในภายหลัง และอีกพระสูตรหนึ่งตรัสว่า อาสวะเป็นปัจจัยของอวิชชา”
@@nuntiwan1963 ที่ตรัสว่าที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ นี้ คำว่า "เบื้องต้น" นี้มันเป็นชาติที่เท่าไรล่ะ ?(อย่าลืมว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นสัพพัญญู)
คำว่าสัพพัญญูก็มีขอบเขต อย่าเข้าใจว่าไร้ขอบเขต มิเช่นนั้นจะเป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้าไป
ใช่เลยสาธุๆๆอนุโมทามิ...มีโลกนี้ และโลกอื่น จักรวาลนี้และจักรวาลอื่น เราเกิดมาภพที่เท่าไหร่ ชาติที่เท่าไหร่ โลกที่เท่าไหร่ จักรวาลที่เท่าไหร่ โลกและจักรวาลเกิดแล้วดับไปกี่ครั้ง และโลกนี้ที่เราอยู่คือโลกที่เท่าไหร่กันแน่ หาคำตอบเบื้องต้นเบื้องปลายก็หาไม่เจอ เพราะสังสารวัฏนี้ที่เกิดแล้วตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆนับไม่ถ้วนอันยาวนานแสนนานจนนับไม่ได้ว่าเกิดมาแล้วกี่ครั้ง สิ่งเหล่านี้คือรู้ไปก็เปล่าประโยชน์เป็นอจินไตย ไม่ประกอบด้วยปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในพระสัจจธรรม ไม่นำไปเพื่อความหลุดพ้น มีแต่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบอยู่ในสังสารวัฏนี้ นี่เรียกว่าอวิชชาคือไม่รู้ว่าจะทำตนให้พ้นทุกข์ได้ยังไง มีทางเดียวคือทำตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะพ้นทุกข์ได้ สิ่งนี้เเหละคือสิ่งที่พระองค์ทรงชี้แนะและมีประโยชน์สูงสุดสำหรับหนึ่งชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ใหนๆก็ใหนๆแล้วเนาะ พอดีเรามาเจอคลิปครูครั้งนี้ครั้งแรก เราอยากจะถามครูว่า รู้จักพระเจ้าใหม ปกติแล้วถึงแม้พระพุทธเจ้าจะยังทรงไม่ได้กล่าวถึงการมีตัวตนของพระเจ้าหรือผู้ที่สร้างเหตุปัจจัยทั้งหมดตามนิยามของครูที่เข้าใจในศาสนาพุทธ แต่นั่นก้ไม่ได้หมายความว่า พระพุทธเจ้าจะทรงปฎิเสธผู้สร้างเหตุปัจจัยทั้งหมดหรือนั่นก็คือพระเจ้าตามคำนิยามของศาสนาคริสต์ อิสลาม และอยากรู้จักกับพระเจ้าใหม การนิพพานแท้จริงๆแล้วคืออะไร ครูคิดว่า นิพพานนั้นอยู่ที่ใหน เป็นแหล่งเดียวกันกับสวรรค์นิรันดรของศาสนาคริสต์และอิสลามหรือไม่ อยากจะถามครูตามความเข้าใจของครูนิดนึงและครูอยากกลับบ้านที่แท้จริงใหม ขอแค่ครูเป็นน้ำครึ่งแก้วก็ยังดี อ้อผมไม่ได้เจตนาที่กล่าวล่วงเกินครูด้วยวาจาและใจนะ ถามจากใจ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เผื่อสิ่งที่ครูอยากได้คำตอบครูไม่มี
ถ้านับถือพระเจ้าแล้วได้อะไรคะรับ ถามตัวคุณเอง คุณนับถือพระเจ้าคุณได้อ่ะไร คุนยังดิ้นรนทำมาหากิน คุณยังมีความทุกข์กายใจ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หม่นหมองอยู่รึป่าว รางวัลที่ได้จากพระเจ้ามีใครหน้าไหนเอามาอวดเอามาแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างได้มั๊ย คุณช่วยไปบอกพระเจ้าให้หน่อยถ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง ย่อมมีพลังอำนาจฤทธานุภาพยิ่ง บอกพระสร้างช่วยดลบันดาลให้ผมถูกล็อตเตอรี่สัก 150ล้านบาท ผมจะเข้ารักพระเจ้าโดยไม่มีการสงสัยในพระองค์ คุณพิสูจน์ให้ผมเห็นด้วย ช่วยไปรวมรวมชาวคริสต์สัก1000คน ขอพรนี้ต่อพระเจ้าให้ผมที จัดไปเลยครับ
พระพุทธเจ้าปฏิเสธเรื่องพระเจ้าโดยสิ้นเชิง คำว่าอนัตตานั่นแหละคือคำตอบ นิพพานของศาสนาพุทธต่างจากสวรรค์นิรันดร์ ในศาสนาอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะคำว่านิพพานในศาสนาพุทธหมายถึง ความดับสนิทของทุกข์ และที่สำคัญสำหรับผู้เห็นแจ้งในพระนิพพานแล้ว ไม่มีใครปรารถนาจะไปสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ชั่วคราวหรือสวรรค์นิรันดร์ เพราะเรื่องสวรรค์เป็นเรื่องของอัตตาตัวตนและเป็นเรื่องของกามารมณ์
ตอบคำถามของ @projectdeltabluestargate8959ที่ถามว่านิพพานแท้จริงๆแล้วคืออะไรคำตอบคือ..........ดูก่อนภิกษุคำว่าความกำจัดราคะ ความกำจัดโทสะความกำจัดโมหะนี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ...........พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯเล่มที่ ๑๙ ข้อที่ ๓๑
@@nuntiwan1963สาธุ อนุโมทามิชาวพุทธศึกษาและปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์คือนิพพานคือเป้าหมาย...สัพเพ ธัมมา อนัตตา...ชาวพุทธที่แท้จริง จึงไม่อ้อนวอน
ศาสนาพราหมณ์ เกิดก่อนพุทธยาวนาน เป็นศาสนาคู่โลก
@@Maha-y4h ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ
คู่โลกอย่างไร...หนอโลกไม่ควรมีบูชายัญนะคะ
พรามณ์ ลัทธิการอ้อนวอน บูชายัน.คริด อ้อนวอน พะเจี้ยว อิดสะอาม ก็เทพนิยมอ้อนวอน สิ่งที่ไม่มีตัว...ดินฟ้าอากาศ.ไม่ทำให้พ้นทุกข์.
คณเอาทฤษดีวิวัฒนาการมาอธิบายเข้ากับพุทธ ว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากแร่ธาตุแล้วแร่ธาตุพัฒนาเป็นเซลล์ชั้นตำทีมีชีวิต แปลว่าสิงมีชีวิตมาจากสิ่งไม่มีวิตงั้นหรือ แล้วเซลล์ช้นต่ำวิวัฒนาการเป็นเซลล์ชั้นสูง. แล้วเซลล์ชั้นสูงแยกออกเป็นพืชและส้ตว์ส แล้วสัตว์วิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยอวิชชา ต่อไปมนุษย์ก็ขึ้นสวรรค์บ้างตกนรกก็เยอะคุณเข้าใจแบบนี้ใช่ำหมถาไม่ใช่ช่วยตอบกลับด้วย สรุป ตามความเข้าใจของคุณคือตัวเรามาจากผงธุลี ผงธุลีที่ไรัชีวิตมาสู่สิ่งมีชีวิตใช่ไหม ผมเชิญชวนให้คุณศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลเล่มปฐมกาลครับจะมีคำตอบสำหรับชีวิต
ไม่ต้องศึกษาหรอก คัมภีร์ทางศาสนาที่มีพระผู้สร้าง มันรู้ง่ายมากๆ ว่า ทุกอย่างเกิดมาจากพระผู้สร้างนั้นแหละ มันง่ายดี เกิด แก่ เจ็บ ตาย นรก สวรรค์ ล้วนบันดาลจากพระเจ้า ทุกอย่างมีพระเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ ง่ายดี ไม่ต้องมีข้อสงสัย หน้าที่ของสาวกคือ ต้องยอมจำนวน ยอมตนต่อพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการเป็นผู้รับใช้ อยากได้อะไร ให้อ้อนวอนเอา คือยอมตนลงเป็นบ่าวหรือทาสผู้รับใช้พระเจ้า แล้วทุึกอย่างจะดีเอง ว่าจั้งซั่น
แอดมินเห็นด้วยกับแนวคิดวิทยาศาสตร์ ในเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สังเกตได้จากน้ำในขวดปิดฝาสนิท เมื่อปัจจัยมีสิ่งมีชีวิตเซลล์น้อยๆก็เกิดขึ้นเอง ถ้าบอกว่าปัจจัยคือพระเจ้า เราก็เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้บันดาลสิ่งมีชีวิตในขวดน้ำมีฝาปิดสนิท แต่ถ้าจะบอกว่าพระเจ้าคือผู้วิเศษที่บันดาลสิ่งมีชีวิตสีเขียวในขวดปิดสนิทเราไม่เชื่อ จริงๆแล้วช่องนี้เผยแพร่ความรู้ความคิดเห็น สำหรับนักปฏิบัติธรรมที่เป็นพุทธศาสนิกชนเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เผยแพร่แก่ผู้มีความเชื่ออื่นนอกพุทธศาสนา
@@bobby172ช่วงนี้ถุ่กถามว่า ใครสร้างพระเจ้า พระเจ้ามาจากไหน อยู่เรี่อย หาคำตอบยาก มากครับ
ผมก็ใช้ แนวคิด อิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท มาเทียบกับ อนุภาคเป็นวิทยาศาสตร์นะ เพราะอนุภาคประกอบเป็นตัวเรา เพราะตัวเราประกอบด้วยเซลล์นับไม่ถ้วน เซลล์ก็ประกอบจาก อนุภาคขนาดเล็กนับไม่ถ้วน สำหรับผม อวิชชา คือ อนุภาคที่เรียกว่า "จิตบริสุทธิ หรือวิญญาณบริสุทธิ " ก่อนการเป็นสิ่งมีชีวิต ย่อมไม่มีชีวิต ผมตีโจทย์ของพระพุทธเจ้าที่กล่าวไว้ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติเมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมีอิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติเพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นอิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติเมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มีอิมสฺส นิโรธา อิทํ นัรุชฺฌติเพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไปมันไม่ใช่แค่มองหาหลักจิตใจอย่างเดียว นี้ละหลักธรรมชาติที่จะตีความวิทยาศาสตร์หรือหลักสมมุติฐานเริ่มต้น ของธรรมชาติ นี้ละความใกล้เคียงวิทยาศาสตร์มากที่สุด
ผมอาจบอกความเห็นที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีนะ แต่ผมคิดว่าการสร้างเราขึ้นมา กว่าจะวิวัฒนาการมาจนสมองมีปัญญา ตอนมนุษย์ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ตอนที่เกิดสิ่งมีชีวิตเริ่มแรก ขนาดของสิ่งมีชีวิตเริ่มแรก พืช หรือสัตว์ที่เกิดก่อน รูปร่างของฟอตซิลที่พบของมนุษย์ยุคแรก มันไม่ตอบโจทย์ว่าจะเกิดได้ภายใน 7 วัน
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
พูดง่ายฟังง่ายรู้ตามได้ของแท้ชอบๆขอบคุณครับ
@@นภสรมณีใสย ขอบคุณค่ะ ศึกษาเรียนรู้ธรรมะไปด้วยกันนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ศาสนาพราหมณ์เกิดก่อนศาวนาพุทธนานมากไม่ใช่ยคเดียวกันครับ
@@Klairung-k5u ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰
จะรู้ไปเพื่อประโยชน์อะไรหากอยากรู้ก็ย้อนไปเมื่อสี่พันล้านปีสิทำได้ไหมละถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องอวด
รู้ปฏิจจสมุปบาทเป็นความรู้พื้นฐานของชาวพุทธ รู้ไปเพื่อช่วยบรรเทาความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ไม่ได้รู้ไปเพื่อเหตุอื่น
เป็นการแข่งขัน ชีงดีชีงเด่นกันระหว่าง ศาสนา รึความเชึ่อ เพึ่อหาคำตอบของการเรี่มต้นจักรวาฬอย่ามีเหตุผลมากกว่าครับ
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ให้ข้อมูลดีๆเพราะเรียนน้อยอ่านน้อย❤❤❤❤
@@แาอท เรียนรู้ไปด้วยกันนะคะ🙏🙏🙏
ในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายมากมายแต่จุดเริ่มต้นของการกำเนิดในแต่ล่ะชีวิตเป็นมายังไง
ในมุมมองของชาวพุทธจะเชื่อในเรื่องปฏิจจสมุปบาทหรือหลักปัจจยาการ คือเพราะสิ่งนั้นมีสิ่งนี้จึงมี ความเชื่อนี้ตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ ในเรื่องพัฒนาการของชีวิต เริ่มต้นมาจากปฏิกิริยาเคมี ที่เป็นปฏิกิริยาจากธรรมชาติ แล้วก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว พัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ อาศัยการวิวัฒนาการที่ต่อเนื่องไม่รู้กี่ล้านๆปี สุดท้ายจึงเป็นมนุษย์และสัตว์อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ และแน่นอนว่าเมื่อระบบวิวัฒนาการไม่เคยหยุดนิ่ง อนาคตอีกหลายล้านๆปี มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ย่อมเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน เพื่อความอยู่รอดตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหมือนที่เคยเปลี่ยนมาแล้วจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ผมว่าคุณครูต้องสอนวิชาวิทยาศาสตร์มาแน่เลย
@@เทพฟ้าสวรรค์ 🥰🥰🥰
อนุโมทนาสาธุกับคุณพี่ด้วยครับที่เข้าใจธรรมะอย่างลึกซึ้ง🙏🙏🙏
@@tai-hua9239 ขอบคุณนะคะ🙏🙏🙏
ปะฎิจทุบาทอริยสัจมัคแปดก็คือสิ่งผลของมันคือขนะตัวเองดับอาผัดสะกํจบปรุงต่อแต่ต้อวไถบาปมัคแปดจะชัวยพัตนาปัญญารวมเป็น12อริยสัจ4มัค8😅
🍎🍎🍎
สาธุครับ🙏🙏🙏 เปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายๆ
@@CTR4456 ขอบคุณนะคะ
คุณครูเรียบเรียงอธิบายได้ดีศาสนิกอื่นที่ตั้งคำถามนี้รวมทั้งคนพุทธที่สงสัยคงได้คำตอบพอสมควร ขอบคุณที่นำเสนอครับ
คำว่า "ชาติแรก" ถ้าหมายถึงการเกิดขึ้นของร่างกายและจิตวิญญานขึ้นเป็นครั้งแรกของมนุษย์แล้วละก็ ในทางพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ในที่ไหนๆเลย มีแต่ตรัสไว้ว่าวัฏฏะสงสารอันยาวนานนี้ไม่ปรากฏเบื้องต้นและเบื้องปลาย หมายความว่าจะสาวไปสักเท่าไรก็ไม่อาจพบชาติแรกและชาติสุดท้ายได้ ยกเว้นสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์จึงจะเป็นชาติสุดท้ายพ้นความเกิดได้ ดังนั้นใครก็ตามอย่าเก่งเกินพระพุทธเจ้าที่เอาเรื่อง "ชาติแรก"มาพูด
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะค่ะ🙏🙏🙏
ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนามาอย่างดีระดับหนึ่งแล้วเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ในที่ไหนๆ วัตุประสงค์ของการพูดเรื่องนี้เพื่ออะไร? ไม่ใช่อวดเก่งอย่างที่คุณพยายามยัดเยียด แต่เพื่อประโยชน์ในการถอนอัตตาตัวตน โดยเอาแนวทฤษฎีของนักวิทยุาศาสตร์ ที่เห็นว่ามีความสอดคล้องกับพุทธศาสนาระดับหนึ่งมาพูด ไม่ได้เอาความรู้ของตัวเองมาพูด และก็ไม่ได้บอกว่า “พระพุทธเจ้าตรัส”ด้วย ถ้าฟังด้วยดีก็จะได้ปัญญาระดับหนึ่ง ถ้าฟังด้วยอัตตาตัวตน แบบ“อลคัททูปม“ ผลก็จะเป็นอย่างที่คุณกำลังเป็นและแสดงออกอยู่นี่แหละ
@nuntiwan1963 ที่คุณอธิบายมาทั้งหมดนั้น มันแสดงถึงอัตตาตัวตนที่เต็มเปี่ยมอยู่อย่างไม่รู้ตัว คือถ้าคิดพิจารณาในข้อความให้ดีจริงก็จะเข้าใจว่าผมสื่อความหมายถึงประเด็นอะไร และจะไม่พูดออกมาในลักษณะเช่นนี้หรอกครับ ถ้ายอมรับก็คือยอมรับและไม่มีคำแก้ตัว ถ้าไม่ยอมรับก็ต้องอธิบายว่าไม่ยอมรับด้วยเหตุใด พระพุทธดำรัสกับทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์บางเรื่องมันเข้ากันไม่ได้ มันไกลกันคนละโยชน์ บางเรื่องก็ถูกยกเลิกไปก็มี เรื่องชาติแรกแม้แต่พระพุทธองค์ยังทรงย้อนไปไม่ถึง มันจึงเป็นเรื่องอจินไตย ไม่ควรเอามาคิดเอามาพูด ผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนามาพอสมควรเขาจะรู้กันทุกคนครับ
@@nuntiwan1963อัตตาผมหรืออัตตาคุณกันแน่ครับ?
@@konjing.666ที่บอกว่า ชาติแรกคืออภิชา มันก็ถูกแล้วนี่ครับ ที่มันหลุดเข้ามาในสังสารวัฏครั้งแรก ก็เพราะมันยังไม่มีวิชา ผมหมายถึงสิ่งหนึ่งที่ยังไม่มีวิชา แต่พอมันมีวิชาแล้ว มันก็จะถูกเรียกว่า วิมุตติญาณทัศนะ หรือพระนิพพาน จริงๆมันก็คือคนเดิม แต่ถามต่อดีกว่า สิ่งสิ่งหนึ่งนี้มาจากไหน ตรงนี้ต่างหากที่บอกว่าหาที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่เจอ เหลืออีกนัยยะหนึ่ง จะบอกว่า ธรรมธาตุนั้นย่อมตั้งอยู่แล้วนั้นเทียว คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สรุปโดยย่อ มันมีหลายสเต็ปครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ยอดเยี่ยมมาก
🙏🙏🙏🥰🥰🥰ขอบคุณพระคุณมากค่ะ
เข้าใจลึกซึ้งมากครับ ขอบคุณครับ
@@Namo-bt3cb ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
เป็นการเข้าใจตวามหมายชองอนัตตา ผิด และเป็นการอธิบายผิด😊😅😮😢🎉😂❤
ความหมายของอนัตตามีอยู่ 4 อย่าง
1. เห็นว่าเราไม่เป็นขันธ์ 5
2. เห็นว่าเราไม่ได้มีอยู่ในขันธ์ 5
3. เห็นว่าขันธ์ 5 ไม่ได้เป็นของเรา
4. เห็นว่าเราไม่มีอยู่นอกขันธ์ 5
นี้คือบทสรุปของคำว่าเห็นอนัตตาในพระพุทธศาสนา ถ้าคุณเข้าใจเรื่องอนัตตาผิดจากนี้ คุณไม่ควรเข้าไปแสดงความคิดเห็นเรื่องอนัตตาในที่ไหนๆอีก แต่ควรตั้งใจปฏิบัติธรรมพิจารณาขันธ์ 5 จนกว่าจะเห็นแจ้งด้วยปัญญาของตนเองโดยรีบด่วน นี้คือคำแนะนำที่ดีที่สุดจากกัลยาณมิตรผู้หนึ่งที่คุณควรปฏิบัติตาม
สาธุ สาธุ สาธุ ยอดเยี่ยมชัดเจนมาก
ขอบพระคุณมากค่ะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ขออนุญาตเรียก อ.แม่นะครับ
แต่ก่อนผมหาคำตอบมาตลอดว่าชาติแรกเกิดมาทำไม แต่พอได้ฟัง อ.เบียร์และอาจารย์แม่แล้ว เลิกสงสัยเลยครับเพราะไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม คำสอนพระพุทธเจ้าเรียบง่ายจริง ขอบคุณครับ ❤
@@paisupreecha7887 สาธุค่ะ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ สิ่งที่ควรรู้คือ ข้อปฏิบัติใดที่ทำให้ถึงความสิ้นทุกข์ นั่นแหละคือสิ่งที่ควรศึกษาเรียนรู้🥰🥰🥰🙏🙏🙏🙏
กราบสาธุๆๆค่ะครูนัน
ขอบคุณมากค่ะเพื่อน🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ฟังคุณแม่แล้วเอาไปรวมกับธรรมของพุทธองค์ที่ได้ฟังจาก อ.เบียร์ คือ ชัดเจนเข้าใจมากเลยค่ะ สาธุ 🙏....และทำให้คิดได้ว่า การที่พระองค์ไม่ทรงอธิบายขยายความก่อนมีอวิชชาให้มากมาย น่าจะมีเหตุมาจาก ความรู้นั้นเป็นเรื่องในอดีตที่ไม่มีประโยชน์ต่อหนทางดับทุกข์ เหมือนกับการที่มีข้อมูลว่ามีคำถามบางคำถามที่พระองค์ไม่ทรงตอบเหล่าสาวก เพราะเหตุที่ไม่มีประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ เข้าใจว่าแบบนี้นะคะคุณแม่ ไม่รู้ใช่ไหม สาธุ
@@tonsit1339 ขอบคุณนะคะ ศึกษาธรรมะไปด้วยกันนะคะ🥰🥰🥰
สาธุๆครับ...
@@สัณธยาฮมภาราช 🙏🙏🙏
น้อมขอบคุณ ในวิชา และอวิชาด้วยความที่ยังไม่รู้จริง จีงกลับสู่ต้นธาตุเดิมในจิตใจตนไม่ได้ครับ😊
@@บุญสืบแตงบุตร 🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุ🙏🙏🙏
ขอบคุณมากค่ะ🥰🥰🥰
สาธุ 🙏กราบ🙏กราบ🙏กราบ
🙏🙏🙏
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณพี่🥰🥰🥰
อนุโมทนาสาธุ
🙏🙏🙏
สาธุสาธุสาธุครับ
🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุ
@@Ninnonเพลง 🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุๆๆจ้า
ขอบคุณมากค่ะ❤❤❤
ขอบคุณครับได้ความรู้มากขึ้นเลย
ขอถามข้อสงสัยหน่อยครับ ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ มนุษย์พึ่งเกิดมาได้แค่4-6หมื่นปีเอง แล้วที่บอกว่าเวียนว่ายตายเกิดนับครั้งไม่ถ้วน จะอธิบายยังไงครับ ขอบคุณครับ
@@tawanyamyen21 4-6หมื่นปีนี่ก็ไม่รู้ว่าได้กี่รอบนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ😊😊😊
เยี่ยมมากครับ
@@amornchaisi1 ขอบคุณนะคะ
ความมีอยู่ เกิดขึ้นจากความไม่มีอยู่ ความไม่มีอยู่ เกิดขึ้นจากความไม่รู้ ยังไม่มีการรับรู้ความจริงของจักรวาล เมื่อรับรู้ถึงความจริงของจักรวาล ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการมีอยู่ และ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการไม่มีอยู่ เพราะทั้งการมีอยู่ และ การไม่มีอยู่ ล้วนเป็นสมมุติที่ถูกสร้างขึ้นมา จากความไม่รู้
@@SupphachaiChamnan 🥰🥰🥰ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ🙏🙏🙏
@@nuntiwan1963 สาธุ
@@nuntiwan1963 มีอยู่ 6 อย่างที่มีอยู่แล้วในเอกภพ โดยไม่มีใครสร้าง เรียกว่า ธรรมชาติ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และ ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเกิดการรวมตัว ของสิ่งต่างๆ และ การหมุนอย่างรวดเร็ว จนเกิดความร้อนสูง และ อัดแน่นจนเกิดการชนกันและปะทะกัน จึงเกิดการระเบิดแบบ บิ๊กแบง แล้วทุกอย่างก็ยังคงหมุนด้วยแรงเหวี่ยง ด้วยแรงเหวี่ยงนั้น จึงทำให้ดวงดาวต่างๆ เกิดขึ้น อย่างเป็นระบบระเบียบ ด้วยแรงเหวี่ยงที่เป็นวงกลมนั้น
ความสงสัยการตั้งคำถาม ว่าใครสร้าง หรือ ทำไมไม่มีคนสร้าง ความมีอยู่ หรือความไม่มีอยู่ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อารมณ์ และ ความรู้สึกต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมา โดยธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเรียนรู้ และ ปฏิบัติ ค้นหาทางแยกออกจาก ธาตุต่างๆ มอง สัจธรรม ด้วยความเป็นจริง ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ ก็หยุดการปฏิสนธิ กับธาตุอื่นๆ เรียกว่านิพพาน ถ้ายังปฏิสนธิกับธาตุอื่นอยู่ ธาตุที่รับรู้ได้ที่เรียกกันสูงสุด ก็คือ พระพรหม ธาตุทั้ง 6 ธาตุที่มีอยู่แล้วดั้งเดิม ในเอกภพ ทั้ง 6 ธาตุนี้ เรียกว่าธรรมชาติ มีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น ที่สามารถรับรู้ได้ ธาตุอื่นๆนั้น ไม่มีความรับรู้ใดๆ ความคิดต่างๆ คำถามต่างๆ คำถามว่าใครสร้าง หรือทำไมไม่มีใครสร้าง ล้วนแล้วเกิดจาก ธาตุที่สามารถรับรู้ได้นี้ ที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น เรียกว่า สมมุติ การละจากสมมุติ ก็คือการละจากจากการยึดถือตัวเราของเรา อย่างนั้นชื่อนั้น ชื่อนี้ ละจากความความสงสัยทั้งปวง และกลับสู่ธาตุบริสุทธิ์ดั้งเดิม คือธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เรียกว่าพระพรหม แต่เมื่อเพิ่มการเรียนรู้ จากพระพุทธเจ้าถึงการดับทุกข์ ดับความสงสัย ดับกิเลสต่างๆ และหนทางแห่งพระนิพพาน ธาตุที่สามารถรับรู้นี้ มีวิธีแยกตัวออกจากธาตุทั้งหลาย และไม่เข้าไปปฏิสนธิอีก เรียกว่าพระนิพพาน อวิชา เกิดจากความไม้รู้ เกิดจากการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีอวิชชา ก็มีความไม่รู้ มีการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ สภาพจิตเดิมที่เรียกกันว่าพระพรหมนี้ ยังไม่มีการรับรู้ตามความจริงของจักรวาลนี้ ยังมีความสงสัย มีความไม่รู้ จึงเกิดอวิชชา ซึ่งเป็นต้นเหตุทั้งหลายแห่งความยึดมั่นถือมั่น และ ทำให้วนเวียนเกิดตาย ขึ้นสวรรค์ ตกนรก อยู่ในสามโลกธาตุ อย่างไม่มีวันจบสิ้น จึงต้องเดินตามทางพระพุทธองค์ เพื่อกำจัด อวิชชาให้สิ้นซากไป เมื่อสิ้นอวิชชาก็หมดสิ้นซึ่งความสงสัย เมื่อหมดความสงสัยอย่างแท้จริง ก็เข้าสู่หนทางแห่งความจริงของของจักรวาล เมื่อได้รับรู้ความจริงของจักรวาล ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสมมุติทั้งหลาย และรับรู้ตามความเป็นจริง ไม่ยึดถือทั้งความทุกข์ ไม่ยึดถือทั้งความสุข ไม่ยึดถือความมี ไม่ยึดถือความไม่มี ไม่ยึดถือความอยาก และ ไม่ยึดถือความไม่อยาก แต่อยู่ในอารมณ์อุเบกขา ไปตลอดกาลนาน นี้เรียกว่านิพพาน
@@nuntiwan1963 มีอยู่ 6 อย่างที่มีอยู่แล้วในเอกภพ โดยไม่มีใครสร้าง เรียกว่า ธรรมชาติ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และ ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเกิดการรวมตัว ของสิ่งต่างๆ และ การหมุนอย่างรวดเร็ว จนเกิดความร้อนสูง และ อัดแน่นจนเกิดการชนกันและปะทะกัน จึงเกิดการระเบิดแบบ บิ๊กแบง แล้วทุกอย่างก็ยังคงหมุนด้วยแรงเหวี่ยง ด้วยแรงเหวี่ยงนั้น จึงทำให้ดวงดาวต่างๆ เกิดขึ้น อย่างเป็นระบบระเบียบ ด้วยแรงเหวี่ยงที่เป็นวงกลมนั้น
ความสงสัยการตั้งคำถาม ว่าใครสร้าง หรือ ทำไมไม่มีคนสร้าง ความมีอยู่ หรือความไม่มีอยู่ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อารมณ์ และ ความรู้สึกต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นมา โดยธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เมื่อเรียนรู้ และ ปฏิบัติ ค้นหาทางแยกออกจาก ธาตุต่างๆ มอง สัจธรรม ด้วยความเป็นจริง ธาตุที่สามารถรับรู้ได้ ก็หยุดการปฏิสนธิ กับธาตุอื่นๆ เรียกว่านิพพาน ถ้ายังปฏิสนธิกับธาตุอื่นอยู่ ธาตุที่รับรู้ได้ที่เรียกกันสูงสุด ก็คือ พระพรหม ธาตุทั้ง 6 ธาตุที่มีอยู่แล้วดั้งเดิม ในเอกภพ ทั้ง 6 ธาตุนี้ เรียกว่าธรรมชาติ มีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น ที่สามารถรับรู้ได้ ธาตุอื่นๆนั้น ไม่มีความรับรู้ใดๆ ความคิดต่างๆ คำถามต่างๆ คำถามว่าใครสร้าง หรือทำไมไม่มีใครสร้าง ล้วนแล้วเกิดจาก ธาตุที่สามารถรับรู้ได้นี้ ที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น เรียกว่า สมมุติ การละจากสมมุติ ก็คือการละจากจากการยึดถือตัวเราของเรา อย่างนั้นชื่อนั้น ชื่อนี้ ละจากความความสงสัยทั้งปวง และกลับสู่ธาตุบริสุทธิ์ดั้งเดิม คือธาตุที่สามารถรับรู้ได้ เรียกว่าพระพรหม แต่เมื่อเพิ่มการเรียนรู้ จากพระพุทธเจ้าถึงการดับทุกข์ ดับความสงสัย ดับกิเลสต่างๆ และหนทางแห่งพระนิพพาน ธาตุที่สามารถรับรู้นี้ มีวิธีแยกตัวออกจากธาตุทั้งหลาย และไม่เข้าไปปฏิสนธิอีก เรียกว่าพระนิพพาน อวิชา เกิดจากความไม้รู้ เกิดจากการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมีอวิชชา ก็มีความไม่รู้ มีการที่ยังไม่ได้รับรู้ตามสภาพความเป็นจริงที่เที่ยงแท้ สภาพจิตเดิมที่เรียกกันว่าพระพรหมนี้ ยังไม่มีการรับรู้ตามความจริงของจักรวาลนี้ ยังมีความสงสัย มีความไม่รู้ จึงเกิดอวิชชา ซึ่งเป็นต้นเหตุทั้งหลายแห่งความยึดมั่นถือมั่น และ ทำให้วนเวียนเกิดตาย ขึ้นสวรรค์ ตกนรก อยู่ในสามโลกธาตุ อย่างไม่มีวันจบสิ้น จึงต้องเดินตามทางพระพุทธองค์ เพื่อกำจัด อวิชชาให้สิ้นซากไป เมื่อสิ้นอวิชชาก็หมดสิ้นซึ่งความสงสัย เมื่อหมดความสงสัยอย่างแท้จริง ก็เข้าสู่หนทางแห่งความจริงของของจักรวาล เมื่อได้รับรู้ความจริงของจักรวาล ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสมมุติทั้งหลาย และรับรู้ตามความเป็นจริง ไม่ยึดถือทั้งความทุกข์ ไม่ยึดถือทั้งความสุข ไม่ยึดถือความมี ไม่ยึดถือความไม่มี ไม่ยึดถือความอยาก และ ไม่ยึดถือความไม่อยาก แต่อยู่ในอารมณ์อุเบกขา ที่ประกอบ ด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา แบะไร้ซึ่งความยึดติด และ ความสมมุติใดๆ ไปตลอดกาลนาน นี้เรียกว่านิพพาน
สัตตานังเป็นเพียงกรอบ boundary เหมือนอะตอม ที่คิดปรุงแต่งว่าตนเองต้องประกอบด้วย โปรตรอน นิวตรอน อิเล็คตรอน เหมือนปรุงแต่งเสมอว่าตนเองต้องมีขันธ์5 เสมอ ตรงนี้เรียกว่า อวิชชา แต่ถ้าสัตตานังตนนั้นไม่ปรุงยึด มันก็คืออะตอมที่ว่างเปล่า ที่ไม่มีองค์ประกอบ จะเรียกว่าอะตอมก็ไม่ได้เพราะมันไม่มีองค์ประกอบข้างใน เหมือนมีตัวตนแต่ว่าง นั่นคือสภาวะนิพพาน
สาธุครับ
@@ณัฐมงคลทาศรี-บ7ค 🙏🙏🙏สาธุค่ะ🥰🥰🥰
สาธุ สาธุ สาธุในธรรมค่ะ
@@แด่เธอผู้มีบุญ 🥰🥰🥰
คุณครูครับ สิ่งที่เป็นคำตอบ ของคำถามนี้ คือ การเกิดขึ้นมาของสิ่งๆหนึ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติว่า สัตตานัง ผู้ยึดติดในขันธ์ทั้ง๕ว่าเป็นของเราเป็นตัวเราตัวตนของเรา เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คำตอบคือ กระบวนการ ปฏิสัมพันธ์ ของสิ่งๆหนึ่ง เชื่อมต่อประสานเข้ากันได้กับสิ่งๆหนึ่ง แล้วกลายเป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง ที่เรียกว่า สัตตานัง ที่ยังไม่รู้ อริยสัจ๔ หลงยึดติด ธรรมธาตุ ทั้งรูปธาตุ เเละ นามธาตุ ว่าเป็นของเรา ความรู้สึกนึกคิดอารมณ์ เป็นเรา ทั้งนั้น สัตตานัง เกิดในร่างนี้เเล้วยึดติดเเก่เจ็บตายจากร่างนี้ภพภูมินี้สู่ร่างใหม่ โดยอาศัย ทั้งพลังงานด้านดีเเละไม่ดีเป็นตัวเเปล ว่าจะปฏืสัมพันธ์เชื่อมต่อเข้ากันได้ประสานกันได้กับภพภูมินั้นไหม ก็คือกุศลเเละอกุศล ที่เคยทำไว้ กายนี้เป็นกรรมเก่า ส่วนชาติเเรก รูปธาตุที่ระเอียดีบริสุทธิ์มาก ที่เรียกว่า อาภัสราพรหม ที่ล่องลอย ในอวกาศ แล้วมาเจอกับดาวโลก ที่เริ่มมี ธาตุ บริสุทธิ์บางอย่างเริ่มก็ตัวขึ้นที่เรียกว่าง้วนดิน หลงมาชิมกินแล้วเกิด เวทนาพึงพอใจ จากนั้น จึงเกิดตัญหา อยากกินอีก มาเรื่อยๆเเล้วเกิดอุปาทานว่านี้เป็นของตน จากนั้นร่างกายที่ ใสบริสุทธิ์ก็เริ่มหยาบขึ้น มาเรื่อยๆ กลางเป็นรูปเป็นร่างโดยสมบูรณ์ เเล้ว ติดอยู่ในโลกนี้ กลายเป็นสัตว์น้ำ เเล้วเริ่ม มีเพศ ปรากฏ หลังจากนั้น ก็สืบเชื้อสาย วิวัฒนาการ กันมาเป็น มนุษย์โลกในปัจจุบัน ทุกสรรพสิ่ง เป็นการปฏิสัมพันธ์ประสานเชื่อมต่อเข้ากันได้ ของทุกๆภาวะ ก็เท่านั้น สัตตายังที่อยู่ในภพภูมิมนุษย์นั้นสามารถ บรรลุธรรมได้ จากการรู้อริยสัจ๔โดยการทกสมาธิเเล้วพิจารณากฏอิทัปปัจยะตาปฏิจสปุปบาทในสามธิ สัตตานัง จะตื่นเเละรู้ตัวเอง ว่าขันธ์๕ไม่ใช่ของเราไม่ใช่เป็นเราเเละไม่ใช่ของเรา สิ้นสงสัยรู้เเจ้งในธรรมทั้งหลาย เห็นตรัยลักษณ์ อนิจจังความไม่เที่ยงเเท้เเปลเปลี่ยน เป็น ทุกขัง เข้าถึงความเสื่อมสลายดับไป เป็นอนัตตา คือไม่ใช่ของเราไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตนของเรา😊
@@ภูมินิยาม ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰
สาธุคะ
@@วรรรณาภูมิสุข 🥰🥰🥰
ที่บอกว่า ชาติแรกคืออภิชา มันก็ถูกแล้วครับ ที่มันหลุดเข้ามาในสังสารวัฏครั้งแรก ก็เพราะมันยังไม่มีวิชา ผมหมายถึงสิ่งหนึ่งที่ยังไม่มีวิชา แต่พอมันมีวิชาแล้ว มันก็จะถูกเรียกว่า วิมุตติญาณทัศนะ หรือพระนิพพาน จริงๆมันก็คือคนเดิม แต่ถามต่อกว่า สิ่งสิ่งหนึ่งนี้มาจากไหน ตรงนี้ต่างหากที่บอกว่าหาที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่เจอ เหลืออีกนัยยะหนึ่ง จะบอกว่า ธรรมธาตุนั้นย่อมตั้งอยู่แล้วนั้นเทียว คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา คือความที่เมื่อมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น สรุปโดยย่อ มันมีหลายสเต็ปครับ
@@somjidwifi ขอบคุณนะคะ🥰🥰
ชอบมากครับ
@@กนต์ธีร์ธนเกียรติมั่นคง 🥰🥰🥰ขอบคุณนะคะ🙏🙏🙏
😂😂😂😂 สำหรับผมจิตนาการ สิ่งนี้เกิดสิ่งนี้เกิดอย่างนี้อย่างนั้นไปเรื่อยครับ แม้รู้ดีไม่เกี่ยว ไม่มีประโยชน์กับการกับทุกข์ 😂😂😂 ปัญญาผมยังไม่มากพอครับ เลยติดอยู่จุดนี้ครับ สาธุ
@@saharatyasit2639 🥰🥰🥰
ก่อนจะมีก็ต้องไม่มี เมื่อมีแล้วเหตุปัจจัยก็พาไปเรื่อยเรื่อย
🙏🙏🙏
ผมรู้แล้วว่าก่อนอวิชชาคืออะไร รู้แล้วจริงๆ ทุกวันนี้ก็เลย ไม่แบ่งแยกศาสนา ทุกภาษา ทุกคำพูด ทุกวัตถุ ที่เราเห็นด้วยตาเนื้อปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ภูมิปัญญาขั้นสูง กำหนดไว้ และเป็นสิ่งที่โลกใช้เป็นสมมุติ เพื่อให้มีความเข้าใจต่อสิ่งมีชีวิตด้วยกัน
@@piromkij7 🙏🙏🙏สาธุในธรรมนะคะ🥰🥰🥰
ขอฟังหน่อยครับ
สาธุ แค่ยังมีความคลาเเคลื่อนจากความเป็นจริงอยู่หลายประการนะครู
เรื่องที่มันลึกมากๆ ที่ไม่สามารถใช้จิตมยปัญญาเเล้วจะได้คำตอบ และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ ก็อย่าไปสรุปผลเอาเองเลย
แรกเริ่มเดิมทีจิตเป็นประภัสสร
ของมนุษย์
มีธาตุธรรม 3 ฝ่าย คือ
กุสะลา ธัมมา(ธรรมฝ่ายกุศล) อะกุสะลา ธัมมา(ธรรมฝ่ายอกุศล) อัพยากะตา ธัมมา(ธรรมที่เป็นกลางๆ)
เล่าให้ฟังเเค่นี้พอ สักวันจะได้รู้ว่าอวิชชาเกิดจากอะไร ไม่เกี่ยวว่ามีสมอง(หรือสติปัญญา) เพราะอวิชชาเกิดก่อนมีกายหยาบซะอีก
อนุโมทนาบุญในการเผยแผ่ทำด้วย แต่เรื่องที่ไม่รู้จริงก็อย่าชี้เลย
@happynbee4844 ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า "ก่อนมีอวิชชาไม่มีอวิชชา ภายหลังจึงมีอวิชชา" และ " อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดอาสวะ อาสวะเป็นปัจจัยให้เกิดอวิชชา" คนที่รู้เรื่องอวิชชามากกว่านี้ ก็มีแต่มารหรือพวกโมเมมโนว่าตัวเองเป็นผู้รู้เท่านั้น
@@nuntiwan1963ก่อนมีอวิชชาคือไม่มีอวิชชาพระพุทธเจ้ากล่าวไว้ที่ไหนครับ แล้วอะไรเป็นเหตุให้มีอวิชชาขึ้นมาครับ
@nuntiwan1963ก็แสดงว่าอวิชชาเกิดจากอาสวะสิครับ
@@nuntiwan1963
มหาไวปุลยพุทธาวตังสักสูตร
พระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสไว้เช่นนี้
อวิชาเป็นอย่างไร?
กุลบุตร!
เหล่าเวไนยสัตว์ ไม่มีที่มาตั้งแต่ต้น
ความวิปลาสสับสนต่างๆ
ดุจดั่งคนหลงที่ตั้งทิศทั้งสี่โดยง่าย
หลงผิดมหาภูตรูปทั้ง4
ว่าเป็นลักษณะกายตน
ปัจจัยภาพสะท้อนอายตนะภายนอกทั้ง6
ว่าเป็นลักษณะใจของตน
อุปมาดั่ง ดวงตานั้นเจ็บป่วย
เห็นดอกไม้ท่ามกลางนภากาศ
และจันทร์ดวงที่สอง
กุลบุตร!
นภากาศแท้จริงไม่มีดอกไม้
ผู้ป่วยยึดความเท็จ
จากเหตุที่ยึดความเท็จ
ไม่เพียงสับสนสภาวะสุญญตานี้
อีกทั้งหลงว่าสถานที่นั้นดอกไม้เกิดขึ้นจริง
จากความเท็จนี้ จึงมีวัฏจักรการเกิดตาย
เดิมชื่อว่า อวิชา
กุลบุตร!
สิ่งที่เป็นอวิชานี้ มิใช่จริงแท้มีแก่นสาร
ดุจคนอยู่ในฝัน ยามฝันมิใช่ไม่มี
จนกระทั่งตื่น แล้วไม่ได้รับสิ่งใด
ดุจทุกสิ่งเป็นบุปผานภากาศ
ดับในความว่างเปล่า แต่ไม่อาจพูดว่า
มีสถานที่ดับแน่นอน
เหตุใดฤๅ? เหตุที่ไร้สถานที่เกิด
เหล่าเวไนยสัตว์ในท่ามกลางการไม่เกิด
ถูกลวงให้เห็นเกิดดับ
ด้วยเหตุนี้
ชื่อว่า วัฏจักรการเวียนว่ายเกิดตาย
ชาติแรก ที่เพิ่งเกิดในปัจุบันยังมีอยู่เรื่อยๆใช่ใหมครับ
ไอ้ตัวที่มีอวิชาชาติแรกมันมาจากไหนแล้วมีจำนวนเท่าไรจะหมดเมื่อไร
@gosornmuli ผมคิดว่าชาติแรกยังเป็นภพที่สะอาด ผุดผ่อง เพราะเพิ่งเกิดครั้งแรก ยังไม่ผ่านความเศร้าหมองมาก่อน
ไม่ผุดผ่องหรอก เพราะเศร้าหมองด้วยอวิชชา
@@nuntiwan1963 แต่อาสวะน่าจะยังน้อยกว่าการเกิดหลายๆๆๆๆๆๆๆๆๆชาติน๊ะครับ
ผมมโนเอามันส์ว่า ก่อนชาติแรกของทุกชีวิต มันคงเป็นกลุ่มพลังงานมหาศาล พออัดแน่น สะสมความร้อน ระเบิดกระจายทั่ว ล่องลอยเป็นอณูทั่วจักรวาล เเล้วพัฒนาเป็นเจตสิกสู่จิต ทีนี้ก็ดิ้นรนหาที่เกาะอาศัยแล้วเริ่มวงจรปฏิจจสมุปบาท
@@nantamakot8560 🥰🥰🥰เป็นข้อคิดเห็นที่น่าสนใจค่ะ🙏🙏🙏
แล้วพลังงานแรกที่มารวมกัน มาจากไหน
แรงโน้มถ่วงตามกฎธรรมชาติมั๊ง อย่าหาต้นตอความจริง แค่ผมคิดเล่นๆ เพราะเป็นอาจิณไตย คิดเล่นๆได้ คิดมากบ้ามาก
ดีล่ะๆ ทีนี้ลองย้อนกระบวนการตามที่คุณว่ามาดู
การทดลองเรื่องกระแสไฟฟ้ากับน้ำ มันเกิดสารอินทรีย์ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต แต่นักวิทยาศาสตร์ ไม่เคยพิสูจน์ได้ ว่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเกิดขึ้นได้อย่างไร การทดลองที่อ้างไม่มีจริงครับ ผมเป็นคนนึงที่ศึกษาทางวิทยาศาสตร์และศาสนา แนะนำว่าควรศึกษาใจตัวเองดีกว่าครับ เรื่องความจริงของธรรมชาติอาจจะลึกล้ำเกินกว่าปัญญาของมนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ ต่อให้เข้าใจได้ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดครับ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏
@@nuntiwan1963 อนุโมทนาบุญด้วยครับ
มีสสารมูลฐานจึงมีอิเลคตรอนโปรตอน.รวมเป็นอะตอมภายใต้สภาวะควอนตั้ม..ชีวิตเกิดตามความน่าจะเป็นของควอนตั้ม...
ยอดเยี่ยมเลยค่ะ
อธิบายได้กระจ่างดีครับ สรุปการเกิดคือการอาศัยกันโดยแท้เฉกเช่นอาศัยโลกเกิดอาศัยนิพานเกิดตามเหตุพอที่จะเกิดตามสิ่งนั้นๆโดยแท้
@@ออเจ้าที่รัก-ฤ2ษ ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
"สังขารทั้งหลาย"
คือขันธ์4
รูป เวทนา สัญญา สังขาร
เรียกว่า วิญญาณธิติ4
แปลว่า ที่ตั้งวิญญาณมี4
ความกำหนดสังขารทั้งหลาย
มาจากสัญญะเจตนา6
ขันธ์4นึ้จึงเป็นนามขันธ์
เพราะมีสังขาร จึงมีวิญญาณ
วิญญาณจึงตั้งลงได้
ความตั้งลงของขันธ์5นึ้
เป็น นามขันธ์
มีสภาวะเป็น สัมภเวสีสัตว์
พระตถาคตจึงบัญญัติเป็น
นาม-รูป
🙏🙏🙏ขอบคุณในคำชี้แนะนะคะ
พืชคือสังขารที่ไม่มีใจครอง ถูกไหมครับ
ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้ว
☀️🙏🏿🙏🏿🙏🏿
@@wanid7466 🙏🙏🙏ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰
สวรรค์ นรก นิพพานเป็นสิ่งที่ปิดบังซ่อนเร้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังซ่อนเร้นไปเพื่ออะไรมีจริงหรือเปล่าก็พิสูจน์ไม่ได้ ชีวิตหลังความตายเป็นคำตอบของทุกคนมนุษย์มีความเสี่ยงต้องเลิอกว่าจะเชืออะไรมันเป็ฯเรื่องน่าสงสารมากเลือกผิดถูกก็ต้องรับไปน่าสมเพชจริงๆ
พุทธศาสนาสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ด้วยการปฏิบัติธรรม เมื่อปฏิบัติธรรมก้าวหน้าก็จะหมดความสงสัยเรื่องนี้ไปเอง
@@nuntiwan1963 กี่คนที่่ทำได้กี่ภพกี่ชาติชีวิตคนมันสั้นตายเสียก่อนร้อยละ99.999...ละง่ายกว่านี้มีไหม
@@nuntiwan1963 พิสูจน์ได้ส่วนใหญ่ตายเสียก่อนถึงร้อยละ99.999..ชีวิตคนมันสั้นมีวิธีไหนที่มันสั้นกว่านี้ไหมมนุษย์ก็น่าสงสารอยู่ดีละ
@@nuntiwan1963 มีกี่คนที่ทำได้ส่วนใหญร้อยละ99.999..ตายเสียก่อนชีวิตคนมันสั้นมีวิธีที่ง่ายกว่านี้ไหมจะได้ทันในฃาตินี้
@@nuntiwan1963 มีกี่คนที่ทำได้ในชาตินี้ส่วนใหญ่ร้อยละ99.999...ตายเสียก่อนมีวิธีง่ายกว่านี้ไหมชีวิตคนมันสั้นไม่พอจะเรียนรู้หรอกธรรมชาติวางระบบโหดๆไว้
อันนี้อธิบายได้แค่ภพภูมิมนุษย์และเดรัจฉาน แต่ยังไม่กระจ่างในภพภูมิอื่นที่ไม่มีกายเนื้อ
ปฏิจจสมุปบาทท่านเน้นที่ภพมนุษย์เป็นหลัก เพราะปฏิจจสมุปบาทท่านนำมาสอนมนุษย์เป็นหลัก จึงไม่ได้กล่าวถึงภพภูมิอื่นละเอียดนัก
13:30 มีช่องโหว่ ธรรมมะของพระพุทธองค์จะไม่มีช่องโหว่ จะต้องไม่ขัดแย้งกัน สัตว์เซลล์เดียวไม่มีสมองจึงไม่ได้รับผลของการกระทำ คำถามคือแล้วกรรมอะไรทำให้เกิดเป็นสัตว์เซลล์เดียว มองง่ายๆสัตว์ไม่มีสมองคือคนพิการทางสมอง เมื่อตายแล้วก็ต้องเกิดจนกว่าจะกระทำนิพพานให้แจ้งมิใช่หรอ รบกวนช่วยพิจารณาด้วยบุคคลที่ไม่ได้รับผลของกรรมคือ ตั้งแต่พระอริยะโสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์ ธรรมของพระพุทธองค์ลึกซึ้งมาก เพราะอาศัยกันและกันเกิดตามปฏิจจสมุปบาทจึงมีการเกิด แต่ถ้าดับได้ 1 ในปฏิจจสมุปบาท การเกิดก็จะดับตามวงปฏิจจสมุปบาท
@@Avicha-translate ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ เป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์มาก 🙏🙏🙏
เราว่าพุทธนี่คตขัดแย้งกันเองเลย
ดูเหมือนขัดแย้งกันเพราะคำสอนของศาสนาพุทธมีหลายระดับ คนมีปัญญาระดับไหนก็เข้าใจระดับนั้น พอเป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งสติปัญญาตัวเองไม่ถึง ก็จะมองว่าขัดแย้งกันเอง
ขอสนธนาด้วยคนนะครับ เรื่องเชื้อโรค สัตว์เซลเดียวเกิดมาได้อย่างไร ผมคิดว่าเกิดจากเหตุปัจจัย ที่ไม่มีกรรมเก่าเป็นส่วนประกอบ เหมือนการเกิดขึ้นของพวกต้นไม้ พืชชนิดต่างๆ
@@Bughouto สัตว์เซลเดียวเกิดมาได้อย่างไร
เพราะมีการตายจึงมีการเกิด หาศึกษาได้จาก กำเนิด ๔ มีโอปปาติกะ เป็นต้น
สรุปคือ ฝึกฝนแทบตาย สุดท้ายก็ว่างเปล่า คำถามคือ จะเกิดมาทำไม เหตุไดจึงต้องเกิดมา ทั้งที่ปลายทางสุดท้ายของทางพุทธ ก็เพื่อกลับไปสู่ความว่างเปล่า สู้ ไม่เกิด ไม่รู้ ไม่กลัว ตั้งแต่แรก ไม่ดีกว่าเหรอ
คุณเคยได้ยินคำนี้ไหม “นิพพานัง ปรมัง สุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง”
ถ้าซื้อไมค์ ติด หน่อยนะ ยายเอ๋ย คลิป มันจะฟังรู้เรื่องกว่านี่ ๆ เสียงเบา เกิน อู้อี้ๆ อีก ฟังไม่รู้เรื่อง เล้ย.
@@Kwn_Tin ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ จะนำไปปรับปรุงนะคะ😁😁😁😍😍😍
ดูหนังจีนเขาบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่าเกิดขึ้นจากความว่างเปล่าพอเราดับเหตุของการเกิดได้แล้วเราก็กลับไปสู่ความว่างเปล่าหรือบางท่านก็บอกว่าจักรวาลเดิมของเราเพราะนิพพานนั้นก็คือความว่างเปล่าคือดับสูญไม่เกิดขึ้นมาอีกเพราะเราดับวิญญาณความรู้สึกได้แล้วเราก็ดับสูญไม่มีความรู้สึกอีกต่อไป มันก็ว่างเปล่า
เป็นคอมเมนท์ที่ดีมาก
- ถ้าอวิชชาเริ่มจากการมีสมอง แล้ว อรูปพรหม , เทวดา ไม่มีสมอง ไม่มีร่างกาย จะมีอวิชชาได้ไงครับ
- นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ยังสร้างสิ่งมีชีวิตจากธาตุมูลฐานกับไฟฟ้าไม่ได้นะครับ (ถ้ามีรายละเอียดช่วยลงด้วย หรือผมตกข่าว?)
เมื่อใดสัตว์มีสมองคิดได้ มโนวิญญาณก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น เมื่อมีมโนวิญญาณแสดงว่ามีจิตแล้ว ต่อมาภายหลังเมื่อบุคคลนั้นฝึกสมาธิจนได้ฌาน ขณะจิตสุดท้ายจิตจะถูกปรุงแต่งด้วยอเนญขา(ฌาน)ภิสังขาร ให้สำเร็จเป็นปฏิสนธิวิญญาณ เพื่อไปบังเกิดยังพรหมโลก
อวิชาไม่ได้เริ่มต้นที่คิดได้ครับ อวิชาปัจจัยสังขาร สังขารตรงนี้ คือสังคตะธรรม ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณ อากาศ ภพ ชาติ เหล่านี้เป็นสังคตะธรรมทั้งหมดมีการเกิดปรากดขึ้น อวิชาไม่ใช่ความคิดครับเข้าใจผิดแล้วครับ อวิชาเป็นปัจจัยของความมีทั้งหมด ความมีทั้งหมด มีความเสื่อมเป็นธรรมดา เพราะไม่ใช่ตัวตนแท้จริงครับ
ต้นไม้ไม่มีความคิดแต่มีขึ้นตั้งขึ้นและเสื้อมก้เกิดขึ้นด้วยอวิชาในภพนั้น ภพเทวดาภพสัตว์นรกก้ตั้งขึ้นด้วยอวิชา มีสภาวะแตกต่างกันด้วยธาตุ สังคตะธาตุเกิดขึ้นด้วยอวิชา การจะหลุดพ้นจากอวิชาจึงรุ้เห็นความไม่มีตัวตน หรืออุปทานที่ไปยึดสิ่งต่างๆ ตันหาก้ไม่มีเจ้าของขันนี้ก้ไม่มีเจ้าของ วิญญานเกิดขึ้น วิญญานนั้นก้เสื่อมดับไปณที่นั้น แท้จริงแล้วก้ไม่ได้เป็นตัวตนเรา ภพชาติรุปนามทั้งหมดเป็นของอวิชาผู้สร้างขึ้น อวิชาจึงเป็นนายช่างผู้สร้างเรือน นิพพานจึงรุ้เห็นได้และหลุดพ้นได้ทั้งๆที่ยังมีภพชาติรุปนามของอวิชา
ส่วนเรื่องใครผู้สร้างอวิชานี้แหละไม่มีปรากด
ก่อนจะเกิดชาติแรก มีธาตุธรรมอยุ่แล้ว 3สิ่ง สิ่งหนึ่งเรียก กุศลาธรรมมา สิ่งหนึ่งเรียก อกุศลาธรรมมา อีกสิ่งหนึ่งเรียก อัพพยากัตตาธรรมมา เป็นธาตุธรรมชาติ๓ฝ่าย ที่เรียกว่าธรรมชาติ (ธรรมะ-ชา-ติ ) แปลว่าเกิดโดยธรรม ..จู่ๆ ฝ่ายอกุศลาธรรม ต้องการยึดครองกุศลาธรรมให้เป็นบ่าวเป็นทาสเขา ฝ่ายกุศลาธรรม เลยสร้างกายมนุษย์ขึ้นมาเพื่อ มากำจัดหรือมาปราบฝ่ายนั้น และ กายตั้งแต่แรกเริ่มเป็นกายมหาบุรษ คือ ธรรมขันธ์ (หรือธรรมกาย)ไม่ใช่เบญจขันธ์เหมือนทุกวันนี้ เพราะถูกฝ่าย อกุศลาธรรม แฮกโปรแกรม เอาโลภ โกรธ หลง มายั่วให้ติดกับดัก ครอบด้วยอวิชชา ความไม่รู้ สร้างกฏแห่งกรรม ขึ้นมา แล้วทำให้อยุ่ในกฏไตรลักษณ์ ให้เป็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา เกิดแก่เจ็บตาย สร้างภพสร้างภูมิ มาขังไว้ ให้เวียนว่ายในภพสาม จนฝ่าย กุศลาธรรม กลับไปที่เดิมไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้ครับ
เอาไปสร้างหนังแนวแฟนตาซีได้เลย
@ ใข่ครับ น่าทำเป็นหนังมากครับ เพราะหนังส่วนมากเกิดจากเรื่องจริงทั้งนั้นเลยครับ
สาธุครับ แสดงว่าอวิชชาคือตัวที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดชนิดแรก ๆ ในจักรวาลแห่งหนึ่ง ๆ เท่านั้น
แต่จักรวาลเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นอวิชชาที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดนั้นก็เกิดขึ้นมาหลายครั้งแรก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ชาติแรกใช่มั้ยครับ
ผมเคยได้ยินได้ฟังมาว่าพระพุทธเจ้าเคยใช้ญาณระลึกชาติตรวจดูชาติแรกจริง ๆ มาแล้วแต่ท่าน “หาไม่พบ” เพราะยิ่งระลึกไปไกลเท่าไหร่ ก็เห็นชาติก่อนหน้านั้นไปอีกเรื่อย ๆ แสดงว่าภพชาติแรก การกำเนิดจักรวาลครั้งแรกไม่มี ใช่มั้ยครับ?
@@samomanawat ท่านกล่าวไว้ประมาณว่า “สังสารวัฏนี้ยาวไกล หาเบื้องต้นไม่ได้ หาเบื้องปลายไม่พบ สำหรับบุคคลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม ส่วนพระพุทธเจ้าท่านหาก่อนชาติแรกพบ ท่านจึงตรัสว่า ”ก่อนมีอวิชชาไม่มีอวิชชา ภายหลังจึงมี“ สิ่งมีชีวิตที่มีสมองสามารถคิดได้เมื่อใด อวิชชาก็เริ่มต้นมีเมื่อนั้น อวิชชามีเมื่อใด ชาติแรกของมนุษย์และสัตว์ก็มีเมื่อนั้น อวิชชามิได้เป็นผู้สร้างสัตว์ให้เกิด หากแต่สัตว์นั้นเกิดชาติแรกพร้อมกับอวิชชา เหมือนเป็นฝาแฝดกัน หรือเหมือนวัตถุกับเงา แม้ในชาติปัจจุบัน อวิชชาก็มิได้เป็นผู้สร้างสัตว์ให้เกิด หากแต่เป็นเพราะอวิชชา ที่ทำให้สัตว์มิอาจเข้านิพพานได้
@@nuntiwan1963 อย่างงั้นแล้ว สัตว์ที่เข้ามาในสังสารวัฏครั้งแรกเข้ามาพร้อมกันหรือไม่ เช่นมีการระเบิดของ Big Bang แล้วสัตว์ต่าง ๆ ก็เข้าสังสารวัฏมาพร้อม ๆ กัน
หรือสัตว์แต่ละตัว ต่างคนต่างเข้าสังสารวัฏมาต่างเวลา ต่างเหตุการณ์ ต่างกรรมต่างวาระกันครับ
สาธุครับ ยอดเยี่ยมมากครับ ยาย
@ณัฐมงคลทาศรี-บ7ค ขอบคุณนะคะ🥰🥰🥰
อวิชชาดับไปเมื่อจิตรู้ว่าทุกสิ่งไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น
ธาตุเริ่มแรกมาจากไหน แล้วทำไมจึงมีสมอง แล้วทำไมจึงมีจิต จิตเอาอวิชชามาจากไหน อธิบายด้วยครับ
ถ้าจะถามธาตุเริ่มแรกมาจากไหน? รู้สึกว่าจะตั้งคำถามผิดคนแล้ว ต้องไปถามนักวิทยาศาสตร์ หรือศาสนาที่เชื่อมีพระเจ้าสร้าง ก็จะได้คำตอบแบบสำเร็จรูป แล้วทำไมจึงมีสมอง? ก็เหมือนคุณในปัจจุบันทำไมจึงมีสมอง? ก็มาจากร่างกายมีวิวัฒนาการ? จิตเอาอวิชชามาจากไหน? คุณคิดว่าอวิชชาเป็นต้วหรือวัตถุอะไรสักอย่างหรือ? อวิชชาคือความไม่รู้อริยสัจ4 ไม่ต้องพูดถึงอดีตหรอก แค่ปัจจุบันทำไมคุณมีอวิชชา? ก็เพราะคุณไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยปัญญา3 ไงล่ะ ขนาดปัจจุบันมีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ศึกษาคุณยังไม่ศึกษาเลย แล้วในกาลก่อนนั้น มีคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ศีกษาหรือ?
@nuntiwan1963 สิ่งที่ถามเพราะคุณไม่ได้อธิบายตรงนี้ครับ ธาตุต่างๆ รวมถึงอวิชชาธาตุเดิมทีมาจากไหน คุณบอกว่าพอมีสมองแล้วมีคิดก็มีอวิชชา ตกลง อวิชชาเกิดจากสมองกับคิด? แล้วพระอรหันต์ก็มีสมองกับความคิดไหม?
อวิชชา เปนนามธาตุ.ไม่ใช่วัตถุธาตุ.ความคิด(เปนนามธาตุ)ใหนลองเอาความคิดออกมากองไว้ตรงหน้าให้ดูหน่อย ทำได้ใหม?.เมื่อมีสมอง=วัตถุธาตุ วัตถุธาตุคือสมอง ทำให้เกิดความคิด(จิต).ความคิด(นามธาตุ)ทำให้เกิดอวิชชา(ความไม่รู้).ความไม่รู้(อวิชชา)คือนามธาตุ อาศัยความคิดหรือจิต ในการเกิด เปนเจตนา(ความหมายมั่น)ในการทำกรรม(กรรมดี กรรมชั่ว).
@@SomsakSaosut-jr7yo แล้วสมองมาได้ไงครับ แล้วสมองทำไมมันคิดได้ครับ แล้วคิดมันมาจากส่วนไหนของสมอง คำถามถามเจ้าของคลิปว่า แรกเริ่มเดิมที มีอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างมีในปัจจุบัน จิตดวงแรกมาจากไหน อวิชชาธาตุแรกๆมาจากไหน ตอบตรงนี้สิ ถ้าตอบว่ามาจากสมองและคิด มันก็จะวนไม่ไปไหน และพิสูจน์ไม่ได้เลย เพราะพระอรหันต์ก็มีสมองมีคิด งั้นก็เกิดอวิชชาได้อีกนะสิ
ถามตัวเองสิ มีสมองมาจากใหน ก็มาจากธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟซึ่งเปนธาตุหลัก.ทุกสรรพสิ่ง มาจากธาตุ4 คือรูปธาตุ ส่วนเวทนา สัญญา สังขาร วิญญานคือนศมธาตุ อิงอาศัยรูปธาตุในการเกิด ส่วนจะเกิดมาครั้งแรก ชาติแรกได้ยังไง ยังไม่มีใครพิสูจน์ทราบได้ แม้แต่วิทยาศาสตร์.วิทยาศาสตร์ ก็อาศัยสมมุติฐานในการชี้ถูกชี้ผิด เช่นกันกว่าจะถึงวันนี้ เดียวนี้.ถ้าอยากรู้ชาติแรกเกิดมาได้ยังไง ก็ลองตายไป แล้วให้วิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดมาใหม่อีกครั้ง เอ็งน่าจะรู้ได้ รู้ชัด.
ทุกอย่าง คือ สมมติ ?
พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสอย่างนั้น ท่านตรัสว่าความจริงมีอยู่ 2 อย่าง คือจริงโดยความจริง ท่านเรียกชื่อว่าปรมัตถ์สัจจะ กับจริงโดยสมมติท่านเรียกชื่อว่าสมมติสัจจะ
อ้าว แล้วดิน น้ำ ลม ไฟ มาจากไหน
อธิบายแบบนี้ไม่ได้ตอบโจทย์
ดินน้ำไฟลมมาจากพัฒนาการของสะเก็ดดวงอาทิตย์. ที่ระเบิดออกจากดวงอาทิตย์. แล้วพัฒนาตัวเอง
ธาตุ4 ดิน น้ำ ลม ไฟ มาจากปัจจัย “ไม่ได้มาจากใครสร้าง” นี้คือทัศนะของพุทธศาสนา
@@nuntiwan1963ดีน น้ำ ลม ไฟ อะไรน่าจะเกีดก่อนครับ
คำถามนี้จะตอบอย่างไรล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น แล้วประโยชน์อะไรจากการคาดเดาที่ไร้คำตอบ!!
สัตว์นั้นไม่มีสมองก็ไม่มีเจตนา กิริยาก็คือกรรมก่อนจะมีกรรมกิริยาก็คือเจตนาเจตนาก็คือเจตสิคของจิตเมื่อทีจิตก็เกิดเจตสิคควบคู่ จิตก็คือสังขารวิญญาณนามรูป
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰
ก่อนนี้ไม่มีเราแล้วเรามาจากไหน
ในคลิปกล่าวไว้ละเอียดพอสมควรแล้ว ลองฟังและพิจารณาดู
มันเป็นอจินไตยเกินกว่าที่เราจะไปหาตรรกะ นึกถึงวงกลม ไม่มีต้นไม่มีปลาย จะสอดคล้องกับกรงล้อของวัฏสงสาร มันวนแบบนี้ไม่มีเริ่มและสิ้นสุด แต่ที่เราเห็นมันเริ่มหรือเกิดขึ้น มันผ่านการสิ้นสุดของการชุมนุมของธาตุต่างๆ มานับไม่ถ้วน ไม่มีกลุ่มสสารใดจะรวมกลุ่มอะตอมและอนุภาคได้ตลอดการ มันก็ต้องมีการแยกออกจากกัน นั่นคือการ จุติ = เคลื่อน ไปตามวังวนของกรงล้อ
@@VayoBeyonder ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ชาติแรกก็เป็นเชื่อโรคไง เป็นแบคทีเรีย สัตร์เซลเดียว แบบตัวบ่างกินกันเองบ่าง ถ้าพูดไปคนสมัยนั้นนักก็ไม่รู้บอกไปก็ทำให้งงสงสัยซะเปล่าๆ
@@นวดจับเส้นท่าน้ํานนทบุรี ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ🙏🙏🙏
ครับเป้นแนวคิดที่น่าสนใจเลยคับ.... แล้วที่นี้ มันจะไม่ไปขัดกับหลักแห่งภพภุมิรึครับ ที่ว่าต้องทำกรรมต่างๆนาๆในด้านไม่ดีจึงจะไปเกิดในภพภุมิเดรัจฉาน แล้ววิวัฒนาการสมองแรกเกืดขึ้นในเดรัจฉาน ทำกรรมอะไรมาครับถึงได้เกิดขึ้น.....หรือเราจะยังไม่ใช้กฏนี้
มันเหมือนกับพุทธตอนนี้มี2กฏจากการอธิบายคือ ก่อนสัตว์มีสมอง ทุกๆชีวิตในจักรวาลสามารถอุบัติได้ขึ้นได้แบบไร้เหตุและปัจจัยและกลไกทางเวรกรรมทางพุทธ อันนี้ยังไม่นับรวมพลังของจักรวาลว่าเกิดขึ้นมายังไงเรื่มแรก...อนุภาคมุลฐานเล็กๆมหาศาลที่ประกอบรวมตัวกันเป้นอะตอมของ ธาตุต่างๆอีก
และต่อมาพอมีวิวัฒนาการทางสมองก้อถึงค่อยมีกฏทางพุทธไปควบคุมอีกทีเพราะเริ่มคิดได้ จึงมีอวิชชาแล้วระบบเวรกรรมทางพุทธจึงเริ่มทำงาน.......
แล้วถ้าอธิบายแบบนี้แสดงว่า ระบบ สวรรค์ นรก เริ่มแรกก้อน่าจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ คุณธรรมแรก ปรากฏในสามัญสามัญสำนึกของ มนุษย์ในยุคที่เริ่มมีสติปัญญารุ้คิดใช่มั้ยครับ เพราะแม้แต่มนุษย์ยุคบรรพกาบก้อยังใช้ชีวิตเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน
จากแนวคิดของอาจาร คือมองดูเหมือนกฏมันค่อยๆถุกเสริมเข้ามาแบบเป้นขั้นตอน ซึ่งสอดคบ้องกับหลักวิวัฒนาการจริงๆ นับว่าเป่นแนวคิดใหม่มากๆครับ
ชีวิตวิวัฒนาการ กฏเกทณ์ก้อวิวัฒนาการได้เช่นกัน จนมาเป้นแบบปัจุบัน ❤❤
@@sakamada1999 ขอบคุณมากนะคะสำหรับความคิดเห็น เป็นความคิดเห็นที่น่าสนใจเลยทีเดียว🥰🥰🥰🙏🙏🙏
อุเบกขา.....อุเบกขา......อุเบกขา......
🙏🙏🙏
ปรุงแต่งเองทั้งสิ้น
ทีเพียงนิพพานอย่างเดียวเท่านั้นที่ปราศจากการปรุงแต่ง?
ถ้าไม่มีเราอยู่ก็จะไม่มีโลก โลกมีอยู่เพราะเราเกิดมา
ใช่ ถูกต้องแล้ววว
เอาง่ายๆดีกว่าครับ ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันครับ
คลิปนี้อธิบายเรื่องปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกิดของมนุษย์ การมาถามเรื่องไก่น่าจะเป็นการถามผิดช่องแล้ว
ธาตุ4 มาจากไหน?
ในคลิปนี้พูดถึงเรื่องอวิชชา ซึ่งเป็นเรื่องที่บังเกิดขึ้นหลังจากจักรวาลนี้มีธาตุ4 ไม่รู้กี่อสงไขย ถ้าจะถามว่าธาตุ 4 มาจากไหน ก็ขอตอบตามหลักปฏิจจสมุปบาทว่า “มาจากปัจจัย” เพราะทัศนะของชาวพุทธผู้มีปัญญา ย่อมเชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “สรรพสิ่งเกิดขึ้นเพราะปัจจัย และดับไปเพราะสิ้นปัจจัย” ถ้าเชื่อว่าธาตุ 4 มีขึ้นเพราะมีผู้สร้าง นั่นมิใช่ทัศนะของพุทธศาสนาแล้ว
@nuntiwan1963 ก็พุทธ ตอบไม่ได้ว่า ธาตุ4 มาจากไหนพุทธไม่ตอบ ถ้าปฎิเสธผู้สร้าง มันก็ไปไม่สุด (ทำไมพุทธ ไม่ยอกว่า ผู้สร้างคือ ธรรม แค่นี้มันก็จบ_พรามณ์เขามีผู้สร้างเขาตอบได้หมด ) เมื่อไม่ตอบมันก็วนอยู่ในอ่างนั่นละ พธจ ไม่เขื่อว่ามีผู้สร้าง เพราะหาไม่เจอ จึงกบถ จากพรามณ์ แล้วสอนใหม่ (แต่ตอนจะนั่งตรัสรู้ กลับอธิษฐานจิต เอาชามลอยทวนน้ำ แสดงว่ามันมีพลังอะไรที่เหนือธรรมชาติ รับคำอธิษฐาน ได้)
ไม่มีอะไรมาจากไหน และจะไปไหน การที่มีอะไรๆขึ้นมาได้ เพราะคนนิยามมันขึ้นมา ทุกสิ่งมันดำเนินของมันไปตามสภาวะเหตุปัจจัย แม้แต่คนที่คอยพยายามนิยามกำหนดค้นหาต้นสายปลายเหตุ ก็ทำได้คิดได้ระดับหนึ่งเท่าที่ประสาทสัมผัสของคนจะรับรู้ได้ เลยไปจากนั้นก็รับรู้ไม่ได้
@@Peppermint-f3j ไม่่มีอะไร ทุกสิ่งไม่มีอะไร มันเป็นอนัตตา นรก สวรรค์ นิพพาน ภพภูมิ มันก็ไม่มีหรอก ตายไปก็จบ _มานั่งสวดทำศพกันทำไม เอาศพไปทำปุ๋ย มีประโยชน์กว่าไหม?
ผู้สร้างยังเกิดเองได้ แล้วทำไมธาตุ๔จะเกิดเองไม่ได้ อย่าสงวนสิทธิ์นี้ไว้เฉพาะคนเดียวสิ ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ?
❤🪷🙏🙏🙏🪷❤️
@@ชุติภาส-ฒ3ฉ 🥰🥰🥰🙏🙏🙏😍😍😍
นิทานชาดกตอนใหม่😂
ค่ะ🫠🫠🫠
ถ้างั้น ถอนหญ้าก็บาปรึป่าวครับ
เอาความคิดนี้มาจากไหน?
@@nuntiwan1963 เห็นครูบอกพืชมีวิญญาณไงครับ และมีสัญชาตญาณการรับรู้ ผมฟังพระมาว่า วิญญาณเข้าไปตั้งและรู้ได้แค่เฉพาะ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ครูบอกพืชมีวิญญาณผมจึงเข้าใจว่าพืชมีขันธ์ห้า ถ้าทำลายมันจะบาปหรือไม่
ชาติแรกไม่มีครับ สัตว์เกิดชาติเดียว ชาติถัดไปเป็นสัตว์ใหม่ ไม่ใช่สัตว์เดิม
ค่ะ
พระศิวะ
ถ้าเป็นพุทธะต้องเป็นพระพุทธเจ้า
เริ่มต้นจากความว่างเปล่าหรือ0=สิ่งที่ไม่มีสร้างสิ่งที่มีเหมือน0+0=1คือพุทธ
เริ่มต้นจากพระเจ้าหรือ1=สิ่งที่มีสร้างสิ่งที่มีเหมือน1+1=2คือพระเจ้า
0+1=1ผิด
1+1=2ถูก
1-1=0ถูก
@หายใจลึกๆ ขอบคุณนะคะสำหรับคอมเม้นท์ แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสน่ะว่า "ความมีเริ่มต้นมาจากความไม่มีหรือ0 "พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สรรพสิ่งเกิดมาจากปัจจัย เพราะสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี" คำว่าสิ่งนั้นกับคำว่า0 มีความหมายไม่เหมือนกันน่ะ คุณควรทราบไว้ด้วยนะว่า แนวคิดที่คุณว่ามา 0+0=1 ไม่ใช่แนวคิด ของพุทธศาสนา คุณกำลังกล่าวตู่พระพุทธเจ้าด้วยคำไม่จริง
พืชเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ไม่มีวิญญาณครอง วิญญาณมี 6คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ ซึ่งพืชไม่มี
@prathinkaewruang8687 🙏🙏🙏ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ แต่แอดมินเห็นด้วยกับแนวคิดท่านพุทธทาสที่กล่าวว่า ต้นไม้ก็มีวิญญาณ แต่เป็นวิญญาณอย่างอ่อนตามธรรมชาติ มิใช่วิญญาณที่เป็นวิญญาณ6 อันเป็นวิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา และตัณหา อุปาทานตามมา
ชาติแรกมาจากไหน ?
คำตอบคือ
............
๑. ติณกัฏฐสูตร
[๔๒๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลาย
แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้
กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้
เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้
ท่องเที่ยวไปมาอยู่
ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ฯ
[๔๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า
บุรุษตัดทอนหญ้า ไม้กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้
แล้วจึงรวมกันไว้ ครั้นแล้ว พึงกระทำให้เป็น
มัดๆ ละ ๔ นิ้ว วางไว้
สมมติว่า นี้เป็นมารดาของเรา
นี้เป็นมารดาของมารดา ของเรา โดยลำดับ
มารดาของมารดาแห่งบุรุษนั้นไม่พึงสิ้นสุด
ส่วนว่า หญ้าไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้
พึงถึงการหมดสิ้นไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้
เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่
ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอได้เสวยทุกข์
ความเผ็ดร้อน ความพินาศ
ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน
เหมือนฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้
พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง
พอเพื่อจะคลายกำหนัด
พอเพื่อ จะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
..............
พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ
เล่มที่ ๑๖ ข้อที่ ๔๒๑
พระสูตรนี้ไม่ได้กล่าวถึงชาติแรก กล่าวถึงความยาวนานของสังสารวัฏ เรื่องพระสูตรชาติแรกไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ท่านตรัสไว้เพียงแต่ “ก่อนมีอวิชชาไม่มีอวิชชา อวิชชามีในภายหลัง และอีกพระสูตรหนึ่งตรัสว่า อาสวะเป็นปัจจัยของอวิชชา”
@@nuntiwan1963
ที่ตรัสว่า
ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ นี้
คำว่า "เบื้องต้น" นี้
มันเป็นชาติที่เท่าไรล่ะ ?
(อย่าลืมว่าพระพุทธองค์
ทรงเป็นสัพพัญญู)
คำว่าสัพพัญญูก็มีขอบเขต อย่าเข้าใจว่าไร้ขอบเขต มิเช่นนั้นจะเป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้าไป
ใช่เลยสาธุๆๆอนุโมทามิ...มีโลกนี้ และโลกอื่น จักรวาลนี้และจักรวาลอื่น เราเกิดมาภพที่เท่าไหร่ ชาติที่เท่าไหร่ โลกที่เท่าไหร่ จักรวาลที่เท่าไหร่ โลกและจักรวาลเกิดแล้วดับไปกี่ครั้ง และโลกนี้ที่เราอยู่คือโลกที่เท่าไหร่กันแน่ หาคำตอบเบื้องต้นเบื้องปลายก็หาไม่เจอ เพราะสังสารวัฏนี้ที่เกิดแล้วตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆนับไม่ถ้วนอันยาวนานแสนนานจนนับไม่ได้ว่าเกิดมาแล้วกี่ครั้ง สิ่งเหล่านี้คือรู้ไปก็เปล่าประโยชน์เป็นอจินไตย ไม่ประกอบด้วยปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในพระสัจจธรรม ไม่นำไปเพื่อความหลุดพ้น มีแต่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบอยู่ในสังสารวัฏนี้ นี่เรียกว่าอวิชชาคือไม่รู้ว่าจะทำตนให้พ้นทุกข์ได้ยังไง มีทางเดียวคือทำตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะพ้นทุกข์ได้ สิ่งนี้เเหละคือสิ่งที่พระองค์ทรงชี้แนะและมีประโยชน์สูงสุดสำหรับหนึ่งชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ใหนๆก็ใหนๆแล้วเนาะ พอดีเรามาเจอคลิปครูครั้งนี้ครั้งแรก เราอยากจะถามครูว่า รู้จักพระเจ้าใหม ปกติแล้วถึงแม้พระพุทธเจ้าจะยังทรงไม่ได้กล่าวถึงการมีตัวตนของพระเจ้าหรือผู้ที่สร้างเหตุปัจจัยทั้งหมดตามนิยามของครูที่เข้าใจในศาสนาพุทธ แต่นั่นก้ไม่ได้หมายความว่า พระพุทธเจ้าจะทรงปฎิเสธผู้สร้างเหตุปัจจัยทั้งหมดหรือนั่นก็คือพระเจ้าตามคำนิยามของศาสนาคริสต์ อิสลาม และอยากรู้จักกับพระเจ้าใหม การนิพพานแท้จริงๆแล้วคืออะไร ครูคิดว่า นิพพานนั้นอยู่ที่ใหน เป็นแหล่งเดียวกันกับสวรรค์นิรันดรของศาสนาคริสต์และอิสลามหรือไม่ อยากจะถามครูตามความเข้าใจของครูนิดนึงและครูอยากกลับบ้านที่แท้จริงใหม ขอแค่ครูเป็นน้ำครึ่งแก้วก็ยังดี อ้อผมไม่ได้เจตนาที่กล่าวล่วงเกินครูด้วยวาจาและใจนะ ถามจากใจ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เผื่อสิ่งที่ครูอยากได้คำตอบครูไม่มี
ถ้านับถือพระเจ้าแล้วได้อะไรคะรับ ถามตัวคุณเอง คุณนับถือพระเจ้าคุณได้อ่ะไร คุนยังดิ้นรนทำมาหากิน คุณยังมีความทุกข์กายใจ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หม่นหมองอยู่รึป่าว รางวัลที่ได้จากพระเจ้ามีใครหน้าไหนเอามาอวดเอามาแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างได้มั๊ย คุณช่วยไปบอกพระเจ้าให้หน่อยถ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง ย่อมมีพลังอำนาจฤทธานุภาพยิ่ง บอกพระสร้างช่วยดลบันดาลให้ผมถูกล็อตเตอรี่สัก 150ล้านบาท ผมจะเข้ารักพระเจ้าโดยไม่มีการสงสัยในพระองค์ คุณพิสูจน์ให้ผมเห็นด้วย ช่วยไปรวมรวมชาวคริสต์สัก1000คน ขอพรนี้ต่อพระเจ้าให้ผมที จัดไปเลยครับ
พระพุทธเจ้าปฏิเสธเรื่องพระเจ้าโดยสิ้นเชิง คำว่าอนัตตานั่นแหละคือคำตอบ นิพพานของศาสนาพุทธต่างจากสวรรค์นิรันดร์ ในศาสนาอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะคำว่านิพพานในศาสนาพุทธหมายถึง ความดับสนิทของทุกข์ และที่สำคัญสำหรับผู้เห็นแจ้งในพระนิพพานแล้ว ไม่มีใครปรารถนาจะไปสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ชั่วคราวหรือสวรรค์นิรันดร์ เพราะเรื่องสวรรค์เป็นเรื่องของอัตตาตัวตนและเป็นเรื่องของกามารมณ์
ตอบคำถามของ
@projectdeltabluestargate8959
ที่ถามว่านิพพานแท้จริงๆแล้วคืออะไร
คำตอบคือ
..........
ดูก่อนภิกษุ
คำว่า
ความกำจัดราคะ
ความกำจัดโทสะ
ความกำจัดโมหะ
นี้เป็นชื่อแห่งนิพพานธาตุ
...........
พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ
เล่มที่ ๑๙ ข้อที่ ๓๑
@@nuntiwan1963
สาธุ อนุโมทามิ
ชาวพุทธศึกษาและปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์คือนิพพานคือเป้าหมาย
...สัพเพ ธัมมา อนัตตา
...ชาวพุทธที่แท้จริง จึงไม่อ้อนวอน
ศาสนาพราหมณ์ เกิดก่อนพุทธยาวนาน เป็นศาสนาคู่โลก
@@Maha-y4h ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนะคะ
คู่โลกอย่างไร...หนอ
โลกไม่ควรมีบูชายัญนะคะ
พรามณ์ ลัทธิการอ้อนวอน บูชายัน.คริด อ้อนวอน พะเจี้ยว อิดสะอาม ก็เทพนิยมอ้อนวอน สิ่งที่ไม่มีตัว...ดินฟ้าอากาศ.ไม่ทำให้พ้นทุกข์.
คณเอาทฤษดีวิวัฒนาการมาอธิบายเข้ากับพุทธ ว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากแร่ธาตุแล้วแร่ธาตุพัฒนาเป็นเซลล์ชั้นตำทีมีชีวิต แปลว่าสิงมีชีวิตมาจากสิ่งไม่มีวิตงั้นหรือ แล้วเซลล์ช้นต่ำวิวัฒนาการเป็นเซลล์ชั้นสูง. แล้วเซลล์ชั้นสูงแยกออกเป็นพืชและส้ตว์ส แล้วสัตว์วิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยอวิชชา ต่อไปมนุษย์ก็ขึ้นสวรรค์บ้างตกนรกก็เยอะคุณเข้าใจแบบนี้ใช่ำหมถาไม่ใช่ช่วยตอบกลับด้วย สรุป ตามความเข้าใจของคุณคือตัวเรามาจากผงธุลี ผงธุลีที่ไรัชีวิตมาสู่สิ่งมีชีวิตใช่ไหม ผมเชิญชวนให้คุณศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลเล่มปฐมกาลครับจะมีคำตอบสำหรับชีวิต
ไม่ต้องศึกษาหรอก คัมภีร์ทางศาสนาที่มีพระผู้สร้าง มันรู้ง่ายมากๆ ว่า ทุกอย่างเกิดมาจากพระผู้สร้างนั้นแหละ มันง่ายดี เกิด แก่ เจ็บ ตาย นรก สวรรค์ ล้วนบันดาลจากพระเจ้า ทุกอย่างมีพระเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ ง่ายดี ไม่ต้องมีข้อสงสัย หน้าที่ของสาวกคือ ต้องยอมจำนวน ยอมตนต่อพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการเป็นผู้รับใช้ อยากได้อะไร ให้อ้อนวอนเอา คือยอมตนลงเป็นบ่าวหรือทาสผู้รับใช้พระเจ้า แล้วทุึกอย่างจะดีเอง ว่าจั้งซั่น
แอดมินเห็นด้วยกับแนวคิดวิทยาศาสตร์ ในเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สังเกตได้จากน้ำในขวดปิดฝาสนิท เมื่อปัจจัยมีสิ่งมีชีวิตเซลล์น้อยๆก็เกิดขึ้นเอง ถ้าบอกว่าปัจจัยคือพระเจ้า เราก็เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้บันดาลสิ่งมีชีวิตในขวดน้ำมีฝาปิดสนิท แต่ถ้าจะบอกว่าพระเจ้าคือผู้วิเศษที่บันดาลสิ่งมีชีวิตสีเขียวในขวดปิดสนิทเราไม่เชื่อ จริงๆแล้วช่องนี้เผยแพร่ความรู้ความคิดเห็น สำหรับนักปฏิบัติธรรมที่เป็นพุทธศาสนิกชนเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เผยแพร่แก่ผู้มีความเชื่ออื่นนอกพุทธศาสนา
@@bobby172ช่วงนี้ถุ่กถามว่า ใครสร้างพระเจ้า พระเจ้ามาจากไหน อยู่เรี่อย หาคำตอบยาก มากครับ
ผมก็ใช้ แนวคิด อิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท มาเทียบกับ อนุภาคเป็นวิทยาศาสตร์นะ เพราะอนุภาคประกอบเป็นตัวเรา เพราะตัวเราประกอบด้วยเซลล์นับไม่ถ้วน เซลล์ก็ประกอบจาก อนุภาคขนาดเล็กนับไม่ถ้วน สำหรับผม อวิชชา คือ อนุภาคที่เรียกว่า "จิตบริสุทธิ หรือวิญญาณบริสุทธิ " ก่อนการเป็นสิ่งมีชีวิต ย่อมไม่มีชีวิต ผมตีโจทย์ของพระพุทธเจ้าที่กล่าวไว้
อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ
เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ
เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี
อิมสฺส นิโรธา อิทํ นัรุชฺฌติ
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
มันไม่ใช่แค่มองหาหลักจิตใจอย่างเดียว นี้ละหลักธรรมชาติที่จะตีความวิทยาศาสตร์หรือหลักสมมุติฐานเริ่มต้น ของธรรมชาติ นี้ละความใกล้เคียงวิทยาศาสตร์มากที่สุด
ผมอาจบอกความเห็นที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดีนะ แต่ผมคิดว่าการสร้างเราขึ้นมา กว่าจะวิวัฒนาการมาจนสมองมีปัญญา ตอนมนุษย์ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ตอนที่เกิดสิ่งมีชีวิตเริ่มแรก ขนาดของสิ่งมีชีวิตเริ่มแรก พืช หรือสัตว์ที่เกิดก่อน รูปร่างของฟอตซิลที่พบของมนุษย์ยุคแรก มันไม่ตอบโจทย์ว่าจะเกิดได้ภายใน 7 วัน
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
🙏🙏🙏🥰🥰🥰
พูดง่ายฟังง่ายรู้ตามได้ของแท้ชอบๆขอบคุณครับ
@@นภสรมณีใสย ขอบคุณค่ะ ศึกษาเรียนรู้ธรรมะไปด้วยกันนะคะ🥰🥰🥰🙏🙏🙏
ศาสนาพราหมณ์เกิดก่อนศาวนาพุทธนานมากไม่ใช่ยคเดียวกันครับ
@@Klairung-k5u ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ🙏🙏🙏🥰🥰🥰
จะรู้ไปเพื่อประโยชน์อะไรหากอยากรู้ก็ย้อนไปเมื่อสี่พันล้านปีสิทำได้ไหมละถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องอวด
รู้ปฏิจจสมุปบาทเป็นความรู้พื้นฐานของชาวพุทธ รู้ไปเพื่อช่วยบรรเทาความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ไม่ได้รู้ไปเพื่อเหตุอื่น
เป็นการแข่งขัน ชีงดีชีงเด่นกันระหว่าง ศาสนา รึความเชึ่อ เพึ่อหาคำตอบของการเรี่มต้นจักรวาฬอย่ามีเหตุผลมากกว่าครับ
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ให้ข้อมูลดีๆเพราะเรียนน้อยอ่านน้อย❤❤❤❤
@@แาอท เรียนรู้ไปด้วยกันนะคะ🙏🙏🙏
ในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตหลากหลายมากมายแต่จุดเริ่มต้นของการกำเนิดในแต่ล่ะชีวิตเป็นมายังไง
ในมุมมองของชาวพุทธจะเชื่อในเรื่องปฏิจจสมุปบาทหรือหลักปัจจยาการ คือเพราะสิ่งนั้นมีสิ่งนี้จึงมี ความเชื่อนี้ตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ ในเรื่องพัฒนาการของชีวิต เริ่มต้นมาจากปฏิกิริยาเคมี ที่เป็นปฏิกิริยาจากธรรมชาติ แล้วก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว พัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ อาศัยการวิวัฒนาการที่ต่อเนื่องไม่รู้กี่ล้านๆปี สุดท้ายจึงเป็นมนุษย์และสัตว์อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ และแน่นอนว่าเมื่อระบบวิวัฒนาการไม่เคยหยุดนิ่ง อนาคตอีกหลายล้านๆปี มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ย่อมเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน เพื่อความอยู่รอดตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหมือนที่เคยเปลี่ยนมาแล้วจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ผมว่าคุณครูต้องสอนวิชาวิทยาศาสตร์มาแน่เลย
@@เทพฟ้าสวรรค์ 🥰🥰🥰
อนุโมทนาสาธุกับคุณพี่ด้วยครับที่เข้าใจธรรมะอย่างลึกซึ้ง🙏🙏🙏
@@tai-hua9239 ขอบคุณนะคะ🙏🙏🙏
ปะฎิจทุบาทอริยสัจมัคแปดก็คือสิ่งผลของมันคือขนะตัวเองดับอาผัดสะกํจบปรุงต่อแต่ต้อวไถบาปมัคแปดจะชัวยพัตนาปัญญารวมเป็น12อริยสัจ4มัค8😅
🍎🍎🍎