ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
กราบสาธุได้รับประโยชน์ตรงนี้มหาศาลเลยครับสาธุๆ
(5 )❤ จิตหนึ่ง หรือธาตุรู้ หรือนิพพานธาตุ หรืออมตะธาตุ ที่เป็นอิสระ ปลอดภัยจากการครอบงำของสมมุติในสามแดนโลกธาตุแล้ว / มันรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง(สรรพสิ่ง ) ที่เข้ามากระทบ ในทุกปัจจุบันขณะ แต่มันวางหมด / สติปัญญาอัตโนมัติมันวาง ไม่ใช่เราวาง ❤ ที่ว่าจิตเกิดดับนั้น / หมายถึงจิตที่มันหลงเป็นไปไหลไปตามสมมุติ ประกอบอยู่กับสมมุติ , มีตัณหาสามเป็นเครื่องผูกล่ามพันธนาการ / บางทีเรียกจิตอวิชชา จิตสังขาร จิตเจตสิก จิตวิญญาณ / จิตประเภทนี้จะบันทึกซ้อนๆ กันไว้อยู่ในสัญญา กลายเป็นภพชาติต่างๆในโลกียะภูมิ❤ ภูมิ คือที่อยู่ของจิต / ถ้าจิตตั้งอยู่กับสมมุติตัวใดตัวหนึ่ง โดยมีตัณหาเป็นเครื่องผูกล่าม / เรียกจิตอวิชชา ที่ต้องไปเกิดในโลกียะภูมิ / ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า " โลกมีตัณหาสามเป็นเครื่องนำจิตไป ผลักไสจิตไป " ถ้าจิตหนึ่ง เป็นอิสระแล้ว / ก็อยู่ในโลกุตรภูมิ หรือนิพพาน คืออยู่ในตำแหน่งที่ความทุกข์หยั่งลงไม่ถึง
(2 )❤ เจริญสติจนชำนาญ , ฝึกสติปัฏฐานสี่ เพื่อละไตรลักษณ์ไปพร้อมกัน / ต่อไปมันก็จะพัฒนาเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ คือมันเริ่มปฏิวัติตัว ไปในทางของมรรคแปด / จิตมันวางความคิด วางความกังวล , วางเวทนาสาม วางตัณหาสาม , รู้ลมวางลม รู้รูปวางรูป / กลายเป็นจิตหนึ่งขึ้นมา (เอโกธัมโม) ขั้นนี้มีสติปัญาอัตโนมัติ แยกรูป แยกนาม สลัดกิเลสอาสวะได้ด้วยตัวของมันเอง.....จิตมันเห็นชอบ(มีสัมมาทิฏฐิ) , จิตมันดำริชอบ ด้วยตัวของมันเอง(สัมมาสังกัปปะ )โดยไม่มีเราเข้าไปแทรกแซง
นอบน้อมจิตกราบ สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
(4 )❤ ไม่ได้ยึดสิ่งถูกรู้(ความรู้)ว่าเป็นเรา , ไม่ได้ยึดธาตุรู้ (การรู้ )ว่าเป็นเรา แม้ธาตุรู้ก็ไม่ได้ยึดตัวมันเอง (อุปาทานดับสนิท) ไม่มีความอยากรู้อยู่ในธาตุรู้ มันรู้ของมันได้เอง (ตัณหาดับสนิท )....ระลึกชาติได้ เห็นนิมิตต่างๆ ก็ไม่ติดไม่ข้อง ทราบแล้ว เข้าใจแล้วผ่านไปๆๆๆ...รู้ลมก็ไม่ได้ยึดลม...รู้สบาย แต่ก็ไม่ได้ยึด / มีแต่การรู้ ที่ปล่อยผ่านหมด สลัดคืนหมด จึงส่งผลให้เกิดความหลุดพ้น (วิมุติ , ความพ้นทุกข์ , นิพพาน )
(3 )❤ หายใจเข้ารู้...หายใจออกรู้ / ไม่ต้องอยากได้นิพพาน ...ไม่ต้องอยากให้บรรลุธรรมไวๆ....ให้มันสงบเอง อย่าไปอยากเร่งรัดให้มันสงบไวๆ...มันเป็นเรื่องที่เร่งรัดไม่ได้ อย่าไปยุ่งกับอดีต อนาคต / ปัจจุบัน ให้จิตมันอยู่กับลม / ต่อไปความสุขุมเยือกเย็นสงบใจ ก็จะเกิดขึ้นมา / เอาความสงบมาเป็นเครื่องอยู่ของจิต จิตมีความสงบเป็นวิหารธรรม , มีความสงบหล่อเลี้ยงจิต / จิตที่ตั้งมันอยู่กับความสงบ ต่อไปก็จะพัฒนา ไปเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ คือเห็น และทิ้งขันธ์ห้าเองของมัน , มีปิติ สุข เกิดขึ้นมาหล่อเลี้ยง ให้รู้สึกสบายกาย สบายใจเด่นขึ้นๆ , ความนึกคิดไปในสัญญาอารมณ์จะน้อยลง , ความคิดไปในอารมณ์โลภ โกรธ หลง (มโนกรรมสาม) ก็จะน้อยลงๆ / ความกังวล ความสงสัย ลดลงๆ❤ จิตที่ตั้งมั่นในลมได้ดีแล้ว / มันจึงจะเห็นรูปนามเกิดดับๆๆๆ / แล้วจะเหลือแต่รู้เด่นที่มันเป็นอิสระ ที่สุข ทุกข์ สงสัย กังวล ยินดี ยินร้าย เข้ามาครอบงำเสียดแทงไม่ได้ / กลายเป็นธาตุรู้ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เราเขา ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่พระพรหม ....ไม่ยึดถือรูปนามสมมุติ ที่มีอยู่ในสามแดนโลกธาตุ / แม้ความนึกคิดปรุงแต่ผ่านมากระทบ ก็ผ่านไปๆๆๆไม่ได้สำคัญมั่นหมาย
กราบสาธุค่ะ
(1 )❤ ปริยัติ ก็คือทฤษฎี / เรียนจบพระไตรปิฎก ก็เท่ากับได้แผนที่แล้ว....ไม่ใช่ได้แผนที่แล้วโมเมว่าจบกิจน่ะ / ส่วนฝึกสมถะ , ฝึกวิปัสสนา ก็คือได้เริ่มออกเดินทางแล้ว เพื่อจะให้ถึงเป้าหมาย ที่ได้ระบุไว้ในแผนที่❤ ฝึกสมถะ หรือการเจริญสติ ก็เพื่อแก้ไขความคิดวิตกกังวล ไปในเรื่องทางโลก...เพื่อให้ความวิตกกังวล มันสงบระงับลง.......รู้เด่นอยู่ในลมหายใจเข้า หายใจออก
กราบสาธุได้รับประโยชน์ตรงนี้มหาศาลเลยครับสาธุๆ
(5 )
❤ จิตหนึ่ง หรือธาตุรู้ หรือนิพพานธาตุ หรืออมตะธาตุ ที่เป็นอิสระ ปลอดภัยจากการครอบงำของสมมุติในสามแดนโลกธาตุแล้ว / มันรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง(สรรพสิ่ง ) ที่เข้ามากระทบ ในทุกปัจจุบันขณะ แต่มันวางหมด / สติปัญญาอัตโนมัติมันวาง ไม่ใช่เราวาง
❤ ที่ว่าจิตเกิดดับนั้น / หมายถึงจิตที่มันหลงเป็นไปไหลไปตามสมมุติ ประกอบอยู่กับสมมุติ , มีตัณหาสามเป็นเครื่องผูกล่ามพันธนาการ / บางทีเรียกจิตอวิชชา จิตสังขาร จิตเจตสิก จิตวิญญาณ / จิตประเภทนี้จะบันทึกซ้อนๆ กันไว้อยู่ในสัญญา กลายเป็นภพชาติต่างๆในโลกียะภูมิ
❤ ภูมิ คือที่อยู่ของจิต / ถ้าจิตตั้งอยู่กับสมมุติตัวใดตัวหนึ่ง โดยมีตัณหาเป็นเครื่องผูกล่าม / เรียกจิตอวิชชา ที่ต้องไปเกิดในโลกียะภูมิ / ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า " โลกมีตัณหาสามเป็นเครื่องนำจิตไป ผลักไสจิตไป "
ถ้าจิตหนึ่ง เป็นอิสระแล้ว / ก็อยู่ในโลกุตรภูมิ หรือนิพพาน คืออยู่ในตำแหน่งที่ความทุกข์หยั่งลงไม่ถึง
(2 )
❤ เจริญสติจนชำนาญ , ฝึกสติปัฏฐานสี่ เพื่อละไตรลักษณ์ไปพร้อมกัน / ต่อไปมันก็จะพัฒนาเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ คือมันเริ่มปฏิวัติตัว ไปในทางของมรรคแปด / จิตมันวางความคิด วางความกังวล , วางเวทนาสาม วางตัณหาสาม , รู้ลมวางลม รู้รูปวางรูป / กลายเป็นจิตหนึ่งขึ้นมา (เอโกธัมโม) ขั้นนี้มีสติปัญาอัตโนมัติ แยกรูป แยกนาม สลัดกิเลสอาสวะได้ด้วยตัวของมันเอง.....จิตมันเห็นชอบ(มีสัมมาทิฏฐิ) , จิตมันดำริชอบ ด้วยตัวของมันเอง(สัมมาสังกัปปะ )โดยไม่มีเราเข้าไปแทรกแซง
นอบน้อมจิตกราบ สาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
(4 )
❤ ไม่ได้ยึดสิ่งถูกรู้(ความรู้)ว่าเป็นเรา , ไม่ได้ยึดธาตุรู้ (การรู้ )ว่าเป็นเรา แม้ธาตุรู้ก็ไม่ได้ยึดตัวมันเอง (อุปาทานดับสนิท) ไม่มีความอยากรู้อยู่ในธาตุรู้ มันรู้ของมันได้เอง (ตัณหาดับสนิท )....ระลึกชาติได้ เห็นนิมิตต่างๆ ก็ไม่ติดไม่ข้อง ทราบแล้ว เข้าใจแล้วผ่านไปๆๆๆ...รู้ลมก็ไม่ได้ยึดลม...รู้สบาย แต่ก็ไม่ได้ยึด / มีแต่การรู้ ที่ปล่อยผ่านหมด สลัดคืนหมด จึงส่งผลให้เกิดความหลุดพ้น (วิมุติ , ความพ้นทุกข์ , นิพพาน )
(3 )
❤ หายใจเข้ารู้...หายใจออกรู้ / ไม่ต้องอยากได้นิพพาน ...ไม่ต้องอยากให้บรรลุธรรมไวๆ....ให้มันสงบเอง อย่าไปอยากเร่งรัดให้มันสงบไวๆ...มันเป็นเรื่องที่เร่งรัดไม่ได้
อย่าไปยุ่งกับอดีต อนาคต / ปัจจุบัน ให้จิตมันอยู่กับลม / ต่อไปความสุขุมเยือกเย็นสงบใจ ก็จะเกิดขึ้นมา / เอาความสงบมาเป็นเครื่องอยู่ของจิต จิตมีความสงบเป็นวิหารธรรม , มีความสงบหล่อเลี้ยงจิต / จิตที่ตั้งมันอยู่กับความสงบ ต่อไปก็จะพัฒนา ไปเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ คือเห็น และทิ้งขันธ์ห้าเองของมัน , มีปิติ สุข เกิดขึ้นมาหล่อเลี้ยง ให้รู้สึกสบายกาย สบายใจเด่นขึ้นๆ , ความนึกคิดไปในสัญญาอารมณ์จะน้อยลง , ความคิดไปในอารมณ์โลภ โกรธ หลง (มโนกรรมสาม) ก็จะน้อยลงๆ / ความกังวล ความสงสัย ลดลงๆ
❤ จิตที่ตั้งมั่นในลมได้ดีแล้ว / มันจึงจะเห็นรูปนามเกิดดับๆๆๆ / แล้วจะเหลือแต่รู้เด่นที่มันเป็นอิสระ ที่สุข ทุกข์ สงสัย กังวล ยินดี ยินร้าย เข้ามาครอบงำเสียดแทงไม่ได้ / กลายเป็นธาตุรู้ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เราเขา ไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่พระพรหม ....ไม่ยึดถือรูปนามสมมุติ ที่มีอยู่ในสามแดนโลกธาตุ / แม้ความนึกคิดปรุงแต่ผ่านมากระทบ ก็ผ่านไปๆๆๆไม่ได้สำคัญมั่นหมาย
กราบสาธุค่ะ
(1 )
❤ ปริยัติ ก็คือทฤษฎี / เรียนจบพระไตรปิฎก ก็เท่ากับได้แผนที่แล้ว....ไม่ใช่ได้แผนที่แล้วโมเมว่าจบกิจน่ะ / ส่วนฝึกสมถะ , ฝึกวิปัสสนา ก็คือได้เริ่มออกเดินทางแล้ว เพื่อจะให้ถึงเป้าหมาย ที่ได้ระบุไว้ในแผนที่
❤ ฝึกสมถะ หรือการเจริญสติ ก็เพื่อแก้ไขความคิดวิตกกังวล ไปในเรื่องทางโลก...เพื่อให้ความวิตกกังวล มันสงบระงับลง.......รู้เด่นอยู่ในลมหายใจเข้า หายใจออก