ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
จากที่ผมศึกษาพุทธวจน และพระสิ้นคิด เห็นเป็นอย่างเดียวกัน คือเชื่อกรรมเชื่อผลของกรรม ไม่เชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง หลักการปฏิบัติก็เหมือนกันคืออาณาปานสติ ดูการเกิดดับ ความไม่เที่ยงของจิต ต่างกันแค่วิธีการสื่อสาร ซึ่งพุทธวจน จะละเอียด และอธิบายอย่างเป็นระบบตามคำพระศาสดาเป๊ะๆ แต่พระสิ้นจะอธิบายแบบบ้านๆ ตามประสบการณ์ของพระแต่ละรูป แต่ผู้ที่รู้คนแรกและเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย คือพระพุทธเจ้า ศาสนานี้เกิดได้เพราะคำสอนของพระองค์ ธรรมะของพระองค์เป็นอกาลิโก จากที่ศึกษาและปฏิบติ ผมยืนยันได้เลยว่าทั้ง2สำนักนี้สอนตามหลักศาสนาพุทธอย่างแท้จริง ต่างกันแค่วิธีการสอนและการพูดครับ ผิดพลาดอย่างไร ขออภัยด้วยครับ สาธุครับ
ศึกษามาแล้วก็มองต่างมุมใช้ไหมครับ
เช่นเดียวกันครับ เพียงแต่สองท่านยังไม่ยอมลองมาสนทนากัน ให้เข้าใจกัน
กราบสาธุคูบา
ผมก็ชอบฟังพุทธวจนเหมือนกันนะครับ แต่พอคนรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้นผมรู้สึกว่าคนที่รู้ธรรมหลายๆคนมักจะติดความเป็นตัวตนจนลืมว่าจริงๆแล้วศาสนาสอนให้คนพ้นทกข์
ด้วยบุคลิกท่านหลายคนอาจจะหมั่นไส้ (เพราะตอนแรกเราก็เอ๊ะ)...แล้วเราก็เลยเปิดใจฟังมาเรื่่อยๆ ซึ่งเราสัมผัสได้ว่า ท่านคือของจริง
เหมือนผมพอได้ฟังธรรมรับรู้ได้เช่นเดียวกับ ฟังหลวงตามหาบัว มันเหมือนจากจิตสู่จิต. ดีที่ไม่พลั้งปาก
นี่แหละพระอาจารย์ท่านก็บอกว่าอย่าไปตัดสินคนอื่น
มีพระอาจารย์ผมบอก ถ้าปฏิบัติจนจิตรวมสงบแล้วจะเข้่าใจไม่มานั่งเถียงกัน คนที่อ่านตำรามามากก็จะมาติคนอื่นว่าไม่ทำตามพุทธวจน อย่างที่ครูบา ว่าละครับ ไม่ถูกใจใคร ขออภัยด้วยครับ สาธุๆกับครูบาด้วยครับ ที่ออกมาพูดตรงๆ
ปัญญาท่านเฉียบเเหลมครับ พระอริยะ กราบสาธุการในธรรม
กราบอนุโมทนาสาธุ เจ้าค่ะ
พิสูจน์ดูก็ดี ฟังพุทธวจนแล้วเอามาปฏิบัติ ครับ
ระวังทิฏฐิที่ว่า “ไม่ต้องไปศึกษาพุทธวจนะ” นะครับสิ่งนี้จะนำความฉิบหายมาแก่มหาชนที่มาฟังช่องนี้บางคนตามฟังเพราะความที่ไม่ได้ศรัทธาพระพุทธเจ้าก็มีดันไปศรัทธาพระที่อยู่ตามช่องยูทูปมากกว่าศาสดามันค่อนข้างสาวกภาษิตเกินไปนะครับ และนี่เป็นความเสื่อมไปของพระสัทธรรมฉะนั้น ระวังทิฏฐิแบบนี้ให้ดี อย่าอ้างเพื่อที่จะไม่ศึกษาการรู้จักคำสอนพระศาสดาไว้บ้าง เป็นสิ่งที่ควรกระทำครับไม่ใช่ไปจำแต่คำสาวกที่พูดประกอบมิจฉาทิฏฐิบ้างไปสอนไม่ให้พระฉันมื้อเดียว กินมันไป3มื้ิอเยี่ยงฆารวาสสอนให้วางทุกอย่าง ทั้งๆที่กิเลสยังหนาเตอะ ระวังนะครับโยนิโสมนสิการให้ดีๆ สาธุชนที่เข้ามาฟังผมไม่ได้บอกว่าพระท่านไม่ได้ดีทั้งหมดนะครับ มุมที่ดีผมก็ศึกษา แต่ก็ใคร่ครวญในส่วนที่แปลกด้วยฉะนั้น อย่าสักแต่ฟังครับ โอปนยิกโกกันด้วย
คนเก่งอย่าอวดดี อวดเก่ง แต่สามารถบอกธรรมให้ได้ แบบแบ่งปันพอแล้ว ถ้าคิดว่ารู้มากกว่า คิดว่าของข้าถูกต้อง ก็ทางสายกลาง แล้วที่ที่เหลือ ทุกคนก็ต้องรู้ลมหายใจ ผมเข้าใจแค่นี้ ที่สุดแล้ว
แต่ละท่านแย้งเปลือกแย้งกระพี้ทำไมไม่พูดถึงศีลสมาธิปัญญาที่เป็นหลักอย่าบ้าหอบฟางเหมือนครูบาท่านสอนหล่ะเอาความจริงมาพูดกันและนำมาปฏิบัติใช่นำมาพูดอวดภูมิที่ตนได้อ่านมาครับ กราบคารวะครูบาฉ่ายครับ🙏🙏🙏
โยมเองก็ฟังพุทธวจนคะ แต่ฟังแบบวิเคาะ และน้อมเจ้ามาหาตนปฏิบัติตาม ชีวิตดีขึ้น แต่จะไม่เอาไปข่มคนอื่น สิ่งที่เหมื่อนกันก็คือ อานาปานสติ
พุทธจน ก็เหมือน กับ กาย การปฏิบัติ ก็เหมือน กับจิต พึ่งพาอาศัย กัน ขาดกันไม่ได้ พุทธวจน เหมือนกายที่กิน ข้าว ไม่สามรถรุ้ชาตได้ จิตที่รุ้รสชาต ที่กายขบเคี้ยว ส่ง มาให้จิต รับรุ้รส และปรุงแต่ง กายเปรียบเหมือน แผนที่ ชี้ทาง เปนเครื่องมือ ไห้จิตมาอาศีย ศึกษา เรียนรุ้ ชั่วคราว แล้วดับตาย ไป สลาย แยกธาตุคืนสุ่ความความว่าง..เปล่า ถุกดูดกลืนไปรวมเป็น ชิ้นเดียวกัน อยุ่ในสภาวะรุ้ที่ นิ่งเฉย สงย เงียย ไม่มีตัวตน ว่าง ไร้ขอบเขต เหมือนคนเปนใบ้ ได้ แค่ รุ้ แค่ดู เเค่เห็น หน้าที่ของเขา มีแค่นั้น สภาวะรุ้ที่ คงที่ เขาเป็นธรรมชาติรุ้ของเขา อยุ่อย่างนั้นเอง ถ้า เรา ปฏิบัติเข้า ไปเจอ ผุ้รุ้ ว่า เขาอยุ่ ลักษณะเช่นไร เรา จะได้คำตอบ ด้วย ตัว เราเอง ว่า ที่ เขาว่า เรา ไม่มีตัวตนนั้น เป็นอย่างไร ... ลองหยิก ตัวเองดูก็ได้ ไห้กายมันตอบ .. กายไม่ตอบนะ สิ่งที่ตอบ ว่า เจ็บนะ คือ จิต ที่มันตอบอยุ่ ภายใน ..
ครูบาฉ่ายพูดถูกครับ ผมก็ศึกษา 🤍พุทธวจน เหมือนกัน😊 แต่สำหรับผมทำให้รู้ว่า พุทธศาสนา สอนเรื่องอะไร ก็พอ ก็ได้ คำว่า ดูจิตใจตัวเองก็พอ จากหลวงพ่อชา😊 ,บางคนก็เป็นแบบที่ครูบาพูดเหมือนกัน ยึดถือตนรู้มาก บางทีผมฟังแล้วก็รู้สึกละอายอยู่😅
@@MrArthas284 ไปพร่ำไกลๆ
หมาบ้าคัมภีร์เก่าแล้ว 1
@@chaliemhee180 ศึกษาคำภี แล้วก็วาง ปฏิบัติ ดูจิตดูใจ ตัวเอง อย่าไปเที่ยว กัดใครติติงใคร ขอบคุณครับ🥰
สิ่งไหนใช่รับไว้ ไม่ใช่ทิ้งเสีย ไม่ต้องเถียงกัน
@@MrArthas284 ระวังนะติเตียนครูบาท่านสอนอะไรอยู่ตอนนี้
สาธุครับ พวกมีอัตตาตัวตน แสงหาการยอมรับ โดนใจจริง ๆ ครับ
ท่านพูดชัดตรงประเด็น กลุ่มที่ท่านพูดถึงลองทบทวนไตร่ตรองอย่างเข้าใจตรงไปตรงมา จะคลายทิฐิมานะได้นะครับ
เรานับถือศาสนาพุทธ❤
ท่านเทศน์ได้ถูกต้องเฉียบขาด ขออนุโมทนาครับ
คนรู้ธรรมะชอบเอาชนะคนอื่นคนมีธรรมะชอบเอาชนะใจตนเอง.
โมทนาสาธุสาธุ
ใช่ครับผมเห็นด้วยกับครูบา เขาบอกต้องฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น ห้ามฟังธรรมจากสาวก แล้วถ้าพระพุทธองค์ไม่ให้ฟังธรรมจากสาวก ถ้างั้นพระองค์จะเผยแพร่ธรรมตั้งแต่แรกทำไม ถ้าเป็นงี้ธรรมะคงไม่บันทึกไว้ในพนะไตรปิฎกให้คนได้ศึกษากันหรอก แล้วมีเพจนึง ซี่งเพจนี้ชอบโจมตีพระสำนักอื่น ชอบตำหนิพระรูปอื่นที่สอนต่างไปจากตน(เพจไหนทุกคนน่าจะรู้กันดี ไม่อยากเอ่ยชื่อ) ซึ่งผมไม่โอเคและยอมรับไม่ได้เอามากๆ
พระพุทธวจน บันทึก โดยพระสงฆ์ //ถ่ายทอดโดยพระสงฆ์ แล้วจะไม่ให้ เคารพ พระสงฆ์ สาวก?? ย้อนแย้งมั้ยครับ??
สาธุครับ ครูบา กล่าวถูกต้องแล้ว ดีแล้ว ขอนมัสการด้วยความเคารพครับ
สาธุครับ ธรรมเทศนาขององค์ครูบา แจ่มแจ้งยิ่งนัก สาธุครับ
หลายสาย หลายอย่าง หันมาศึกษาพุทธวจนเถิดผู้ใฝ่ธรรม สาธุ
ส่อเสียดภิกษุอี่น..ต้องปาจิตตีย์..หลักในการนับถือพระศาสนา..เรียนรู้..เข้าใจ..เข้าถึง(บรรลุธรรม)..และพัฒนาจนสุดทาง..เจริญธรรม
สาธุอนุโมทามิ ...สาธุครับ
พุทธ วจนะ คือคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของใคร หรือสำนักใด ครับ
ทุกคนที่เป็นชาวพุทธก็ล้วนแต่ศึกษาพุทธวจนกันทั้งหมดและครับ เพราะพุทธวจน ก็อยู่ในพระไตรปิฏก(แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองศึกษาพุทธวจน แต่บอกว่าตัวเองศึกษามาจากพระไตรปิฏก อานาปานสติที่หลวงตาท่านเอามาสอนก็ได้มาจาก พุทวจนในพระไตรปิฏก สติปัฏฐาน๔ ก็ได้มากจากพุทธจนในพระไตรปิฏก ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ล้วนเอามาจากพุทธวจนในพระไตรปิฏกทั้งนั้น แต่เวลาจะด้อยค่าคนอื่น มักจะพูดว่า ไอ้พวกจำตำรามาพูดบ้าง รู้จำไม่รู้จริงบ้าง คนที่จำเอาคำพระศาสดาตัวเองมาสอนมันไม่ดีหรือ คิดว่าแต่ตัวเองปฏิบัติคนเดียว คนที่เขาศึกษาพุทวจในพระไตรปิฏกเขาไม่ได้ปฏิบัติหรือไง เขาก็ปฏิบัติเหมือนกัน แต่เวลาเขามาเทศบอกมาสอนคนอื่น เขาไม่เอาสภาวะจิตของตัวเองมาสอน เพราะท่านบอกว่า มันไม่เลิสเท่ากับคำสอนที่เป็นขององค์พระศาสดาของเรา
จริงที่สุดครับ สาธุครับ
อนุโมทนาสาธุ…คนรู้ธรรมะ(พุทธวจน)ชอบเอาชนะคนอื่น คนมีธรรมะชอบเอาชนะตัวเอง
น้อมกราบครูบาฉ่ายค่ะ
แอดมินครับ..ขึ้นหน้าปกว่า..ครูบาเตือนผู้ศึกษาพุทธวจน อาจจะเป็นประเด็นระหว่างสำนัก ก็ได้นะครับ.. เพราะประเด็นมันมีอยู่นิดเดียวว่าครูบา เคยศึกษา เคยฟังซีดี พุทธวจน จนเกิดรู้สึกอัตตาตัวตนของตัวเองว่า รู้มากกว่าคนอื่น มีอีโก้มากกว่าคนอื่น เมื่อรู้เท่าทัน ก็วางอัตตาของตัวเองลง ก็เท่านั้น.นะครับ กลัวจะกระทบกับสำนักอื่น ครับ..ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุปัจจัย..ของมันอยู่แล้ว..กว่าจะมาเป็นพุทธวจน.. ก็มีเหตุมีปัจจัย ...กว่าจะมาเป็นพระสิ้นคิด..ก็มีเหตุมีปัจจัย..มีที่มาแตกต่างกัน...แต่ที่สองสำนักนี้สอนเหมือนกัน..ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้า.คือการดูลม อาณาปานสติ ฆราวาสผู้ครองเรือน..ผู้มีเวลาน้อย...ไม่มีเวลาศึกษาอ่านพระไตรปิฎกเป็นเล่มๆ อยากรู้ธรรมด้านปริยัติ เปิดยูทูปดู,.พุทธวจน.. ก็เข้าใจได้เร็วดี รู้ปริยัติที่พอจะเข้าใจแล้ว อยากปฏิบัติ ก็เปิดดูยูทูป..พระสิ้นคิด..ลงมือปฏิบัติ เพื่อทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น..ก็น่าจะทำได้...นะครับ ขอบคุณครับ....
การเขียนหน้าปกไม่เข้าเลยนะ ผมฟังพุทวจนทำให้ผมตาสว่างแต่ก็ไม่เคยไปข่มคนอื่น พุทวจนสอนรู้จักการ ละ ผลัดสะให้เร็ว
@@ขลุ่ยมนต์ขลังคนภูพาน ผมก็ชอบฟังพุทธวจนะ และผมก็ชอบฟังเพจพระสิ้นคิดเช่นเดียวกัน ผมว่ามันอยู่ที่คนมากกว่าในเรื่องประเด็นตรงนี้ ผมว่าหลักโอวาทปาฏิโมกข์สำคัญมากนะสำหรับนักเผยแผ่ธรรม ส่วนเรื่องการตีความของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ผมก็ไม่ได้เชื่อและเห็นด้วยกับท่านทุกอย่าง แม้แต่พระอาจารย์สินทรัพย์ผมก็ไม่ได้เชื่อและเห็นด้วยกับท่านทุกอย่างเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องการสูบบุหรี่ออกสื่อ พ่นควันใส่ผู้อื่น ผมว่ายังไงมันก็ไม่เหมาะ เพราะบางคนนี่แพ้ควันบุหรี่มาก
ใช่หัวข้อ...ควร...
ตั้งหัวข้อผิดพลาดอย่างแรง ที่จริงควรตั้งหัวข้อว่า ครูบาฉ่ายเตือนผู้ที่ศึกษาพุทธวจนะแบบตีความผิด
ผมว่า แอด มิน ตั้งหัวโพส ถูกแล้วล่ะครับ เพราะผมฟังจนจบแล้วครับ .พระรุปนี้ เอาคำสอนพระพุทธเจ้า มาสอนก็หลายคำ แต่ก็ยังเอา ความคิดเห็นตัวเองมาเทศน์สอน มันเลยกลายเป้นการพูดย้อนแย้งกันในตัว..มันก็เลยกลายเป็นพระรูปนี้ ไปโจมตีคนที่ศึกษา พุทธวจน ซะอย่างนั้น ตัวพระท่านเองก็บอกเองว่าศึกษาพุทธวจนมาแล้ว แต่มันย้อนแย้งครับเพราะถ้าศึกษามาแล้วก็น่าจะรู้หลักการของตถาคตที่สำคัญมากๆคือ คำสอน ตถาคตจะไม่ขัดแย้งกัน ถ้าท่านรู้หลักการสำคัญนี้ ท่านจะไม่มีคำถามเลยว่าจะรู้ได้ยังไงว่า พุทธวจน เป็นคำสอนจากพระพุทธเจ้าจริงๆ ไปใช่หลัก ว่าคำสอนใหนที่ทำให้ทุกข์ในใจลดลง มันถึงถูก ถ้าเอาหลักการนี้มาใช่ มันก็ผิวเพินไป เพราะมันจะไม่ไปจบลงที่พระพุทธเจ้าสอนยังไง ได้เลย รวมไปถึง หลัก กาลมสูตร 10 ที่พูดแล้วจบลงที่ ห้ามเชื่อแม้แต่เป็นครู แต่ไม่ไปยกคุณสมบัติพระตถาคตว่าท่านมีคุณเลิศมากและต้องเชื่อท่านเท่านั้นเข้าใจกาลสูตรไม่จบแบบนี้ก็พาคนอื่นเข้าใจปืดไปอีก ผมว่าคนที่ศึกษาพุทธวจน จริงๆ ก็แย้งพระรูปนี้ได้แหล่ะ เพราะพุทธวจน หาหลักฐาน เอามาแสดงได้หมด ว่าคำ พุทธวจน ถูกต้องมีหลักฐานยังไง จะไม่มีคำถามแบบ จะรู้ได้ยังไง ว่าพระไตรปิฏก เป็นคำพูด จากปากพระพุทธเจ้าจริงๆแบบนี้หรอกครับ พอพูด แบบนี้ หลักมหาประเทษ 4 หลักที่ว่าคำตถาคต จะไม่มีการขัดแย้งกัน ก็ไม่ยกมาสอน ถ้าบอกว่าท่านศึกษาา พุทธวน มาแล้วแบบนี้หรอกครับ.ก็เลยกลายเป็นว่าใครกันแน่ที่ตัวดี ใครกันแน่ที่โจมตีคนอื่น.ก็อย่างว่า เถียงกันมาเยอะแล้วเรื่องแบบนี้.เอาเป็นว่าใครเอาหลังพิงคำสอนตถาคตได้จริงๆใครพูดอะไรมาคนนั้นก็ตอบโต้กลับได้แหล่ะครับ
กราบนมัสการครูบาฉ่ายครับ...เห็นด้วยกับเรื่องสติรู้ตลอดทั้งวันเพื่อจับทุกความคิดได้ครับ...สาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุๆๆค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุสิ่งที่ท่านพูดคือสัจจะธรรมโดยแท้..สาธุ
ผมไม่เสียใจ ดีใจ อย่างน้อย ได้ฟังสิ่งที่เคยได้ฟัง และก็ไม่ต้องหาเหตจากผู้เก่งกาจจากไหน แค่ฟังแล้ว มีเหตมีผล ผมว่า ผมก็ประเสริฐแล้ว
สาธุๆครับท่านพระอาจารย์ ถูกต้องที่สุดแล้วครับ
กราบสาธุครูบา สอนธรรมได้ถึงใจ ทำให้เกิดปัญญามากครับ
พระอรหันต์ มันรู้ คนละแบบครับ ท่าน อาจารย์ ตำราพุทธวจน สอนระบบขันร์5 เน้นหลุดพ้น มีตำราย่อมดี ข้าพเจ้า พรชัย หลุดพ้น ด้วยอริยะสัจ4พุทธวจน
เราเข้าใกล้ที่สุดจากพุทธวจนแล้วครับตามพระธรรมคำสอน.. ไม่ใช่ตัวบุคคล
กราบสาธุครูบา🙏🙏🙏
28:30 มานะ - สังโยชน์
ศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีการศึกษาโดยลำดับ การปฏิบัติโดยลำดับ สาธุเจริญในธรรมครับ🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุพระอาจารย์เจ้าค่ะ
การเรียนรู้ พระธรรม ต้องดูจริตของจิตทุกอย่างล้วนเป็น แค่ปัจจัย ที่ทำให้เกิดการพิจารณา กฏข้อห้าม ศิล ล้วนแต่จำเป็นสิ่งที่ กระทำจิต เมื่อทำจนบริบูรณ์ โสฬสญาณ 16 จะเกิดขึ้นได้รู้สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต ทุกท่านจะรู้เองยกตัวอย่าง เช่น พระพุทธเจ้าให้ลูบผ้าขาวแล้วเห็นอนิจจัง บรรลุอรหันต์
สาธุ สาธุ สาธุครับ
นัอมกราบสาธูๆๆคะ
อนุโมทนาสาธุครับ ครูบาท่านสอนประมาณว่าธรรมใดๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ท่านเทศน์สอนให้ปล่อยวาง ลดละสละวางอุปทานขันธ์ 5 อุปทาน คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา เรารู้หลักแต่เราไม่ยึดรู้แล้ววางๆ ประมาณนั้น สักแต่ว่า สาธุฯพุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นทฤษฎีเป็นสัญญา ที่ ปุถุชนผู้ได้สดับย่อมฉลาดในธรรม มีพระสูตรซึ่งเป็นพุทธวิธีหลายๆ พระสูตรที่เราไม่รู้เราก็จะได้รู้และเข้าใจมากขึ้นๆ เราเร้มต้นจากการศึกษาธรรมมะที่ถูกต้องตรงทางตรงธรรม ย่อมโอเคกว่า อย่างน้อยก็รู้หลักอริยสัจ 4 เริ่มต้น ที่ เดินมรรค 8 เจริญอานาปานสติสติปัฏฐาน 4 เจริญสัญญา 10 ประการ แบบนี้เป็นต้น มันมีเบื้องต้นเบื้องกลางและเบื้องปลาย เบื้องปลายก็ธรรมใดๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อันนี้จากการอ่านและฟังๆ มา ครับ และก็มีต่อว่า จิตนั่นแหละ คือ ธรรมมะ เห็นจิตก็เห็นธรรมมะ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ เห็นธรรมะผมถึงจะรู้ธรรมะที่เป็นทฤษฎีหลายๆ พระสูตรแต่ก็ยังมีกิเลสตัณหาอุปทานอยู่ เพราะผมขาดความเพียรขาดสติและสมาธิฯ (หยุดคิดปรุงแต่งไม่ได้) ๙.คำสอนของฮวงโป (ขอบวงของพุทธะ) จิตล้วนๆ นี้ ซึ่งเป็นที่กำเนิดของสิ่งทุกสิ่ง ย่อมส่องแสงอยู่ตลอดกาล และส่องความสว่างจ้าแห่งความสมบูรณ์ของมันเองลงบนสิ่งทั้งปวง, แต่ชาวโลกไม่ประสีประสาลืมตาต่อมัน ไปมัวเข้าใจเอาแต่สิ่งซึ่งทำหน้าที่ดู ทำหน้าที่ฟัง ทำหน้าที่รู้สึก และทำหน้าที่คิดนึก ว่าแหละคือ จิต. เขาเหล่านั้นถูกการดู การฟัง การรู้สึก และการคิดนึกของเขาเอง ทำเขาให้ตาบอด เขาจึงไม่รู้สึกต่อแสงอันสว่างจ้าของสิ่งซึ่งเป็นต้นกำเนิดทางฝ่ายจิต. ถ้าเขาเหล่านั้น จะเพียงแต่ได้ขจัด ความคิดปรุงแต่ง เสียชั่วแว็บเดียวเท่านั้น สิ่งซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งปวงดังที่ได้กล่าวนั้น จะแสดงตัวมันเองออกมาทันที เหมือนดวงอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางที่ว่างและส่องสว่างทั่วจักรวาล โดยปราศจากสิ่งบดบังและขอบเขต. เพราะ ฉะนั้น ถ้าพวกเธอซึ่งเป็นนักศึกษาเรื่อง ทาง ทางโน้นมุ่งทำความก้าวหน้าโดยการดู การฟัง การรู้สึก และการคิดนึกอยู่ เมื่อถูกหลอกโดยสัญญาต่างๆ ของเธอเองเสียแล้ว ทางที่เธอจะเดินตรงไปยัง จิต โน้น ก็จะถูกตัดขาดออก และเธอก็จะหาทางเข้าไม่พบ. พวกเธอจงเพียงแต่มองให้เห็นชัดว่า แม้ จิต จริงแท้นั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวรวมอยู่กับสัญญาเหล่านี้ก็ตาม มันก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นส่วนประกอบของสัญญาเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้แยกออกไปต่างหากจากสัญญาเหล่านี้. เธอไม่ควรตั้งต้นการใช้เหตุผลไปจากสัญญาเหล่านี้ หรือยอมให้มันก่อความคิดปรุงแต่งขึ้นมา, แม้กระนั้น เธอก็ไม่ควรแสวงหา จิตหนึ่ง นั้น ในที่ต่างหากไปจากสัญญาเหล่านั้น หรือละทิ้งสัญญาเหล่านั้นเสีย ในการคิดค้น ธรรม นั้นของเธอ. พวกเธออย่าเก็บมันไว้และอย่าทิ้งมันเสีย หรือพวกเธออย่าอยู่ในมัน และอย่าแยกไปจากมัน. เบื้องบนก็ตาม เบื้องล่างก็ตาม และรอบๆ ตัวเธอก็ตาม สิ่งทุกสิ่งย่อมมีอยู่เองตามปรกติ เพราะว่าไม่มีที่ไหนที่อยู่ภายนอกขอบวงของ พุทธะ หรือ จิต นั้น.แปลโดยท่านพุทธทาส ภิกขุ
จิต มโน วิญญาณ คือสิ่งเดียวกันแต่ถูกเรียกต่างกันหรือจิตก็อย่างหนึ่ง มโนก็อย่างหนึ่ง วิญญาณก็อย่างหนึ่ง
กราบสาธุ ตรงดี เจ้าค่ะ
ดีมากมายครับ
เมื่อฝึกสติจนต่อเนื่องรู้ทันความคิดเป๊นอัตโนมัติจะเห๊นจิตแท้(พุทธะ)ชัดเจน-จะเห๊นความคิดชัดเจน-จะเห๊นสภาวะการยึดมั่นในความคิด-จะเห๊นสภาวะที่ไม่ยึดมั่นในความคิด
น้อมกราบนมัสการเจ้าค่ะ
กราบสาธุครับครูบา
ผมมองเรื่องการประพฤติธรรมตามพระธรรมวินัยของพระศาสดานั้นมีเป้าหมาย1.เพื่อปลดทุกข์ภายในตน2.เพื่อช่วยและชี้ทางปลดทุกข์ให้คนอื่นข้อ.1 ปฏิบัติสมถะกรรมฐานวิปัสสนาให้จิตใจเข้มแข็ง มีปราการป้องกันทุกข์ที่จะเกิดจากภายในใจตน และรู้ทันความทุกข์ที่มาจากการภายนอกและข้อ2. เป็นการออกไปประกาศ เชิญชวน ชี้แนะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงการช่วยเหลือสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ให้เขามีกำลังใจ พบกับแสงสว่างของชีวิต เมื่อผู้ประพฤติพรหมจรรย์ได้ปฏิบัติทั้ง2ข้อแล้ว จะเกื้อกูลกันให้ศาสนามีความหมายครอบคลุมต่อสังคมมากยิ่งขึ้น...ไม่ทราบว่าถูกหรือไม่ครับ?
บ้างต่างประเทศเขาถือปฏิบัติไม่กี่ข้อ..เขามีแต่ความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจ..พ่อแม่ครูอาจารย์..ที่สั่งสอนก็มีแต่สิ่งที่ดี..แล้วก็ยกเอาคําสอนจากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น...แต่เอาภาษาให้เขาใจหงายแก่ผู้ฟัง..อินทรีย์ความรู้ไม่เท่ากัน.ต้องใช้อุบายสั่งสอน..แต่เป้าหมายเหมื่อนกัน..ถ้าคนมีปัญญาจะรู้..ไม่ยกตนข่มคนอื่น..คนที่ปฏิบัติตามครูบาอาจารย์มีแต่ได้ดีกันหมด..ความจริงเท่านั้น
สาธุการ
สุดยอดจริงๆท่านครูบาพูดตรงเป๊ะยึดถืออัตตาตัวตนสูงมาก พระคึกฤทธิ์ยึดถืออย่างนั้น ถ้าไม่เชืออย่างที่ตัวเองสอนตามพุทธวจนะจะข่มคนอื่นหมด ว่ารู้ไม่เหมือนตัวเองที่คัดลอกออกมาจากพระไตรปิฏกทั้ง3ตะกร้าแต่อ้างพุทธวจนของตัวเองดีกว่าพระไตรปิฏกทั้ง3ปิฏกทั้งๆที่ตัวเองคัดลอกเฉพาะพุทธพจน์เท่านั้น ถือว่าเนรคุณๆของพระอรหันต์ทั้งหลายที่ท่านทำสังคายนานานหลายร้อยหลายพันปีมาจำมาทางมุขปาฐะทางปากแล้วจึงลงมาบันทึกทางอักษร.ครูยาพูดถูกต้องล้าน%เลย.
ครูบาฉ่ายผมขอกราบสาธุๆๆครับดีมากๆได้ปัญญาไม่หลงงมงาย.
สุดยอดพระหนุ่มที่กล้าชนและพูดตรงและแรงๆสุดๆเลยครับ.
คนหัวอ่อนมีเยอะครับคล้อยตามกันมากแล้วมาทะเลาะกัน.
เถรวาท (เถ-ระ-วาด) ประกอบด้วยคำว่า เถร (เถ-ระ) หมายถึง พระผู้ใหญ่ซึ่งพระวินัยกำหนดว่าต้องมีอายุพรรษาตั้งแต่ ๑๐ พรรษาขึ้นไป เรียกว่า พระเถระ. วาท (อ่านว่า วาด) หมายถึง คำพูด ถ้อยคำ หรือลัทธิ. เถรวาท แปลว่า ถ้อยคำของพระเถระ หมายถึง นิกายหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ถือหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าซึ่งพระอรหันต์พุทธสาวก ๕๐๐ รูป ได้รวบรวมไว้โดยการประชุมสังคายนาพระธรรมวินัย ภายหลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วได้ ๓ เดือน และใช้เวลาสอบทานอยู่ ๗ เดือน ถือเป็นการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก เรียกว่า ปฐมสังคายนา. คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้สังคายนานี้เป็นบ่อเกิดของคัมภีร์พระไตรปิฎกภาษาบาลี พุทธวจนคือคำสอนของพระพุทธเจ้า การที่พระท่านเผยแผ่พุทธวจน ผมว่าก็เป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป เพราะสิ่งที่เราไม่รู้เราก็จะได้รู้ได้ยินได้ฟังได้สดับได้ฉลาดในพระธรรมนั้นๆ หรือรู้ สูตรฯ พุทธวิธีต่างๆ ในการปฏิบัติและสลัดคืนอุปธิทั้งปวงฯ หรือหยุดคิดปรุงแต่งอย่างสิ้นเชิงนั่นเองครับ ท่านแนะนำเลยว่าให้รู้อริยสัจ 4 เจริญอานาปานสติ เจริญสติปัฏฐาน 4 เถิด ระงับปากอกุศลกรรมได้อย่างปราณีต เจริญสติปัฏฐาน 4 เถิด อย่างน้อย 7 วันอย่างมาก 7 ปีบรรลุอนาคามีหรืออรหันต์ได้เมื่อไม่มีอุปทานเหลืออยู่ เจริญอานาปานสติแค่ลัดนิ้วมือเชื่อว่าไม่เหินห่างจากฌาน'' เจริญให้มากกระทำให้มากจะป่วยกล่าวไปใยในผู้ที่เจริญอานาปานสติเหล่า" ผมว่าท่านก็สอนดีทุกอย่างนะครับถ้าเรามีสัมมาทิฐิในการฟังธรรมของท่าน ไม่อคติกับพุทธวจน หรือตัวบุคคลใดๆ หรือยึดมั่นในตัวบุคคลยึดมั่นในความคิดความเห็นของตนหรือยึดอัตตาตัวตนหรือตัวกูของกูเป็นต้น เราก็จะเห็นเป็นธรรมชาติตามกรรมของสัตว์ทั้งหลายไปธรรมะพุทธวจนหรือพระพุทธศาสนาเจริญมากในยุคนี้แต่ปัญหามันอยู่ที่เราไม่เริ่มปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะในจิตใจจริงๆ จิตมนุษย์สุดมหัศจรรย์
ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว อย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.มหาปรินิพพานสูตร มหา. ที. ๑๐ / ๘๙ / ๖๙พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ น. ๔๖๕ สำนึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้นถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตามภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็นมรรคที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค)เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมายที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมา-สัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติขนฺธ. สํ. ๑๗ /๘๑ / ๑๒๕อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น น. ๗๒๑การสอนสั่ง การแต่งเติม คำสอนในพุทธศาสนา ให้ผิดไปจากคำกล่าวของพุทธองค์ย่อมเป็นบาปกรรมที่หนัก จึงขอให้พึงระวังให้ดีนะครับ บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
ธรรมะคือธรรมชาติ...ไม่มีต้นไม้ต้นไหนที่งอกออกมาแล้วแต่แก่น...ต้นไม้ยังมีเปลือกกะพี้เนื้อไม้แก่นไม้..ต้นไม้บางชนิดก็ไม่มีแก่น..ธรรมะถ้าจะเอาแต่แก่นอย่างเดียวนั่นไม่เรียกธรรมะเพราะธรรมะแปลว่าธรรมะชาติ..
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
พวกอ้างพุทธวัจนมาหากินมีมาก คนหลงและเชื่อมีมาก การปฏิบัติศีลสมาธิและปัญญาแน่นอนสุด
กราบอนุโมทนาธรรมค่ะพระอาจารย์
สาธุ🙏🙏🙏
พุทเหมือนกันนะครับ ปัจเจกชนก้อมีต่างความคิด อหิงสาดีที่สุดครับ
ฟังแล้วจุกเลย
พระอรหมุน ตัวจริง
ท้ายที่สุดแล้วธรรมทั้งหลายก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดมั่นถือมั่น 😌.
หลางตาสิ้นคิดสอนถูกหลักพุทธวจน สอนไม่ให้คนงมงาย สาธุ
กราบสาธุสาธุสาธุคะ
สาธุครับ 🙏
ข้อควรละวังอย่าให้อัตตาตัวตนเกิดขึ้นให้รีบวางซิครับ ฟังแต่คำที่พระพุทธเจ้ามันถูกต้องแล้วครับท่าน เพราะพระองค์ให้ศึกษาแต่คำของพระองค์เท่านั้นครับ
นมัสการพระอาจารย์
ถ้ายังว่าใครดีกว่าก็ยังไกลครับ อยู่ในสมมติทั้งนั้น
เราชาวพุทธเลือกศึกษาที่ตรงกับจริตของตัวเราๆเองครับ สื่อมีมากมายให้เราเลือกเสพ เราเลือกได้ครับ อย่าไปสร้างวจีกรรม พระพุทธองค์ท่านว่าไว้ว่าเป็นสิ่งไม่ควรครับ เป็นธรรมขั้นพื้นฐานมาก
ตื่นตัว ตื่นรู้ อ.อริยเจ้า
สาธุค่ะ
ยังอยู่อีกนาน
โดยหลัก ต้องยึดหลักแก่นแท้ของพระพุทธวจนะ ก่อน เราควรมองไปสู่อนาคตเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา ขอให้มั่นคงต่อคำสอนพระพุทธเจ้า อย่าไปยึดติดที่คนถ่ายทอด
...ทางภาคเหนือที่พูดคำว่า "ครูบา" ส่วนมากเห็นลักษณะการแต่งกายก่อนที่จะถ่ายรูปเป็นสัญลักษ์(โลโก้)มักจะมีอาทิเช่นลูกปะคำ พัดใบลาน การนุ่งห่ม...ดูเหมือนจะทำให้คล้ายครูบาศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนา"...ดูเหมือนเป็นการยึดติดรูปลักษณ์เสียมากกว่าการเทศสั่งสอนญาติโยม แต่ท่านพระอาจารย์รูปนี้เราชอบท่านพูดตรงๆดีครับ การนุ่งห่มจีวรก้อปกติดีมากๆเหมือนท่านไม่ยึดติดการนุ่งห่มจรวรแนวครูบาทั้งหลาย
คนลาวและคนอีสาน เรียกพระว่า ครูบา เป็นปกติคะ
@@artcharaakkanit8824 ...ออ...ครับ ขอบคุณครับที่ให้ความรู้
สายวัดป่าหลวงปู่มั่น จะเรียกพระที่พรรษาต่ำ 10 ว่าครูบา ถ้า10 ขึ้นไปเรียกอาจารย์
กราบสาธุค่ะ
พุทธวจนเป็นเบื้องต้นแห่งศรัทธานั้นได้อยู่แต่ความละเอียดของจิตเอาพุทธวจนมาจับถ้าไม่รู้จะแจ้งภายในจิตตัวเอง ละอัตราตัวตนไม่ได้ถือว่าคนอื่นเลวคนอื่นปฏิบัติผิด สิ่งนี้เท่านั้นถูก มันก็ยังหลงทางทั้งนั้น
ทุกวันนี้ พระธรรมคำสอนที่แพร่หลาย มีหลากหลายมากมายจนสับสนไม่รู้ใครถูกใครผิด ปฏิบัติจนหลงทิศหลงทาง จนหาทางออกไม่เจอ พระอาจารย์คนโน้นกล่าวอย่างนี้ อาจารย์คนนี้สอนอย่างนั้น หาจุดจบมิได้ เลยต้องย้อนไปที่ต้นฉบับเดิมไงครับ เอาฉบับของสยามรัฐเลยครับ จะได้ไม่หลงทิศหลงทาง เพื่อเป็นไปในแนวที่ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องมาโจมตีกัน จนหาข้อสรุปไม่ได้ ท่านว่าจริงไหมครับ
ปฏิบัติไปจะเห็นเอง จะไปหลงสัญญาอยู่ทำไม ท่องจำ กัน
@@boy1978 ก็จริงครับ ต้องปฎิบัติด้วย ถ้าจะไปท่องจำโดยไม่ปฎิบัติ การท่องจำย่อมเปล่าประโยชน์ แต่หลายคนปฏิบัติธรรมมานานก็ยังไม่ก้าวหน้าเพราะยังหาหลักไม่ได้ครับ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นครับ
ไม่มีเทปอัดเสียงสมัยนั้นชนาดบางทีมีเทปอัดยังฟังกันคนละเรื่อง
@@yasawadee7231 ในตำราที่บันทึกไว้นะครับท่าน พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ต้องเชื่อแต่ให้เธอลองมาฝึกปฏิบัติดูกันเอาเถิดฯ ท่านแนะนำให้ดูอริยสัจ 4 เจริญอานาปานสติเถิด เจริญสติปัฏฐาน 4 เถิด ระงับปากอกุศลกรรมได้อย่างปราณีตฯ เหมือนสมัยเด็กๆผมไปเรียนหนังสือมีกไก่ขไข่วิชานู้นวิชานี้ผมก็ศึกษาจากตำราและครูที่สอนๆ กัน มันก็มีทฤษฎีและปฏิบัติผมก็เริ่มเข้าใจและมีปัญญาในทางโลกมากขึ้นๆ เป็นธรรมดา ของการศึกษาและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผมไม่เคยเห็นไดโนเสาร์แต่ผมก็เชื่อว่าไดโนเสาร์นั้นมีอยู่ ฉันใดก็ฉันนั้นฯผมเริ่มลองมาปฏิบัติเจริญภาวนาพุทโธๆ แรกๆมันเกิดนิมิตขึ้นมาลอยเป็นดวงอาทิตย์อยู่กลางหน้าผากมหัศจรรย์มากๆ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะผมได้เห็นผมก็เริ่มมีกำลังใจในการปฏิบัติ พอผมเริ่มทำอานาปานสติมีสติรู้ลมหายใจเข้าออกๆ ผมก็เห็นลมหายใจเป็นแสงสว่างๆ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์เพราะไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน และผมก็บังเอิญฯ เห็นร่างกายมันแยกออกมาจากกันเหมือนร่างกายมันซ้อนๆ กันอยู่เห็นร่างกายเป็นโพรงๆ ใสๆ ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรแต่มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าร่างกายหรือรูปมันไม่ใช่ของเราจริงๆ มันเห็นแล้วมันก็ติดตาติดใจมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับแบบบังเอิญๆ ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติท่านว่านามกายมันแยกออกมาจากกาย มันเหมือนกับเราสแกนร่างกายด้วยกล้องทันสมัยๆ ลองฝึกทำดูเอาเองครับจิตใครจิตมันตัวใครตัวมันกรรมใครกรรมมันทำได้เต็มที่ก็เป็นแค่ผู้บอกต่อเฉยๆพระสูตรนี้ : "นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาว เมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น"แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันเมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้าย่อมสำเหนียกว่าเราจักระงับกายสังขารหายใจออกย่อมสำเหนียกว่าเราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค.ดูกรภิกษุทั้งหลาย "เรากล่าวลมหายใจออกลมหายใจเข้านี้ว่าเป็นกายชนิดหนึ่งในพวกกาย""ถ้าภิกษุเจริญอานาปานสติแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้กระทำให้มากซึ่งอานาปานสตินั้นเล่า"อานาปานสติ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๒๒๔ หน้า ๔๒
@@traiwat12345lawer ทฤษฎีธรรมะก็คือสัญญา แต่เป็นสัญญาในสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นชอบ ซึ่งครอบคลุมอีก 7 มรรค ยกตัวอย่างเช่น สัญญา 10 ประการ อุปมาว่า เราไม่ได้เข้าไปอยู่ในสัญญา แต่เราก็ไม่ได้ออกมาจากสัญญาเรานั้นในการคิดค้นธรรมะนั้นของเรา และเราก็ไม่ปล่อยให้สัญญานั้นมันก่อความคิดปรุงแต่งขึ้นมา หรือ ธรรมใดๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เห็นจิตก็เห็นธรรมะ จิตเห็นจิตเป็นมรรค
อย่าไปพูดให้คนอื่นเลยครับคนอื่นจะเป็นอย่างไรช่างเถิด เรารู้ว่าตัวเองหลุดพ้นแล้วก็พอครับ
รู้จริงครับ
ใช่แบบพระพุทธเจ้าตรัสเลยอย่าเชื่อในสิ่งที่พูดที่เห็นจนกว่าจะพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
สาธุๆๆ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุในธรรมเจ้าค่ะ กราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
แย่แล้วความคิดตัวเองทั้งนั้นเอาพระสูตรมาอธิบายคงจะดีนะครับ
พุทธวจนะแท้ คือ พระบาลี ส่วนการแปลไทยมีความผิดพลาดได้ ไม่ถูก 100 เปอร์เซ็นหรอก แต่การแปลไทยก็สำคัญและมีประโยชน์สำหรับผู้ไม่รู้พระบาลีอย่างมาก ใครศึกษาพุทธวจนนั้นดีแล้ว แต่อย่ายึดมั่นถือมั่น และข่มผู้อื่นเลย เร่งน้อมนำไปปฏิบัติเถิด
@@นู้นนี้นั้นขําๆน่ะ ผมไม่ได้ว่าพระเลย คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมหมายถึงคนที่รู้พุทธวจนะ แล้วมาข่มระรานผู้อื่นนี่ไม่ดีเลย เราควรเผยแผ่พุทธวจนะด้วยเมตตาธรรมจะดีกว่า
สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นครับ พระพุทธเจ้าพูดไว้
@@MrArthas284 มันเป็นเรื่องของใจ ภายนอกทำหน้าที่ปกติ ทำให้ดีที่สุดด้วย ปล่อยวาง ไม่ใช่ปล่อยทิ้งคุณ เคป่ะ
@@MrArthas284 คำสอนพระพุทธเจ้า เปรียบเสมือนพวงแพที่ใช้ข้ามฝั่ง เมื่อข้ามฝั่งได้แล้ว ก็ไม่มีใครแบกเอาพวงแพนั้นทูนหัวแล้วเดินไปดอก มีแต่วางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วเดินไปด้วยความเป็นอิสระ
@@MrArthas284 ใช่ผมบอกว่าไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น แต่ผมไม่เคยบอกว่าให้ปล่อยทิ้งการทำหน้าที่ และไม่เคยบอกให้ปล่อยทิ้งการดูแลร่างกาย อันนี้ไม่เคยพูด มีแต่คุณพูดไปเอง คนเราเจ็บป่วยก็ต้องรักษา ร่างกายก็เอาไว้ทำประโยชน์ ไม่เห็นว่าต้องไปยึดมั่นถือมั่นเลย เหมือนเสื้อผ้าไม่เห็นว่าต้องยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเราเลย แค่ใส่ปกปิดร่างกายได้ ดูแลซักทำความสะอาดก็พอแล้ว
สอนไปเรื่อยๆสร้างบารมีไปเรื่อยๆ คนเข้าใจก็เข้าใจคนไม่เข้าใจมีทิฐิก็มี
และมีสติปัญญาญานรอบรู้อีกว่า-สภาวะมีความคิด-สภาวะที่ไม่มีความคิด-ก๊ไม่ควรยึดมั่น-จะรู้เลยว่าจิตแท้ก๊ต่างหาก-ความคิดก๊ต่างหาก
จากการพบความจริงแท้ด้วยการปฏิบัติจะรู้เลยว่าครูบาพูดได้ตรงกับคำสอนที่แท้จริงอย่างไม่มีความคิดสงสัยเลยเพราะธรรมย่อมที่ถูกต้องย่อมรับรู้ได้
แนะนำเปลี่ยน หัวข้อหน้าปกใหม่ครับ เพราะเนื้อเรื่องคนละประเด็น อาจทำให้เสียครูบาร์อาจารย์
เอาอย่างนี้ก้อกัน..เอาอ.คึกฤทธิ.มาพุดทีสนามหลวงใครจะพุด.และมีคนฟังมากกว่ากัน.เ อทคนละวันไปเลย..และล้างสมองคน.เคยฟังพุทธวจนะไม่ได้ดอก.แต่.ดีทั้ง2อาจารย์นั้นแหละ.กราบทั้ง2อาจารยผครับ
ครูบาไม่ได้ว่า พระคึกฤทธิ์ ท่านตอบคนที่ "จงใจแต่งคำถาม" ล่อให้ครูบา ด่าพระคึกฤทธิ์ แต่ท่านก็ตอบแบบปกติ กระนั้นเจ้าของคลิป ก็พยายาม ด้วยการ "แปะข้อความ" บนคลิป ให้เหมือน ครูบา "เจาะจง" ด่า คนเผยแพร่พุทธวจน ผลคือ มีคนฟังที่ด่ากลุ่มพุทธวจนไป นมัสการครูบาไป ผลที่หวังได้คือสุขคติ
หลงพระธาตหลงอารมณ์ตนเองแล้ว
ครูบาเตือนชาวพุทธทุกสำนัก ทุกสาย ไม่ใช่แค่พุทธวจน นะครับ แต่เห็นชัดว่าเจ้าคลิปกล่าวตู่ครูบา ตั้งแต่ปกคลิป คำถามในคลิป เกิดได้จากนักปฏิบัติทุกสำนักครับอย่างตอนนี้ สำนักที่เขียนหน้าปก "เป็นชาวพุทธรึเปล่า"อันนี้เจ้าลัทธิ เป็นเองเลยใครได้ยินเรื่องพุทธวจน แล้วอกุศลจิตเจริญ มารจะได้ช่องครับ ส่วนศิษย์อาจารย์ สายพุทธวจน คงไม่กระเทือนขอเจาะลึก สายพุทธวจน จะพูดถึง "สังโยชน์ 10" บ่อย ซึ่งจริงๆ ละได้แค่ 3 ก็โสดาบันแล้ว มันสุดๆ ของชาวพุทธในชาตินี้แล้ว แต่ฟังเทศของสำนักนี้ จะมาเต็มทั้ง 10 ข้อ เพื่ออธิบาย พระสกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ผลคือ สังโยชน์ตัวที่ 8 "มานะ" = ความถือตัว ว่าดีกว่า เลวกว่า เสมอกันสายพุทธวจน จะสอนตัวนี้บ่อยมาก ก็คือพวกดูถูกคนอื่น สายนี้ห้ามเด็ดขาดสรุปคือ สอนกันอยู่แล้ว เรื่องไม่ให้คนอื่นด้อยกว่าเราส่วนสาวก จะออกนอกลู่นอกทาง ก็เกิดได้ทุกสำนัก
ส่วนมากพวกศึกษาพุทธวจน เขาศึกษาเอาไว้ติคนอื่นที่ไม่ทำตามในหนังสือที่เขาอ่าน แต่เขาไม่ปฏิบัติ ส่วนมากเอาไว้ติคนอื่น แทนที่จะศึกษาแล้วปล่อยวางดันเอาได้ติเตียนคนอื่น คนอื่นเขาปฏิบัต คนอ่านๆเอาไว้ติคนอื่น
จากหัวข้อให้ฟังตั้งแต่นาที 37. ค่อยๆพิจารณาดูครับ “ต้องลองชิมดู” 😊
สอนใจตนเองเถอะนะ
ใจท่านทำไมรุ่มร้อน ครูบา
มีแต่อัตตา ตัวตน เป็นคำพูดของปุถ่ชน
รู้ไปหมด ใครคิดแตกต่าง โดนว่าโง่ เขาทำมาตามโบราญตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด อย่าดูถูกความเชื่อของ บรรพบุรุษ ที่ทำมาช้านาน
เพิ่งรู้นะครับ อาจารย์ ว่ากระแสไฟสถิต มัน สปาร์ค ผมเองเป็นพวก สวดมนต์ เรียนรู้ ธรรม ภาวณาด้วยตามกำลังสติ ช่วงมันเป็นเเตะใคร นี้ ช๊อตหมดครับ พักหลักนี่ ไม่มีครับ รู้เลยเพราะใจอ่อนกำลัง โดนความเศร้าหมองกิเลส คอบงำ อืมมมม ใจมันอ่อน กำลัง ...
ไม่อยู่ที่รู้มากรู้น้อยแยู่ที่การปฏิบัติสำเร็จรู้เห็นมากแค่ไหน แม่ชีบางท่านอ่านแทบไม่ออกเขียนแทบไม่ได้แต่ท่านปฏิบัติจนบรรลุธรรม คนที่ถึงขั้นจะเกิดจากความรู้ธรรมผุดขึ้นมาในใจ ไม่ได้ไปยึดติดกับตำรามากเกินไป เหมือนคนเก่งทฤษดีว่ายน้ำแต่พอดรือจมกลับจมน้ำตายเพราะมัวแต่เปิดดูตำราดูวิธีการว่ายน้ำ
@@MrArthas284 แม่ชีถือว่าเป็นอุบาสิกาค่ะ
เนื้อไม้คืออะไรครับครูบา
จากที่ผมศึกษาพุทธวจน และพระสิ้นคิด
เห็นเป็นอย่างเดียวกัน คือเชื่อกรรมเชื่อผลของกรรม ไม่เชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง หลักการปฏิบัติก็เหมือนกันคืออาณาปานสติ ดูการเกิดดับ ความไม่เที่ยงของจิต ต่างกันแค่วิธีการสื่อสาร ซึ่งพุทธวจน จะละเอียด และอธิบายอย่างเป็นระบบตามคำพระศาสดาเป๊ะๆ แต่พระสิ้นจะอธิบายแบบบ้านๆ ตามประสบการณ์ของพระแต่ละรูป แต่ผู้ที่รู้คนแรกและเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย คือพระพุทธเจ้า ศาสนานี้เกิดได้เพราะคำสอนของพระองค์ ธรรมะของพระองค์เป็นอกาลิโก จากที่ศึกษาและปฏิบติ ผมยืนยันได้เลยว่าทั้ง2สำนักนี้สอนตามหลักศาสนาพุทธอย่างแท้จริง ต่างกันแค่วิธีการสอนและการพูดครับ ผิดพลาดอย่างไร ขออภัยด้วยครับ สาธุครับ
ศึกษามาแล้วก็มองต่างมุมใช้ไหมครับ
เช่นเดียวกันครับ เพียงแต่สองท่านยังไม่ยอมลองมาสนทนากัน ให้เข้าใจกัน
กราบสาธุคูบา
ผมก็ชอบฟังพุทธวจนเหมือนกันนะครับ แต่พอคนรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้นผมรู้สึกว่าคนที่รู้ธรรมหลายๆคนมักจะติดความเป็นตัวตนจนลืมว่าจริงๆแล้วศาสนาสอนให้คนพ้นทกข์
ด้วยบุคลิกท่านหลายคนอาจจะหมั่นไส้ (เพราะตอนแรกเราก็เอ๊ะ)...แล้วเราก็เลยเปิดใจฟังมาเรื่่อยๆ ซึ่งเราสัมผัสได้ว่า ท่านคือของจริง
เหมือนผมพอได้ฟังธรรมรับรู้ได้เช่นเดียวกับ ฟังหลวงตามหาบัว มันเหมือนจากจิตสู่จิต. ดีที่ไม่พลั้งปาก
นี่แหละพระอาจารย์ท่านก็บอกว่าอย่าไปตัดสินคนอื่น
มีพระอาจารย์ผมบอก ถ้าปฏิบัติจนจิตรวมสงบแล้วจะเข้่าใจไม่มานั่งเถียงกัน คนที่อ่านตำรามามากก็จะมาติคนอื่นว่าไม่ทำตามพุทธวจน อย่างที่ครูบา ว่าละครับ ไม่ถูกใจใคร ขออภัยด้วยครับ สาธุๆกับครูบาด้วยครับ ที่ออกมาพูดตรงๆ
ปัญญาท่านเฉียบเเหลมครับ พระอริยะ กราบสาธุการในธรรม
กราบอนุโมทนาสาธุ เจ้าค่ะ
พิสูจน์ดูก็ดี ฟังพุทธวจนแล้วเอามาปฏิบัติ ครับ
ระวังทิฏฐิที่ว่า “ไม่ต้องไปศึกษาพุทธวจนะ” นะครับ
สิ่งนี้จะนำความฉิบหายมาแก่มหาชนที่มาฟังช่องนี้
บางคนตามฟังเพราะความที่ไม่ได้ศรัทธาพระพุทธเจ้าก็มี
ดันไปศรัทธาพระที่อยู่ตามช่องยูทูปมากกว่าศาสดา
มันค่อนข้างสาวกภาษิตเกินไปนะครับ
และนี่เป็นความเสื่อมไปของพระสัทธรรม
ฉะนั้น ระวังทิฏฐิแบบนี้ให้ดี อย่าอ้างเพื่อที่จะไม่ศึกษา
การรู้จักคำสอนพระศาสดาไว้บ้าง เป็นสิ่งที่ควรกระทำครับ
ไม่ใช่ไปจำแต่คำสาวกที่พูดประกอบมิจฉาทิฏฐิบ้าง
ไปสอนไม่ให้พระฉันมื้อเดียว กินมันไป3มื้ิอเยี่ยงฆารวาส
สอนให้วางทุกอย่าง ทั้งๆที่กิเลสยังหนาเตอะ ระวังนะครับ
โยนิโสมนสิการให้ดีๆ สาธุชนที่เข้ามาฟัง
ผมไม่ได้บอกว่าพระท่านไม่ได้ดีทั้งหมดนะครับ
มุมที่ดีผมก็ศึกษา แต่ก็ใคร่ครวญในส่วนที่แปลกด้วย
ฉะนั้น อย่าสักแต่ฟังครับ โอปนยิกโกกันด้วย
คนเก่งอย่าอวดดี อวดเก่ง แต่สามารถบอกธรรมให้ได้ แบบแบ่งปันพอแล้ว ถ้าคิดว่ารู้มากกว่า คิดว่าของข้าถูกต้อง ก็ทางสายกลาง แล้วที่ที่เหลือ ทุกคนก็ต้องรู้ลมหายใจ ผมเข้าใจแค่นี้ ที่สุดแล้ว
แต่ละท่านแย้งเปลือกแย้งกระพี้ทำไมไม่พูดถึงศีลสมาธิปัญญาที่เป็นหลักอย่าบ้าหอบฟางเหมือนครูบาท่านสอนหล่ะเอาความจริงมาพูดกันและนำมาปฏิบัติใช่นำมาพูดอวดภูมิที่ตนได้อ่านมาครับ กราบคารวะครูบาฉ่ายครับ🙏🙏🙏
โยมเองก็ฟังพุทธวจนคะ แต่ฟังแบบวิเคาะ และน้อมเจ้ามาหาตนปฏิบัติตาม ชีวิตดีขึ้น แต่จะไม่เอาไปข่มคนอื่น สิ่งที่เหมื่อนกันก็คือ อานาปานสติ
พุทธจน ก็เหมือน กับ กาย การปฏิบัติ ก็เหมือน กับจิต พึ่งพาอาศัย กัน ขาดกันไม่ได้ พุทธวจน เหมือนกายที่กิน ข้าว ไม่สามรถรุ้ชาตได้ จิตที่รุ้รสชาต ที่กายขบเคี้ยว ส่ง มาให้จิต รับรุ้รส และปรุงแต่ง กายเปรียบเหมือน แผนที่ ชี้ทาง เปนเครื่องมือ ไห้จิตมาอาศีย ศึกษา เรียนรุ้ ชั่วคราว แล้วดับตาย ไป สลาย แยกธาตุคืนสุ่ความความว่าง..เปล่า ถุกดูดกลืนไปรวมเป็น ชิ้นเดียวกัน อยุ่ในสภาวะรุ้ที่ นิ่งเฉย สงย เงียย ไม่มีตัวตน ว่าง ไร้ขอบเขต เหมือนคนเปนใบ้ ได้ แค่ รุ้ แค่ดู เเค่เห็น หน้าที่ของเขา มีแค่นั้น สภาวะรุ้ที่ คงที่ เขาเป็นธรรมชาติรุ้ของเขา อยุ่อย่างนั้นเอง ถ้า เรา ปฏิบัติเข้า ไปเจอ ผุ้รุ้ ว่า เขาอยุ่ ลักษณะเช่นไร เรา จะได้คำตอบ ด้วย ตัว เราเอง ว่า ที่ เขาว่า เรา ไม่มีตัวตนนั้น เป็นอย่างไร ... ลองหยิก ตัวเองดูก็ได้ ไห้กายมันตอบ .. กายไม่ตอบนะ สิ่งที่ตอบ ว่า เจ็บนะ คือ จิต ที่มันตอบอยุ่ ภายใน ..
ครูบาฉ่ายพูดถูกครับ ผมก็ศึกษา
🤍พุทธวจน เหมือนกัน😊 แต่สำหรับผมทำให้รู้ว่า พุทธศาสนา สอนเรื่องอะไร ก็พอ ก็ได้ คำว่า ดูจิตใจตัวเองก็พอ จากหลวงพ่อชา😊 ,บางคนก็เป็นแบบที่ครูบาพูดเหมือนกัน ยึดถือตนรู้มาก บางทีผมฟังแล้วก็รู้สึกละอายอยู่😅
@@MrArthas284 ไปพร่ำไกลๆ
หมาบ้าคัมภีร์เก่าแล้ว 1
@@chaliemhee180 ศึกษาคำภี แล้วก็วาง ปฏิบัติ ดูจิตดูใจ ตัวเอง อย่าไปเที่ยว กัดใครติติงใคร ขอบคุณครับ🥰
สิ่งไหนใช่รับไว้ ไม่ใช่ทิ้งเสีย ไม่ต้องเถียงกัน
@@MrArthas284 ระวังนะติเตียนครูบาท่านสอนอะไรอยู่ตอนนี้
สาธุครับ พวกมีอัตตาตัวตน แสงหาการยอมรับ โดนใจจริง ๆ ครับ
ท่านพูดชัดตรงประเด็น กลุ่มที่ท่านพูดถึงลองทบทวนไตร่ตรองอย่างเข้าใจตรงไปตรงมา จะคลายทิฐิมานะได้นะครับ
เรานับถือศาสนาพุทธ❤
ท่านเทศน์ได้ถูกต้องเฉียบขาด ขออนุโมทนาครับ
คนรู้ธรรมะชอบเอาชนะคนอื่น
คนมีธรรมะชอบเอาชนะใจตนเอง.
โมทนาสาธุสาธุ
ใช่ครับผมเห็นด้วยกับครูบา เขาบอกต้องฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น ห้ามฟังธรรมจากสาวก แล้วถ้าพระพุทธองค์ไม่ให้ฟังธรรมจากสาวก ถ้างั้นพระองค์จะเผยแพร่ธรรมตั้งแต่แรกทำไม ถ้าเป็นงี้ธรรมะคงไม่บันทึกไว้ในพนะไตรปิฎกให้คนได้ศึกษากันหรอก แล้วมีเพจนึง ซี่งเพจนี้ชอบโจมตีพระสำนักอื่น ชอบตำหนิพระรูปอื่นที่สอนต่างไปจากตน(เพจไหนทุกคนน่าจะรู้กันดี ไม่อยากเอ่ยชื่อ) ซึ่งผมไม่โอเคและยอมรับไม่ได้เอามากๆ
พระพุทธวจน บันทึก โดยพระสงฆ์ //ถ่ายทอดโดยพระสงฆ์ แล้วจะไม่ให้ เคารพ พระสงฆ์ สาวก?? ย้อนแย้งมั้ยครับ??
สาธุครับ ครูบา กล่าวถูกต้องแล้ว ดีแล้ว ขอนมัสการด้วยความเคารพครับ
สาธุครับ ธรรมเทศนาขององค์ครูบา แจ่มแจ้งยิ่งนัก สาธุครับ
หลายสาย หลายอย่าง หันมาศึกษาพุทธวจนเถิดผู้ใฝ่ธรรม สาธุ
ส่อเสียดภิกษุอี่น..ต้องปาจิตตีย์..
หลักในการนับถือพระศาสนา..
เรียนรู้..เข้าใจ..เข้าถึง(บรรลุธรรม)..และพัฒนาจนสุดทาง..เจริญธรรม
สาธุอนุโมทามิ ...สาธุครับ
พุทธ วจนะ คือคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของใคร หรือสำนักใด ครับ
ทุกคนที่เป็นชาวพุทธก็ล้วนแต่ศึกษาพุทธวจนกันทั้งหมดและครับ เพราะพุทธวจน ก็อยู่ในพระไตรปิฏก(แต่ไม่ใช่ทั้งหมด) แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองศึกษาพุทธวจน แต่บอกว่าตัวเองศึกษามาจากพระไตรปิฏก อานาปานสติที่หลวงตาท่านเอามาสอนก็ได้มาจาก พุทวจนในพระไตรปิฏก สติปัฏฐาน๔ ก็ได้มากจากพุทธจนในพระไตรปิฏก ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ล้วนเอามาจากพุทธวจนในพระไตรปิฏกทั้งนั้น แต่เวลาจะด้อยค่าคนอื่น มักจะพูดว่า ไอ้พวกจำตำรามาพูดบ้าง รู้จำไม่รู้จริงบ้าง คนที่จำเอาคำพระศาสดาตัวเองมาสอนมันไม่ดีหรือ คิดว่าแต่ตัวเองปฏิบัติคนเดียว คนที่เขาศึกษาพุทวจในพระไตรปิฏกเขาไม่ได้ปฏิบัติหรือไง เขาก็ปฏิบัติเหมือนกัน แต่เวลาเขามาเทศบอกมาสอนคนอื่น เขาไม่เอาสภาวะจิตของตัวเองมาสอน เพราะท่านบอกว่า มันไม่เลิสเท่ากับคำสอนที่เป็นขององค์พระศาสดาของเรา
จริงที่สุดครับ สาธุครับ
อนุโมทนาสาธุ…คนรู้ธรรมะ(พุทธวจน)ชอบเอาชนะคนอื่น คนมีธรรมะชอบเอาชนะตัวเอง
น้อมกราบครูบาฉ่ายค่ะ
แอดมินครับ..ขึ้นหน้าปกว่า..ครูบาเตือนผู้ศึกษาพุทธวจน อาจจะเป็นประเด็นระหว่างสำนัก ก็ได้นะครับ.. เพราะประเด็นมันมีอยู่นิดเดียวว่าครูบา เคยศึกษา เคยฟังซีดี พุทธวจน จนเกิดรู้สึกอัตตาตัวตนของตัวเองว่า รู้มากกว่าคนอื่น มีอีโก้มากกว่าคนอื่น เมื่อรู้เท่าทัน ก็วางอัตตาของตัวเองลง ก็เท่านั้น.นะครับ กลัวจะกระทบกับสำนักอื่น ครับ..ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุปัจจัย..ของมันอยู่แล้ว..กว่าจะมาเป็นพุทธวจน.. ก็มีเหตุมีปัจจัย ...กว่าจะมาเป็นพระสิ้นคิด..ก็มีเหตุมีปัจจัย..มีที่มาแตกต่างกัน...แต่ที่สองสำนักนี้สอนเหมือนกัน..ตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้า.คือการดูลม อาณาปานสติ ฆราวาสผู้ครองเรือน..ผู้มีเวลาน้อย...ไม่มีเวลาศึกษาอ่านพระไตรปิฎกเป็นเล่มๆ อยากรู้ธรรมด้านปริยัติ เปิดยูทูปดู,.พุทธวจน.. ก็เข้าใจได้เร็วดี รู้ปริยัติที่พอจะเข้าใจแล้ว อยากปฏิบัติ ก็เปิดดูยูทูป..พระสิ้นคิด..ลงมือปฏิบัติ เพื่อทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น..ก็น่าจะทำได้...นะครับ ขอบคุณครับ....
การเขียนหน้าปกไม่เข้าเลยนะ ผมฟังพุทวจนทำให้ผมตาสว่างแต่ก็ไม่เคยไปข่ม
คนอื่น พุทวจนสอนรู้จักการ ละ ผลัดสะให้เร็ว
@@ขลุ่ยมนต์ขลังคนภูพาน ผมก็ชอบฟังพุทธวจนะ และผมก็ชอบฟังเพจพระสิ้นคิดเช่นเดียวกัน ผมว่ามันอยู่ที่คนมากกว่าในเรื่องประเด็นตรงนี้ ผมว่าหลักโอวาทปาฏิโมกข์สำคัญมากนะสำหรับนักเผยแผ่ธรรม ส่วนเรื่องการตีความของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ผมก็ไม่ได้เชื่อและเห็นด้วยกับท่านทุกอย่าง แม้แต่พระอาจารย์สินทรัพย์ผมก็ไม่ได้เชื่อและเห็นด้วยกับท่านทุกอย่างเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องการสูบบุหรี่ออกสื่อ พ่นควันใส่ผู้อื่น ผมว่ายังไงมันก็ไม่เหมาะ เพราะบางคนนี่แพ้ควันบุหรี่มาก
ใช่หัวข้อ...ควร...
ตั้งหัวข้อผิดพลาดอย่างแรง ที่จริงควรตั้งหัวข้อว่า ครูบาฉ่ายเตือนผู้ที่ศึกษาพุทธวจนะแบบตีความผิด
ผมว่า แอด มิน ตั้งหัวโพส ถูกแล้วล่ะครับ เพราะผมฟังจนจบแล้วครับ .พระรุปนี้ เอาคำสอนพระพุทธเจ้า มาสอนก็หลายคำ แต่ก็ยังเอา ความคิดเห็นตัวเองมาเทศน์สอน มันเลยกลายเป้นการพูดย้อนแย้งกันในตัว..มันก็เลยกลายเป็นพระรูปนี้ ไปโจมตีคนที่ศึกษา พุทธวจน ซะอย่างนั้น ตัวพระท่านเองก็บอกเองว่าศึกษาพุทธวจนมาแล้ว แต่มันย้อนแย้งครับเพราะถ้าศึกษามาแล้วก็น่าจะรู้หลักการของตถาคตที่สำคัญมากๆคือ คำสอน ตถาคตจะไม่ขัดแย้งกัน ถ้าท่านรู้หลักการสำคัญนี้ ท่านจะไม่มีคำถามเลยว่าจะรู้ได้ยังไงว่า พุทธวจน เป็นคำสอนจากพระพุทธเจ้าจริงๆ ไปใช่หลัก ว่าคำสอนใหนที่ทำให้ทุกข์ในใจลดลง มันถึงถูก ถ้าเอาหลักการนี้มาใช่ มันก็ผิวเพินไป เพราะมันจะไม่ไปจบลงที่พระพุทธเจ้าสอนยังไง ได้เลย รวมไปถึง หลัก กาลมสูตร 10 ที่พูดแล้วจบลงที่ ห้ามเชื่อแม้แต่เป็นครู แต่ไม่ไปยกคุณสมบัติพระตถาคตว่าท่านมีคุณเลิศมากและต้องเชื่อท่านเท่านั้นเข้าใจกาลสูตรไม่จบแบบนี้ก็พาคนอื่นเข้าใจปืดไปอีก ผมว่าคนที่ศึกษาพุทธวจน จริงๆ ก็แย้งพระรูปนี้ได้แหล่ะ เพราะพุทธวจน หาหลักฐาน เอามาแสดงได้หมด ว่าคำ พุทธวจน ถูกต้องมีหลักฐานยังไง จะไม่มีคำถามแบบ จะรู้ได้ยังไง ว่าพระไตรปิฏก เป็นคำพูด จากปากพระพุทธเจ้าจริงๆแบบนี้หรอกครับ พอพูด แบบนี้ หลักมหาประเทษ 4 หลักที่ว่าคำตถาคต จะไม่มีการขัดแย้งกัน ก็ไม่ยกมาสอน ถ้าบอกว่าท่านศึกษาา พุทธวน มาแล้วแบบนี้หรอกครับ.ก็เลยกลายเป็นว่าใครกันแน่ที่ตัวดี ใครกันแน่ที่โจมตีคนอื่น.ก็อย่างว่า เถียงกันมาเยอะแล้วเรื่องแบบนี้.เอาเป็นว่าใครเอาหลังพิงคำสอนตถาคตได้จริงๆใครพูดอะไรมาคนนั้นก็ตอบโต้กลับได้แหล่ะครับ
กราบนมัสการครูบาฉ่ายครับ...เห็นด้วยกับเรื่องสติรู้ตลอดทั้งวันเพื่อจับทุกความคิดได้ครับ...สาธุ
กราบอนุโมทนาสาธุๆๆค่ะ
กราบอนุโมทนาสาธุสิ่งที่ท่านพูดคือสัจจะธรรมโดยแท้..สาธุ
ผมไม่เสียใจ ดีใจ อย่างน้อย ได้ฟังสิ่งที่เคยได้ฟัง และก็ไม่ต้องหาเหตจากผู้เก่งกาจจากไหน แค่ฟังแล้ว มีเหตมีผล ผมว่า ผมก็ประเสริฐแล้ว
สาธุๆครับท่านพระอาจารย์ ถูกต้องที่สุดแล้วครับ
กราบสาธุครูบา สอนธรรมได้ถึงใจ ทำให้เกิดปัญญามากครับ
พระอรหันต์ มันรู้ คนละแบบครับ ท่าน อาจารย์ ตำราพุทธวจน สอนระบบขันร์5 เน้นหลุดพ้น มีตำราย่อมดี ข้าพเจ้า พรชัย หลุดพ้น ด้วยอริยะสัจ4พุทธวจน
เราเข้าใกล้ที่สุดจากพุทธวจนแล้วครับตามพระธรรมคำสอน.. ไม่ใช่ตัวบุคคล
กราบสาธุครูบา🙏🙏🙏
28:30 มานะ - สังโยชน์
ศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้
ก็เพราะมีการศึกษาโดยลำดับ การปฏิบัติโดยลำดับ สาธุเจริญในธรรมครับ🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุพระอาจารย์เจ้าค่ะ
การเรียนรู้ พระธรรม ต้องดูจริตของจิต
ทุกอย่างล้วนเป็น แค่ปัจจัย ที่ทำให้เกิดการพิจารณา กฏข้อห้าม ศิล ล้วนแต่จำเป็นสิ่งที่ กระทำจิต เมื่อทำจนบริบูรณ์ โสฬสญาณ 16 จะเกิดขึ้น
ได้รู้สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต ทุกท่านจะรู้เอง
ยกตัวอย่าง เช่น พระพุทธเจ้าให้ลูบผ้าขาวแล้วเห็นอนิจจัง บรรลุอรหันต์
สาธุ สาธุ สาธุครับ
นัอมกราบสาธูๆๆคะ
อนุโมทนาสาธุครับ ครูบาท่านสอนประมาณว่าธรรมใดๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ท่านเทศน์สอนให้ปล่อยวาง ลดละสละวางอุปทานขันธ์ 5 อุปทาน คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา เรารู้หลักแต่เราไม่ยึดรู้แล้ววางๆ ประมาณนั้น สักแต่ว่า สาธุฯ
พุทธวจน คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นทฤษฎีเป็นสัญญา ที่ ปุถุชนผู้ได้สดับย่อมฉลาดในธรรม มีพระสูตรซึ่งเป็นพุทธวิธีหลายๆ พระสูตรที่เราไม่รู้เราก็จะได้รู้และเข้าใจมากขึ้นๆ เราเร้มต้นจากการศึกษาธรรมมะที่ถูกต้องตรงทางตรงธรรม ย่อมโอเคกว่า อย่างน้อยก็รู้หลักอริยสัจ 4 เริ่มต้น ที่ เดินมรรค 8 เจริญอานาปานสติสติปัฏฐาน 4 เจริญสัญญา 10 ประการ แบบนี้เป็นต้น มันมีเบื้องต้นเบื้องกลางและเบื้องปลาย เบื้องปลายก็ธรรมใดๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อันนี้จากการอ่านและฟังๆ มา ครับ และก็มีต่อว่า จิตนั่นแหละ คือ ธรรมมะ เห็นจิตก็เห็นธรรมมะ เห็นปฏิจจสมุปบาท คือ เห็นธรรมะ
ผมถึงจะรู้ธรรมะที่เป็นทฤษฎีหลายๆ พระสูตรแต่ก็ยังมีกิเลสตัณหาอุปทานอยู่ เพราะผมขาดความเพียรขาดสติและสมาธิฯ (หยุดคิดปรุงแต่งไม่ได้)
๙.คำสอนของฮวงโป (ขอบวงของพุทธะ)
จิตล้วนๆ นี้ ซึ่งเป็นที่กำเนิดของสิ่งทุกสิ่ง ย่อมส่องแสงอยู่ตลอดกาล และส่องความสว่างจ้าแห่งความสมบูรณ์ของมันเองลงบนสิ่งทั้งปวง, แต่ชาวโลกไม่ประสีประสาลืมตาต่อมัน ไปมัวเข้าใจเอาแต่สิ่งซึ่งทำหน้าที่ดู ทำหน้าที่ฟัง ทำหน้าที่รู้สึก และทำหน้าที่คิดนึก ว่าแหละคือ จิต. เขาเหล่านั้นถูกการดู การฟัง การรู้สึก และการคิดนึกของเขาเอง ทำเขาให้ตาบอด เขาจึงไม่รู้สึกต่อแสงอันสว่างจ้าของสิ่งซึ่งเป็นต้นกำเนิดทางฝ่ายจิต.
ถ้าเขาเหล่านั้น จะเพียงแต่ได้ขจัด ความคิดปรุงแต่ง เสียชั่วแว็บเดียวเท่านั้น สิ่งซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสิ่งทั้งปวงดังที่ได้กล่าวนั้น จะแสดงตัวมันเองออกมาทันที เหมือนดวงอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางที่ว่างและส่องสว่างทั่วจักรวาล โดยปราศจากสิ่งบดบังและขอบเขต.
เพราะ ฉะนั้น ถ้าพวกเธอซึ่งเป็นนักศึกษาเรื่อง ทาง ทางโน้นมุ่งทำความก้าวหน้าโดยการดู การฟัง การรู้สึก และการคิดนึกอยู่ เมื่อถูกหลอกโดยสัญญาต่างๆ ของเธอเองเสียแล้ว ทางที่เธอจะเดินตรงไปยัง จิต โน้น ก็จะถูกตัดขาดออก และเธอก็จะหาทางเข้าไม่พบ.
พวกเธอจงเพียงแต่มองให้เห็นชัดว่า แม้ จิต จริงแท้นั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวรวมอยู่กับสัญญาเหล่านี้ก็ตาม มันก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นส่วนประกอบของสัญญาเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้แยกออกไปต่างหากจากสัญญาเหล่านี้.
เธอไม่ควรตั้งต้นการใช้เหตุผลไปจากสัญญาเหล่านี้ หรือยอมให้มันก่อความคิดปรุงแต่งขึ้นมา, แม้กระนั้น เธอก็ไม่ควรแสวงหา จิตหนึ่ง นั้น ในที่ต่างหากไปจากสัญญาเหล่านั้น หรือละทิ้งสัญญาเหล่านั้นเสีย ในการคิดค้น ธรรม นั้นของเธอ. พวกเธออย่าเก็บมันไว้และอย่าทิ้งมันเสีย หรือพวกเธออย่าอยู่ในมัน และอย่าแยกไปจากมัน. เบื้องบนก็ตาม เบื้องล่างก็ตาม และรอบๆ ตัวเธอก็ตาม สิ่งทุกสิ่งย่อมมีอยู่เองตามปรกติ เพราะว่าไม่มีที่ไหนที่อยู่ภายนอกขอบวงของ พุทธะ หรือ จิต นั้น.
แปลโดยท่านพุทธทาส ภิกขุ
จิต มโน วิญญาณ คือสิ่งเดียวกันแต่ถูกเรียกต่างกันหรือจิตก็อย่างหนึ่ง มโนก็อย่างหนึ่ง วิญญาณก็อย่างหนึ่ง
กราบสาธุ ตรงดี เจ้าค่ะ
ดีมากมายครับ
เมื่อฝึกสติจนต่อเนื่องรู้ทันความคิดเป๊นอัตโนมัติจะเห๊นจิตแท้(พุทธะ)ชัดเจน-จะเห๊นความคิดชัดเจน-จะเห๊นสภาวะการยึดมั่นในความคิด-จะเห๊นสภาวะที่ไม่ยึดมั่นในความคิด
น้อมกราบนมัสการเจ้าค่ะ
กราบสาธุครับครูบา
ผมมองเรื่องการประพฤติธรรมตามพระธรรมวินัยของพระศาสดานั้นมีเป้าหมาย
1.เพื่อปลดทุกข์ภายในตน
2.เพื่อช่วยและชี้ทางปลดทุกข์ให้คนอื่น
ข้อ.1 ปฏิบัติสมถะกรรมฐานวิปัสสนาให้จิตใจเข้มแข็ง มีปราการป้องกันทุกข์ที่จะเกิดจากภายในใจตน และรู้ทันความทุกข์ที่มาจากการภายนอก
และข้อ2. เป็นการออกไปประกาศ เชิญชวน ชี้แนะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงการช่วยเหลือสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ให้เขามีกำลังใจ พบกับแสงสว่างของชีวิต
เมื่อผู้ประพฤติพรหมจรรย์ได้ปฏิบัติทั้ง2ข้อแล้ว จะเกื้อกูลกันให้ศาสนามีความหมายครอบคลุมต่อสังคมมากยิ่งขึ้น...
ไม่ทราบว่าถูกหรือไม่ครับ?
บ้างต่างประเทศเขาถือปฏิบัติไม่กี่ข้อ..เขามีแต่ความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจ..พ่อแม่ครูอาจารย์..ที่สั่งสอนก็มีแต่สิ่งที่ดี..แล้วก็ยกเอาคําสอนจากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น...แต่เอาภาษาให้เขาใจหงายแก่ผู้ฟัง..อินทรีย์ความรู้ไม่เท่ากัน.ต้องใช้อุบายสั่งสอน..แต่เป้าหมายเหมื่อนกัน..ถ้าคนมีปัญญาจะรู้..ไม่ยกตนข่มคนอื่น..คนที่ปฏิบัติตามครูบาอาจารย์มีแต่ได้ดีกันหมด..ความจริงเท่านั้น
สาธุการ
สุดยอดจริงๆท่านครูบาพูดตรงเป๊ะ
ยึดถืออัตตาตัวตนสูงมาก พระคึกฤทธิ์ยึดถืออย่างนั้น ถ้าไม่เชืออย่างที่ตัวเองสอนตามพุทธวจนะ
จะข่มคนอื่นหมด ว่ารู้ไม่เหมือนตัวเองที่คัดลอกออกมาจากพระไตรปิฏกทั้ง3ตะกร้าแต่อ้างพุทธวจนของตัวเองดีกว่าพระไตรปิฏกทั้ง3ปิฏกทั้งๆที่ตัวเองคัดลอกเฉพาะพุทธพจน์เท่านั้น ถือว่าเนรคุณๆของพระอรหันต์ทั้งหลายที่ท่านทำสังคายนานานหลายร้อยหลายพันปีมาจำมาทางมุขปาฐะทางปากแล้วจึงลงมาบันทึกทางอักษร.ครูยาพูดถูกต้องล้าน%เลย.
ครูบาฉ่ายผมขอกราบสาธุๆๆครับดีมากๆได้ปัญญาไม่หลงงมงาย.
สุดยอดพระหนุ่มที่กล้าชนและพูดตรงและแรงๆสุดๆเลยครับ.
คนหัวอ่อนมีเยอะครับคล้อยตามกันมากแล้วมาทะเลาะกัน.
เถรวาท (เถ-ระ-วาด) ประกอบด้วยคำว่า เถร (เถ-ระ) หมายถึง พระผู้ใหญ่ซึ่งพระวินัยกำหนดว่าต้องมีอายุพรรษาตั้งแต่ ๑๐ พรรษาขึ้นไป เรียกว่า พระเถระ. วาท (อ่านว่า วาด) หมายถึง คำพูด ถ้อยคำ หรือลัทธิ. เถรวาท แปลว่า ถ้อยคำของพระเถระ หมายถึง นิกายหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ถือหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าซึ่งพระอรหันต์พุทธสาวก ๕๐๐ รูป ได้รวบรวมไว้โดยการประชุมสังคายนาพระธรรมวินัย ภายหลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วได้ ๓ เดือน และใช้เวลาสอบทานอยู่ ๗ เดือน ถือเป็นการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก เรียกว่า ปฐมสังคายนา. คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้สังคายนานี้เป็นบ่อเกิดของคัมภีร์พระไตรปิฎกภาษาบาลี
พุทธวจนคือคำสอนของพระพุทธเจ้า การที่พระท่านเผยแผ่พุทธวจน ผมว่าก็เป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป เพราะสิ่งที่เราไม่รู้เราก็จะได้รู้ได้ยินได้ฟังได้สดับได้ฉลาดในพระธรรมนั้นๆ หรือรู้ สูตรฯ พุทธวิธีต่างๆ ในการปฏิบัติและสลัดคืนอุปธิทั้งปวงฯ หรือหยุดคิดปรุงแต่งอย่างสิ้นเชิงนั่นเองครับ ท่านแนะนำเลยว่าให้รู้อริยสัจ 4 เจริญอานาปานสติ เจริญสติปัฏฐาน 4 เถิด ระงับปากอกุศลกรรมได้อย่างปราณีต เจริญสติปัฏฐาน 4 เถิด อย่างน้อย 7 วันอย่างมาก 7 ปีบรรลุอนาคามีหรืออรหันต์ได้เมื่อไม่มีอุปทานเหลืออยู่ เจริญอานาปานสติแค่ลัดนิ้วมือเชื่อว่าไม่เหินห่างจากฌาน'' เจริญให้มากกระทำให้มากจะป่วยกล่าวไปใยในผู้ที่เจริญอานาปานสติเหล่า" ผมว่าท่านก็สอนดีทุกอย่างนะครับถ้าเรามีสัมมาทิฐิในการฟังธรรมของท่าน ไม่อคติกับพุทธวจน หรือตัวบุคคลใดๆ หรือยึดมั่นในตัวบุคคลยึดมั่นในความคิดความเห็นของตนหรือยึดอัตตาตัวตนหรือตัวกูของกูเป็นต้น เราก็จะเห็นเป็นธรรมชาติตามกรรมของสัตว์ทั้งหลายไป
ธรรมะพุทธวจนหรือพระพุทธศาสนาเจริญมากในยุคนี้แต่ปัญหามันอยู่ที่เราไม่เริ่มปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะในจิตใจจริงๆ จิตมนุษย์สุดมหัศจรรย์
ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนสิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิก
ถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว, จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว อย่าง
เคร่งครัด อยู่เพียงใด, ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความ
เสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
มหาปรินิพพานสูตร มหา. ที. ๑๐ / ๘๙ / ๖๙
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ น. ๔๖๕
สำนึกเสมอว่าตนเองเป็นเพียงผู้เดินตามพระองค์เท่านั้นถึงแม้จะเป็นอรหันต์ผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม
ภิกษุทั้งหลาย ! ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ได้ทำมรรคที่ยังไม่เกิดให้
เกิดขึ้น ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครรู้ให้มีคนรู้ ได้ทำมรรคที่ยังไม่มีใครกล่าวให้เป็น
มรรคที่กล่าวกันแล้ว ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค)
เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้
เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้แล เป็นความผิดแผกแตกต่างกัน เป็นความมุ่งหมาย
ที่แตกต่างกัน เป็นเครื่องกระทำให้แตกต่างกัน ระหว่างตถาคตผู้อรหันตสัมมา-
สัมพุทธะกับภิกษุผู้ปัญญาวิมุตติ
ขนฺธ. สํ. ๑๗ /๘๑ / ๑๒๕
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น น. ๗๒๑
การสอนสั่ง การแต่งเติม คำสอนในพุทธศาสนา ให้ผิดไปจากคำกล่าวของพุทธองค์
ย่อมเป็นบาปกรรมที่หนัก จึงขอให้พึงระวังให้ดีนะครับ บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
ธรรมะคือธรรมชาติ...ไม่มีต้นไม้ต้นไหนที่งอกออกมาแล้วแต่แก่น...ต้นไม้ยังมีเปลือกกะพี้เนื้อไม้แก่นไม้..ต้นไม้บางชนิดก็ไม่มีแก่น..ธรรมะถ้าจะเอาแต่แก่นอย่างเดียวนั่นไม่เรียกธรรมะเพราะธรรมะแปลว่าธรรมะชาติ..
สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
พวกอ้างพุทธวัจนมาหากินมีมาก คนหลงและเชื่อมีมาก การปฏิบัติศีลสมาธิและปัญญาแน่นอนสุด
กราบอนุโมทนาธรรมค่ะพระอาจารย์
สาธุ🙏🙏🙏
พุทเหมือนกันนะครับ ปัจเจกชนก้อมีต่างความคิด อหิงสาดีที่สุดครับ
ฟังแล้วจุกเลย
พระอรหมุน ตัวจริง
ท้ายที่สุดแล้วธรรมทั้งหลายก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดมั่นถือมั่น 😌.
หลางตาสิ้นคิดสอนถูกหลักพุทธวจน สอนไม่ให้คนงมงาย สาธุ
กราบสาธุสาธุสาธุคะ
สาธุครับ 🙏
ข้อควรละวังอย่าให้อัตตาตัวตนเกิดขึ้นให้รีบวางซิครับ ฟังแต่คำที่พระพุทธเจ้ามันถูกต้องแล้วครับท่าน เพราะพระองค์ให้ศึกษาแต่คำของพระองค์เท่านั้นครับ
นมัสการพระอาจารย์
ถ้ายังว่าใครดีกว่าก็ยังไกลครับ อยู่ในสมมติทั้งนั้น
เราชาวพุทธเลือกศึกษาที่ตรงกับจริตของตัวเราๆเองครับ สื่อมีมากมายให้เราเลือกเสพ เราเลือกได้ครับ อย่าไปสร้างวจีกรรม พระพุทธองค์ท่านว่าไว้ว่าเป็นสิ่งไม่ควรครับ เป็นธรรมขั้นพื้นฐานมาก
ตื่นตัว ตื่นรู้ อ.อริยเจ้า
สาธุค่ะ
ยังอยู่อีกนาน
โดยหลัก ต้องยึดหลักแก่นแท้ของพระพุทธวจนะ ก่อน เราควรมองไปสู่อนาคตเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา ขอให้มั่นคงต่อคำสอนพระพุทธเจ้า อย่าไปยึดติดที่คนถ่ายทอด
...ทางภาคเหนือที่พูดคำว่า "ครูบา" ส่วนมากเห็นลักษณะการแต่งกายก่อนที่จะถ่ายรูปเป็นสัญลักษ์(โลโก้)มักจะมีอาทิเช่นลูกปะคำ พัดใบลาน การนุ่งห่ม...ดูเหมือนจะทำให้คล้ายครูบาศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนา"...ดูเหมือนเป็นการยึดติดรูปลักษณ์เสียมากกว่าการเทศสั่งสอนญาติโยม แต่ท่านพระอาจารย์รูปนี้เราชอบท่านพูดตรงๆดีครับ การนุ่งห่มจีวรก้อปกติดีมากๆเหมือนท่านไม่ยึดติดการนุ่งห่มจรวรแนวครูบาทั้งหลาย
คนลาวและคนอีสาน เรียกพระว่า ครูบา เป็นปกติคะ
@@artcharaakkanit8824 ...ออ...ครับ ขอบคุณครับที่ให้ความรู้
สายวัดป่าหลวงปู่มั่น จะเรียกพระที่พรรษาต่ำ 10 ว่าครูบา ถ้า10 ขึ้นไปเรียกอาจารย์
กราบสาธุค่ะ
พุทธวจนเป็นเบื้องต้นแห่งศรัทธานั้นได้อยู่แต่ความละเอียดของจิตเอาพุทธวจนมาจับถ้าไม่รู้จะแจ้งภายในจิตตัวเอง ละอัตราตัวตนไม่ได้ถือว่าคนอื่นเลวคนอื่นปฏิบัติผิด สิ่งนี้เท่านั้นถูก มันก็ยังหลงทางทั้งนั้น
ทุกวันนี้ พระธรรมคำสอนที่แพร่หลาย มีหลากหลายมากมายจนสับสนไม่รู้ใครถูกใครผิด ปฏิบัติจนหลงทิศหลงทาง จนหาทางออกไม่เจอ พระอาจารย์คนโน้นกล่าวอย่างนี้ อาจารย์คนนี้สอนอย่างนั้น หาจุดจบมิได้ เลยต้องย้อนไปที่ต้นฉบับเดิมไงครับ เอาฉบับของสยามรัฐเลยครับ จะได้ไม่หลงทิศหลงทาง เพื่อเป็นไปในแนวที่ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องมาโจมตีกัน จนหาข้อสรุปไม่ได้ ท่านว่าจริงไหมครับ
ปฏิบัติไปจะเห็นเอง จะไปหลงสัญญาอยู่ทำไม ท่องจำ กัน
@@boy1978 ก็จริงครับ ต้องปฎิบัติด้วย ถ้าจะไปท่องจำโดยไม่ปฎิบัติ การท่องจำย่อมเปล่าประโยชน์ แต่หลายคนปฏิบัติธรรมมานานก็ยังไม่ก้าวหน้าเพราะยังหาหลักไม่ได้ครับ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นครับ
ไม่มีเทปอัดเสียงสมัยนั้นชนาดบางทีมีเทปอัดยังฟังกันคนละเรื่อง
@@yasawadee7231 ในตำราที่บันทึกไว้นะครับท่าน พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ต้องเชื่อแต่ให้เธอลองมาฝึกปฏิบัติดูกันเอาเถิดฯ ท่านแนะนำให้ดูอริยสัจ 4 เจริญอานาปานสติเถิด เจริญสติปัฏฐาน 4 เถิด ระงับปากอกุศลกรรมได้อย่างปราณีตฯ
เหมือนสมัยเด็กๆผมไปเรียนหนังสือมีกไก่ขไข่วิชานู้นวิชานี้ผมก็ศึกษาจากตำราและครูที่สอนๆ กัน มันก็มีทฤษฎีและปฏิบัติผมก็เริ่มเข้าใจและมีปัญญาในทางโลกมากขึ้นๆ เป็นธรรมดา ของการศึกษาและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ผมไม่เคยเห็นไดโนเสาร์แต่ผมก็เชื่อว่าไดโนเสาร์นั้นมีอยู่ ฉันใดก็ฉันนั้นฯ
ผมเริ่มลองมาปฏิบัติเจริญภาวนาพุทโธๆ แรกๆมันเกิดนิมิตขึ้นมาลอยเป็นดวงอาทิตย์อยู่กลางหน้าผากมหัศจรรย์มากๆ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะผมได้เห็นผมก็เริ่มมีกำลังใจในการปฏิบัติ พอผมเริ่มทำอานาปานสติมีสติรู้ลมหายใจเข้าออกๆ ผมก็เห็นลมหายใจเป็นแสงสว่างๆ มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์เพราะไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน และผมก็บังเอิญฯ เห็นร่างกายมันแยกออกมาจากกันเหมือนร่างกายมันซ้อนๆ กันอยู่เห็นร่างกายเป็นโพรงๆ ใสๆ ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรแต่มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าร่างกายหรือรูปมันไม่ใช่ของเราจริงๆ มันเห็นแล้วมันก็ติดตาติดใจมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับแบบบังเอิญๆ ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติท่านว่านามกายมันแยกออกมาจากกาย มันเหมือนกับเราสแกนร่างกายด้วยกล้องทันสมัยๆ
ลองฝึกทำดูเอาเองครับจิตใครจิตมันตัวใครตัวมันกรรมใครกรรมมันทำได้เต็มที่ก็เป็นแค่ผู้บอกต่อเฉยๆ
พระสูตรนี้ : "นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาว เมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น"
แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า
เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจ
เข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลมทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักระงับกายสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่าเราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า
ดังพรรณนามาฉะนี้ภิกษุย่อมพิจารณา
เห็นกายในกายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในกายบ้าง
ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่ากายมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล
ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
"เรากล่าวลมหายใจออกลมหายใจเข้านี้ว่าเป็นกายชนิดหนึ่งในพวกกาย"
"ถ้าภิกษุเจริญอานาปานสติแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้กระทำให้มากซึ่งอานาปานสตินั้นเล่า"
อานาปานสติ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๒๒๔ หน้า ๔๒
@@traiwat12345lawer ทฤษฎีธรรมะก็คือสัญญา แต่เป็นสัญญาในสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นชอบ ซึ่งครอบคลุมอีก 7 มรรค ยกตัวอย่างเช่น สัญญา 10 ประการ อุปมาว่า เราไม่ได้เข้าไปอยู่ในสัญญา แต่เราก็ไม่ได้ออกมาจากสัญญาเรานั้นในการคิดค้นธรรมะนั้นของเรา และเราก็ไม่ปล่อยให้สัญญานั้นมันก่อความคิดปรุงแต่งขึ้นมา หรือ ธรรมใดๆไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เห็นจิตก็เห็นธรรมะ จิตเห็นจิตเป็นมรรค
อย่าไปพูดให้คนอื่นเลยครับคนอื่นจะเป็นอย่างไรช่างเถิด เรารู้ว่าตัวเองหลุดพ้นแล้วก็พอครับ
รู้จริงครับ
ใช่แบบพระพุทธเจ้าตรัสเลยอย่าเชื่อในสิ่งที่พูดที่เห็นจนกว่าจะพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
สาธุๆๆ
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุในธรรมเจ้าค่ะ กราบสาธุ สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
ผมว่า แอด มิน ตั้งหัวโพส ถูกแล้วล่ะครับ เพราะผมฟังจนจบแล้วครับ .พระรุปนี้ เอาคำสอนพระพุทธเจ้า มาสอนก็หลายคำ แต่ก็ยังเอา ความคิดเห็นตัวเองมาเทศน์สอน มันเลยกลายเป้นการพูดย้อนแย้งกันในตัว..มันก็เลยกลายเป็นพระรูปนี้ ไปโจมตีคนที่ศึกษา พุทธวจน ซะอย่างนั้น ตัวพระท่านเองก็บอกเองว่าศึกษาพุทธวจนมาแล้ว แต่มันย้อนแย้งครับเพราะถ้าศึกษามาแล้วก็น่าจะรู้หลักการของตถาคตที่สำคัญมากๆคือ คำสอน ตถาคตจะไม่ขัดแย้งกัน ถ้าท่านรู้หลักการสำคัญนี้ ท่านจะไม่มีคำถามเลยว่าจะรู้ได้ยังไงว่า พุทธวจน เป็นคำสอนจากพระพุทธเจ้าจริงๆ ไปใช่หลัก ว่าคำสอนใหนที่ทำให้ทุกข์ในใจลดลง มันถึงถูก ถ้าเอาหลักการนี้มาใช่ มันก็ผิวเพินไป เพราะมันจะไม่ไปจบลงที่พระพุทธเจ้าสอนยังไง ได้เลย รวมไปถึง หลัก กาลมสูตร 10 ที่พูดแล้วจบลงที่ ห้ามเชื่อแม้แต่เป็นครู แต่ไม่ไปยกคุณสมบัติพระตถาคตว่าท่านมีคุณเลิศมากและต้องเชื่อท่านเท่านั้นเข้าใจกาลสูตรไม่จบแบบนี้ก็พาคนอื่นเข้าใจปืดไปอีก ผมว่าคนที่ศึกษาพุทธวจน จริงๆ ก็แย้งพระรูปนี้ได้แหล่ะ เพราะพุทธวจน หาหลักฐาน เอามาแสดงได้หมด ว่าคำ พุทธวจน ถูกต้องมีหลักฐานยังไง จะไม่มีคำถามแบบ จะรู้ได้ยังไง ว่าพระไตรปิฏก เป็นคำพูด จากปากพระพุทธเจ้าจริงๆแบบนี้หรอกครับ พอพูด แบบนี้ หลักมหาประเทษ 4 หลักที่ว่าคำตถาคต จะไม่มีการขัดแย้งกัน ก็ไม่ยกมาสอน ถ้าบอกว่าท่านศึกษาา พุทธวน มาแล้วแบบนี้หรอกครับ.ก็เลยกลายเป็นว่าใครกันแน่ที่ตัวดี ใครกันแน่ที่โจมตีคนอื่น.ก็อย่างว่า เถียงกันมาเยอะแล้วเรื่องแบบนี้.เอาเป็นว่าใครเอาหลังพิงคำสอนตถาคตได้จริงๆใครพูดอะไรมาคนนั้นก็ตอบโต้กลับได้แหล่ะครับ
แย่แล้วความคิดตัวเองทั้งนั้นเอาพระสูตรมาอธิบายคงจะดีนะครับ
พุทธวจนะแท้ คือ พระบาลี ส่วนการแปลไทยมีความผิดพลาดได้ ไม่ถูก 100 เปอร์เซ็นหรอก แต่การแปลไทยก็สำคัญและมีประโยชน์สำหรับผู้ไม่รู้พระบาลีอย่างมาก ใครศึกษาพุทธวจนนั้นดีแล้ว แต่อย่ายึดมั่นถือมั่น และข่มผู้อื่นเลย เร่งน้อมนำไปปฏิบัติเถิด
@@นู้นนี้นั้นขําๆน่ะ ผมไม่ได้ว่าพระเลย คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมหมายถึงคนที่รู้พุทธวจนะ แล้วมาข่มระรานผู้อื่นนี่ไม่ดีเลย เราควรเผยแผ่พุทธวจนะด้วยเมตตาธรรมจะดีกว่า
สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่นครับ พระพุทธเจ้าพูดไว้
@@MrArthas284 มันเป็นเรื่องของใจ ภายนอกทำหน้าที่ปกติ ทำให้ดีที่สุดด้วย ปล่อยวาง ไม่ใช่ปล่อยทิ้งคุณ เคป่ะ
@@MrArthas284 คำสอนพระพุทธเจ้า เปรียบเสมือนพวงแพที่ใช้ข้ามฝั่ง เมื่อข้ามฝั่งได้แล้ว ก็ไม่มีใครแบกเอาพวงแพนั้นทูนหัวแล้วเดินไปดอก มีแต่วางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วเดินไปด้วยความเป็นอิสระ
@@MrArthas284 ใช่ผมบอกว่าไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น แต่ผมไม่เคยบอกว่าให้ปล่อยทิ้งการทำหน้าที่ และไม่เคยบอกให้ปล่อยทิ้งการดูแลร่างกาย อันนี้ไม่เคยพูด มีแต่คุณพูดไปเอง คนเราเจ็บป่วยก็ต้องรักษา ร่างกายก็เอาไว้ทำประโยชน์ ไม่เห็นว่าต้องไปยึดมั่นถือมั่นเลย เหมือนเสื้อผ้าไม่เห็นว่าต้องยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเราเลย แค่ใส่ปกปิดร่างกายได้ ดูแลซักทำความสะอาดก็พอแล้ว
สอนไปเรื่อยๆสร้างบารมีไปเรื่อยๆ คนเข้าใจก็เข้าใจคนไม่เข้าใจมีทิฐิก็มี
และมีสติปัญญาญานรอบรู้อีกว่า-สภาวะมีความคิด-สภาวะที่ไม่มีความคิด-ก๊ไม่ควรยึดมั่น-จะรู้เลยว่าจิตแท้ก๊ต่างหาก-ความคิดก๊ต่างหาก
จากการพบความจริงแท้ด้วยการปฏิบัติจะรู้เลยว่าครูบาพูดได้ตรงกับคำสอนที่แท้จริงอย่างไม่มีความคิดสงสัยเลยเพราะธรรมย่อมที่ถูกต้องย่อมรับรู้ได้
แนะนำเปลี่ยน หัวข้อหน้าปกใหม่ครับ เพราะเนื้อเรื่องคนละประเด็น อาจทำให้เสียครูบาร์อาจารย์
เอาอย่างนี้ก้อกัน..เอาอ.คึกฤทธิ.มาพุดทีสนามหลวงใครจะพุด.และมีคนฟังมากกว่ากัน.เ อทคนละวันไปเลย..และล้างสมองคน.เคยฟังพุทธวจนะไม่ได้ดอก.แต่.ดีทั้ง2อาจารย์นั้นแหละ.กราบทั้ง2อาจารยผ
ครับ
ครูบาไม่ได้ว่า พระคึกฤทธิ์ ท่านตอบคนที่ "จงใจแต่งคำถาม" ล่อให้ครูบา ด่าพระคึกฤทธิ์ แต่ท่านก็ตอบแบบปกติ กระนั้นเจ้าของคลิป ก็พยายาม ด้วยการ "แปะข้อความ" บนคลิป ให้เหมือน ครูบา "เจาะจง" ด่า คนเผยแพร่พุทธวจน ผลคือ มีคนฟังที่ด่ากลุ่มพุทธวจนไป นมัสการครูบาไป ผลที่หวังได้คือสุขคติ
หลงพระธาตหลงอารมณ์ตนเองแล้ว
ครูบาเตือนชาวพุทธทุกสำนัก ทุกสาย ไม่ใช่แค่พุทธวจน นะครับ
แต่เห็นชัดว่าเจ้าคลิปกล่าวตู่ครูบา ตั้งแต่ปกคลิป
คำถามในคลิป เกิดได้จากนักปฏิบัติทุกสำนักครับ
อย่างตอนนี้ สำนักที่เขียนหน้าปก "เป็นชาวพุทธรึเปล่า"
อันนี้เจ้าลัทธิ เป็นเองเลย
ใครได้ยินเรื่องพุทธวจน แล้วอกุศลจิตเจริญ มารจะได้ช่องครับ ส่วนศิษย์อาจารย์ สายพุทธวจน คงไม่กระเทือน
ขอเจาะลึก สายพุทธวจน จะพูดถึง "สังโยชน์ 10" บ่อย ซึ่งจริงๆ ละได้แค่ 3 ก็โสดาบันแล้ว มันสุดๆ ของชาวพุทธในชาตินี้แล้ว แต่ฟังเทศของสำนักนี้ จะมาเต็มทั้ง 10 ข้อ เพื่ออธิบาย พระสกทาคามี อนาคามี อรหันต์
ผลคือ สังโยชน์ตัวที่ 8 "มานะ" = ความถือตัว ว่าดีกว่า เลวกว่า เสมอกัน
สายพุทธวจน จะสอนตัวนี้บ่อยมาก ก็คือพวกดูถูกคนอื่น สายนี้ห้ามเด็ดขาด
สรุปคือ สอนกันอยู่แล้ว เรื่องไม่ให้คนอื่นด้อยกว่าเรา
ส่วนสาวก จะออกนอกลู่นอกทาง ก็เกิดได้ทุกสำนัก
ส่วนมากพวกศึกษาพุทธวจน เขาศึกษาเอาไว้ติคนอื่นที่ไม่ทำตามในหนังสือที่เขาอ่าน แต่เขาไม่ปฏิบัติ ส่วนมากเอาไว้ติคนอื่น แทนที่จะศึกษาแล้วปล่อยวางดันเอาได้ติเตียนคนอื่น คนอื่นเขาปฏิบัต คนอ่านๆเอาไว้ติคนอื่น
จากหัวข้อให้ฟังตั้งแต่นาที 37. ค่อยๆพิจารณาดูครับ “ต้องลองชิมดู” 😊
สอนใจตนเองเถอะนะ
ใจท่านทำไมรุ่มร้อน ครูบา
มีแต่อัตตา ตัวตน เป็นคำพูดของปุถ่ชน
รู้ไปหมด ใครคิดแตกต่าง โดนว่าโง่ เขาทำมาตามโบราญตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด อย่าดูถูกความเชื่อของ บรรพบุรุษ ที่ทำมาช้านาน
เพิ่งรู้นะครับ อาจารย์ ว่ากระแสไฟสถิต มัน สปาร์ค ผมเองเป็นพวก สวดมนต์ เรียนรู้ ธรรม ภาวณาด้วยตามกำลังสติ ช่วงมันเป็นเเตะใคร นี้ ช๊อตหมดครับ พักหลักนี่ ไม่มีครับ รู้เลยเพราะใจอ่อนกำลัง โดนความเศร้าหมองกิเลส คอบงำ อืมมมม ใจมันอ่อน กำลัง
...
ไม่อยู่ที่รู้มากรู้น้อยแยู่ที่การปฏิบัติสำเร็จรู้เห็นมากแค่ไหน แม่ชีบางท่านอ่านแทบไม่ออกเขียนแทบไม่ได้แต่ท่านปฏิบัติจนบรรลุธรรม คนที่ถึงขั้นจะเกิดจากความรู้ธรรมผุดขึ้นมาในใจ ไม่ได้ไปยึดติดกับตำรามากเกินไป เหมือนคนเก่งทฤษดีว่ายน้ำแต่พอดรือจมกลับจมน้ำตายเพราะมัวแต่เปิดดูตำราดูวิธีการว่ายน้ำ
@@MrArthas284 แม่ชีถือว่าเป็นอุบาสิกาค่ะ
เนื้อไม้คืออะไรครับครูบา