ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
หนึ่งข้อสังเกตุที่สำคัญมากๆ ที่จะบอกยุคสมัยของโบราณสถาน ยุค ทวารวดี คือ อิฐ อิฐ ทวารวดี จะมีรูปแบบ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ ความกว้าง=สองเท่าของความหนาความยาว=สองเท่าของความกว้าง หรือ สี่เท่าของความหนา ถือเป็น นวัตกรรม ซอฟพาวเวอร์ ของยุค ทวารวดี เลยก็ว่าได้ เพราะไม่มียุคใดเหมือน 😐
ให้เราฟังเรื่องประวัติศาสตร์จากผู้ที่เป็นนักประวัติศาสตร์...เพื่อที่เราจะได้รู้ว่า..เขารู้อะไร?สิ่งที่เขาอ้างอธิบายให้เราฟังนั้น...เป็นความจริง เป็นข้อเท็จจริง..เกิดด้วยความจริง..หรือไม่?เราก็จะสามารถรับรู้ได้จากการฟัง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ...เองให้ได้...เราจะได้เรียนรู้จากความรู้ของเขา ที่มาของแหล่งความรู้ของเขาว่า...เกิดขึ้นจาก...ความจริงหรือคาดเดาเอาเองสิ่งที่เราได้ยิน ได้รับฟังนั้น...มันเป็นความจริง...จนสามารถนำเป็นข้อสรุปให้ถูกต้องได้ไหม?ในคลิปนี้มีคำอธิบายด้วยความเชื่อหรือไม่?...สัณนิษฐานว่า...เชื่อว่า...คิดว่า....น่าจะ...ฯลฯความเชื่อเรียนรู้ให้ถูกต้องไม่ได้....ความเชื่อไม่ใช่ความรู้...เพราะผู้ฟังผู้เรียนรู้ไม่สามารถที่จะเข้าใจให้ถูกต้องได้นั่นเอง...ในคำอธิบายหลายครั้งแม้แต่ตัวผู้อธิบายก็สรุปว่า....ไม่สามารถที่จะสรุปให้ชัดเจนได้...(เพราะความเชื่อว่า สัณนิษฐานว่า เชื่อว่า...มันไม่ใช่ความรู้..จริงเท็จไม่รู้)ดังนั้น....ต่อให้เราฟัง เราเรียนรู้ บนความเชื่อ ตามที่เขาเชื่อ..สอนอธิบายด้วยความเชื่อ...สุดท้ายเราก็จะได้ความรู้แบบเดียวกัน....คือไม่สามารถสรุปได้..(ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร?)ยิ่งเรียนรู้ไป ยิ่งเกิดความเชื่อ เกิดความคาดเดา คิดว่า น่าจะฯลฯ....แตกต่างกันไป...สุดท้ายผู้อธิบายยังบอกเลยว่า..."ไม่สามารถสรุปได้ ไม่มีใครสรุปให้ชัดเจนได้"...(คำสารภาพบนความไม่รู้ที่จะหาข้อสรุปได้อย่างไรจากความเชื่อเหล่านั้น ของคนแต่ละคน แม้จะเชื่อเหมือนกันก็ตาม)การเรียนรู้ศาสตร์ใดๆ การเป็นผู้รู้ในศาสตร์ใดๆ...การเป็นผู้รู้ผู้ชำนาญการในศาสตร์ใดๆ...จงตระหนักเรื่องหนึ่งคือ...."ความจริง"....ถ้าไม่รู้ว่า...ความจริงคืออะไร?...การที่จะเรียนรู้ให้ถูกต้องในศาสตร์นั้นๆ...การจะให้ความรู้ผู้อื่นในศาสตร์นั้นๆ ย่อมไม่มีข้อสรุปชัดเจน...เพราะว่า...ความรู้บนความเชื่อของตนของคนแต่ละคน...ขาด"ความจริงไม่รู้ความจริงคืออะไร?"คนที่ไม่รู้ว่า.."ความจริงคืออะไร?"....นั่นก็หมายความว่า...ไม่ได้เป็นผู้รู้ จัดให้เป็นผู้รู้ได้ตั้งแต่แรกแล้วเพราะความจริงคือความรู้....ถ้าไม่รู้ความจริงคือ...ไม่มีความรู้อย่างถูกต้องตามความจริงที่สิ่งนั้นเป็นการที่ไม่รู้ความจริงคืออะไร?...คือไม่รู้ข้อเท็จจริง...เมื่อไม่รู้ความจริงย่อมคาดเดา ย่อมใช้ความเชื่อว่าน่าจะ สัณนิษฐานว่า....โดยไม่รู้ว่า....สิ่งที่ตนพวกตนสัณนิษฐานว่า คาดเดาว่า..เชื่อว่าทั้งหลายนั้น..ถูกต้องหรือไม่?....(ขาดความจริง)....คำอธิบายจึงอาจจะถูกต้องบางส่วนหรือผิดทั้งหมดเลยก็ได้จากการเชื่อว่า คาดว่า น่าจะ สัณนิษฐานว่า...ฯลฯ....การไม่รู้ความจริงเรื่องเดียว...จึงต้องอธิบายด้วยความเชื่อ...ความเชื่อไม่ใช่ความรู้...คนอธิบายไม่มีความรู้ (ที่ถูกต้อง)...อธิบายโดยไม่รู้ว่า...ตน "ไม่ใช่ผู้รู้ผู้ชำนาญการ"ฝากไว้ให้คิด...เชื่อว่า อาจจะ สัณนิษฐานว่า...คิดว่า...ถ้าขาดข้อเท็จจริงอาจจะเป็นการใช้ความรู้ที่ผิดบิดเบือนการใช้ความรู้ที่ผิดบิดเบือนก็อาจจะสร้างปัญหาจากการให้ความรู้ที่ผิดได้ตลอดเวลาเช่นกันครับ....เบื้องต้นอาจจะทำให้ผู้เรียนรู้เข้าใจผิด จนร้ายแรงสุดคือ....ชาติเสียหายจากคำอธิบายนั้น..เสียดินแดน เสียอารยะธรรมที่เกิดจาก..."ควาไม่รู้ ของคนไม่รู้ได้"...เช่นกัน...อันตรายครับ ความเชื่ออันตรายสุดๆ ครับ
ยังมีนักวิชาการเกินบางกลุ่มยังหลงทางไปบอกเขมรโบราณทั้งที่เขมรไม่มีกษัตริย์ต้นตระกูลของเขมร นายแตงหวาน
นี่ก็มาแนวคลั่งชาติอีก ไม่ลืมหูลืมตากันเลย พูดอยู่ได้นายแตงหวาน ก่อนหน้านั้นเขาก็มีพระเจ้าชัยวรมันไม่ใช่เหรอ แต่ตอนหลังเขาแย่งอำนาจกันเอง ราชวงศ์เปลี่ยน มันแปลกตรงไหนครับที่เขาเปลี่ยนราชวงส์ สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ก็เปลี่ยนราชวงศ์กันมาไม่รู้กี่ครั้ง
@@ylamoonวรมันกษัตริย์พิมาย
@@dek-sincover4766 คุณก็ลองอ่านศิลาจารึกของปราสาทหินพิมายดูสิครับ แล้วคุณจะรู้ว่าพระเจ้าชัยวรมันน่ะพูดภาษาอะไร
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เรียกตัวเองว่าเขมรครับ
@@ylamoonราชวงศ์ทาสจามปา ?
สรุปว่าแต่ละการค้นพบหลักฐานโบราณที่เราสำรวจพบกันนี้ ไม่สามารถนำมาสานต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันหรือไปขยายความเช่นการพบพระพิมพ์ที่ฟ้าแดดสงยางว่าเกี่ยวข้องกันไหม เพราะอะไรคนค้นพบก็เชื่อมต่อเป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้ คนฟังก็ยิ่งไม่รู้ได้แต่ฟังเป็นตอนๆกันไปเล่นๆหาสาระไม่ได้ทุกประการ ดังนั้นคก.ประวัติศาสตร์ชาติไทยควรนำความรู้มารวมกันเสียครั้งหนึงได้ไหมว่า ก่อนอยุธยา ๗๑๒ ก็เป็นนครวัดที่พราหมณ์ปกครองแผ่นดินโดยย้ายศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์ไป แล้วก่อน ๓๕๐ ก็เป็นสุวัณภูมิที่พระเจ้าอโศกแพร่ศาสนาครั้งที่สองหลังสังคายนาครั้งที่สามเมื่อหลังศักราช ๒๑๘ และก่อนนั้นไปถึงศักราชที่ ๑ เป็นสมัยพระมหากัสสปะแพร่มาครั้งแรก ห้วงเวลาหลังพระนิพพานจึงควรเป็น ๑๓๘๕ ปีมานี้นี่เอง การพบหลักฐานแต่ละแห่งนำมาเล่าแล้วทิ้ง ๆ จะได้ความรวมอย่างไรเพราะการวินิจฉัยห้วงเวลาก็ไปยึดพ.ศ.2567 แยกพระเจ้าอโศกไปจากชาวทราวิฑที่แพ้สงครามคือกลิงคะเอาคนมาเป็นไพร่พลแล้วยกมาแหลมทองสองทางคือทางแม่นำ้พรหมบุตรไปสุดที่ฝั่งตะวันตกแม่นำ้แยงซีเกียง ฝ่ายทางทะเลมาตามชายฝั่งเข้ามอญ และอ้อด้ามขวานขึ้นมา จากนั้นสร้างบ้านเมืองโบราณโดยฝ่ายเหนือล่องลงมาตามสายแม่นำ้หลักทั้งอิรวดี สารวิน แม่โขง แล้วตั้งศูนย์อำนาจขึ้นที่พุกาม เชียงใหม่ แล้วจึงสร้างสภาอิสานีให้พราหมณ์ที่ริมทะเลสาป นี่คือเส้นทางหลักที่ท่านไม่ตั้งต้นเรื่องให้เป็นเรื่อง ขุดที่นั่นพบที่นี่แล้วเก็บ .........หลักฐานที่พบเต็มพธ.ไปหมดแต่เรื่องรวมกันไม่เป็นเรื่องเดียวกันได้
th-cam.com/video/w4qRTzFRmwo/w-d-xo.htmlsi=KjCCtAXaNgT-0sTm
อยากให้มีการเสวนาเรื่อง การพัฒนาสร้างเมืองใหม่นครปฐมในยุครัตนโกสินทร์ ทั้งการ สร้างทับปราสาทราชวังโบราณ การบูรณะปฏิสังขรณ์ การรื้อ ทำลายโบราณสถานเพื่อเอาอิฐ การรื้อทำลายเพื่อเปิดพื้นที่ ไม่ว่าจะเพื่อสร้างถนน ตัดถนน การสร้างทางรถไฟสายใต้ สร้างบ้านเมืองใหม่ ในเขตภายในคูเมืองโบราณนครปฐม3,600×2,000 เมตร ความเจริญที่ต้องแลกกัน.....หลักฐานประวัติศาสตร์ โบราณคดีเมื่อเทียบเคียงกับเมืองศรีเทพ...
พวกเขาคือ บรรพบุรุษคนไทยจริง มีการทำพระเครื่อง ปิดทองหลังพระ 😮😊
อารยะธรรมสยามประเทศครับ...นำพิสูจน์ว่าบรรพบุรุษคนสยามได้สร้างไว้ในตอนนั้นนักวิชาการไทยขาดข้อเท็จจริงที่จะอธิบายเชื่อมโยง สรุปว่าเป็นอารยะธรรมของสยาม...เพราะขาดความรู้จริงในประวัติศาสตร์ที่ดีนั่นเองครับ
ผมขอเสนอให้ช่วยกันหาคำตอบว่าเมืองพระนคร กัมพูชา ถึงชื่อว่า เสียมราฐ และทำไมถึงมีภาพสลัก เนะสยำกุก คาับ
เห็นด้วยสุดๆหลักฐานก็ชัดเจนมากแต่นักวิชาเกินมันรับงานมาบิดประวัติศาสตร์
พระนคร เก่าของเราแต่โบราณ เชื้อเจ้านายต่างๆก็สือมาจนถึงกรุงเทพ ไม่ผิด ทำไมเจ้านายเราถึงได้ปกครองชาวสยามมาได้ยาวนานจนผู้คนถึง70ล้านคน แต่เจ้านายเขมรที่ยิ้งใหญ่กับคนเพี่ยง17ล้านของคนไทยบางพวกถึงไม่เห็นจะยิ้งใหญ่เหมือนเจ้านายสยามบ้านเราสักนิด
เนะ สยำกุก....เป็นคำที่จีนเรียก...สยามประเทศพบตัวอักษรไทยอายุ ห้าหรือหกพันที่แล้วในหลุมขุดค้นบ้านโนนวัด...ผมนำพิสูจน์ไว้ให้เรียนรู้ตามกันได้แล้วครับ
กุก เป็นภาษา ขอม รากภาษามอญ อ่านว่าโคก...ภาษาโบราณจะไม่มีสระ แบบปัจจุบัน คำว่า สยาม ก็เขียน สยำ.....สยำกุก แปลว่า สยามโคก หรือสยามอาศัยที่สูง..ด็คือสยามลุ่มน้ำมูลและศรีเทพ......คำว่า เสียมเรียบ หรือสยามราบ ไม่ได้แปลว่า สยามแพ้ แต่แปลว่า สยามที่อาศัยที่ราบโตนเลสาป....เพราะทำว่าแพ้ในภาษาเขมร ไม่ใช่ เรียบ
ณ ดินแดนแห่งนี้เรียกว่าเสียม สยามแต่โบราณ มีชนหลายชาติพันธุ์อยู่ร่วมกัน เช่นมอญ ญัฮกุร ไทย ลาว กูย และไทใหญ่ไทยลื้อต่างๆ แต่คนในเสียมนี่คนส่วนใหญ่ก็คือคนไทยนีาแหละผสมปนเปกัน ส่วนเขมรคือทาสมีแค่ภาษาพูดคุยในเผ่าเดียวกันแต่ไม่มีอักษรใช้ และถูกต้อนไปเป็นทาสอยู่กระจุกเดียวที่เมืองพระนคร เพราะทำอะไรไม่เป็นทำเป็นแต่หาปลา ล่าสัตว์ตามป่าตามดง ทอผ้าไม่เป็น แต่เขมรจะเก่งด้านใช้แรงงานเพื่อหล่อเลี้ยงเมืองพระนครทีากษัตริย์สยามปกครองอยู่ ชื่อก็เป็นไทย+สันสกฤตนครวัด)บรมวิษณุ,มเหนทรบรรพต(เขาพระวิหาร) นครธรรม(บายน) สมบูรณ์ไพรโคก สมโบรไพรโคก(สมโบไพกุก)และชื่อแม่น่ำลำธารเมืองต่างๆในกัมโพช ล้วนเป็นชื่อสยามหรือไทยทั้งสิ้น เพราะสยามเป็นเจ้าของ อีกษรที่เข้ามาในสุวรรณภูมิและวิวัฒนาการมาเรื่อยๆมี ปัลวะ➡️หลังปัลวะ➡️มอญขอมโบราณ➡️ขอมไทย(ลายสักยันต์ต่างๆ)ลายสือไทย➡️ไทยอยุธยาตัวเแียงๆ➡️ไทยปัจจุบันส่วนล้านช้างก็ดัดแปลงจากขอมไป และเขมรดัดแปลงจากขอมไทย บางตัวยกไปทั้งดุ้นและเอาไปเท่าที่ออกเสียงได้เท่านั่น บางตัวจึงอ่านไม่ออก ส่วนภาษาบาลีและสันสกฤตเอามาแต่เสียงใช้อักษรขอม จดบันทึก
พระเจ้าชัยวรมันที่7 เรียกตัวเองว่าเขมรครับมาจากพิมาย แสดงว่าเป็นคนพิมายเป็นคนป่าคนดงงั้นหรือครับ
@@AKN6671 สยามคุมเกมอยู่ในยุคนั้นเขมรโผล่มาโดนตีตายแหละ เผ่าเขมรเผ่าทาสทั้งนั้น ชัย7คือขอม ขอมคือชนชั่นปกครอง ขอมไม่ใช่เผ่าพันธุ์ ภาษาที่ใช้จารึกก็อักษรขอมโบราณ ไม่ใช่ภาษาเขมร เขมรอ่านขอมไม่ออก
@@AKN6671 มีแต่สยามกับสยาม เผ่าเขมรคือทาสแรงงานรับใช้ในเมืองพระนคร ถ้าท่านชัยวรมัมที่7เป็นเขมรจะตั้งชื่อชัยวรมัมทำไมไม่ตั้ง เปรี้ยะปร้ะ เฮือบเฮียบไปนุ้น ภาษาไทยชัดเจน
@@AKN6671 เขมร17ล้านคน 555ตลก ทำอะไรเองก็ไม่เป็นสักอย่าง งานวาดเขียนศิลปะในวัดยังแก้เองไม่เป็นไปจ่างฝรั่งมาแก้ให้ตลกชิบ นี้หรือเขมร17ล้านผู้เคยยิ้งใหญ่ คิดเยอะๆนะ
อีที่พิมพ์ยาวๆ นี่คิดเอง หรือเดาเอา หรือไปฟังมาจากวิทยุคะ? งงมากค่ะ พอนักวิชาการเค้าไปหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าขอมกับเขมร มันคือคำเดียวกัน ก็ไม่เชื่อ พยายามตะแบงเพราะกลัวเสียเกียรติเสียยศหรือคะ ว่าบรรพชนเรา เอาตามเขมร
เมืองหัสตินาปุระ กับเมืองทวารวดี อยู่ตรงไหนครับ
การฝังสิ่งของในเจดีย์ มีอย่างน้อย 2เจตนา 1 เพื่อทำบุญ 2. สืบทอดพระพุทธศาสนา จารึกโคกแจง อักษรหลังปัลวะ ภาษาสันสกฤต ทำเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ความหลากหลาย ในแต่ละสำนัก นำมาซึ่งวิธีการสอนที่แตกต่างกัน
ยายเล่าให้ฟัง เวลาสร้างเจดีย์หรือองค์พระพุทธรูป ชาวบ้านจะสละแหวน ตุ้มหู สร้อยคอ กำไล ของมีค่าเครื่องประดับเป็นสาวนใหญ่ ถวายเป็นพุทธบูชา
นิกายศาสนาพุทธที่ว่ามานี้เป็น มหายานหรือว่าหินยานครับแอดมิน
จะหาความจริงได้จากไหนหนอ ก็เกิดมาก่อนจะไปถามหาได้กับใครหละ
ไม่อยากให้นักประวัติศาสตร์นักวิชาเกินมาอวยประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่น่ารักด้วยการด้อยประวัติศาสตร์ตนเองจนเขาเอาสิ่งที่พวกท่านเหล่านั้นพูดไปเป็นข้อมูลอ้างอิงว่าเป็นของเขาจนเคลมแบบไม่อาย
ตอนผมเด็กๆ แถวบ้านผมเรียก "เขาวัดพระงาม" ห่างจากบ้านผมแค่ 200 ม. เอง เดินขึ้นไปเล่นประจำ
ได้ประโยชน์อะไร ก็บอกครับ
@@user-sn6nt9bv4dแล้วมีประโยชน์ที่เมนท์ถามผม??? 😏
@@user-sn6nt9bv4d แล้วได้ประโยชน์อะไร ที่มาเม้นท์ถามผม???
รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม😅😅😅
ทวารวดี เก๋ากว่าอารยธรรม ขอม 😂
เปล่า ขอมเก่ากว่า เดิมทางทวารวดีถูกเรียกว่าสินธุ ขอมคือคามลังกาหรือหลั่งยะสิ่วหรือจ้วงหรือโจว อาณาเขตเป็นตะวันออกตะวันตก ไทยคือสินธุอยู่ตะวันตก จ้วงหรือยุทธยาอยู่ตะวันออก ดูจากคำว่าอินโดนีเซีย คือสินธุ และ เนสยาม แล้วไปจารึกรับรองยุทธยาว่า เน สยามกก เกิดเป็นละโว้(ชวาทวีป)ยุธยา
ขอแนะนำเพื่อการเข้าถึงความจริงอย่างง่ายครับ............การต้นพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นการแพร่พระศาสนาเข้ามายังแผ่นดินของเราต้องมาจากอินเดียทั้งเหนือและใต้อย่างแน่นอน ดังการพบพระดินเผารูปแบบเดียวกันที่ฟ้าแดดสงยาง และที่อู่ทอง หากเราตั้งสมมุติฐานว่าก้วงเวลาเป็นยุคสมัยราว พศต.ที่ ๑๔ มันก็ผิดแล้วครับ ดังนั้นขอชี้แนะว่าให้ยกศักราชเก่ามาเล่าหรืออ้างอิงจากอยุธยา ๗๑๒ ถ้าเราย้อยยุคขึ้นไปก็จะพบว่า นครวัดราว ๓๕๐ แล้วก่อนนั้นคืออะไรหรือครับ ....มันคือสุวัณภูมิที่เป็นต้นเรืองของเมืองสุพรรณนี่เอง .......นั่นคือศักราชที่ ๑ มาถึง ๓๕๐ ลองตั้งสมมุติฐานว่าพระนิพพานเกิดแล้วนับศักราชที่ ๑ ลงมาถึงศักราช ๒๑๘ แล้วจาก ๒๑๘ มาถึง ๓๕๐ ก็จเห็นว่ามันมีสองสมัยในหนึ่งยุค....ลองยกมาวิเคราะห์ว่าหลังพระนิพพานพระมหากัสสปะสังคายนาแล้วแพร่พระศาสนามายังแผ่นดินของเราก็จะพบว่า แหลมทองคืออินเดียน้อยที่เป็นราชอาณาจักรมคธ มคธรัฐมีอาณาเขตจากตะวันออกไปจรดแผ่นดินจีนที่หนองแส ชาวมคธ เดินทางไปถึงต้าหลี่เป็นเส้นทางสายไหมโบราณแล้วนำอารยะธรรมไปสู่จีนก็จะตรงกัยสมัยสุย-ถัง เราจึงพบพระศาสนาแพร่กระจายตามหลังคติบูชาพระพรหมของอินเดียเหนือ พระศาสนาจึงผสมปนเปไปเรียกมหายาน ความเชื่อว่ามหายานที่จีนกับการพบเทวรูปปนอยู่กับรูปเคารพเทพก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า เดิมทีเริ่มแรกชาวอินเดียเหนือเป็นพราหมณ์พรหม ดังพุทธบิดาก็เป็นพราหมณ์ เมื่อแพร่พระศาสนาโดยพราหมณ์เดิมที่ยังไม่ถึงแก่นพระศาสนาจึงปนๆกันในคำสอนที่เริ่มต้นคล้ายๆกันนั่นเอง ............การนำจำนวน๑๑๘๒ ไปบวกมั่วไปหมดนั่นเองเป็นเหตุให้เราหลงทางครับ เขาบวกทุกเรื่องที่พบ ยกเว้นไม่บวกกับสมัยพระเจ้าอโศก พระเจ้าอโศกศักราชหลักร้อยถูกแยกกระเด็นเก่าไปกว่านครวัดทั้งๆที่ยกกองทัพมาสร้างพร้อมชาวทราวิฑ นักปวศ.จึงเล่าเพียงสมัยขอมเขมร ไม่พบขอมไทยต้นกำเนิด คนอินเดียเป็นนักปราชญ์มาจากหลายแคว้นต่างมีอารยะธรรมท้องถิ่นของตัวมาทิ้งร่องรอยไว้ เเราพบก็เอามาแยกยุคสมัยไปตามต้นเรื่องจากอินเดียว่า แบบนั้นแบบนี้เก่า ความจริงทุกคติเข้ามาพร้อมกันนั่นเองคติเก่าคติใหม่อย่างไรไม่ได้บอกว่าพระศาสนาเริ่มเมื่อสองพันห้าร้อยปีเลย เพราะทุกโบราณสถานสามารถค้นหาได้ว่ามันเป็นยุคกัสสปะหรือ อโศก ฯ ง่ายครัเพราะมีจารึกอยู่ เราหลงทางว่าอักษรมอญเก่าแก่แต่ล้านนาหลังอยุธยาก็เพราะเหตุนี้เอง แทนที่จะรู้ว่าล้านนามีก่อนพระเจ้าอโศก ฯ ไม่มีใครวิเคราะห์เรื่องนี้ ไม่มีใครวิเคราะห์ราชวังสะ เพราะกลัวจะมาขัดแย้งกับประวัติศาสตร์หลัก ความจริงท่านไม่สนใจแต่คอยเอาใจครูบาอาจารย์ที่สอนมา ควรเล่าประวัติศาสตร์โดยยึดหลักฐานที่พบว่า พระเจ้าอโศกเกิดขึ้นในสมัยที่สองของยุคต้นคือสุวัณภูมิ แล้วก็จะรู้ว่า พระเจ้าอโศกนำชาวทราวิฑที่แพ้สงครามเข้ามาด้วย เราเรียกทราวิฑดิ หรือแผ่นดินของชาวทราวิฑที่เกิดต่อในศักราชที่ ๓๕๐ ดังเรื่องนครวัดนั่นเอง ข้อพิสูจน์นี้สามารถยืนยันได้บนโบราณวัตถุที่พบนั่นเอง
เขมร โบราณสร้างครับ เเต่ โฟร์เเมนคือสยาม
เขมรไม่ได้อาศัยอยู่แถบนี้ครับ เขมรอยู่ปากแม่น้ำโขงเป็นหลัก
เหมือนเขมรสมัยนี้เลยครับ คนงานเขมร โฟร์แมน คนไทย ตกลงเขมรเป็นเจ้าของพื้นที่ จ้างโพร์แมนคนไทย คนไทยน่าจะกินหญ้านะ
เราได้ข้อสรุปไหมว่า...เป็นอารยะธรรมของสยามประเทศ....พวกสยามสร้างไว้...
ตอบไม่ได้ สรุปไม่ได้ว่าคนทวาราวดีเป็นคนพวกไหน?....
มอญโบราณ ต่างจากเขมรโบราณยังไง หรือว่ามันแบ่งเป็นคนละเมืองระหว่างฝั่งมอญโบราณกับเขมรโบราณ นั้นแสดงว่าแถบนี้ไม่ใช่อาณาจักรเดียวกันมาก่อน
มอญเขามีภาษาพูด อักษรอารยธรรมมาแต่โบราณแต่เขาไม่มีกษัตรย์ที่แข็งแกร่ง ส่วนเขมรยิ่งหนักเลยเป็นทาสถูกต้อนจากเกาะแก่งต่างๆมาขนหินสร้สงปราสาท มเหนทรบรรพต(เขาพระวิหาร) บรมวิษณุ(นครวัด) บายน(นครธมฺ อ่านว่าธรรมภาษาบาลี อักษรจาลึกคือปัลวะ และขอมโบราณ ก่อนจะมาเป็นขอมไทยที่เขมรเอาไปใช้ดัดแปลงยุค ร.4 นี่เอง เขมรมีภาษาพูดในเผ่าทาสมาหลายร้อยปีแต่ไม่มรอีกษรใช้
ข้อมูลแน่นดีครับ ประวัติศาสตร์เรามันบิดเบี้ยวตั้งแต่เปลี่ยนสยามมาเป็นไทยแล้วล่ะครับราวๆพศ.2475-2476 แม้แต่คำว่าสยามยังไม่มีในพจจนานุกรมเลย นี่ถ้ามันเปลี่ยนธงชาติไทยได้อีก มันก็จะบอกว่าไม่เคยมีไทย จะมีอะไรคงเป็นไปตามที่มันตั้งนั่นแหละ
@@skidrowkhong1373 ไม่ใช่หละแบบนี่ มันเรื่องแต่งดูถูกคนอื่น
ไม่ได้ดูถูกนะครับก็มันตามหลักฐาน แถมคำที่คุณใช่ว่าเขมรโบราณก็ไม่มี มีแต่ขอมโบราณ@@khan_2sukmai537
หวังว่าการขุดพบสิ่งใหม่ๆนี้จะเข้าหัวนักวิชาการไทยว่าเรารับศาสนาพุทธจากทางอินเดียนานแล้ว ไม่ใช่รับจากกัมพูชา กัมพูชาโผล่มาก็สร้างศาสนสถานฮินดูเลยตามรอยชวาที่สร้างก่อนแห่งแรก
อย่าง่าวค่ะหนู
อาณาจักรทาราวดีเป็นยุดครั้งพุทธกาลที่นายปุณณะเป็นพ่อค้าคาราวาลจากลุ่มน้ำเจ้าพระเดินทางไปค้าขายที่อินเดียได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วจึงไปฟังคำสอนเกิดความเลื่อมใสจึงขอบวชจนบรรลุอรหันต์ จึงขออนุญาตพระพุทธเจ้ากลับบ้านเกิดเพื่อนำคำสอนไปเผยแพร่ยังบ้านเกิดชื่อของอาณาจักรทาราวดีเป็นสำเนียงของอินเดียจึงสัณนิสฐานว่าการเดินทางมาจากอินเดียกับที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้เชื่อมต่อกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
กัมโบจาเป็นชนเผ่าหนึ่งมาจากอินเดีย
สองคอมเมนต์ที่แล้วผมรู้ว่าคนอ่านจะไม่เชื่อ เดิมทีผมก็คงไม่เชื่อ แต่จากการใช้วิทยาการสมัยใหม่เช่นกล้องดิจิตอล คอมพิวเตอร์ เราสามารถนำภาพมาใช้โปรแกรมค้นหาเลียนแบบภาพเอกซเรย์คือกลับเป็นเนกกาตีฟ แล้วใช้เฉดสีเพียงขาวดำ มันเป็นกรรมวิธีที่ผมชำนาญอยู่แล้วเมื่อนำมาใช้กับภาพโบราณสถานก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่พบ เราพบร่องรอยโบราณมากมายและชี้ชัดได้ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันคือการใช้เทกนิคไลดาห์ ที่ถ่ายภาพด้วยรังสีสะท้อนกลับมาให้เห็นว่า รังสีสามารถทะลุลึกลงไปในแผ่นดินได้ เราจึงพบร่องรอยโบราณ แต่ในความจริงกล้องดิจิตอลก็มีความสามารถพอที่จะลึกลงไปในชิ้นงาน แผนที่เช่นเดียวกัน เราใช้กล้องดิจิตอลที่ให้ความคมชัด จึงอ่านและเห็นภาพได้เช่นกัน แล้วเราก็พบความจริงว่า การที่นักประวัติศาสตร์เล่าเรื่องโบราณสถานทุกแห่งนั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่แห่งเดียว ปีนี้ผมอายุ ๗๒ ปีแล้วก็ได้เฝ้าแต่รอให้พวกแก่ๆนี่ตายไปก่อนจึงจะเผยความจริงให้สาธารณะได้รับรู้เรื่องของคนไทย แต่มันไม่ตายกันสักที เห็นทีเราจะตายก่อน ความลับพันปีก็จะสืบต่อไปอีกนานเท่าไร
ภาพที่ท่านทำมันไม่เป็น pattern ครับ รูปแบบสิ่งที่ท่านบอกว่าเป็นภาพสลัก หรืออักษรมันไม่มีรูปแบบที่ซ้ำกันครับ มันจึงเป็นได้แค่รอยขีดข่วนเหมือนกับสมัยพระราชกวีอ่ำอ่านกเบื้องจารแต่ถ้ามั่นใจในกระบวนการและหลักฐานของท่านแนะนำให้ตีพิมพ์เป็นงานวิจัยครับ
@@user-lw1pr1yc2m มันไม่ได้เกี่ยวกับสติปัญญาครับท่าน มันอยู่ที่หลักฐาน ท่านก็มีหลักฐานตามความเชื่อของท่านซึ่งจะทำให้มันน่าเชื่อถือก็ต้องถูกต้องตามระเบียบวิจัย แล้วต้องผ่่านการรีวิวอีก คำถามแรกที่ท่านจะโดนถามจากคณะกรรมการสอบคือ ทำไมภาพสลักและตัวอักษรที่ท่านค้นพบจึงไม่มีรูปแบบที่ซ้ำกันชัดเจนเหมือนกับแหล่งอื่น ๆ ทั่วโลกครับ
@@user-lw1pr1yc2m ผมถึงได้แนะนำให้ท่านตีพิมพ์งานวิจัยครับ แล้วท่านจะพบกับสิ่งที่ท่านค้นหาครับ
@@AKN6671 ลืมตอบเรื่องหลักฐานที่ท่านคอมเมนต์ว่าทำไมภลักฐานที่ผมค้นพบจึงไม่มีรูปแบบเหมือนแหล่งอื่นๆทั่วโลก ผมตอบว่ามีครับ แต่ความลึกซึ้งของการพิสูจน์ทราบเช่นฮารัปป้า เมโสฯ ล้วนมีหลักฐานเช่นเดียวกับที่ผมพบ ผมพาผู้คนไปดูก็เห็นจากการชี้ให้ดูว่ามันมีจริง เช่นภาพวาด อักษร เลขศักราชที่วัดศรีสวาย มันมีอยู่แต่เราไปเล่าสิ่งที่ไม่มีแล้วเอามาอ้างอิงได้อย่างไรเป็นตุเป็นตะไม่สมกับเป็นบัณฑิตที่รำ่เรียนมาเลย นี่มันนิทานแท้ๆ ผมอยากคุยด้วยครับทางเฟซบุ๊คเพจ เรื่องจริงมีหนึ่งเดียวครับ จะตอบสะดวกกว่า ขอให้ถือว่าเป็นอีกทางที่จะทำให้ท่านรู้คู่ขนานไปกับสิ่งท่านเรียนมาครับ
@@user-lw1pr1yc2m ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ผมถึงแนะนำให้ท่านตีพิมพ์งานวิจัยครับ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร
จารึกเยธัมมา 1 เป็นจารึกที่เก่า สมัยพุทธศตวรรษที่ 11 แต่หลายข้อมูลบอก 12 ข้อมูลไหนถูกต้องที่สุดครับ
นักวิชาการกระดุมทรพี ไม่ชอบสิ่งนี้
หนึ่งข้อสังเกตุที่สำคัญมากๆ ที่จะบอกยุคสมัยของโบราณสถาน ยุค ทวารวดี คือ อิฐ
อิฐ ทวารวดี จะมีรูปแบบ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ
ความกว้าง=สองเท่าของความหนา
ความยาว=สองเท่าของความกว้าง หรือ สี่เท่าของความหนา
ถือเป็น นวัตกรรม ซอฟพาวเวอร์ ของยุค ทวารวดี เลยก็ว่าได้ เพราะไม่มียุคใดเหมือน 😐
ให้เราฟังเรื่องประวัติศาสตร์จากผู้ที่เป็นนักประวัติศาสตร์...เพื่อที่เราจะได้รู้ว่า..เขารู้อะไร?
สิ่งที่เขาอ้างอธิบายให้เราฟังนั้น...เป็นความจริง เป็นข้อเท็จจริง..เกิดด้วยความจริง..หรือไม่?
เราก็จะสามารถรับรู้ได้จากการฟัง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ...เองให้ได้...เราจะได้เรียนรู้จาก
ความรู้ของเขา ที่มาของแหล่งความรู้ของเขาว่า...เกิดขึ้นจาก...ความจริงหรือคาดเดาเอาเอง
สิ่งที่เราได้ยิน ได้รับฟังนั้น...มันเป็นความจริง...จนสามารถนำเป็นข้อสรุปให้ถูกต้องได้ไหม?
ในคลิปนี้มีคำอธิบายด้วยความเชื่อหรือไม่?...สัณนิษฐานว่า...เชื่อว่า...คิดว่า....น่าจะ...ฯลฯ
ความเชื่อเรียนรู้ให้ถูกต้องไม่ได้....ความเชื่อไม่ใช่ความรู้...เพราะผู้ฟังผู้เรียนรู้ไม่สามารถที่จะ
เข้าใจให้ถูกต้องได้นั่นเอง...ในคำอธิบายหลายครั้งแม้แต่ตัวผู้อธิบายก็สรุปว่า....ไม่สามารถ
ที่จะสรุปให้ชัดเจนได้...(เพราะความเชื่อว่า สัณนิษฐานว่า เชื่อว่า...มันไม่ใช่ความรู้..จริงเท็จไม่รู้)
ดังนั้น....ต่อให้เราฟัง เราเรียนรู้ บนความเชื่อ ตามที่เขาเชื่อ..สอนอธิบายด้วยความเชื่อ...
สุดท้ายเราก็จะได้ความรู้แบบเดียวกัน....คือไม่สามารถสรุปได้..(ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร?)
ยิ่งเรียนรู้ไป ยิ่งเกิดความเชื่อ เกิดความคาดเดา คิดว่า น่าจะฯลฯ....แตกต่างกันไป...สุดท้าย
ผู้อธิบายยังบอกเลยว่า..."ไม่สามารถสรุปได้ ไม่มีใครสรุปให้ชัดเจนได้"...(คำสารภาพบนความ
ไม่รู้ที่จะหาข้อสรุปได้อย่างไรจากความเชื่อเหล่านั้น ของคนแต่ละคน แม้จะเชื่อเหมือนกันก็ตาม)
การเรียนรู้ศาสตร์ใดๆ การเป็นผู้รู้ในศาสตร์ใดๆ...การเป็นผู้รู้ผู้ชำนาญการในศาสตร์ใดๆ...
จงตระหนักเรื่องหนึ่งคือ...."ความจริง"....ถ้าไม่รู้ว่า...ความจริงคืออะไร?...การที่จะเรียนรู้ให้ถูกต้อง
ในศาสตร์นั้นๆ...การจะให้ความรู้ผู้อื่นในศาสตร์นั้นๆ ย่อมไม่มีข้อสรุปชัดเจน...เพราะว่า...ความรู้
บนความเชื่อของตนของคนแต่ละคน...ขาด"ความจริงไม่รู้ความจริงคืออะไร?"
คนที่ไม่รู้ว่า.."ความจริงคืออะไร?"....นั่นก็หมายความว่า...ไม่ได้เป็นผู้รู้ จัดให้เป็นผู้รู้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะความจริงคือความรู้....ถ้าไม่รู้ความจริงคือ...ไม่มีความรู้อย่างถูกต้องตามความจริงที่สิ่งนั้นเป็น
การที่ไม่รู้ความจริงคืออะไร?...คือไม่รู้ข้อเท็จจริง...เมื่อไม่รู้ความจริงย่อมคาดเดา ย่อมใช้ความเชื่อว่า
น่าจะ สัณนิษฐานว่า....โดยไม่รู้ว่า....สิ่งที่ตนพวกตนสัณนิษฐานว่า คาดเดาว่า..เชื่อว่าทั้งหลายนั้น..
ถูกต้องหรือไม่?....(ขาดความจริง)....คำอธิบายจึงอาจจะถูกต้องบางส่วนหรือผิดทั้งหมดเลยก็ได้จาก
การเชื่อว่า คาดว่า น่าจะ สัณนิษฐานว่า...ฯลฯ....
การไม่รู้ความจริงเรื่องเดียว...จึงต้องอธิบายด้วยความเชื่อ...
ความเชื่อไม่ใช่ความรู้...คนอธิบายไม่มีความรู้ (ที่ถูกต้อง)...อธิบายโดยไม่รู้ว่า...ตน "ไม่ใช่ผู้รู้ผู้ชำนาญการ"
ฝากไว้ให้คิด...เชื่อว่า อาจจะ สัณนิษฐานว่า...คิดว่า...ถ้าขาดข้อเท็จจริงอาจจะเป็นการใช้ความรู้ที่ผิดบิดเบือน
การใช้ความรู้ที่ผิดบิดเบือนก็อาจจะสร้างปัญหาจากการให้ความรู้ที่ผิดได้ตลอดเวลาเช่นกันครับ....
เบื้องต้นอาจจะทำให้ผู้เรียนรู้เข้าใจผิด จนร้ายแรงสุดคือ....ชาติเสียหายจากคำอธิบายนั้น..เสียดินแดน เสียอารยะธรรม
ที่เกิดจาก..."ควาไม่รู้ ของคนไม่รู้ได้"...เช่นกัน...อันตรายครับ ความเชื่ออันตรายสุดๆ ครับ
ยังมีนักวิชาการเกินบางกลุ่มยังหลงทางไปบอกเขมรโบราณทั้งที่เขมรไม่มีกษัตริย์ต้นตระกูลของเขมร นายแตงหวาน
นี่ก็มาแนวคลั่งชาติอีก ไม่ลืมหูลืมตากันเลย พูดอยู่ได้นายแตงหวาน ก่อนหน้านั้นเขาก็มีพระเจ้าชัยวรมันไม่ใช่เหรอ แต่ตอนหลังเขาแย่งอำนาจกันเอง ราชวงศ์เปลี่ยน มันแปลกตรงไหนครับที่เขาเปลี่ยนราชวงส์ สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ก็เปลี่ยนราชวงศ์กันมาไม่รู้กี่ครั้ง
@@ylamoonวรมันกษัตริย์พิมาย
@@dek-sincover4766 คุณก็ลองอ่านศิลาจารึกของปราสาทหินพิมายดูสิครับ แล้วคุณจะรู้ว่าพระเจ้าชัยวรมันน่ะพูดภาษาอะไร
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เรียกตัวเองว่าเขมรครับ
@@ylamoonราชวงศ์ทาสจามปา ?
สรุปว่าแต่ละการค้นพบหลักฐานโบราณที่เราสำรวจพบกันนี้ ไม่สามารถนำมาสานต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันหรือไปขยายความเช่นการพบพระพิมพ์ที่ฟ้าแดดสงยางว่าเกี่ยวข้องกันไหม เพราะอะไรคนค้นพบก็เชื่อมต่อเป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้ คนฟังก็ยิ่งไม่รู้ได้แต่ฟังเป็นตอนๆกันไปเล่นๆหาสาระไม่ได้ทุกประการ
ดังนั้นคก.ประวัติศาสตร์ชาติไทยควรนำความรู้มารวมกันเสียครั้งหนึงได้ไหมว่า ก่อนอยุธยา ๗๑๒ ก็เป็นนครวัดที่พราหมณ์ปกครองแผ่นดินโดยย้ายศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์ไป แล้วก่อน ๓๕๐ ก็เป็นสุวัณภูมิที่พระเจ้าอโศกแพร่ศาสนาครั้งที่สองหลังสังคายนาครั้งที่สามเมื่อหลังศักราช ๒๑๘ และก่อนนั้นไปถึงศักราชที่ ๑ เป็นสมัยพระมหากัสสปะแพร่มาครั้งแรก ห้วงเวลาหลังพระนิพพานจึงควรเป็น ๑๓๘๕ ปีมานี้นี่เอง การพบหลักฐานแต่ละแห่งนำมาเล่าแล้วทิ้ง ๆ จะได้ความรวมอย่างไรเพราะการวินิจฉัยห้วงเวลาก็ไปยึดพ.ศ.2567 แยกพระเจ้าอโศกไปจากชาวทราวิฑที่แพ้สงครามคือกลิงคะเอาคนมาเป็นไพร่พลแล้วยกมาแหลมทองสองทางคือทางแม่นำ้พรหมบุตรไปสุดที่ฝั่งตะวันตกแม่นำ้แยงซีเกียง ฝ่ายทางทะเลมาตามชายฝั่งเข้ามอญ และอ้อด้ามขวานขึ้นมา จากนั้นสร้างบ้านเมืองโบราณโดยฝ่ายเหนือล่องลงมาตามสายแม่นำ้หลักทั้งอิรวดี สารวิน แม่โขง แล้วตั้งศูนย์อำนาจขึ้นที่พุกาม เชียงใหม่ แล้วจึงสร้างสภาอิสานีให้พราหมณ์ที่ริมทะเลสาป
นี่คือเส้นทางหลักที่ท่านไม่ตั้งต้นเรื่องให้เป็นเรื่อง ขุดที่นั่นพบที่นี่แล้วเก็บ .........หลักฐานที่พบเต็มพธ.ไปหมดแต่เรื่องรวมกันไม่เป็นเรื่องเดียวกันได้
th-cam.com/video/w4qRTzFRmwo/w-d-xo.htmlsi=KjCCtAXaNgT-0sTm
อยากให้มีการเสวนาเรื่อง การพัฒนาสร้างเมืองใหม่นครปฐมในยุครัตนโกสินทร์ ทั้งการ สร้างทับปราสาทราชวังโบราณ การบูรณะปฏิสังขรณ์ การรื้อ ทำลายโบราณสถานเพื่อเอาอิฐ การรื้อทำลายเพื่อเปิดพื้นที่ ไม่ว่าจะเพื่อสร้างถนน ตัดถนน การสร้างทางรถไฟสายใต้ สร้างบ้านเมืองใหม่ ในเขตภายในคูเมืองโบราณนครปฐม3,600×2,000 เมตร ความเจริญที่ต้องแลกกัน.....หลักฐานประวัติศาสตร์ โบราณคดีเมื่อเทียบเคียงกับเมืองศรีเทพ...
พวกเขาคือ บรรพบุรุษคนไทยจริง มีการทำพระเครื่อง ปิดทองหลังพระ 😮😊
อารยะธรรมสยามประเทศครับ...นำพิสูจน์ว่าบรรพบุรุษคนสยามได้สร้างไว้ในตอนนั้น
นักวิชาการไทยขาดข้อเท็จจริงที่จะอธิบายเชื่อมโยง สรุปว่าเป็นอารยะธรรมของสยาม...เพราะขาดความรู้จริงในประวัติศาสตร์ที่ดีนั่นเองครับ
ผมขอเสนอให้ช่วยกันหาคำตอบว่าเมืองพระนคร กัมพูชา ถึงชื่อว่า เสียมราฐ และทำไมถึงมีภาพสลัก เนะสยำกุก คาับ
เห็นด้วยสุดๆหลักฐานก็ชัดเจนมากแต่นักวิชาเกินมันรับงานมาบิดประวัติศาสตร์
พระนคร เก่าของเราแต่โบราณ เชื้อเจ้านายต่างๆก็สือมาจนถึงกรุงเทพ ไม่ผิด ทำไมเจ้านายเราถึงได้ปกครองชาวสยามมาได้ยาวนานจนผู้คนถึง70ล้านคน แต่เจ้านายเขมรที่ยิ้งใหญ่กับคนเพี่ยง17ล้านของคนไทยบางพวกถึงไม่เห็นจะยิ้งใหญ่เหมือนเจ้านายสยามบ้านเราสักนิด
เนะ สยำกุก....เป็นคำที่จีนเรียก...สยามประเทศ
พบตัวอักษรไทยอายุ ห้าหรือหกพันที่แล้วในหลุมขุดค้นบ้านโนนวัด...ผมนำพิสูจน์ไว้ให้เรียนรู้ตามกันได้แล้วครับ
กุก เป็นภาษา ขอม รากภาษามอญ อ่านว่าโคก...ภาษาโบราณจะไม่มีสระ แบบปัจจุบัน คำว่า สยาม ก็เขียน สยำ.....สยำกุก แปลว่า สยามโคก หรือสยามอาศัยที่สูง..ด็คือสยามลุ่มน้ำมูลและศรีเทพ......คำว่า เสียมเรียบ หรือสยามราบ ไม่ได้แปลว่า สยามแพ้ แต่แปลว่า สยามที่อาศัยที่ราบโตนเลสาป....เพราะทำว่าแพ้ในภาษาเขมร ไม่ใช่ เรียบ
ณ ดินแดนแห่งนี้เรียกว่าเสียม สยามแต่โบราณ มีชนหลายชาติพันธุ์อยู่ร่วมกัน เช่นมอญ ญัฮกุร ไทย ลาว กูย และไทใหญ่ไทยลื้อต่างๆ แต่คนในเสียมนี่คนส่วนใหญ่ก็คือคนไทยนีาแหละผสมปนเปกัน ส่วนเขมรคือทาสมีแค่ภาษาพูดคุยในเผ่าเดียวกันแต่ไม่มีอักษรใช้ และถูกต้อนไปเป็นทาสอยู่กระจุกเดียวที่เมืองพระนคร เพราะทำอะไรไม่เป็นทำเป็นแต่หาปลา ล่าสัตว์ตามป่าตามดง ทอผ้าไม่เป็น แต่เขมรจะเก่งด้านใช้แรงงานเพื่อหล่อเลี้ยงเมืองพระนครทีากษัตริย์สยามปกครองอยู่ ชื่อก็เป็นไทย+สันสกฤตนครวัด)บรมวิษณุ,มเหนทรบรรพต(เขาพระวิหาร) นครธรรม(บายน) สมบูรณ์ไพรโคก สมโบรไพรโคก(สมโบไพกุก)และชื่อแม่น่ำลำธารเมืองต่างๆในกัมโพช ล้วนเป็นชื่อสยามหรือไทยทั้งสิ้น เพราะสยามเป็นเจ้าของ อีกษรที่เข้ามาในสุวรรณภูมิและวิวัฒนาการมาเรื่อยๆมี ปัลวะ➡️หลังปัลวะ➡️มอญขอมโบราณ➡️ขอมไทย(ลายสักยันต์ต่างๆ)ลายสือไทย➡️ไทยอยุธยาตัวเแียงๆ➡️ไทยปัจจุบันส่วนล้านช้างก็ดัดแปลงจากขอมไป และเขมรดัดแปลงจากขอมไทย บางตัวยกไปทั้งดุ้นและเอาไปเท่าที่ออกเสียงได้เท่านั่น บางตัวจึงอ่านไม่ออก ส่วนภาษาบาลีและสันสกฤตเอามาแต่เสียงใช้อักษรขอม จดบันทึก
พระเจ้าชัยวรมันที่7 เรียกตัวเองว่าเขมรครับ
มาจากพิมาย แสดงว่าเป็นคนพิมายเป็นคนป่าคนดงงั้นหรือครับ
@@AKN6671 สยามคุมเกมอยู่ในยุคนั้นเขมรโผล่มาโดนตีตายแหละ เผ่าเขมรเผ่าทาสทั้งนั้น ชัย7คือขอม ขอมคือชนชั่นปกครอง ขอมไม่ใช่เผ่าพันธุ์ ภาษาที่ใช้จารึกก็อักษรขอมโบราณ ไม่ใช่ภาษาเขมร เขมรอ่านขอมไม่ออก
@@AKN6671 มีแต่สยามกับสยาม เผ่าเขมรคือทาสแรงงานรับใช้ในเมืองพระนคร ถ้าท่านชัยวรมัมที่7เป็นเขมรจะตั้งชื่อชัยวรมัมทำไมไม่ตั้ง เปรี้ยะปร้ะ เฮือบเฮียบไปนุ้น ภาษาไทยชัดเจน
@@AKN6671 เขมร17ล้านคน 555ตลก ทำอะไรเองก็ไม่เป็นสักอย่าง งานวาดเขียนศิลปะในวัดยังแก้เองไม่เป็นไปจ่างฝรั่งมาแก้ให้ตลกชิบ นี้หรือเขมร17ล้านผู้เคยยิ้งใหญ่ คิดเยอะๆนะ
อีที่พิมพ์ยาวๆ นี่คิดเอง หรือเดาเอา หรือไปฟังมาจากวิทยุคะ? งงมากค่ะ พอนักวิชาการเค้าไปหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าขอมกับเขมร มันคือคำเดียวกัน ก็ไม่เชื่อ พยายามตะแบงเพราะกลัวเสียเกียรติเสียยศหรือคะ ว่าบรรพชนเรา เอาตามเขมร
เมืองหัสตินาปุระ กับเมืองทวารวดี อยู่ตรงไหนครับ
การฝังสิ่งของในเจดีย์ มีอย่างน้อย 2เจตนา 1 เพื่อทำบุญ 2. สืบทอดพระพุทธศาสนา จารึกโคกแจง อักษรหลังปัลวะ ภาษาสันสกฤต ทำเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ความหลากหลาย ในแต่ละสำนัก นำมาซึ่งวิธีการสอนที่แตกต่างกัน
ยายเล่าให้ฟัง เวลาสร้างเจดีย์หรือองค์พระพุทธรูป ชาวบ้านจะสละแหวน ตุ้มหู สร้อยคอ กำไล ของมีค่าเครื่องประดับเป็นสาวนใหญ่ ถวายเป็นพุทธบูชา
นิกายศาสนาพุทธที่ว่ามานี้เป็น มหายานหรือว่าหินยานครับแอดมิน
จะหาความจริงได้จากไหนหนอ ก็เกิดมาก่อนจะไปถามหาได้กับใครหละ
ไม่อยากให้นักประวัติศาสตร์นักวิชาเกินมาอวยประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่น่ารักด้วยการด้อยประวัติศาสตร์ตนเองจนเขาเอาสิ่งที่พวกท่านเหล่านั้นพูดไปเป็นข้อมูลอ้างอิงว่าเป็นของเขาจนเคลมแบบไม่อาย
ตอนผมเด็กๆ แถวบ้านผมเรียก "เขาวัดพระงาม" ห่างจากบ้านผมแค่ 200 ม. เอง เดินขึ้นไปเล่นประจำ
ได้ประโยชน์อะไร ก็บอกครับ
@@user-sn6nt9bv4d
แล้วมีประโยชน์ที่เมนท์ถามผม??? 😏
@@user-sn6nt9bv4d
แล้วได้ประโยชน์อะไร ที่มาเม้นท์ถามผม???
รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม😅😅😅
ทวารวดี เก๋ากว่าอารยธรรม ขอม 😂
เปล่า ขอมเก่ากว่า เดิมทางทวารวดีถูกเรียกว่าสินธุ ขอมคือคามลังกาหรือหลั่งยะสิ่วหรือจ้วงหรือโจว อาณาเขตเป็นตะวันออกตะวันตก ไทยคือสินธุอยู่ตะวันตก จ้วงหรือยุทธยาอยู่ตะวันออก ดูจากคำว่าอินโดนีเซีย คือสินธุ และ เนสยาม แล้วไปจารึกรับรองยุทธยาว่า เน สยามกก เกิดเป็นละโว้(ชวาทวีป)ยุธยา
ขอแนะนำเพื่อการเข้าถึงความจริงอย่างง่ายครับ............การต้นพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นการแพร่พระศาสนาเข้ามายังแผ่นดินของเราต้องมาจากอินเดียทั้งเหนือและใต้อย่างแน่นอน ดังการพบพระดินเผารูปแบบเดียวกันที่ฟ้าแดดสงยาง และที่อู่ทอง หากเราตั้งสมมุติฐานว่าก้วงเวลาเป็นยุคสมัยราว พศต.ที่ ๑๔ มันก็ผิดแล้วครับ ดังนั้นขอชี้แนะว่าให้ยกศักราชเก่ามาเล่าหรืออ้างอิงจากอยุธยา ๗๑๒ ถ้าเราย้อยยุคขึ้นไปก็จะพบว่า นครวัดราว ๓๕๐ แล้วก่อนนั้นคืออะไรหรือครับ ....มันคือสุวัณภูมิที่เป็นต้นเรืองของเมืองสุพรรณนี่เอง .......นั่นคือศักราชที่ ๑ มาถึง ๓๕๐ ลองตั้งสมมุติฐานว่าพระนิพพานเกิดแล้วนับศักราชที่ ๑ ลงมาถึงศักราช ๒๑๘ แล้วจาก ๒๑๘ มาถึง ๓๕๐ ก็จเห็นว่ามันมีสองสมัยในหนึ่งยุค....ลองยกมาวิเคราะห์ว่าหลังพระนิพพานพระมหากัสสปะสังคายนาแล้วแพร่พระศาสนามายังแผ่นดินของเราก็จะพบว่า แหลมทองคืออินเดียน้อยที่เป็นราชอาณาจักรมคธ มคธรัฐมีอาณาเขตจากตะวันออกไปจรดแผ่นดินจีนที่หนองแส ชาวมคธ เดินทางไปถึงต้าหลี่เป็นเส้นทางสายไหมโบราณแล้วนำอารยะธรรมไปสู่จีนก็จะตรงกัยสมัยสุย-ถัง เราจึงพบพระศาสนาแพร่กระจายตามหลังคติบูชาพระพรหมของอินเดียเหนือ พระศาสนาจึงผสมปนเปไปเรียกมหายาน ความเชื่อว่ามหายานที่จีนกับการพบเทวรูปปนอยู่กับรูปเคารพเทพก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า เดิมทีเริ่มแรกชาวอินเดียเหนือเป็นพราหมณ์พรหม ดังพุทธบิดาก็เป็นพราหมณ์ เมื่อแพร่พระศาสนาโดยพราหมณ์เดิมที่ยังไม่ถึงแก่นพระศาสนาจึงปนๆกันในคำสอนที่เริ่มต้นคล้ายๆกันนั่นเอง ............การนำจำนวน๑๑๘๒ ไปบวกมั่วไปหมดนั่นเองเป็นเหตุให้เราหลงทางครับ เขาบวกทุกเรื่องที่พบ ยกเว้นไม่บวกกับสมัยพระเจ้าอโศก พระเจ้าอโศกศักราชหลักร้อยถูกแยกกระเด็นเก่าไปกว่านครวัดทั้งๆที่ยกกองทัพมาสร้างพร้อมชาวทราวิฑ นักปวศ.จึงเล่าเพียงสมัยขอมเขมร ไม่พบขอมไทยต้นกำเนิด คนอินเดียเป็นนักปราชญ์มาจากหลายแคว้นต่างมีอารยะธรรมท้องถิ่นของตัวมาทิ้งร่องรอยไว้ เเราพบก็เอามาแยกยุคสมัยไปตามต้นเรื่องจากอินเดียว่า แบบนั้นแบบนี้เก่า ความจริงทุกคติเข้ามาพร้อมกันนั่นเองคติเก่าคติใหม่อย่างไรไม่ได้บอกว่าพระศาสนาเริ่มเมื่อสองพันห้าร้อยปีเลย เพราะทุกโบราณสถานสามารถค้นหาได้ว่ามันเป็นยุคกัสสปะหรือ อโศก ฯ ง่ายครัเพราะมีจารึกอยู่ เราหลงทางว่าอักษรมอญเก่าแก่แต่ล้านนาหลังอยุธยาก็เพราะเหตุนี้เอง แทนที่จะรู้ว่าล้านนามีก่อนพระเจ้าอโศก ฯ ไม่มีใครวิเคราะห์เรื่องนี้ ไม่มีใครวิเคราะห์ราชวังสะ เพราะกลัวจะมาขัดแย้งกับประวัติศาสตร์หลัก ความจริงท่านไม่สนใจแต่คอยเอาใจครูบาอาจารย์ที่สอนมา ควรเล่าประวัติศาสตร์โดยยึดหลักฐานที่พบว่า พระเจ้าอโศกเกิดขึ้นในสมัยที่สองของยุคต้นคือสุวัณภูมิ แล้วก็จะรู้ว่า พระเจ้าอโศกนำชาวทราวิฑที่แพ้สงครามเข้ามาด้วย เราเรียกทราวิฑดิ หรือแผ่นดินของชาวทราวิฑที่เกิดต่อในศักราชที่ ๓๕๐ ดังเรื่องนครวัดนั่นเอง ข้อพิสูจน์นี้สามารถยืนยันได้บนโบราณวัตถุที่พบนั่นเอง
เขมร โบราณสร้างครับ เเต่ โฟร์เเมนคือสยาม
เขมรไม่ได้อาศัยอยู่แถบนี้ครับ เขมรอยู่ปากแม่น้ำโขงเป็นหลัก
เหมือนเขมรสมัยนี้เลยครับ คนงานเขมร โฟร์แมน คนไทย ตกลงเขมรเป็นเจ้าของพื้นที่ จ้างโพร์แมนคนไทย คนไทยน่าจะกินหญ้านะ
เราได้ข้อสรุปไหมว่า...เป็นอารยะธรรมของสยามประเทศ....พวกสยามสร้างไว้...
ตอบไม่ได้ สรุปไม่ได้ว่าคนทวาราวดีเป็นคนพวกไหน?....
มอญโบราณ ต่างจากเขมรโบราณยังไง หรือว่ามันแบ่งเป็นคนละเมืองระหว่างฝั่งมอญโบราณกับเขมรโบราณ นั้นแสดงว่าแถบนี้ไม่ใช่อาณาจักรเดียวกันมาก่อน
มอญเขามีภาษาพูด อักษรอารยธรรมมาแต่โบราณแต่เขาไม่มีกษัตรย์ที่แข็งแกร่ง ส่วนเขมรยิ่งหนักเลยเป็นทาสถูกต้อนจากเกาะแก่งต่างๆมาขนหินสร้สงปราสาท มเหนทรบรรพต(เขาพระวิหาร) บรมวิษณุ(นครวัด) บายน(นครธมฺ อ่านว่าธรรมภาษาบาลี อักษรจาลึกคือปัลวะ และขอมโบราณ ก่อนจะมาเป็นขอมไทยที่เขมรเอาไปใช้ดัดแปลงยุค ร.4 นี่เอง เขมรมีภาษาพูดในเผ่าทาสมาหลายร้อยปีแต่ไม่มรอีกษรใช้
ข้อมูลแน่นดีครับ ประวัติศาสตร์เรามันบิดเบี้ยวตั้งแต่เปลี่ยนสยามมาเป็นไทยแล้วล่ะครับราวๆพศ.2475-2476 แม้แต่คำว่าสยามยังไม่มีในพจจนานุกรมเลย นี่ถ้ามันเปลี่ยนธงชาติไทยได้อีก มันก็จะบอกว่าไม่เคยมีไทย จะมีอะไรคงเป็นไปตามที่มันตั้งนั่นแหละ
@@skidrowkhong1373 ไม่ใช่หละแบบนี่ มันเรื่องแต่งดูถูกคนอื่น
ไม่ได้ดูถูกนะครับก็มันตามหลักฐาน แถมคำที่คุณใช่ว่าเขมรโบราณก็ไม่มี มีแต่ขอมโบราณ@@khan_2sukmai537
หวังว่าการขุดพบสิ่งใหม่ๆนี้จะเข้าหัวนักวิชาการไทยว่าเรารับศาสนาพุทธจากทางอินเดียนานแล้ว ไม่ใช่รับจากกัมพูชา กัมพูชาโผล่มาก็สร้างศาสนสถานฮินดูเลยตามรอยชวาที่สร้างก่อนแห่งแรก
อย่าง่าวค่ะหนู
อาณาจักรทาราวดี
เป็นยุดครั้งพุทธกาล
ที่นายปุณณะเป็นพ่อค้า
คาราวาลจากลุ่มน้ำเจ้าพระ
เดินทางไปค้าขายที่อินเดีย
ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้า
อุบัติขึ้นแล้วจึงไปฟังคำสอน
เกิดความเลื่อมใสจึงขอบวช
จนบรรลุอรหันต์ จึงขออนุ
ญาตพระพุทธเจ้ากลับบ้าน
เกิดเพื่อนำคำสอนไปเผยแพร่ยังบ้านเกิด
ชื่อของอาณาจักรทาราวดี
เป็นสำเนียงของอินเดีย
จึงสัณนิสฐานว่าการเดินทางมาจากอินเดียกับที่ราบ
ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้เชื่อม
ต่อกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
กัมโบจาเป็นชนเผ่าหนึ่งมาจากอินเดีย
สองคอมเมนต์ที่แล้วผมรู้ว่าคนอ่านจะไม่เชื่อ เดิมทีผมก็คงไม่เชื่อ แต่จากการใช้วิทยาการสมัยใหม่เช่นกล้องดิจิตอล คอมพิวเตอร์ เราสามารถนำภาพมาใช้โปรแกรมค้นหาเลียนแบบภาพเอกซเรย์คือกลับเป็นเนกกาตีฟ แล้วใช้เฉดสีเพียงขาวดำ มันเป็นกรรมวิธีที่ผมชำนาญอยู่แล้วเมื่อนำมาใช้กับภาพโบราณสถานก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่พบ เราพบร่องรอยโบราณมากมายและชี้ชัดได้ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันคือการใช้เทกนิคไลดาห์ ที่ถ่ายภาพด้วยรังสีสะท้อนกลับมาให้เห็นว่า รังสีสามารถทะลุลึกลงไปในแผ่นดินได้ เราจึงพบร่องรอยโบราณ แต่ในความจริงกล้องดิจิตอลก็มีความสามารถพอที่จะลึกลงไปในชิ้นงาน แผนที่เช่นเดียวกัน เราใช้กล้องดิจิตอลที่ให้ความคมชัด จึงอ่านและเห็นภาพได้เช่นกัน แล้วเราก็พบความจริงว่า การที่นักประวัติศาสตร์เล่าเรื่องโบราณสถานทุกแห่งนั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่แห่งเดียว ปีนี้ผมอายุ ๗๒ ปีแล้วก็ได้เฝ้าแต่รอให้พวกแก่ๆนี่ตายไปก่อนจึงจะเผยความจริงให้สาธารณะได้รับรู้เรื่องของคนไทย แต่มันไม่ตายกันสักที เห็นทีเราจะตายก่อน ความลับพันปีก็จะสืบต่อไปอีกนานเท่าไร
ภาพที่ท่านทำมันไม่เป็น pattern ครับ
รูปแบบสิ่งที่ท่านบอกว่าเป็นภาพสลัก หรืออักษรมันไม่มีรูปแบบที่ซ้ำกันครับ มันจึงเป็นได้แค่รอยขีดข่วนเหมือนกับสมัยพระราชกวีอ่ำอ่านกเบื้องจาร
แต่ถ้ามั่นใจในกระบวนการและหลักฐานของท่านแนะนำให้ตีพิมพ์เป็นงานวิจัยครับ
@@user-lw1pr1yc2m มันไม่ได้เกี่ยวกับสติปัญญาครับท่าน มันอยู่ที่หลักฐาน ท่านก็มีหลักฐานตามความเชื่อของท่าน
ซึ่งจะทำให้มันน่าเชื่อถือก็ต้องถูกต้องตามระเบียบวิจัย แล้วต้องผ่่านการรีวิวอีก
คำถามแรกที่ท่านจะโดนถามจากคณะกรรมการสอบคือ ทำไมภาพสลักและตัวอักษรที่ท่านค้นพบจึงไม่มีรูปแบบที่ซ้ำกันชัดเจนเหมือนกับแหล่งอื่น ๆ ทั่วโลกครับ
@@user-lw1pr1yc2m ผมถึงได้แนะนำให้ท่านตีพิมพ์งานวิจัยครับ แล้วท่านจะพบกับสิ่งที่ท่านค้นหาครับ
@@AKN6671 ลืมตอบเรื่องหลักฐานที่ท่านคอมเมนต์ว่าทำไมภลักฐานที่ผมค้นพบจึงไม่มีรูปแบบเหมือนแหล่งอื่นๆทั่วโลก ผมตอบว่ามีครับ แต่ความลึกซึ้งของการพิสูจน์ทราบเช่นฮารัปป้า เมโสฯ ล้วนมีหลักฐานเช่นเดียวกับที่ผมพบ ผมพาผู้คนไปดูก็เห็นจากการชี้ให้ดูว่ามันมีจริง เช่นภาพวาด อักษร เลขศักราชที่วัดศรีสวาย มันมีอยู่แต่เราไปเล่าสิ่งที่ไม่มีแล้วเอามาอ้างอิงได้อย่างไรเป็นตุเป็นตะไม่สมกับเป็นบัณฑิตที่รำ่เรียนมาเลย นี่มันนิทานแท้ๆ ผมอยากคุยด้วยครับทางเฟซบุ๊คเพจ เรื่องจริงมีหนึ่งเดียวครับ จะตอบสะดวกกว่า ขอให้ถือว่าเป็นอีกทางที่จะทำให้ท่านรู้คู่ขนานไปกับสิ่งท่านเรียนมาครับ
@@user-lw1pr1yc2m ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ผมถึงแนะนำให้ท่านตีพิมพ์งานวิจัยครับ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร
จารึกเยธัมมา 1 เป็นจารึกที่เก่า สมัยพุทธศตวรรษที่ 11 แต่หลายข้อมูลบอก 12 ข้อมูลไหนถูกต้องที่สุดครับ
นักวิชาการกระดุมทรพี ไม่ชอบสิ่งนี้