ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 4 ก.พ. 2022
- จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสง
.
ติดตามเราได้ที่ Planet9TV
Facebook : / planet9tv
TH-cam : / planet9tvchannel
----------------------------
ถ้าชอบคลิปในช่อง Planet9TV กด Subscribe หรือ ติดตามพวกเราด้วยนะคะ - วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หรือว่านิวทริโน จะเป็นอนุภาคที่เกิดก่อนกาล และมันเดินทางย้อนกลับไปสู้จุดกำเนิดจักรวาลทางเดียวครับ ไม่ได้ไปข้างหน้าตามเวลาของเอกภพแบบแสง
แบบว่าเกิดมาทิศตรงข้ามกับเอกภพเพื่อประคอง ยึดอนุภาคต่างๆที่วิ่งสวนกันมา
เห็นเข้ากำลังตรวจสอบ ทิศทางการเคลื่อนที อยู่ในเหมืองร้างในญี่ปุ่นอยู่นะครับ ถ้ามีทิศทางเดียว ข้อสันนิฐานของคุณก็เริ่มมีส่วนเป็นจริง แต่เท่าที่พิสูจน์ได้ในขณะนี้ นิวทริโน เกิดจากในกลางของดาวฤกษ์ เช่น ดวงอาทิตย์ ครับ
น่าจะไม่เป็นความจริงนะครับ ปี 2011 ผลการวัดบอกว่าเร็วกว่าแสง แต่เขาบอกว่าเป็นความผิดพลาด พอวัดใหม่ตอนปี 2012 ปรากฎว่ามันไม่ได้เร็วกว่าแสง
แต่ก็ ไกล้เคียง ความเร็วแสง ครับ
เพิ่งมาติดตามเพจนี้ครับต้องขอชมว่าทำได้เยี่ยมมากครับ ทั้งน้ำเสียงผูู้บรรยาย คำบรรยาย ภาพประกอบและเนื้อหาก็ทันสมัยดี
ทุกสิ่งเป็นไปได้ในจักรวาลนี้
เดจาวูคืออาการของฝัน. จิตของมนุษย์จะสงบในตอนนอนหลับและบางคนอาจหลับลึกจนเหมือนมีชีวิตนึงในโลกของความฝัน. และมีสิ่งนึงที่เดินทางเร็วกว่าแสงนั้นก็คือ จิต.ของมนุษย์นี้และ เพราะจิตของคนนึกถึงสิ่งใดมันก็สามารถไปถึงทันที
จิตไม่ได้เร็วกว่าแสงครับ จิตไม่สามารถนึกถึงสิ่งที่ไม่เคยเจอหรือเคยฟังมาได้
และความเร็วของประสาทในการส่งข้อมูลหรือประมวลผลมีความเร็วไม่ถึง 400km./ชม. เลยครับ ห่างไกลจากความเร็วแสงเยอะ
@@Bramthegrave ผมขอยืนยันว่าจิตเร็วกว่าแสงครับ ถ้าคุณฝึกสมาธิเบื้องต้นให้ได้อัปนาสมาธิ แล้วค่อยได้ฌาน1-4ครับ
@@user-ni4nj3qb2k ก็อย่างที่บอกครับ มันเป็นสารสื่อประสาท ที่เดินทางอยู่แค่ในสมองครับ ไม่ใช่การเดินทางจริง คลื่นสมองส่งสัญญาณช้ากว่าแสงเยอะมากครับ
@@user-ni4nj3qb2kนี่วิทยาศาสตร์ครับอย่ามาเรื่องธรรมมะเพราะความเป็นจริงแล้วไม่มีนรกสวรรค์หรือวิญญาณ
เส้นผ่าศูนย์กลาง กาแล็คซี่ Milky way (ทางช้างเผือก)
ราว... 105,000 ปีแสง (Light year)
*แสงที่เดินทางได้เร็วที่สุดในเอกภพ 300,000km/s (3แสนกิโลเมตร ต่อ วินาที)
ยังใช้เวลาเป็นแสนปี กว่าจะหลุดพ้นออกจาก Galaxy
Scale มันใหญ่โตมโหราฬ 🥺 จนยากจะจินตนาการถึง
6แสนจ้าา พึ่งฟังมาเลย ณ ปัจจุบัน
วิญญาณของเรากับจิตของเรานี่แหละที่เร็วกว่าแสงมีพลังวิเศษเท่าเทียมกันทุกคน😊
ใช่ครับ จิตไวสุด
ป้าข้างบ้าน
ขอบคุณถูกต้องที่สุดรักจากใจเสมอ
ทุกอย่างที่เราเห็นเป็นอดีตอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องย้อนเวลา เพราะการเห็นของเราขึ้นอยู่กับความเร็วแสงและระยะทางของสิ่งที่เรามองเห็น สิ่งที่อยู่ไกลกว่าจะเป็นอดีตมากกว่าสิ่งที่อยู่ใกล้กว่า ที่เราไม่รู้สึกถึงอดีตเพราะส่วนใหญ่สิ่งที่เรามองเห็นไม่ได้อยู่ไกลมาก สามารถพูดคุยโต้ตอบและสัมผัสได้ แต่เมื่อไหร่ที่สิ่งนั้นอยู่ไกลเกินกว่าระยะทางที่แสงจะเดินทางได้ภายใน 1 นาที (18 ล้านกิโมเมตร) ความเป็นอดีตจะเริ่มชัด เช่น ดวงอาทิตย์ที่เราเห็นจะเป็นอดีตเมื่อ 8 นาทีที่แล้วเสมอ ถ้าเรามองไปที่ดาวอัลฟาเซ็นจูรีซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 ปีแสง เราก็จะเห็นอดีตของมันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขณะที่แสงของเหตุการณ์ปัจจุบันยังเดินทางมาไม่ถึง นั่นแปลว่าอะไรก็ตามที่มีระยะทาง เราจะเห็นแค่อดีตของมันเสมอ ยิ่งไกลก็ยิ่งเป็นอดีตมาก
สมมติว่าเรามีประตูโดเรม่อน สามารถไปไหนก็ได้ภายใน 0 วินาที และมีกล้องที่ส่องเห็นใบหน้าคนได้ไม่ว่าไกลขนาดไหน ถ้าเราไปอยู่บนดาวดวงหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากโลกของเรา 10 ปีแสง (100 ล้านล้านกิโลเมตร) เมื่อส่องกล้องมาที่โลกของเรา เราจะเห็นอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพราะแสงเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพิ่งเดินทางมาถึง แต่แสงปัจจุบันยังเดินทางอยู่ในอวกาศ ยังมาไม่ถึงเรา ถ้าเราเห็นภาพตัวเองเมื่อ 10 ปีที่แล้วกำลังพูดอะไรอยู่ สมมติว่าเราสามารถได้ยินเสียงด้วย แต่เสียงที่ได้ยินจะไม่ใช่เสียงของเรา เพราะเสียงเดินทางช้ากว่าแสงประมาณ 877,000 เท่า (ใน 10 วินาที แสงเดินทางได้ 3 ล้านกิโลเมตร ขณะที่เสียงเพิ่งเดินทางได้ 3.4 กิโลเมตร) นั่นแปลว่าเสียงเมื่อ 10 ปีที่แล้วของเราจะต้องใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 9.2 ล้านปี (เสียงเดินทางได้ 10.8 ล้านกิโลเมตรใน 1 ปี) จึงจะมาถึง นั่นแปลว่าเราเห็นปากเราขยับก็จริง แต่เราจะได้ยินเสียงของสัตว์เมื่อ 9 ล้านปีที่แล้วแทน ดังนั้น การเห็นอดีตจะไม่สมบูรณ์เพราะเสียงกับแสงเดินทางด้วยความเร็วต่างกันมาก แต่ในความเป็นจริงคลื่นเสียงเดินทางไม่ได้ไกลขนาดนั้น ยิ่งไกลยิ่งเบาลง และต้องอาศัยตัวกลาง ขณะที่อวกาศไม่มีตัวกลางให้เสียงสามารถเดินทางได้ เราจึงเห็นได้แค่ภาพเท่านั้น
ถ้ามีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งอยู่ห่างจากโลกเรา 18 ล้านกิโลเมตร (แสงใช้เวลาเดินทาง 1 นาที) สมมติว่าเพื่อนเราใช้ประตูโดเรม่อนเดินทางไปที่ดาวนั้น เมื่อเราส่องกล้องดูเราจะยังไม่เห็นเพื่อนเราทันที ต้องรอ 1 นาที แสงของภาพในอดีตเมื่อ 1 นาทีที่แล้วของเพื่อนเราจึงจะเดินทางมาถึงตาของเรา
ดังนั้น การย้อนอดีตคือการเห็นแสงที่เพิ่งเดินทางมาถึงเรา ส่วนการเห็นอนาคตไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อสิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้น มันก็จะไม่มีแสงเดินทางมาที่ตาของเรา ทุกอย่างที่เราเห็นจึงเป็นอดีตทั้งหมด แต่ขึ้นอยู่กับระยะทางว่าอยู่ไกลแค่ไหน ยิ่งไกลมากยิ่งเป็นอดีตมาก เราจะไม่สามารถโต้ตอบกับสิ่งที่อยู่ไกลมากๆ ได้เพราะแสงและเสียงใช้เวลาในการเดินทาง เพราะฉะนั้น เราเห็นอดีตได้อย่างเดียว แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่แสง ขณะที่แหล่งกำเนิดแสงก็อยู่ไกลมาก
สตีเฟน ฮอว์คิง บอกว่าอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ดำเนินไปพร้อมๆกัน แสดงว่าอนาคต มันเกิดขึ้นแล้ว แต่ทำไมเราถึงไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต(เราจำได้แต่อดีต) สรุป อนาคตมันเกิดขึ้นแล้ว หรือยังไม่เกิดครับ ถ้ายังไม่เกิด ทำไมสตีเฟน ฮอว์คิง ถึงพูดแบบนั้น(อดีตปัจจุบันอนาคตเกิดขึ้นพร้อมกัน)
@@user-uq5nh7tp7r อนาคตคือเหตการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่แสงของเหตุการณ์นั้นอยู่ไกลมาก ยังเดินทางมาไม่ถึงตาเรา และจะไม่มีวันมาถึง เช่น เมื่อเรามองไปที่ดาวอัลฟ่าเซนทอรี่ เราจะเห็นอดีตของมันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพราะมันห่างจากเราไป 4 ปีแสง ถ้าเราอยากจะเห็นปัจจุบันของดาวดวงนั้น เราก็ต้องเดินทางไปที่ดาวอัลฟ้าเซนทอรี่ แต่เมื่อเราไปถึงดาวอัลฟ่าเซนทอรี่ เมื่อมองมาที่โลกเราก็จะเห็นอดีตของโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน คือเวลา ณ ตำแหน่งที่เรายืนอยู่
อดีต คือเวลาที่เดินทางมาถึงเราจากแหล่งกำเนิดแสง
อนาคต คือเวลาปัจจุบันของแหล่งกำเนิดแสงแต่ยังเดินทางมาไม่ถึงเรา
ทั้ง 3 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกัน
และเมื่อ เรามอง นิวตรีโน่ล่ะ มองด้วยอะไร
@@user-uq5nh7tp7r ไม่ใช่ว่าเขาต้องถูกเสมอ
@@ylamoon นั่นเพราะเราถือการมองเห็นเป็นพระเอก
และในโลกของคนตาบอด ล่ะ
คลิปคุณดีมากๆเลยนะครับ ข้อมูลก็ดีมากๆอีกเช่นกัน จะติดตามตลอดไปเลยล่ะครับ ☺
ขอบคุณมากครับ
ได้ความรู้และเพลินดีมากครับ
เสียงผู้บรรยายคุ้นมาก ไม่ทราบว่าเป็นใครครับ
ใครทำเรื่องนี้สำเร็จ จะเป็นพุทธเจ้าองค์ต่อไป จริงๆนะผมเชื่อ
สุดยอดมากเลยครับ
เสียงบรรยาย ไพเราะน่าฟังมากจร้าา
ชอบช่องนี้ครับ
เป็นไปได้ก็ดีมากๆเลยครับ...
สุดยอดครับ เรื่องจักรวาลนี่มันลึกลับจริงๆ เพราะมันไม่ได้มีแค่โลก มันมีแสงอาทิตย์ มันมีความกว้างใหญ่ข้างนอก ซึ่งเราอยู่แต่ในโลก มันมีที่มาที่ไปแน่ๆ
ไช่มันกว้างจนเกินนึกถึงจิงๆๆแค่ดาวบางดวงก็ไหญ่เกินจิตนาการ
@@user-ly9ji2px1c 66งงงงรงงรร
มันก็น่าคิดอยู่ว่าการที่เรานอนหลับและตื่นในแต่ละครั้ง เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าที่ๆ เราอยู่ในแต่ละตื่นคือเอกภพเดียวกันกับที่เราเคยอยู่ มันเหมือนซะจนแยกไม่ออกเลย เคยรู้สึกแบบนั้นไหม มีบางช่วงที่เราเหลือบดูนาฬิกาตรงเข็มวินาทีหรือเลขวินาที เราจะรู้สึกว่ามันนานกว่าปกติ กว่าที่จะเปลี่ยนไปอีกวินาที คือรู้สึกว่า 1 วินาทีในตอนนั้นมันนานเท่ากับ 3 วินาที
ใช่ครับรุ้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ถ้าตื่นมายังเจอหน้าเมียเหมือนเดิมแสดงว่าเอกภพเดิมคับ
ผมเคยมีครั้งนึง ตอนนั้น คือเห็นภาพแบบ สโลโมชั่น จังหวะนั้นคือ ในความรู้สึก เห็นภาพช้ามาก ช้าเหมือนเวลาหยุดวิ่ง แต่แค่ครั้งเดียวในชีวิตจริงๆ ที่เห็นในเวลานั้น
@@suriyakojumnong4754 🤣😅🤣🤣
เรียกว่าการย้ายจิต ครับ ผมเคยหลุดมาแล้ว ตอนนั่งสมาธิ จนถึงขั้น ยานปรุงไมเวส ผมไปดูดวงอาทิต และไปดูดาวดนปจูนมาแล้ว ไม่ต้องให้ใครเชื่อ ผมหลุดของผมคนเดียว คุณก็ทำได้ หากคุณนั่งสมาธิ
"จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าการเดินทางเร็วกว่าแสงจะสามารถย้อนเวลาได้ สิ่งที่เร็วกว่าแสงก็แค่มันเร็วกว่า ไปถึงก่อนแสง ใช้เวลาน้อยกว่าแสงเท่านั้น เวลามันเดินไปแค่ข้างหน้า ไม่ย้อนกลับ"
เช่นดาวดวงหนึ่งหากจากโลก 2 ปีแสง ถ้ามีอะไรเร็วกว่าแสง มันอาจจะใช้เวลาปีเดียวก็ถึง ก็แค่นั้น
ความเห็นส่วนตัวคือ มนุษย์ยังไม่พบหรือเจออะไรที่เร็วกว่าแสง ขนาด UFO เรายังไม่รู้เลยว่ามันบินต้านแรงโน้มถ่วง ทิศทางการบินที่สามารถเลี้ยวกลับ 360องศา หรือบินนอกโลกไกลๆได้ยังไง เพราะความรู้เรายังไปไม่ถึง
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อหลายร้อยปีก่อน ม้าที่เคยใช้เดินทางกันจนเป็นคำติดปากว่า"ม้าเร็ว" จะมีอะไรที่เร็วกว่าม้า เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีรถ มีเครื่องบิน นู้นนี่นั่น ที่พาเราเดินทางได้เร็วว่าม้า บางทีในอนาคตเราอาจจะวาปแทานการใช้พาหนะก็ได้ ใครจะไปรู้
ขอเสริมอีกนิดครับ หากเดินทางได้เร็วกว่าแสงจริงก็หมายความว่าเราเดินทางไปถึงก่อนแสง จะบอกว่าเป็นการย้อนเวลาก็ไม่ถูกนักเพราะเหตุการณ์เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่มีทางย้อนกลับ ซึ่งหากว่าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสงจริงสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือการไล่ดูเหตุการณ์เหมือนกับการกรอภาพวีดีโอย้อนหลังแต่นั่นก็หมายความว่าคุณจะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้าดูเพียงอย่างเดียวโดยไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุหารณ์นั้นได้ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เมื่อหยุดเดินทางภาพเหล่านั้นก็จะกลับมาดำเนินต่อไปเหมือนเราหยุดเล่นภาพถอยหลังแล้วกลับมากดปุ่ม play เพื่อดูภาพต่อ😊
เดินไปอีกจุด ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง
วิ่งไปอีกจุด ด้วยเวลา 30 นาที
คนเดิน ไช้เวลาของคนวิ่ง 30 นาที
และไช้เวลาอีก30นาทีเพื่อไปถึง
แต่คนวิ่ง 30 นาที ก็ต้องไช้เวลาของ
คนที่เดิน 30 นาทีตามหลังเช่นกัน
แต่30นาทีหลัง ไช้ไปกับอะไรแค่นั้น
สรุปแล้ว การหลุดกฏแรงเฉื่อยในระบบ
มันเกิดขึ้นไม่ได้ ในทุกตำแหน่งของ
อวกาศในขอบเขตที่เป็นอนันต์
แก้อดีต และ เห็นการเกิดอนาคต
จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์
ผู้อยู่เหนือธรรมชาติเท่านั้นจะรู้ อนาคต
แต่แก้สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้
ตลอดชั่วนิจนิรันดร์
ลูกศรเวลาจะเดินหน้าเท่านั้นนะ
ผมไม่ได้บอกว่าจะย้อนอดีตนะ ผมยกตัวอย่างให้คือสมมุติว่านานแสงขับรถจาก กทม.ไป ขอนแก่น ใช้เวลา8ชั่วโมง นายวาบขับรถใช้เวลา6ชั่วโมง คำถามคือนายวาบจะมองเห็นอดีตหรือไม่? คำตอบคือไม่ ก็ยังคงเห็นเวลาเหมือนเดิมแค่ไปถึงก่อน ผมไม่ได้เถียงอะไรถึงกฏฟิสิกส์ แต่เรารู้ที่ความรู้เรามีบนโลก นอกโลกอาจมีกฏอื่นที่เราไม่รู้ก็ได้
@@ABC5555XYZแสงกระทบวัตถุ มาเข้าตาเรา หากไม่มีอะไรมารับคลื่นแสง มันก็เดินทางไปในอวกาศ ไม่สิ้นสุด หากเราเดินทางไปดักหน้าแสงชุดนั้น ชุดที่เป็นเหตุการณ์นั้น เราก็ ให้แสงเข้าตาเราอีกครั้ง เราก็เห็นอดีตไง
พลังจิตไงทึ่เดินทางเร็วกว่าแสง จึงอยูเหนือกาลเวลา ย้อนอดีตและรู้อนาคตได้
ถ้าเราเดินทางได้เร็วกว่าแสงไม่ได้ทำให้เราได้เห็นอดีตหรอกแต่จะเห็นอนาคตแทน เช่นมีคนสองคนวิ่งแข่งกันปลายทาง10กิโลมีเค้กตั้งอยู่คนหนึ่งใช้เวลา5ชมอีกคนใช้เวลา1วิในการเดินทางคนที่2จะรู้คำตอบแล้วว่าข้างหน้าคืออะไร
ชอบเสียงผู้พากย์มาก
ถ้าย้อนเวลาไปตอนเด็กตอนเรียนหนังสือได้..คงมีความสุขไม่น้อย..ไปแก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาดหลายอย่าง..ให้ดีขึ้น
เราแค่รู้ไม่ถึง10เปอร์เช็นของจักวาลเรารู้แค่สิ่งที่เรารู้และตั้งกฏขึ้นมาจากสิ่งที่เรารุ้เพียงเล็กน้อย มีอีกหลายอย่างในจักวาลที่เราไม่สามารถอธิายได้ด้วยความรู้ที่เรารู้
วิทยาศาสตร์ทำได้แค่ศึกษาปรากฎการณ์ธรรมชาติ ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ การย้อนเวลายิ่งเป็นเรื่องเพ้อฝัน การเดินทางด้วยความเร็วแสงหรือเหนือแสงเพื่อเอาชนะเวลาสู่อนาคต ก็เปรียบได้แค่เราจากบ้านไปทำงานต่างถิ่น เมื่อกลับมาในอนาคตก็ไม่ได้มีตัวเรา2คน เอกภพในตอนนี้มีแค่ปัจจุบัน คหสต.
หากเห็นต่างกันแชร์ความคิดเห็นได้ครับเพื่อความรู้
ไม่ใช่ครับ ทุกอย่างที่เราเห็นเป็นอดีตอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องย้อนเวลา เพราะการเห็นของเราขึ้นอยู่กับความเร็วแสงและระยะทางของสิ่งที่เรามองเห็น สิ่งที่อยู่ไกลกว่าจะเป็นอดีตมากกว่าสิ่งที่อยู่ใกล้กว่า ที่เราไม่รู้สึกถึงอดีตเพราะส่วนใหญ่สิ่งที่เรามองเห็นไม่ได้อยู่ไกลมาก สามารถพูดคุยโต้ตอบและสัมผัสได้ แต่เมื่อไหร่ที่สิ่งนั้นอยู่ไกลเกินกว่าระยะทางที่แสงจะเดินทางได้ภายใน 1 นาที (18 ล้านกิโมเมตร) ความเป็นอดีตจะเริ่มชัด เช่น ดวงอาทิตย์ที่เราเห็นจะเป็นอดีตเมื่อ 8 นาทีที่แล้วเสมอ ถ้าเรามองไปที่ดาวอัลฟาเซ็นจูรีซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 ปีแสง เราก็จะเห็นอดีตของมันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขณะที่แสงของเหตุการณ์ปัจจุบันยังเดินทางมาไม่ถึง นั่นแปลว่าอะไรก็ตามที่มีระยะทาง เราจะเห็นแค่อดีตของมันเสมอ ยิ่งไกลก็ยิ่งเป็นอดีตมาก
สมมติว่าเรามีประตูโดเรม่อน สามารถไปไหนก็ได้ภายใน 0 วินาที และมีกล้องที่ส่องเห็นใบหน้าคนได้ไม่ว่าไกลขนาดไหน ถ้าเราไปอยู่บนดาวดวงหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากโลกของเรา 10 ปีแสง (100 ล้านล้านกิโลเมตร) เมื่อส่องกล้องมาที่โลกของเรา เราจะเห็นอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพราะแสงเมื่อ 10 ปีที่แล้วเพิ่งเดินทางมาถึง แต่แสงปัจจุบันยังเดินทางอยู่ในอวกาศ ยังมาไม่ถึงเรา ถ้าเราเห็นภาพตัวเองเมื่อ 10 ปีที่แล้วกำลังพูดอะไรอยู่ สมมติว่าเราสามารถได้ยินเสียงด้วย แต่เสียงที่ได้ยินจะไม่ใช่เสียงของเรา เพราะเสียงเดินทางช้ากว่าแสงประมาณ 877,000 เท่า (ใน 10 วินาที แสงเดินทางได้ 3 ล้านกิโลเมตร ขณะที่เสียงเพิ่งเดินทางได้ 3.4 กิโลเมตร) นั่นแปลว่าเสียงเมื่อ 10 ปีที่แล้วของเราจะต้องใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 9.2 ล้านปี (เสียงเดินทางได้ 10.8 ล้านกิโลเมตรใน 1 ปี) จึงจะมาถึง นั่นแปลว่าเราเห็นปากเราขยับก็จริง แต่เราจะได้ยินเสียงของสัตว์เมื่อ 9 ล้านปีที่แล้วแทน ดังนั้น การเห็นอดีตจะไม่สมบูรณ์เพราะเสียงกับแสงเดินทางด้วยความเร็วต่างกันมาก แต่ในความเป็นจริงคลื่นเสียงเดินทางไม่ได้ไกลขนาดนั้น ยิ่งไกลยิ่งเบาลง และต้องอาศัยตัวกลาง ขณะที่อวกาศไม่มีตัวกลางให้เสียงสามารถเดินทางได้ เราจึงเห็นได้แค่ภาพเท่านั้น
ถ้ามีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งอยู่ห่างจากโลกเรา 18 ล้านกิโลเมตร (แสงใช้เวลาเดินทาง 1 นาที) สมมติว่าเพื่อนเราใช้ประตูโดเรม่อนเดินทางไปที่ดาวนั้น เมื่อเราส่องกล้องดูเราจะยังไม่เห็นเพื่อนเราทันที ต้องรอ 1 นาที แสงของภาพในอดีตเมื่อ 1 นาทีที่แล้วของเพื่อนเราจึงจะเดินทางมาถึงตาของเรา
ดังนั้น การย้อนอดีตคือการเห็นแสงที่เพิ่งเดินทางมาถึงเรา ส่วนการเห็นอนาคตไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อสิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้น มันก็จะไม่มีแสงเดินทางมาที่ตาของเรา ทุกอย่างที่เราเห็นจึงเป็นอดีตทั้งหมด แต่ขึ้นอยู่กับระยะทางว่าอยู่ไกลแค่ไหน ยิ่งไกลมากยิ่งเป็นอดีตมาก เราจะไม่สามารถโต้ตอบกับสิ่งที่อยู่ไกลมากๆ ได้เพราะแสงและเสียงใช้เวลาในการเดินทาง เพราะฉะนั้น เราเห็นอดีตได้อย่างเดียว แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่แสง ขณะที่แหล่งกำเนิดแสงก็อยู่ไกลมาก
ถ้าเจอตัวเองในวัยเด็กไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ยัดสถิติหวยออกที่ผ่านมาให้ แค่นี้จบ
เสียใจ ... ต่อให้คุณเดินได้เร็วกว่าเเสง คุณก็ย้อนอดีตเเบบหวนคืนเหตุการณ์ในอดีต หรือไปอนาคตไม่ได้ เเละไม่มีวันทำได้
แว้วเคยเห็นแสงข้ามเวลาไปไหนป่าวล่ะ
สรุปเรื่องนิวทรีโนที่แท้จริงได้เมื่อไหร่ ท่าจะมันส์
ย้อนเวลากลับไปได้จะไปพูดคุยอะไรเพ้อเจ้อ ควรรีบไปหาซื้อลอตเตอรี่ ปริ๊นตารางการออกเลขของที่งวดที่ผ่านมาทั้งหมดพกติดมือกลับไปด้วย ย้อนกลับไปแล้ววันๆไม่ต้องทำอะไรตะเวนหาซื้อเลขหวยทั้งใต้ดินสามตัวตรงๆกับลอตเตอรี่
ผมขอเอาเสียงไปตัดต่อคลิปน่ะครับพี่ ผมชอบช่องพี่มากทำต่อไปเรื่อยๆน่ะครับ 🥰
เค้ายังไม่อนุญาต
@@user-pn7pc1zm7j มันก็ยังไม่ได้เอาไปตัดต่อนิ
เป็นความจริงที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ นักวิทยาศาตร์ที่รู้แล้วจำเป็นต้องปิดเป็นความลับ
ถึงเร็ว และไม่ต้องตื่นเช้า
ถ้าเราเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง เวลาจะหยุด ถามว่าทำไมถึงหยุด ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ครับ สมมติว่าเราเดินทางในวันที่ 1 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. พอดี ผมจะขอเอานายไก่มาใช้ประกอบตัวอย่างนะครับ สมมติว่าในวันที่ 1 มกราคม 2565 นายไก่ทำกิจกรรมดังนี้
เวลา A -> 8.00 น. นายไก่ดื่มกาแฟ
เวลา B -> 9.00 น. นายไก่ออกกำลังกาย
เวลา C -> 10.00 น. นายไก่ตักข้าวกิน
เวลา D -> 11.00 น. นายไก่พาหมาไปเดินเล่นในสวน
เวลา E -> 12.00 น. นายไก่เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ตลาด
ถ้าเราเดินทางเวลา 10.00 น. ในวันที่ 1 มกราคม 2565 (เวลา C) สมมติว่าตอนนั้นนายไก่กำลังตักข้าวเข้าปากอยู่ แสงของภาพนี้ ณ เวลา C ของนายไก่ก็จะเดินทางไปพร้อมกับเราด้วยความเร็วเท่ากัน นั่นแปลว่าไม่ว่าเราจะเดินทางออกจากโลกไปนานเท่าไหร่ เมื่อส่องกล้องกลับมาที่โลก นายไก่ก็จะตักข้าวเข้าปากค้างไว้อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เพราะแสง C เดินทางมาพร้อมกับเราด้วยความเร็วเท่ากัน ขณะที่แสง D และ E ก็จะไม่มีวันมาถึงสายตาของเรา แม้ว่าจะเดินทางด้วยความเร็วเท่ากัน แต่แสง D กับ E ออกเดินทางมาทีหลังจึงตามเรามาไม่ทัน และเราก็จะไม่เห็นแสง A กับ B เพราะออกเดินทางไปก่อน เมื่อมองกลับมาที่โลกทีไรนายไก่ก็ยังคงทำท่าตักข้าวเข้าปากเหมือนเดิม ไม่เคลื่อนไหวใดๆ ก็เท่ากับเวลาหยุด เราจะเดินทางไปนาน 10 หรือ 20 ปีจากโลก แสง C ก็ตามเราไปทุกที่ ติดตาไปอย่างนั้น แม้ว่าบนโลกของเรานายไก่จะไปถึงไหนต่อไหนและมีอายุมากขึ้นแล้วก็ตาม
ถ้าเราอยากเห็นนายไก่ ณ เวลา A และ B ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในอดีตจะทำยังไง คำตอบก็คือเราต้องเดินทางเร็วกว่าความเร็วแสง เมื่อเราเร่งความเร็วให้มากกว่าแสง สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ นายไก่เริ่มเคลื่อนไหวแบบย้อนหลัง เพราะเรากำลังเคลื่อนที่ไปหาแสง B และแซงแสง A ไปแล้ว เราจะเห็นนายไก่เดินถอยหลังออกจากโต๊ะกินข้าวและเดินถอยหลังเข้าไปในห้องออกกำลังกาย (ช่วงเวลา B) เหงื่อท่วมตัว ออกกำลังกายแบบถอยหลัง เหงื่อหายไปเพราะย้อนมาถึงตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้องออกกำลังกาย จากนั้นก็จะเคลื่อนไหวแบบย้อนหลังไปที่โต๊ะกาแฟ (ช่วงเวลา A) กาแฟหมด นายไก่นั่งดื่มกาแฟแบบย้อนหลัง กาแฟในแก้วเพิ่มขึ้นจนเต็ม เห็นนายไก่คนกาแฟย้อนหลัง เห็นผงกาแฟไหลกลับเข้าไปในซองกาแฟ ย้อนหลังไปเหตุการณ๋ก่อนหน้าเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าแสงอยู่ ทั้งนี้ การเคลื่อนที่ย้อนหลังของนายไก่จะยิ่งเร็วขึ้นเมื่อเราเดินทางด้วยความเร็วที่มากขึ้น ถ้าเราเดินทางด้วยความเร็วมากกว่าความเร็วแสง 2 เท่า นายไก่จะเคลื่อนที่ย้อนหลังเร็วเป็น 2 เท่า
ถ้าเราลดความเร็วลงขณะเดินทางมาพร้อมกับแสง C สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เราจะเห็นนายไก่เคลื่อนไหวไปข้างหน้าแต่เคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ สักพักหนึ่งแสง ณ เวลา D ก็จะมาถึงเรา เราจะเห็นนายไก่พาหมาไปเดินเล่นที่สวน อีกพักหนึ่งแสง ณ เวลา E ก็จะมาถึงเรา เราจะเห็นนายไก่ไปกินก๊วยเตี๋ยวที่ตลาด เราจะค่อยๆ เห็นหตุการณ์หลังจากเวลา C ไปเรื่อยๆ เมื่อเราลดความเร็วลงเรื่อยๆ นายไก่ก็จะเคลื่อนที่เร็วขึ้น แต่ก็ยังช้ากว่าปกติ เมื่อเราหยุดกับที่ นายไก่จึงจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปกติ
สรุปคือ เมื่อเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเข้าใกล้แสง นายไก่จะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแบบช้าลงๆ เวลาจะเริ่มช้าลง เมื่อเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสง นายไก่จะหยุดนิ่ง ภาพ ณ เวลานั้นของนายไก่จะติดตาและเดินทางไปพร้อมกับเราตลอด เวลาจะหยุด เมื่อเราเดินทางเร็วกว่าแสง เวลาจะย้อนหลัง เพราะเราแซงแสงในอดีตที่ออกเดินทางไปก่อนหน้าเราได้ แต่ว่ามันไม่ใช่การย้อนอดีตแบบที่ตัวเราเข้าไปอยู่ในโลกอดีตนะครับ เราแค่เห็นแสงในอดีตเฉยๆ เหมือนที่เราเห็นแสงในอดีตจากดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้า ยิ่งอยู่ไกลจากเรามากก็ยิ่งเป็นอดีตมาก เพราะแสงต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าจะมาถึงเรา
แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเมื่อเราเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสงจริงๆ มันจะเป็นยังไง สมมติว่าเราเดินทางกลับมาที่โลกด้วยความเร็วเท่ากับแสง ผมก็ไม่แน่ใจว่าเราจะเห็นภาพการเคลื่อนที่ของคนบนโลกเร็วเป็นสองเท่าหรือเปล่า
เราต้องเดินทางเร็วกว่าแสงแบบวาปได้ในชั่วพริบตาครับถึงจะมองเห็นอดีตได้ เช่น ถ้าเราวาปไปดาวA ที่มีระยะห่างจากโลก 5ปีแสง พอเราไปถึงดาวA แล้วมองกลับมายังโลกก็จะเห็นภาพเมื่อ 5ปีที่แล้วและเราต้องรอยุที่ดาวA อีก5ปีถึงจะเห็นภาพที่ตัวเรากำลังวาปมา
อย่าฝันเลยว่าคนค้นพบมันจะกล้าเปิดเผย เพราะมนุษษ์จะเป็นอุปสรรคในการท่องเวลาของพวกมัน
ไม่มีทางข้ามหรือย้อนเวลาได้หรอกครับ
ไม่ว่าเราเร่งความเร็วได้จนถึงค่าอนัน มันก็แค่ใช้เวลาน้อยลงในการเดินทางก็เท่านั้นเองนะครับ
หากเดินทางได้เร็วกว่าแสง การสื่อสารของจะไปถึงจุดที่ติดต่อส่งตรงกันไม่ได้อีกเลย อนุภาคนิวตรีโน หรือเตคีออน ข้อมูลความเร็วสูงสุดยังไม่มีใครรู้ เลย
ไม่แน่ระยะทางที่ไกลเป็นอนันต์มันอาจพันกลับเวลา....กาแล็คซี่ที่เราเห็นไกลแสนล้านปีเป็นไปได้ไหมเรากำลังเฝ้ามองกาแล็คซี่ช้างเผือกของเราเองที่อยู่ในอดีตที่ไกลโพ้น
เมื่อแสงเดินทางจาก a ไป B ทำให้เรามนุษย์ผู้สังเกตุพบค่าความเร็วแสงในปัจจุบัน แล้วถ้ามนุษย์อีกโลกที่มีขนาดเมื่อเทียบกับมนุษย์แล้วเท่ากับมดของมนุษย์อีกโลก ความเร็วแสงของมนุษย์อีกโลกจะวัดได้เท่ากันไหม ในเมื่อ1เมตรไม่เท่ากัน แสดงว่าแสงเดินทางช้ามาก จนเขาเห็นมนุษย์ในโลกเล็กตายแล้วเกิดเป็นร้อยๆครั้งไปแล้วในขณะมนุษย์ในโลกใหญ่แค่กระพริบตา ถ้ามนุษย์ในโลกเล็กเท่ากับอะตอม มนุษย์ในโลกใหญ่จะมองเห็นเราหรือวัดเราไม่ได้เพราะเราตายแล้วเกิดเร็วกว่าแสงไปแล้ว
น่ากลัวว
ถูกต้อง_เราเปรียบได้ดั่งอตอม_ที่เพียง1วิเราเกิดดับนับไม่ถัวน
ตัวตนของ...เวลา...มันเป็นยังไง หน้าตามันเป็นยังไงภึงได้เอามากล่าวอ้างกันบ่อยนัก มนุษย์ชอบหลอกตัวเองแล้วจบลงที่ความผิดหวัง
จิตและความคิดในความทรงจำเท่านั้นที่ย้อนกลับไปในอดีตได้ภายในพริบตา
อย่าหยุดทำนะครับ^*^
มันจะทำอย่างไรถึงจะเอาพลังงานพลีโน่..มาใช้..ในการขับ..ยาน..ได้...
ไม่มีสิ่งใดเร็วดว่าแสง แม้แต่แสงเองก็ตาม
เวลาสามารถทำให้ช้าลงได้ แต่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้
นอนครับทุกคน แล้วเราตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นกันนะ แล้วเราไปรอแสงอาทิตย์กันครับ.แค่นี้เราก็เดินทางไปรอแสงอยุ่แล้วครับ
ผมคิดว่า
ต่อให้เราเคลื่อนที่เร็วกว่าแสงหรือเร็วกว่านิวทรีโนได้จริง เวลาก็จะไม่ย้อนไปในอดีต เพียงแต่เวลาจะช้ามากหรือเวลาอาจจะหยุดนิ่งไปเลย (Pause)และเวลาอาจไม่มีความหมายอีกต่อไปก็เท่านั้นเอง ส่วนการย้อนอดีตทำได้แค่คล้ายๆการกรอเทปวีดิโอกลับ (Rewind)ตัวเราก็จะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแล้วเมื่อกดPlayชีวิตก็ดำเนินต่อไปตามลิขิตที่กำหนดแล้วเฉกเช่นเดิม อาการเดจาวูนี่แหละทำให้เรารู้ว่า มีใครในมิติที่5หรือมิติที่สูงกว่านี้เล่นตลกกดกรอเทปวีดิโอเหตุการณ์กลับไปกลับมา แล้วก็กดPlayให้วีดิโอมันเล่นใหม่อีกครั้ง จนเราสงสัยว่าเหตุการณ์นี้เหมือนมันเคยเกิดขึ้นแล้วนั่นเอง คนยุคเก่าก่อนกล่าวไว้เรื่อง"พรหมลิขิตไว้แล้ว"ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง
พรหมลิขิต.มันเป็นคติทางความเชื่อของพรามณ์ กามเทพ.คติของคริสต์ ส่วนของพุทธคือ บุพเพสันนิวาส
ถ้างั้นเราก็คงอยู่ในขอบเขตสินะ_เรื่องนี้ผมคิดมานานละ_ยังดีที่มีคนคิดด้วยแนวเดียวกัน_เหมือนบ่อปลาเลย
อันนี้คือเรื่องจริงะ มีการเดินทางได้เร็วกว่าแสงจริง พระพุทธเจ้าทรงค้นพบมาแล้วทางจิตสมาธิ ทรงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเอกภพ ซึ่งเป็นที่อยู่ของจักรวาลทั้งหมด หลายแสนล้านจักวาล
เลอะเทอะ
โม้ป่ะ
ใช่ค่ะ
การเดินทางมีอยู่ปกติ
ไม่ว่าในอดีดและปัจจุบัน
แต่ .แค่เราไมเจอ
หรือเราเจอแต่พวกเขาไม่แสดงตัว..เขาอาจปะปนอยู่กับเราก้อได้
ถ้าโลกเราไม่มีผู้เรืองปัญญาอาศัยอยู่ด้วย...ดวงดาวและดาวหางจะชนโลกหลายครั้งแต่ทำไมโลกของเราถึงยังรอดมาได้ทุกครั้ง..เคยเอะใจกันหรือไม่
ลำพังมนุษย์ผู้โง่เขลาด้อยปัญญาป่านนี้โลกเราคงถึงกาลปะวะกาลศาลไปนานแล้ว
ความรู้ที่มนุษย์มีอยู่ มันเก่าแก่มากแล้ว ใกล้เวลา ที่มนุษย์จะก้าวกระโดด เรื่องความรู้ แต่จริงๆแล้วยิ่งกว่าก้าวกระโดด เป็นการใช้ไม้ค้ำถ่อแล้วกระโดด มันคือความจริงที่จะเกิดขึ้น
ความเร็วหลุดดำมากสุด มั้ง
คุณสมบัติมันยังกะการใช้ญานอภิญญา เช่นการแยกร่างไปยังที่ต่างๆ หรือไปกลับดาวอื่นมิติอื่นได้โดยตัวผู้ทำยังอยู่ที่เดิม😅
ความคิด เดินทางได้เร็วที่สุด
ต่อให้เดินทางได้เร็วกว่าแสงมันก็ไม่จำเป็นว่าเราจะย้อนเวลาได้ เพราะมันเป็นแค่ทฤษฎีของไอน์สไตน์เท่านั้น ซึ่งความจริงมันอาจจะไม่เป็นตามทฤษฎีก็ได้ ก็คือเดินทางเร็วกว่าแสงก็เดินทางได้เร็วขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องย้อนเวลา
เชื่อว่าเป็นไปได้ มนุษย์เก่งฉลาด
เรียนิยู่เครียดเลย
สมองของผมไม่สามารถเข้าใจจักรวาลได้ทั้งหมด มันซับซ้อนมาก
น่าสงสัยอยู่ครับแสงเดินทางจากดวงจันทร์มาสู่โลกใช้เวลาเพียง 1 วินาที ไม่ว่าจะมีอานุภาพอะไรที่เร็วกว่าแสงอาจจะเป็นควอนตัมก็ได้หรือนิวซิโน่อะไรเนี่ยแล้วไงในเมื่อคนเราไม่ได้ไปวิ่งเร็วแบบนั้นได้มันต้องเป็นอนุภาคขนาดเล็กมากเท่านั้น ถ้าคนเราเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงจะเกิดอะไรขึ้นกับอวัยวะในร่างกายไม่ยุ่ยสลายฉีกขาดหมดหรือ
ยังไม่ได้เตรียมเลยคับเพราะผมคิดว่ามันยังไม่ใช่เร็วๆนี้ คงอีกซักร้อยหรือพันปีข้างหน้าละมั๊งคับ
คน.ๆเดียว..กัน..จะอยู่ในที่ๆเดียวกันนั้น..ไม่น่าจะได้..
เกิอะไรขึ้นนะหรอ ย้อนเวลาไม่ได้แต่หยุดเวลาได้
และเวลาของผู้อยู่บนเครื่องจะหยุดเมื่อเทียบกับคนไม่ได้ขึ้นเครื่อง
แล้วจะเกิดการข้ามเวลาไปอนาคต
กล่าวคือถ้าเราเดินทางเท่าแสงเป็นเวลา1ชั่วโมง เราจะข้ามเวลาไปอนาคต1ชั่วโมง
ว๊าปได้ไหม? เห็นว่ากำลังทดลองอยู่ ขอให้สำเร็จนะ.
เรื่องนี้มันคือแอปเปิ้ลลูกสุดท้าย
มันยังไม่ถึงเวลา
เราก็จะเบื่อ และอยากเร็วขึ้นไปอีก
A
มวล (m) ที่ เคลื่อนที่ (p)
ด้วยความเร็วแสง (c)
มัน จะ คือ E ………………………..X1
ตาม สมการฟิสิกส์ของไอน์สไตน์
E^2 = m^2c^4 + p^2c^2
E=mc^2 …. when a particle is stationary (in the frame of interest)
B
เมื่อ E ….. X1 (คือ แสง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)
มัน อยู่ในสถานะเย็นลง (อุณหภูมิต่ำ)
มันจะควบแน่นลงเป็น อนุภาค (m)
ตามกฏฟิสิกส์ของฮิกส์ (Higgs)
++++++++
คนที่อยู่ใน สตาร์ชิป (หนังสตาร์เทรค)
เมื่อ เคลื่นที่ เท่าความเร็วแสง หรือ สูงกว่า
จะ “เหมือนในหนังไหม”
รอผู้รู้เสนอ….
เราคงไปชนดาวเคราะห์สักดวงในแถบดาวเคราะห์น้อย เพราะการเดินทางให้เร็วกว่าแสงอันตรายมาก ระบบเบรกจะต้องดี ระบบเซ็นเซอร์หลบหลีกการชนต้องดี
5555คุณแบบผมเลย555
ผมก็จะมีเพื่อนคือ ทาน็อด ชิ 55
วีถีแห่งโลก จักรวาล ย่อมเปลี่ยน ไป ไม่หยุดนิ่ง สมการ ก้อเช่นกัน ย่อมเปลี่ยน ตามการค้นพบ ที่นำมาอ้างอิง ในกาลเวลานั้น ครับ เปรียบเสมือนการ เปลี่ยน จุดยืน มุมมอง ที่ ใด้ ก้อจะเปลี่ยน ตาม เช่นกัน
การค้นหาที่จะพบคำตอบที่แท้จริง คือ การหยุดนิ่งที่ตัวเรา นั่นเอง
ก็เป็น เดอะ แฟรช ไง 😆😆😆
คนไทยเดินทางเร็วกว่าแสงมานานแล้ว เพราะออกจากบ้านตั้งแต่ตี4 กรุงเทพรถมันติดอะ
แสงเดินทางเหมือนเต่าคลานเมื่อเทียบกับเอกภพที่ไม่มีจุดสิ้นสุด
ผมว่ามันอยู่ที่ขนาดด้วยครับ เหมือนมดแมลง ความเร็วสุดๆก็ได้ประมาณนึง ถ้าขนาดยังเท่าเดิม ความเร็วสูงสุดก็ไม่น่าจะข้ามขีดจำกัดได้ครับ
เเค่เข็มถ้าจะเร็วเท่าเเสดงต้องใช้พลังงานเท่าดาวพฤหัสบเลยนี้เอาเเมลงสภาพเรียนวิทย์บ้างปะอีโง่
@@NK-ro5dp เเล้วคุณละครับเรียนเรื่องมารยาทบ้างรึป่าว
@@user-rz5lz6mk5h เสือก🥰🥰
@@NK-ro5dp Napong Mainphian เฟซบุ๊คผมนะครับโคตรอยากเจอเลยครับพวกที่ไม่ให้เกียรคนอื่น พวกที่เก่งเเค่ในนี้ ถ้ามึปัญหาก็เเอดมาคุยนะครับ
อีฟายอิอิ
ผมจะไปบอกตัวตนในอดีต ให้ซื้อที่ดิน หุ้น ทอง บิทคอยน์ ลอตเตอรี่ แทงพนันฟุตบอลโลก บรา บรา ... สุดท้ายคือตื่นขึ้นมาเพราะฝันไป
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มันเป็นการ..ยาก..มากที่จะเดินทางเร็วเท่าแสง..เพราะนั่นมันหมายถึง..เราจะต้องเดินทางย้อนอดีตได้อีก...มันเป็นการฝืนธรรมชาติเอามากๆเลย..เหมือนกับคนที่นั่งสมาธิไม่ได้..ฌาน..แล้วจะไป..ถอดจิต..ได้อย่างไร?..
จิต คนเรา นี่ละเร็วกว่าแสง
แต่มันไม่มีมวล
ถ้าเราจะเดินทางเร็วกว่าแสงมันก็มีจ้อโต้แย้งอีกมาก ถึงเราจะเดินทางได้เร็วกว่าแสงแต่ร่างกายเราละมันจะเกิดผลกระทบอะไรหรือเปล่าผมเห็นเขาเทส นักบินความเร็ว7มัก 8มักก็หน้ามืดและ
เหตุการณ์เดจาวูนี่.. ผมเจอหลายครั้งนะ😅‼️
บางครั้งเราไปในที่ๆ นึง ที่ไม่เคยไปมาก่อน แต่เรากับคุ้นและมีภาพจำกับสถานที่นั้น วัตถุนั้น เหมือนกับว่าเราเคยมาเห็นมันแล้ว⁉️อ้าว‼️ ที่ตรงนี้เราเคยมาแล้วนี่นร่าาา ทั้งที่พึ่งมาครั้งแรง⁉️😅 จะว่าเคยฝันเห็นก็ไม่เชิงนะ เพราะเราไม่เคยมา ในหัวเราคงไม่สามารถจินตนาการสถานที่นั่นได้แน่ๆ‼️
เคยถามเพื่อนๆทุกคนเคยรู้สึกเหมือนกันหมด ทุกมันเป็นไปได้หมดแน่ๆเลย
มนุษย์ทุกคน มีเดจาวู ทุกคน เคยเกิดอาการ เดจาวูกันทุกคนครับ
เอาแล่มปะ
อุปาทานก็ได้
ถ้าเราเดินทางได้เท่าแสง เราจะข้ามทางม้าลายในไทย ปลอดภัย ไม่ตายแน่นอน
เร็วกว่าแสง...ก็เป็น"ดวงจิต"เรานี่ละครับที่เร็วกว่าอะไรทั้งมวล !!
เหมือนจะหลง คนพูดแล้วแหละ 🤭🤭😂😂
มันคือ โปรแกรมแปลงเสียงครับ ไม่ใช่คน
เคยเป็นครับเหตุการณ์เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นบ่อยมากจนงง?ว่าเอ๊ะภาพแบบนี้เรื่องราวแบบนี้ทำไมเหมือนพึ่งจะผ่านมา
อนุภาค อะตอม นิวตรอน อิออน พลังงานไฟฟ้า พลังงานแม่เหล็ก คลื่นแม่เหล็ก คลื่นวิทยุ คลื่นเสียง สายตาของมนุษย์ ยังไม่สามารถมองเห็นได้เลย เราจะมองเห็นขอบจักรวาลได้ยังไง มวลมหาศาลลอยอยู่ในอวกาศได้ แสดงว่า มันมีพลังงานขนาดใหญ่หรือพลังงานแม่เหล็กดึงดูดมันอยู่ มีจุดสินสุด ที่เรามองไม่เห็น เหมือนมดตัวน้อยในป่าที่มองไม่เห็นอะไรเลยในอีกซีกโลกหนึ่ง
สรุปคือเราอยากจะเดินทางไปทั่วเอกภพให้ได้ช่วงชีวิตของคนเรานั้นเอง
ชอบและถูกใจเสียงบรรยายมากไปครับไพเราะมาก
มันก็คือลางสังหรณ์นั่นเอง...
น่าจะมองอะไรไม่เห็นเลย ถ้าไวกว่าแสง
อยู่กับปัจจุบัน อดีตพอรู้ ปัจจุบันพอรู้ แต่อนาคตไม่รู้แต่สามารถจินตนาการได้
ผมคงไปไม่ถึงโรงเรียน หรือที่ทำงานแน่ๆ เพราะเลย ก่อน เร็วเกินไปจ้า
ทฤษฎีมีการเปลี่ยแปลงตามข้อพิสูจน์ทุกปรัชญา
ผมรับไม่ได้ครับถ้าย้อนไปเจอเด็กคนนั้น ถามว่าผมกลับว่า เหนื่อย ใม
เวลาจะไม่มีอีกต่อไป ถ้าเราไม่ตาย
จะเอาแสงมาใส่ล้อmag ยางแก้มเตี้ย
ถ้าเราเดินทางเร็วกว่าแสง เราจะอยู่กับที ไม่ได้ไปใหนเลย เพราะทุกๆจะเคลื่อนที่เข้าหาเราเอง (ยิ่งอัตราเร่งของเรามากขึ้น มวลของเราก็มากตามไปด้วย) ถ้าคุณเร็วกว่าแสง คุณก็คือหลุมดำดีๆ นี้เอง
ไม่จริงครับ เคยมีการทดลองยิงอิเล็กตรอน ของนักวิทยาศาสตร์รัสเชียในน้ำเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ก็พบว่ามันมีแค่การระเบิดของแสงเฉยๆครับ ที่แค่มีแสงวาบขึ้น แล้วหายไป เหมือนกันกับ การขับเครื่องบินเจ็ตที่เร็วกว่าเสียงแล้วเกิดโซนิคบูม
th-cam.com/video/XhMo4pwUogA/w-d-xo.html
ไม่จริงเพราะแสงไม่ได้เร็วที่สุด
@@user-el7ys6tx1h อะไรเร็วกว่าแสงครับ?
ความลับ
เดินไม่ได้เร็วกว่าแสง มันจะใหม้เป็นผุยผง(แค่คิดจริงไม่จริงว่ากันอีกเรื่อง)
ขนาดของจักรวาลไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเวลาได้ล้อมขนาดกว้าง,ยาว,สูง,ลึกของสรรพสิ่งไว้หมดแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ตารางเวลาที่ผมไม่เข้าใจ ว่ามันมีจริงหรือเปล่าแล้ว เพราะเวลามันต้องมีตารางคิวงานว่าจะเกิดอะไรขึ้นในแต่ละช่วง แล้วอะไรกำหนดตารางเวลาพวกนั้น
มีจริงสิ หัวหน้างานเป็นคนกำหนด
มันจะมืดๆหน่อยนะ
เคยเห็นภาพซ้ำเหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว3รอบ
ก็ไม่เห็นจะน่าดีใจอะไรเลย ต่อให้เราเดินทางเร็วกว่าแสงแล้วมองเห็นตัวเองในอดีต มันก็แก้ไขเหตุการณ์อะไรไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ปัจจุบัน