พัฒนาไม่กลัว...กลัวไม่ได้พัฒนา

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 28 พ.ย. 2022
  • “ต้องการให้หมู่บ้านของเราเข้มแข็งพึ่งพาตัวเองได้
    หน่วยงานรัฐเรายังต้องพึ่งพา แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองด้วย”
    วิทวัส เอื้อนไธสง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านเมืองไผ่ ต.เมืองบัว อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ บอกถึงความตั้งใจในการพัฒนาหมู่บ้านและพัฒนาคน เพราะนั่นคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้หมู่บ้านเข้มแข็งและยั่งยืน
    แนวความคิดในการพัฒนาเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ ผู้ใหญ่วิทวัส เดินทางไปขายแรงงานที่ประเทศอิสราเอล เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ และเมื่อกลับมาบ้านเกิด ประสบการณ์และความรู้ที่ได้ไปเก็บเกี่ยวนั้นได้ถูกนำมาใช้ เมื่อเขาได้รับเลือกจากชาวบ้านให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเมืองไผ่ เมื่อปี 2559
    ผู้ใหญ่วิทวัส บอกว่า เดิมชาวบ้านเมืองไผ่เป็นคนขี้อายไม่ค่อยกล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ แต่หลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน สิ่งแรกที่เขาบอกกับชาวบ้าน คือ เขาจะทำให้บ้านเมืองไผ่เป็น “หมู่บ้านเปิด” นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปิดรับความรู้ เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เพื่อทำให้เกิดการพัฒนา
    สิ่งที่ผู้ใหญ่วิทวัสทำในช่วงแรก คือ พาชาวบ้านออกไปเรียนรู้ดูงาน เพื่อให้ทุกคนได้รับความรู้และเกิดความต้องการที่จะพัฒนาหมู่บ้านไปพร้อม ๆ กัน ผู้ใหญ่วิทวัส บอกว่า การพัฒนาหมู่บ้านผู้ใหญ่บ้านทำคนเดียวไม่ได้ ต้องนำพาชาวบ้านให้คิด ให้เห็น เพื่อที่จะได้เดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน ซึ่งความตั้งใจที่จะพัฒนาหมู่บ้าน เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนตั้งแต่ปีแรกของการรับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เมื่อบ้านเมืองไผ่ได้รับรางวัลหมู่บ้านสิ่งแวดล้อม หมู่บ้านโอทอปในระดับจังหวัดมากมาย
    เมื่อสามารถสร้างความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนได้ การเดินหน้าพัฒนาจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    บ้านเมืองไผ่ คือ พื้นที่ที่ปลูกหม่อนไหมเยอะที่สุดของ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ แต่ในพื้นที่ยังขาดระบบน้ำ ผู้ใหญ่วิทวัส จึงได้ประสานขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และทางจังหวัดสุรินทร์ได้ประสานมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำนิ เพื่อนำโครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐานรากให้พัฒนาก้าวไปตามแนวพระราชดำริ ซ่อมแซมแหล่งน้ำชุมชนลุ่มน้ำมูล 5 โครงการ ใน 5 จังหวัดภาคอีสาน พร้อมต่อยอดให้เกษตรกรหลังได้รับน้ำ เข้ามาลงในพื้นที่บ้านไผ่
    “พอได้ยินความว่าปิดทองหลังพระฯ ผมดีใจมากครับเพราะรู้ว่าเป็นหน่วยงานของในหลวง รัชกาลที่ 9”
    โครงการฯ สนับสนุนอุปกรณ์ ส่วนชาวบ้านร่วมลงแรง ชาวบ้านเขาบอกว่า เขาจะมาทำกันทุกวัน มาทำกันทุกคนโดยไม่ต้องแบ่งเวร นอกจากนั้นชาวบ้านยังได้ร่วมทุนบริจาคเพื่อต่อสปริงเกอร์ สร้างรั้วกั้น เพื่อความถาวร ทำให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมได้ตลอดทั้งปีแม้ในยามหน้าแล้ง และสามารถจำหน่ายใบหม่อนเลี้ยงไหม และส่งโรงงานทำชาขายประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น ส่วนผักอินทรีย์บ้านเมืองไผ่ก็เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะเป็นผักปลอดสาร ที่ชาวบ้านสามารถขายและแบ่งให้ชาวบ้านได้อย่างสุขใจ
    “หน่วยงานรัฐเราก็ยังต้องพึ่งพา แต่ในขณะเดียวกันชาวบ้านก็ต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองด้วย” ผู้ใหญ่วิทวัส บอกถึงแนวทางการพัฒนาต่ออีกว่า เขาพยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชาวบ้าน สร้างความรู้ ความสามัคคี เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งในขณะที่พัฒนาหมู่บ้าน ก็เป็นการพัฒนาชาวบ้าน ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านก็ได้พัฒนาตัวเองไปด้วยพร้อมกัน
    เมื่อก่อนนี้ชาวบ้านเมืองไผ่อาจจะอยู่ในแต่กรอบ แต่ทุกวันนี้ทุกคนพร้อมที่จะเปิดรับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่จะนำมาซึ่งการพัฒนาหมู่บ้าน ถ้าเรารักที่จะพัฒนา รักที่จะเรียนรู้ มันอาจจะสะดุดบ้าง เดินได้บ้าง แต่ถ้าเรามีใจพัฒนาทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะว่าบ้านเราพัฒนาไม่กลัว กลัวไม่ได้พัฒนาครับ ผู้ใหญ่บ้านวิทวัส เอื้อนไธสง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านเมืองไผ่ ต.เมืองบัว อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
    #เชื่อมั่นเศรษฐกิจพอเพียง #มูลนิธิปิดทองหลังพระ #สืบสานแนวพระราชดำริ #เศรษฐกิจพอเพียง #อาทิตย์ทรงกลด #หม่อน #ไหม #วิทวัส #เอื้อนไธสง #ผู้ใหญ่บ้าน #บ้านเมืองไผ่ #เมืองบัว #ชุมพลบุรี #สุรินทร์ #ตลาดหลักทรัพย์ #โครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐานราก #ให้พัฒนาก้าวไปตามแนวพระราชดำริ

ความคิดเห็น •