ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
มีความคิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะคะ
อยากรู้ว่าที่ญี่ปุ่นคนสนใจเรื่องการเมืองกันเยอะไหมคะ
@@nongnojo เค้าก็เม้ามอยพูดคุยกันนะคะ ลองถามคนญี่ปุ่นเรื่องการเมืองดูเค้าบ่นยาวหูดับตับไหม้เลยค่ะ … แต่ก็เหมือนหมดหวังมากกว่า ไม่คิดว่าเสียงของเค้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ … เดือนตุลาที่ผ่านมา คนไปเลือกตั้งน้อยกว่าคนไปเที่ยวงานฮาโลวีนอีกค่ะ 😂
ชอบตรงที่ตรงดีค่ะ ไม่อวยเยอะ อะไรดีก้อชม ไม่ดีก้อพูดตรงๆ จากที่ติดตามมาเกือบทุกคลิป คิดว่ามันเรียลดีค่ะ ทำต่อเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณนะคะ 🥰
ถ้าบริษัทญี่ปุ่นเปลี่ยนวัฒนธรรมพวก seniority และ ระบบไดโนเสาร์ก้มหัวแบบไร้สาระ เราว่าเด็กรุ่นใหม่อยากออกไปทำงาน อยากใช้ความคิดสร้างสรรค์ตัวเองค่ะ เพราะเจอพวกนี้ไปมันน่ารำคาญมากๆค่ะ ครั้งนึงเราต้องนั่งรอให้คนที่อาวุโสที่สุดหยิบตะเกียบแล้วพูดกินๆ ถึงจะกินได้ นั่งมองรอกันทั้งโต๊ะ เม้ามอยอยู่ได้ 5555555 ทำงานมาก็เหนื่อย หิวก็หิว ยังจะมานั่งไล่คุยที่ละคน 5555 ระบบพวกนี้ควรหายไป คนรุ่นใหม่อยากออกไปทำงานแน่นอน
@@holyysh-t6729 ในมุมเรานะ ปรับเปลี่ยนให้คนรุ่นเก่าที่อยู่ในองค์กรตระหนักว่าค่านิยมพวกนี้มันเป็น Toxic relationship, toxic atmosphere ในที่ทำงาน ซึ่งมันยากแหละ อย่างที่รู้คือไม้แก่ดัดยาก หรืออีกมุมคือภาครัฐต้องเข้ามาให้ความเข้าใจ ถ้าโครงสร้างแบบนี้ ระบบเศรษฐกิจจะพังนะ สมองไหล บลาๆ เหมือนให้ตื่นรู้แบบที่ในสังคมไทยตื่นรู้ในเรื่องของ Beaty standard หรือ body shaming แต่ญี่ปุ่นมีความอนุรักษ์นิยมสูง ถ้ารักชาติ ไดโนเสาร์ต้องปรับ ไม่งั้นค่านิยมที่เป็นพิษส่งต่อรุ่นสู่รุ่นค่ะ
@@applekoraveekittisringampo1953 วิธีการสำคัญแต่จะทำอย่างไรให้มันประสบความสำเร็จ นี้สิ คือ ปัญหาคงต้องใช้วิชาจิตวิทยามากกว่าเหตุผลและตรรกะล่ะน่ะเพราะจริงๆแล้วมนุษย์นั้นขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลและตรรกะตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเริ่มง่ายที่สุดก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ตัวของเรา ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้ก่อน เพราะการเปลี่ยนแปลงคนอื่นนั้นยากมากอย่างที่ลูลูชกล่าวไว้ "การเข้าองค์กรก่อนไม่มีทางสามารถเปลี่ยนแปลงข้างในได้ เพราะว่าคนในองค์กรจะเปลี่ยนแปลงคุณ ปริมาณมากกว่าย่อมชนะ ใครคิดต่างต้องจูนให้เข้ากับผู้นำเสมอ ไม่พอใจก็เชิญออก รวมถึงเขียนประวัติการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพลงไปในแฟ้มประวัติเราเองด้วย"แบบนี้ใครจะกล้าออก!!!
@@NitipolLamlongrat จริงค่ะ เราเปลี่ยนใครไม่ได้หรอก มันต้องค่อยๆ encourage คน และแบบที่คุณพูดใช่เลย เริ่มจากตัวเรา man in the mirror ถึงต้องให้สังคมบริษัทสีดำต่างๆตระหนักถึง toxic ที่คุณได้ก่อเป็นค่านิยม แต่สำหรับเรา ยุคนี้มนุษย์อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลมากกว่าเดิมค่ะ พอเข้าใจ เหตุผลก็มา นอกจากคนที่อีโก้สุดๆ ก็ยังพบคนจำนวนนี้ว่าอามรณ์เหนือเหตุผล
สังคมญี่ปุ่น เป็นสังคมที่ค่อนข้างแตกต่างจากประเทศไทยมาก วิธีการคิดก็แตกต่างกัน(คือพูดแล้วเหนื่อยและบรรยายไม่จบ) ประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ และสังคมของคนญี่ปุ่นก็เป็นแบบเฉพาะตัวของคนญี่ปุ่นสังคมญี่ปุ่นจริงๆ คนญี่ปุ่นทุกคน (ขอย้ำว่าทุกคน ที่เราได้รู้จัก ได้รู้เห็น และที่สัมผัสมา) คือทุกคนจะมีพื้นที่ส่วนตัว แม้แต่ในครอบครัว และอย่างชีวิตปกติประจำวันที่เราอยู่ทุกวันนี้คือ เป็นสังคมที่เงียบสงบมากๆ(ซึ่งแตกต่างจากบ้านเราที่ไทย คือเปิดเพลง ได้ยินไป 3บ้าน 8 บ้าน หรือไม่ก็(ที่เคยไปเช่าพักอาศัย ที่ตอนสมัยทำงานคือ)เดี๋ยวบ้านนั้นทะเลาะกัน เดี๋ยวบ้านนี้ด่ากัน แต่ที่ญี่ปุ่น สังคมจะเป็นสัดเป็นส่วนมากๆ ไม่มีบ้านไหนก้าวก่ายบ้านไหน ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่น เวลามีธุระ ก็จะมากดกริ่ง พูดคุยนั่นโน่นนี่ ส่วนในที่ทำงาน สำหรับสังคมญี่ปุ่น คุณต้องลื่นไหลและเข้ากับคนส่วนมากให้ได้ และสังคมของคนญี่ปุ่น เป็นสังคมที่ผู้คนเก็บกด ต่อความกดดันของทุกๆเรื่อง อย่างเรื่องงาน ไม่มีวันที่คุณจะเปลี่ยนแปลงสภาพองค์กรที่เขาเป็นมาอยู่แบบเดิมได้ ปัญหามีแค่ว่า ถ้าคุณทนกับสภาพองค์กรที่คุณอยู่ไม่ได้ คุณต้องเป็นฝ่าย ขยับขยายตัวคุณเอง ออกไปหาที่ที่คุณอยู่ได้เท่านั้น เพราะสังคมคนญี่ปุ่น เรื่องการทำงานคือความเป๊ะ ความผิดพลาดคือเรื่องใหญ่ และคนที่เขาเข้างานก่อนคุณ ที่เขารู้งานและเป็นงาน จะเป็นฝ่ายที่ถูกเสมอ และถ้าคุณเก่งกล้า สามารถจนทำแทนคนญี่ปุ่นได้ทุกเรื่อง คุณก็จะไปติดตรงที่ว่า คุณก็จะต้องก้มหัวให้กับระดับที่สูงขึ้นกว่าอยู่ดีค่ะ
มีเพื่อนอยู่ยุโรป เค้ามีปัญหานึงคือเหมือนสังคมมีความคาดหวังว่าคนต่างชาติที่จะมาอยู่ต้อง assimilate กะวัฒนธรรมเค้าให้ได้ แบบถ้าไปอยู่เยอรมัน ยูก้ควรพูดเยอรมันให้ได้ เข้าใจวัฒนธรรมเยอรมัน บลาๆ เดาว่าที่ญี่ปุ่นคงคล้ายๆกันส่วนตัวอยู่อเมริกา ข้อดีอย่างนึงที่นี่(แค่บางเมืองนะ ไม่ใช่ทุกที่) คือเค้าเปิดรับวัฒนธรรมอื่น แล้วเค้าจะไม่มาคาดหวังให้เราต้องเปนแบบเค้าทุกเรื่อง (โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกะงาน) ผมว่าอันนี้เป็นข้อดีของอเมริกาเลย ส่วนข้อเสียของอเมริกานี่ พูดได้เป็นช.ม. ด่าได้นานเหมือนของเมืองไทย 555 โดยรวมก็ขออยู่ที่นี่ก่อน
คนญี่ปุ่นเค้าก็เรียกตัวเองว่าเยอรมันของเอเชียเหมือนกันค่ะ 🤣
เราคิดว่าคนญี่ปุ่นมีระบบความคิดและวัฒนธรรมแบบเฉพาะกลุ่มมากๆ ค่ะ นั่นทำให้พวกเขามีเอกลักษณ์ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนซับซ้อน เข้าใจยาก ในมุมมองคนต่างชาติอย่างเรานะคะ ทั้งๆ ที่คิดแบบนี้แต่ก็ยังชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ ^^
เที่ยวอะสนุกอยู่แล้ว
แงงงงงงงง คิดถึงจังค่าาาา ช่วงสิ้นเดือนงานทับหัวมาก ฮ่าาาาา เราขอมาแชร์เรื่องขอเน็งคินคืนค่าาา เราทำเรื่องให้เพื่อนนักวิจัยที่มา 2-3ปีหมดสัญญาก็กลับ เดี๋ยวนี้ทำเรื่องไม่ยากแล้วค่ะ ขั้นตอนง่ายพอๆ กับการ declare ภาษีเองเลยค่ะ แต่ต้องมีบัญชีใน ญป เท่านั้นเอง เค้าจะโอนคืนให้บัญชี ญป เท่านั้น ใช้เวลาจำได้ว่าประมาณ 3 เดือนได้ ก็ถ้ามีคนรู้จักใน ญป งี้ก็สบายหน่อยค่ะ แต่ถ้าไม่รู้จักใครเลยก็จะลำบากเลยแหละ แหะๆแล้วก็ส่วนตัวเรา เราจริตถูกกับความไม่เข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นแบบออกหน้าออกตามากของคนที่นี่ค่ะ คือมีนินทาลับหลังแต่จะไม่มาเผือกตรงๆ อ่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ เราเองก็ไม่ชอบยุ่งกับคนอื่น ไม่ได้เรียกร้องจะต้องมีเพื่อนฝูงเยอะ พออยู่มาสักพักเข้าปีที่ 5-6 ก็ชินแล้วค่ะ มีแหล่งให้บันเทิงเองคนเดียวมากมาย ถ้าป่วยก็แค่เรียกคิวคิวฉะ ส่วนดีมันอยู่ตรงนี้แหละ คือไม่ต้องกลัวว่าถ้าไม่มีลูกหลานแล้วจะอยู่เองไม่รอด
เรื่อง LGBTQ+ เราว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งรุ่นคุณตาคุณยายเขาก็ไม่ได้มองว่าแปลกมากนะคะ เนื่องจากคนญี่ปุ่นเขาปลูกฝังเรื่องมารยาทมากๆ การแสดงออกของเขาต่อให้เขาไม่ชอบเขาก็ยังคงความมีมารยาทไว้ คิดว่าสบายใจกว่าประเทศไทยนิดนึงตรงที่จะไม่มีใครเดินมาถามว่าใครเป็นรุกเป็นรับ ใครทำหน้าที่ผ.ใครทำหน้าที่ม. ประมาณนี้ค่ะ เชียร์นะคะ ใครที่อยากย้ายมาญี่ปุ่น สู้ๆค่ะ
อันนี้จริงค่ะ ในใจเค้ายังไงไม่รู้ แต่เค้าไม่มีทางถามอะไรแบบนั้น
ชอบคอนเทนช่องนี้มากค่ะ ไม่ลำเอียงอวยจนเกินไปหลายๆ อธิบายแล้วเห็นภาพ นี่ก็เคยทำงานกับคนญี่ปุ่นกับมีเพื่อนบ้าง คือมีหลากหลายจริงทั้งดีและอิหยังวะสุดๆ
ชอบคอนเท้นจังค่ะ ข้อมูลอินไซด์ดี พูดแบบเป็นหลาง ดีก็ชม ไม่ดีก็ว่าไป เรียลๆ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เเบบซีเรียสในทุกเรื่องอย่างที่เล่ามาเลยคับ... มาเเรกๆ นี่คือประสาทรับประทานเลย (เคยนอนร้องไห้เเบบ งง งง เเล้วก้อลุก ขึ้นสู้ เเบบ งง งง เพราะคำว่าช่างเเม่ม เราเสียเงินมาเรียนนะ!!) เเต่!!! เราต้องปล่อยวางมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ซึ่งผมเปนคนไม่คิดอะไรเยอะ) สุดท้ายคือจะทำอะไรก้อทำไปเลย เเต่อย่าไปส่งผลกระทบในเเง่ลบกับคนอื่นซึ่งต้องตั้งอยู่ในมารยาทมาตรฐานสังคมนะ เพราะญี่ปุ่นมันเป็นอะไรที่ขั้นกว่ามาตรฐานสากล ผมนี่โดนอาจารย์ถาม โดนเพื่อนญี่ปุ่นถาม (พูดอิ้งได้) ร้อยแปดพันเก้า ซึ่งเรามีเป้าหมาย เเล้วตอบคำถามเขาได้คือจบ!!!เดินจึ้งๆ เข้าห้องเรียน ฉีดน้ำหอมจนเพื่อนรู้ว่ากลิ่นนี้คือผมอยู่เเถวนี้เเน่นอน ซึ่ง... มารยาทเรื่องน้ำหอมนั้นนน ญี่ปุ่นก้อมีนะ เเต่หน้าร้อนนี่เเทบเป็นลมถ้าไม่มีน้ำหอม (TwT)
นี่ก็รอดมาได้เพราะเลิกแคร์เหมือนกันค่ะ ทำเท่าที่เราสะดวก
ใช้สารส้มระงับกลิ่น ไม่มี กลิ่นรบกวนคนอื่นด้วย
ขนาดประเทศที่ปิตาฯ สูงอย่างญี่ปุ่นยังมีให้จดทะเบียนคู่ชีวิต(ถึงจะบางเขตก็เถอะ) ย้อนมามองที่ไทยที่มีการเรียกร้องเคลื่อนไหว ยื่นเรื่องเข้าสภาตั่งต่าง ก็ถูกปัดตกตลอด น่าเศร้า
พร้อมกับตำแถลงที่แบบว่า โอ้ยยยยยพักก๊อออออน
ประเทศที่ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรงถึงเขาจะไม่เห็นด้วยแต่เขาก็เคารพสิทธิ์และความเท่าเทียมของทุกคนเหมือนญี่ปุ่นและใต้หวันถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธสิทธิคนอื่น
ชอบมากค่าาา ทุกอย่างคือการเรียนรู้จริงๆ
ได้ความรู้เยอะเลยขอบคุณครับ
ป้าเรา 61 ปีนี้ ไปญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 28 ถึงญี่ปุ่นมันจะเครียดแต่มันเครียดคนละแบบถ้ากลับไทยแล้วเครียดแบบไม่มีเงินขออยู่นี่ดีกว่า
สวัสดิการประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ดีมากอะไรแต่ดีกว่าประเทศไทยแน่นอนอันนี้คอนเฟิร์มค่ะ 555555 เรื่องเงินเดือนอาจไม่ได้เรียกว่าอู้ฟู่แต่ก็สามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้สบายๆ หรือสามารถไปดูคอนเสิร์ตได้แบบไม่เสียดายเงินอะค่ะ อยู่ประเทศไทยจะไปดูคอนทีนึงบางคนเก็บเงินหรือทำพาร์ทไทม์กันเป็นเดือนกว่าจะพอ 😅😅😅
ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก ไปปีละ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าจะให้ไปอยู่คือ No!!!!
อยากทราบเหตุผลค่ะ แชร์ได้มั้ยคะ55 นี่ก็ชอบเที่ยวแต่ถ้าอยู่คงไม่เช่นกัน
ชอบเสียงพี่มากเลยค่ะ
ขอบคุณค่า 🙏 พูดแบบนี้จะร้องเพลงละนะ 😂
ตั้งแต่ถูกบีบด้วยความหวังดีโดยอเมริกาเพื่อนรักให้ค่าเงินปรับจาก17บาทเมื่อหลายสิบปีก่อนมาเป็นสามสิบบาท สินค้ายี่ปุ่นเช่นเครื่องไฟฟ้าเลยขายแข่งกับคนอื่นยากเพราะแพงขึ้นจนคนหันไปซื้อของถูก เพราะซื้อไม่ไหว ทั้งๆที่ของยี่ปุ่นคุณภาพดีมากที่สุด
อยากลองไปเที่ยวญี่ปุ่นบ้างจัง ปกติไปเที่ยวแต่อังกฤษ
ฟังฟัง ดูแล้วสวัสดิการ การช่วยเหลือทางด้านสังคม ของญี่ปุ่นก็คล้ายๆกับของออสเตรเลียนะ คือตอนทำงานจะจ่ายภาษี กันแรงหน่อย และจะมีการ จ่ายเงินไว้ สำหรับเกษียณ ทุกคนได้กันหมด คนที่ตกงาน เป็นระยะเวลานาน หรือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็ได้เงิน หลวงกิน ไม่อดตาย อันนี้ไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นมีหรือเปล่า รัฐบาลที่ออสเตรเลีย จะสร้างบ้านให้คนมีรายได้ น้อย หรือไม่มีงานทำ อยู่ แต่คนไร้บ้านก็ยังมีกันอยู่เยอะนะ ขอทานก็เห็นเพิ่มขึ้นทุกวันทุกวัน ที่ออสเตรเลีย คือปัญหาสังคมมันก็มีทุกประเทศแหละ
ที่นี่คนไร้บ้านก็เยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ แต่เท่าที่ฟังคนที่ออสเล่ามาเค้าบอกว่าแม่เค้า(คนออส) อยู่ต่างประเทศทั้งชีวิตกลับไปช่วงบั้นปลายตอนเกษียณก็ได้เงินจากรัฐ … แต่ถ้าเป็นญี่ปุ่นหม่ได้แน่ๆค่ะ ข้อปม้เยอะมาก รัดกุมมากๆ พลาดนิดหน่อยคืออดเลยค่ะต่อให้อยู่ที่นี่จ่ายภาษีด้านอื่นๆก็ตาม …
แววตาของคุณเซ็กซี่มากๆเลยครับ🥰
ไม่อยากไปแล้ว แค่เจอที่ทำงานในไทย คนญี่ปุ่น ใจดำ ชอบใช้อารมณ์ พูดแต่ว่ากลัวอดตาย ชอบปาข้าวของ บังคับทุกอย่าง
ถ้าคันตอนช้าอาจเป็นทางบริษัทคุณค่ะ ทางอำเภอเขาไม่ช้าหรือโกง เราอยู่ที่ 30ปีแล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นแย่มานานแล้ว แต่เครดิตเขาดี เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้คนข้างเราใช่คนบ้านเรา พูดให้เห็นญี่ปุ่นหรือเกลียดไม่เข้าใจ
เราอยากจะเข้าใจข้อความคุณจริงๆนะคะ แต่อ่านยากมากเลยค่ะ รบกวนลองพิมพ์อีกทีได้มั้ยคะ
อยากให้ทำไลฟ์พูดคุยอีกค่ะ
ถ้ามีเวลาจะมาอีกนะคะ 😁🥰
ได้ความรู้เยอ่ะค่ะ.. ชอบนะคะเสียงก่เพราะพูดชัดดี
เราโคตรชอบวิถีการทำ product & service จากญี่ปุ่นเลยนะ แต่พอไปอยู่จริงๆย้อนแย้งในการแสดงออกและสื่อสารมาก ไทยที่ว่า.....ยังตรงไปตรงมากว่านะ งงเลย
แต่ customer service ในญี่ปุ่นแย่มาาาาาากเลยนะคะ 😂
@@CharisafromJapan เส้าเลยค่ะ
เห็นด้วยนะคะ ทุกที่มีปัญหา ถ้าเรามั่งมั่นและชอบจริงๆจะอยู่ได้
ไปด้วยค้าบบ
ญี่ปุ่นเค้าอิ่มตัวมานานแล้ว บวกกับช่วงนี้จีนมาแรงมาก
พี่คะๆ คือว่าสงสัยมานานแล้วค่ะว่า คนญี่ปุ่นเค้าไม่ work life balance กันเลย เค้าไม่ป่วยเป็น office syndrome กันบ้างมั้ยคะ ไม่เคยได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้เลย
เป็นกันเยอะนะคะ ก่อนที่เราจะเป็นเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่พอเป็นแล้วต้องไปกายภาพที่คลีนิค ก็นึกว่าจะมีแค่คนแก่ๆ เอาจริงๆแต่ละเตียงคือวัย 20กว่า- 30-40 วัยทำงานกันทั้งนั้นเลยค่ะ แล้วคลีนิคพวกนี้คือกล้าพูดเลยว่ามีถี่พอๆกับร้านสะดวกซื้อเลยค่ะ
@@CharisafromJapan ขอบคุณค่า เข้าใจเลยทีนี้🥰
ญี่ปุ่น สังคมแห่งการเสพติด คนญี่ปุ่นกะคนนั่นละ ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นแต่เลือกเสพติด
ไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมพกน้ำจิ้มซีฟู้ดไปด้วยทุกครั้ง มีใครเป็นแบบผมบ้าง
ชอบเหล้าบ๊วยญี่ปุ่นครับ 555
ฉันขอแค่ได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสักครั้งก็ยังดี
เกาหลีทำงานหนักกว่าญี่ปุ่นจริงไหม
ผมก็ไม่ชอบออกนอกบ้านนะครับ เพราะเกร็งครับ
ตอนบอกจำนวนประชากรบอกเป็นเปอร์เซ็นได้ไหมคับ
มีความคิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะคะ
อยากรู้ว่าที่ญี่ปุ่นคนสนใจเรื่องการเมืองกันเยอะไหมคะ
@@nongnojo เค้าก็เม้ามอยพูดคุยกันนะคะ ลองถามคนญี่ปุ่นเรื่องการเมืองดูเค้าบ่นยาวหูดับตับไหม้เลยค่ะ … แต่ก็เหมือนหมดหวังมากกว่า ไม่คิดว่าเสียงของเค้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ … เดือนตุลาที่ผ่านมา คนไปเลือกตั้งน้อยกว่าคนไปเที่ยวงานฮาโลวีนอีกค่ะ 😂
ชอบตรงที่ตรงดีค่ะ ไม่อวยเยอะ อะไรดีก้อชม ไม่ดีก้อพูดตรงๆ จากที่ติดตามมาเกือบทุกคลิป คิดว่ามันเรียลดีค่ะ ทำต่อเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณนะคะ 🥰
ถ้าบริษัทญี่ปุ่นเปลี่ยนวัฒนธรรมพวก seniority และ ระบบไดโนเสาร์ก้มหัวแบบไร้สาระ เราว่าเด็กรุ่นใหม่อยากออกไปทำงาน อยากใช้ความคิดสร้างสรรค์ตัวเองค่ะ เพราะเจอพวกนี้ไปมันน่ารำคาญมากๆค่ะ ครั้งนึงเราต้องนั่งรอให้คนที่อาวุโสที่สุดหยิบตะเกียบแล้วพูดกินๆ ถึงจะกินได้ นั่งมองรอกันทั้งโต๊ะ เม้ามอยอยู่ได้ 5555555 ทำงานมาก็เหนื่อย หิวก็หิว ยังจะมานั่งไล่คุยที่ละคน 5555 ระบบพวกนี้ควรหายไป คนรุ่นใหม่อยากออกไปทำงานแน่นอน
@@holyysh-t6729 ในมุมเรานะ ปรับเปลี่ยนให้คนรุ่นเก่าที่อยู่ในองค์กรตระหนักว่าค่านิยมพวกนี้มันเป็น Toxic relationship, toxic atmosphere ในที่ทำงาน ซึ่งมันยากแหละ อย่างที่รู้คือไม้แก่ดัดยาก หรืออีกมุมคือภาครัฐต้องเข้ามาให้ความเข้าใจ ถ้าโครงสร้างแบบนี้ ระบบเศรษฐกิจจะพังนะ สมองไหล บลาๆ เหมือนให้ตื่นรู้แบบที่ในสังคมไทยตื่นรู้ในเรื่องของ Beaty standard หรือ body shaming แต่ญี่ปุ่นมีความอนุรักษ์นิยมสูง ถ้ารักชาติ ไดโนเสาร์ต้องปรับ ไม่งั้นค่านิยมที่เป็นพิษส่งต่อรุ่นสู่รุ่นค่ะ
@@applekoraveekittisringampo1953 วิธีการสำคัญแต่จะทำอย่างไรให้มันประสบความสำเร็จ นี้สิ คือ ปัญหา
คงต้องใช้วิชาจิตวิทยามากกว่าเหตุผลและตรรกะล่ะน่ะ
เพราะจริงๆแล้วมนุษย์นั้นขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลและตรรกะตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เริ่มง่ายที่สุดก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ตัวของเรา ให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้ก่อน เพราะการเปลี่ยนแปลงคนอื่นนั้นยากมาก
อย่างที่ลูลูชกล่าวไว้ "การเข้าองค์กรก่อนไม่มีทางสามารถเปลี่ยนแปลงข้างในได้ เพราะว่าคนในองค์กรจะเปลี่ยนแปลงคุณ ปริมาณมากกว่าย่อมชนะ ใครคิดต่างต้องจูนให้เข้ากับผู้นำเสมอ ไม่พอใจก็เชิญออก รวมถึงเขียนประวัติการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพลงไปในแฟ้มประวัติเราเองด้วย"
แบบนี้ใครจะกล้าออก!!!
@@NitipolLamlongrat จริงค่ะ เราเปลี่ยนใครไม่ได้หรอก มันต้องค่อยๆ encourage คน และแบบที่คุณพูดใช่เลย เริ่มจากตัวเรา man in the mirror ถึงต้องให้สังคมบริษัทสีดำต่างๆตระหนักถึง toxic ที่คุณได้ก่อเป็นค่านิยม แต่สำหรับเรา ยุคนี้มนุษย์อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลมากกว่าเดิมค่ะ พอเข้าใจ เหตุผลก็มา นอกจากคนที่อีโก้สุดๆ ก็ยังพบคนจำนวนนี้ว่าอามรณ์เหนือเหตุผล
สังคมญี่ปุ่น เป็นสังคมที่ค่อนข้างแตกต่างจากประเทศไทยมาก วิธีการคิดก็แตกต่างกัน(คือพูดแล้วเหนื่อยและบรรยายไม่จบ) ประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ และสังคมของคนญี่ปุ่นก็เป็นแบบเฉพาะตัวของคนญี่ปุ่นสังคมญี่ปุ่นจริงๆ คนญี่ปุ่นทุกคน (ขอย้ำว่าทุกคน ที่เราได้รู้จัก ได้รู้เห็น และที่สัมผัสมา) คือทุกคนจะมีพื้นที่ส่วนตัว แม้แต่ในครอบครัว และอย่างชีวิตปกติประจำวันที่เราอยู่ทุกวันนี้คือ เป็นสังคมที่เงียบสงบมากๆ(ซึ่งแตกต่างจากบ้านเราที่ไทย คือเปิดเพลง ได้ยินไป 3บ้าน 8 บ้าน หรือไม่ก็(ที่เคยไปเช่าพักอาศัย ที่ตอนสมัยทำงานคือ)เดี๋ยวบ้านนั้นทะเลาะกัน เดี๋ยวบ้านนี้ด่ากัน แต่ที่ญี่ปุ่น สังคมจะเป็นสัดเป็นส่วนมากๆ ไม่มีบ้านไหนก้าวก่ายบ้านไหน ต่างคนต่างอยู่ จะไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่น เวลามีธุระ ก็จะมากดกริ่ง พูดคุยนั่นโน่นนี่ ส่วนในที่ทำงาน สำหรับสังคมญี่ปุ่น คุณต้องลื่นไหลและเข้ากับคนส่วนมากให้ได้ และสังคมของคนญี่ปุ่น เป็นสังคมที่ผู้คนเก็บกด ต่อความกดดันของทุกๆเรื่อง อย่างเรื่องงาน ไม่มีวันที่คุณจะเปลี่ยนแปลงสภาพองค์กรที่เขาเป็นมาอยู่แบบเดิมได้ ปัญหามีแค่ว่า ถ้าคุณทนกับสภาพองค์กรที่คุณอยู่ไม่ได้ คุณต้องเป็นฝ่าย ขยับขยายตัวคุณเอง ออกไปหาที่ที่คุณอยู่ได้เท่านั้น เพราะสังคมคนญี่ปุ่น เรื่องการทำงานคือความเป๊ะ ความผิดพลาดคือเรื่องใหญ่ และคนที่เขาเข้างานก่อนคุณ ที่เขารู้งานและเป็นงาน จะเป็นฝ่ายที่ถูกเสมอ และถ้าคุณเก่งกล้า สามารถจนทำแทนคนญี่ปุ่นได้ทุกเรื่อง คุณก็จะไปติดตรงที่ว่า คุณก็จะต้องก้มหัวให้กับระดับที่สูงขึ้นกว่าอยู่ดีค่ะ
มีเพื่อนอยู่ยุโรป เค้ามีปัญหานึงคือเหมือนสังคมมีความคาดหวังว่าคนต่างชาติที่จะมาอยู่ต้อง assimilate กะวัฒนธรรมเค้าให้ได้ แบบถ้าไปอยู่เยอรมัน ยูก้ควรพูดเยอรมันให้ได้ เข้าใจวัฒนธรรมเยอรมัน บลาๆ เดาว่าที่ญี่ปุ่นคงคล้ายๆกัน
ส่วนตัวอยู่อเมริกา ข้อดีอย่างนึงที่นี่(แค่บางเมืองนะ ไม่ใช่ทุกที่) คือเค้าเปิดรับวัฒนธรรมอื่น แล้วเค้าจะไม่มาคาดหวังให้เราต้องเปนแบบเค้าทุกเรื่อง (โดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกะงาน) ผมว่าอันนี้เป็นข้อดีของอเมริกาเลย
ส่วนข้อเสียของอเมริกานี่ พูดได้เป็นช.ม. ด่าได้นานเหมือนของเมืองไทย 555 โดยรวมก็ขออยู่ที่นี่ก่อน
คนญี่ปุ่นเค้าก็เรียกตัวเองว่าเยอรมันของเอเชียเหมือนกันค่ะ 🤣
เราคิดว่าคนญี่ปุ่นมีระบบความคิดและวัฒนธรรมแบบเฉพาะกลุ่มมากๆ ค่ะ นั่นทำให้พวกเขามีเอกลักษณ์ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนซับซ้อน เข้าใจยาก ในมุมมองคนต่างชาติอย่างเรานะคะ ทั้งๆ ที่คิดแบบนี้แต่ก็ยังชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นค่ะ ^^
เที่ยวอะสนุกอยู่แล้ว
แงงงงงงงง คิดถึงจังค่าาาา ช่วงสิ้นเดือนงานทับหัวมาก ฮ่าาาาา เราขอมาแชร์เรื่องขอเน็งคินคืนค่าาา เราทำเรื่องให้เพื่อนนักวิจัยที่มา 2-3ปีหมดสัญญาก็กลับ เดี๋ยวนี้ทำเรื่องไม่ยากแล้วค่ะ ขั้นตอนง่ายพอๆ กับการ declare ภาษีเองเลยค่ะ แต่ต้องมีบัญชีใน ญป เท่านั้นเอง เค้าจะโอนคืนให้บัญชี ญป เท่านั้น ใช้เวลาจำได้ว่าประมาณ 3 เดือนได้ ก็ถ้ามีคนรู้จักใน ญป งี้ก็สบายหน่อยค่ะ แต่ถ้าไม่รู้จักใครเลยก็จะลำบากเลยแหละ แหะๆ
แล้วก็ส่วนตัวเรา เราจริตถูกกับความไม่เข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นแบบออกหน้าออกตามากของคนที่นี่ค่ะ คือมีนินทาลับหลังแต่จะไม่มาเผือกตรงๆ อ่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ เราเองก็ไม่ชอบยุ่งกับคนอื่น ไม่ได้เรียกร้องจะต้องมีเพื่อนฝูงเยอะ พออยู่มาสักพักเข้าปีที่ 5-6 ก็ชินแล้วค่ะ มีแหล่งให้บันเทิงเองคนเดียวมากมาย ถ้าป่วยก็แค่เรียกคิวคิวฉะ ส่วนดีมันอยู่ตรงนี้แหละ คือไม่ต้องกลัวว่าถ้าไม่มีลูกหลานแล้วจะอยู่เองไม่รอด
เรื่อง LGBTQ+ เราว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งรุ่นคุณตาคุณยายเขาก็ไม่ได้มองว่าแปลกมากนะคะ เนื่องจากคนญี่ปุ่นเขาปลูกฝังเรื่องมารยาทมากๆ การแสดงออกของเขาต่อให้เขาไม่ชอบเขาก็ยังคงความมีมารยาทไว้ คิดว่าสบายใจกว่าประเทศไทยนิดนึงตรงที่จะไม่มีใครเดินมาถามว่าใครเป็นรุกเป็นรับ ใครทำหน้าที่ผ.ใครทำหน้าที่ม. ประมาณนี้ค่ะ เชียร์นะคะ ใครที่อยากย้ายมาญี่ปุ่น สู้ๆค่ะ
อันนี้จริงค่ะ ในใจเค้ายังไงไม่รู้ แต่เค้าไม่มีทางถามอะไรแบบนั้น
ชอบคอนเทนช่องนี้มากค่ะ ไม่ลำเอียงอวยจนเกินไปหลายๆ อธิบายแล้วเห็นภาพ นี่ก็เคยทำงานกับคนญี่ปุ่นกับมีเพื่อนบ้าง คือมีหลากหลายจริงทั้งดีและอิหยังวะสุดๆ
ชอบคอนเท้นจังค่ะ ข้อมูลอินไซด์ดี พูดแบบเป็นหลาง ดีก็ชม ไม่ดีก็ว่าไป เรียลๆ
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เเบบซีเรียสในทุกเรื่องอย่างที่เล่ามาเลยคับ... มาเเรกๆ นี่คือประสาทรับประทานเลย (เคยนอนร้องไห้เเบบ งง งง เเล้วก้อลุก ขึ้นสู้ เเบบ งง งง เพราะคำว่าช่างเเม่ม เราเสียเงินมาเรียนนะ!!) เเต่!!! เราต้องปล่อยวางมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ซึ่งผมเปนคนไม่คิดอะไรเยอะ) สุดท้ายคือจะทำอะไรก้อทำไปเลย เเต่อย่าไปส่งผลกระทบในเเง่ลบกับคนอื่นซึ่งต้องตั้งอยู่ในมารยาทมาตรฐานสังคมนะ เพราะญี่ปุ่นมันเป็นอะไรที่ขั้นกว่ามาตรฐานสากล
ผมนี่โดนอาจารย์ถาม โดนเพื่อนญี่ปุ่นถาม (พูดอิ้งได้) ร้อยแปดพันเก้า ซึ่งเรามีเป้าหมาย เเล้วตอบคำถามเขาได้คือจบ!!!
เดินจึ้งๆ เข้าห้องเรียน ฉีดน้ำหอมจนเพื่อนรู้ว่ากลิ่นนี้คือผมอยู่เเถวนี้เเน่นอน ซึ่ง... มารยาทเรื่องน้ำหอมนั้นนน ญี่ปุ่นก้อมีนะ เเต่หน้าร้อนนี่เเทบเป็นลมถ้าไม่มีน้ำหอม (TwT)
นี่ก็รอดมาได้เพราะเลิกแคร์เหมือนกันค่ะ ทำเท่าที่เราสะดวก
ใช้สารส้มระงับกลิ่น ไม่มี กลิ่นรบกวนคนอื่นด้วย
ขนาดประเทศที่ปิตาฯ สูงอย่างญี่ปุ่นยังมีให้จดทะเบียนคู่ชีวิต(ถึงจะบางเขตก็เถอะ) ย้อนมามองที่ไทยที่มีการเรียกร้องเคลื่อนไหว ยื่นเรื่องเข้าสภาตั่งต่าง ก็ถูกปัดตกตลอด น่าเศร้า
พร้อมกับตำแถลงที่แบบว่า โอ้ยยยยยพักก๊อออออน
ประเทศที่ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรงถึงเขาจะไม่เห็นด้วยแต่เขาก็เคารพสิทธิ์และความเท่าเทียมของทุกคนเหมือนญี่ปุ่นและใต้หวันถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธสิทธิคนอื่น
ชอบมากค่าาา
ทุกอย่างคือการเรียนรู้จริงๆ
ได้ความรู้เยอะเลยขอบคุณครับ
ป้าเรา 61 ปีนี้ ไปญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 28 ถึงญี่ปุ่นมันจะเครียดแต่มันเครียดคนละแบบถ้ากลับไทยแล้วเครียดแบบไม่มีเงินขออยู่นี่ดีกว่า
สวัสดิการประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ดีมากอะไรแต่ดีกว่าประเทศไทยแน่นอนอันนี้คอนเฟิร์มค่ะ 555555 เรื่องเงินเดือนอาจไม่ได้เรียกว่าอู้ฟู่แต่ก็สามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้สบายๆ หรือสามารถไปดูคอนเสิร์ตได้แบบไม่เสียดายเงินอะค่ะ อยู่ประเทศไทยจะไปดูคอนทีนึงบางคนเก็บเงินหรือทำพาร์ทไทม์กันเป็นเดือนกว่าจะพอ 😅😅😅
ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก ไปปีละ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าจะให้ไปอยู่คือ No!!!!
อยากทราบเหตุผลค่ะ แชร์ได้มั้ยคะ55 นี่ก็ชอบเที่ยวแต่ถ้าอยู่คงไม่เช่นกัน
ชอบเสียงพี่มากเลยค่ะ
ขอบคุณค่า 🙏 พูดแบบนี้จะร้องเพลงละนะ 😂
ตั้งแต่ถูกบีบด้วยความหวังดีโดยอเมริกาเพื่อนรักให้ค่าเงินปรับจาก17บาทเมื่อหลายสิบปีก่อนมาเป็นสามสิบบาท สินค้ายี่ปุ่นเช่นเครื่องไฟฟ้าเลยขายแข่งกับคนอื่นยากเพราะแพงขึ้นจนคนหันไปซื้อของถูก เพราะซื้อไม่ไหว ทั้งๆที่ของยี่ปุ่นคุณภาพดีมากที่สุด
อยากลองไปเที่ยวญี่ปุ่นบ้างจัง ปกติไปเที่ยวแต่อังกฤษ
ฟังฟัง ดูแล้วสวัสดิการ การช่วยเหลือทางด้านสังคม ของญี่ปุ่นก็คล้ายๆกับของออสเตรเลียนะ คือตอนทำงานจะจ่ายภาษี กันแรงหน่อย และจะมีการ จ่ายเงินไว้ สำหรับเกษียณ ทุกคนได้กันหมด คนที่ตกงาน เป็นระยะเวลานาน หรือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็ได้เงิน หลวงกิน ไม่อดตาย อันนี้ไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นมีหรือเปล่า รัฐบาลที่ออสเตรเลีย จะสร้างบ้านให้คนมีรายได้ น้อย หรือไม่มีงานทำ อยู่ แต่คนไร้บ้านก็ยังมีกันอยู่เยอะนะ ขอทานก็เห็นเพิ่มขึ้นทุกวันทุกวัน ที่ออสเตรเลีย คือปัญหาสังคมมันก็มีทุกประเทศแหละ
ที่นี่คนไร้บ้านก็เยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ แต่เท่าที่ฟังคนที่ออสเล่ามาเค้าบอกว่าแม่เค้า(คนออส) อยู่ต่างประเทศทั้งชีวิตกลับไปช่วงบั้นปลายตอนเกษียณก็ได้เงินจากรัฐ … แต่ถ้าเป็นญี่ปุ่นหม่ได้แน่ๆค่ะ ข้อปม้เยอะมาก รัดกุมมากๆ พลาดนิดหน่อยคืออดเลยค่ะต่อให้อยู่ที่นี่จ่ายภาษีด้านอื่นๆก็ตาม …
แววตาของคุณเซ็กซี่มากๆเลยครับ🥰
ไม่อยากไปแล้ว แค่เจอที่ทำงานในไทย คนญี่ปุ่น ใจดำ ชอบใช้อารมณ์ พูดแต่ว่ากลัวอดตาย ชอบปาข้าวของ บังคับทุกอย่าง
ถ้าคันตอนช้าอาจเป็นทางบริษัทคุณค่ะ ทางอำเภอเขาไม่ช้าหรือโกง เราอยู่ที่ 30ปีแล้ว เศรษฐกิจญี่ปุ่นแย่มานานแล้ว แต่เครดิตเขาดี เพราะฉะนั้นต้องเรียนรู้คนข้างเราใช่คนบ้านเรา พูดให้เห็นญี่ปุ่นหรือเกลียดไม่เข้าใจ
เราอยากจะเข้าใจข้อความคุณจริงๆนะคะ แต่อ่านยากมากเลยค่ะ รบกวนลองพิมพ์อีกทีได้มั้ยคะ
อยากให้ทำไลฟ์พูดคุยอีกค่ะ
ถ้ามีเวลาจะมาอีกนะคะ 😁🥰
ได้ความรู้เยอ่ะค่ะ.. ชอบนะคะเสียงก่เพราะพูดชัดดี
เราโคตรชอบวิถีการทำ product & service จากญี่ปุ่นเลยนะ แต่พอไปอยู่จริงๆย้อนแย้งในการแสดงออกและสื่อสารมาก ไทยที่ว่า.....ยังตรงไปตรงมากว่านะ งงเลย
แต่ customer service ในญี่ปุ่นแย่มาาาาาากเลยนะคะ 😂
@@CharisafromJapan เส้าเลยค่ะ
เห็นด้วยนะคะ ทุกที่มีปัญหา ถ้าเรามั่งมั่นและชอบจริงๆจะอยู่ได้
ไปด้วยค้าบบ
ญี่ปุ่นเค้าอิ่มตัวมานานแล้ว บวกกับช่วงนี้จีนมาแรงมาก
พี่คะๆ คือว่าสงสัยมานานแล้วค่ะว่า คนญี่ปุ่นเค้าไม่ work life balance กันเลย เค้าไม่ป่วยเป็น office syndrome กันบ้างมั้ยคะ ไม่เคยได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้เลย
เป็นกันเยอะนะคะ ก่อนที่เราจะเป็นเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่พอเป็นแล้วต้องไปกายภาพที่คลีนิค ก็นึกว่าจะมีแค่คนแก่ๆ เอาจริงๆแต่ละเตียงคือวัย 20กว่า- 30-40 วัยทำงานกันทั้งนั้นเลยค่ะ แล้วคลีนิคพวกนี้คือกล้าพูดเลยว่ามีถี่พอๆกับร้านสะดวกซื้อเลยค่ะ
@@CharisafromJapan ขอบคุณค่า เข้าใจเลยทีนี้🥰
ญี่ปุ่น สังคมแห่งการเสพติด คนญี่ปุ่น
กะคนนั่นละ ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่น
แต่เลือกเสพติด
ไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมพกน้ำจิ้มซีฟู้ดไปด้วยทุกครั้ง มีใครเป็นแบบผมบ้าง
ชอบเหล้าบ๊วยญี่ปุ่นครับ 555
ฉันขอแค่ได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสักครั้งก็ยังดี
เกาหลีทำงานหนักกว่าญี่ปุ่นจริงไหม
ผมก็ไม่ชอบออกนอกบ้านนะครับ เพราะเกร็งครับ
ตอนบอกจำนวนประชากรบอกเป็นเปอร์เซ็นได้ไหมคับ