ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
Satu🙏
❤ ในรู้สอง หรือธาตุรู้ / ไม่มีความรู้สึกสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ , บุญ บาป , กุศล อกุศล , รัก โลภ ราคะ โกรธ หลง / เหล่านี้คือสมมุติเกิดดับ...มันไม่มีอยู่จริง...จิตคิดปรุงมันขึ้นมา เสมือนเราสร้างกรงขังตัวเองไว้ในสังสารวัฏ
สาธูๆคะ
ถ้าหากเผลอไปติดรู้ 2 นี่ก็จะยังยุ่งต่ออีก เพราะจริงๆสุดท้ายธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ธรรมทั้งปวงก็คือทุกธรรมนั่นแล 😊
อวดรู้ ปฎิจจสมุบาปควรรู้กลับไม่รู้จริง
กราบอนุโมทนาสาธุ
สาธุๆ_นั้นคือความเกืดดับเปนำปตามกิเลสมาหลายภพอันปิดบัง_จิตแท้ขาดอิสระจากครอบงำของกิเลสดอก/พอเราวางนึกคิดทั้งปวง_จิตแท้จีดอิสระทันที_ความว่างๆนี่แลจักนำเราพบเห็นตามจริงที่ทีอย่แล้ว/เพียงเราหลงตามกิเลสพารู้อันสมมุติแล้วไปยึดรู้ตามกิเลสจึ่งหลงทางอยู่เช่นนั้นหนอ
❤ หยุดคิด แล้วจึงพบธาตุรู้ .....รู้ นิ่ง ว่าง เย็น สบาย , ไม่มีตัวกู❤ ความชอบ ความชัง / หยั่งลงไม่ถึงธาตุรู้....ธาตุรู้ หลุดไป พ้นไปจากการครอบงำเสียดแทงของไตรลักษณ์ จึงเรียกว่าปัญญาทางธรรม
หลวงปู่ชา ท่านเรียกว่า น้ำไหลนิ่ง
❤ ธรรมชาติเดิมของจิต เขาเป็นอิสระจากสมมุติทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ในสังสารวัฏ❤ ธาตุรู้ หรือรู้สอง คือชีวิตที่เป็นอมตะ / ส่วนกายหยาบ , กายทิพย์ ของผู้อยู่ในสังสารวัฏ นั้นเป็นชีวิตแบบชั่วคราว เพราะมันมีอายุขัย
สาธุครับพ่อจ๋า
❤อนุโมทนาสาธุๆๆ❤
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุ
มีจริงผมคนหนึ่งปฎิบัติมาตอนนี่ผมก็มาจุดนี่ผมใด้ทำลายขัน๕จะสำเร็จแล้ว
❤ คนอื่นพูดไม่ใช่ ฉันพูดจึงจะใช่...นั่นมันเป็นรู้หนึ่ง❤ สัมมาทิฏฐิ หรือจิตพลิก คือมันพลิกมุมมอง....พลิกความเห็น
🙏🙏🙏
หลวงพ่อตัวสำคัญ ว่ะ
เหตุใดที่เรียกว่า "สัตว์"(ผู้ข้องติด,ผู้ยึดติด) ราธะถาม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์(สต.โต สต.โตติ) ดังนี้ อันว่าสัตว์มีได้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า พระเจ้าข้า? พระพุทธเจ้าตอบ ราธะ ฉันทะ(ความพอใจ)ราคะ(ความกำหนัด)นันทิ(ความเพลิน)ตัณหา(ความอยาก)ใดๆ ที่มีอยู่ในรูป เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในรูปนั้น เพราะฉนั้นจึงเรียกว่า สัตว์(ผู้ข้องติดในขันธ์๕) ดังนี้... ฯลฯ เวทนา ฯลฯ ฯลฯ สัญญา ฯลฯ ฯลฯ สังขาร ฯลฯ ฯลฯ วิญญาณ.ฯลฯหมายเหตุ อีก๔ขันธ์ พระงค์ก็กล่าวทำนองเดียวกัน. พระพุทธเจ้ามีอุปมา กุมาร-กุมารีหลงกองทราย ฯลฯ พระพุทธเจ้าสรุป ราธะ เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหานั้น คือ นิพพาน ดังนี้ ...... จิตเดิมแท้ จิตดั้งเดิม หรือ รู้๑รู้๒ ที่เรียกๆกันจึงไม่มี ครับ (เป็นคำแต่งใหม่) แต่ที่มี คือ สัตว์หรือสัตตานัง(ผู้ข้องติด) และวิมุตติ(นิพพาน) ไม่ข้องติดยึดติดในขันธ์๕แล้ว.พระพุทธเจ้าใช้๓พยัญชนะ นี้ครับสิ่งสิ่งหนึ่ง-สัตว์-วิมุตติ ๓ ตัวนี้แหละรู้ทุกเรื่อง ในสังสารวัฏ.
พ่อใหญ่อยู่บ้าน โนนอุดม บ่ ขอเบอร์ แน่จ้า.
Id line : pradit2485
ปฏิบัติอย่างใรถึงจะใด้รู้2
เมื่อแรกเกิด คนแค่รับรู้เฉยๆ แต่พอโตขึ้นถูกสอนสั่งเริ่มเรียนรู้ จำ พูดคิด มีความรู้สึก เกิดการให้ค่า เกิดความคิดแบ่งแยก ตัดสิน มีของฉัน ของเธอมีความยึดมั่นในตัวตน ถูกผิด ดี ชั่ว เกลียด รัก ชัง ชอบ ถ้าไปให้พ้นจากความคิดที่เป็นทวิภาวะ คือ 2 ขั้ว ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาแค่รับรู้เฉยๆเหมือนจิตว่างที่มีมาแต่เดิมหรือจิตเดิมแท้จิตก่อนการคิดเหมือนดวงจันทร์มันสว่างไสว ก่อนก้อนเมฆจะเคลื่อนเข้ามาบังเปรียบเหมือนกิเลส โลภ โกธร หลง ที่มาบดบังใจเป็นครั้งเป็นคราวให้รู้ทันมันว่าเกิดดับๆเดียวมันก็จรไป พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมะคือธรรมชาติ หรือตรัสรู้ความว่างจากทุกสิ่งแม้ตัวเราก็ไม่มี ตั้งอยู่เพียงชั่วคราวแม้ความคิดก็ไม่มีอยู่จริง ไม่คิดก็ไม่มีมันแค่ความเป็นไปของขันธ์5 เมื่อใดที่จิตรับรู้เฉยๆโดยไม่แบ่งแยกจิตจะเข้าถึงความเป็นกลาง ดีไม่เอา ชั่วไม่เอา ไม่เป็นอะไรกับอะไร เหมือนพระพหิยะ ที่ พพจ.ตรัสสอน พหิยะ ถ้าเธอเห็น "สักแต่ว่าเห็น" ได้ยิน "สักแต่ว่าได้ยิน" เมื่อนั้นเธอย่อมไม่มี ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คือ นิพพาน ไม่ต้องมาเกิดอีก.ทำตัวให้เหมือนธรรมชาติ ทำหน้าที่ของมันไปเช่น ดวงอาทิตย์เช้า ก็ขึ้น เย็นก็ตก มันไม่เคยคิดว่าฉันไม่ชอบบ้านหลังนั้น ฉันจะไม่ส่องแสงให้ ทำจิตให้เป็นกลางๆ แค่รับรู้ไม่ตัดสิน ไม่แบ่งแยก หรือแค่จิตหยุดคิดปรุงแต่ง ขณะใด ขณะนั้นจิตก็นิพพานชั่วคราว.
@@jjekendhhdhudud2887 ขอบคุณมากครับ
จิตพุทธะ (จิตผู้รู้) มีอยู่แล้วในตัวคุณและทุกๆคน แต่ถูกกิเลสบังไว้หมด จิตที่เคยว่าง สงบ เย็น กลายเป็นร้อนรุ่ม อยากได้ กิเลส หลอก ว่า ต้องรวย ต้องสำเร็จ ติดอยู่ในโลกธรรม 8 หลงไปทำชั่วได้ทุกอย่าง แท้จริงกินก็แค่อิ่ม มีบ้านหลายหลังก็นอนได้หลังเดียว มีสิ่งใดก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น ต้องคอยห่วงใยดูแลไม่ให้ใครแย่งชิงไป เป็นอารักข์ทุกข์ ความสำเร็จของชีวิตที่ทุกคน ต่างแกร่งแย่ง กอบโกย นั้นมันเหมือนเลข 0 สุดท้ายไปมือเปล่าทุกคนให้มีศีล ความดีของตัวเองเท่านั้นจะคุ้มครองตัวเอง อยู่ได้อย่างองอาจเพราะไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร และไม่ต้องติดดี เพื่อให้คนพอใจ ทุกคนต่างมีกิเลส ทำดีแค่ไหนก็ยังไม่ดีพอ บางครั้งการอยู่เฉยๆได้บุญกว่า พระพุทธเจ้าท่านลึกซึ้ง สอนพรหมวิหาร4 ให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา ตบท้ายด้วยอุเบกขา ถ้าช่วยไม่ได้แล้วก็ต้องปล่อยวาง คือวางเฉย ให้จิตเข้าสู่ความเป็นกลาง กิโลช่างของแล้วต้องกลับมาอยู่ที่0 รถยนต์ยังต้องมีเกียร์ N ให้อยู่อย่างเข้าใจแต่อย่าโกธรใครคนทุกคนล้วนน่าสงสาร เหมือนเราที่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมๆถึงต้องเกิด จะเอาอะไร และจะไปไหนบางทีก็สับสนในตัวเอง โชคดีที่ได้พบพพจ. สอนให้รู้ทุกข์มีลูกมีครอบครัว ญาติฉันญาติเธอ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้นแต่คนที่มีอวิชชาความไม่รู้ ความเพลินมองไม่ออก เห็นว่าเป็นสุข ทั้ง อดีตและอนาคต เป็นมายาไม่มีอยู่จริงไม่คิดก็ไม่มี ต้องปัจจุบันเท่านั้นถึงจะเป็นความจริง เหมือนพระองค์คุลีมาร จิตของท่านเกาะอยู่กับปัจจุบัน 24 ชม.ทุกข์ที่เกิดจากความคิดทำอะไรท่านไม่ได้ การส่งจิตออกนอกไปยุ่งเรื่องชาวบ้านล้วนเป็นทุกข์ ไม่ต้องรักษาศีล 227 ข้อให้รักษาใจข้อเดียว เมื่อใดกิเลสหลอกให้ไปทำชั่วให้เอา สติ ตัดเป็นขณะๆ (กูไม่ทำ) เดียวอารมณ์นั้นมันดับไปเอง ถ้าสติตามอารมณ์ชั่วไม่ทันหลายคนหลงไปทำผิดก็ต้องไปทำแผนถ้าชนะใจตัวเองได้เท่ากับชนะได้ทุกสิ่งทำตัวเองให้เป็นพระอรหัตน์ไม่ต้องไปหาพระอรหันต์ที่ไหน พพจ.ตรัส ไม่เหลือวิสัย มนุษย์สามารถทำได้ ตราบใดที่คนยังปฏิบัติตาม มรรค มีองค์8 โลกจักไม่ว่างจากพระอรหัตน์.
งวดหน้าออกเลขไรพ่ออยากรู้
ไปถามครูคนิตสาดๆปอหนึ่ง
จิตเดิมไม่มีเพราะจิตเกิดดับตลอด
ท่านว่าเขาเอานรกสวรรค์มาขู่แสดงว่าท่านไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง แค่นี้ก็ทำลายคำพูดของพระพุทธเจ้าแล้วล่ะครับที่ว่านรกสวรรค์มีจริง
นรก สวรรค์ ถ้าความจริงมันมีก็คือ มี ไม่มี ก็คือไม่มี ไม่เกี่ยวกับว่าใครมาบอก พพจ. ตรัส ทุกสิ่งที่ท่านตรัสรู้ มันมีอยู่แล้วในธรรมชาติถึงท่านไม่ตรัสรู้มันก็มีอยู่แล้วท่านเพียงแค่รู้แล้วนำมาบอก เป็นเพียงผู้บอกทางแล้วแต่ว่าใครจะเดินตามหรือไม่ไม่ได้บังคับ ท่านไม่ได้เป็นคนสร้าง ถ้าไม่เชื่อเรื่องบาป บุญ นรก สวรรค์ ท่านจัดเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด เป็นอวิชชาคือความไม่รู้ โง่หรือหลง เป็นเหตุให้ไม่สามารถออกจากสังสารวัฏได้เพราะจะไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติมเมื่อไม่เชื่อก็เป็นเหตุให้ไปกระทำกรรมไม่ได้ละกิเลสเกิดวิบากคือผลของกรรมตามมา เวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จบ หลักปฏิจสมุปบาท สิ่งนี้มีสิ่งนี้จริงมี ทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุ ปัจจัย หมดเหตุ ปัจจัย มันก็ดับ เป็นธรรมชาติไม่ใช่เราเป็นเพียงความเป็นไปของธาติขันธ์ที่รวมกันอยู่แค่ชั่วคราว เกิดแก่เจ็บป่วยเปลี่ยนแปลงตลอดควบคุมอะไรไม่ได้ จะท้องเสีย เป็นมะเร็ง ผมหงอก ฟุ้งซ่าน แก่ชรา ๆลๆ แต่เราเห็นผิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นตัวเรา ที่เป็น ความจริงนี้เกิดขึ้นในทุกคน ทุกชาติทุกภาษาไม่ใช่เฉพาะผู้นับถือศ.พุทธ เป็นไปตามหลักปฏิจสมุปบาท นี้ที่ทำให้ฝรั่งต่างชาติหันมานับถือพุทธศาสนาเพราะเป็นหลักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ไม่จำกัดกาล.
ยังมี .. ของเรา.. อาจารย์ของเรา.. บบ้านของเรา.. สมบัติของเรา.. สรูป ไม่ผ่าน.
❤กราบสาธุคะรับ❤เรียบเรียงได้งดงาม😊
พระอาจารย์สมหวังท่านอยู่วัดไหนครับ
ท่านเป็นฆราวาส อยู่ระยองค่ะ
ธรรมทุกอย่างยกเว้นพระสูตรและพระวินัยอยุูในปฎิจจสมุทบาปทั้งสิน
🙏🙏🙏🪷
อนิจจังทุกข้งอนัตตาไม่มีเราไม่ใช่ตัวเราของเราตั้งอยู่ดับไปหลงไปยึดขันธ์5ว่าเป็นตัวเราของเรามาหลายแสนกัลป์แล้วต้องทำความเห็นใหม่ให้ถูกคือสัมมาฐิทิแก้ที่ความจำความคิดไม่ได้ต้องแกไขที่จิตที่บันทึกไว้ด้วยสมาธิปัญญาลบความจำเดิมที่จิตใหม่ด้วยปัญญาที่มีความเห็นถูก
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
Satu🙏
❤ ในรู้สอง หรือธาตุรู้ / ไม่มีความรู้สึกสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ , บุญ บาป , กุศล อกุศล , รัก โลภ ราคะ โกรธ หลง / เหล่านี้คือสมมุติเกิดดับ...มันไม่มีอยู่จริง...จิตคิดปรุงมันขึ้นมา เสมือนเราสร้างกรงขังตัวเองไว้ในสังสารวัฏ
สาธูๆคะ
ถ้าหากเผลอไปติดรู้ 2 นี่ก็จะยังยุ่งต่ออีก เพราะจริงๆสุดท้ายธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ธรรมทั้งปวงก็คือทุกธรรมนั่นแล 😊
อวดรู้ ปฎิจจสมุบาปควรรู้กลับไม่รู้จริง
กราบอนุโมทนาสาธุ
สาธุๆ_นั้นคือความเกืดดับเปนำปตามกิเลสมาหลายภพอันปิดบัง_จิตแท้ขาดอิสระจากครอบงำของกิเลสดอก/พอเราวางนึกคิดทั้งปวง_จิตแท้จีดอิสระทันที_ความว่างๆนี่แลจักนำเราพบเห็นตามจริงที่ทีอย่แล้ว/เพียงเราหลงตามกิเลสพารู้อันสมมุติแล้วไปยึดรู้ตามกิเลสจึ่งหลงทางอยู่เช่นนั้นหนอ
❤ หยุดคิด แล้วจึงพบธาตุรู้ .....รู้ นิ่ง ว่าง เย็น สบาย , ไม่มีตัวกู
❤ ความชอบ ความชัง / หยั่งลงไม่ถึงธาตุรู้....ธาตุรู้ หลุดไป พ้นไปจากการครอบงำเสียดแทงของไตรลักษณ์ จึงเรียกว่าปัญญาทางธรรม
หลวงปู่ชา ท่านเรียกว่า น้ำไหลนิ่ง
❤ ธรรมชาติเดิมของจิต เขาเป็นอิสระจากสมมุติทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ในสังสารวัฏ
❤ ธาตุรู้ หรือรู้สอง คือชีวิตที่เป็นอมตะ / ส่วนกายหยาบ , กายทิพย์ ของผู้อยู่ในสังสารวัฏ นั้นเป็นชีวิตแบบชั่วคราว เพราะมันมีอายุขัย
สาธุครับพ่อจ๋า
❤อนุโมทนาสาธุๆๆ❤
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุ
มีจริงผมคนหนึ่งปฎิบัติมาตอนนี่ผมก็มาจุดนี่ผมใด้ทำลายขัน๕จะสำเร็จแล้ว
❤ คนอื่นพูดไม่ใช่ ฉันพูดจึงจะใช่...นั่นมันเป็นรู้หนึ่ง
❤ สัมมาทิฏฐิ หรือจิตพลิก คือมันพลิกมุมมอง....พลิกความเห็น
🙏🙏🙏
หลวงพ่อตัวสำคัญ ว่ะ
เหตุใดที่เรียกว่า "สัตว์"(ผู้ข้องติด,ผู้ยึดติด)
ราธะถาม
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์(สต.โต สต.โตติ) ดังนี้ อันว่าสัตว์มีได้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า พระเจ้าข้า?
พระพุทธเจ้าตอบ
ราธะ ฉันทะ(ความพอใจ)ราคะ(ความกำหนัด)นันทิ(ความเพลิน)ตัณหา(ความอยาก)ใดๆ ที่มีอยู่ในรูป เพราะการติดแล้ว ข้องแล้วในรูปนั้น เพราะฉนั้นจึงเรียกว่า สัตว์(ผู้ข้องติดในขันธ์๕) ดังนี้...
ฯลฯ เวทนา ฯลฯ
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ
ฯลฯ สังขาร ฯลฯ
ฯลฯ วิญญาณ.ฯลฯ
หมายเหตุ อีก๔ขันธ์ พระงค์ก็กล่าวทำนองเดียวกัน.
พระพุทธเจ้ามีอุปมา กุมาร-กุมารีหลงกองทราย
ฯลฯ
พระพุทธเจ้าสรุป
ราธะ เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหานั้น คือ นิพพาน ดังนี้
......
จิตเดิมแท้ จิตดั้งเดิม หรือ รู้๑รู้๒ ที่เรียกๆกันจึงไม่มี ครับ (เป็นคำแต่งใหม่)
แต่ที่มี คือ สัตว์หรือสัตตานัง(ผู้ข้องติด) และวิมุตติ(นิพพาน) ไม่ข้องติดยึดติดในขันธ์๕แล้ว.
พระพุทธเจ้าใช้๓พยัญชนะ นี้ครับ
สิ่งสิ่งหนึ่ง-สัตว์-วิมุตติ ๓ ตัวนี้แหละรู้ทุกเรื่อง ในสังสารวัฏ.
พ่อใหญ่อยู่บ้าน โนนอุดม บ่ ขอเบอร์ แน่จ้า.
Id line : pradit2485
ปฏิบัติอย่างใรถึงจะใด้รู้2
เมื่อแรกเกิด คนแค่รับรู้เฉยๆ แต่พอโตขึ้นถูกสอนสั่งเริ่มเรียนรู้ จำ พูดคิด มีความรู้สึก เกิดการให้ค่า เกิดความคิดแบ่งแยก ตัดสิน มีของฉัน ของเธอมีความยึดมั่นในตัวตน ถูกผิด ดี ชั่ว เกลียด รัก ชัง ชอบ ถ้าไปให้พ้นจากความคิดที่เป็นทวิภาวะ คือ 2 ขั้ว ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาแค่รับรู้เฉยๆเหมือนจิตว่างที่มีมาแต่เดิมหรือจิตเดิมแท้จิตก่อนการคิดเหมือนดวงจันทร์มันสว่างไสว ก่อนก้อนเมฆจะเคลื่อนเข้ามาบังเปรียบเหมือนกิเลส โลภ โกธร หลง ที่มาบดบังใจเป็นครั้งเป็นคราวให้รู้ทันมันว่าเกิดดับๆเดียวมันก็จรไป พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมะคือธรรมชาติ หรือตรัสรู้ความว่างจากทุกสิ่งแม้ตัวเราก็ไม่มี ตั้งอยู่เพียงชั่วคราวแม้ความคิดก็ไม่มีอยู่จริง ไม่คิดก็ไม่มีมันแค่ความเป็นไปของขันธ์5 เมื่อใดที่จิตรับรู้เฉยๆโดยไม่แบ่งแยกจิตจะเข้าถึงความเป็นกลาง ดีไม่เอา ชั่วไม่เอา ไม่เป็นอะไรกับอะไร เหมือนพระพหิยะ ที่ พพจ.ตรัสสอน พหิยะ ถ้าเธอเห็น "สักแต่ว่าเห็น" ได้ยิน "สักแต่ว่าได้ยิน" เมื่อนั้นเธอย่อมไม่มี ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คือ นิพพาน ไม่ต้องมาเกิดอีก.
ทำตัวให้เหมือนธรรมชาติ ทำหน้าที่ของมันไปเช่น ดวงอาทิตย์เช้า ก็ขึ้น เย็นก็ตก มันไม่เคยคิดว่าฉันไม่ชอบบ้านหลังนั้น ฉันจะไม่ส่องแสงให้ ทำจิตให้เป็นกลางๆ แค่รับรู้ไม่ตัดสิน ไม่แบ่งแยก หรือแค่จิตหยุดคิดปรุงแต่ง ขณะใด ขณะนั้นจิตก็นิพพานชั่วคราว.
@@jjekendhhdhudud2887 ขอบคุณมากครับ
จิตพุทธะ (จิตผู้รู้) มีอยู่แล้วในตัวคุณและทุกๆคน แต่ถูกกิเลสบังไว้หมด จิตที่เคยว่าง สงบ เย็น กลายเป็นร้อนรุ่ม อยากได้ กิเลส หลอก ว่า ต้องรวย ต้องสำเร็จ ติดอยู่ในโลกธรรม 8 หลงไปทำชั่วได้ทุกอย่าง แท้จริงกินก็แค่อิ่ม มีบ้านหลายหลังก็นอนได้หลังเดียว มีสิ่งใดก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น ต้องคอยห่วงใยดูแลไม่ให้ใครแย่งชิงไป เป็นอารักข์ทุกข์ ความสำเร็จของชีวิตที่ทุกคน ต่างแกร่งแย่ง กอบโกย นั้นมันเหมือนเลข 0 สุดท้ายไปมือเปล่าทุกคนให้มีศีล ความดีของตัวเองเท่านั้นจะคุ้มครองตัวเอง อยู่ได้อย่างองอาจเพราะไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร และไม่ต้องติดดี เพื่อให้คนพอใจ ทุกคนต่างมีกิเลส ทำดีแค่ไหนก็ยังไม่ดีพอ บางครั้งการอยู่เฉยๆได้บุญกว่า พระพุทธเจ้าท่านลึกซึ้ง สอนพรหมวิหาร4 ให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา ตบท้ายด้วยอุเบกขา ถ้าช่วยไม่ได้แล้วก็ต้องปล่อยวาง คือวางเฉย ให้จิตเข้าสู่ความเป็นกลาง กิโลช่างของแล้วต้องกลับมาอยู่ที่0 รถยนต์ยังต้องมีเกียร์ N ให้อยู่อย่างเข้าใจแต่อย่าโกธรใครคนทุกคนล้วนน่าสงสาร เหมือนเราที่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไมๆถึงต้องเกิด จะเอาอะไร และจะไปไหนบางทีก็สับสนในตัวเอง โชคดีที่ได้พบ
พพจ. สอนให้รู้ทุกข์มีลูกมีครอบครัว ญาติฉันญาติเธอ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้นแต่คนที่มีอวิชชาความไม่รู้ ความเพลินมองไม่ออก เห็นว่าเป็นสุข ทั้ง อดีตและอนาคต เป็นมายาไม่มีอยู่จริงไม่คิดก็ไม่มี ต้องปัจจุบันเท่านั้นถึงจะเป็นความจริง เหมือนพระองค์คุลีมาร จิตของท่านเกาะอยู่กับปัจจุบัน 24 ชม.ทุกข์ที่เกิดจากความคิดทำอะไรท่านไม่ได้ การส่งจิตออกนอกไปยุ่งเรื่องชาวบ้านล้วนเป็นทุกข์ ไม่ต้องรักษาศีล 227 ข้อให้รักษาใจข้อเดียว เมื่อใดกิเลสหลอกให้ไปทำชั่วให้เอา สติ ตัดเป็นขณะๆ (กูไม่ทำ) เดียวอารมณ์นั้นมันดับไปเอง ถ้าสติตามอารมณ์ชั่วไม่ทันหลายคนหลงไปทำผิดก็ต้องไปทำแผนถ้าชนะใจตัวเองได้เท่ากับชนะได้ทุกสิ่งทำตัวเองให้เป็นพระอรหัตน์ไม่ต้องไปหาพระอรหันต์ที่ไหน พพจ.ตรัส ไม่เหลือวิสัย มนุษย์สามารถทำได้ ตราบใดที่คนยังปฏิบัติตาม มรรค มีองค์8 โลกจักไม่ว่างจากพระอรหัตน์.
งวดหน้าออกเลขไรพ่ออยากรู้
ไปถามครูคนิตสาดๆปอหนึ่ง
จิตเดิมไม่มีเพราะจิตเกิดดับตลอด
ท่านว่าเขาเอานรกสวรรค์มาขู่แสดงว่าท่านไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง แค่นี้ก็ทำลายคำพูดของพระพุทธเจ้าแล้วล่ะครับที่ว่านรกสวรรค์มีจริง
นรก สวรรค์ ถ้าความจริงมันมีก็คือ มี ไม่มี ก็คือไม่มี ไม่เกี่ยวกับว่าใครมาบอก พพจ. ตรัส ทุกสิ่งที่ท่านตรัสรู้ มันมีอยู่แล้วในธรรมชาติถึงท่านไม่ตรัสรู้มันก็มีอยู่แล้วท่านเพียงแค่รู้แล้วนำมา
บอก เป็นเพียงผู้บอกทางแล้วแต่ว่าใครจะเดินตามหรือไม่ไม่ได้บังคับ ท่านไม่ได้เป็นคนสร้าง ถ้าไม่เชื่อเรื่องบาป บุญ นรก สวรรค์ ท่านจัดเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด เป็นอวิชชาคือความไม่รู้ โง่หรือหลง เป็นเหตุให้ไม่สามารถออกจากสังสารวัฏได้เพราะจะไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติมเมื่อไม่เชื่อก็เป็นเหตุให้ไปกระทำกรรมไม่ได้ละกิเลสเกิดวิบากคือผลของกรรมตามมา เวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จบ หลักปฏิจสมุปบาท สิ่งนี้มีสิ่งนี้จริงมี ทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุ ปัจจัย หมดเหตุ ปัจจัย มันก็ดับ เป็นธรรมชาติไม่ใช่เราเป็นเพียงความเป็นไปของธาติขันธ์ที่รวมกันอยู่แค่ชั่วคราว เกิดแก่เจ็บป่วยเปลี่ยนแปลงตลอดควบคุมอะไรไม่ได้ จะท้องเสีย เป็นมะเร็ง ผมหงอก ฟุ้งซ่าน แก่ชรา ๆลๆ แต่เราเห็นผิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นตัวเรา ที่เป็น ความจริงนี้เกิดขึ้นในทุกคน ทุกชาติทุกภาษาไม่ใช่เฉพาะผู้นับถือศ.พุทธ เป็นไปตามหลักปฏิจสมุปบาท นี้ที่ทำให้ฝรั่งต่างชาติหันมานับถือพุทธศาสนาเพราะเป็นหลักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ไม่จำกัดกาล.
ยังมี .. ของเรา.. อาจารย์ของเรา.. บบ้านของเรา.. สมบัติของเรา.. สรูป ไม่ผ่าน.
❤กราบสาธุคะรับ❤เรียบเรียงได้งดงาม😊
พระอาจารย์สมหวังท่านอยู่วัดไหนครับ
ท่านเป็นฆราวาส อยู่ระยองค่ะ
ธรรมทุกอย่างยกเว้นพระสูตรและพระวินัยอยุูในปฎิจจสมุทบาปทั้งสิน
🙏🙏🙏🪷
อนิจจังทุกข้งอนัตตาไม่มีเราไม่ใช่ตัวเราของเราตั้งอยู่ดับไปหลงไปยึดขันธ์5ว่าเป็นตัวเราของเรามาหลายแสนกัลป์แล้วต้องทำความเห็นใหม่ให้ถูกคือสัมมาฐิทิแก้ที่ความจำความคิดไม่ได้ต้องแกไขที่จิตที่บันทึกไว้ด้วยสมาธิปัญญาลบความจำเดิมที่จิตใหม่ด้วยปัญญาที่มีความเห็นถูก