ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวัน พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่าภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ แต่ยังครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณเมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมีเมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้วความหยั่งลงแห่งนามรูปจึงมีเพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะเพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะเพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนาเพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหาเพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทานเพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพเพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติเพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้เมื่อภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณเมื่อไม่มีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงไม่มีเมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่เจริญขึ้นแล้วความหยั่งลงแห่งนามรูปจึงไม่มีเพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับเพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับเพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับเพราะเวทนาดับ ภพจึงดับเพราะภพดับ ชาติจึงดับเพราะชาติดับ ชราและ มรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสต่อไปจึงดับความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้พระสูตรเจตนาสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ ข้อ ๑๔๗-๑๔๘
@@มโนสัญญาตัญหา มีคําจารึกเป็นพระเวชและมนต์กํากับเอาไว้ด้วย...มนุษย์โลกยุคนี้ก็ถือว่ายังพอมีบุญอยู่มากโข...ที่ได้รับรู้และยังพอมีสติประคองรักษาเอาไว้ได้..☺️
ขอบคุณที่สำหรับคลิปนี้ หลายคนไม่กล้าพูดเพราะกลัวความเชื่อศาสนาอื่นจะโก.ธเอา 😂😂
ที่จริงไม่โกรธครับ แต่คนกล่าวหานั่นแหละครับสมควรพิจารณาตัวเอง เช่น ......................16.00 นั่นแหละครับปัญหา เพราะคุณแค่ไม่พอใจว่า " ทำไมฉันเกิดมาต้องเจอความทุกข์ ไม่เกิดมาแล้วมีแต่สุข ฉันไม่สรรเสริญ สิ่งที่ทำให้ฉันทุกข์หรอก " คือ คุณไม่ต้องเข้าใจหรอกครับว่า จะเรียกจักรวาลนี้ว่าพระเจ้า หรือ ธรรมชาติ .......เพราะ นั่นเท่ากับ คุณ " ปฎิเสธ " การบัญญัติ ของธรรมชาติ และ ธรรมะ ในมุมมองของคุณคือ "อวิชชา" ไปเลยเช่นกันครับ...... ( เพราะคุณบอกเองว่า ทุกสิ่งอุบัติขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่คุณบอกว่าทุกข์มีในมุมมองของการมีผู้สร้าง ผมจึงตัดมุมมองนั้นออก ให้เหลือมุมมองของคุณ คำตอบมันก็จะเหมือนกันครับ ธรรมชาติ (ธรรมะ) = อวิชชา )
@@lordseyren5454 เอาอะไรมาแถครับ..ส่งเดชมาก..คนล่ะเรื่อง..และไม่มีเหตุผลอ่ะ😂..แทงสวนแต่แทงออกนอกคอร์ดเลยอ่ะ😂
@@thawanfamily ศาสตร์แห่งพุทธะ ไม่ใช่เป็นลัถธิ ที่มีคําสอนให้ต้องปฎิบัติตามแบบบังคับ ว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้...แล้วจะถูกลงโทษ แค่เป็นโรงเรียนรู้ดีๆนั่นเอง..ผู้ที่ตั้ง ชี้แจงให้เห็นความจริงนี่เต็งจริงๆ ใครได้เจอคงจะโชคดีน่าดู☺️
พระพุทธเจ้า เผยแพร่คำสอนโดยไม่ต้องฆ่าคน ไม่ต้องทำสงครามกับศาสนาอื่นลัทธิอื่น
ส่วนตัวขอบฟังช่องนี้ และช่องอื่นๆ เกี่ยวกับพุทธ ไม่มีใครพูดได้ถูกหมด แม้แต่ช่องนี้ แนะนำว่าไม่ควรแซะกัน ให้ฟังที่เนื้อธรรม และตรึกตรองด้วย ปัญญาของเราประกอบ
คณิตศาสตร์ สูตรการคำนวน ก็เช่นกัน คล้ายๆกับคำถามว่าใครสร้างโลก ยังมีการหารที่ไม่ลงตัว เช่น1หาร3 2หาร6 เป็นต้น ที่สุดแล้วจิตและความคิดเรานี่เองคือปัญหา
ถูกใจแล้วถูกใจอีกคลิปนี้ ชอบม๊าก
สรุปได้ดีครับ หากเชื่อว่าพระเจ้าเกิดขึ้นได้เองแล้วก็ต้องเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเองได้เช่นกัน....
เกิดขึ้นเองได้ แต่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวเองนี่ผมว่าแปลกครับ (ถ้าคนเกิดขึ้นเองได้ คงดัดแปลงร่ายกายตัวเองได้ตามใจแล้วครับ เพราะเราเกิดขึ้นเอง ย่อมเข้าใจตัวเอง)
แปลก ตรง ไหน เกิดมาจากพ่อแม่ไม่ เห็น พระ เจ้า มาสร้าง เลยถ้าเห็นสิแปลก😂@@lordseyren5454
@lordseyren5454😮 เคยไปสวรรค์ไหมครับแล้วนับถือศาสนาอะไรเหรอครับ
@ ไม่ต้องเคยไปแต่ทราบจากคัมภีร์ครับ ว่ามี และที่จริง ทั้งนรก - สวรรค์ จะสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยด้วยซ้ำครับ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด (นรกจะถูกจุดให้ลุกสว่างจ้า อันนี้ ใกล้วันสิ้นโลกครับ ยังไม่ต้องไปภพหน้าก็เห็นกันแล้วครับ.........................................ส่วน สวรรค์ จะยกมาให้เห็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเชื่อถูกหรือผิดก็ตาม แต่จะไม่ได้เห็นจากที่โลกนี้แบบชัดเจนครับ เพราะมนุษย์ต้องถูกทดสอบความเชื่อ ที่มีต่อการสร้างนั้นก่อน) อิสลาม ครับ
@@lordseyren5454 เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ธรรมชาติให้เกิด องค์ประกอบแห่งการเกิดมันมาครบพอดี มันเลยเกิด มันเป็นปรากฏการชั่วคราวทางธรรมชาติ เราไม่ได้สร้างตัวเอง
ฟังแล้วเอ็นดูแอด ผมจะช่วยให้ออกเสียงง่ายขึ้น ไปฝึกท่องนะครับ 😅1 ปฏิจจสมุปบาท อ่านว่า ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-บาด2 ปฏิจจสมุปปันนธรรม อ่านว่า ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-ปัน-นะ-ทำ
ขอบคุณครับ ได้ความรู้ในสติแล้วได้แก้ไขได้ดีแล้ว ที่นึกได้ พอดี
แอดมินความรู้เยอะมากเลย ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลต่างๆ ฟังแอดเล่าเรื่องต่างแล้ว ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ❤❤❤
คำตอบที่ผมหามาตั่งแต่เกิดรู้เเล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือสิ่งเดียวกันฉันคือ อวิชชา ครับ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมาจากที่เดียวกันเพื่อมาหาประสบการณ์ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างสุดท้ายแล้วก็กลับคือสู่ซอสหมดครับ
ตามคลิป มันก็ชัดนี่ครับ ถ้าพระเจ้าคือ อวิชชา พอลองตัดความเชื่อพระเจ้าออกไป เหลือแต่ธรรมชาติ คุณก็ทุกข์ จากธรรมชาติรอบตัวอยู่ดี ดังนั้น ธรรมชาติ = อวิชชา ไปด้วย ??????
@@lordseyren5454 ฟังไม่แตกอย่าพึ่งแจกคอมเม้นท์นะครับ..จริงที่ทุกข์จากธรรมชาติแต่นั่นก็เกิดจากเหตุและผลของมัน..พูดง่ายๆคือจะสุขจะทุกข์มันเกิดตามเหตุปัจจัย..ไม่ใช่อ้างว่าพระเจ้าสร้าง
มนุษย์คือทุกสิ่ง มนุษย์คือผู้สร้าง แม้แต่พระเจ้า ยุคกลางที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้ว สร้างพระเจ้ามาเพื่อปกครอง
แต่อยู่ใต้ ธรรมชาติ ??? ถ้าคุณเข้าใจ คำว่าพระเจ้าจริง (จักรวาลอันมีชีวิต) คำว่าธรรมชาติ ที่หมายรวมทั้งดวงดาวบนฟ้า อันมีระบบแบบแผน อย่างชัดเจนของมัน ................... มนุษย์ ได้สร้างดาวฤกษ์ขึ้นเองซักดวง ไปประดับไว้บนฟ้าบ้างมั๊ยครับ ??? หรือแค่ย้ายต้นไม้ได้ นับเป็นพระเจ้าแล้ว ???ไม่ครับ มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก คนที่โหนพระเจ้าก็มี ไม่เถียงครับ ..........................แต่ แล้วคนที่ไม่โหนล่ะ ???? ยุคกลางผมมองว่ามีแต่อะไรที่คลุมเคลือ ใช้หลักฐานเท็จมากมายเข้าทำลายกันครับ คนไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง อย่าพูดมากให้ผลการกล่าวโดยไม่รู้นั้นเป็น เท็จจะดีกว่าครับ
@lordseyren5454 เรื่องของคุณคับ
@lordseyren5454 จะเชื่อพระเจ้าก็เชื่อไป
เรียนผู้มีความเห็นผิดทั้งหลาย ขอให้ใจเย็นๆ โปรดอ่านคำตอบ และพิจารณา ใคร่ครวญ ตามเนื้อความนี้ก่อนเถิดว่าความจริงเป็นเช่นไร ละหมาดหรือบูชาพระเจ้าทั้งชีวิตก็หลงผิดอยู่ดี เพราะคำสอนผิดตั้งแต่แรกแล้ว คำสอนที่ถูกต้องมีเพียงพุทธศาสนา มีศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอนถูกต้อง ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงดอกเตอร์ ต่างกันตรงที่ศาสนาพุทธ ระดับอนุบาลมีดีบ้างชั่วบ้าง ระดับดอกเตอร์มีดีอย่างเดียวและมีคุณธรรมระดับสูงสุด กลับกันกับต่างศาสนาที่มีดีบ้างชั่วบ้างในระดับอนุบาล แต่ในระดับดอกเตอร์เต็มไปด้วยความหลงผิด จะมีหรือไม่มีอบายมุข ศาสนาที่มีคำสอนที่ถูกต้อง(ศาสนาพุทธ) ผู้ที่ศึกษาก็ได้รับคำสอนที่ถูกต้องอยู่ดี ส่วนศาสนาที่มีคำสอนที่ผิด(ศาสนาอิสลาม, คริสต์) จะมีหรือไม่มีอบายมุข ภายนอกจะสะอาดแค่ไหน ผู้ที่ศึกษาก็จะได้รับสอนที่ผิดอยู่ดี เพราะคำสอนมันผิดแต่แรกอยู่แล้ว พูดง่ายๆคือ ศาสนาพุทธยิ่งเคร่งครัด ยิ่งดีมีคุณธรรม ตรงกันข้ามกับต่างศาสนา ยิ่งเคร่งครัด ยิ่งกระทำผิด ยิ่งหลงผิด อยู่ที่ศาสนามากกว่า ถ้าศาสนาดีผู้นำก็จะใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างไม่ได้ เช่นญี่ปุ่นทำสงครามก็ไม่ได้อ้างศาสนาพุทธ แต่อ้างศาสนาชินโต ซึ่งเป็นศาสนาพื้นบ้าน จีนทำสงครามก็ไม่ได้อ้างศาสนาพุทธ หรือลัทธิเต๋า แต่อ้างความเป็นชาติจีน ลัทธิการปกครอง คอมมิวนิสต์ แต่ถ้าศาสนาไม่ดี ผู้นำสามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ เพราะคำสอนของศาสนาไม่ดีแต่แรกอยู่แล้ว เช่นอิสลาม คริสต์ สอนให้ทำสงครามเพื่อพระเจ้าแต่แรกอยู่แล้ว ศาสนาไม่ดีบวกกับผู้นำไม่ดี ก็จะทำให้เกิดความวิบัติอย่างรุ่นแรง ศาสนาไม่ดีบวกกับผู้นำดี ศาสนาไม่ดีก็สามารถดึงผู้นำที่ดีให้ต่ำลงได้ ส่วนคนที่นับถือพุทธเลวๆมีโอกาสที่เปลี่ยนมาเป็นคนดี มีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจมีมากกว่า เพราะคำสอนของศาสนาพุทธดีแต่แรกอยู่แล้ว เหลือแค่เอาเวลามาศึกษา กลับกันกับต่างศาสนาที่ยิ่งศึกษายิ่งหลงผิด อยู่ที่คำสอนของศาสนานั้นๆด้วย ส่วนพวกศาสนาอับบราฮัม บูชาพระเจ้าองค์เดียว มีจุดมุ่งหมายในการล้างบางต่างศาสนาทั่วโลก ทำไมเป็นแบบนั้น? เพราะว่าศาสนาพวกนี้ไม่สามารถทำให้คนตรัสรู้หรือบรรลุธรรมได้ ทำให้คนพวกนี้รู้สึกไร้ค่า หดหู่ ไม่อิ่ม ไม่เต็ม โกรธ เกลียด และอยากฆ่าคนที่ไม่บูชาพระเจ้าที่เขาเชื่อว่าสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้คนพวกนี้ต้องออกมาเผยแพร่ศาสนา เพราะถ้าไม่ทำ พวกเขาจะไร้ค่า เพราะคำสอนของศาสนาเขาไม่สามารถเติมเต็มได้ ต่างจากศาสนาพุทธที่มาจากคนที่ตรัสรู้จริง รู้แจ้งโลก และสามารถทำให้คุณมีคุณค่าโดยที่ไม่ต้องไปเที่ยวประกาศ ยัดเยียด เผยแพร่ให้คนอื่นรู้ ถึงจะทำให้ตัวเองมีความหมาย และเป็นศาสนาเดียวที่สอนให้มีความเห็นถูก เจ้าของไม่ได้ดีเสมอไป บางคนมีเจ้านายดีใช้ให้ไปทำดี เป็นประโยชน์ บางคนมีเจ้านายชั่วใช้ให้ไปทำชั่ว สร้างความเดือดร้อน องค์กรชั่วๆก็มีเยอะแยะ เจ้าของชั่วๆก็มีเยอะแยะ โลกนี้มีเจ้าของอยู่ ใครว่าไม่มี ใครมีอำนาจก็เป็นเจ้าของโลกนี้ เช่นสหรัฐอเมริกา ยิว เขาพิสูจน์แล้วแล้วโลกนี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นธรรมดา จักรวาลไม่มีจุดเริ่ม ไม่มีจุดจบ ชีวิตเราไม่เกิดมาโดยบังเอิญ แต่เกิดมาเพราะกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เขาพิสูจน์กันไปเรียบร้อยแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ชีวิตเราเป็นไปตามกรรม คนที่ลำบากเพราะทำกรรมชั่วเอาไว้ในอดีตชาติเยอะ คนที่สบายเพราะทำบุญทำกุศล
@@Rockman-qo7zy แล้วก่อนกาลแห่งศาสนา ผู้ใดคือผู้ที่ดํารงค์อยู่แห่งอนันต์จักรวาลกันหล่ะ🤗
@foxkent1245 สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ที่ดำรงค์อยู่แห่งอนันต์จักรวาล
หัวข้อเปรียบเทียบ สร้างความขัดแย้ง สรุปว่าไม่เกิดประโยชน์
คำว่าอะไรนั่นแหละคือสิ่งที่แอดหรือมนุษย์ยังไม่เข้าใจ ในตัวพระเจ้า มนุษย์พึ่งมีความเข้าใจอะไรๆเมื่อกี่ร้อยปีมาเอง แล้วแอดยังเข้าใจผิดอีกเยอะครับ เช่นสร้างโลกเป็นความทุกข์ แอดมโนตีความไปเลยเปือยเลย 😂 แผ่นดินที่พระเจ้าจะต้อนรับมนุษย์มันใช่บนโลกสะที่ไหน....." โลกนี้แค่สนามสอบ เหมือนกันนั่นแหละในทางพุทธ ของจริงอยู่หลังความตาย โลกนี้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด ถ้าแอดชอบเหตุชอบผลมากนัก แอดก็หาคำตอบมาเล่าสิ มนุษย์จะมีชีวิตเป็นแสนปีใด้ยังไง เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไง ไปชวนนักวิทยาศาสตร์คิดค้นหาคำตอบมาเล่าด้วยนะ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ใด้!! แล้วแอดก็ยังเชื่อมั่นในตัวพระพุทธเจ้าอยู่ ก็จงทำความเข้าใจส่ะว่า แอดแค่ยังไม่เข้าใจแค่นั้นครับ ไม่ใด้แปลว่าทุกสิ่งไม่จริงเลย "แอดปรุงแต่งมั่วเองล้วนๆ" 😄 ตามนั่นนะ
@@nisirakannarong5645 เมื่อยังไม่รู้แจ้งในสิ่งนี้ ความเข้าใจ เมื่อไม่รู้เหตุแต่เพียงเห็นผล อาจจะเข้าใจผิดเห็นผิดในเรื่องนี้ได้นะจ๊ะ😇
พระเจ้าอธิบายการเกิดจักรวาลและสิ่งมีชีวิตผิด พระเจ้าจึงไม่ได้สร้างอะไร แต่คนอธิบายเกี่ยวกับพระเจ้าได้ละเอียดยิบ เพราะว่าคนสร้างพระเจ้าครับ
ผมว่าปรับสคริปอีกหน่อยน่าจะดีนะครับ บางช่วง มีพูดงงๆแล้วแอดยังงงเองเลย อาจจะเรียบเรียงเนื้อหาปกติไปเลยก็ได้ ไม่ต้องซับซ้อนยาก เพราะสุดท้ายหลักของศาสนาพุทธ มันวนเวียนอยู่กับเรื่องของเหตุและผลนี่แหละ ซึ่ง เหตุคือเราพยามจะอธิบายยากเกินไป ผลก็คือมันงงส่วนตัวนะ หลักคำสอนพุทธ แค่3ตัวนี้ ก็เอาอยู่แล้วที่จะตอบคำถามทุกอย่างในชีวิตได้1 เหตุผล (ความจริงที่เห็น ก็ต้องมีเหตุจากอดีตที่ก่อเกิดผลของความจริงในปัจจุบัน ถ้าเราเชื่อในสิ่งนี้เราก็ต้องใช้กับทุกอย่าง และมันจะตอบคำถามได้ทุกอย่างเหมือนกับสิ่วที่วิทยาศาสตร์ทำ) 2 การปล่อยวาง (ความทุกข์คืออะไร ความรักคืออะไร สิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีความสุข ความเศร้า ความทุกข์ฉะนั้น อะไรที่ทำให้เกิดอารมณ์ถ้าปล่อยวางได้ ก็ทำไป เพื่อไม่ให้ยึดติด กับ รัก โลภ โกรธ หลง (แต่อย่าสุดโต่งถึงขั้นปล่อยวางชีวิตและไปฆ่าตัวตุย และจะโยงไปข้อ3))3 ทางสายกลาง (สิ่งนี้ใช้ตอบคำถามของทุกอย่าง เพื่อรักษาข้อ2ไว้ เนื่องจากถ้าเราเคร่งเกินไปหรืออ่อนเกินไปกับการปล่อยวาง คนที่อยากไปนิพพานจะเยอะแน่ๆ มันจึงมีไว้เพื่อป้องกันข้อ2 และมีผลกับเรื่องอื่นๆด้วย เช่น อยากได้เสรีภาพสุดๆๆๆ งั้นก็ครอบครองปืนได้อิสระเหมือนอเมริกาเลย แล้วมันจะวนไปที่ข้อ1 เมื่อคนเอาอาวุธไปก่ออาชญากรรม เหตุก็มาจากการไม่ไว้ใจรัฐที่จะมีอาวุธอยู่ฝ่ายเดียวและไม่ไว้ใจสังคม ทำให้เกิดผลคือ ปืน เสรี)//ผมมองว่าแค่3ข้อ มันก็กินขาดแล้ว เพราะมันใช้ตอบคำถามที่เราไม่รู้ได้แทบทั้งหมดเลย ส่วนอะไรที่เป็น อนัน infinity ก็ไม่ต้องไปสนใจมันสุดท้ายมันอยู่ในหลังข้อ1 อยู่ดี คือมีเหตุและมีผลเสมอศาสนาอื่นผมไม่ได้อคติอะไรนะ เพราะทุกศาสนาก็มีมุมบางเรื่องที่สอดคล้องกับแนวคิดพื้นฐานของพุทธอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่รู้หาคำตอยไม่ได้ในศาสนาอื่น มักจะโทษไปที่พระเจ้าเลยว่าเป็นคนสร้าง รับจบหมด ซึ่งพุทธ อะไรที่ไม่รู้ มันก็ต้องมีเหตุอยู่แล้ว ถ้าไปย้อนเหตุการณ์อดีตของมัน มันก็จะเจอเหตุอยู่ดี ตัวอย่างการที่สงครามตะวันออกกลางมันไม่หายไปสักที มันก็มีเหตุและปัจจัยอะไรต่างๆนาๆที่สะสมมาตั้งแต่อดีต ซึ่งจะตามไปแก้ที่ต้นเหตุก็ยาก เพราะมันนานมากแล้ว พุทธมันบอกให้ปล่อยวางไง แล้วป้องกันด้วยทางสายทางอีกที นั้นแหละคือสิ่งที่ผมเข้าใจในศาสนาพุทธ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และผมก็ไม่ได้มองว่าพุทธยิ่งใหญ่กว่าศาสนาอื่นอะไร ผมแค่มองว่า "เออศาสนาพุทธมันก็เก๋นะ ที่สามารตอบคำถามได้แทบทั้งหมด ด้วยหลักคำสอนแค่ไม่กี่ข้อ"
สงครามตะวันออกกลาง ถ้าคุณดูโลกด้วยกล้อง Geo gravity เดี๋ยวก็เข้าใจเองครับ ว่าที่จริงเกิดจากอะไร ?? (ทองใต้ดินเป็นเทือกเขาใหญ่ๆ น้ำมันอีกมากมายมหาสาร กว่าที่เห็นได้จากการขุดปัจจุบัน)
แอดพูดคล้ายๆอ.เสถียร โพธินันทะเลย
ลอก อ.เสถียร มาทั้งหมดครับ ผมจำได้หมด
ผมติดตามมาตลอดครับ แต่ขอติเพื่อก่อนะครับ ในคลิปเรากล่าวได้ว่าในศาสนาอื่นพระเจ้าของศาสนานั้นบอกว่าอะไรคือจุดกำเนิดของโลก เราก็แค่กล่าวในบริบทของการให้ความรู้ก็พอครับ เพราะบางคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ ผมคิดว่าไม่สมควรเอามาเปรียบเทียบกัน ว่า ของเราพิสูจน์ได้อย่างนั้นของเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างนี้ไม่จริงอย่างนั้นไม่จริงอย่างนี้เรื่องแบบนี้มันนานาจิตตังครับ การเปรียบเทียบแบบนี้อาจจะสร้างความแตกแยกของคนแต่ละกลุ่มได้ครับ จากคนนับถือศาสนาพุทธบวชเรียนหนึ่งพรรษาครับ ปล. โดยเนื้อแท้แล้วทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีครับ
เยี่ยม
แบ่งส่วน 4ทวิปในโลกใบนี้ มีสามประการ เช่น ความคิดทางขั้นแรกในยุคหิน คือความไม่รู้ของมนุษย์แรก เรียกว่า อวิชชา สู่ได้ถึง วิชชา มีอยู่ในยุคทองแดง ยุคเงิน ยุคทอง หรือ มิจฉาวิชชา เรียกว่า กลียุค หรือ สัมมาวิชชา เรียกว่า ยุคศรีวิไล / ความคิดทางสมมุติฐาน เรียกว่า สร้างอาณาจักรโดยสมมุติของพระเจ้าต่างๆ / ความคิดทางวัฒนธรรม เรียกว่า ศรัทธาธรรม และความคิดทางอิสรภาพและสร้างสรรค์ เรียกว่า มนษย์แห่งอิสรภาพก่อนรอพิสูจน์ให้ต่อไปกาล เรียกว่า กลับ
วัสดุที่หายากที่สุดในโลก คือ "ทองคำและเพชร"แต่สำหรับทั้งจักรวาลแล้ว วัสดุที่หายากที่สุดในโลกกับเป็นเพียงแต่ "ต้นไม้และใบหญ้า"
ลัทธิเทวนิยมบอกว่า พระเจ้าสร้างโลก, จักรวาล, แค่วันเดียว😮😮 โลกวิวัฒนาการจากเศษซากอุกกาบาต ยุคแรกโลกเป็นก้อนหินร้อนเป็นไฟ ต่อมาก็เย็นลง โชคดีของโลกเราที่มีอุกกาบาตชน ทำให้โลกมีสนามแม่เหล็กอันทรงพลัง, ต่อมาโลกเย็นลงก็เป็นยุคน้ำแข็ง, ยุคต่อมาโลกอุ่นขึ้นน้ำแข็งละลาย, ยุคต่อมาเกิดฝนเกิดทะเล มหาสมุทร วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตขึ้น พืชพันธุ์ธัญญาหารก็เกิดขึ้น จนมนุษย์เกิดขึ้นมาในปัจจุบัน 4000ล้านปีกำเนิดของโลกไม่ใช่พระสร้างขึ้นมาวันเดียว❤🎉❤🎉❤🎉
ลัทธิเทวนิยมไหนครับ มีตั้งหลายแนวคิดปลีกย่อย อ้างคำสอนก็ต้องอิงจากหลักฐานที่สืบค้นได้ด้วยครับ ไม่ใช่กล่าวว่า "เขาว่า..." โดยไม่มีที่มาที่ไป
@@theKaf-a พวกนี้ชอบเหมาครับ เป็นนิสัยของเขา
: ที่ว่าพระเจ้าสร้างขึ้นมาภายในวันเดียวนี่ก็น่าคิด สําหรับคนที่เชื่อศาสนาอื่น: ถ้าหากลองวกกลับมาดูทางศาสนาพุทธที่ว่า👉 เวลาของพระเจ้าหรือ( เทวดาบนสวรรค์)หนึ่งวันของเขาเท่ากับกี่ปีของมนุษย์บนโลกมีสอน เคยได้ฟังว่า👉หนึ่งวันของเทวดาบนสวรรค์เท่ากับ50~100ปีของโลก X เอาครับและดูว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่าอื่นน่าจะเกิดตอนไหนแต่คิดไปก็สมองปวดครับ มันไม่จบสิ้น เหมือนพุทธว่าไว้ มัวแต่ค้นหาที่มาจนลืมใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท นั่นล่ะครับที่แอดว่า หากมีพระเจ้าหรือเทวดา ก่อนจะมาสร้างมันก็จะต้องมีที่มาของท่านก่อนเช่นกัน 😫
@@山本美桜-w5t พระเจ้า = จักรวาล เป็นสิ่งมีชีวิตครับ ไม่ใช่นิติบุคคลแบบ เทวดา คนละคำอธิบายเลยครับ
เกิดจาก Stand “The world”
ผมเริ่มฟังความคิดของแอดมินตอนผมบวชฟังอยู่ในตอนเป็นพระปีกว่าไตรแอบเปิดวิดีโดของแอดผ่านลำโพงของวัดในช่วงเช้าของวันพระ...พยายามเข้าใจความคิดของแอดมินจนพอเริ่มเห็นว่าทันเป็นแนสทางจองพระธรรม....ขอบคุณครับ ออออเริ่มฟังพระอาจารย์ผศึกฤทธิท่านสอนหลักธรรมที่เข้าใจง่ายไม่มีจัดแย้ง...ต่อมาช่องของแอดมินก็โพล่งขึ้นมาวิทธยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนาจากนั้นก็❤❤❤
ปัญหานี้ตอบได้จากการตรัสรู้ในคืนแรกและยามแรกครับ พระพุทธเจ้าท่านใช้บุพเพนิวาสญานย้อนหาอดีตชาติไปเรื่อยๆแต่ไม่พบ ท่านระลึกชาติไปถึงชาติที่1ล้านก็มีชาติที่ล้าน1รอให้ระลึกอยู่ จนในที่สุดท่านสรุปว่าไม่สามารถหาจุดตั้งต้นของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลได้เนื่องจากเกินความสามารถของสมองของมนุษย์ เหมือนกับใครสามารถบอกตัวเลขที่มากที่สุดได้ไหมครับ
ฟังแล้วเหนื่อยแทน😂😅
ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-ปะ-บาด
*ลอกอาจารย์เสถียร มาทั้งคลิปเลยนิหว่า😅😅😅*
ไม่จำเป็นต้องไปเถียงกับใครหลอกครับ ใครจะเชื่ออะไรก้แล้วแต่เนอะสำคัญที่สุดคือตัวเราทำตามวิธีที่ตนยึดดีแล้วในแนวทางที่ไม่เบียดเบียนใคร ก็พอ
คนที่ชอบเอาวิทยาศาสตร์มาห่มตัวพอถูกทดสอบแล้วมีจริงน้อยมากที่จะเชื่อในวิทยาศาสตร์จริงๆส่วนใหญ่แค่บอกว่าเชื่อวิทยาศาสตร์เพื่ออ้างความชอบธรรมในสิ่งที่คิดไปเองมากกว่า😂
❤🎉🎉🎉
จิตเป็นต้นกำเนิดความไม่รู้ทำให้จิตกระโดดเข้ามาในจักรวาล เกิดได้เพราความไม่รู้ กำแรกเกิดจ่กความอยากตัวเดียวจึงเกิดกรรมอื่นๆตามมา เนื้อหลังดินน้ำเกิดจากปัทวีทาสหรือทาตุที่ทำให้เกิดมวล หรือประฐมธาตุ
กุรั่วเลย พระเจ้าสร้างโลก แล้วโลกแบนด้วย สงสัยอยู่คนมัลติเวิร์ส😂
พระเจ้าแบบนิติบุคคล ❌พระเจ้าเป็นจักรวาลทีี่มีชีวิต (ใช้คำว่า ธรรมชาติ ต้องครอบคลุมออกไปจนถึงดวงดาว และระบบดวงดาวทั้งหมด)✅ มันจะเหมือนกับคำถามที่ว่าอะไรสร้างธรรมชาติครับ........... (ไม่มีทางหาข้อยุติได้ เพราะมันคือสิ่งสูงสุด ของทั้งคู่) ความเชื่อว่ามีผู้สร้างโลก เป็น 1 ในความเชื่อที่จริง "ยาก" ที่สุดครับ (นับแต่เริ่มมีคนแรกกำเนิดบนโลก คนที่เชื่อว่ามีผู้สร้าง (ในนิยามได้ถูกต้อง) 1 ใน 1000 ยังไม่ถึงเลยครับ นั่นคือปริมาณของ ผู้มี - ไม่มีปัญญา ตามมุมมองของฝั่งมีผู้สร้าง และการเชื่ออย่างนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ นอกเสียจากคนที่ใส่ใจ และ ละเอียดในการสังเกตุเท่านั้นจึงเข้าใจได้ จะไม่ตอบง่ายๆแบบหักมุมแน่นอน)ปล.หลักวิทยาศาสตร์ เราไม่ได้อ้างทั้งหมดแน่นอนครับ เพราะว่า วิทยาศาสตร์ มีขีดจำกัดแค่การที่เราไม่สามารถออกไปนอกของโลกนี้ได้ แม้กระทั่งกำเนิดดาราจักร (นี่ถ้าพูด นี่ก็เคลมเช่นกัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ เพราะอีกฝ่ายก็กำลังเคลมอยู่ไม่ได้ต่างอะไรกันครับ) ก็ไม่เหมือนเช่นกัน และที่จริง bigbang นับเป็นคนละ สเกลไปแล้วด้วยซ้ำ...........โลกนี้เป็นทรงกลม จุดกลาง ไม่สมควรตอบครับว่า เอาจุดไหนก็ได้เป็นศูนย์กลาง เพราะคุณ มองแค่ 2 มิติ ไม่ได้มอง 3 มิติ ถ้าคุณมอง 3 มิติ จุดกลางของโลก ย่อมอยู่ใต้โลกครับ (ตอบแค่ 2 มิติ เป็นเรื่องที่ผิดชัด ไหนจะเวลาอีก ที่ยังไม่ใส่เข้ามาเลย)9.15 เราไม่ได้เชื่อว่าวิทยาศาสตร์ ถูกอยู่แล้วครับ (แล้วแน่นอน คุณมองว่าอะไรไม่เข้ากับวิทยาศาสตร์ ย่อมเป็นความไร้ปัญญา ซึ่งเปี่ยมด้วยแนวคิด และมุมมองของตัวเอง ไม่ต่างกัน) เพราะขนาดวิทยาศาสตร์ยังคงมีการค้นพบใหม่ตลอด จะเอาอะไรมาวัดครับว่านี่ถูกต้องสูงสุด ไม่มีจุดไหนสูงกว่าแล้ว ???..........................ถ้า พระเจ้า (จักรวาลที่มีชีวิต ไม่ใช่นิติบุคคล) เกิดขึ้นเองได้ ทำไมสิ่งอื่นจะเกิดขึ้นเองไม่ได้ ????........................คำตอบครับ : เหตุคือ ไม่มีสิ่งใดในระบบนิเวศน์ ไม่สัมพันธ์กันครับ ป่าชายเลน ย่อมเกิดจาก การบรรจบกันของ น้ำทะเล และ น้ำจืด หรือ ป่าชนิดนึงชนิดใด จะบรรจุ สรรพสัตว์ ชนิดนั้น ที่เค้าสามารถอาศัยอยู่ได้ (ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่ออยู่) นั่นคือทุกอย่างไม่ได้อยู่เพื่อแย่งชิงกันครับ
16.00 นั่นแหละครับปัญหา เพราะคุณแค่ไม่พอใจว่า " ทำไมฉันเกิดมาต้องเจอความทุกข์ ไม่เกิดมาแล้วมีแต่สุข ฉันไม่สรรเสริญ สิ่งที่ทำให้ฉันทุกข์หรอก " คือ คุณไม่ต้องเข้าใจหรอกครับว่า จะเรียกจักรวาลนี้ว่าพระเจ้า หรือ ธรรมชาติ .......เพราะ นั่นเท่ากับ คุณ " ปฎิเสธ " การบัญญัติ ของธรรมชาติ และ ธรรมะ ในมุมมองของคุณคือ "อวิชชา" ไปเลยเช่นกันครับ...... ( เพราะคุณบอกเองว่า ทุกสิ่งอุบัติขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่คุณบอกว่าทุกข์มีในมุมมองของการมีผู้สร้าง ผมจึงตัดมุมมองนั้นออก ให้เหลือมุมมองของคุณ คำตอบมันก็จะเหมือนกันครับ ธรรมชาติ (ธรรมะ) = อวิชชา )กลับกันในมุมมองของผู้เชื่อว่ามีพระเจ้า (ผู้สร้าง) นะครับ เราเชื่อว่าโลกนี้แค่โลกแห่งการ "ทดสอบ" คำถามคือทดสอบอะไร ? ทำไมต้องถูกทดสอบ ? มีสิทธิอะไรมาทดสอบ ? .......อันนี้ต้องตอบตรงตัวครับ เพราะ ความคิดของสิ่งมีชีวิตมีสติปัญญา ที่เป็น "อิสระ" อย่างชัดเจนครับ " มันก่อความเสียหาย " ให้กับ ธรรมชาติ (ในที่นี้ของคนเชื่อในพระเจ้าคือ "ระบบนิเวศน์") ได้นะสิครับ ................ ฉะนั้นจึง ต้อง ทดสอบ / ทดลองก่อนว่า จะเชื่อฟังมั๊ย ? .................... ว่าไม่ให้ก่อความเสียหาย ต่อระบบ และแม้กระทั่ง เผ่าพันธุ์ของตัวเอง (ยกเว้น ผู้ปฎิเสธ ศรัทธา หรือ ผู้ทีี่่ ไม่ได้เชื่อเหมือนกัน เค้าก็จะไม่ปฎิบัติตามครับ และเค้า ก็จะยังทำความเสียหายต่อไป โดยที่ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา)
@@lordseyren5454 พระเจ้าของอับราฺฮัมเป็นแบบนิติบุคคลน่ะสิครับ
@@rit2025 ไม่เป็นครับ คุณเข้าใจผิดเอง
"พระเจ้าเป็นจักรวาลทีี่มีชีวิต" ? มีระบุไว้ตรงไหนของ คำภีร์ไหน เชื่อได้แค่ไหน พิสูจน์อย่างไร?"จะเอาอะไรมาวัดครับว่านี่ถูกต้องสูงสุด" วัดด้วย สมมุติฐาน, พิสูจน์ หรือทดสอบ, ผลลัพท์ ,นิยาม และ ข้อสรุป" สรรพสัตว์ (ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่ออยู่) นั่นคือทุกอย่างไม่ได้อยู่เพื่อแย่งชิงกันครับ" ???? เอาข้อมูลมาจากไหนครับ ในคำภีร์ หรือคิดเองครับ อืมมมมม สารคดีต่างๆ ก็มีออกจะเยอะแยะ ผมเห็นต่างอย่างโดยสิ้นเชิง!!!!!
@@compileman2 ก็ไม่ได้เชื่อในสารคดีไงครับ ............. ----- "พระเจ้าเป็นจักรวาลทีี่มีชีวิต" ? มีระบุไว้ตรงไหนของ คำภีร์ไหน เชื่อได้แค่ไหน พิสูจน์อย่างไร? -----ระบุไว้ชัดครับว่า ไม่ได้เป็นนิติบุคคล และด้วยทุกคุณลักษณะ ใหญ่กว่าชั้นฟ้า (ในภาษาโบราณนี้ กล่าวถึงทางช้างเผือก ที่คนเห็นได้ในสมัยนั้นครับ ) และ นรก ที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้น ก็ถูกยกมาเช่นกัน--- สรรพสัตว์ไม่ได้วิวัฒนาการเพื่ออยู่ ? --- แน่นอนครับ ข้อมูลนี้คือการ "ห้าม ในอาหาร" ครับถ้าหากคุณบัญญัติ อาหารขึ้นเอาเอง จะไม่มีคนใดบนโลก กินสิ่งที่เป็นพิษได้เลยครับ เพราะทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งใด กินแล้วเป็นโทษ สิ่งใดกินแล้วเป็นประโยชน์ครับ ในโลกสรรพสัตว์ ก็เช่นกันครับ ................ไม่ได้คิดเองสิครับ ผมเห็นต่างโดยสิ้นเชิงเช่นกันครับ !!!!!!
คุณพูดได้ค่อนข้างดีครับบางอย่างยังมั่วอยู่หน่อยๆแต่ยอมรับได้ เรื่องปฏิจจสมุปบาทคุณต้องศึกษาให้ลึกกว่านี้อีกหน่อยนะครับ
ผมมองว่าปัญหาที่เรายังตอบไม่ได้คือระบบที่มันเป็นเหตุเป็นผล ทั้งธรรมชาติ และร่างกายเรา/สัตว์ต่าง ๆ ที่ทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีสองเพศ มีมือที่สามารถหยิบของได้ มีระบบร่างกายที่ทำงานด้วยตนเองได้ มีระบบย่อยที่สามารถย่อยสิ่งของที่งอกขี้นมาจากโลกเช่นผลไม้ หรือย่อยสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น วัวมาเป็นพลังงานได้นั้นมันไม่สามารถเกิดโดยบังเอิญได้ ขนาดโทรศัพท์มือถือที่ซับซ้อนน้อยกว่าเราไม่รู้กี่เท่ายังไม่สามารถเกิดขึ้นด้วยตนเองได้ แล้วมนุษย์เราจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?อย่าเข้าใจผิดว่าผมพยายามมาแซะอะไรนะครับ ผมแค่มาหาความจริง ไม่สนใจอยากเถียงหรือเอาชนะใครอาจารย์พุทธทาสท่านจึงได้เสนอให้ศาสนาพุทธยึดเอา “อิทัปปัจจยตา” เป็น “พระเจ้า” โดยอธิบายในหลัก “ภาษาธรรม” ว่าเป็นพระเจ้าแบบ “ไม่มีตัวตน” ต่างจากศาสนากลุ่มเทวนิยมหรือกลุ่มอับราฮัมที่บอกว่าพระเจ้า “มีตัวตน”ผมเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่อยากให้เสียเวลาหาเพราะมันดับทุกข์ไม่ได้ และมันพิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าคนเคยศึกษาศาสนาคริสต์ก็จะเห็นว่าเรามีหลักฐานที่ดีพอสมควรเลยว่ามีคนชื่อเยซูมาเกิด 2,000 ปีที่แลัว - เคลมว่าตนเป็นพระเจ้า - สอนหลักการใช้ชีวิตที่ดีมากจนเถียงไม่ได้ว่าสอนอะไรผิดสักอย่าง - ถูกตรึงกางเขนตาย - และฟื้นคืนชีพในวันที่ 3 เพื่อยืนยันสิ่งที่ตนเองเคลม - ลูกศิษย์ที่ไม่เคยเชื่อก็เชื่อ และยอมตายเพื่อพิสูจน์ความเชื่อกันมาเป็น 100 ปีจนกระทั่งโรมันมายอมรับในภายหลังให้นับถือศาสนานี้ได้ถ้าเรามองจากมุมนี้ มันก็มีหลักฐานที่ดีพอสมควร ไม่ได้ทำให้เราเสียเวลาไม่ใช่หรอ?ย้ำอีกทีหวังว่าจะได้สนทนากันอย่างมีเหตุผลเพื่อหาความจริงนะครับ ใครมาชวนทะเลาะ ด่า ดูถูกผมขอไม่ตอบกลับครับ
หญิงพรมจารีท้องโดยไม่มีพ่อเมื่อ 2,000 ปีที่แล้วมันเป็นไปไม่ได้แค่ 20 ชั่วอายุคนกว่าๆ ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนคำสอนก็ทั่วๆไปที่ที่คน 2000 ปีที่แล้วก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ยกเว้นเรื่องโลกแบน
ผมเป็นพุทธนะครับ นิพพานที่ว่า คือ การ"หลุดพ้น"จริงๆคือหลุดพ้นจากจาก"อวิชชา"ซึ่งเป็น"ต้นเหตุแห่งทุกข์"ครับ ผมมองว่าพุทธกับคริสตร์และอิสลาม นั้นสอนเรื่องอวิชชาและบาปกำเนิด (SIN) หรีอนัฟซู คือ สิ่งที่จูงใจให้มนุษย์ทำบาป ว่ามีรากฐานมาจาก ราคะ(กามรมณ์) โทสะ(ความโกรธ) โมหะ(ความหลงตัวอวดดี) โลภะ(ความโลภ) ถีนมิธะ(ความขี้เกียจ) ริษยา(ความไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดีกว่าตน) ตะกละ(ความไม่รู้จักพอในการบริโภค) [ผมไม่ค่อยรู้ศัพท์ของอิสลามนะขอโทษที] หากจุดหมายสูงสุดของพุทธ คือ นิพพาน งั้นเราควรละ "อัตตา" ความเป็นตัวตนและกำจัดมูลเหตุแห่งอวิชชา ซึ่งก็คือ เป้าหมายและแก่นของศาสนาพุทธ ถ้าอวิชชาหรือ SINหรือนัฟซู คือเป้าหมายเดียวกันที่ทั้งพระพุทธเจ้าและพระเยซูและนบีมูฮัมมัดต้องการจะจำกัดไม่ให้มันก่อเกิดปัญหาต่อสังคม งั้น"ศาสนา"ที่อยู่ทางฝั่งธรรมะเหมือนกันอย่างชัดเจนก็สามารถนำจุดเด่นมาร่วมมือกันได้ การกำจัดอวิชชาไม่ว่าจะด้วยหลักศรัทธา+เมตตาของพระเยซูก็ดี หรือ หลักปัญญา+สติของพุทธก็ดี หรือ หลักศีล + ซะกาตของอิสลามก็ดี ล้วนส่งเสริมให้กำจัดอวิชชาได้เร็วขึ้นและช่วยมนุษย์ชาติจากความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น ผิดกับการร่วมมือกับศาสนา"ผี" อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น การส่งเสริม อัตตา+ความเกลียดชัง+ความแตกแยกในหมู่มนุษย์ ที่มีแต่จะไปส่งเสริมศาสนาของท้าววสวัตตี[ซาตาน]เสียมากกว่า สิ่งที่ผมเห็นคือ ธรรมะ (เมตตา ศรัทธา , สติ ปัญญา , ศีล และการเสียสละ )กับ อธรรม(ความเกลียดชัง ความหลงผิด ความโลภ ราคะ ฯลฯ)มากกว่า และเพราะศาสนาคริสตร์กับอิสลามจึงไม่มีทาสในปัจจุบัน เพราะความเชื่อเรื่องที่พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคนเสมอกัน (ความเป็นทาสทางกฎหมายพึ่งจะหมดไปจากโลกนี้ไม่เกิน 200 ปีที่ผ่านมา) อย่างนบีมูฮัมมัดก็เคยเป็นต้นแบบเลิกทาสที่เมืองมะดีนะห์ก็ถือว่าเป็นมหาสัตบุรุษในการกำจัดทุกข์ที่มีคุณานูปการต่อมนุษย์ชาติ เช่นกัน ในศาสนาพุทธ ไม่ได้มีแค่พระพุทธเจ้า แต่ยังมีพระมหาโพธิสัตว์ผู้จะกลับมาในอนาคตอันใกล้และพระเจ้าจักรพรรดิผู้บรรยัติกฎหมายจากหลักศีลธรรมให้เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ซึ่งแต่ละท่านลงมาทำหน้าที่ที่ต่างกันแต่โดยเบื้องลึกแก่นแท้แล้วล้วนส่งเสริมกันทั้งสิ้น (เราจะเห็นว่า แม้คำสอนของศาสดาท่านจะไม่ได้กลายเป็นศาสนาของทุกคน แต่เจตจำนงค์ของแต่ละท่านค่อยๆแทรกซึมให้มนุษย์ได้ตระหนัก แล้วโน้มนำเข้าสู่หนทางที่แท้จริงขึ้นเรื่อยๆทีละหน่อยๆ อย่างตอนนี้การฆ่ามนุษย์บูชายัญ และการจับคนเป็นทาสได้หมดไปจากโลกแล้ว อีกหน่อยยิ่งใกล้ยุคพระศีรอริยะเมตตรัย สิ่งต่างๆจะเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้ เช่น อบายมุขทั้งหลาย การค้าประเวณี สุรา ยาเสพติด...etc ก็จะหายไป) เหมือนหากเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นได้มาจากวิทยาศาสตร์หลายๆแขนงที่ส่งเสริมกันในปัจจุบัน สมัยก่อนนักเล่นแร่แปรธาตุ(ที่กลายมาเป็นวิชาเคมีในปัจจุบัน)ก็เคยมาเถียงกับชุมชนงานฝีมือเมคานิกส์(ที่กลายมาเป็นฟิสิกส์ในปัจจุบัน) เคยมีประวัติว่าทะเลาะกันถึงขั้นจะก่อสงครามด้วยซ้ำเพราะมองกันคนละมุม และก็ไม่ยอมลงมาดูหลักฐานว่าอีกฝ่ายค้นพบอะไรที่ตัวเองมองไม่เห็น ผมสงสัยadminของเว็ปนี้ว่าทำไมจงใจตีความพระเจ้า = อวิชชา ทั้งๆที่ *ศาสนาคริสตร์สอนต่อต้านอวิชชา(SIN)อย่างชัดเจน* ดูนาทีที่ 13.02 องค์ความรู้ที่ศาสดาแต่ละท่านสอน ที่ดูเหมือนจะต่างกัน แต่เพื่อให้ถึงแก่นเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย สามารถเกลื้อกูลกันได้ แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ดันบรรยัติองค์ความรู้และจำกัดความมันไว้ด้วยคำว่า"ศาสนา"เอามาแบ่งแยกและจำกัดกันเองแทน มากกว่าที่จะเอามาเกื้อกูลกัน
@@Charoen-ej7vj ถ้าปาฏิหารย์แรก (กำเนิดของโลกและมนุษย์) เกิดขึ้นจริงได้ ปาฏิหารย์อื่นก็เกิดขึ้นได้ครับตามหลักตรรกะธรรมดาคำถามชวนคิด: ทำไมเราถึงเชื่อว่ามีชาติหน้าทั้งที่ไม่มีหลักฐานที่งัดออกมาพิสูจน์ได้เช่นกัน?
@@prachayaputtapanasub1113 ผมเรียนก่อนว่าผมชอบศาสนาพุทธมากนะครับเพราะหลักคำสอนหลายอย่างพิสูจน์ด้วยตนเองได้ แต่ผมก็ยังตอบคำถามไม่ได้อยู่ดีว่าการมีอยู่ของ “พระเจ้า” ไม่สมเหตุสมผลตรงไหน เพราะตามตรรกะแล้วมันต้องมีผู้สร้าง ถ้าจะบอกว่าเป็นอนันต์ แล้วทำไมอนันต์มันถึงมีแบบแผนให้เราชัดเจนขนาดนี้ เรามีร่างกายที่เป็นระบบระเบียบซับซ้อนมาก ๆ ทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง และสามารถใช้วัตถุดิบในโลกตามธรรมชาตินี้เป็นพลังงานได้ด้วย มันจะเกิดจากแค่ “เหตุ” ได้อย่างไรหรอครับ?ถ้าจะถามว่าใครสร้างผู้สร้างก็ไม่สมเหตุสมผลอีก เพราะศาสนาคริสต์ อิสลาม ยิวก็ระบุชัดเจนว่าพระเจ้าไม่มีจุดเริ่มต้น (Uncaused-cause)
คุณยังไม่ได้ศึกษาละเอียดครับ พระสูตรกล่าวไว้ละเอียดตั้งแต่ก่อนเกิดเป็นมนุษย์ เป็นอะไรมาก่อน แท้จริงแล้วมนุษย์ก็คือพรหมหรือพระเจ้านั่นแหละ เป็นพรหมไม่มีอวัยวะเพศหญิงชาย ก่อนจะเกิดโลกแล้วลงมาติดในรสชาติ จากนั้นร่างกายก็หยาบจากเดิมเคยเหาะได้ก็เหาะไม่ได้ จากนั้นจึงเริ่มทำการเกษตร แล้วเพศหญิงชายก็ปรากฏขึ้น เมื่อมองกันไปมาก็เกิดตัณหา ก็เสพสังวาสกัน จากนั้นมนุษย์ก็มีการตั้งครรภ์และคลอดลูก
ต้องใช้สมาธิฟังดีๆไม่งั้นจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ ขอบคุณครับ
ความคิดส่วนตัวนะครับ**ธรรมชาติสร้างโลกและสร้างสิ่งมีชีวิตที่คอยค้ำจุนโลกโดยไร้อคติและมีประโยชน์ร่วมกันเสมอแต่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากธรรมชาติของโลกใบนี้ (อาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่ส่วนมากจะคิดไม่ดีต่อโลกและธรรมชาติ) มนุษย์ล้วนกลัวเพราะไม่รู้ก็ไม่แปลกครับ เหมือนที่เราไม่รู้ว่าความตายมันเป็นยังไงเราจึงกลัวอวิชา (ความไม่รู้) เลยบังเกิดความอยากรู้ขึ้นมา) จึงสร้างวิทย์ และวิทย์ถูกสร้างโดยมนุษย์แม้จะสร้างจากธรรมชาติก็ตาม มนุษย์จึงสร้างสิ่งที่ไม่ควรต่อโลกต่อธรรมชาติครับ ธาตุบางธาตุไม่ควรเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ถึงมันจะมีอยู่ปกติในเอกภพใบนี้มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากมายก็ตามแต่เราไม่รู้เลยว่ามันจะให้โทษแก่ธรรมชาติในอนาคตและไม่รู้เลยว่าจะส่งผลกระทบขนาดไหน ธรรมชาติจึงมีวิธีจัดการโดยธรรมชาติเสมอเพื่อรักษาสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาครับ และคำว่าธรรมในหลักพุทธ ลึกซึ้งแล้วคือ"ธรรมชาติ" ครับปล.โคตมจึงบอกว่ามนุษย์เกิดจากอวิชา เพราะมนุษย์ไม่รู้จึงเกิดความอยากรู้โดยไม่สนในเหตุและปัจจัย จึงสร้างการกระทำ (กรรม) ที่ขัดต่อหลักธรรมชาติ (ธรรม) ครับ 🙏🏻
เกิดเป็นคน จะรู้โลก ต้องเห็นผีตายเป็นผี จะครองโลก ต้องเห็นคน 🎉
ผีไม่มีจริง คติ 51 เทวดา 2 มนุษย์3 เปรต4 เดียรัจฉาน5 สัตว์นรก
@@Formalynn_ ผี = เป็นเพียง ชื่อเรียก ให้ผู้คน ได้เข้าใจ ง่ายขึ้นครับ ผี คือ สรรพนาม ใช้เรียกแทนสิ่งใดสิ่งนึง ที่อธิบายไม่ได้ แค่นั้นครับเช่น พระภูมิเจ้าที่ เทพเจ้า พรหม เทวดา วิญญาณบรรพบุรุษ = ผี ผีปอบ ผีกระสือ ผีเปรต=ผี สัตว์นรก หรือ อสุรกาย = ผี เพราะเมื่อเราไม่รู้ชื่อ ที่จะใช้เรียกสิ่งนั้นๆ ไร้รูปร่าง ไร้สะสาร จึงต้องเรียกว่าผี เปนการเรียกเหมารวมไปครับ ใช้ในการอธิบาย ได้ง่ายกว่า จะมาจำแนกชนิด
@@Formalynn_ผีมีจริง ที่คุณพูดมามีเพียงมนุษย์ที่ไม่ใช่ผี นอกนั้นเป็นผีหมด
ความเชื่อพระเจ้านี่เป็นอะไรที่โบราณมาก คนเชื่อก็ไม่ต้องใช้ปัญญาอะไรมากแค่เชื่อไม่ต้องสงสัยไม่ต้องพิสูจน์ง่ายๆ ไม่แปลกใจที่พวกมักง่ายมันจะนับถือแบบนีั เพราะไม่ต้องมีปัญญา มีแค่ความเชื่อก็พอ
ไม่โบราณครับ เพราะความเชื่อนี้ ถ้าไม่สอนให้มองจริงๆ คนไม่ถึง 1 ใน 1000 ด้วยซ้ำ ที่จะเข้าใจ ถามได้ทั่วไปครับ จะตอบเหมือนกันเป็นส่วนมาก " ว่าสิ่งที่เราเห็น มันก็เป็นอยู่อย่างนี้มาแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ?? " ไม่ใช่บอกว่ามีผู้สร้างครับ เพราะ มันต้องใช้ปัญญาอันลึกซึ้งมากๆ กว่าจะบอกได้ แถม โอกาสผิดก็มีสูงด้วยอีก อันเนื่องมาจาก การไปเอา "สิ่งที่มนุษย์สร้างกันเองมาเป็นปัจจัย ในการคิดครับ"
@@lordseyren5454เห็นทุกคอมเม้นท่านเป็นทุกข์อะไรหรือไม่
อย่ามามโนว่าพุทธเข้ากับวิทยาศาสตร์ได้ ความจริงคือ วิทยาศาสตร์เข้ากับพุทธได้มากกว่า เพราะพุทธมีมานานก่อนมีวิทยาศาสตร์อีก
ระวังคำว่า “วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด” ให้มากๆนะครับสิ่งนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิที่ชาวพุทธยังเห็นกันผิดๆอยู่ทั้งๆที่ วิญญาณ คือธาตุรู้ รู้ในอารมณ์ต่างๆ ธาตุต่างๆซึ่งสิ่งที่เข้าไปรู้ได้ รู้สึกได้ ก็เป็นของไม่เที่ยงเช่นเดียวกันของที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรม มันก็ไม่ควรที่จะยึดว่านั่นคือตัวเราของเรา ใช่ป่ะครับฉะนั้น ใคร่ครวญในธรรมข้อนั้นดีๆนะครับ
วิญญาณเวียนว่ายตายเกิดนั่นแหละครับ เอาแบบที่คนเข้าใจตรงกันดีแล้วครับ
วิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่ท่องเที่ยว สาติ ได้ยินว่าเธอมีทิฏฐิอันชั่วเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมแล่นไป ย่อมท่องเที่ยวไป หาใช่สิ่งอื่นไม่ดังนี้ จริงหรือ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณนี้แหละ ย่อมแล่นไป ย่อมท่องเที่ยวไป หาใช่สิ่งอื่นไม่ดังนี้ จริง. สาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลายทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ. โมฆบุรุษ เธอรู้ทั่วถึงธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแล้วแก่ใครเล่า โมฆบุรุษ วิญญาณเป็นปฏิจจสมุปปันนธรรม (สิ่งที่อาศัยปัจจัยแล้วเกิดขึ้น) เราได้กล่าวแล้วโดยอเนกปริยาย ถ้าเว้นจากปัจจัยแล้ว ความที่เกิดขึ้นแห่งวิญญาณ มิได้มีดังนี้ มิใช่หรือ โมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วย ขุดตนเสียด้วย จะประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว โมฆบุรุษ ก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เธอตลอดกาลนาน. ………..(บาลี มู. ม. ๑๒/๔๗๕-๔๗๙/๔๔๒-๔๔๕.)พระองค์แสดงว่า วิญญาณ เป็นปฏิจจสมุปันธรรมคือเกิดเพราะเหตุปัจจัย และจะดับไปก็เพราะเหตุปัจจัยมันเกิดดับอยู่ตลอดเวลาครับ ไม่ใช่สิ่งที่แล่นไป หรือท่องเที่ยวไปกาาเวียนว่ายจึงใช้กับ วิญญาณ ในความเห็นพระองค์ไม่ได้ฉะนั้น อยู่ที่คุณเองจะเลือกเอาที่คนส่วนใหญ่(ปุถุชน)เข้าใจหรือเลือกใคร่ครวญในสิ่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้และเข้าใจ
วิญญาณคือสิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดนี่แหละครับ เอาแบบที่คนเข้าใจ เหมือนที่คนเรียกผงซักฟอกว่า แฟ้บ นั่นแหละครับ เมื่อคนเข้าใจว่าแฟ้บคือผงซักฟอกมันก็คือผงซักฟอก ถึงแม้แฟ้บจะเป็นผงซักฟอกยี่ห้อแรกที่มีขายในไทยก็ตาม
ทฤษฎีเยอะแต่คนฟังไม่มีรูเรื่องไม่มีประโยชน์ครับ
และศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาท่องตำรา แต่เป็นศาสนาที่สอนความจริงของจักรวาล เมื่อคำว่า วิญญาณ เป็นสิ่งที่เข้าใจกันทั่วไปว่าคือสิ่งที่ แยกออกจากร่างกาย หรือ กายเนื้อ ก็เป็นอันเข้าใจตรงกันครับ
คอนเท้นต์ดีผมชอบพระเยซูระลึกได้ว่าพระองค์คือพระเจ้า/พระบุตร แบบนี้ถือว่าเป็นการระลึกชาติแบบหนึ่งเช่นกัน
พระเยซู คือสัญลักษณ์แห่งความรัก พระพุทธเจ้าคือสัญลักษณ์แห่งปัญญา เคารพทั้งสองพระองค์ครับ
พระเจ้าตัวจริง อยู่ใน หนังสือ สนทนากับพระเจ้าทุกเล่ม (ไม่ใช่พระเจ้าในศาสนาครีส )ในนั้นพระเจ้ากล่าว ศาสนานั้นดีแต่ถูกบิดเบือง
อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ก็กล่าวไว้เช่นนั้น พระเจ้าคืออวิชชา
ลอกคำพูดอ.เสถียร มาทำคลิปใหม่ครับ
ปะ ติด จะ สะ หมุบ บาด
เพราะมีมนุษย์จึงมีพระเจ้า หากมนุษย์ไม่มีพระเจ้าจะมาจากไหน เราชาวพุทธ์ได้รับคำสอนว่าผลมาจากเหตุ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่ง สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป เหมือนอย่างที่เขาว่าจะไปหาสิ่งเริ่มต้นซึ่งเป็นของนอกกายให้ยุ่งยากไปเปล่าๆ เพราะมันเกิดขึ้นนานมาแล้ว สู้มาดูความเป็นอยู่และเป็นไปของจิตเราดีกว่าตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้เพื่อให้เราได้เห็นความทุกข์และความดับไปแห่งความทุกข์นี่แหละคือเรื่องจริงที่ควรกระทำอย่างยิ่งครับผม
เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างสนใจเป็นการส่วนตัว แม้จะเป็นมุสลิมแต่ก็ไม่แคล้วมองข้ามความรู้ด้านปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และตรรกะศาสตร์ครับ โดยประเด็นพวกนี้ผมว่าผมก็มีข้อมูลพอสมควร จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความเข้าใจกันครับโดยหากใครมาเห็นคอมเมนต์นี้ก็สามารถอ่านตามตราประทับเวลา ประกอบกับแต่ละหัวข้อในคลิปได้เลย ผมจะพยายามแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนที่สุดพร้อมแท็กเวลาให้ง่ายในการเรียบเรียง ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลยผมจะเขียนเลขข้อไว้เผื่อว่าใครสนใจจะแย้งอะไรในประเด็นแต่ละประเด็นครับ---# ประเด็นเกริ่น1:40 [ 1. เพราะมนุษย์ไม่รู้และไม่เข้าใจธรรมชาติเป็นคนป่าคนเถื่อน พระเจ้าจึงเข้ามาเติมเต็มคำตอบในความสงสัย ] - สำหรับในมุมของอิสลามนั้น เป็นเรื่องที่มีศาสตร์และความรู้ในหลากหลายศาสตร์มาก ตั้งแต่สิ่งที่อยู่ในตัวเรา ชีวิตประจำวัน สังคมศาสตร์ การปกครอง วิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์ ไม่ใช่ความเชื่อของคนเถื่อนแต่ประการใด3:00 [ 2. สิ่งใดมีจุดกำเนิด สิ่งนั้นมีเหตุปัจจัย ] - อิสลามยืนยันเช่นนั้น ยิ่งสิ่งนั้นมีความซับซ้อนเท่าไหร่ก็ยิ่งชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้สติปัญญาและความสามารถไม่ใช่เกิดจากความไม่รู้4:30 [ 3. จักรวาลแบบอนันต์สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ] - อันนี้บอกเลยว่า "ผิดถนัด" ในปัจจุบันหลักฐานทางด้านทางวิทยาศาสตร์ที่เราค้นพบค้านกับจักรวาลวิทยาแบบหยุดนิ่ง(Static cosmology) และยังไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ถึงการดำรงอยู่ของจักรวาลวิทยาแบบวัฐจักร(Cyclic cosmology) ด้วยซ้ำ ทั้งยังมีปัญหาในทางปรัชญาด้านการให้เหตุผลว่าเป็นการถดถอยไร้จบ (Infinite regress) ซึ่งค้านกับเหตุและผลอย่างร้ายแรง4:53 [ 4. ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น จักรวาลไม่มีจุดเริ่มต้น ] - เอามาจากไหนครับหลักฐานที่เราพบอย่าง CMBR และ RedShift ให้ผลสรุปว่าจักรวาลมีต้นกำเนิดแท้ ๆ แต่กลับพูดได้หน้าตาเฉยว่าไม่พบจุดกำเนิด ไหนเหตุผลซึ่งกันและกันที่อ้างล่ะ? คุณอ้างตรรกะวิบัติเหตุผลเวียน (Circular reasoning fallacy) นะรู้ตัวไหม- จักรวาลไม่มีจุดเริ่มต้น เพราะอยู่ในวัฏสงสาร- ทุกสิ่งอยู่ในวัฏสงสาร ทำให้ไม่มีจุดเริ่มต้น5:22 [ 5. วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้น จะชี้ตรงไหนก็เป็นจุดศูนย์กลาง ] - เกี่ยวอะไรกันครับ วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้นจริงหรือ มาดูกันดี ๆ เราเรียกวงกลมได้เพราะมีจุดเริ่มไม่ใช่ว่าจู่ ๆ กระดาษเปล่าจะเกิดวงกลมขึ้นมาเองได้นะ มันต้องมีตอนที่เริ่ม "วาด" จึงเป็นวง จะมาสมมติว่ามีวงกลมก่อนแล้วบอกว่าจุดไหนก็เริ่มได้ทั้งนั้น กล่าวคือต้องถามคนวาดครับว่าเริ่มวาดวงกลมตรงไหน5:35 [ 6. ถ้าโลกกลม ตรงไหนคือจุดศูนย์กลาง ] - คำตอบคือ "ตรงกลาง (Center point) ที่มีรัศมีเท่ากันทุกมุม" ถามหาตรงกลาง ไม่ใช่เส้นสัมผัสทรงกลมของโลก (Tangent line) และไม่เกี่ยวอะไรกับจุดเริ่มต้นของโลกและวงกลมอยู่ดีครับ7:40 [ 7. โลกมาจากไหน มันมาจากจุดอนันต์ ] - ไม่สมเหตุผลครับ เราทราบกันดีจากหลักฐานทางธรณีวิทยาและวิทยาศาสตร์ว่า "โลกมีต้นกำเนิดเมื่อ 4500 ล้านปีก่อน จะกว้างแค่ไหนก็มีความจำกัดมีจุดเริ่มและมีจบ" ถ้าศึกษาวิทยาศาสตร์มา ก็จะงงว่ามันจะเรียกว่าเป็นอนันต์ได้อย่างไร แค่บอกว่าโลกนี้เกิดมาเป็นอนันต์นี่ก็ค้านกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากแล้วครับ>
# ประเด็น.. วิทยาศาสตร์และพระเจ้า7:40 [ 7. โลกมาจากไหน มันมาจากจุดอนันต์ ] - ไม่สมเหตุผลครับ เราทราบกันดีจากหลักฐานทางธรณีวิทยาและวิทยาศาสตร์ว่า "โลกมีต้นกำเนิดเมื่อ 4500 ล้านปีก่อน จะกว้างแค่ไหนก็มีความจำกัดมีจุดเริ่มและมีจบ" ถ้าศึกษาวิทยาศาสตร์มา ก็จะงงว่ามันจะเรียกว่าเป็นอนันต์ได้อย่างไร แค่บอกว่าโลกนี้เกิดมาเป็นอนันต์นี่ก็ค้านกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากแล้วครับ8:12 [ 8. บิกแบงเป็นเพียงแค่ทฤษฎี ] - จริงอยู่ที่ว่าเป็นทฤษฎี แต่มันก็ไม่ได้ปฏิเสธในการเหตุและผลอยู่ดีครับว่ามันมีจุดเริ่มต้น ก็แค่ไม่มีข้อสรุปว่ามีลักษณะแบบไหน และก็ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าเป็นอนันต์เลยด้วยซ้ำ อย่างที่บอกไปไม่สมเหตุผลเลยที่บอกว่าเกิดดับ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานของการดับก่อนหน้าที่จะเกิดอีกครั้งของจักรวาล และไม่มีหลักการอะไรมารองรับถึงการยุบตัวของจักรวาลเลยสักอย่าง แต่กลับบอกว่าสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่9:20 [ 9. พุทธสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน? ] - ผมพูดมาข้างบนเยอะแล้วว่า "ไม่เลย" และการเมินหรือไม่สนใจ มันต่างกับการบอกว่าไม่รู้ครับ และหากการรู้ที่มาของสรรพสิ่งนั้นไม่สำคัญ ไม่มีผลต่อชีวิตแลละความเป็นอยู่แล้ว ทำไมมนุษย์ถึงขวนขวายหามันกันล่ะครับ สิ่งที่คุณบอกว่า "ไม่มีสาระ" มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรกับคนอื่นเลย10:40 [ 10. ศาสนจักร ผู้นำพามนุษย์สู่ยุคมืดของยุโรป ] - ผมเห็นด้วยกับคุณนะ คริสต์นี่เป็นศาสนาที่พาคนหลงสุด ๆ เป็นศาสนาที่พาคนออกห่างจากความรู้ ด้วยไบเบิลที่ไม่รู้ว่าพระเยซูสอนแบบนั้นจริงไหมด้วยซ้ำ รู้อะไรไหมครับ "ไบเบิล ต้นฉบับที่เก่าแก่ที่สุดคือภาษากรีก ทั้งที่พระเยซูสอนศาสนาที่บริเวณปาเลสไตน์ด้วยภาษาอาราเมอิค" แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าไม่ตีความคำสอนเองจนอ้างพระเจ้าเพื่อรักษาอำนาจตัวเอง หรือเพื่อรักษาคำสอนของศาสนากันแน่11:10 [ 11. ถ้าพระเจ้าเป็นเหตุของโลกแล้วอะไรล่ะเป็นเหตุของพระเจ้า ] - คุณต้องศึกษา Infinite regression ครับถึงจะเข้าใจว่าคำถามของคุณมันตื้นเขินแค่ไหน มันเป็นตรรกะวิบัติชนิดหนึ่งที่เราถามหาเหตุจากปฐมเหตุ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ไม่ต่างอะไรกับการถามว่า "ถ้าแก้มอบเค้ก แล้วใครอบแก้ม" หรือการถามว่า "ถ้าโดมิโนที่เรียงกันเป็นแถวล้มลง แล้วโดมิโนตัวแรกของแถวโดนโดมิโนตัวไหนทำให้ล้ม" แน่นอนว่ามันล้มด้วยตัวเองไม่ได้ คำตอบคือต้องมีอะไรสักอย่างมาทำให้มันล้มและต้องมีอำนาจพอให้มันล้ม และนี่แหละคือมีเหตุผลตามหลักตรรกะวิทยา13:00 [ 12. พระเจ้าไม่ถูกสร้าง แล้วพระเจ้าก็ไม่น่าจะเป็นเหตุของโลกได้ ] - สับสนอะไรกับเหตุการณ์จำลองที่ตัวเองคิดล่ะครับ จู่ ๆ ก็เพิ่มความเป็นผลเข้าไปในสิ่งที่เทวนิยมบอกว่าพระเจ้าเป็น "ปฐมเหตุ(ไม่มีเหตุ)" ค่อย ๆ คิดภาพโดมิโนจากข้อ 11 ดูนะครับ มันสมเหตุผลที่โดมิโนชิ้นแรก(เหตุ)จะต้องไม่โดนโดมิโน(ก่อนหน้า)ผลักอีก(เพราะมันไม่มีแล้ว)นั่นแหละ "แนวคิดของปฐมเหตุ" แบบนี้แหละที่พุทธเข้าใจว่าเป็นอจินไตยมาโดยตลอด ไม่สงสัยเหรอครับ ทั้งที่บอกว่าอจินไตย แต่ทำไมศาสนาอื่นถึงหาคำตอบมาได้ ทั้งที่ยังสติครบถ้วนดี14:20 [ 13. พระเจ้ามีพ่อแม่? ] - ถ้าอิงตามหลักเหตุผล พระเจ้าต้องไม่ใช่ตัวตนแบบสิ่งที่ถูกสร้างแบบในนิยายกรีก นั่นคือต้องไม่เป็นสิ่งที่พึ่งพาเหตุก่อนตนอีก เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้ตามตรรกะว่าพระเจ้าจะเป็นมนุษย์ (เช่น คริสต์ที่พระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ คือการมีเหตุเป็นแม่คลอด) สรุปคือ "พระเจ้านั้นเป็นอีกสิ่งที่เราไม่สามารถจินตนาการการดำรงอยู่ของพระเจ้าได้"14:30 [ 14. พระเจ้าเกิดขึ้นเองได้ ] - ตรงส่วนนี้ ผมมองว่าไม่คุณฟังผิด ก็คนอธิบายไม่รัดกุมในการอธิบาย เพราะถ้าอิงจากพระเจ้าเป็นปฐมเหตุแบบที่ผมกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว พระเจ้าจะต้อง "ไม่มีจุดกำเนิด" เป็นสภาวะที่เป็นอนันต์ไร้จุดเริ่ม และไร้จุดจบ จึงต้องไม่มีคำว่า "เกิดดับ" สำหรับพระเจ้าที่เป็นปฐมเหตุอีก>
คอมเมนต์ของคุณค่อนข้างยาวผมจะทะยอยมาคุยด้วยทีละข้อนะครับ 1. ข้อแรก การเกิดขึ้นของความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้านั้น เกิดขึ้นทั่วโลกครับ และน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคอารยธรรมที่มีการบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว อาจะพูดได้ว่าไม่มีอารยธรรมคนโบราณที่ไหนท่่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือเทพเจ้า ้หตุผลก็มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆที่ทำให้คนกลัวนั่นแหละครับ โดยเฉพาะปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มาจากบนฟ้า ที่ทำให้จินตนาการเกี่ยวกับที่อยู่ของพระเจ้านั้นอยู่บนฟ้า ในขณะเดียวกัน เวลาคนตายก็มักจะฝังลงดิน เพราะ กลิ่นและสภาพของศพที่ไม่น่าดู ทำให้คนจินตนาการถึงนรกว่าอยู่ใต้ดิน ที่มานั้นมาจากความไม่รู้+ จินตนาการของคนโบราณครับ
ทุกวันนี้มนุษย์สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าบนฟ้าไม่มีสวรรค์ ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ทะลุออกนอกชั้นบรรยากาศ ไม่พบสวรรค์ชั้นฟ้าครับ สวรรค์ชั้นฟ้าจึงเป็นจินตนาการ
2. ข้อสอง ทุกสิ่งต้องมีที่มา มีเหตุจึงมีผล ก็ตามนั้นครับ ส่วนคำว่า อวิชชา ในศาสนาพุทธ เป็นสิ่งที่ต้องหาความหมายครับ อวิชาแปลตรงๆก็คงแปลว่า ไม่มีวิชา ไม่มีความรู้ คำถามคือ ไม่รู้เรื่องอะไรครับ เช่น มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นจากความไม่รู้ของคน แบบนี้ อวิชชาในที่นี้ จึงน่าจะเป็นสิ่งที่ยังต้องศึกษาอยู่ ว่า อชิชชาในเรื่องอะไร แต่ที่แน่ๆ -เริ่มต้นสิ่งมีชีวิตหรือเริ่มต้นการเกิดเป็นคนนั้นไม่มีความรู้ - ยังไม่มีใครรู้เกี่ยวกับกำเนิดจักรวาลที่แท้จริง
3. จักรวาลแบบอนันต์ ทั้งเรื่องเวลาและขนาดนั้นเป็นทฤษฎีหนึ่งที่นักวิทย์ตั้งสมมุติฐานอยู่ครับ ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ และตราบใดที่ยังไม่สามารถหาขอบเขต จุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด ที่แท้จริงของจักรวาลได้ ก็ไม่สามารถหักล้าง การบอกว่าจักรวาลเป็นอนันต์ได้ครับ และ โดยหลักการแล้ว ผมคิดว่า มันก็ควรเป็นอนันต์นั่นแหละครับ - ในเรื่องเวลา มันก็สามมารถตั้วคำถามได้เสมอว่าก่อนนั้นหล่ะ ไปได้เรื่อยๆ ก็เพราะหลักการที่ว่าทุกอย่างต้องมีที่มานั่นแหละครับ ส่วนจุดสิ้นสุด สมมุติเราบอกว่าจัดรวาลจะสิ้นสุดปีหน้า ถ้าเลยปีหน้าแล้วยังไม่สิ้นสุด มันก็ไม่สิ้นสุด แต่ถ้าคนตายหมดโลกก่อนปีหน้า หรือ โลกระเบิดเป็นจุลจนคนตายหมดก่อนปีหน้า ก็ถือเป็นจุดสิ้นสุดของคน แต่ก็ไม่มีใครอยู่เป็นพยายว่า จักรวาลจะสิ้นสุดปีหน้าจริงหรือเปล่า หรือถ้าคนไปสูญพันธ์พร้อมจักรวาลระเบิดปีหน้า ก็ไม่มีใครอยู่เพื่อยินยันว่าจักรวาลสูญสิ้นจริงหรือเปล่า เะราะฉะน้้น ไม่ว่าจะมองมุมไหน ในเรื่องเวลาจักรวาลก็เป็นอนันต์อยู่ดี - ในเรื่องขอบเขต ถึงคนจะเดินทางไปจนชนผนังของจักรวาล มันก็จะเกิดคำถามอยู่ดีว่า นอกผนังนั้นจะยังมีอะไรอยู่อีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนขนาดจักรวาลก็เป็นอนันต์อยู่ดีครับ
ปะติจะสะมุห่ะบาท หรือเว้นวรรคก็ได้ ปะติจะ--สะมุห่ะบาท
อัลละฮูฮู้รู้หมด พระคริสบุตรของพระเจ้า "พระเจ้าจะช่วยลูกก็ต่อเมื่อลูกช่วยตัวเอง ^^!แล้วถ้าเราตั่งรกรากบนดาวดวงอื่น พระเจ้าเหล่านนี้จะตามไปด้วยไหม ฮุ• อัละฮูฮู้
แนวคิดนี้ทั้งพระเจ้าและพุทธผมว่าสุดท้ายนำไปสู่มี absolute answer อย่างนึงอยู่ดี ส่วนตัวเป็นพุทธครับเชื่อและศรัทธาแต่ทั้งสองแนวคิดต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันมี absolute ของความเชื่อบางอย่างก่อน ว่าจริงเสมอ ตามนิยามดังนี้ เช่น พุทธ เชื่อว่า เป็นอานัน ไม่มีจุดเริ่มต้น สิ้นสุด เกิดตามเหตุปัจจัย อันนี้ เป็น absolute answer ที่ทุกคำถามจะจบที่นี่ดังนั้นการถามว่า ชาติ แรก เกิดจากไหน กรรมแรกเกิดจากไหน ก็จะไม่ควรถาม ในพุทธเช่นกัน ตาม ข้อความด้านบนเช่น เดียวกัน กับ ผู้สร้าง มีนิยามว่า ผู้สร้างไม่เหมือนอะไรเลย ที่พระเจ้าสร้าง พระเจ้าดำรงอยู่มานิรันดร์ มาก่อนแล้ว และผู้สร้างจะไม่ถูกสร้าง เหล่าน้ีก็เช่นกัน เป็นคำตอบสุดท้ายที่ถามต่อไม่ได้ของ ศานาที่มีผู้สร้าง ดังนั้น คำว่า ใครสร้างพระเจ้า จึง ไม่สามารถถามได้เลยในแง่ ของความเชื่อนี้
@@norrapatsangsawang8949 คนสร้างพระเจ้าครับ
พระเจ้ามี 2 แบบครับ นิติบุคคล หรือ จักรวาลที่มีชีวิต (ครอบคลุมทั้งหมดของธรรมชาติ) *** พระเจ้าแบบนิติบุคคล คือ พระเจ้าที่คนสร้างเอาขึ้นมาเองครับ (จะด้วยความเข้าใจผิด หรือ ผลประโยชน์ก็ตาม ขึ้นอยู่กับเจตนาของเขา)ส่วน พระเจ้าที่เป็น จักรวาลที่มีชีวิต ด้วยตรรกะพื้นฐานคนสร้างไม่ได้แน่นอนครับ
@@rit2025 แน่ใจไหมครับ
ผมเชื่อว่ามีพระเจ้าเพราะ มันมีคนจำพวกหนึ่ง บอกว่าถ้าพระเจ้าทำให้เค้ารวยเค้าจะเชื่อว่ามีพระเจ้า ยิ่งเห็นคนจำพวกนี้เยอะๆ ผมยิ่งเชื่อใหญ่เลยว่ามีพระเจ้า
ประเทศที่จนที่สุดในโลก 40 อันดับแรกเชื่อพระเจ้าครับ
@rit2025 ถูกต้องครับ พระองค์ตรัสว่าผู้ยากจนก็เป็นสุข เพราะสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว ถ้ารวยแล้วไม่รู้จักพระเจ้า ขออยู่แบบจนๆแต่มีพระองค์อยู่ด้วยดีกว่า
วิทยาศาสตร์ : อะไรๆก็กู
ดูจบแล้วลงต่อเลยได้มั้ยติดช่องนี้มาก5555
ฟังเร็วมากค่ะ555555
@@siridream1924 วีดีโอชั่วโมงนึง ลงไม่ถึง 5 นาทีบอกดูจบไว้ก่อน555555555
อิ-ทับ-ปัด-จะ-ยะ-ตา
ผกาพรหม ไงพระเจ้า
ผกาพรหม ถูกพระพุทธเจ้าปราบความคิดสร้างโลกไปนานแล้วครับ
ผู้ใดรู้จักโลกผู้นั้นย่อมจะมีตา ผู้ใดเข้าใจโลกผู้นั้นย่อมมีปัญญา "หากเมื่อมีผู้ถามท่านว่า ศูนย์กลางของโลกนั้นอยู่ที่ใด พวกท่านจะชี้ลงไปที่พื้นดิน หรือว่าจะชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า"😇*แล้วเหล่าเธอทั้งหลายจะชี้ไปที่ใด?😊
จะชี้ไปตรงไหนก็ไปตรงกลางของโลกทั้งนั้นแหล่ะคราบ😊
@@ชยุตลีนิน-ง9ช ผิดตรรกะครับ ถ้ามองโลกแค่ 2 มิติ ตรงกลางของโลกที่ถูกคลี่ออกจากทรงกลม จะไม่มี ..........................แต่โลกในความเป็นจริงคือ 3 มิติครับ ชี้ไป มีแค่จุดเดียวคือ จุดสมดุลตรงกลางทรงกลม นั่นคือ ใต้โลกในมุมตั้งฉากกับความโน้มถ่วงครับ
@@ชยุตลีนิน-ง9ช ไม่ถูกครับ เพราะ คุณมองแต่ผิวโลก ที่เป็น 2 มิติ แต่โลกความเป็นจริงเป็น 3 มิติ ศูนย์กลางของโลก คือ ใจกลางของทรงกลมครับ
ชี้มาที่ตัวเองค่ะ
@Serpent471 👏👏👏อ่ะ..เก่งจริง..ๆ👍👍👍☺️(เหตุและผล แห่งปัญญานั้น มีว่าอย่างไร...?🤗)ช่วยใขความกระจ่างในข้อนี้ เพื่อผู้อื่น..จิ๊ได้เข้าใจหน่อย...😇
God is ignorance😊
🤙🤙🤙
ปะ ติ จะ สะ มุด ปะ บาท
ถ้าผีมีจริง...ทุกอย่างอาจมีอยู่จริง..ใครจะไปรู้ถ้าคุณยังไม่ตาย??
ผีไม่มีในพุทธศาสนา ผมไม่รู้หรอก
พุทธศาสนามีผีครับ มีชีวิตหลังความตาย
เอาไรมา ขนาดพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกอย่าง คนเหล่านั้นยังไม่เคารพสิ่งพระเจ้าสร้างเลย
อะไรสร้างพระเจ้าขึ้นมา พระเจ้ามาจากไหน นอกจากคนโง่ๆ คิดขึ้นเอง
@@thedarksie4555 คำตอบไม่ได้ต่างกันครับ กับ " อะไรสร้างธรรมชาติขึ้นมา ? " (ในมุมมองของคุณ) ถ้าหากคุณอุบัติขึ้นเองจาก ธรรมชาติ ธรรมะ = อวิชชา เช่นกันครับ และ อวิชชาคือความโง่เขลา
@@thedarksie4555 ไม่ต่างกับอะไรสร้าง ธรรมชาติ ขึ้นมาครับ ??? ธรรมชาติมาจากไหน (แถมตามในคลิป ถ้าตัดเรื่องความเชื่อเรื่องพระเจ้าผู้สร้างออกไป ธรรมะ ที่จริงคือ อวิชชาเองนะครับ เพราะคุณเกิดขึ้นมาเองจาก "ธรรมชาติ")
เคารพทำไมพระเจ้าสร้างคนพิการมาตั้งเยอะ ตาบอดเป็นใบ้ ปากแหว่งเพดานโหว่
@@thedarksie4555 คำตอบเหมือนกันกับ " ใครสร้างธรรมชาติขึ้นมาครับ ??" ------ ไม่มี ---- คือคำตอบแต่ดูตามในคลิปแล้ว ธรรมชาติ จะ = อวิชชา ไปด้วยน่ะสิครับ เพราะ คุณอุบัติขึ้นเอง อาศัยอยู่ในธรรมชาติ
ปะ,ติ,จะ,สะ,มุ,บาท
th-cam.com/video/WNtPc9Wbk_E/w-d-xo.htmlsi=JeKaQWU9v6ho10Ea
แล้วถ้าพระเจ้าก้มีพ่อมีแม่ล่ะ แค่สร้างเราขึ้นมาเล่นๆ สะใจ บันเทิง ไรงี้ เราอาจเปนแค่หน่วยประมวลผลอะไรอย่าง
ไม่สมเหตุสมผลสัตว์ที่เกิดมาล้วนต้องหาทางหลุดพ้นให้ได้ไม่งั้นก้ต้องอยุ่ในเกมชีวิตนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ปัญหาโลกแตก
เอาตรงๆนะนี่มันปี 68คือควรจะหาคำที่สามารถอธิบายให้เข้าถึงง่ายได้แล้ววกไปวนมาอยู่ได้มันฟังแล้วสุดท้ายมันคืออะไรอ่ะอยากให้หาคำที่มันสามารถเข้าใจง่ายๆและสามารถอธิบายได้ง่ายๆอันนี้ก็อธิบายแบบวกไปวนมาอยู่แต่อันเดิมๆมันงง
พวกที่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างมักจะอ้างว่า บ้านมีคนสร้างดังนั้นจักรวาลต้องมีคนสร้าง เรารู้ว่าบ้านมีคนสร้างเพราะเรารู้เราเห็นคนสร้างแต่มีใครรู้เห็นคนสร้างจักรวาลบ้างล่ะ จะใช้ตรรกะนี้มาหาความจริงเรื่องมีพระเจ้าไม่ได้ครับผิดครับ
การสร้างก็ต้องอาศัยพื้นที่ เหมือนเราสร้างบ้าน หากไม่มีที่ว่างจะสร้างบ้านได้อย่างไร
คนสร้างพระเจ้าครับ ส่วนใครสร้างจักรวาลนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่ไม่ใช่พระเจ้า เพราะพระเจ้าอธิบายการสร้างจักรวาลและสิ่งทีชีวิตผิด
@@rit2025 ถูกต้องครับ คนนั่นแหละมโนสร้างพระเจ้าขึ้นมาคิดเองเออเองเชื่อกันเอง ตอนนี้โลกสู่ยุคโลกาภิวัตน์แล้วผมไปศึกษาศาสนาคริสต์มาไม่มีอะไรถูกต้องเลยครับ ผมไม่เห็นมีพระเจ้าตนไหนมาเขียนคัมภีร์มาให้มนุษย์เลย มนุษย์เขียนขึ้นเองทั้งน้านน
ถ้าพระเจ้ามีเหตุอื่นที่ทำให้พระเจ้าเกิดสิ่งนั้นจะไม่ได้เรียกว่าพระเจ้า พระเจ้าคือผู้ที่ทำให้เกิดเหตุแต่พระเจ้าไม่ได้เกิดจากเหตุที่ธรรมชาติสร้างพระเจ้าอีกที แต่พระเจ้าสร้างธรรมชาติพระเจ้าเป็นจุดสูงสุดไม่ได้เป็นผลที่มีเหตุให้พระเจ้าเกิดพระเจ้าไม่มีการเกิด เป็นพระเจ้าผู้ดำรงอยู่แล้วมีอยู่แล้วและเป็นอยู่แล้ว นั่นเรียกว่าพระเจ้าหรือจุดสูงสุดของการเกิดทั้งปวง แต่ถ้าหมายถึงพระเจ้าที่มีการเกิดมาจากเหตุนั่นไม่ได้เรียกว่าพระเจ้าแต่แต่เรียกว่าผลของการเกิดโดยพระเจ้าคำว่าพระเจ้านั้นต้องอยู่เหนือเหตุของสิ่งทั้งปวงสูงสุดหรือเหนือสุดเท่านั้นจึงเรียกว่าพระเจ้าซึ่งสิ่งนี้หลายคนไม่เข้าใจคำว่าพระเจ้าสูงสุดแต่ตีพระลักษณะพระเจ้าเป็นเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุเพราะแค่มองในมุมของมนุษย์จึงมองทุกสิ่งที่เกิดจากเหตุเลยคิดว่าพระเจ้าต้องเกิดจากเหตุเหมือนกันถ้าอย่างนั้นจะไม่เรียกว่าพระเจ้าแต่จะเรียกว่าผลจะการทรงสร้างของพระเจ้า ซึ่งผลจากการทรงสร้างนั้นไม่ใช่พระเจ้า
พระเจ้าเกิดจากคนที่สร้างพระเจ้าครับ
คนอธิบายเกี่ยวกับพระเจ้าได้ละเอียดยิบ เพราะคนสร้างพระเจ้าขึ้นมา แต่พระเจ้าอธิบายการเกิดจักรวาลและสิ่งมีชีวิตผิด เพราะพระเจ้าไม่ได้สร้างอะไรครับ
สมัยก่อนใครพูดว่าโลกกลมคือพวกนอตรีดเป็นพ่อมดหมอผีต้องถูกเผาเพราะศาสนาตอนนั้นบอกว่าโลกแบน😂😂😂
คนไทยกำลังเดินไปหาศาสนาที่เชื่อในอำนาจของพระเจ้าสรา้งโลก😂😂😂😂😂
ไม่ครับ เป็นส่วนน้อย ที่ออกก็มากแค่เขาออกเงียบๆ
@@rit2025 ออกเงียบๆ ที่จริง พุทธ ก็เป็น จำนวนมากครับ สู่ความเชื่ออะไรก็ไม่รู้ ที่นั่งใบ้หวย ไหว้เจ้าแม่กัน และ "พุทธศักราช" คือการยืนยันครับ เพราะศาสนาของ พุทธ จะเสื่อมลงตามกาลเวลา จริง ไม่ต่างกันครับ
@lordseyren5454 พุทธไม่เสื่อมหรอกครับ พุทธเป็นสัจจธรรม ไม่ขึ้นกับกาล ศาสนาพุทธแก่นคือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว มันเป็นสามัญสำนึกสากลของคนบนโลกใบนี้ครับ และ ประเทศที่เจริญแล้วก็จะมีค่านิยมเช่นนี้
@@rit2025 อันนี้คุณตอบขัดกับพุทธเจ้าแล้วครับ ควรพิจารณาตัวเอง
@@rit2025 อันนี้คุณตอบขัดกับ พุทธเจ้าครับ พิจารณาตัวเองเถอะครับ
ในเน็ตของศสนาอิสลามลงว้าพีพระในศาสนาพุทธนับแสนไปเข้าศาสนาอิสลาม😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂
เนื้อหาเท็จครับ มีคลิปทำข้อมูลปลอมเยอะมากในเนต ซึ่ง ก็ทำให้อดคิดไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องปลอมอีกบ้าง
อิสลามดูเขาจะทำงานเป็นระบบอยู่นะผมว่า เพราะอิสลามในไทย และต่างประเทศจะพูดเหมือนกันเลย น่าจะบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาอื่น ผ่านโรงเรียนสอนศาสนา เช่น สอนว่าชาวพุทธบูชาความทุกข์ พระพุทธเจ้าเป็นพวก LGBT ฝรั่งจะเรียกพวกนี้ว่า Bot ถูกล้างสมอง
@@rit2025 จริงครับ แต่ในศาสนาคุณเองก็ปลอมเยอะแหละครับ อันนี้ที่จริงก็ควรจะวิเคราะห์กันได้แล้วด้วยซ้ำครับว่า ตอนนี้ พ.ศ. อะไร ? หมายความว่าการปลอม ในศาสนาคุณเองก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามเวลาเช่นกัน (และมันเป็นเรื่องปกติด้วยครับ พุทธเจ้าก็บอกเอง)
แล้วเหตุใดใครเป็นคนสร้างพระเจ้าให้มาสร้างโลกใช่ไหมครับ
☸️ธรรมชาติรังสรรค์ชีวิตโลกและมนุษย์เกิดจากจักรวาลการรวมตัวของธาตุมีศูนย์ก็ต้องมีหนึ่งศูนย์ที่ไม่นิรันดร์
นี่มันปีไหนแล้วใช่ไหมควรควรจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้แล้วไม่ใช่ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
บางเรื่อง ทำให้ง่าย จะกระทบต่อผู้อื่นหรือ ต่อระบบนิเวศน์ได้ง่ายเช่นกัน แต่คนส่วนมาก "เห็นแก่ตัว" จึงมองแต่ว่า ง่าย เป็นสำคัญครับ ........................ เช่นการเผา ที่เกิดขึ้นในไทยอยู่ ตอนนี้ ยุคสมัยมันไม่เกี่ยวครับ
คลิปนี้ฟังยากสักหน่อย ต้องไปฟัง อ.เสถียร โพธินันทะ คลิปนี้ลอกคำพูดอาจารย์มา
@@กล้าพันธุ์ ที่จริงแนวคิดประมาณนี้ มีอยู่ทั่วไปในไทยครับ (ผมไม่เห็นด้วย 100% กับอาจารย์ อิสลาม หลายท่านนะ ที่ว่า พื้นฐานทางความเชื่อมนุษย์ ทุกคนจะคิดว่ามีผู้สร้าง) เพราะโดยมากในไทย มักตอบไปในทิศทางเดียวกันคือ "ทุกสิ่งมันก็เป็นอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ไม่ได้มีใครสร้างมัน" โดยมากคนที่คิดเยอะๆ ต่างหากครับ (ซึ่งเป็นส่วนน้อย จะรู้ได้ด้วยตัวเอง) ว่ามีเหตุ มีผล ที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้อยู่ดีดี เกิดขึ้นมา ไม่มีโจทย์ ไม่มีกิจกรรมให้ทำ แต่นั่นแหละครับ พวกเค้าแค่ไม่พอใจกับชีวิตเท่านั้น (แต่นั่นแหละครับ ทดสอบได้ดีเลย ว่าตกลงคุณจะทำตัวใหญ่กว่ากฎ หรือ คุณอยู่ภายใต้กฎ ครับ)
พวกเราทุกคนคือจักรวาลของทุกสิ่งมีชีวิตเเละเราก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในตัวของเราเองเเละไม่มีจุดสี้นสุดไม่มีจุดเริ่มต้นเพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่ตายจริงเเต่เเค่เปลี่ยนที่อยู่ไปเเค่ชั่วคราว
สิ่งอื่นเป็นเหตุที่เกิดจากพระเจ้าแต่พระเจ้าคือจุดสูงสุดของการเกิดเหตุไม่มีเหตุที่ทำให้พระเจ้าเกิดพระเจ้าเป็นจุดสูงสุดหรือพระคัมภีร์เรียกว่าพระองค์เป็นปฐมและอวสานพระองค์ดำรงอยู่แล้วไม่มีจุดเริ่มต้นหรือมีเหตุให้พระเจ้าเกิดเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่แล้ว
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวัน พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า
ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
ภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ แต่ยังครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี
เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว
ความหยั่งลงแห่งนามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
เมื่อภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
เมื่อไม่มีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงไม่มี
เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่เจริญขึ้นแล้ว
ความหยั่งลงแห่งนามรูปจึงไม่มี
เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
เพราะเวทนาดับ ภพจึงดับ
เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
เพราะชาติดับ ชราและ มรณะ โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสต่อไปจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
พระสูตร
เจตนาสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ ข้อ ๑๔๗-๑๔๘
@@มโนสัญญาตัญหา มีคําจารึกเป็นพระเวชและมนต์กํากับเอาไว้ด้วย...มนุษย์โลกยุคนี้ก็ถือว่ายังพอมีบุญอยู่มากโข...ที่ได้รับรู้และยังพอมีสติประคองรักษาเอาไว้ได้..☺️
ขอบคุณที่สำหรับคลิปนี้ หลายคนไม่กล้าพูดเพราะกลัวความเชื่อศาสนาอื่นจะโก.ธเอา 😂😂
ที่จริงไม่โกรธครับ แต่คนกล่าวหานั่นแหละครับสมควรพิจารณาตัวเอง เช่น ......................
16.00 นั่นแหละครับปัญหา เพราะคุณแค่ไม่พอใจว่า " ทำไมฉันเกิดมาต้องเจอความทุกข์ ไม่เกิดมาแล้วมีแต่สุข ฉันไม่สรรเสริญ สิ่งที่ทำให้ฉันทุกข์หรอก " คือ คุณไม่ต้องเข้าใจหรอกครับว่า จะเรียกจักรวาลนี้ว่าพระเจ้า หรือ ธรรมชาติ
.......เพราะ นั่นเท่ากับ คุณ " ปฎิเสธ " การบัญญัติ ของธรรมชาติ และ ธรรมะ ในมุมมองของคุณคือ "อวิชชา" ไปเลยเช่นกันครับ......
( เพราะคุณบอกเองว่า ทุกสิ่งอุบัติขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่คุณบอกว่าทุกข์มีในมุมมองของการมีผู้สร้าง ผมจึงตัดมุมมองนั้นออก ให้เหลือมุมมองของคุณ คำตอบมันก็จะเหมือนกันครับ ธรรมชาติ (ธรรมะ) = อวิชชา )
@@lordseyren5454 เอาอะไรมาแถครับ..ส่งเดชมาก..คนล่ะเรื่อง..และไม่มีเหตุผลอ่ะ😂..แทงสวนแต่แทงออกนอกคอร์ดเลยอ่ะ😂
@@thawanfamily ศาสตร์แห่งพุทธะ ไม่ใช่เป็นลัถธิ ที่มีคําสอนให้ต้องปฎิบัติตามแบบบังคับ ว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้...แล้วจะถูกลงโทษ แค่เป็นโรงเรียนรู้ดีๆนั่นเอง..ผู้ที่ตั้ง ชี้แจงให้เห็นความจริงนี่เต็งจริงๆ ใครได้เจอคงจะโชคดีน่าดู☺️
พระพุทธเจ้า เผยแพร่คำสอนโดยไม่ต้องฆ่าคน ไม่ต้องทำสงครามกับศาสนาอื่นลัทธิอื่น
ส่วนตัวขอบฟังช่องนี้ และช่องอื่นๆ เกี่ยวกับพุทธ ไม่มีใครพูดได้ถูกหมด แม้แต่ช่องนี้ แนะนำว่าไม่ควรแซะกัน ให้ฟังที่เนื้อธรรม และตรึกตรองด้วย ปัญญาของเราประกอบ
คณิตศาสตร์ สูตรการคำนวน ก็เช่นกัน คล้ายๆกับคำถามว่าใครสร้างโลก ยังมีการหารที่ไม่ลงตัว เช่น1หาร3 2หาร6 เป็นต้น ที่สุดแล้วจิตและความคิดเรานี่เองคือปัญหา
ถูกใจแล้วถูกใจอีกคลิปนี้ ชอบม๊าก
สรุปได้ดีครับ หากเชื่อว่าพระเจ้าเกิดขึ้นได้เองแล้วก็ต้องเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเองได้เช่นกัน....
เกิดขึ้นเองได้ แต่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวเองนี่ผมว่าแปลกครับ (ถ้าคนเกิดขึ้นเองได้ คงดัดแปลงร่ายกายตัวเองได้ตามใจแล้วครับ เพราะเราเกิดขึ้นเอง ย่อมเข้าใจตัวเอง)
แปลก ตรง ไหน เกิดมาจากพ่อแม่ไม่ เห็น พระ เจ้า มาสร้าง เลยถ้าเห็นสิแปลก😂@@lordseyren5454
@lordseyren5454😮 เคยไปสวรรค์ไหมครับแล้วนับถือศาสนาอะไรเหรอครับ
@ ไม่ต้องเคยไปแต่ทราบจากคัมภีร์ครับ ว่ามี และที่จริง ทั้งนรก - สวรรค์ จะสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยด้วยซ้ำครับ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด (นรกจะถูกจุดให้ลุกสว่างจ้า อันนี้ ใกล้วันสิ้นโลกครับ ยังไม่ต้องไปภพหน้าก็เห็นกันแล้วครับ.........................................ส่วน สวรรค์ จะยกมาให้เห็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเชื่อถูกหรือผิดก็ตาม แต่จะไม่ได้เห็นจากที่โลกนี้แบบชัดเจนครับ เพราะมนุษย์ต้องถูกทดสอบความเชื่อ ที่มีต่อการสร้างนั้นก่อน)
อิสลาม ครับ
@@lordseyren5454 เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ธรรมชาติให้เกิด องค์ประกอบแห่งการเกิดมันมาครบพอดี มันเลยเกิด มันเป็นปรากฏการชั่วคราวทางธรรมชาติ เราไม่ได้สร้างตัวเอง
ฟังแล้วเอ็นดูแอด ผมจะช่วยให้ออกเสียงง่ายขึ้น ไปฝึกท่องนะครับ 😅
1 ปฏิจจสมุปบาท อ่านว่า ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-บาด
2 ปฏิจจสมุปปันนธรรม อ่านว่า ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-ปัน-นะ-ทำ
ขอบคุณครับ ได้ความรู้ในสติแล้วได้แก้ไขได้ดีแล้ว ที่นึกได้ พอดี
แอดมินความรู้เยอะมากเลย ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลต่างๆ ฟังแอดเล่าเรื่องต่างแล้ว ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ❤❤❤
คำตอบที่ผมหามาตั่งแต่เกิดรู้เเล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือสิ่งเดียวกันฉันคือ อวิชชา ครับ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมาจากที่เดียวกันเพื่อมาหาประสบการณ์ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างสุดท้ายแล้วก็กลับคือสู่ซอสหมดครับ
ตามคลิป มันก็ชัดนี่ครับ ถ้าพระเจ้าคือ อวิชชา พอลองตัดความเชื่อพระเจ้าออกไป เหลือแต่ธรรมชาติ คุณก็ทุกข์ จากธรรมชาติรอบตัวอยู่ดี ดังนั้น ธรรมชาติ = อวิชชา ไปด้วย ??????
@@lordseyren5454 ฟังไม่แตกอย่าพึ่งแจกคอมเม้นท์นะครับ..จริงที่ทุกข์จากธรรมชาติแต่นั่นก็เกิดจากเหตุและผลของมัน..พูดง่ายๆคือจะสุขจะทุกข์มันเกิดตามเหตุปัจจัย..ไม่ใช่อ้างว่าพระเจ้าสร้าง
มนุษย์คือทุกสิ่ง มนุษย์คือผู้สร้าง แม้แต่พระเจ้า ยุคกลางที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้ว สร้างพระเจ้ามาเพื่อปกครอง
แต่อยู่ใต้ ธรรมชาติ ??? ถ้าคุณเข้าใจ คำว่าพระเจ้าจริง (จักรวาลอันมีชีวิต) คำว่าธรรมชาติ ที่หมายรวมทั้งดวงดาวบนฟ้า อันมีระบบแบบแผน อย่างชัดเจนของมัน
................... มนุษย์ ได้สร้างดาวฤกษ์ขึ้นเองซักดวง ไปประดับไว้บนฟ้าบ้างมั๊ยครับ ??? หรือแค่ย้ายต้นไม้ได้ นับเป็นพระเจ้าแล้ว ???
ไม่ครับ มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก คนที่โหนพระเจ้าก็มี ไม่เถียงครับ ..........................แต่ แล้วคนที่ไม่โหนล่ะ ???? ยุคกลางผมมองว่ามีแต่อะไรที่คลุมเคลือ ใช้หลักฐานเท็จมากมายเข้าทำลายกันครับ คนไม่อยู่ในเหตุการณ์จริง อย่าพูดมากให้ผลการกล่าวโดยไม่รู้นั้นเป็น เท็จจะดีกว่าครับ
@lordseyren5454 เรื่องของคุณคับ
@lordseyren5454 จะเชื่อพระเจ้าก็เชื่อไป
เรียนผู้มีความเห็นผิดทั้งหลาย ขอให้ใจเย็นๆ โปรดอ่านคำตอบ และพิจารณา ใคร่ครวญ ตามเนื้อความนี้ก่อนเถิดว่าความจริงเป็นเช่นไร
ละหมาดหรือบูชาพระเจ้าทั้งชีวิตก็หลงผิดอยู่ดี เพราะคำสอนผิดตั้งแต่แรกแล้ว คำสอนที่ถูกต้องมีเพียงพุทธศาสนา
มีศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอนถูกต้อง ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงดอกเตอร์ ต่างกันตรงที่ศาสนาพุทธ ระดับอนุบาลมีดีบ้างชั่วบ้าง ระดับดอกเตอร์มีดีอย่างเดียวและมีคุณธรรมระดับสูงสุด กลับกันกับต่างศาสนาที่มีดีบ้างชั่วบ้างในระดับอนุบาล แต่ในระดับดอกเตอร์เต็มไปด้วยความหลงผิด
จะมีหรือไม่มีอบายมุข ศาสนาที่มีคำสอนที่ถูกต้อง(ศาสนาพุทธ) ผู้ที่ศึกษาก็ได้รับคำสอนที่ถูกต้องอยู่ดี
ส่วนศาสนาที่มีคำสอนที่ผิด(ศาสนาอิสลาม, คริสต์) จะมีหรือไม่มีอบายมุข ภายนอกจะสะอาดแค่ไหน ผู้ที่ศึกษาก็จะได้รับสอนที่ผิดอยู่ดี เพราะคำสอนมันผิดแต่แรกอยู่แล้ว
พูดง่ายๆคือ ศาสนาพุทธยิ่งเคร่งครัด ยิ่งดีมีคุณธรรม ตรงกันข้ามกับต่างศาสนา ยิ่งเคร่งครัด ยิ่งกระทำผิด ยิ่งหลงผิด
อยู่ที่ศาสนามากกว่า ถ้าศาสนาดีผู้นำก็จะใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างไม่ได้ เช่นญี่ปุ่นทำสงครามก็ไม่ได้อ้างศาสนาพุทธ แต่อ้างศาสนาชินโต ซึ่งเป็นศาสนาพื้นบ้าน จีนทำสงครามก็ไม่ได้อ้างศาสนาพุทธ หรือลัทธิเต๋า แต่อ้างความเป็นชาติจีน ลัทธิการปกครอง คอมมิวนิสต์
แต่ถ้าศาสนาไม่ดี ผู้นำสามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ เพราะคำสอนของศาสนาไม่ดีแต่แรกอยู่แล้ว เช่นอิสลาม คริสต์ สอนให้ทำสงครามเพื่อพระเจ้าแต่แรกอยู่แล้ว
ศาสนาไม่ดีบวกกับผู้นำไม่ดี ก็จะทำให้เกิดความวิบัติอย่างรุ่นแรง ศาสนาไม่ดีบวกกับผู้นำดี ศาสนาไม่ดีก็สามารถดึงผู้นำที่ดีให้ต่ำลงได้
ส่วนคนที่นับถือพุทธเลวๆมีโอกาสที่เปลี่ยนมาเป็นคนดี มีโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจมีมากกว่า เพราะคำสอนของศาสนาพุทธดีแต่แรกอยู่แล้ว เหลือแค่เอาเวลามาศึกษา กลับกันกับต่างศาสนาที่ยิ่งศึกษายิ่งหลงผิด อยู่ที่คำสอนของศาสนานั้นๆด้วย
ส่วนพวกศาสนาอับบราฮัม บูชาพระเจ้าองค์เดียว มีจุดมุ่งหมายในการล้างบางต่างศาสนาทั่วโลก ทำไมเป็นแบบนั้น? เพราะว่าศาสนาพวกนี้ไม่สามารถทำให้คนตรัสรู้หรือบรรลุธรรมได้ ทำให้คนพวกนี้รู้สึกไร้ค่า หดหู่ ไม่อิ่ม ไม่เต็ม โกรธ เกลียด และอยากฆ่าคนที่ไม่บูชาพระเจ้าที่เขาเชื่อว่าสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้คนพวกนี้ต้องออกมาเผยแพร่ศาสนา เพราะถ้าไม่ทำ พวกเขาจะไร้ค่า เพราะคำสอนของศาสนาเขาไม่สามารถเติมเต็มได้ ต่างจากศาสนาพุทธที่มาจากคนที่ตรัสรู้จริง รู้แจ้งโลก และสามารถทำให้คุณมีคุณค่าโดยที่ไม่ต้องไปเที่ยวประกาศ ยัดเยียด เผยแพร่ให้คนอื่นรู้ ถึงจะทำให้ตัวเองมีความหมาย และเป็นศาสนาเดียวที่สอนให้มีความเห็นถูก
เจ้าของไม่ได้ดีเสมอไป บางคนมีเจ้านายดีใช้ให้ไปทำดี เป็นประโยชน์ บางคนมีเจ้านายชั่วใช้ให้ไปทำชั่ว สร้างความเดือดร้อน องค์กรชั่วๆก็มีเยอะแยะ เจ้าของชั่วๆก็มีเยอะแยะ โลกนี้มีเจ้าของอยู่ ใครว่าไม่มี ใครมีอำนาจก็เป็นเจ้าของโลกนี้ เช่นสหรัฐอเมริกา ยิว
เขาพิสูจน์แล้วแล้วโลกนี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นธรรมดา จักรวาลไม่มีจุดเริ่ม ไม่มีจุดจบ ชีวิตเราไม่เกิดมาโดยบังเอิญ แต่เกิดมาเพราะกรรม มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เขาพิสูจน์กันไปเรียบร้อยแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ชีวิตเราเป็นไปตามกรรม คนที่ลำบากเพราะทำกรรมชั่วเอาไว้ในอดีตชาติเยอะ คนที่สบายเพราะทำบุญทำกุศล
@@Rockman-qo7zy แล้วก่อนกาลแห่งศาสนา ผู้ใดคือผู้ที่ดํารงค์อยู่แห่งอนันต์จักรวาลกันหล่ะ🤗
@foxkent1245 สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ที่ดำรงค์อยู่แห่งอนันต์จักรวาล
หัวข้อเปรียบเทียบ สร้างความขัดแย้ง สรุปว่าไม่เกิดประโยชน์
คำว่าอะไรนั่นแหละคือสิ่งที่แอดหรือมนุษย์ยังไม่เข้าใจ ในตัวพระเจ้า มนุษย์พึ่งมีความเข้าใจอะไรๆเมื่อกี่ร้อยปีมาเอง แล้วแอดยังเข้าใจผิดอีกเยอะครับ เช่นสร้างโลกเป็นความทุกข์ แอดมโนตีความไปเลยเปือยเลย 😂 แผ่นดินที่พระเจ้าจะต้อนรับมนุษย์มันใช่บนโลกสะที่ไหน....." โลกนี้แค่สนามสอบ เหมือนกันนั่นแหละในทางพุทธ ของจริงอยู่หลังความตาย โลกนี้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด
ถ้าแอดชอบเหตุชอบผลมากนัก แอดก็หาคำตอบมาเล่าสิ มนุษย์จะมีชีวิตเป็นแสนปีใด้ยังไง เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไง ไปชวนนักวิทยาศาสตร์คิดค้นหาคำตอบมาเล่าด้วยนะ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ใด้!! แล้วแอดก็ยังเชื่อมั่นในตัวพระพุทธเจ้าอยู่ ก็จงทำความเข้าใจส่ะว่า แอดแค่ยังไม่เข้าใจแค่นั้นครับ ไม่ใด้แปลว่าทุกสิ่งไม่จริงเลย "แอดปรุงแต่งมั่วเองล้วนๆ" 😄 ตามนั่นนะ
@@nisirakannarong5645 เมื่อยังไม่รู้แจ้งในสิ่งนี้ ความเข้าใจ เมื่อไม่รู้เหตุแต่เพียงเห็นผล อาจจะเข้าใจผิดเห็นผิดในเรื่องนี้ได้นะจ๊ะ😇
พระเจ้าอธิบายการเกิดจักรวาลและสิ่งมีชีวิตผิด พระเจ้าจึงไม่ได้สร้างอะไร แต่คนอธิบายเกี่ยวกับพระเจ้าได้ละเอียดยิบ เพราะว่าคนสร้างพระเจ้าครับ
ผมว่าปรับสคริปอีกหน่อยน่าจะดีนะครับ บางช่วง มีพูดงงๆแล้วแอดยังงงเองเลย อาจจะเรียบเรียงเนื้อหาปกติไปเลยก็ได้ ไม่ต้องซับซ้อนยาก เพราะสุดท้ายหลักของศาสนาพุทธ มันวนเวียนอยู่กับเรื่องของเหตุและผลนี่แหละ ซึ่ง เหตุคือเราพยามจะอธิบายยากเกินไป ผลก็คือมันงง
ส่วนตัวนะ หลักคำสอนพุทธ แค่3ตัวนี้ ก็เอาอยู่แล้วที่จะตอบคำถามทุกอย่างในชีวิตได้
1 เหตุผล (ความจริงที่เห็น ก็ต้องมีเหตุจากอดีตที่ก่อเกิดผลของความจริงในปัจจุบัน ถ้าเราเชื่อในสิ่งนี้เราก็ต้องใช้กับทุกอย่าง และมันจะตอบคำถามได้ทุกอย่างเหมือนกับสิ่วที่วิทยาศาสตร์ทำ)
2 การปล่อยวาง (ความทุกข์คืออะไร ความรักคืออะไร สิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีความสุข ความเศร้า ความทุกข์ฉะนั้น อะไรที่ทำให้เกิดอารมณ์ถ้าปล่อยวางได้ ก็ทำไป เพื่อไม่ให้ยึดติด กับ รัก โลภ โกรธ หลง (แต่อย่าสุดโต่งถึงขั้นปล่อยวางชีวิตและไปฆ่าตัวตุย และจะโยงไปข้อ3))
3 ทางสายกลาง (สิ่งนี้ใช้ตอบคำถามของทุกอย่าง เพื่อรักษาข้อ2ไว้ เนื่องจากถ้าเราเคร่งเกินไปหรืออ่อนเกินไปกับการปล่อยวาง คนที่อยากไปนิพพานจะเยอะแน่ๆ มันจึงมีไว้เพื่อป้องกันข้อ2 และมีผลกับเรื่องอื่นๆด้วย เช่น อยากได้เสรีภาพสุดๆๆๆ งั้นก็ครอบครองปืนได้อิสระเหมือนอเมริกาเลย แล้วมันจะวนไปที่ข้อ1 เมื่อคนเอาอาวุธไปก่ออาชญากรรม เหตุก็มาจากการไม่ไว้ใจรัฐที่จะมีอาวุธอยู่ฝ่ายเดียวและไม่ไว้ใจสังคม ทำให้เกิดผลคือ ปืน เสรี)
//
ผมมองว่าแค่3ข้อ มันก็กินขาดแล้ว เพราะมันใช้ตอบคำถามที่เราไม่รู้ได้แทบทั้งหมดเลย ส่วนอะไรที่เป็น อนัน infinity ก็ไม่ต้องไปสนใจมันสุดท้ายมันอยู่ในหลังข้อ1 อยู่ดี คือมีเหตุและมีผลเสมอ
ศาสนาอื่นผมไม่ได้อคติอะไรนะ เพราะทุกศาสนาก็มีมุมบางเรื่องที่สอดคล้องกับแนวคิดพื้นฐานของพุทธอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ไม่รู้หาคำตอยไม่ได้ในศาสนาอื่น มักจะโทษไปที่พระเจ้าเลยว่าเป็นคนสร้าง รับจบหมด
ซึ่งพุทธ อะไรที่ไม่รู้ มันก็ต้องมีเหตุอยู่แล้ว ถ้าไปย้อนเหตุการณ์อดีตของมัน มันก็จะเจอเหตุอยู่ดี
ตัวอย่าง
การที่สงครามตะวันออกกลางมันไม่หายไปสักที มันก็มีเหตุและปัจจัยอะไรต่างๆนาๆที่สะสมมาตั้งแต่อดีต ซึ่งจะตามไปแก้ที่ต้นเหตุก็ยาก เพราะมันนานมากแล้ว พุทธมันบอกให้ปล่อยวางไง แล้วป้องกันด้วยทางสายทางอีกที นั้นแหละคือสิ่งที่ผมเข้าใจในศาสนาพุทธ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และผมก็ไม่ได้มองว่าพุทธยิ่งใหญ่กว่าศาสนาอื่นอะไร ผมแค่มองว่า "เออศาสนาพุทธมันก็เก๋นะ ที่สามารตอบคำถามได้แทบทั้งหมด ด้วยหลักคำสอนแค่ไม่กี่ข้อ"
สงครามตะวันออกกลาง ถ้าคุณดูโลกด้วยกล้อง Geo gravity เดี๋ยวก็เข้าใจเองครับ ว่าที่จริงเกิดจากอะไร ?? (ทองใต้ดินเป็นเทือกเขาใหญ่ๆ น้ำมันอีกมากมายมหาสาร กว่าที่เห็นได้จากการขุดปัจจุบัน)
แอดพูดคล้ายๆอ.เสถียร โพธินันทะเลย
ลอก อ.เสถียร มาทั้งหมดครับ ผมจำได้หมด
ผมติดตามมาตลอดครับ แต่ขอติเพื่อก่อนะครับ ในคลิปเรากล่าวได้ว่าในศาสนาอื่นพระเจ้าของศาสนานั้นบอกว่าอะไรคือจุดกำเนิดของโลก เราก็แค่กล่าวในบริบทของการให้ความรู้ก็พอครับ เพราะบางคนอาจจะยังไม่รู้ แต่ ผมคิดว่าไม่สมควรเอามาเปรียบเทียบกัน ว่า ของเราพิสูจน์ได้อย่างนั้นของเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างนี้ไม่จริงอย่างนั้นไม่จริงอย่างนี้เรื่องแบบนี้มันนานาจิตตังครับ การเปรียบเทียบแบบนี้อาจจะสร้างความแตกแยกของคนแต่ละกลุ่มได้ครับ จากคนนับถือศาสนาพุทธบวชเรียนหนึ่งพรรษาครับ ปล. โดยเนื้อแท้แล้วทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีครับ
เยี่ยม
แบ่งส่วน 4ทวิปในโลกใบนี้ มีสามประการ เช่น ความคิดทางขั้นแรกในยุคหิน คือความไม่รู้ของมนุษย์แรก เรียกว่า อวิชชา สู่ได้ถึง วิชชา มีอยู่ในยุคทองแดง ยุคเงิน ยุคทอง หรือ มิจฉาวิชชา เรียกว่า กลียุค หรือ สัมมาวิชชา เรียกว่า ยุคศรีวิไล / ความคิดทางสมมุติฐาน เรียกว่า สร้างอาณาจักรโดยสมมุติของพระเจ้าต่างๆ / ความคิดทางวัฒนธรรม เรียกว่า ศรัทธาธรรม และความคิดทางอิสรภาพและสร้างสรรค์ เรียกว่า มนษย์แห่งอิสรภาพก่อนรอพิสูจน์ให้ต่อไปกาล เรียกว่า กลับ
วัสดุที่หายากที่สุดในโลก คือ "ทองคำและเพชร"
แต่สำหรับทั้งจักรวาลแล้ว วัสดุที่หายากที่สุดในโลกกับเป็นเพียงแต่ "ต้นไม้และใบหญ้า"
ลัทธิเทวนิยมบอกว่า พระเจ้าสร้างโลก, จักรวาล, แค่วันเดียว😮😮 โลกวิวัฒนาการจากเศษซากอุกกาบาต ยุคแรกโลกเป็นก้อนหินร้อนเป็นไฟ ต่อมาก็เย็นลง โชคดีของโลกเราที่มีอุกกาบาตชน ทำให้โลกมีสนามแม่เหล็กอันทรงพลัง, ต่อมาโลกเย็นลงก็เป็นยุคน้ำแข็ง, ยุคต่อมาโลกอุ่นขึ้นน้ำแข็งละลาย, ยุคต่อมาเกิดฝนเกิดทะเล มหาสมุทร วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตขึ้น พืชพันธุ์ธัญญาหารก็เกิดขึ้น จนมนุษย์เกิดขึ้นมาในปัจจุบัน 4000ล้านปีกำเนิดของโลกไม่ใช่พระสร้างขึ้นมาวันเดียว❤🎉❤🎉❤🎉
ลัทธิเทวนิยมไหนครับ มีตั้งหลายแนวคิดปลีกย่อย อ้างคำสอนก็ต้องอิงจากหลักฐานที่สืบค้นได้ด้วยครับ ไม่ใช่กล่าวว่า "เขาว่า..." โดยไม่มีที่มาที่ไป
@@theKaf-a พวกนี้ชอบเหมาครับ เป็นนิสัยของเขา
: ที่ว่าพระเจ้าสร้างขึ้นมาภายในวันเดียวนี่ก็น่าคิด สําหรับคนที่เชื่อศาสนาอื่น
: ถ้าหากลองวกกลับมาดูทางศาสนาพุทธที่ว่า👉 เวลาของพระเจ้าหรือ( เทวดาบนสวรรค์)หนึ่งวันของเขาเท่ากับกี่ปีของมนุษย์บนโลกมีสอน เคยได้ฟังว่า👉หนึ่งวันของเทวดาบนสวรรค์เท่ากับ50~100ปีของโลก X เอาครับและดูว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่าอื่นน่าจะเกิดตอนไหน
แต่คิดไปก็สมองปวดครับ มันไม่จบสิ้น เหมือนพุทธว่าไว้ มัวแต่ค้นหาที่มาจนลืมใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท นั่นล่ะครับที่แอดว่า หากมีพระเจ้าหรือเทวดา ก่อนจะมาสร้างมันก็จะต้องมีที่มาของท่านก่อนเช่นกัน 😫
@@山本美桜-w5t พระเจ้า = จักรวาล เป็นสิ่งมีชีวิตครับ ไม่ใช่นิติบุคคลแบบ เทวดา คนละคำอธิบายเลยครับ
เกิดจาก Stand “The world”
ผมเริ่มฟังความคิดของแอดมินตอนผมบวชฟังอยู่ในตอนเป็นพระปีกว่าไตรแอบเปิดวิดีโดของแอดผ่านลำโพงของวัดในช่วงเช้าของวันพระ...พยายามเข้าใจความคิดของแอดมินจนพอเริ่มเห็นว่าทันเป็นแนสทางจองพระธรรม....ขอบคุณครับ ออออเริ่มฟังพระอาจารย์ผศึกฤทธิท่านสอนหลักธรรมที่เข้าใจง่ายไม่มีจัดแย้ง...ต่อมาช่องของแอดมินก็โพล่งขึ้นมาวิทธยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนาจากนั้นก็❤❤❤
ปัญหานี้ตอบได้จากการตรัสรู้ในคืนแรกและยามแรกครับ พระพุทธเจ้าท่านใช้บุพเพนิวาสญานย้อนหาอดีตชาติไปเรื่อยๆแต่ไม่พบ ท่านระลึกชาติไปถึงชาติที่1ล้านก็มีชาติที่ล้าน1รอให้ระลึกอยู่ จนในที่สุดท่านสรุปว่าไม่สามารถหาจุดตั้งต้นของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลได้เนื่องจากเกินความสามารถของสมองของมนุษย์ เหมือนกับใครสามารถบอกตัวเลขที่มากที่สุดได้ไหมครับ
ฟังแล้วเหนื่อยแทน😂😅
ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-ปะ-บาด
*ลอกอาจารย์เสถียร มาทั้งคลิปเลยนิหว่า😅😅😅*
ไม่จำเป็นต้องไปเถียงกับใครหลอกครับ ใครจะเชื่ออะไรก้แล้วแต่เนอะ
สำคัญที่สุดคือตัวเราทำตามวิธีที่ตนยึดดีแล้วในแนวทางที่ไม่เบียดเบียนใคร ก็พอ
คนที่ชอบเอาวิทยาศาสตร์มาห่มตัว
พอถูกทดสอบแล้วมีจริงน้อยมาก
ที่จะเชื่อในวิทยาศาสตร์จริงๆ
ส่วนใหญ่แค่บอกว่าเชื่อวิทยาศาสตร์เพื่ออ้างความชอบธรรมในสิ่งที่คิดไปเองมากกว่า😂
❤🎉🎉🎉
จิตเป็นต้นกำเนิดความไม่รู้ทำให้จิตกระโดดเข้ามาในจักรวาล เกิดได้เพราความไม่รู้ กำแรกเกิดจ่กความอยากตัวเดียวจึงเกิดกรรมอื่นๆตามมา เนื้อหลังดินน้ำเกิดจากปัทวีทาสหรือทาตุที่ทำให้เกิดมวล หรือประฐมธาตุ
กุรั่วเลย พระเจ้าสร้างโลก แล้วโลกแบนด้วย สงสัยอยู่คนมัลติเวิร์ส😂
พระเจ้าแบบนิติบุคคล ❌
พระเจ้าเป็นจักรวาลทีี่มีชีวิต (ใช้คำว่า ธรรมชาติ ต้องครอบคลุมออกไปจนถึงดวงดาว และระบบดวงดาวทั้งหมด)✅
มันจะเหมือนกับคำถามที่ว่าอะไรสร้างธรรมชาติครับ........... (ไม่มีทางหาข้อยุติได้ เพราะมันคือสิ่งสูงสุด ของทั้งคู่)
ความเชื่อว่ามีผู้สร้างโลก เป็น 1 ในความเชื่อที่จริง "ยาก" ที่สุดครับ (นับแต่เริ่มมีคนแรกกำเนิดบนโลก คนที่เชื่อว่ามีผู้สร้าง (ในนิยามได้ถูกต้อง) 1 ใน 1000 ยังไม่ถึงเลยครับ นั่นคือปริมาณของ ผู้มี - ไม่มีปัญญา ตามมุมมองของฝั่งมีผู้สร้าง และการเชื่ออย่างนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ นอกเสียจากคนที่ใส่ใจ และ ละเอียดในการสังเกตุเท่านั้นจึงเข้าใจได้ จะไม่ตอบง่ายๆแบบหักมุมแน่นอน)
ปล.หลักวิทยาศาสตร์ เราไม่ได้อ้างทั้งหมดแน่นอนครับ เพราะว่า วิทยาศาสตร์ มีขีดจำกัดแค่การที่เราไม่สามารถออกไปนอกของโลกนี้ได้ แม้กระทั่งกำเนิดดาราจักร (นี่ถ้าพูด นี่ก็เคลมเช่นกัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ เพราะอีกฝ่ายก็กำลังเคลมอยู่ไม่ได้ต่างอะไรกันครับ) ก็ไม่เหมือนเช่นกัน และที่จริง bigbang นับเป็นคนละ สเกลไปแล้วด้วยซ้ำ
...........โลกนี้เป็นทรงกลม จุดกลาง ไม่สมควรตอบครับว่า เอาจุดไหนก็ได้เป็นศูนย์กลาง เพราะคุณ มองแค่ 2 มิติ ไม่ได้มอง 3 มิติ ถ้าคุณมอง 3 มิติ จุดกลางของโลก ย่อมอยู่ใต้โลกครับ (ตอบแค่ 2 มิติ เป็นเรื่องที่ผิดชัด ไหนจะเวลาอีก ที่ยังไม่ใส่เข้ามาเลย)
9.15 เราไม่ได้เชื่อว่าวิทยาศาสตร์ ถูกอยู่แล้วครับ (แล้วแน่นอน คุณมองว่าอะไรไม่เข้ากับวิทยาศาสตร์ ย่อมเป็นความไร้ปัญญา ซึ่งเปี่ยมด้วยแนวคิด และมุมมองของตัวเอง ไม่ต่างกัน) เพราะขนาดวิทยาศาสตร์ยังคงมีการค้นพบใหม่ตลอด จะเอาอะไรมาวัดครับว่านี่ถูกต้องสูงสุด ไม่มีจุดไหนสูงกว่าแล้ว ???
..........................ถ้า พระเจ้า (จักรวาลที่มีชีวิต ไม่ใช่นิติบุคคล) เกิดขึ้นเองได้ ทำไมสิ่งอื่นจะเกิดขึ้นเองไม่ได้ ????
........................
คำตอบครับ : เหตุคือ ไม่มีสิ่งใดในระบบนิเวศน์ ไม่สัมพันธ์กันครับ ป่าชายเลน ย่อมเกิดจาก การบรรจบกันของ น้ำทะเล และ น้ำจืด หรือ ป่าชนิดนึงชนิดใด จะบรรจุ สรรพสัตว์ ชนิดนั้น ที่เค้าสามารถอาศัยอยู่ได้ (ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่ออยู่) นั่นคือทุกอย่างไม่ได้อยู่เพื่อแย่งชิงกันครับ
16.00 นั่นแหละครับปัญหา เพราะคุณแค่ไม่พอใจว่า " ทำไมฉันเกิดมาต้องเจอความทุกข์ ไม่เกิดมาแล้วมีแต่สุข ฉันไม่สรรเสริญ สิ่งที่ทำให้ฉันทุกข์หรอก " คือ คุณไม่ต้องเข้าใจหรอกครับว่า จะเรียกจักรวาลนี้ว่าพระเจ้า หรือ ธรรมชาติ
.......เพราะ นั่นเท่ากับ คุณ " ปฎิเสธ " การบัญญัติ ของธรรมชาติ และ ธรรมะ ในมุมมองของคุณคือ "อวิชชา" ไปเลยเช่นกันครับ......
( เพราะคุณบอกเองว่า ทุกสิ่งอุบัติขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่คุณบอกว่าทุกข์มีในมุมมองของการมีผู้สร้าง ผมจึงตัดมุมมองนั้นออก ให้เหลือมุมมองของคุณ คำตอบมันก็จะเหมือนกันครับ ธรรมชาติ (ธรรมะ) = อวิชชา )
กลับกันในมุมมองของผู้เชื่อว่ามีพระเจ้า (ผู้สร้าง) นะครับ เราเชื่อว่าโลกนี้แค่โลกแห่งการ "ทดสอบ" คำถามคือทดสอบอะไร ? ทำไมต้องถูกทดสอบ ? มีสิทธิอะไรมาทดสอบ ?
.......อันนี้ต้องตอบตรงตัวครับ เพราะ ความคิดของสิ่งมีชีวิตมีสติปัญญา ที่เป็น "อิสระ" อย่างชัดเจนครับ " มันก่อความเสียหาย " ให้กับ ธรรมชาติ (ในที่นี้ของคนเชื่อในพระเจ้าคือ "ระบบนิเวศน์") ได้นะสิครับ ................ ฉะนั้นจึง ต้อง ทดสอบ / ทดลองก่อนว่า จะเชื่อฟังมั๊ย ? .................... ว่าไม่ให้ก่อความเสียหาย ต่อระบบ และแม้กระทั่ง เผ่าพันธุ์ของตัวเอง (ยกเว้น ผู้ปฎิเสธ ศรัทธา หรือ ผู้ทีี่่ ไม่ได้เชื่อเหมือนกัน เค้าก็จะไม่ปฎิบัติตามครับ และเค้า ก็จะยังทำความเสียหายต่อไป โดยที่ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา)
@@lordseyren5454 พระเจ้าของอับราฺฮัมเป็นแบบนิติบุคคลน่ะสิครับ
@@rit2025 ไม่เป็นครับ คุณเข้าใจผิดเอง
"พระเจ้าเป็นจักรวาลทีี่มีชีวิต" ? มีระบุไว้ตรงไหนของ คำภีร์ไหน เชื่อได้แค่ไหน พิสูจน์อย่างไร?
"จะเอาอะไรมาวัดครับว่านี่ถูกต้องสูงสุด" วัดด้วย สมมุติฐาน, พิสูจน์ หรือทดสอบ, ผลลัพท์ ,นิยาม และ ข้อสรุป
" สรรพสัตว์ (ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่ออยู่) นั่นคือทุกอย่างไม่ได้อยู่เพื่อแย่งชิงกันครับ" ???? เอาข้อมูลมาจากไหนครับ ในคำภีร์ หรือคิดเองครับ อืมมมมม สารคดีต่างๆ ก็มีออกจะเยอะแยะ ผมเห็นต่างอย่างโดยสิ้นเชิง!!!!!
@@compileman2 ก็ไม่ได้เชื่อในสารคดีไงครับ .............
----- "พระเจ้าเป็นจักรวาลทีี่มีชีวิต" ? มีระบุไว้ตรงไหนของ คำภีร์ไหน เชื่อได้แค่ไหน พิสูจน์อย่างไร? -----
ระบุไว้ชัดครับว่า ไม่ได้เป็นนิติบุคคล และด้วยทุกคุณลักษณะ ใหญ่กว่าชั้นฟ้า (ในภาษาโบราณนี้ กล่าวถึงทางช้างเผือก ที่คนเห็นได้ในสมัยนั้นครับ ) และ นรก ที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้น ก็ถูกยกมาเช่นกัน
--- สรรพสัตว์ไม่ได้วิวัฒนาการเพื่ออยู่ ? --- แน่นอนครับ ข้อมูลนี้คือการ "ห้าม ในอาหาร" ครับถ้าหากคุณบัญญัติ อาหารขึ้นเอาเอง จะไม่มีคนใดบนโลก กินสิ่งที่เป็นพิษได้เลยครับ เพราะทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งใด กินแล้วเป็นโทษ สิ่งใดกินแล้วเป็นประโยชน์ครับ ในโลกสรรพสัตว์ ก็เช่นกันครับ
................ไม่ได้คิดเองสิครับ ผมเห็นต่างโดยสิ้นเชิงเช่นกันครับ !!!!!!
คุณพูดได้ค่อนข้างดีครับบางอย่างยังมั่วอยู่หน่อยๆแต่ยอมรับได้ เรื่องปฏิจจสมุปบาทคุณต้องศึกษาให้ลึกกว่านี้อีกหน่อยนะครับ
ผมมองว่าปัญหาที่เรายังตอบไม่ได้คือระบบที่มันเป็นเหตุเป็นผล ทั้งธรรมชาติ และร่างกายเรา/สัตว์ต่าง ๆ ที่ทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีสองเพศ มีมือที่สามารถหยิบของได้ มีระบบร่างกายที่ทำงานด้วยตนเองได้ มีระบบย่อยที่สามารถย่อยสิ่งของที่งอกขี้นมาจากโลกเช่นผลไม้ หรือย่อยสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น วัวมาเป็นพลังงานได้นั้นมันไม่สามารถเกิดโดยบังเอิญได้ ขนาดโทรศัพท์มือถือที่ซับซ้อนน้อยกว่าเราไม่รู้กี่เท่ายังไม่สามารถเกิดขึ้นด้วยตนเองได้ แล้วมนุษย์เราจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
อย่าเข้าใจผิดว่าผมพยายามมาแซะอะไรนะครับ ผมแค่มาหาความจริง ไม่สนใจอยากเถียงหรือเอาชนะใคร
อาจารย์พุทธทาสท่านจึงได้เสนอให้ศาสนาพุทธยึดเอา “อิทัปปัจจยตา” เป็น “พระเจ้า” โดยอธิบายในหลัก “ภาษาธรรม” ว่าเป็นพระเจ้าแบบ “ไม่มีตัวตน” ต่างจากศาสนากลุ่มเทวนิยมหรือกลุ่มอับราฮัมที่บอกว่าพระเจ้า “มีตัวตน”
ผมเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่อยากให้เสียเวลาหาเพราะมันดับทุกข์ไม่ได้ และมันพิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าคนเคยศึกษาศาสนาคริสต์ก็จะเห็นว่าเรามีหลักฐานที่ดีพอสมควรเลยว่ามีคนชื่อเยซูมาเกิด 2,000 ปีที่แลัว - เคลมว่าตนเป็นพระเจ้า - สอนหลักการใช้ชีวิตที่ดีมากจนเถียงไม่ได้ว่าสอนอะไรผิดสักอย่าง - ถูกตรึงกางเขนตาย - และฟื้นคืนชีพในวันที่ 3 เพื่อยืนยันสิ่งที่ตนเองเคลม - ลูกศิษย์ที่ไม่เคยเชื่อก็เชื่อ และยอมตายเพื่อพิสูจน์ความเชื่อกันมาเป็น 100 ปีจนกระทั่งโรมันมายอมรับในภายหลังให้นับถือศาสนานี้ได้
ถ้าเรามองจากมุมนี้ มันก็มีหลักฐานที่ดีพอสมควร ไม่ได้ทำให้เราเสียเวลาไม่ใช่หรอ?
ย้ำอีกทีหวังว่าจะได้สนทนากันอย่างมีเหตุผลเพื่อหาความจริงนะครับ ใครมาชวนทะเลาะ ด่า ดูถูกผมขอไม่ตอบกลับครับ
หญิงพรมจารีท้องโดยไม่มีพ่อเมื่อ 2,000 ปีที่แล้วมันเป็นไปไม่ได้แค่ 20 ชั่วอายุคนกว่าๆ ไม่น่าเชื่อถือ ส่วนคำสอนก็ทั่วๆไปที่ที่คน 2000 ปีที่แล้วก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ยกเว้นเรื่องโลกแบน
ผมเป็นพุทธนะครับ นิพพานที่ว่า คือ การ"หลุดพ้น"จริงๆคือหลุดพ้นจากจาก"อวิชชา"ซึ่งเป็น"ต้นเหตุแห่งทุกข์"ครับ ผมมองว่าพุทธกับคริสตร์และอิสลาม นั้นสอนเรื่องอวิชชาและบาปกำเนิด (SIN) หรีอนัฟซู คือ สิ่งที่จูงใจให้มนุษย์ทำบาป ว่ามีรากฐานมาจาก ราคะ(กามรมณ์) โทสะ(ความโกรธ) โมหะ(ความหลงตัวอวดดี) โลภะ(ความโลภ) ถีนมิธะ(ความขี้เกียจ) ริษยา(ความไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดีกว่าตน) ตะกละ(ความไม่รู้จักพอในการบริโภค) [ผมไม่ค่อยรู้ศัพท์ของอิสลามนะขอโทษที] หากจุดหมายสูงสุดของพุทธ คือ นิพพาน งั้นเราควรละ "อัตตา" ความเป็นตัวตนและกำจัดมูลเหตุแห่งอวิชชา ซึ่งก็คือ เป้าหมายและแก่นของศาสนาพุทธ ถ้าอวิชชาหรือ SINหรือนัฟซู คือเป้าหมายเดียวกันที่ทั้งพระพุทธเจ้าและพระเยซูและนบีมูฮัมมัดต้องการจะจำกัดไม่ให้มันก่อเกิดปัญหาต่อสังคม งั้น"ศาสนา"ที่อยู่ทางฝั่งธรรมะเหมือนกันอย่างชัดเจนก็สามารถนำจุดเด่นมาร่วมมือกันได้ การกำจัดอวิชชาไม่ว่าจะด้วยหลักศรัทธา+เมตตาของพระเยซูก็ดี หรือ หลักปัญญา+สติของพุทธก็ดี หรือ หลักศีล + ซะกาตของอิสลามก็ดี ล้วนส่งเสริมให้กำจัดอวิชชาได้เร็วขึ้นและช่วยมนุษย์ชาติจากความทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น ผิดกับการร่วมมือกับศาสนา"ผี" อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น การส่งเสริม อัตตา+ความเกลียดชัง+ความแตกแยกในหมู่มนุษย์ ที่มีแต่จะไปส่งเสริมศาสนาของท้าววสวัตตี[ซาตาน]เสียมากกว่า สิ่งที่ผมเห็นคือ ธรรมะ (เมตตา ศรัทธา , สติ ปัญญา , ศีล และการเสียสละ )กับ อธรรม(ความเกลียดชัง ความหลงผิด ความโลภ ราคะ ฯลฯ)มากกว่า และเพราะศาสนาคริสตร์กับอิสลามจึงไม่มีทาสในปัจจุบัน เพราะความเชื่อเรื่องที่พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคนเสมอกัน (ความเป็นทาสทางกฎหมายพึ่งจะหมดไปจากโลกนี้ไม่เกิน 200 ปีที่ผ่านมา) อย่างนบีมูฮัมมัดก็เคยเป็นต้นแบบเลิกทาสที่เมืองมะดีนะห์ก็ถือว่าเป็นมหาสัตบุรุษในการกำจัดทุกข์ที่มีคุณานูปการต่อมนุษย์ชาติ เช่นกัน ในศาสนาพุทธ ไม่ได้มีแค่พระพุทธเจ้า แต่ยังมีพระมหาโพธิสัตว์ผู้จะกลับมาในอนาคตอันใกล้และพระเจ้าจักรพรรดิผู้บรรยัติกฎหมายจากหลักศีลธรรมให้เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ซึ่งแต่ละท่านลงมาทำหน้าที่ที่ต่างกันแต่โดยเบื้องลึกแก่นแท้แล้วล้วนส่งเสริมกันทั้งสิ้น (เราจะเห็นว่า แม้คำสอนของศาสดาท่านจะไม่ได้กลายเป็นศาสนาของทุกคน แต่เจตจำนงค์ของแต่ละท่านค่อยๆแทรกซึมให้มนุษย์ได้ตระหนัก แล้วโน้มนำเข้าสู่หนทางที่แท้จริงขึ้นเรื่อยๆทีละหน่อยๆ อย่างตอนนี้การฆ่ามนุษย์บูชายัญ และการจับคนเป็นทาสได้หมดไปจากโลกแล้ว อีกหน่อยยิ่งใกล้ยุคพระศีรอริยะเมตตรัย สิ่งต่างๆจะเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้ เช่น อบายมุขทั้งหลาย การค้าประเวณี สุรา ยาเสพติด...etc ก็จะหายไป)
เหมือนหากเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นได้มาจากวิทยาศาสตร์หลายๆแขนงที่ส่งเสริมกันในปัจจุบัน สมัยก่อนนักเล่นแร่แปรธาตุ(ที่กลายมาเป็นวิชาเคมีในปัจจุบัน)ก็เคยมาเถียงกับชุมชนงานฝีมือเมคานิกส์(ที่กลายมาเป็นฟิสิกส์ในปัจจุบัน) เคยมีประวัติว่าทะเลาะกันถึงขั้นจะก่อสงครามด้วยซ้ำเพราะมองกันคนละมุม และก็ไม่ยอมลงมาดูหลักฐานว่าอีกฝ่ายค้นพบอะไรที่ตัวเองมองไม่เห็น
ผมสงสัยadminของเว็ปนี้ว่าทำไมจงใจตีความพระเจ้า = อวิชชา ทั้งๆที่ *ศาสนาคริสตร์สอนต่อต้านอวิชชา(SIN)อย่างชัดเจน* ดูนาทีที่ 13.02
องค์ความรู้ที่ศาสดาแต่ละท่านสอน ที่ดูเหมือนจะต่างกัน แต่เพื่อให้ถึงแก่นเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย สามารถเกลื้อกูลกันได้ แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ดันบรรยัติองค์ความรู้และจำกัดความมันไว้ด้วยคำว่า"ศาสนา"เอามาแบ่งแยกและจำกัดกันเองแทน มากกว่าที่จะเอามาเกื้อกูลกัน
@@Charoen-ej7vj ถ้าปาฏิหารย์แรก (กำเนิดของโลกและมนุษย์) เกิดขึ้นจริงได้ ปาฏิหารย์อื่นก็เกิดขึ้นได้ครับตามหลักตรรกะธรรมดา
คำถามชวนคิด: ทำไมเราถึงเชื่อว่ามีชาติหน้าทั้งที่ไม่มีหลักฐานที่งัดออกมาพิสูจน์ได้เช่นกัน?
@@prachayaputtapanasub1113 ผมเรียนก่อนว่าผมชอบศาสนาพุทธมากนะครับเพราะหลักคำสอนหลายอย่างพิสูจน์ด้วยตนเองได้ แต่ผมก็ยังตอบคำถามไม่ได้อยู่ดีว่าการมีอยู่ของ “พระเจ้า” ไม่สมเหตุสมผลตรงไหน เพราะตามตรรกะแล้วมันต้องมีผู้สร้าง ถ้าจะบอกว่าเป็นอนันต์ แล้วทำไมอนันต์มันถึงมีแบบแผนให้เราชัดเจนขนาดนี้ เรามีร่างกายที่เป็นระบบระเบียบซับซ้อนมาก ๆ ทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง และสามารถใช้วัตถุดิบในโลกตามธรรมชาตินี้เป็นพลังงานได้ด้วย มันจะเกิดจากแค่ “เหตุ” ได้อย่างไรหรอครับ?
ถ้าจะถามว่าใครสร้างผู้สร้างก็ไม่สมเหตุสมผลอีก เพราะศาสนาคริสต์ อิสลาม ยิวก็ระบุชัดเจนว่าพระเจ้าไม่มีจุดเริ่มต้น (Uncaused-cause)
คุณยังไม่ได้ศึกษาละเอียดครับ พระสูตรกล่าวไว้ละเอียดตั้งแต่ก่อนเกิดเป็นมนุษย์ เป็นอะไรมาก่อน แท้จริงแล้วมนุษย์ก็คือพรหมหรือพระเจ้านั่นแหละ เป็นพรหมไม่มีอวัยวะเพศหญิงชาย ก่อนจะเกิดโลกแล้วลงมาติดในรสชาติ จากนั้นร่างกายก็หยาบจากเดิมเคยเหาะได้ก็เหาะไม่ได้ จากนั้นจึงเริ่มทำการเกษตร แล้วเพศหญิงชายก็ปรากฏขึ้น เมื่อมองกันไปมาก็เกิดตัณหา ก็เสพสังวาสกัน จากนั้นมนุษย์ก็มีการตั้งครรภ์และคลอดลูก
ต้องใช้สมาธิฟังดีๆไม่งั้นจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยครับ ขอบคุณครับ
ความคิดส่วนตัวนะครับ**
ธรรมชาติสร้างโลกและสร้างสิ่งมีชีวิตที่คอยค้ำจุนโลกโดยไร้อคติและมีประโยชน์ร่วมกันเสมอ
แต่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากธรรมชาติของโลกใบนี้ (อาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่ส่วนมากจะคิดไม่ดีต่อโลกและธรรมชาติ) มนุษย์ล้วนกลัวเพราะไม่รู้ก็ไม่แปลกครับ เหมือนที่เราไม่รู้ว่าความตายมันเป็นยังไงเราจึงกลัว
อวิชา (ความไม่รู้) เลยบังเกิดความอยากรู้ขึ้นมา) จึงสร้างวิทย์ และวิทย์ถูกสร้างโดยมนุษย์แม้จะสร้างจากธรรมชาติก็ตาม มนุษย์จึงสร้างสิ่งที่ไม่ควรต่อโลกต่อธรรมชาติครับ ธาตุบางธาตุไม่ควรเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ถึงมันจะมีอยู่ปกติในเอกภพใบนี้มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากมายก็ตามแต่เราไม่รู้เลยว่ามันจะให้โทษแก่ธรรมชาติในอนาคตและไม่รู้เลยว่าจะส่งผลกระทบขนาดไหน ธรรมชาติจึงมีวิธีจัดการโดยธรรมชาติเสมอเพื่อรักษาสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาครับ และคำว่าธรรมในหลักพุทธ ลึกซึ้งแล้วคือ"ธรรมชาติ" ครับ
ปล.โคตมจึงบอกว่ามนุษย์เกิดจากอวิชา เพราะมนุษย์ไม่รู้จึงเกิดความอยากรู้โดยไม่สนในเหตุและปัจจัย จึงสร้างการกระทำ (กรรม) ที่ขัดต่อหลักธรรมชาติ (ธรรม) ครับ 🙏🏻
เกิดเป็นคน จะรู้โลก ต้องเห็นผี
ตายเป็นผี จะครองโลก ต้องเห็นคน 🎉
ผีไม่มีจริง
คติ 5
1 เทวดา
2 มนุษย์
3 เปรต
4 เดียรัจฉาน
5 สัตว์นรก
@@Formalynn_ ผี = เป็นเพียง ชื่อเรียก ให้ผู้คน ได้เข้าใจ ง่ายขึ้นครับ
ผี คือ สรรพนาม ใช้เรียกแทนสิ่งใดสิ่งนึง ที่อธิบายไม่ได้ แค่นั้นครับ
เช่น
พระภูมิเจ้าที่ เทพเจ้า พรหม เทวดา วิญญาณบรรพบุรุษ = ผี
ผีปอบ ผีกระสือ ผีเปรต=ผี
สัตว์นรก หรือ อสุรกาย = ผี
เพราะเมื่อเราไม่รู้ชื่อ ที่จะใช้เรียกสิ่งนั้นๆ ไร้รูปร่าง ไร้สะสาร จึงต้องเรียกว่าผี เปนการเรียกเหมารวมไปครับ ใช้ในการอธิบาย ได้ง่ายกว่า จะมาจำแนกชนิด
@@Formalynn_ผีมีจริง ที่คุณพูดมามีเพียงมนุษย์ที่ไม่ใช่ผี นอกนั้นเป็นผีหมด
ความเชื่อพระเจ้านี่เป็นอะไรที่โบราณมาก คนเชื่อก็ไม่ต้องใช้ปัญญาอะไรมากแค่เชื่อไม่ต้องสงสัยไม่ต้องพิสูจน์ง่ายๆ ไม่แปลกใจที่พวกมักง่ายมันจะนับถือแบบนีั เพราะไม่ต้องมีปัญญา มีแค่ความเชื่อก็พอ
ไม่โบราณครับ เพราะความเชื่อนี้ ถ้าไม่สอนให้มองจริงๆ คนไม่ถึง 1 ใน 1000 ด้วยซ้ำ ที่จะเข้าใจ ถามได้ทั่วไปครับ จะตอบเหมือนกันเป็นส่วนมาก " ว่าสิ่งที่เราเห็น มันก็เป็นอยู่อย่างนี้มาแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ?? " ไม่ใช่บอกว่ามีผู้สร้างครับ เพราะ มันต้องใช้ปัญญาอันลึกซึ้งมากๆ กว่าจะบอกได้ แถม โอกาสผิดก็มีสูงด้วยอีก อันเนื่องมาจาก การไปเอา "สิ่งที่มนุษย์สร้างกันเองมาเป็นปัจจัย ในการคิดครับ"
@@lordseyren5454เห็นทุกคอมเม้นท่านเป็นทุกข์อะไรหรือไม่
อย่ามามโนว่าพุทธเข้ากับวิทยาศาสตร์ได้
ความจริงคือ วิทยาศาสตร์เข้ากับพุทธได้มากกว่า เพราะพุทธมีมานานก่อนมีวิทยาศาสตร์อีก
ระวังคำว่า “วิญญาณเวียนว่ายตายเกิด” ให้มากๆนะครับ
สิ่งนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิที่ชาวพุทธยังเห็นกันผิดๆอยู่
ทั้งๆที่ วิญญาณ คือธาตุรู้ รู้ในอารมณ์ต่างๆ ธาตุต่างๆ
ซึ่งสิ่งที่เข้าไปรู้ได้ รู้สึกได้ ก็เป็นของไม่เที่ยงเช่นเดียวกัน
ของที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรม
มันก็ไม่ควรที่จะยึดว่านั่นคือตัวเราของเรา ใช่ป่ะครับ
ฉะนั้น ใคร่ครวญในธรรมข้อนั้นดีๆนะครับ
วิญญาณเวียนว่ายตายเกิดนั่นแหละครับ เอาแบบที่คนเข้าใจตรงกันดีแล้วครับ
วิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่ท่องเที่ยว
สาติ ได้ยินว่าเธอมีทิฏฐิอันชั่วเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมแล่นไป ย่อมท่องเที่ยวไป หาใช่สิ่งอื่นไม่ดังนี้ จริงหรือ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า วิญญาณนี้แหละ ย่อมแล่นไป ย่อมท่องเที่ยวไป หาใช่สิ่งอื่นไม่ดังนี้ จริง.
สาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลายทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.
โมฆบุรุษ เธอรู้ทั่วถึงธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแล้วแก่ใครเล่า โมฆบุรุษ วิญญาณเป็นปฏิจจสมุปปันนธรรม (สิ่งที่อาศัยปัจจัยแล้วเกิดขึ้น) เราได้กล่าวแล้วโดยอเนกปริยาย ถ้าเว้นจากปัจจัยแล้ว ความที่เกิดขึ้นแห่งวิญญาณ มิได้มีดังนี้ มิใช่หรือ โมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วย ขุดตนเสียด้วย จะประสบสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว โมฆบุรุษ ก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เธอตลอดกาลนาน.
………..
(บาลี มู. ม. ๑๒/๔๗๕-๔๗๙/๔๔๒-๔๔๕.)
พระองค์แสดงว่า วิญญาณ เป็นปฏิจจสมุปันธรรม
คือเกิดเพราะเหตุปัจจัย และจะดับไปก็เพราะเหตุปัจจัย
มันเกิดดับอยู่ตลอดเวลาครับ ไม่ใช่สิ่งที่แล่นไป หรือท่องเที่ยวไป
กาาเวียนว่ายจึงใช้กับ วิญญาณ ในความเห็นพระองค์ไม่ได้
ฉะนั้น อยู่ที่คุณเองจะเลือกเอาที่คนส่วนใหญ่(ปุถุชน)เข้าใจ
หรือเลือกใคร่ครวญในสิ่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้และเข้าใจ
วิญญาณคือสิ่งที่เวียนว่ายตายเกิดนี่แหละครับ เอาแบบที่คนเข้าใจ เหมือนที่คนเรียกผงซักฟอกว่า แฟ้บ นั่นแหละครับ เมื่อคนเข้าใจว่าแฟ้บคือผงซักฟอกมันก็คือผงซักฟอก ถึงแม้แฟ้บจะเป็นผงซักฟอกยี่ห้อแรกที่มีขายในไทยก็ตาม
ทฤษฎีเยอะแต่คนฟังไม่มีรูเรื่องไม่มีประโยชน์ครับ
และศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาท่องตำรา แต่เป็นศาสนาที่สอนความจริงของจักรวาล เมื่อคำว่า วิญญาณ เป็นสิ่งที่เข้าใจกันทั่วไปว่าคือสิ่งที่ แยกออกจากร่างกาย หรือ กายเนื้อ ก็เป็นอันเข้าใจตรงกันครับ
คอนเท้นต์ดีผมชอบ
พระเยซูระลึกได้ว่าพระองค์คือพระเจ้า/พระบุตร แบบนี้ถือว่าเป็นการระลึกชาติแบบหนึ่งเช่นกัน
พระเยซู คือสัญลักษณ์แห่งความรัก พระพุทธเจ้าคือสัญลักษณ์แห่งปัญญา เคารพทั้งสองพระองค์ครับ
พระเจ้าตัวจริง อยู่ใน หนังสือ สนทนากับพระเจ้าทุกเล่ม (ไม่ใช่พระเจ้าในศาสนาครีส )ในนั้นพระเจ้ากล่าว ศาสนานั้นดีแต่ถูกบิดเบือง
อาจารย์เสถียร โพธินันทะ ก็กล่าวไว้เช่นนั้น พระเจ้าคืออวิชชา
ลอกคำพูดอ.เสถียร มาทำคลิปใหม่ครับ
ปะ ติด จะ สะ หมุบ บาด
เพราะมีมนุษย์จึงมีพระเจ้า หากมนุษย์ไม่มีพระเจ้าจะมาจากไหน เราชาวพุทธ์ได้รับคำสอนว่าผลมาจากเหตุ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่ง สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป เหมือนอย่างที่เขาว่าจะไปหาสิ่งเริ่มต้นซึ่งเป็นของนอกกายให้ยุ่งยากไปเปล่าๆ เพราะมันเกิดขึ้นนานมาแล้ว สู้มาดูความเป็นอยู่และเป็นไปของจิตเราดีกว่าตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้เพื่อให้เราได้เห็นความทุกข์และความดับไปแห่งความทุกข์นี่แหละคือเรื่องจริงที่ควรกระทำอย่างยิ่งครับผม
เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างสนใจเป็นการส่วนตัว แม้จะเป็นมุสลิมแต่ก็ไม่แคล้วมองข้ามความรู้ด้านปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และตรรกะศาสตร์ครับ โดยประเด็นพวกนี้ผมว่าผมก็มีข้อมูลพอสมควร จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความเข้าใจกันครับ
โดยหากใครมาเห็นคอมเมนต์นี้ก็สามารถอ่านตามตราประทับเวลา ประกอบกับแต่ละหัวข้อในคลิปได้เลย ผมจะพยายามแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนที่สุดพร้อมแท็กเวลาให้ง่ายในการเรียบเรียง ถ้าพร้อมแล้วเริ่มกันเลย
ผมจะเขียนเลขข้อไว้เผื่อว่าใครสนใจจะแย้งอะไรในประเด็นแต่ละประเด็นครับ
---
# ประเด็นเกริ่น
1:40 [ 1. เพราะมนุษย์ไม่รู้และไม่เข้าใจธรรมชาติเป็นคนป่าคนเถื่อน พระเจ้าจึงเข้ามาเติมเต็มคำตอบในความสงสัย ] - สำหรับในมุมของอิสลามนั้น เป็นเรื่องที่มีศาสตร์และความรู้ในหลากหลายศาสตร์มาก ตั้งแต่สิ่งที่อยู่ในตัวเรา ชีวิตประจำวัน สังคมศาสตร์ การปกครอง วิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์ ไม่ใช่ความเชื่อของคนเถื่อนแต่ประการใด
3:00 [ 2. สิ่งใดมีจุดกำเนิด สิ่งนั้นมีเหตุปัจจัย ] - อิสลามยืนยันเช่นนั้น ยิ่งสิ่งนั้นมีความซับซ้อนเท่าไหร่ก็ยิ่งชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้สติปัญญาและความสามารถไม่ใช่เกิดจากความไม่รู้
4:30 [ 3. จักรวาลแบบอนันต์สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ] - อันนี้บอกเลยว่า "ผิดถนัด" ในปัจจุบันหลักฐานทางด้านทางวิทยาศาสตร์ที่เราค้นพบค้านกับจักรวาลวิทยาแบบหยุดนิ่ง(Static cosmology) และยังไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ถึงการดำรงอยู่ของจักรวาลวิทยาแบบวัฐจักร(Cyclic cosmology) ด้วยซ้ำ ทั้งยังมีปัญหาในทางปรัชญาด้านการให้เหตุผลว่าเป็นการถดถอยไร้จบ (Infinite regress) ซึ่งค้านกับเหตุและผลอย่างร้ายแรง
4:53 [ 4. ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น จักรวาลไม่มีจุดเริ่มต้น ] - เอามาจากไหนครับหลักฐานที่เราพบอย่าง CMBR และ RedShift ให้ผลสรุปว่าจักรวาลมีต้นกำเนิดแท้ ๆ แต่กลับพูดได้หน้าตาเฉยว่าไม่พบจุดกำเนิด ไหนเหตุผลซึ่งกันและกันที่อ้างล่ะ? คุณอ้างตรรกะวิบัติเหตุผลเวียน (Circular reasoning fallacy) นะรู้ตัวไหม
- จักรวาลไม่มีจุดเริ่มต้น เพราะอยู่ในวัฏสงสาร
- ทุกสิ่งอยู่ในวัฏสงสาร ทำให้ไม่มีจุดเริ่มต้น
5:22 [ 5. วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้น จะชี้ตรงไหนก็เป็นจุดศูนย์กลาง ] - เกี่ยวอะไรกันครับ วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้นจริงหรือ มาดูกันดี ๆ เราเรียกวงกลมได้เพราะมีจุดเริ่มไม่ใช่ว่าจู่ ๆ กระดาษเปล่าจะเกิดวงกลมขึ้นมาเองได้นะ มันต้องมีตอนที่เริ่ม "วาด" จึงเป็นวง จะมาสมมติว่ามีวงกลมก่อนแล้วบอกว่าจุดไหนก็เริ่มได้ทั้งนั้น กล่าวคือต้องถามคนวาดครับว่าเริ่มวาดวงกลมตรงไหน
5:35 [ 6. ถ้าโลกกลม ตรงไหนคือจุดศูนย์กลาง ] - คำตอบคือ "ตรงกลาง (Center point) ที่มีรัศมีเท่ากันทุกมุม" ถามหาตรงกลาง ไม่ใช่เส้นสัมผัสทรงกลมของโลก (Tangent line) และไม่เกี่ยวอะไรกับจุดเริ่มต้นของโลกและวงกลมอยู่ดีครับ
7:40 [ 7. โลกมาจากไหน มันมาจากจุดอนันต์ ] - ไม่สมเหตุผลครับ เราทราบกันดีจากหลักฐานทางธรณีวิทยาและวิทยาศาสตร์ว่า "โลกมีต้นกำเนิดเมื่อ 4500 ล้านปีก่อน จะกว้างแค่ไหนก็มีความจำกัดมีจุดเริ่มและมีจบ" ถ้าศึกษาวิทยาศาสตร์มา ก็จะงงว่ามันจะเรียกว่าเป็นอนันต์ได้อย่างไร แค่บอกว่าโลกนี้เกิดมาเป็นอนันต์นี่ก็ค้านกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากแล้วครับ
>
# ประเด็น.. วิทยาศาสตร์และพระเจ้า
7:40 [ 7. โลกมาจากไหน มันมาจากจุดอนันต์ ] - ไม่สมเหตุผลครับ เราทราบกันดีจากหลักฐานทางธรณีวิทยาและวิทยาศาสตร์ว่า "โลกมีต้นกำเนิดเมื่อ 4500 ล้านปีก่อน จะกว้างแค่ไหนก็มีความจำกัดมีจุดเริ่มและมีจบ" ถ้าศึกษาวิทยาศาสตร์มา ก็จะงงว่ามันจะเรียกว่าเป็นอนันต์ได้อย่างไร แค่บอกว่าโลกนี้เกิดมาเป็นอนันต์นี่ก็ค้านกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากแล้วครับ
8:12 [ 8. บิกแบงเป็นเพียงแค่ทฤษฎี ] - จริงอยู่ที่ว่าเป็นทฤษฎี แต่มันก็ไม่ได้ปฏิเสธในการเหตุและผลอยู่ดีครับว่ามันมีจุดเริ่มต้น ก็แค่ไม่มีข้อสรุปว่ามีลักษณะแบบไหน และก็ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าเป็นอนันต์เลยด้วยซ้ำ อย่างที่บอกไปไม่สมเหตุผลเลยที่บอกว่าเกิดดับ ทั้งที่ไม่มีหลักฐานของการดับก่อนหน้าที่จะเกิดอีกครั้งของจักรวาล และไม่มีหลักการอะไรมารองรับถึงการยุบตัวของจักรวาลเลยสักอย่าง แต่กลับบอกว่าสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
9:20 [ 9. พุทธสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน? ] - ผมพูดมาข้างบนเยอะแล้วว่า "ไม่เลย" และการเมินหรือไม่สนใจ มันต่างกับการบอกว่าไม่รู้ครับ และหากการรู้ที่มาของสรรพสิ่งนั้นไม่สำคัญ ไม่มีผลต่อชีวิตแลละความเป็นอยู่แล้ว ทำไมมนุษย์ถึงขวนขวายหามันกันล่ะครับ สิ่งที่คุณบอกว่า "ไม่มีสาระ" มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรกับคนอื่นเลย
10:40 [ 10. ศาสนจักร ผู้นำพามนุษย์สู่ยุคมืดของยุโรป ] - ผมเห็นด้วยกับคุณนะ คริสต์นี่เป็นศาสนาที่พาคนหลงสุด ๆ เป็นศาสนาที่พาคนออกห่างจากความรู้ ด้วยไบเบิลที่ไม่รู้ว่าพระเยซูสอนแบบนั้นจริงไหมด้วยซ้ำ รู้อะไรไหมครับ "ไบเบิล ต้นฉบับที่เก่าแก่ที่สุดคือภาษากรีก ทั้งที่พระเยซูสอนศาสนาที่บริเวณปาเลสไตน์ด้วยภาษาอาราเมอิค" แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าไม่ตีความคำสอนเองจนอ้างพระเจ้าเพื่อรักษาอำนาจตัวเอง หรือเพื่อรักษาคำสอนของศาสนากันแน่
11:10 [ 11. ถ้าพระเจ้าเป็นเหตุของโลกแล้วอะไรล่ะเป็นเหตุของพระเจ้า ] - คุณต้องศึกษา Infinite regression ครับถึงจะเข้าใจว่าคำถามของคุณมันตื้นเขินแค่ไหน มันเป็นตรรกะวิบัติชนิดหนึ่งที่เราถามหาเหตุจากปฐมเหตุ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ไม่ต่างอะไรกับการถามว่า "ถ้าแก้มอบเค้ก แล้วใครอบแก้ม" หรือการถามว่า "ถ้าโดมิโนที่เรียงกันเป็นแถวล้มลง แล้วโดมิโนตัวแรกของแถวโดนโดมิโนตัวไหนทำให้ล้ม" แน่นอนว่ามันล้มด้วยตัวเองไม่ได้ คำตอบคือต้องมีอะไรสักอย่างมาทำให้มันล้มและต้องมีอำนาจพอให้มันล้ม และนี่แหละคือมีเหตุผลตามหลักตรรกะวิทยา
13:00 [ 12. พระเจ้าไม่ถูกสร้าง แล้วพระเจ้าก็ไม่น่าจะเป็นเหตุของโลกได้ ] - สับสนอะไรกับเหตุการณ์จำลองที่ตัวเองคิดล่ะครับ จู่ ๆ ก็เพิ่มความเป็นผลเข้าไปในสิ่งที่เทวนิยมบอกว่าพระเจ้าเป็น "ปฐมเหตุ(ไม่มีเหตุ)" ค่อย ๆ คิดภาพโดมิโนจากข้อ 11 ดูนะครับ มันสมเหตุผลที่โดมิโนชิ้นแรก(เหตุ)จะต้องไม่โดนโดมิโน(ก่อนหน้า)ผลักอีก(เพราะมันไม่มีแล้ว)นั่นแหละ "แนวคิดของปฐมเหตุ" แบบนี้แหละที่พุทธเข้าใจว่าเป็นอจินไตยมาโดยตลอด ไม่สงสัยเหรอครับ ทั้งที่บอกว่าอจินไตย แต่ทำไมศาสนาอื่นถึงหาคำตอบมาได้ ทั้งที่ยังสติครบถ้วนดี
14:20 [ 13. พระเจ้ามีพ่อแม่? ] - ถ้าอิงตามหลักเหตุผล พระเจ้าต้องไม่ใช่ตัวตนแบบสิ่งที่ถูกสร้างแบบในนิยายกรีก นั่นคือต้องไม่เป็นสิ่งที่พึ่งพาเหตุก่อนตนอีก เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้ตามตรรกะว่าพระเจ้าจะเป็นมนุษย์ (เช่น คริสต์ที่พระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ คือการมีเหตุเป็นแม่คลอด) สรุปคือ "พระเจ้านั้นเป็นอีกสิ่งที่เราไม่สามารถจินตนาการการดำรงอยู่ของพระเจ้าได้"
14:30 [ 14. พระเจ้าเกิดขึ้นเองได้ ] - ตรงส่วนนี้ ผมมองว่าไม่คุณฟังผิด ก็คนอธิบายไม่รัดกุมในการอธิบาย เพราะถ้าอิงจากพระเจ้าเป็นปฐมเหตุแบบที่ผมกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว พระเจ้าจะต้อง "ไม่มีจุดกำเนิด" เป็นสภาวะที่เป็นอนันต์ไร้จุดเริ่ม และไร้จุดจบ จึงต้องไม่มีคำว่า "เกิดดับ" สำหรับพระเจ้าที่เป็นปฐมเหตุอีก
>
คอมเมนต์ของคุณค่อนข้างยาวผมจะทะยอยมาคุยด้วยทีละข้อนะครับ
1. ข้อแรก การเกิดขึ้นของความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้านั้น เกิดขึ้นทั่วโลกครับ และน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคอารยธรรมที่มีการบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว อาจะพูดได้ว่าไม่มีอารยธรรมคนโบราณที่ไหนท่่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือเทพเจ้า ้หตุผลก็มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆที่ทำให้คนกลัวนั่นแหละครับ โดยเฉพาะปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มาจากบนฟ้า ที่ทำให้จินตนาการเกี่ยวกับที่อยู่ของพระเจ้านั้นอยู่บนฟ้า ในขณะเดียวกัน เวลาคนตายก็มักจะฝังลงดิน เพราะ กลิ่นและสภาพของศพที่ไม่น่าดู ทำให้คนจินตนาการถึงนรกว่าอยู่ใต้ดิน ที่มานั้นมาจากความไม่รู้+ จินตนาการของคนโบราณครับ
ทุกวันนี้มนุษย์สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าบนฟ้าไม่มีสวรรค์ ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ทะลุออกนอกชั้นบรรยากาศ ไม่พบสวรรค์ชั้นฟ้าครับ สวรรค์ชั้นฟ้าจึงเป็นจินตนาการ
2. ข้อสอง ทุกสิ่งต้องมีที่มา มีเหตุจึงมีผล ก็ตามนั้นครับ ส่วนคำว่า อวิชชา ในศาสนาพุทธ เป็นสิ่งที่ต้องหาความหมายครับ อวิชาแปลตรงๆก็คงแปลว่า ไม่มีวิชา ไม่มีความรู้ คำถามคือ ไม่รู้เรื่องอะไรครับ เช่น มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นจากความไม่รู้ของคน แบบนี้
อวิชชาในที่นี้ จึงน่าจะเป็นสิ่งที่ยังต้องศึกษาอยู่ ว่า อชิชชาในเรื่องอะไร แต่ที่แน่ๆ
-เริ่มต้นสิ่งมีชีวิตหรือเริ่มต้นการเกิดเป็นคนนั้นไม่มีความรู้
- ยังไม่มีใครรู้เกี่ยวกับกำเนิดจักรวาลที่แท้จริง
3. จักรวาลแบบอนันต์ ทั้งเรื่องเวลาและขนาดนั้นเป็นทฤษฎีหนึ่งที่นักวิทย์ตั้งสมมุติฐานอยู่ครับ ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ และตราบใดที่ยังไม่สามารถหาขอบเขต จุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด ที่แท้จริงของจักรวาลได้ ก็ไม่สามารถหักล้าง การบอกว่าจักรวาลเป็นอนันต์ได้ครับ และ โดยหลักการแล้ว ผมคิดว่า มันก็ควรเป็นอนันต์นั่นแหละครับ
- ในเรื่องเวลา มันก็สามมารถตั้วคำถามได้เสมอว่าก่อนนั้นหล่ะ ไปได้เรื่อยๆ ก็เพราะหลักการที่ว่าทุกอย่างต้องมีที่มานั่นแหละครับ ส่วนจุดสิ้นสุด สมมุติเราบอกว่าจัดรวาลจะสิ้นสุดปีหน้า ถ้าเลยปีหน้าแล้วยังไม่สิ้นสุด มันก็ไม่สิ้นสุด แต่ถ้าคนตายหมดโลกก่อนปีหน้า หรือ โลกระเบิดเป็นจุลจนคนตายหมดก่อนปีหน้า ก็ถือเป็นจุดสิ้นสุดของคน แต่ก็ไม่มีใครอยู่เป็นพยายว่า จักรวาลจะสิ้นสุดปีหน้าจริงหรือเปล่า หรือถ้าคนไปสูญพันธ์พร้อมจักรวาลระเบิดปีหน้า ก็ไม่มีใครอยู่เพื่อยินยันว่าจักรวาลสูญสิ้นจริงหรือเปล่า เะราะฉะน้้น ไม่ว่าจะมองมุมไหน ในเรื่องเวลาจักรวาลก็เป็นอนันต์อยู่ดี
- ในเรื่องขอบเขต ถึงคนจะเดินทางไปจนชนผนังของจักรวาล มันก็จะเกิดคำถามอยู่ดีว่า นอกผนังนั้นจะยังมีอะไรอยู่อีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนขนาดจักรวาลก็เป็นอนันต์อยู่ดีครับ
ปะติจะสะมุห่ะบาท หรือเว้นวรรคก็ได้ ปะติจะ--สะมุห่ะบาท
อัลละฮูฮู้รู้หมด พระคริสบุตรของพระเจ้า "พระเจ้าจะช่วยลูกก็ต่อเมื่อลูกช่วยตัวเอง ^^!
แล้วถ้าเราตั่งรกรากบนดาวดวงอื่น พระเจ้าเหล่านนี้จะตามไปด้วยไหม ฮุ• อัละฮูฮู้
แนวคิดนี้ทั้งพระเจ้าและพุทธ
ผมว่าสุดท้ายนำไปสู่มี absolute answer อย่างนึงอยู่ดี
ส่วนตัวเป็นพุทธครับเชื่อและศรัทธา
แต่ทั้งสองแนวคิดต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันมี absolute ของความเชื่อบางอย่างก่อน ว่าจริงเสมอ ตามนิยามดังนี้
เช่น พุทธ เชื่อว่า เป็นอานัน ไม่มีจุดเริ่มต้น สิ้นสุด เกิดตามเหตุปัจจัย อันนี้ เป็น absolute answer ที่ทุกคำถามจะจบที่นี่
ดังนั้นการถามว่า ชาติ แรก เกิดจากไหน กรรมแรกเกิดจากไหน ก็จะไม่ควรถาม ในพุทธเช่นกัน ตาม ข้อความด้านบน
เช่น เดียวกัน กับ ผู้สร้าง มีนิยามว่า ผู้สร้างไม่เหมือนอะไรเลย ที่พระเจ้าสร้าง พระเจ้าดำรงอยู่มานิรันดร์ มาก่อนแล้ว และผู้สร้างจะไม่ถูกสร้าง เหล่าน้ีก็เช่นกัน เป็นคำตอบสุดท้ายที่ถามต่อไม่ได้ของ ศานาที่มีผู้สร้าง ดังนั้น คำว่า ใครสร้างพระเจ้า จึง ไม่สามารถถามได้เลยในแง่ ของความเชื่อนี้
@@norrapatsangsawang8949 คนสร้างพระเจ้าครับ
พระเจ้ามี 2 แบบครับ นิติบุคคล หรือ จักรวาลที่มีชีวิต (ครอบคลุมทั้งหมดของธรรมชาติ)
*** พระเจ้าแบบนิติบุคคล คือ พระเจ้าที่คนสร้างเอาขึ้นมาเองครับ (จะด้วยความเข้าใจผิด หรือ ผลประโยชน์ก็ตาม ขึ้นอยู่กับเจตนาของเขา)
ส่วน พระเจ้าที่เป็น จักรวาลที่มีชีวิต ด้วยตรรกะพื้นฐานคนสร้างไม่ได้แน่นอนครับ
@@rit2025 แน่ใจไหมครับ
ผมเชื่อว่ามีพระเจ้าเพราะ มันมีคนจำพวกหนึ่ง บอกว่าถ้าพระเจ้าทำให้เค้ารวยเค้าจะเชื่อว่ามีพระเจ้า ยิ่งเห็นคนจำพวกนี้เยอะๆ ผมยิ่งเชื่อใหญ่เลยว่ามีพระเจ้า
ประเทศที่จนที่สุดในโลก 40 อันดับแรกเชื่อพระเจ้าครับ
@rit2025 ถูกต้องครับ พระองค์ตรัสว่าผู้ยากจนก็เป็นสุข เพราะสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว ถ้ารวยแล้วไม่รู้จักพระเจ้า ขออยู่แบบจนๆแต่มีพระองค์อยู่ด้วยดีกว่า
วิทยาศาสตร์ : อะไรๆก็กู
ดูจบแล้วลงต่อเลยได้มั้ยติดช่องนี้มาก5555
ฟังเร็วมากค่ะ555555
@@siridream1924 วีดีโอชั่วโมงนึง ลงไม่ถึง 5 นาทีบอกดูจบไว้ก่อน555555555
อิ-ทับ-ปัด-จะ-ยะ-ตา
ผกาพรหม ไงพระเจ้า
ผกาพรหม ถูกพระพุทธเจ้าปราบความคิดสร้างโลกไปนานแล้วครับ
ผู้ใดรู้จักโลกผู้นั้นย่อมจะมีตา ผู้ใดเข้าใจโลกผู้นั้นย่อมมีปัญญา "หากเมื่อมีผู้ถามท่านว่า ศูนย์กลางของโลกนั้นอยู่ที่ใด พวกท่านจะชี้ลงไปที่พื้นดิน หรือว่าจะชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า"😇
*แล้วเหล่าเธอทั้งหลายจะชี้ไปที่ใด?😊
จะชี้ไปตรงไหนก็ไปตรงกลางของโลกทั้งนั้นแหล่ะคราบ😊
@@ชยุตลีนิน-ง9ช ผิดตรรกะครับ ถ้ามองโลกแค่ 2 มิติ ตรงกลางของโลกที่ถูกคลี่ออกจากทรงกลม จะไม่มี ..........................แต่โลกในความเป็นจริงคือ 3 มิติครับ ชี้ไป มีแค่จุดเดียวคือ จุดสมดุลตรงกลางทรงกลม นั่นคือ ใต้โลกในมุมตั้งฉากกับความโน้มถ่วงครับ
@@ชยุตลีนิน-ง9ช ไม่ถูกครับ เพราะ คุณมองแต่ผิวโลก ที่เป็น 2 มิติ แต่โลกความเป็นจริงเป็น 3 มิติ ศูนย์กลางของโลก คือ ใจกลางของทรงกลมครับ
ชี้มาที่ตัวเองค่ะ
@Serpent471 👏👏👏อ่ะ..เก่งจริง..ๆ👍👍👍☺️(เหตุและผล แห่งปัญญานั้น มีว่าอย่างไร...?🤗)
ช่วยใขความกระจ่างในข้อนี้ เพื่อผู้อื่น..จิ๊ได้เข้าใจหน่อย...😇
God is ignorance😊
🤙🤙🤙
ปะ ติ จะ สะ มุด ปะ บาท
ถ้าผีมีจริง...ทุกอย่างอาจมีอยู่จริง..ใครจะไปรู้ถ้าคุณยังไม่ตาย??
ผีไม่มีในพุทธศาสนา ผมไม่รู้หรอก
พุทธศาสนามีผีครับ มีชีวิตหลังความตาย
เอาไรมา ขนาดพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกอย่าง คนเหล่านั้นยังไม่เคารพสิ่งพระเจ้าสร้างเลย
อะไรสร้างพระเจ้าขึ้นมา พระเจ้ามาจากไหน นอกจากคนโง่ๆ คิดขึ้นเอง
@@thedarksie4555 คำตอบไม่ได้ต่างกันครับ กับ " อะไรสร้างธรรมชาติขึ้นมา ? " (ในมุมมองของคุณ) ถ้าหากคุณอุบัติขึ้นเองจาก ธรรมชาติ ธรรมะ = อวิชชา เช่นกันครับ และ อวิชชาคือความโง่เขลา
@@thedarksie4555 ไม่ต่างกับอะไรสร้าง ธรรมชาติ ขึ้นมาครับ ??? ธรรมชาติมาจากไหน (แถมตามในคลิป ถ้าตัดเรื่องความเชื่อเรื่องพระเจ้าผู้สร้างออกไป ธรรมะ ที่จริงคือ อวิชชาเองนะครับ เพราะคุณเกิดขึ้นมาเองจาก "ธรรมชาติ")
เคารพทำไมพระเจ้าสร้างคนพิการมาตั้งเยอะ ตาบอดเป็นใบ้ ปากแหว่งเพดานโหว่
@@thedarksie4555 คำตอบเหมือนกันกับ " ใครสร้างธรรมชาติขึ้นมาครับ ??" ------ ไม่มี ---- คือคำตอบ
แต่ดูตามในคลิปแล้ว ธรรมชาติ จะ = อวิชชา ไปด้วยน่ะสิครับ เพราะ คุณอุบัติขึ้นเอง อาศัยอยู่ในธรรมชาติ
ปะ,ติ,จะ,สะ,มุ,บาท
th-cam.com/video/WNtPc9Wbk_E/w-d-xo.htmlsi=JeKaQWU9v6ho10Ea
แล้วถ้าพระเจ้าก้มีพ่อมีแม่ล่ะ แค่สร้างเราขึ้นมาเล่นๆ สะใจ บันเทิง ไรงี้ เราอาจเปนแค่หน่วยประมวลผลอะไรอย่าง
ไม่สมเหตุสมผลสัตว์ที่เกิดมาล้วนต้องหาทางหลุดพ้นให้ได้ไม่งั้นก้ต้องอยุ่ในเกมชีวิตนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ปัญหาโลกแตก
เอาตรงๆนะนี่มันปี 68คือควรจะหาคำที่สามารถอธิบายให้เข้าถึงง่ายได้แล้ววกไปวนมาอยู่ได้มันฟังแล้วสุดท้ายมันคืออะไรอ่ะอยากให้หาคำที่มันสามารถเข้าใจง่ายๆและสามารถอธิบายได้ง่ายๆอันนี้ก็อธิบายแบบวกไปวนมาอยู่แต่อันเดิมๆมันงง
พวกที่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างมักจะอ้างว่า บ้านมีคนสร้างดังนั้นจักรวาลต้องมีคนสร้าง เรารู้ว่าบ้านมีคนสร้างเพราะเรารู้เราเห็นคนสร้างแต่มีใครรู้เห็นคนสร้างจักรวาลบ้างล่ะ จะใช้ตรรกะนี้มาหาความจริงเรื่องมีพระเจ้าไม่ได้ครับผิดครับ
การสร้างก็ต้องอาศัยพื้นที่ เหมือนเราสร้างบ้าน หากไม่มีที่ว่างจะสร้างบ้านได้อย่างไร
คนสร้างพระเจ้าครับ ส่วนใครสร้างจักรวาลนั้นยังไม่มีใครรู้ แต่ไม่ใช่พระเจ้า เพราะพระเจ้าอธิบายการสร้างจักรวาลและสิ่งทีชีวิตผิด
@@rit2025 ถูกต้องครับ คนนั่นแหละมโนสร้างพระเจ้าขึ้นมาคิดเองเออเองเชื่อกันเอง ตอนนี้โลกสู่ยุคโลกาภิวัตน์แล้วผมไปศึกษาศาสนาคริสต์มาไม่มีอะไรถูกต้องเลยครับ ผมไม่เห็นมีพระเจ้าตนไหนมาเขียนคัมภีร์มาให้มนุษย์เลย มนุษย์เขียนขึ้นเองทั้งน้านน
ถ้าพระเจ้ามีเหตุอื่นที่ทำให้พระเจ้าเกิดสิ่งนั้นจะไม่ได้เรียกว่าพระเจ้า พระเจ้าคือผู้ที่ทำให้เกิดเหตุแต่พระเจ้าไม่ได้เกิดจากเหตุที่ธรรมชาติสร้างพระเจ้าอีกที แต่พระเจ้าสร้างธรรมชาติพระเจ้าเป็นจุดสูงสุดไม่ได้เป็นผลที่มีเหตุให้พระเจ้าเกิดพระเจ้าไม่มีการเกิด เป็นพระเจ้าผู้ดำรงอยู่แล้วมีอยู่แล้วและเป็นอยู่แล้ว นั่นเรียกว่าพระเจ้าหรือจุดสูงสุดของการเกิดทั้งปวง แต่ถ้าหมายถึงพระเจ้าที่มีการเกิดมาจากเหตุนั่นไม่ได้เรียกว่าพระเจ้าแต่แต่เรียกว่าผลของการเกิดโดยพระเจ้าคำว่าพระเจ้านั้นต้องอยู่เหนือเหตุของสิ่งทั้งปวงสูงสุดหรือเหนือสุดเท่านั้นจึงเรียกว่าพระเจ้าซึ่งสิ่งนี้หลายคนไม่เข้าใจคำว่าพระเจ้าสูงสุดแต่ตีพระลักษณะพระเจ้าเป็นเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุเพราะแค่มองในมุมของมนุษย์จึงมองทุกสิ่งที่เกิดจากเหตุเลยคิดว่าพระเจ้าต้องเกิดจากเหตุเหมือนกันถ้าอย่างนั้นจะไม่เรียกว่าพระเจ้าแต่จะเรียกว่าผลจะการทรงสร้างของพระเจ้า ซึ่งผลจากการทรงสร้างนั้นไม่ใช่พระเจ้า
พระเจ้าเกิดจากคนที่สร้างพระเจ้าครับ
คนอธิบายเกี่ยวกับพระเจ้าได้ละเอียดยิบ เพราะคนสร้างพระเจ้าขึ้นมา แต่พระเจ้าอธิบายการเกิดจักรวาลและสิ่งมีชีวิตผิด เพราะพระเจ้าไม่ได้สร้างอะไรครับ
สมัยก่อนใครพูดว่าโลกกลมคือพวกนอตรีดเป็นพ่อมดหมอผีต้องถูกเผาเพราะศาสนาตอนนั้นบอกว่าโลกแบน😂😂😂
คนไทยกำลังเดินไปหาศาสนาที่เชื่อในอำนาจของพระเจ้าสรา้งโลก😂😂😂😂😂
ไม่ครับ เป็นส่วนน้อย ที่ออกก็มากแค่เขาออกเงียบๆ
@@rit2025 ออกเงียบๆ ที่จริง พุทธ ก็เป็น จำนวนมากครับ สู่ความเชื่ออะไรก็ไม่รู้ ที่นั่งใบ้หวย ไหว้เจ้าแม่กัน และ "พุทธศักราช" คือการยืนยันครับ เพราะศาสนาของ พุทธ จะเสื่อมลงตามกาลเวลา จริง ไม่ต่างกันครับ
@lordseyren5454 พุทธไม่เสื่อมหรอกครับ พุทธเป็นสัจจธรรม ไม่ขึ้นกับกาล ศาสนาพุทธแก่นคือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว มันเป็นสามัญสำนึกสากลของคนบนโลกใบนี้ครับ และ ประเทศที่เจริญแล้วก็จะมีค่านิยมเช่นนี้
@@rit2025 อันนี้คุณตอบขัดกับพุทธเจ้าแล้วครับ ควรพิจารณาตัวเอง
@@rit2025 อันนี้คุณตอบขัดกับ พุทธเจ้าครับ พิจารณาตัวเองเถอะครับ
ในเน็ตของศสนาอิสลามลงว้าพีพระในศาสนาพุทธนับแสนไปเข้าศาสนาอิสลาม😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂
เนื้อหาเท็จครับ มีคลิปทำข้อมูลปลอมเยอะมากในเนต ซึ่ง ก็ทำให้อดคิดไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องปลอมอีกบ้าง
อิสลามดูเขาจะทำงานเป็นระบบอยู่นะผมว่า เพราะอิสลามในไทย และต่างประเทศจะพูดเหมือนกันเลย น่าจะบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาอื่น ผ่านโรงเรียนสอนศาสนา เช่น สอนว่าชาวพุทธบูชาความทุกข์ พระพุทธเจ้าเป็นพวก LGBT ฝรั่งจะเรียกพวกนี้ว่า Bot ถูกล้างสมอง
@@rit2025 จริงครับ แต่ในศาสนาคุณเองก็ปลอมเยอะแหละครับ อันนี้ที่จริงก็ควรจะวิเคราะห์กันได้แล้วด้วยซ้ำครับว่า ตอนนี้ พ.ศ. อะไร ? หมายความว่าการปลอม ในศาสนาคุณเองก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามเวลาเช่นกัน (และมันเป็นเรื่องปกติด้วยครับ พุทธเจ้าก็บอกเอง)
แล้วเหตุใดใครเป็นคนสร้างพระเจ้าให้มาสร้างโลกใช่ไหมครับ
☸️ธรรมชาติรังสรรค์ชีวิตโลกและมนุษย์เกิดจากจักรวาลการรวมตัวของธาตุมีศูนย์ก็ต้องมีหนึ่งศูนย์ที่ไม่นิรันดร์
นี่มันปีไหนแล้วใช่ไหมควรควรจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้แล้วไม่ใช่ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
บางเรื่อง ทำให้ง่าย จะกระทบต่อผู้อื่นหรือ ต่อระบบนิเวศน์ได้ง่ายเช่นกัน แต่คนส่วนมาก "เห็นแก่ตัว" จึงมองแต่ว่า ง่าย เป็นสำคัญครับ ........................ เช่นการเผา ที่เกิดขึ้นในไทยอยู่ ตอนนี้ ยุคสมัยมันไม่เกี่ยวครับ
คลิปนี้ฟังยากสักหน่อย ต้องไปฟัง อ.เสถียร โพธินันทะ คลิปนี้ลอกคำพูดอาจารย์มา
@@กล้าพันธุ์ ที่จริงแนวคิดประมาณนี้ มีอยู่ทั่วไปในไทยครับ (ผมไม่เห็นด้วย 100% กับอาจารย์ อิสลาม หลายท่านนะ ที่ว่า พื้นฐานทางความเชื่อมนุษย์ ทุกคนจะคิดว่ามีผู้สร้าง) เพราะโดยมากในไทย มักตอบไปในทิศทางเดียวกันคือ "ทุกสิ่งมันก็เป็นอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ไม่ได้มีใครสร้างมัน" โดยมากคนที่คิดเยอะๆ ต่างหากครับ (ซึ่งเป็นส่วนน้อย จะรู้ได้ด้วยตัวเอง) ว่ามีเหตุ มีผล ที่เกิดขึ้นมา ไม่ได้อยู่ดีดี เกิดขึ้นมา ไม่มีโจทย์ ไม่มีกิจกรรมให้ทำ แต่นั่นแหละครับ พวกเค้าแค่ไม่พอใจกับชีวิตเท่านั้น (แต่นั่นแหละครับ ทดสอบได้ดีเลย ว่าตกลงคุณจะทำตัวใหญ่กว่ากฎ หรือ คุณอยู่ภายใต้กฎ ครับ)
พวกเราทุกคนคือจักรวาลของทุกสิ่งมีชีวิตเเละเราก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในตัวของเราเองเเละไม่มีจุดสี้นสุดไม่มีจุดเริ่มต้นเพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่ตายจริงเเต่เเค่เปลี่ยนที่อยู่ไปเเค่ชั่วคราว
สิ่งอื่นเป็นเหตุที่เกิดจากพระเจ้าแต่พระเจ้าคือจุดสูงสุดของการเกิดเหตุไม่มีเหตุที่ทำให้พระเจ้าเกิดพระเจ้าเป็นจุดสูงสุดหรือพระคัมภีร์เรียกว่าพระองค์เป็นปฐมและอวสานพระองค์ดำรงอยู่แล้วไม่มีจุดเริ่มต้นหรือมีเหตุให้พระเจ้าเกิดเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่แล้ว