เมื่อคิดจะพูด/คิดจะฟัง/คิดจะอ่าน/คิดจะเขียน จะต้องตระหนักรู้คิด นี่คือการปฏิบัติฯ เพื่อบรรลุอรหันต์

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 27 ธ.ค. 2021
  • @ ส.ค.ส. 2565
    คำอวยพรปีใหม่ 2565
    ===
    @ ขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสุข อยู่อย่างไม่เจ็บไม่จน
    และมีปัญญาเข้านิพพานในชาตินี้เทอญ.
    @ ทุกเรื่องที่เกิดในความคิด มันมิใช่ความสุข/มิใช่ความทุกข์/มิใช่ความโกรธ/มิใช่ความรัก มิใช่อะไรๆ เลย(แต่เราไปตั้งชื่อให้มัน เป็นสุข/เป็นทุกข์) มันเป็นเพียงความคิดปรุงแต่งซึ่งเกิดขึ้นให้ความคิดรับรู้ในเวลาสั้นๆ และมันจะผ่านไปเอง (ไม่มีตัวเราเป็นผู้รับรู้)
    ้ @ถ้าใครๆ เข้าใจได้แค่นี้ เตรียมบรรลุอรหันต์ได้ในชีวิตนี้
    ===
    @ ขอให้ทุกๆ ท่านโปรดอ่านเพื่อทำความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับสติปัญญา
    @ พุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งปัญญาสากลซึ่งเหมาะกับทุกๆ คนบนโลกนี้ ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาอะไร หรือจะไม่นับถือศาสนา
    ทุกๆ ชีวิตบนโลกนี้อยู่ภายใต้กฏธรรมชาติ คือมีเพียงปรากฏการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น และตั้งอยู่ในเวลาอันสั้นมาก จากนั้นก็จางหายไปเอง ตลอดชีวิตของเราจะมีเพียงแค่นี้เอง
    ปรากฏการณ์ต่างๆ จะเกิดขึ้นให้รับรู้ผ่านทาง ตา/หู/จมูก/ลิ้น/กาย และมาลงที่ใจหรือความนึกคิดปรุงแต่งซึ่งความคิดปรุงแต่งจะปรงุไปตามธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถหยุดได้ ควบคุมมิได้ บังคับมิได้ (และที่สำคัญสิ่้งเหล่านี้ไม่มีเจ้าของ มันเป็นเพียงธรรมชาติ หรือธรรมะนั่นเอง)
    ใจหรือความนึกคิดปรุงแต่ง ไม่มีเจ้าของ ผมพูดแบบนี้มันอาจจะฟังดูแปลกๆ ถ้าถามว่าตัวตน คนสัตว์คืออะไร
    เราจะต้องใช้ความคิดปรุงแต่งไปตามภาษาสมมติ เพื่อนำมาอธิบายกันมิจบสิ้น คำถาม - คำตอบ ทุกๆ เรื่องเกิดจากภาษาสมมติปรุงแต่ง (คำว่าปรุงแต่เป็นคำกลางๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจชั่วคราว)
    ความสุข ความทุกข์ ความโกรธ ความรัก ฯลฯ หรือความเชื่อว่ามีตัวเราจริงๆ มันเกิดจากความคิดปรุงแต่ง ทุกๆ เรื่องที่เราสงสัย หรืออยากจะรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมะปัญญาสูงสุด หรือเรื่องโลกๆ แบบวิทยาศาสตร์สารพัดเรื่อง มันเกิดจากความคิดปรุงแต่ง
    เนื้อหาต่างๆ ที่เกิดในความคิด จริงๆ แล้วมันไม่มีชื่อเรียก แต่เรารู้สึกสัมผัสได้ สิ่งเหล่านี้มันเกิดให้ความคิดรับรู้ ในเวลาเพียงสั้นๆ และจะจางหายไปเอง จากนั้นก็จะมีความรู้สึกอันใหม่เกิดขึ้นให้รับรู้ และจางหายไปเอง
    เมื่อเราคิดว่ามีตัวเรา เป็นเจ้าของความสุข หรือความทุกข์ มันก็เกิดจากความคิดปรุงแต่ง ในความเป็นจริงแล้วส่ิ่งที่เราคิดว่าเป็นตัวตนของเราจริงๆ มันเป็นเพียงความเชื่อซึ่งเกิดจากความคิดปรุงแต่ง
    เมื่อเราคิดว่าเรามีปัญหาชีวิตมากมาย เช่น เชื่อว่าเราป่วย เราจน ผัวทิ้ง เมียหนี เราตกงาน เรามีปัญหาในครอบครัว เรามีปัญหาที่ทำงาน เรามีปัญหากับคนรอบข้างสารพัดเรื่อง เรามีปัญหามากมายนับเป็นล้านๆๆๆๆ เรื่อง เราต้องการให้ใครก็ได้ช่วยเราที
    คำถาม - คำตอบ ทุกๆ เรื่องบนโลกนี้ มันเกิดจากความคิดปรุงแต่งไปตามภาษาสมมติ (ภาษาสมมติ มันมิได้มีความหมายแบบที่เชื่ออยู่จริง) เรื่องนี้แหละที่เข้าใจกันได้ยากมาก หรือยากที่สุด หรืออาจไม่ต้องการจะเข้าใจ
    ถ้าคุณอยากรู้อะไรๆ ในชีวิตนี้ หรือคุณมีปัญหามากมายเหลือเกิน บอกได้เลยครับไม่มีใครช่วยใครได้
    พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ เทพเจ้าทั้งหลาย ก็ช่วยไม่ได้
    มีวิธีเดียวที่ได้ผลที่สุดในสามโลกเลยก็ว่าได้ ผมขอยืนยืน...จนกว่าคุณจะตระหนักรู้ว่าคุณกำลังคิดๆ หรือกำลังเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันนี่แหละครับ (เรื่องนี้มิใช่การฝึกฝน หรือการพยายามจะทำ แต่มันเกิดเองตามธรรมชาติ) คุณต้องฟังธรรมะผมมากๆ และคิดพิจารณาแบบแยกบคายสุดๆ จนมันซึมเข้าไปในเส้นเอ็น
    เลือดเนื้อและกระดูก คุณจะพอเข้าใจได้
    นั่งสมาธิมาก ก็โง่มาก เพราะไม่เคยพบความสงบ ฝึกสติมากก็โง่และงี่เง่ามากเช่นกัน เพราะสติมองไม่เห็นตัว
    แต่ก็ดันทุรังที่จะไปฝึกมัน...อาจารย์สอนสมาธิ และฝึกสติ ก็ขาดปัญญาและโง่พอๆ กับศิษย์.
    ขอจบเพียงแค่นี้ครับ
    อ.แดง กีต้าร์ (หมดฤทธิ์)
    อังคาร 28 ธันวาคม 2564
    ===

ความคิดเห็น •