@@chainarong4209 คุณต้องเข้าใจก่อนนะ อะไรคือ pseudoscience กับ real science คืออะไร สิ่งที่คุณพูดมันหมายถึง pseudoscience ล้วนๆ และการโต้เถียงกันระหว่าง pseudoscience กับ real scienceมันมีมานานแล้วและ pseudoscienceมักถูกแก้ให้ถูกเสมอ โดยไม่ได้อ้างอิงกับหลักการ"วิทยาศาสตร์"ใดๆเลย กรณีนี้ผมพูดถึง real science ซึ่งสมมุติฐานการเคลื่อนที่ให้เร็วกว่าแสงจัดเป็นหนึ่งในนั้น และมันถูก proof แล้วว่า"เป็นไปไม่ได้" นักวิทยาศาสตร์เค้าไม่ยืนยันอะไรมั่วๆหรอกครับ ส่วนข้อพิสูจน์ google ดูเอา "can we move faster than the speed of light"
ตามทฏษฎีที่มีในตอนนี้นะ ยังไงก็ไม่มีทางเคลื่อนที่เร็วกว่าแสงได้ สมมุติเราขับยานที่มีความเร็วใกล้เคียงกับแสงอยู่ และเร็วเร่งความเร็วเพื่อต้องการให้เร็วกว่าแสง มันจะถูกชดเชยด้วยtime dilationอัตโนมัติ คือเวลาของเรามันจะช้ากว่าเวลาของcircumstanceภายนอก ยิ่งพยายามเร่งความเร็วยานมากเท่าไร เวลาของเรายิ่งช้าตาม แต่ไม่มีทางเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสงแน่นอน
เราถูกคำว่าวิทยาศาสตร์ตีกรอบไว้ครับหลายคนถึงมีความเชื่อผิดๆกับบางอย่างว่ามันไม่มีทางมีไม่มีทางเป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์บอกแบบนั้น แต่คิดสิว่าสมัยก่อนวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถสร้างจรวดหรือสร้างดาวเทียมได้เพราะวิทยาศาสตร์ตอนนั้นยังไม่พัฒนาถึงจุดที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วตอนนี้หละวิทยาศาสตร์มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง(ที่คนปัจจุบันคิดว่าเป็นไปไม่ได้)เพราะวิทยาศาสตร์มันตีกรอบเราไว้ ในอนาคตพอวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นไปกว่านี้ บางเรื่องที่คนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ไม่เคยคิดว่าจะมี วันที่วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดที่จะเข้าใจมัน เราถึงจะเข้าใจมันว่ามันทำได้ ว่ามันมีจริง หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มันก็เกิดจากคนที่คิดนอกกรอบวิทยาศาสตร์ ณ ขณะนั้น เพราะงั้นอย่าให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาตีกรอบให้คุณเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรือมันไม่มีทางทำได้
@@chainarong4209 คุณต้องเข้าใจก่อนนะ อะไรคือ pseudoscience กับ real science คืออะไร สิ่งที่คุณพูดมันหมายถึง pseudoscience ล้วนๆ และการโต้เถียงกันระหว่าง pseudoscience กับ real scienceมันมีมานานแล้วและ pseudoscienceมักถูกแก้ให้ถูกเสมอ โดยไม่ได้อ้างอิงกับหลักการ"วิทยาศาสตร์"ใดๆเลย กรณีนี้ผมพูดถึง real science ซึ่งสมมุติฐานการเคลื่อนที่ให้เร็วกว่าแสงจัดเป็นหนึ่งในนั้น และมันถูก proof แล้วว่า"เป็นไปไม่ได้" นักวิทยาศาสตร์เค้าไม่ยืนยันอะไรมั่วๆหรอกครับ ส่วนข้อพิสูจน์ google ดูเอา "can we move faster than the speed of light"
@@stolengrilfriendclub8724 เห็นด้วยครับคนส่วนใหญ่ชอบเสื้อวิทยาศาสตร์เทียมโดยที่ไม่รู้ว่ามันคือวิทยาศาสตร์เทียมเพราะว่ามันฟังดูสมเหตุสมผล จริงๆแล้วไอ้วิทยาศาสตร์เทียมนั้นก็แค่ถูกคิดไปเรื่อยๆแล้วมันไม่ผิดจนมาสมเหตุสมผลมากๆ ทั้งที่จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์จึงจะต้องถูกพิสูจน์ว่าผิดได้
อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกภาพตอนดูดชาไข่มุกครับ แทนค่าเป็นตัวเราคือไข่มุก หลอดคือระยะทาง ปากคือจุดหมาย จากนั้นก็สร้างความต่างของห้วงมิติทำให้ฝั่งจุดหมายน้อยกว่าฝั่งไข่มุก ไข่มุกก็จะไหลไปในหลอดตามแรงนั้น ยิ่งความต่างหรือแรงดูดมากก็จะพุ่งเร็ว แถมไข่มุกจะยังเหมือนเดิมและไม่เสียหายอะไรด้วย
ไอ้ตรงเครื่องข้ามมิติออกแนวเป็นวิทยาศาสตร์เทียมครับ เพราะทำได้จริงๆเราคงทำอะไรไปแล้ว เรียนฟิสิกส์มาก็จะพอรู้ว่าการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสงต้องใช้พลังงานที่สูงมากๆ สุดท้ายเราก็ติดปัญหาเกี่ยวกับเวลาอีก เพราะว่าเวลานั้นจริงไม่มีอยู่จริงในจักรวาลเวลาเป็นสิ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์เท่านั้น แถมอยากจะบอกว่ามันมีความย้อนแย้งในการยืดหดของมิติด้วยครับเพราะว่ามิติที่เราเห็นนั้นมันเป็นมิติที่ 3 มีความกว้างความลึกความสูง แต่จริงๆแล้วในจักรวาลมีหลายมิติมากกว่านั้น ซึ่งคำพูดที่บอกว่าการบิดเบือนมิตินั้นก็คือการบิดเบือนมิติทั้งหมด ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากๆแถมเราจะคืนค่าให้นิตินั้นยังไง ถ้าไม่ติดอะไรไม่ติดมึงไม่เหมือนกันนี่ กบมีอะไรให้คิดอีกเยอะเลยครับ
16:51 งั้นมันน่าจะเป็นเครื่องสร้าง wormhole ใช่ไหมครับ สร้างทางลัดขึ้นมาให้เดินทางได้ไวขึ้น โดยอาศัยการบิดของห้วงอวกาศ
ดวงอาทิตย์ใหญ่สุดครับผมเรียนมา
สิ่งมีชีวิตนอกโลกมีแน่นอน ครับ เพราะเราเองยังเกิดมาได้เลย มนุษย์เราไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างอย่างจำเพาะ
แต่ถามว่า เขาเคยมาโลกไหม ผมว่า ไม่ และเขาน่าจะไปได้ไม่ไกลเหมือนเรานี่แหละ
คำว่าสิ่งมีชีวิต โลกเรามันถูกจำกัดความคำๆนี้ไว้แค่สิ่งที่เรารู้ จักรวาลก็คงมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆอีกมาก แค่ยังไม่เคยพบเห็น ไม่อยากหลงตัวเองว่าดาวโลกเราเป็นดาวเดียวในจักรวาลที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่
ถ้าเกิดคำถามว่า อ่าว แล้วทำไมสิ่งมีชีวิตอื่นๆไม่เคยมาค้นพบดาวโลก หรือเอเลี่ยนมาเจอโลกเลย ก็ย้อนกลับไปคิดดูว่าจุดเริ่มต้นของดาวโลกที่มีสิ่งมีชีวิตแรกเกิดขึ้นไดโนเสาร์ สัตว์ต่างๆหรือก่อนหน้านั้น กว่าจะวิวัฒนาการจนถึงวันที่เราเรียกตัวเองว่ามนุษย์และสามารถออกนอกโลกได้ ใช้เวลานานแค่ไหน มนุษย์เราเพิ่งจะศึกษาจักรวาลกันจริงๆจังๆแค่ไม่กี่ร้อยปีนี่เอง
เราถูกคำว่าวิทยาศาสตร์ตีกรอบไว้ครับหลายคนถึงมีความเชื่อผิดๆกับบางอย่างว่ามันไม่มีทางมีไม่มีทางเป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์บอกแบบนั้น แต่คิดสิว่าสมัยก่อนวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถสร้างจรวดหรือสร้างดาวเทียมได้เพราะวิทยาศาสตร์ตอนนั้นยังไม่พัฒนาถึงจุดที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วตอนนี้หละวิทยาศาสตร์มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง(ที่คนปัจจุบันคิดว่าเป็นไปไม่ได้)เพราะวิทยาศาสตร์มันตีกรอบเราไว้ ในอนาคตพอวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นไปกว่านี้ บางเรื่องที่คนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ไม่เคยคิดว่าจะมี วันที่วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดที่จะเข้าใจมัน เราถึงจะเข้าใจมันว่ามันทำได้ ว่ามันมีจริง หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มันก็เกิดจากคนที่คิดนอกกรอบวิทยาศาสตร์ ณ ขณะนั้น เพราะงั้นอย่าให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาตีกรอบให้คุณเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรือมันไม่มีทางทำได้
7:24 ส่วนผมว่าไม่ได้เกี่ยวกับเชื้อเพลิงนะ น่าจะเกี่ยวกับ ขีดกำจัดของร่างกายมนุษย์ มากกว่านะครับ เหมือนกายวิภาคของมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้ไปได้ไม่ไกล 🥺😭ลองคิดดีๆมันน่าเศร้ามากนะครับ เกิดมาเพื่ออยู่กับที่(สเกลจักรวาล)😭😭😭
เราถูกคำว่าวิทยาศาสตร์ตีกรอบไว้ครับหลายคนถึงมีความเชื่อผิดๆกับบางอย่างว่ามันไม่มีทางมีไม่มีทางเป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์บอกแบบนั้น แต่คิดสิว่าสมัยก่อนวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถสร้างจรวดหรือสร้างดาวเทียมได้เพราะวิทยาศาสตร์ตอนนั้นยังไม่พัฒนาถึงจุดที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วตอนนี้หละวิทยาศาสตร์มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง(ที่คนปัจจุบันคิดว่าเป็นไปไม่ได้)เพราะวิทยาศาสตร์มันตีกรอบเราไว้ ในอนาคตพอวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นไปกว่านี้ บางเรื่องที่คนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ไม่เคยคิดว่าจะมี วันที่วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดที่จะเข้าใจมัน เราถึงจะเข้าใจมันว่ามันทำได้ ว่ามันมีจริง หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มันก็เกิดจากคนที่คิดนอกกรอบวิทยาศาสตร์ ณ ขณะนั้น เพราะงั้นอย่าให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาตีกรอบให้คุณเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรือมันไม่มีทางทำได้
เท่าที่เคยฟังมา (ไม่ใช่สายวิทย์ แต่ชอบฟังเฉยๆ เห็นแย้งบอกได้คับ) ถ้าเข้าใจไม่ผิด anti matter น่าจะคือปฏิสสาร ก็คือการเปลี่ยนสสาร (matter) ใดๆก็ตามให้เป็นพลังงานทั้งหมด ให้นึกภาพดินสอ 1 แท่ง ถ้าเราเอาไฟเผา บางส่วนของดินสอจะเป็นเชื้อเพลิงเปลี่ยนเป็นพลังงาน และบางส่วนที่ใช้ไม่ได้ก็กลายเป็นขี้เถ้าไป แต่ aniti matter จะเปลี่ยนดินสอให้กลายเป็นพลังงานทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้าหรืออะไรเลยซักอย่าง ส่วน dark matter คือสายใยที่มีทั่วทั้งจักรวาล ไม่รู้ว่าทำหน้าที่อะไรกันแน่ รู้แค่ว่ามันแทบไม่ทำปฏิกิริยากับอะไรเลยเหมือนกับผี มองไม่เห็นแต่รู้ว่ามี
เราถูกคำว่าวิทยาศาสตร์ตีกรอบไว้ครับหลายคนถึงมีความเชื่อผิดๆกับบางอย่างว่ามันไม่มีทางมีไม่มีทางเป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์บอกแบบนั้น แต่คิดสิว่าสมัยก่อนวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถสร้างจรวดหรือสร้างดาวเทียมได้เพราะวิทยาศาสตร์ตอนนั้นยังไม่พัฒนาถึงจุดที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วตอนนี้หละวิทยาศาสตร์มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง(ที่คนปัจจุบันคิดว่าเป็นไปไม่ได้)เพราะวิทยาศาสตร์มันตีกรอบเราไว้ ในอนาคตพอวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นไปกว่านี้ บางเรื่องที่คนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ไม่เคยคิดว่าจะมี วันที่วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดที่จะเข้าใจมัน เราถึงจะเข้าใจมันว่ามันทำได้ ว่ามันมีจริง หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มันก็เกิดจากคนที่คิดนอกกรอบวิทยาศาสตร์ ณ ขณะนั้น เพราะงั้นอย่าให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาตีกรอบให้คุณเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรือมันไม่มีทางทำได้
นักจักรยานวิทยา
5:13 พี่อธิบายสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวไม่ถูกครับด้วยความเคารพ มันต้องเล็กกว่านั้นมากๆ ส่วนตัวเชื่อว่าเอเลี่ยนมีจริงแน่นอน
สิ่งมีชีวิตนอกโลกมันมีครับ และใหญ่กว่าเซลล์เดียวก็มี แต่มันไม่ใช่เอเลี่ยนแบบที่คิดกันครับ เอเลี่ยนที่จินตนาการกันมันไม่มีสิ่งมีชีวิตแบบนั้น😊
@@chainarong4209 นิยามเอเลี่ยนของคุณเป็นแบบไหนครับ ความคิดผมเอเลี่ยนคือสิ่งมีชีวิตนอกโลกผมก็นับหมดทั้งเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ แต่นั่นไม่ได้น่าตื่นเต้นครับที่น่าตื่นเต้นคือสิ่งมีชีวิตระดับวิวัฒนาการที่คล้ายมนุษย์เช่นร่างกายหรือสติปัญญา ถ้าจะบอกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องครับ ถ้าคุณรู้จักดาวทุกดวงบนจักรวาลและพบว่าไม่มีใครมีระดับสติปัญญาเหนือไปกว่ามนุษย์ถึงจะพูดว่า"ไม่มีเอเลี่ยนแบบที่จิตนาการกัน" ได้ครับ
พี่บ่วงทรงนี้เหมือนผู้นำลัทธิเลยครับ
ป ล า ไ ห ล มี อ ยู่ จ ริ ง
มี อ ยู่ จ ริ ง
ส า ม ขา มี อยู่ จริง
🤯
ลิงอวกาศลิงวิวัฒนาการลิงตื่นเต้น
สะสารมือ dark matter ที่พี่พูดมีอยู่จริง มีอยู่ทุกที่แต่เรายังหาไม่เจอะ
มีการคำนวนน้ำหลักของ กาแลคซีอยู่หาดูได้ สารัคดีของ NG เคยทำอยู่
เราถูกคำว่าวิทยาศาสตร์ตีกรอบไว้ครับหลายคนถึงมีความเชื่อผิดๆกับบางอย่างว่ามันไม่มีทางมีไม่มีทางเป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์บอกแบบนั้น แต่คิดสิว่าสมัยก่อนวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถสร้างจรวดหรือสร้างดาวเทียมได้เพราะวิทยาศาสตร์ตอนนั้นยังไม่พัฒนาถึงจุดที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วตอนนี้หละวิทยาศาสตร์มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง(ที่คนปัจจุบันคิดว่าเป็นไปไม่ได้)เพราะวิทยาศาสตร์มันตีกรอบเราไว้ ในอนาคตพอวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นไปกว่านี้ บางเรื่องที่คนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ไม่เคยคิดว่าจะมี วันที่วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดที่จะเข้าใจมัน เราถึงจะเข้าใจมันว่ามันทำได้ ว่ามันมีจริง หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มันก็เกิดจากคนที่คิดนอกกรอบวิทยาศาสตร์ ณ ขณะนั้น เพราะงั้นอย่าให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาตีกรอบให้คุณเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรือมันไม่มีทางทำได้
ตอนนี้เราติดปัญหา เรื่องพลังงานอย่างเดียวเลยครับ แค่การบีบอัด การอวกาศ ต้องใช้พลังงานขนาดเท่าดวงอาทิตย์ แล้วเราจะหาจากใหน - -“
ตอนนี้โลกเราสร้างดวงอาทิตย์เทียมได้แล้วถึงจะอยู่ไม่กี่ วินาที แต่ก็ยังไม่สามารถนำพลังงานมาใช้ได้อยู่ดี แค่ความร้อน โลหะใน ปัจจุบันทนได้ไม่กี่ วินาทีเอง😢😢
รอกำเนิดไอสไตน์ 2.0
5:38
11:58 มิติที่4 นี้ไม่ใช่มิติของเวลาหรอครับ(ถ้าผมเข้าใจผิดช่วยทำให้กระจ่างด้วยค้าบ🙇♂️)
น่าจะ 3 นะครับ อาจจะพูดผิด
ใช่ครับ 3 มิติ คือ กว้าง ยาว สูง มิติที่ 4 คือ เวลาครับ
ขอบคุณค้าบ
@@j__4002 มิติที่3 คือจะเป็นรูปร่างแล้วครับ ถ้าอธิบายแบบง่ายไม่ซีเรียส ตัวอย่างเช่น ภาพวาดในกระดาษก็คือ มิติที่2 และ ฟิกเกอร์โมเดล ก็คือ มิติที่3
Quantum physics kub Meditate like Buddha
Our Buddha he already knows it 2000 years ago
ผมว่ามันเปรียบเทียบกันไม่ได้นะเพราะเอาแก้วน้ำไปตักน้ำในมหาสมุทรอ่ะ ผมว่าตักไปโอกาศสูงมากนะที่จะมีสิ่งมีชีวิต แม้ว่าจะมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ตามเช่นพวกสิ่งมีชีวิตเซลเดียวทั้งหลาย แต่จักวาลอ่ะมันไม่ใช่สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่สิ่งมีชีวิตจะมีชีวิตอยู่ได้ โอกาศต่ำมากๆที่จะดำรงอยู่ได้นะผมว่า สภาพแวดล้อมไม่ได้เอื้อำนวยขนาดนั้น
ไอ้พวกที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเนี้ย ในอวกาศมีเพียบครับ เวลาที่พบอุกาบาตที เขาก็พบพวกสิ่งมีชีวิตจำพวก จุลชีพ หรือ พวกเซลเดียว ติดมาด้วยทั้งนั้นแหละครับ และ ที่คุณคิดว่า "จักวาลอ่ะมันไม่ใช่สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่สิ่งมีชีวิตจะมีชีวิตอยู่ได้" นั้นเพราะคุณเอาปัจจัยการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่รู้จักเป็นที่ตั้ง แต่จริงๆแล้วมันมีเยอะมากครับ ไอ้พวกจุลชีพชนิดต่างๆทั้งในโลกและนอกโลก ไม่ได้ต้องการอาหาร หรือ แม้แต่อากาศในการมีชีวิตรอด และ มันก็มีความเป็นไปได้สูงว่า หากมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอยู่ข้างนอก ระบบต่างๆในร่างกายมันก็อาจจะต่างกันไปจากพวกเราอย่างสิ้นเชิง หรือ คล้ายกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมตรงนั้นมันเป็นแบบไหน
เราถูกคำว่าวิทยาศาสตร์ตีกรอบไว้ครับหลายคนถึงมีความเชื่อผิดๆกับบางอย่างว่ามันไม่มีทางมีไม่มีทางเป็นไปได้เพราะวิทยาศาสตร์บอกแบบนั้น แต่คิดสิว่าสมัยก่อนวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะสามารถสร้างจรวดหรือสร้างดาวเทียมได้เพราะวิทยาศาสตร์ตอนนั้นยังไม่พัฒนาถึงจุดที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วตอนนี้หละวิทยาศาสตร์มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง(ที่คนปัจจุบันคิดว่าเป็นไปไม่ได้)เพราะวิทยาศาสตร์มันตีกรอบเราไว้ ในอนาคตพอวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นไปกว่านี้ บางเรื่องที่คนไม่เคยคิดว่าจะทำได้ไม่เคยคิดว่าจะมี วันที่วิทยาศาสตร์พัฒนาถึงจุดที่จะเข้าใจมัน เราถึงจะเข้าใจมันว่ามันทำได้ ว่ามันมีจริง หลายอย่างที่ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้มันก็เกิดจากคนที่คิดนอกกรอบวิทยาศาสตร์ ณ ขณะนั้น เพราะงั้นอย่าให้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันมาตีกรอบให้คุณเชื่อว่ามันไม่มีจริงหรือมันไม่มีทางทำได้
🩷🩷🩷