Disney+ VS Netflix เปรียบเทียบความเจ๋งสองค่ายสตีมมิ่งออนไลน์ | SD Tech Trick

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 23 ก.ค. 2021
  • ระหว่าง Disney Plus และ Netflix อันไหนดีกว่ากัน? ควรเลือกอันไหน?
    ================
    ติดตามผู้นำ tech ได้ที่
    Facebook: / sdtechthailand
    Website: www.sdtech.blog
    LINE: @sdtech (มี@ด้วยครับ)
    ================
    ติดต่อเราได้ที่ (For Marketing)
    063-265-9125
    ================
    Disney VS Netflix
    รีวิว Disney+ Hotstar vs Netflix จ่ายเงินให้ตัวไหน ได้อะไรบ้าง
    เจาะลึก Disney+ vs Netflix:
    Content ใครดีกว่ากัน? สมัครของใครดี?
    ระหว่าง Netflix กับ Disney+ 2 ค่ายสตรีมมิ่งหนังออนไลน์ จ้าวไหนมีอะไรดี มีอะไรเด็ด เจ๋งกว่าขนาดไหน ในคลิปนี้เรามาเปรียบเทียบทั้งสองจ้าวเลย แล้วก็อย่าลืม (Call to Action) ถ้าพร้อมแล้ว Here we go
    นับตั้งแต่การเปิดตัวของ Disney+ ซึ่งในตอนนี้ได้มีการเปิดให้บริการบ้านเรามาได้สักพักหนึ่งแล้ว ก็ยังมีหลายคนได้นำบริการ Disney+ มาเปรียบเทียบกับ Netflix จนกลายเป็นคำถามคาใจสำหรับใครหลาย ๆ คน
    และในวันนี้จะมาเปรียบเทียบทั้ง 2 ค่ายยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่งหนังทั้งสองค่ายนี้ว่ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้างมาให้รับชมกัน
    1. ราคา
    สิ่งแรกแน่นอนเลยว่าก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการมักจะดูกันที่ “ราคา” โดย Disney + สำหรับลูกค้า AIS จะคิดในอัตราค่าบริการเดือนละ 35 บาท (สำหรับ Presale) แต่ถ้าเป็นราคาใน ณ ขณะนี้อยู่จะคิดอัตราค่าบริการเดือนละ 49
    บาท สำหรับลูกค้าทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ AIS จะมีแพ็คเก็ตเดียวเป็นรายปี ปีละ 799 บาท เอามาเฉลี่ยแล้วตกเดือนละ 66 บาทครับ
    ในฝั่ง Netflix จะมีแพ็คเก็จราคารายเดือนให้เราเลือกมีตั้งแต่ราคาเริ่มต้นที่ 99 บาท 279 บาท 349 บาท และ 419 บาท ซึ่งในแต่ละราคาก็มีข้อแตกต่างในเรื่องของจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับต่อ 1 บัญชี และความละเอียดสตรีมมิ่งครับ
    แต่ถ้ามองเพียงแค่ราคาโดยภาพรวมแล้ว Disney+ จะได้เปรียบในเรื่องของราคานะครับ
    2. ความละเอียดสตรีม
    อย่างที่สองสำคัญไม่แพ้กันนั้นก็คือ ความละเอียดสตรีมมิ่งในการรับชมวีดิโอ โดยในส่วนของ Disney+ จะรับชมได้ความละเอียดสูงสุดที่ HD แต่เราไม่สามารถปรับความละเอียดได้ด้วยตัวเองว่าเราจะปรับให้มันชัดระดับใดอย่าง 720p 480p
    ในฝั่ง Netflix รองรับที่ระดับ Ultra HD พูดกันง่าย ๆ คือ โคตรชัดยิ่งกว่า HD สูงสุดที่ 4K และเราสามารถปรับตั้งค่าความละเอียดได้เองด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับแพ็คเก็จที่เราซื้อด้วยว่าแพ็คเก็จที่ซื้อนั้นรองรับความละเอียดสูงสุดที่เท่าไหร่อย่างราคาแพ็คเก็จมือถือและพื้นฐานจะได้รับชมสูงสุดที่ SD 480p หากเป็นแพ็คเกจมาตรฐานจะได้รับชมสูงสุดที่ Full HD และแบบพรีเมี่ยมรับชมได้สูงสุด 4K
    ในส่วนตรงนี้มองภาพรวมความละเอียดคงต้องยกให้ฝั่ง Netflix เลยครับ
    3. อุปกรณ์ที่รองรับ
    Disney+ จะรองรับมากสุดได้แค่ 2 อุปกรณ์
    Netflix จะรองรับมากสุดที่ 4 อุปกรณ์ต่อ 1 บัญชี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ แพ็คเก็จที่คุณเลือกสมัคร อย่างแพ็คเก้จมือถือและเริ่มต้นจะรองรับได้เพียงแค่ 1 อุปกรณ์ หากเป็นแพ็คเกจมาตรฐานรองรับได้ที่ 2 อุปกรณ์ และแพ็คเก็จแบบพรีเมี่ยมรองรับได้ถึง 4 อุปกรณ์
    จากภาพรวมจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับต่อ 1 บัญชีก็ต้องยกให้ Netflix ตอบโจทย์สุดครับ
    4. Content
    เมื่อสมัครบริการไปแล้ว แน่อนก็ต้องมีคอนเทนส์ให้เราเลือกรับชม ในฝั่ง Disney+ จะมีในส่วนของภาพยนตร์ ซีรี่ย์ อนิเมชั่น ในเครือของ Disney อย่าง 20th Century Fox, Marvel, Pixar รวมไปถึงของ Disney เอง ซึ่งถ้าใครที่ชอบดูจากค่าย Pixar นี้ไม่ควรพลาดเลย รวมไปถึงคอนเทนส์จากฝั่งเอเชียเข้ามาเสริมด้วย ถ้าในส่วนของ Disney+ จะได้เปรียบตรงที่มีการ์ตูนเหมาะกับเด็กและผู้ใหญ่ เข้าถึงคนชมได้ง่ายทุกเพศทุกวัย
    Netflix จะมี Content ที่ให้ได้รับชมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน รวมไปถึงอนิเมะ หนัง ซีรี่ย์ ที่มาจากค่ายดัง ๆ ที่เรารู้จักกันอย่าง Columbia, Warner bro. รวมไปถึงคอนเทนส์ฝั่งเอเชียก็มีมาให้ด้วย นอกเหนือจากนี้ยังมีการแบ่งเซ้กเม้นคนดูด้วยว่าคอนเทนต์นี้เรท 18+ นะ อันนี้เรท 13+ นะ อันนี้เรท 6+ นะ
    จากภาพรวมในเรื่องคอนเทนส์ดูเหมือนว่า Netflix จะมี Content ให้เลือกรับชมมากกว่า แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่อาจต้องเข้าไปดูใน Disney+ อยู่ดี เพราะฉะนั้นส่วนตัวให้เสมอกันครับ
    5. การยกเลิก
    ในส่วนของการยกเลิกการใช้บริการอย่างถ้าในของ Netflix สามารถยกเลิกได้ตลอดเวลา และไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ทั้งสิ้น กับในฝั่ง Disney+ ยังมีเงื่อนไขข้อผูกมัดตรงที่ว่าถ้าเกิดสมัครไปแล้วโดยไม่ติดกับ Operator ของ AIS จะต้องมีการสมัครใช้งาน 1 ปี แต่ถ้าใครที่ได้มีการซื้อแพ็คเกจจากของ AIS ต้องไปติดต่อที่ AIS Center สาขาใกล้บ้านนะครับ
    End Script (บทส่งท้ายและสรุป):
    เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับความแตกต่างระหว่าง Disney+ และ Netflix หวังว่าคลิปนี้อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจสมัครใช้บริการ Streamming ได้นะครับ หากชื่นชอบ vdo นี้ฝากกดไลค์ สับสะไคร้ และอย่าลืมแชร์เรื่องราวดีๆแบบนี้ให้กับเพื่อนของคุณ ครั้งต่อไปอยากให้เราเปรียบเทียบอะไรอีกนั้นคอมเม้นต์มาบอกหน่อยข้างล่าง สั่นกระดิ่งแจ้งเตือนรอไว้เลย ใน SD Tech Trick เพราะเทคโนโลยีไม่มีที่สิ้นสุด เจอกันใหม่ในคลิปหน้า สวัสดีครับ
  • บันเทิง

ความคิดเห็น • 9

  • @Bie02
    @Bie02 2 ปีที่แล้ว

    Wowwรู้ความแตกต่างมากขึ้นเลยค่าา👍💕

  • @kruboom4455
    @kruboom4455 2 ปีที่แล้ว

    ขอบคุณครับ

  • @valoland2317
    @valoland2317 2 ปีที่แล้ว

    คอนเทนดีมากครับ

  • @thunkorndechsook1516
    @thunkorndechsook1516 2 ปีที่แล้ว

    ชอบโน๊ตบุ๊คสั่นนน

  • @user-nt5jv9cm5r
    @user-nt5jv9cm5r 2 ปีที่แล้ว

    เดี่ยวก็คงตาม HBO Go ไปหลังๆเงียบมาก

    • @gabrielsmith4082
      @gabrielsmith4082 ปีที่แล้ว +1

      ตอนนี้ก็ไม่เงียบนะครับ

    • @tidapornchaokuweag
      @tidapornchaokuweag 11 หลายเดือนก่อน

      ชั้นมาจากอนาคต ตอนนี้ฮอตมาก คอนเทนต์ดีขึ้นราคาสบายกระเป๋าเหมือนเดิม