Narcisse by Fragonard สาวสวยใสไร้เรื่องให้จำ

Narcisse by Fragonard (Flower of the year 2023)
Perfumer : Karine Dubreuil-Sereni
TOP NOTES: tangerine, Italian bergamot, Paraguay petitgrain
MIDDLE NOTES: Narcissus, Egyptian jasmine, Turkish rose
BASE NOTES: Honey, wood, musk
เป็นระยะเวลาต่อเนื่องมาหลายปีแล้วที่ Fragonard บ้านน้ำหอมเก่าแกบ้านหนึ่งของฝรั่งเศสที่ปัจจุบันผันตัวทำทั้งพิพิธภัณฑ์ โรงเรียน รับผลิต และทำน้ำหอมขายเอง ที่จะหยิบเอาพรรณไม้สักอย่างมาเชิดชูให้โดดเด่น พร้อมทั้งทำผลิตภัณฑ์มารายล้อมวางขายทั้งสบู่หอม น้ำหอมบ้าน กระทั่งจานวางสบู่ ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมาก็คือดอกนาซิสซัส หรือแดฟโฟดิล
ว่าไปแล้วคนไทยเราไม่คุ้นเคยกับดอกไม้ที่แพี่พันธ์โดยเหง้าหัวชนิดนี้นัก เพราะเติบโตได้ดีที่เมืองนอกเมืองนาที่อากาศเย็น ลำพังข้าพเจ้าเองก็ยังไม่เคยดมเลยสักครั้ง แต่เราคงจะคุ้นเคยกับอาการนาซิสซัส คอมเพล็กซ์ หรือเรื่องเล่าของเด็กหนุ่มผู้ตกหลุมรักเงาของตัวเองจนจมน้ำตายได้ผ่านทางเทพปกรณัมกรีกมากกว่า
แต่หากจะให้ลองบรรยายกลิ่นจาก Absolute หรือสารสกัดเข้มข้นจากดอกนาซิสซัสที่เรียกได้ว่าเป็นทองคำสีขาว เพราะราคาแพงระยับเนื่องจากมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวเพียง 4 เดือน มีนาคม - มิถุนาคมของทุกปี เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็ต้องเข้าขั้นตอนการสกัดภายใน 24 ชั่วโมงด้วย ก็ยิ่งทำให้มีราคาสูง กลิ่น Absolute อันแสนเข้มข้นของนาซิสซัสนั้นรุนแรง ให้ความรู้สึกมันลื่นคาวเขียวคล้ายซ่อนกลิ่น มะลิ หรือพวกดอกไม้ขาว บางมุมก็คล้ายฉี่แมว แต่ก็ให้ความรู้สึกลึกลับคล้ายหนังเน่า หรือพวกรองเท้าหนังแท้แช่น้ำนาน ๆ หรือเปลือกกล้วยงอม ๆ ได้เหมือนกัน พูดแบบนี้เหมือนไม่ดีใช่ไหมคะ อิอิ แต่พอทำละลายมาแล้วก็จะได้กลิ่นคล้ายมะลิผสมลิลลีหุบเขา แต่เข้มเขียวกว่าหน่อยเท่านั้นเองคะ่
กลิ่นนี้คุณ Karine Dubreuil-Sereni สุคนธกรตั้งใจเรียกความทรงจำเมื่อเธอไปพักผ่อนที่บ้านคุณยายของเธอสมัยยังเล็ก เป็นความทรงจำที่ดีของฤดูใบไม้ผลิ กลิ่น Narcisse ของ Fragonard จึงมิได้ดำดิ่งหรือเข้มข้นแต่อย่างใดค่ะ นำเสนอด้านบวก ความสดใส และความสดชื่น สว่าง กระจ่างของการเข้าฤดูใบไม้ผลิที่แสนสุขมากกว่าสิ่งใด เนื้อกลิ่นแผ่วเบา แว่วหวาน และไม่มีผิดพลาดที่ตรงไหนเลยนะคะ สมมง สมมาตราฐานบ้านน้ำหอมเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสแต่...น่าเบื่อไปหน่อยค่ะ อิอิ
คือให้นึกถึงผู้หญิงเรียบ ๆ ท่านหนึ่งที่ทำทุกอย่างได้ดีแต่ก็ไม่มีอะไรเด่น มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่พูดคำหยาบ ไม่ออกเที่ยว อยู่ติดบ้านไม่ออกไปไหน แต่ถ้าใครจะแวะมาเยี่ยมก็ไม่รังเกียจ อะไรประมาณนั้นค่ะ ซึ่งถามว่าผิดไหม ไม่ผิดเลยค่ะ โก๋เองก็ชอบกลิ่นง่าย ๆ แบบนี้ แต่เสียดายว่าโก๋มีกลิ่นแบบนี้เยอะแล้ว กลิ่นกันตายที่ใช้ได้เรื่อย ๆ ทุก ๆ วันอย่าง เพลชเชอร์ ของเอสเต้ ลอเดอร์ หรือ 4711 ICE หรือกระทั่ง Dirty by Lush หรือ Herba Fresca ของ Guerlain ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีโอกาสได้หยิบใช้น้องอีกแล้ว อะไรทำนองนั้น
ลองฟังดูนะคะว่ามันยังไง คือกลิ่นเปิดสดใสจากกลิ่นผลไม้และตระกูลซิตตรัสที่เปรี้ยวอมหวาน เขียวเย็นสดชื่นคล้ายอากาศยามสาย แดดกระจ่างแล้ว ฟ้าแจ้งเต็มที่ กลิ่นซิตรัสทีให้มาก็อมน้ำ มีความชื้นฉ่ำเล็กน้อย ก่อนจะนำไปสู่กลิ่นกลางอย่างรวดเร็วก็คือความหอมหวานของดอกมะลิเขียวสด และมีกลิ่นช้ำน้ำของดอกกระดิ่งหรือลิลลี่หุบเขามาบางเบา อาจจะมีกุหลาบบ้างแต่ก็น้อยมาก และโก๋ก็จับคาแรคเตอร์กลิ่นของดอกนาซิสซัสที่เป็นนางเอกแทบไม่ได้เลยค่ะ กลิ่นไม่ได้มีคาแรคเตอร์ของนาซิสซัสให้ชัดมากนัก กลิ่นช่วงนี้จะทิ้งค้างอยู่ราว 30-60 นาทีก่อนจะยิงเข้าเบสที่เป็นมัสค์เจือกับน้ำผึ้งเปรี้ยวอับเล็ก ๆ อย่างยาวนานแล้วจึงระเหยหาย เจอเหงื่อ เจออากาศร้อนก็ไม่พื้นคืนชีพ นี่ถ้าช่วงต้นมีสไปซ์แปร่งปร่า หรือพริกเสฉวนซาบซ่าก็จะนึกถึง Cavatina by Perfumes Dusita เลยค่ะ แต่ก็ไม่มีนะคะ สงบเสงี่ยมเรียบร้อย มองโลกสวยงาม มีรอยยิ้มจาง ๆ ในใบหน้าแล้วก็ร่ำลากันไปอย่างเงียบเชียบ
เน้นย้ำอีกครั้งนะคะว่าน้องไม่ใช่ไม่หอม และห่างไกลจากคำว่าไม่ดีไปเยอะเลย กลิ่นถึงพร้อมในทุกด้านของความงาม มีทุกอย่างที่น้ำหอมดี ๆ ควรมี แพคเกจเอยอะไรเอยก็น่ารักไปทั้งหมด แต่ก็อย่างว่านะคะ มันขาดคาแรคเตอร์อะไรสักอย่างไป ทำให้โก๋รู้สึกว่าถ้าเอาไว้คงเก็บลืม ไม่มีเหตุที่จะต้องรื้อน้องมาใช้แน่นอน เป็นคนดีที่ไม่มีอะไรน่าจดจำค่ะ อิอิ
แล้วถ้าน้องจะมีจุดอ่อนอะไรสักอย่างก็คงจะเป็นความติดทนกระมังคะ เพื่อรักษาเนื้อกลิ่นให้โปร่งใส ไม่เวียนหัวก็ต้องแลกมากับความไม่ทนทาน และเบเาโหวงซึ่งจะหายไปในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมงค่ะ ใส่ไปไหนก็ได้หมดแหละ ยิ่งถ้าเป็นงานที่ต้องรีบไปรีบกลับก็ยิ่งเหมาะเพราะถ้าเราไม่กลับ น้องก็จะขอตัวกลับก่อน หรือจะใส่เล่นใส่หัว ใส่ไปทำงานง่าย แล้วกลางคืนจะไปเที่ยวเล่นต่อค่อยใส่อีกกลิ่นทับก็ได้ กลิ่นก็จะไม่กวนกันดีค่ะ
ขอให้สนุกกับกลิ่นหอมนะคะ :)