ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ขอบคุณมากครับ ฟังแล้วจะพยายามทำความเข้าใจให้ได้ 😅
ผมคิดอย่างงี้ครับ ถ้ากราฟสูง 1 Volt เราไม่ต่ออะไรเลย เมื่อไม่มีอะไรดึงไปใช้ Impedance ฝั่งโหลดเป็น Infinity กราฟจึงสูง 1 Volt เท่าเดิมเป๊ะ....ถ้าเราเอาลงกราวด์เลย Impedance เหลือ 0 กราฟเหลือ 0 Volt ไม่ว่าจะจ่ายมาเท่าไหร่ก็ลงกราวด์หมด....ถ้าอยู่ระหว่าง 0-Infinity กราฟก็จะสูงระหว่าง 0-1V ผกผันกับการดึงไปใช้ ถ้า Impedance ฝั่งโหลดสูง ดึงไปใช้น้อย กราฟก็เหลือต่ำกว่า 1 Volt นิดหน่อย....มันจะทำให้เข้าใจเรื่อง Damping factor ของลำโพงด้วยครับ เช่น ขณะที่ลำโพงกำลังจะเด้งตัวออก แต่กราฟบอกให้เลื่อนเข้า จึงดึงพลังงานไปเยอะเพื่อขยับดอกสวนทางแรงเฉื่อยของดอกที่กำลังเด้งออก ทำให้ตำแหน่งจริงของดอกลำโพงไม่ตรงกับตำแหน่งความสูงของสัญญาณขับ ถ้าไม่ตรงมากๆก็จะเกิด Distortion สูงจนได้ยินได้ ซึ่งความเพื้ยนเป็นไปตามความช้าของลำโพง ซึ่งขึ้นอยู่กับมวลของกรวยลำโพง (พอเอาหลายเรื่องมารวมกันมันจะเข้าใจยากมาก แต่เกี่ยวข้องกันหมด แต่จุดสำคัญคือสัญญาณที่รับรู้ของอุปกรณ์ฝั่งรับหรือตำแหน่งของดอกลำโพงต้องสอดคล้องกับตำแหน่งของสัญญาณที่จ่ายมาให้มากที่สุด จึงจะได้ Distortion ต่ำที่สุด)ดูไป 20 กว่านาที ไม่ค่อยเก็ทครับ คงต้องรีเพลย์....
สาเหตุที่เสียงต่างกัน เกิดจาก Damping Current.ถ้า Load Imp มีค่ายิ่งสูงทำให้เสียงของ sm58 มันอุ่น ๆ ตุ่น ๆ ย้วย ๆ หรือมี Resonance แปลก ๆ อย่างที่รู้กัน เพราะ Low to High Imp ใช้กระแสน้อย เนื้อน้ำจึงน้อย แต่ความแรงสัญญาณเป็นปกติ.ถ้า Load Imp ต่ำลงแต่ไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับ Source Imp เท่ากับต้นทางต้องให้กระแสมากขึ้น (เหมือนแอมป์) เมื่อเนื้อน้ำเยอะขึ้นที่ความแรง (แรงดัน) เท่าเดิม ต้องพิจารณาว่าต้นทางยังสามารถให้กระแสได้เพียงพอหรือไม่ (ซึ่งไมค์ไดนามิกเพียว ๆ มันไม่ค่อยพอ) .ถ้ายังพอ ก็ได้ความแรงสัญญาณ (ความแรงน้ำ) แทบเท่าเดิม เนื้อน้ำมากขึ้นตามอัตราส่วนของ “รู” หรือ Load Imp อย่างที่อธิบายไว้ ไม่มีผลต่อเสียงเท่าไหร่.แต่ถ้าไม่พอ (ส่วนใหญ่) ก็ได้ความแรงสัญญาณต่ำลงและเนื้อน้ำที่ต่ำลงด้วย (ตำกว่าอัตราส่วน) ดังนั้นการแมชแบบเป๊ะ ๆ Source-Load จะได้ความแรงสัญญาณที่ปลายทางต่ำลง และเสียงที่เปลี่ยนไปจาก Damping Current ที่มากขึ้น ซึ่งอธิบายหมา ๆ คือมีแรงต้านการชักเข้าชักออกของไดอะแฟรมไมค์ไดนามิก ซึ่งทำให้เสียงเปลี่ยนและหลายครั้งรู้สึกว่าเสียงเปลี่ยนไป เข้าร่องเข้ารอยกว่าเดิม หรือบางคนบอกว่าแฟลตขึ้น.ถ้า Source สูงกว่า Load ก็เท่ากับต้นทางจ่ายกระแสไม่ไหวจริง ๆ จนทำให้ความแรงสัญญาณลดลงกว่าเดิม (แรงดันน้ำตก) และเนื้อน้ำ (กระแส) น้อยกว่าอัตราส่วนของ “รู” ดังนั้นแม้ยังมีเสียง แต่เสียงที่ได้ก็แรงน้อยลงและมักอู้อี้ แต่ถ้า Source สูงกว่า Load มาก ๆ ก็อาจไม่มีอะไรไหลออกมาเลยก็ได้
เผลอเปิดไฟ phantom +48v ใส่ sm58 ประมาณ5นาที มีผลต่อหม้อแปลงและเสียงมั๊ยครับ
กว่าจะเป็นความต้านทานทางไฟฟ้าสลับ ความต้านทางเชิงเสียง(อากาศ) ความต้านทานเชิงกล ท้ายสุดความต้านทานไฟฟ้าสลับ(impedance)
หาไมค์ 100 , 200 300 โอม มาเทส มีหม้อแปลง ไม่มี กับ มี อันไหนเสียงดี กว่า
เทสไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะจะมองเห็นแค่การตอบสนองความถี่ที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ส่วนเสียงดีหรือไม่มันขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล
Sm58 ยังมีขายไหมพี่
มีครับ ผมก็ซื้อใช้ มีแบบ ไม่มีสวิทช์ กับ มีสวิทช์ครับ ราคา 4990 ครับ(มีสวิทช์) ที่ผมใช้
มีอะไรฟังตอนขับรถแล้ว😆
คลิปนี้ยากจัง
วิชา Electro Acoustics เป็นวิชายากกวิชาหนึ่งในสาขา Electronics นี่เขายังไม่พูดถึงเรื่องห้อง เรื่องตู้ เรื่องช่องกลม ช่องเหลี่ยม กระบอกกลม นะ อ้อยังมีเรื่อง หู มนุษย์ลามไปถึงจิตวิทยาเสียงอีก
ขอบคุณมากครับ ฟังแล้วจะพยายามทำความเข้าใจให้ได้ 😅
ผมคิดอย่างงี้ครับ ถ้ากราฟสูง 1 Volt เราไม่ต่ออะไรเลย เมื่อไม่มีอะไรดึงไปใช้ Impedance ฝั่งโหลดเป็น Infinity กราฟจึงสูง 1 Volt เท่าเดิมเป๊ะ....
ถ้าเราเอาลงกราวด์เลย Impedance เหลือ 0 กราฟเหลือ 0 Volt ไม่ว่าจะจ่ายมาเท่าไหร่ก็ลงกราวด์หมด....
ถ้าอยู่ระหว่าง 0-Infinity กราฟก็จะสูงระหว่าง 0-1V ผกผันกับการดึงไปใช้ ถ้า Impedance ฝั่งโหลดสูง ดึงไปใช้น้อย กราฟก็เหลือต่ำกว่า 1 Volt นิดหน่อย....
มันจะทำให้เข้าใจเรื่อง Damping factor ของลำโพงด้วยครับ เช่น ขณะที่ลำโพงกำลังจะเด้งตัวออก แต่กราฟบอกให้เลื่อนเข้า จึงดึงพลังงานไปเยอะเพื่อขยับดอกสวนทางแรงเฉื่อยของดอกที่กำลังเด้งออก ทำให้ตำแหน่งจริงของดอกลำโพงไม่ตรงกับตำแหน่งความสูงของสัญญาณขับ ถ้าไม่ตรงมากๆก็จะเกิด Distortion สูงจนได้ยินได้ ซึ่งความเพื้ยนเป็นไปตามความช้าของลำโพง ซึ่งขึ้นอยู่กับมวลของกรวยลำโพง (พอเอาหลายเรื่องมารวมกันมันจะเข้าใจยากมาก แต่เกี่ยวข้องกันหมด แต่จุดสำคัญคือสัญญาณที่รับรู้ของอุปกรณ์ฝั่งรับหรือตำแหน่งของดอกลำโพงต้องสอดคล้องกับตำแหน่งของสัญญาณที่จ่ายมาให้มากที่สุด จึงจะได้ Distortion ต่ำที่สุด)
ดูไป 20 กว่านาที ไม่ค่อยเก็ทครับ คงต้องรีเพลย์....
สาเหตุที่เสียงต่างกัน เกิดจาก Damping Current
.
ถ้า Load Imp มีค่ายิ่งสูงทำให้เสียงของ sm58 มันอุ่น ๆ ตุ่น ๆ ย้วย ๆ หรือมี Resonance แปลก ๆ อย่างที่รู้กัน เพราะ Low to High Imp ใช้กระแสน้อย เนื้อน้ำจึงน้อย แต่ความแรงสัญญาณเป็นปกติ
.
ถ้า Load Imp ต่ำลงแต่ไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับ Source Imp เท่ากับต้นทางต้องให้กระแสมากขึ้น (เหมือนแอมป์) เมื่อเนื้อน้ำเยอะขึ้นที่ความแรง (แรงดัน) เท่าเดิม ต้องพิจารณาว่าต้นทางยังสามารถให้กระแสได้เพียงพอหรือไม่ (ซึ่งไมค์ไดนามิกเพียว ๆ มันไม่ค่อยพอ)
.
ถ้ายังพอ ก็ได้ความแรงสัญญาณ (ความแรงน้ำ) แทบเท่าเดิม เนื้อน้ำมากขึ้นตามอัตราส่วนของ “รู” หรือ Load Imp อย่างที่อธิบายไว้ ไม่มีผลต่อเสียงเท่าไหร่
.
แต่ถ้าไม่พอ (ส่วนใหญ่) ก็ได้ความแรงสัญญาณต่ำลงและเนื้อน้ำที่ต่ำลงด้วย (ตำกว่าอัตราส่วน) ดังนั้นการแมชแบบเป๊ะ ๆ Source-Load จะได้ความแรงสัญญาณที่ปลายทางต่ำลง และเสียงที่เปลี่ยนไปจาก Damping Current ที่มากขึ้น ซึ่งอธิบายหมา ๆ คือมีแรงต้านการชักเข้าชักออกของไดอะแฟรมไมค์ไดนามิก ซึ่งทำให้เสียงเปลี่ยนและหลายครั้งรู้สึกว่าเสียงเปลี่ยนไป เข้าร่องเข้ารอยกว่าเดิม หรือบางคนบอกว่าแฟลตขึ้น
.
ถ้า Source สูงกว่า Load ก็เท่ากับต้นทางจ่ายกระแสไม่ไหวจริง ๆ จนทำให้ความแรงสัญญาณลดลงกว่าเดิม (แรงดันน้ำตก) และเนื้อน้ำ (กระแส) น้อยกว่าอัตราส่วนของ “รู” ดังนั้นแม้ยังมีเสียง แต่เสียงที่ได้ก็แรงน้อยลงและมักอู้อี้
แต่ถ้า Source สูงกว่า Load มาก ๆ ก็อาจไม่มีอะไรไหลออกมาเลยก็ได้
เผลอเปิดไฟ phantom +48v ใส่ sm58 ประมาณ5นาที มีผลต่อหม้อแปลงและเสียงมั๊ยครับ
กว่าจะเป็นความต้านทานทางไฟฟ้าสลับ ความต้านทางเชิงเสียง(อากาศ) ความต้านทานเชิงกล ท้ายสุดความต้านทานไฟฟ้าสลับ(impedance)
หาไมค์ 100 , 200 300 โอม มาเทส มีหม้อแปลง ไม่มี กับ มี อันไหนเสียงดี กว่า
เทสไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะจะมองเห็นแค่การตอบสนองความถี่ที่เปลี่ยนไปเท่านั้น ส่วนเสียงดีหรือไม่มันขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล
Sm58 ยังมีขายไหมพี่
มีครับ ผมก็ซื้อใช้ มีแบบ ไม่มีสวิทช์ กับ มีสวิทช์ครับ ราคา 4990 ครับ(มีสวิทช์) ที่ผมใช้
มีอะไรฟังตอนขับรถแล้ว😆
คลิปนี้ยากจัง
วิชา Electro Acoustics เป็นวิชายากกวิชาหนึ่งในสาขา Electronics นี่เขายังไม่พูดถึงเรื่องห้อง เรื่องตู้ เรื่องช่องกลม ช่องเหลี่ยม กระบอกกลม นะ อ้อยังมีเรื่อง หู มนุษย์ลามไปถึงจิตวิทยาเสียงอีก