ลักษณะ อริยบุคคล ผู้มีดวงตาเห็นธรรม โดยหลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 9 เม.ย. 2024
  • แบ่งปันบันทึกเสียง หลวงพ่อพุทธทาส เทศสอนเรื่อง ผู้มีดวงตาเห็นธรรม อริยบุคคล ฝึกตนให้เห็นธรรม อริยะทรัพย์ที่จะติดตัวไป
    ดวงตาเห็นธรรม คือ อะไร ธรรมะคือธรรมชาติ โดยหลวงพ่อชา
    "เมื่อเราดูใจเราเมื่อใด ก็ให้มีสติจ้องอยู่อย่างนั้น เมื่อมีสติมันก็มีปัญญามองเห็นว่า ไม่ว่าที่ใดก็ตาม ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม และไม่ว่าจะเป็นใครพูดอะไรก็ตาม มันล้วนแล้วแต่เป็นธรรมะทั้งนั้น ถ้าเรารู้จักนำมาคิด
    ธรรมะทั้งหลายคือธรรมชาติที่มันเป็นอยู่ของมัน มันล้วนแต่เป็นธรรมะทั้งหมด ทีนี้เมื่อเราไม่รู้ข้อปฏิบัติ ไม่รู้ว่าสิ่งทั้งหลายคือธรรมะ เราจึงอาศัยแต่การอบรมจากครูบาอาจารย์ แต่ความจริงแล้ว เราควรพิจารณาสภาวะธรรมชาติรอบตัวทุกอย่าง อย่างต้นไม้อย่างนี้ ธรรมชาติของมันก็เกิดขึ้นมาจากเมล็ดของมัน แล้วมันก็โตขึ้นมาเรื่อยๆ
    ถ้าเราพิจารณา เราก็จะได้ธรรมะจากต้นไม้ แต่เราไม่สามารถเข้าใจว่าต้นไม้ก็ให้ธรรมะได้ เมื่อมันใหญ่ขึ้นมาใหญ่ขึ้นมาจนเป็นดอก จนมันออกผล เราก็รู้เพียงว่าต้นไม้มันเป็นดอก มันออกผลมา แต่ไม่รู้จักน้อมเข้ามาเป็นโอปนยิโก คือน้อมเข้ามาในใจของเรา เลยไม่รู้ว่าต้นไม้ก็เทศน์ให้เราฟังได้
    มันก็เหมือนกันกับเรา มันก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะเราก็เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกส่วนของมันก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ มันเปลี่ยนสภาวะของมันไปเรื่อยๆ เหมือนกันกับต้นไม้ ถ้าเราน้อมเข้ามาดูแล้ว จะเห็นว่าต้นไม้เป็นอย่างไร เราก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
    มองให้เห็นความจริงของสิ่งทั้งปวง
    มนุษย์ทั้งหลายเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาเบื้องต้น ท่ามกลางแล้วก็แปรไป ขน เล็บ ฟัน หนัง มันก็แปรไป มันไม่อยู่เหมือนเดิม สิ่งเหล่านี้ถ้าเราไม่รู้จักต้นไม้ เครือเขาเถาวัลย์เหล่านั้นก็เหมือนกับเราไม่รู้จักตัวของเรา ถ้าเราน้อมเข้ามาเป็นโอปนยิกธรรม จึงจะรู้จักว่าต้นไม้เครือเขาเถาวัลย์นั้นก็เหมือนกับเรา คนเราเกิดมาผลที่สุดแล้วก็ตายไป คนใหม่ก็เกิด มาต่อไป อย่างผมขนเล็บ ของเราเกิดมาก็แปรไป ผมขนเล็บหลุดร่วงไปก็งอกขึ้นมาใหม่ สลับเปลี่ยนกันไปอย่างนี้ไม่หยุดสักที ความเป็นจริงนั้น ถ้าหากเราเข้าใจในข้อปฏิบัติ ก็จะเห็นว่าต้นไม้ก็ไม่แปลกไปจากเรา จะเห็นของสะอาดของสกปรกก็ไม่แปลกไปจากเรา เพราะมันเป็นอย่างเดียวกัน
    ถ้าเราเข้าใจธรรมะ เข้าใจฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์ มันเปรียบเหมือนกับที่ข้างในกับข้างนอก สังขารที่มีวิญญาณครองและไม่มีวิญญาณครองนี่มันก็เหมือนกัน ไม่ได้แปลกอะไรกัน ถ้าเราเข้าใจว่ามันเหมือนกันแล้ว เราเห็นต้นไม้ว่าเป็นอย่างไร เราก็จะเห็นขันธ์ของเราคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ก้อนสกลร่างกายของเรานี้ก็เช่นกัน มันก็ไม่ได้แปลกอะไรกัน ถ้าเรามีความเข้าใจเช่นนี้ เราก็จะเห็นธรรม เห็นอาการของขันธ์ห้าของเราว่า มันเคลื่อน มันไหว มันพลิกมันแพลง มันเปลี่ยนมันแปลงไปไม่มีหยุด
    ทีนี้ ไม่ว่าเราจะยืนจะเดินหรือนั่งหรือนอน ใจของเราก็จะมีสติคุ้มครองระวังรักษาอยู่เสมอ เมื่อเห็นของภายนอกก็เห็นของภายใน ถ้าเห็นของภายในก็เห็นของภายนอก เพราะมันเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราเข้าใจอย่างนี้ เราก็ได้ฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้าแล้ว ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็เรียกว่า “พุทธภาวะ” คือผู้รู้เกิดขึ้นมาแล้ว เกิดขึ้นมาแล้วมันรู้แล้วรู้อาการภายนอก รู้อาการภายใน รู้ธรรมทั้งหลายต่างๆที่มันเป็นมา
    ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ แม้เรานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ก็เหมือนกันกับพระพุทธเจ้าท่านเสด็จมาเทศน์โปรดเรา เราได้ฟังเทศน์ของพระพุทธองค์อยู่เสมอ เราจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ก็ได้ฟัง เราจะได้เห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส โผฏฐัพพะธรรมารมณ์ อันนี้เราก็ได้ฟังเทศน์อยู่เสมอ เหมือนกับพระพุทธเจ้าเทศน์ให้เราฟัง พระพุทธเจ้าก็คือผู้รู้อยู่ในใจของเรานี้แหละ
    ทธภาวะคือตัวผู้รู้ คือดวงจิตของเรานี้เกิดรู้เกิดสว่างมาแล้ว ตัวนี้เแหละจะพาเราพิจารณาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ธรรมก็คือพุทธเจ้าองค์นี้แหละ ถ้าตั้งพุทธะเอาไว้ในใจของเรา คือความรู้สึกมันมีอยู่อย่างนี้ เราเห็นมดเราก็พิจารณาไป มันก็ไม่แปลกจากเรา เห็นสัตว์ก็ไม่แปลกจากเรา เห็นต้นไม้ก็ไม่แปลก เห็นคนทุกข์คนจนก็ไม่แปลกกัน เห็นคนร่ำรวยก็ไม่แปลกกัน เห็นคนดำขาวก็ไม่แปลกกัน เพราะสิ่งเหล่านี้มันตกอยู่ในสามัญลักษณะอันเดียวกัน คือลักษณะอันเดียวกัน
    ดวงตาเห็นธรรมนั้นคือดวงตาเห็นอะไร คือดวงตาเห็นสิ่งใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดเป็นเบื้องต้น ความแปรไปเป็นท่ามกลาง ความดับเป็นที่สุด สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็คือทั้งหมดจะเป็นรูปก็ช่าง จะเป็นนามก็ตาม สิ่งใดสิ่งหนึ่งครอบรวมเลยทีเดียวได้แก่ ธรรมชาติทั้งหมดเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะเป็นรูปธรรมก็ช่าง จะเป็นนามธรรมก็ตาม เกิดขึ้นแล้วก็แปรดับไป อย่างตัวสกลร่างกายของเราก็เหมือนกัน มันเกิดแล้วก็แปรไปตามธรรมดาของมันแล้วมันก็ดับไป
    วิญญาณ จิต ผู้รู้ ผู้คุ้มครองภายใน
    ผู้คุ้มครองอยู่ซึ่งกายนี้ก็คือวิญญาณผู้รู้นี้แหละ ผู้รู้ผู้เดียวนี้แหละ ตัววิญญาณนี้ตัวเดียวเกิดขึ้นที่ไหนก็เรียกว่าผู้รู้ทั้งนั้น เกิดทางตา เกิดทางหู จมูก ลิ้น กาย จิต
    วิญญาณคือผู้รู้ผู้เดียว คือดวงจิตของเรา ผู้รู้นี้แหละจะเป็นเหตุให้มีอำนาจสามารถรู้สภาวะหรือธรรมชาติตามเป็นจริง...."
    เมื่อดวงตาเห็นธรรม ก็หลุดพ้นจากอุปาทาน
    ดวงตาอันนั้นก็คือผู้รู้แจ้งนั่นเอง เรียกว่าดวงตาเห็นธรรม คือเห็นธรรมหรือธรรมดาอันนี้เอง เมื่อเห็นชัดลงไปอย่างนี้ก็ถอนอุปาทานได้
    ฉะนั้น การถอนอุปทานได้นี้ จึงรู้สึกว่ามันเกิดผู้รู้ขึ้นมาจริงๆ เมื่อก่อนก็รู้อยู่เหมือนกันแต่มันถอนอุปาทานไม่ได้ นั่นเรียกว่าผู้รู้ธรรม อยู่แต่ไม่เห็นธรรม เห็นธรรมอยู่แต่ไม่เป็นธรรม เพราะไม่รู้ตามสภาวะของมัน ฉะนั้นพระบรมศาสดาท่านจึงตรัส “อัญญาสิ วต โภ โกณทัญโญ” ได้รู้แล้วหนอ รู้แล้วหนอ รู้อะไรล่ะ ท่านรู้อะไร ก็คือได้รู้ธรรมชาติที่มันเป็นอยู่นี่เอง
    ที่มา หลวงปู่ชา สุภัทโท
    หาอ่านเพิ่มเติมได้จาก หนังสือ หมวด: นอกเหตุเหนือผล

ความคิดเห็น • 13

  • @wimolsaelim7386
    @wimolsaelim7386 หลายเดือนก่อน +3

    ขอบคุณท่านอาจารย์ค่ะ ท่านอธิบายละเอียดดี ในเรื่องความว่าง ทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้น สาธุ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน +1

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน +1

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน +1

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

  • @user-wp5pd5vs6r
    @user-wp5pd5vs6r 14 วันที่ผ่านมา +1

    ๑๙ พค. ๖๗
    กราบเท้าท่านอาจารย์พุทธทาส 🙏

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  14 วันที่ผ่านมา

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

  • @bunrot888
    @bunrot888 หลายเดือนก่อน +2

    สาธุครับ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

  • @user-ij4kr7zt4o
    @user-ij4kr7zt4o หลายเดือนก่อน +1

    อนุโมทนาสาธุ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ

  • @Tanaputuber
    @Tanaputuber หลายเดือนก่อน +1

    สาธุ สาธุ สาธุ

    • @Ami.Amornrat.psychologistTV
      @Ami.Amornrat.psychologistTV  หลายเดือนก่อน

      ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นคะ