คนที่สติยังไม่ทันความคิด ต้องมาฝึกสติซะก่อน มันเผลอก็เอามารู้ตัว หลวงพ่อสรศักดิ์ โชติโย
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 5 ก.พ. 2025
- หลวงพ่อสรศักดิ์ โชติโย วัดป่าเลโค๊ะ อ.แม่สอด จ.ตาก
• วิธีนี้ไม่ยากเลย ที่ยากเพราะเราไม่อยากให้มันคิด ไปบังคับ คอยบริกรรมข่มมันไว้ ไม่อยากให้มันคิด จะให้มันนิ่งอยู่ทั้งวันทั้งคืน มันไม่มีปัญญาหรอก ก็ได้แค่นั้นนะ ทำจนตายก็ได้แค่นั้น เพราะเรามันไม่ได้คิดปรุงคิดแต่งอะไร เนี่ยมันเป็นการฝึกสติ เอาความคิดมาเป็นเครื่องฝึกสติ มันคิดไป เอามารู้ตัว คนที่ยังไม่ทันความคิดนะ คิดไป เอามารู้ตัว ไม่ต้องไปห้ามมันไม่ให้คิด ไม่ใช่มันคิดมาก็หงุดหงิด เพราะเราไม่อยากให้มันคิด หงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้วเนี่ย ทุกข์อีกแล้วเนี่ย เป็นทุกข์ เพิ่มทุกข์โดยไม่จำเป็น เลยเป็นทุกข์โดยไม่จำเป็น ปล่อยให้มันคิดไป แล้วเราอย่าไปกับมัน เอามารู้ตัว สำหรับคนที่ยังไม่ทันความคิดนะ ถ้าคนทันความคิดแล้ว มันคิดมาก็รู้เฉยๆ มันจะคิดอดีตมาก็รู้เฉยๆ คิดอนาคตมาก็รู้เฉยๆ มันจะเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาก็รู้เฉยๆ เนี่ยไม่เข้าไปเป็น เขาเรียกว่าทำจิตให้เป็นกลาง มันจะเป็นกลางได้ เราก็ต้องรู้เฉยๆ และไม่เข้าไปเป็นอะไรกับมัน สุขก็ไม่ไปสุขกับมัน ทุกข์ก็ไม่ไปทุกข์กับมัน รู้เฉยๆ เนี่ยมันอยู่ตรงกลาง อยู่ตรงกลางนี่ตัวเราจะไม่มีในการอยู่ตรงกลาง รู้เฉยๆจะไม่มีตัวเรา แต่ถ้าเราเข้าไปสุขมันก็มีตัวเรา เราเข้าไปทุกข์มันก็มีตัวเรา มันมีตัวเราทั้งสองฝั่ง ถ้าอยากไม่ให้มีตัว ก็คือรู้เฉยๆอยู่ตรงกลางอย่างเดียว มันโกรธก็รู้เฉยๆ มันชอบก็รู้เฉยๆ มันยินดีก็รู้เฉยๆ มันยินร้ายก็รู้เฉยๆ เนี่ยไม่ไปกับมันคืออยู่ตรงกลาง มันไม่มีตัวตน ต่อไปจะหมดตัวหมดตน หมดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ตัวตนจะหายหมดทีนี้ อันนี้มันไม่หาย เพราะว่าเราชอบก็ไปกับมัน ไม่ชอบก็ไปกับมัน มันไม่เฉย
• ถ้าคนยังไม่ทันความคิด ยังรู้รู้เฉยๆยังงี้ไม่ได้ มันชอบก็เอามารู้ตัว มันไม่ชอบก็เอามารู้ตัว อย่าไปปรุงไปแต่งต่อ ไม่ไปเติมเชื้อให้มัน มันก็เบาหมดเหมือนกัน มันก็ค่อยสะสมไปเรื่อย สติมันสะสมไปเรื่อย มันก็เป็นสมาธิจิตตั้งมั่น มันก็ทันความคิด มันก็ถึงจะรู้เฉยๆยังงี้ได้ มันก็รู้เฉยๆแล้วทีนี้ เนี่ยมันต้องตามสเต็บแบบนี้ มันจะมารู้เฉยๆเลยทีเดียว มันจะไปดูจิต พอเห็นหน้ากัน อ้าวดูจิตนะ มันดูไม่ได้ เพราะยังไม่ทันความคิด จะไปดูจิตได้ยังไง ก็เป็นบ้าเท่านั่นแหละ ก็ตามมันออกไป มันคิดอะไรมาก็ตามไป เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ไม่จบไม่สิ้น ถ้าตามดูจิตยังงั้นนะ สติมันยังไม่มี จะดูจิตได้ก็คือ เห็นมันคิด เห็นมันโกรธ ยังงี้แล้ว ถึงจะเขาเรียกว่าทันความคิด ทันความโกรธ มันจึงจะมารู้เฉยๆได้ มันต้องตามสเต็ป ไม่ใช่เพิ่งจะอยู่อนุบาล จะไปเหมือนมัธยม เข้ามหาวิทยาลัยเลยมันเป็นไปไม่ได้ มันต้องไล่ตามสเต็ปขึ้นไปแบบนี้ มันก็เป็นสเต็ปของมันอย่างงี้ ก็เหมือนเราเกิดมาออกจากท้องแม่ก็จะวิ่งได้เลย เป็นผู้ใหญ่เลย มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องค่อยเป็นไปตามธรรมชาติของมัน อันนี้มันก็ต้องเป็นตามธรรมชาติของมันเหมือนกัน เรายังไม่มีสติเลยยังเงี้ย เราก็ต้องมาฝึกสติซะก่อน ทำความรู้สึกตัวยังงี้ไปซะก่อน ยืนเดินนั่งนอนก็รู้สึกตัวไป มันเผลอก็เอามารู้เหมือนเดิม ยืนเดินนั่งนอน ทำนู่นทำนี่ มันก็ต้องมีสติรู้อยู่กับงานที่เราทำทั้งวัน มันเผลอก็เอามารู้ตัว เนี่ยคนยังไม่มีสติ ยังไม่ทันความคิด ยังไม่เห็นความคิด ถ้าจนเห็นมันคิด จนเห็นมันโกรธ เห็นมันหงุดหงิด เห็นกายมันทำนู่นทำนี่ เอ้อยังงี้เขาเรียกว่าได้ต้นทางแล้ว มันทันความคิด แยกกายแยกจิตให้เห็นแล้ว คนละอันละส่วน ทีนี้ก็ให้มารู้เฉยๆ นะมันต้องตามสเต็ปยังงั้น แต่ถ้าใครมีพื้นฐานของความสงบอยู่แล้วมันจะไว มันจะไปเห็นความคิดไว ถ้าไม่เคยภาวนามาเลย มันก็ช้าหน่อย เพราะว่าต้องมาฝึกสติรู้ตัวยังงี้ไปก่อน มันก็ต้องตามขั้นตอนนี้ มันถึงจะไปได้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีสติ ไม่เคยภาวนาเลย ก็ให้ดูจิตเลย มันเป็นไปไม่ได้ มันก็บ้า เพราะมันจะไปกับความคิดทั้งวันเลย ตามไม่ทันหรอก จิตมันไว มันคิดสารพัด เราก็ไม่มีสติ มันจะไปดูจิตไม่ได้หรอก มันต้องเห็นกายของหยาบนี้ไปก่อน เคลื่อนไหวไปมา ยืนเดินนั่งนอน เราก็ทำรู้ตัวไปยังงี้ ทำแบบนี้ไปมันไม่เหลือวิสัยหรอก มันทำได้ทุกคนนั่นแหละ อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำเท่านั้นแหละ เรามีแต่เพลินไปกับความคิด คิดมาก็ไปกับความคิดนั่นแหละ ที่มันไม่ได้ผลก็เพราะเราไปกับมัน ก็สติเราไม่ทันมัน มันไปเอากลับมารู้ตัวอีก ใหม่ๆมันก็อาจจะทันช้าหน่อย มันก็ไปไกลแล้วค่อยรู้ทัน ก็ไม่เป็นไร ก็เอากลับมารู้เหมือนเดิมอีก ทำแบบนี้ ต่อไปมันจะถี่เข้าเอง มันจะทันไวขึ้น มันจะรู้ทันถี่เข้า ถี่เข้าไปเรื่อย ก็ทำของเราอยู่อย่างเงี้ย ตลอดเวลานั่นแหละ จนมันเห็นมันคิด เห็นมันโกรธ เห็นมันหงุดหงิดขึ้นมา และก็ค่อยมารู้เฉยๆ
กราบขอบคุณคำสอนท่านพระอาจารย์นะคะ สาธุค่าา กราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งคำสอนพระธรรมนำทางให้ลูกเข้าใจมากขึ้นคะ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณค่าาาสาธุค่าาา
🎉น้อมกราบสาธุค่ะ🎉
สาธุครับสอนใด้ดีมากครับสาธุ
🎉🎉สาธุ สาธุ สาธุ เทศน์ฟังเข้าใจง่ายชัดเจนค่ะ🎉🎉
ผู้เข้าถึงความจริงแล้วมีปัญญา จะมีกายก็ได้ ไม่มีกายก็ได้ อยู่ระหว่างกลางอย่างสมดุลย์เหนือสมมุติปรุงแต่งขึ้นไป ก็เป็นอิสระจากทั้งสองสิ่งว่ามันเป็นของมันอย่างนั่นเองครับ
สาธุ สาธุ หลวงพ่อ สติ สำคัญสุดๆ (อาตาปี สติมา สัมปชาโน )
สาธุๆๆครับ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
🙏🙏🙏
ทำมาเดือนนึงแล้วมีสติดีขึ้น
หลวงพ่อครับ.บางครั่งเห็นความรู้สึก.ตอนล้างมือว่ามือนี้ไม่ไช่มือเรา.มันมีความรู้สึกแวบ.แวบ.เท่านั้น.มันคืออะไรครับ
หลวงพ่อท่านไม่ได้มาอ่านนะครับ
ขออนุญาตออกความเห็นนะคะ อาการเริ่มเห็นว่ากายไม่ใช่เราแล้ว ทำไปเรื่อยๆค่ะ จนกว่าจะเห็นอนัตตา เห็นสภาวะอะไรก็เเค่เห็นแค่รู้ ว่าไปคิดว่ามันวิเศษเดี๋ยวจะไปติดกับดักเอา พอเราหลงยึดชอบใจปั๊ป เสร็จมันหละแค่เลย
ใคร่รบกวนถามหลวงพ่อด้วยความเคารพ...ผลลัพธ์ของการฝึกตามดูความคิดหรือมหาสติฯนี้คืออะไรครับ
จากที่ท่านเทศน์นะครับ “รู้เฉยๆอยู่ตรงกลางอย่างเดียว มันโกรธก็รู้เฉยๆ มันชอบก็รู้เฉยๆ มันยินดีก็รู้เฉยๆ มันยินร้ายก็รู้เฉยๆ เนี่ยไม่ไปกับมันคืออยู่ตรงกลาง มันไม่มีตัวตน ต่อไปจะหมดตัวหมดตน หมดอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ตัวตนจะหายหมดทีนี้”
@cdedochannel565 อือ...ตัวตนหายหมดนี่เป็นอย่างไร..ใช่สภาวะฌานมั้ยครับ?
ไม่รู้ใช่ฌานมั้ย แต่จะไม่ใช่ว่างๆนิ่งๆนะครับ แต่คือไม่มีตัวเราในความคิดอันนั้นน่ะครับ เห็นมันคิด ไม่ใช่เราคิด แต่ฌานน่าจะนิ่งว่างหรือเปล่า จะไม่มีความคิด เป็นสมถะอยู่น่ะครับ
ตามวงจรปฏิจจสมุปบาท พอไม่มีอุปาทานในความคิดปรุงแต่ง เห็นแต่มันคิด ไม่มีเราในความคิดอันนั้น ก็เลยไม่มีอุปาทานในความคิดปรุงแต่ง จึงไม่เกิดทุกข์ตามวงจรปฏิจจสมุปบาท
@@cdedochannel565 เข้าใจแล้วครับ...ตามดูความคิดแล้ววางเฉยไม่เอาจิตไปตามคิดต่อ ตามดูไปเรื่อยๆทำให้ไม่สนใจในกายเพราะจิตไปอยู่กับความคิด
จริงๆผลของการเอาจิตตามดูความคิดคือการรู้ลมหายใจเข้าออกได้เองโดยไม่ต้องตั้งใจตลอดเวลาครับ จิตที่วิ่งทันความคิดจะได้รู้สิ่งที่ละเอียดที่สุดในกายคือลมของตนเองและนี่ไม่ใช่แค่มีสติธรรมดาแต่นี่คือความหมายที่แท้จริงของคำว่า"มหาสติ"
เช่นเดียวกับคำว่าอานาปาฯคือ"ทางสายเอก"ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส เราจะเข้าใจว่าคือการตามดูลมซึ่งความหมายที่ถูกต้องคือการทรงอานาปาฯรู้ลมได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องตั้งใจ ทำอะไรทำไปแต่รู้ลมไปด้วย
ดังนั้นการฝึกมหาสติฯคือการทำให้เป็นผู้รู้ลมไม่ใช่เป็นผู้ตามดูลมและเป็นผู้ทรงสติเสมือนยืนอยู่หน้าประตูของศีลและสมาธิครับ
เรียกว่าเบื้องต้นหลวงพ่อจะเน้นมีสติรู้กายเคลื่อนไหวนะครับ แล้วต่อไปมันจะไปทันความคิด ไปเห็นความคิดได้ ก็ให้รู้เฉยๆ เมื่อมันคิดขึ้นมา มีอารมณ์อะไรขึ้นมา ก็ให้รู้ไว้เฉยๆ มันเฉยอยู่ ก็รู้ไว้เฉยๆ ไม่เข้าไปเป็นความเฉย แต่ถ้ารู้เฉยๆไม่ได้ ก็ให้กลับมารู้ตัวเหมือนเดิมครับ
แต่จะไม่ได้ใช้คำว่า เอาจิตตามดูความคิด
แต่ตอนเป็นมหาสติ คือ มันจะเป็นเองแหละครับ