งูพิษที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 3 ม.ค. 2023
  • งูพิษที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
    เกาะงูคลั่ง อยู่ห่างจากชายฝั่งเซาเปาโลประมาณ 90 ไมล์ ความจริงมันเป็นเกาะที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ชาวบราซิลเกือบทุกคนรู้เกี่ยวกับเกาะนี้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยอยากไปที่นั่น เพราะบนเกาะมีงู “โกลเด้นแลนซ์เฮด” อยู่ประมาณ 2,000 ถึง 4,000 ตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในงูอันตรายที่สุดในโลก
    และเพราะมันเป็นงูที่พบได้เฉพาะบนเกาะนี้เท่านั้น พวกมันจึง “เสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์” ตั้งแต่แรก และด้วยค่าตัวของมันในตลาดมืดที่แพงสุดๆ (10,000 - 30,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3 แสน - 1 ล้านบาท!) และมันยังแพงขึ้นเรื่อยๆ งูชนิดนี้จึงเป็นเป้าหมายของพวกลักลอบค้าสัตว์
    งูบนเกาะที่วิวัฒนาการมาเป็นพิเศษ
    แม้นักวิจัยจะบอกว่า มันคืองูพิษร้ายสุดๆ แต่หากไปค้นดูข้อมูลการจัดอันดับ จะไม่พบชื่อของ “โกลเด้นแลนซ์เฮด” ติดอันดับ นั้นเพราะมันเป็นงูที่โดดเดี่ยวอย่างมาก อย่าว่าแต่โดนมันกัดเลย แค่เพื่อให้ได้ไปยืนบนเกาะงูคลั่ง มันก็ยากมากๆ แล้ว มันจึงมีตัวอย่างที่น้อยมากนั้นเอง
    ความจริงแล้วร้อยละเก้าสิบของงูที่อยู่ในบราซิลคือ “งูแลนซ์เฮด” ซึ่งเป็นญาติกับ “โกลเด้นแลนซ์เฮด” นักวิจัยเข้าใจดีว่าโกลเด้นแลนซ์เฮด ได้วิวัฒนาการขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถอยู่บนเกาะงูคลั่งได้
    สาเหตุหลักเพราะบนเกาะแห่งนี้ “ไม่มีนักล่าระดับพื้นดิน” จึงทำให้งูขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว แต่! นั้นหมายความว่าพวกงูเองก็ไม่มีเหยื่อในระดับพื้นดินเช่นเดียวกัน อาหารทั้งหมดของงูบนเกาะคือ “นกอพยพตามฤดูกาล” งูทั้งหมดบนเกาะมักจะต้องล่าเหยือบนต้นไม้ และเพราะโกลเด้นแลนซ์เฮดเป็นงูที่ค่อนข้างช้า มันไม่สามารถไล่ตามนกได้ มันจึงพัฒนาพิษของมันให้รุนแรงมากขึ้น มันรุนแรงมากพอจะทำให้เหยื่อของมันตายทันที
    ในสมัยที่งูชนิดนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และเกาะยังไม่ถูกปิด เคยมีกรณีร้ายแรงที่ชาวประมงท้องถิ่นมาจอดเรือที่เกาะเพื่อหากล้วย เพียงไม่กี่วันต่อมา เขาก็ถูกพบบนเรือของเขา ซึ่งเสียชีวิตอยู่ใน “แอ่งเลือด” และยังมีงูกัดติดอยู่บนร่ายของเขา
    พิษของงูได้รับการอธิบายว่า จะทำให้ไตวาย เลือดออกในสมอง เลือดออกในลำไส้ และยังหลอมละลายเนื้อบริเวณรอบๆ รอยกัดของมัน
    มันหายากสุดๆ และยังเป็นที่ต้องการของนักวิทยาศาสตร์และนักสะสมสัตว์ พวกมันถูกจับและผ่านช่องทางที่ผิดกฎหมาย จนในช่วง 15 ปี ที่ผ่านมา พวกมันมีจำนวนลดลงไปถึง 50% พวกมันจึงเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์

ความคิดเห็น •