ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
❤อนุโมทนาค่ะ
กราบสาธุๆ🙏🌞🙏
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ🙏🙏🙏
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุในทุกบุญกุศลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ปราโมชโช เจ้าคะ
น้อมกราบสาธุๆๆจ้า
กราบสาธุ
🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุค่ะ
โลกนี้ มีแต่ ทุกข์ นอกจากทุกข์ ก็ ไม่มีอะไร
กระผมขอกราบพระอรหันต์ครับสาธุสาธุสาธุ
ทำตัวเองให้เป็นพระอรหันต์สิ
กราบหลวงปู่ครับ ทำไมผมไม่รู้สึกอยากได้นิพพาน ไม่อยากได้สุขแค่เฉยๆ ทุกข์ก็เฉยๆ ดูกายใจทำงานไปวันๆ ไม่มีอะไรทำอีกแล้วเหลอครับ
ที่ให้ดูกายใจทำงาน เพื่อให้เห็นความจริงของกายใจ ว่าเป็นไตรลักษณ์เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงแท้เป็นสิ่งที่ถูกบีบคลั้นให้หมดไปสิ้นไปดับไป เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้(ทั้งรูปและนาม)เรียกทุกขังสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับ มันมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ เกิดดับตามเหตุ เรียกว่าอนัตตา(ไม่มีตัวตน)เห็นไตรลักษณ์แบบนี้ของรูปนาม กายใจ ตามความเป็นจริง ซ้ำแล้วซ้ำอีกๆๆ จนจิตเกิดความเบื่อหน่ายกายใจ จิตจึงปล่อยวางกายใจได้ ก็พ้นทุกข์พระอรหันต์ เป็นแค่ภาษาไว้เรียกท่านที่สิ้นทุกข์แล้ว การปฏิบัติธรรมเพื่อ ไม่มี ไม่เป็น ถ้ายังมีอัตราอยู่ก็ยังไม่พ้นทุกข์
@@therain.3260 มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ งั้นถ้าไม่สร้างเหตุก็ไม่เกิดสิครับ เช่นทำบาปก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ทำบุญก็เป็นเหตุให้เกิดสุข แล้วถ้าไม่ทำทั้งบาปและบุญล่ะครับ ก็ไม่มีอะไรเกิดแล้วสิครับ หรือยังต้องเกิดอีกครับ
@@anondiff คุณดูกาย ดูใจ ทำงานจริงหรือเปล่าครับ ทำไมไม่ได้ปัญญาเลย กรรมคือการกระทำ มีกรรมทางกาย ทางคำพูด ทางใจ ใจทำงานตลอดเวลา ถ้าคนที่ดูใจทำงานตามความเป็นจริง จะเห็น จะได้ปัญญาขึ้นมา เห็นไตรลักษณ์นั้นแหละ คือมีปัญญา หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านบอกว่า จิตเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ แต่ฝึกได้ จิตมีธรรมชาติที่รู้อารมณ์ รู้อย่างเดียว วันหนึ่งผมยืนหลับตาแล้วให้จิตมารู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมบริกรรมพุทโธ อยู่ดีๆจิตไหลไปคิดนึกปรุงแต่ง ผมมารู้สึก(สติ)ตอนที่ปรุงเรื่องราวต่างๆไปแล้ว ผมนึกใจว่า อ้าว จิตไหลไปปรุงแต่งตอนไหนเนี่ย(จริงอย่างที่ท่านสอนเลย เพราะผมเห็นสภาวะจริงที่เกิดดับถ้าปรุงชั่ว ก็ไม่พอใจ โกรธขึ้นมา คือโทษะ เป็นทุกข์ขึ้นมาถ้าปรุงดี ก็พอใจ เป็นราคะขึ้นมา คือโลภะ เป็นสุขขึ้นมาทั้งทุกข ทั้งสุข ก็อยู่ภายใต้กฏของไตรลักษณ์ เกิดดับ เกิดดับ อยู่อย่างนี้เพราะฉนั้น ไม่มีคำว่า ไม่ทำอะไร ไม่มีเพราะจิต ทำงานตลอดเวลาหลวงพ่อปราโมทย์ ก็บอกว่า แม้แต่ตอนนอนหลับ ความฝันก็คือความคิดปรุงแต่งในตอนหลับนั้นแหละคุณมีความสุข คุณบังคับความสุขนั้นให้อยู่กับคุณสัก 1 ชม. , 1 วัน,1ปี,10ปี หรือบังคับความสุขที่เกิดขึ้นนั้นให้อยู่กับคุณไปจนหมดอายุขัยเลย คุณบังคับได้มั้ย ความทุกข์เกิดขึ้น คุณบังคับความทุกข์นั้นที่เกิดขึ้น ให้มันหมดไป ดับไปเดี๋ยวนั้นเลยทำได้มั้ยให้ไปปฏิบัติจริงๆเถอะครับ ที่คุณบอกว่า คุณดูกาย ดูใจ ทำงานนะถ้าดูจริง จะเห็นได้ด้วยตนเอง หมดสงสัยเลย
@@therain.3260 เราแค่สนทนาธรรมมองต่างมุมบ้าง เราไม่ได้หมายถึงการปฏิบัติของคุณหรือของเรา ว่าทำจริงหรือไม่ เราไม่ได้มาโต้เถียงเพื่อเอาชนะเราสนทนาแบบบัณฑิต ถ้ายังยึดมันในความเห็นของตนในความคิดของตนว่าตนถูกคนอื่นผิดหรือสงสัยในคนอื่นหรือตัดสินคนอื่นด้วยใจของต้วเราเองไปแล้วนั้นก็จะไม่ได้มุมมองอะไรดีๆที่เป็นประโยชน์เลย ถ้าคุณคิดว่าเราไม่ได้ปฏิบัติ คุณเห็นหรือ หรือว่าคุณคิดเอาเอง
@@therain.3260 ทำไมไม่ได้ปัญญา ทำไมคุณจึงพูดเช่นนั้น คนที่มีปัญญาเขาจะไม่เห็นตัวเราเก่ง ไม่เห็นคนอื่นโง่หรือฉลาด ไม่เห็นถูกไม่เห็นผิด เห็นแค่สิ่งใดมีประโยชน์ก็พิจารณาตามความเป็นจริงแล้วนำไปใช้จริง สิ่งใดไม่มีประโยชน์ก็ละทิ้งไปไม่เอามาใส่ใจ"จงอย่าเชื่อแม้คำพูดของเรา ให้พิสูจน์วิเคราะห์ ด้วยสติปัญญาของตนตามความเป็นจริงเสียก่อนจึงค่อยเชื่อ"พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เช่นนี้แล เจริญในธรรมสาธุ
สาธุ
❤
อนุโมทนาค่ะ
กราบสาธุๆ🙏🌞🙏
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุ
🙏🙏🙏
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุในทุกบุญกุศลของพระเดชพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์
ปราโมชโช เจ้าคะ
น้อมกราบสาธุๆๆจ้า
กราบสาธุ
🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุค่ะ
โลกนี้ มีแต่ ทุกข์
นอกจากทุกข์ ก็ ไม่มีอะไร
กระผมขอกราบพระอรหันต์ครับสาธุสาธุสาธุ
ทำตัวเองให้เป็นพระอรหันต์สิ
กราบหลวงปู่ครับ ทำไมผมไม่รู้สึกอยากได้นิพพาน ไม่อยากได้สุขแค่เฉยๆ ทุกข์ก็เฉยๆ ดูกายใจทำงานไปวันๆ ไม่มีอะไรทำอีกแล้วเหลอครับ
ที่ให้ดูกายใจทำงาน เพื่อให้เห็นความจริงของกายใจ ว่าเป็นไตรลักษณ์
เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงแท้
เป็นสิ่งที่ถูกบีบคลั้นให้หมดไปสิ้นไปดับไป เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้(ทั้งรูปและนาม)เรียกทุกขัง
สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับ มันมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ เกิดดับตามเหตุ เรียกว่าอนัตตา(ไม่มีตัวตน)
เห็นไตรลักษณ์แบบนี้ของรูปนาม กายใจ ตามความเป็นจริง ซ้ำแล้วซ้ำอีกๆๆ จนจิตเกิดความเบื่อหน่ายกายใจ จิตจึงปล่อยวางกายใจได้ ก็พ้นทุกข์
พระอรหันต์ เป็นแค่ภาษาไว้เรียกท่านที่สิ้นทุกข์แล้ว
การปฏิบัติธรรมเพื่อ ไม่มี ไม่เป็น
ถ้ายังมีอัตราอยู่ก็ยังไม่พ้นทุกข์
@@therain.3260 มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ งั้นถ้าไม่สร้างเหตุก็ไม่เกิดสิครับ เช่นทำบาปก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ทำบุญก็เป็นเหตุให้เกิดสุข แล้วถ้าไม่ทำทั้งบาปและบุญล่ะครับ ก็ไม่มีอะไรเกิดแล้วสิครับ หรือยังต้องเกิดอีกครับ
@@anondiff คุณดูกาย ดูใจ ทำงานจริงหรือเปล่าครับ ทำไมไม่ได้ปัญญาเลย กรรมคือการกระทำ มีกรรมทางกาย ทางคำพูด ทางใจ ใจทำงานตลอดเวลา ถ้าคนที่ดูใจทำงานตามความเป็นจริง จะเห็น จะได้ปัญญาขึ้นมา เห็นไตรลักษณ์นั้นแหละ คือมีปัญญา
หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านบอกว่า จิตเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ แต่ฝึกได้ จิตมีธรรมชาติที่รู้อารมณ์ รู้อย่างเดียว
วันหนึ่งผมยืนหลับตาแล้วให้จิตมารู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมบริกรรมพุทโธ อยู่ดีๆจิตไหลไปคิดนึกปรุงแต่ง ผมมารู้สึก(สติ)ตอนที่ปรุงเรื่องราวต่างๆไปแล้ว
ผมนึกใจว่า อ้าว จิตไหลไปปรุงแต่งตอนไหนเนี่ย(จริงอย่างที่ท่านสอนเลย เพราะผมเห็นสภาวะจริงที่เกิดดับ
ถ้าปรุงชั่ว ก็ไม่พอใจ โกรธขึ้นมา คือโทษะ เป็นทุกข์ขึ้นมา
ถ้าปรุงดี ก็พอใจ เป็นราคะขึ้นมา คือโลภะ เป็นสุขขึ้นมา
ทั้งทุกข ทั้งสุข ก็อยู่ภายใต้กฏของไตรลักษณ์ เกิดดับ เกิดดับ อยู่อย่างนี้
เพราะฉนั้น ไม่มีคำว่า ไม่ทำอะไร ไม่มี
เพราะจิต ทำงานตลอดเวลา
หลวงพ่อปราโมทย์ ก็บอกว่า แม้แต่ตอนนอนหลับ ความฝันก็คือความคิดปรุงแต่งในตอนหลับนั้นแหละ
คุณมีความสุข คุณบังคับความสุขนั้นให้อยู่กับคุณสัก 1 ชม. , 1 วัน,1ปี,10ปี หรือบังคับความสุขที่เกิดขึ้นนั้นให้อยู่กับคุณไปจนหมดอายุขัยเลย คุณบังคับได้มั้ย
ความทุกข์เกิดขึ้น คุณบังคับความทุกข์นั้นที่เกิดขึ้น ให้มันหมดไป ดับไปเดี๋ยวนั้นเลยทำได้มั้ย
ให้ไปปฏิบัติจริงๆเถอะครับ ที่คุณบอกว่า คุณดูกาย ดูใจ ทำงานนะ
ถ้าดูจริง จะเห็นได้ด้วยตนเอง หมดสงสัยเลย
@@therain.3260 เราแค่สนทนาธรรมมองต่างมุมบ้าง เราไม่ได้หมายถึงการปฏิบัติของคุณหรือของเรา ว่าทำจริงหรือไม่ เราไม่ได้มาโต้เถียงเพื่อเอาชนะ
เราสนทนาแบบบัณฑิต ถ้ายังยึดมันในความเห็นของตนในความคิดของตนว่าตนถูกคนอื่นผิดหรือสงสัยในคนอื่นหรือตัดสินคนอื่นด้วยใจของต้วเราเองไปแล้วนั้นก็จะไม่ได้มุมมองอะไรดีๆที่เป็นประโยชน์เลย ถ้าคุณคิดว่าเราไม่ได้ปฏิบัติ คุณเห็นหรือ หรือว่าคุณคิดเอาเอง
@@therain.3260 ทำไมไม่ได้ปัญญา ทำไมคุณจึงพูดเช่นนั้น คนที่มีปัญญาเขาจะไม่เห็นตัวเราเก่ง ไม่เห็นคนอื่นโง่หรือฉลาด ไม่เห็นถูกไม่เห็นผิด เห็นแค่สิ่งใดมีประโยชน์ก็พิจารณาตามความเป็นจริงแล้วนำไปใช้จริง สิ่งใดไม่มีประโยชน์ก็ละทิ้งไปไม่เอามาใส่ใจ
"จงอย่าเชื่อแม้คำพูดของเรา ให้พิสูจน์
วิเคราะห์ ด้วยสติปัญญาของตนตามความเป็นจริงเสียก่อนจึงค่อยเชื่อ"พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เช่นนี้แล เจริญในธรรมสาธุ
สาธุ