9/2/67 (สาย) ครูบาอินทร แสดงธรรม(ที่มาวัดสันป่ายางหลวงลำพูน) ทุกวันท่านจะยกตัวอย่างเรื่องกฏของกรรม

9/2/67 (สาย) ครูบาอินทร แสดงธรรม(ที่มาวัดสันป่ายางหลวงลำพูน) ทุกวันท่านจะยกตัวอย่างเรื่องกฏของกรรม การเวียนว่ายตายเกิด พิธีกรรม บุพกรรม อโหสิกรรม
บันทึกผู้ร่วมบุญ ปล่อยปลา ฟังธรรม รับพร
(โปรดใช้ปัญญาและวิจารณญาณในการรับชมรับฟัง)
ขอขอบคุณทุกคลิปทุกๆท่าน
สามารถเข้าชม เฟสบุค ยูทูป เรื่องราวทางวัดทั้งหมดโดยตรง ที่ ใช้ชื่อว่า วัดสันป่ายางหลวง จังหวัดลำพูน
ท่านที่ต้องการร่วมบุญสร้างกุศลสามารถเดินทางมาที่วัด คำเตือน:การโอนเงินร่วมบุญทางวัดใช้ชื่อบัญชีวัดสันป่ายางหลวง จังหวัดลำพูนเท่านั้น
ขอเมตตาบารมีหลวงพ่อ
"องค์แปดครูบาเฒ่าตุ๊เจ้าเมืองหละปูน"
(ด้วยพระธรรมชั้นสูงดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ
พระครูบาอาจารย์พระกรรมฐานหริภูญชัย)
อมตะวาจา
"มาทำไม พระไทยเหมือนกัน ไม่ใช่ฝรั่งเยอรมัน เมดอิน...ลำพูน"
“ขอเดชะ ข่าวอื่นไม่มี แต่ในเมืองนั้น บัดนี้ มี
พุทโธ โลเก อุปปันโน พระพุทธเจ้า อุบัติขึ้นแล้วในโลก
ธัมโม โลเก อุปปันโน พระธรรม อุบัติขึ้นแล้วในโลก
สังโฆ โลเก อุปปันโน พระสงฆ์ อุบัติขึ้นแล้วในโลก
พระเจ้าข้า”
(โปรดใช้ปัญญาและวิจารณญาณในการรับชมรับฟัง)
แสดงธรรมโดย พระครูบาอินทรปญฺญาวฑฺฒโน
อ่านว่า ปัญญาวัดถะโน แปลว่า ผู้เจริญด้วยปัญญา
"หมายเหตุ" ทุกเรื่องราวธรรมมีเปลือก กระพี้ แก่น สุดแท้แต่การสดับรับฟัง พิจารณาด้วยเหตุและผล สติปัญญา ค้นหาคำตอบนั้น
ขอขอบคุณทีมงาน วัดสันป่ายางหลวง จังหวัดลำพูน
ทุกท่าน คณะกรรมการวัด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน
ขอบคุณทุกท่านที่กดติดตามกดไลน์กดแชร์พร้อมด้วยเข้ามารับชมรับฟัง
ขออนุโมทนาบุญทุกบุญทุกประการ
ขออนุญาติทุกท่านที่ได้บันทึกภาพเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน พรใดทุกประการจงเป็นของท่านร่วมด้วยทุกประการเทอญ
ทางทีมงานมีจุดมุ่งหมายปลูกฝังสร้างกำลังใจ ให้ผู้รับชมรับฟังเข้มเเข็ง สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองมากขึ้น มีทางออกพบทางสว่าง นำพาตัวเองพร้อมคนรอบข้างดำเนินชีวิตให้มีชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ
ี
เมื่อการเกิดที่ว่ายากแล้วและได้มาพบพระพุทธศาสนาด้วยถือว่าเป็นมงคลต่อชีวิตอย่างยิ่ง
ทาน ศีล ภาวนา ทางสายกลาง การเวียนว่ายตายเกิด
๑. ทรงสอนเพื่อให้ผู้ฟังรู้ยิ่งเห็นจริงในธรรมที่ควรรู้ควรเห็น
๒. ทรงสอนมีเหตุผลที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้
๓. ทรงสอนเป็นอัศจรรย์ คือ ผู้ปฏิบัติตามย่อมได้ประโยชน์โดยสมควรแก่การปฏิบัติ
ให้ทำใจเป็นพระ ว่าเราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงสอนในหลักใหญ่ ๓ ประการ
๑. สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง พวกเธอทั้งหลาย จงอย่าทำความชั่วทุกอย่าง
๒. กุสะลัสสูปะสัมปะทา จะสร้างแต่ความดี
๓. สะจิตตะปริโยทะปะนัง จงทำจิตให้ผ่องใสจากกิเลส
ลงท้ายว่า
เอตัง พุทธานะสาสะนัง เราขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์ สอนอย่างนี้เหมือนกันหมด
ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสรู้แล้วนั้น ข้าพเจ้าขอรู้เห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
บุญกุศลทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอขอบคุณ คุณ ไพศาล แสนชัย แรงบันดาลใจที่นำตัวอย่างบุคคลมาเพื่อปรับใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
#พระครูบารับแขกทุกวันทุกเช้า
#เว้นวันติดกิจนิมนต์
...คำว่า เคราะห์กรรม เป็นวิธีเรียกของ “พราหมณ์” ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า กฎของกรรม คณาจารย์ต่างๆ เรียกไม่เหมือนกันแต่ผลมันเหมือนกันนั่นคือ “ความทุกข์”
ประการที่ ๑ การป่วยไข้ไม่สบายทางร่างกาย
ประการที่ ๒ ไฟไหม้บ้าง ขโมยปล้น ขโมยจี้ ลมพัดให้บ้านพัง น้ำท่วม
ประการที่ ๓ คนใต้บังคับบัญชาดื้อด้าน ลูกหลาน ว่ายากสอนยากไม่เชื่อฟัง
ประการที่ ๔ พูดดีแต่คนอื่นไม่ชอบฟัง ไม่เชื่อฟัง
ประการที่ ๕ โรคปวดหัวบ่อยๆ หรือโรคประสาทก็ดี เป็นบ้าก็ดี
ก็รวมความว่า ขึ้นชื่อว่า เคราะห์กรรม คือ “กฏของกรรมเก่าของเราในชาติก่อน” คนทุกคนที่เกิดมานี้ที่ไม่มีกรรมเก่า ที่กรรมไม่ดี ไม่มี ไม่เคยทำบาปนี้ไม่มี…
คำว่า สะเดาะเคราะห์ การแก้กรรม
หมายความว่า “ทำให้เคราะห์หมด” คำว่า “สะเดาะเคราะห์” ไม่มีศัพท์ในทางพระพุทธศาสนา เป็นศัพย์ของคณาจารย์ต่างๆ
ในทางพระพุทธศาสนาไม่มี ในเมื่อไม่มี ทำไมจีงบอกว่า “สะเดาะเคราะห์” ก็เลยบอกว่าพูดตามเขา ทีนี้การทำคราวนี้ไม่ใช่สะเดาะเคราะห์ เป็นการสร้างความดี ความโชคดีให้เกิดขึ้น คือ หมายความว่าทำบุญให้มีกำลังสูง
คำว่า “เคราะห์” คือ บาป เราล้างไม่ได้แต่ถ้าหากว่าทำความดีให้มีกำลังสูงกว่า คำว่า “เคราะห์” จะเปรียบเทียบให้ฟัง เหมือนกับคนยืนอยู่กลางแดดจัดๆ เวลานี้อยู่ในร่มมันก็ร้อน ถ้ายืนกลางแดดมันก็ร้อน ถ้าทำบุญน้อยๆ ก็เหมือนกับมีร่มเล็กๆ ไปกางบังอยู่มันก็เย็นไปหน่อยหนึ่ง ทำบุญที่มีอานิสงส์มากๆ ก็เหมือนกับมีคนเอาน้ำไปราดให้ ก็มีความเย็น
พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า ขึ้นชื่อกฏของกรรม ไม่มีใครหนีพ้น ทีนี้การทำคราวนี้ ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ทำลายให้เคราะห์หมดไป การทำลายเคราะห์คือบาป ทำลายไม่ได้แต่ว่าทำบุญให้มีกำลังสูงขึ้น อย่างญาติพุทธบริษัทที่มานั่งที่นี่ทุกคน ไม่ใช่มีแต่เคราะห์ โชคก็มี คือชาติก่อนมีทั้งความดีมีทั้งความชั่ว มีทั้งบุญและบาป ขณะใดที่มีการป่วยไข้ไม่สบาย นั่นคือผลของบาปเข้าสนอง แต่ว่าทุกคนมีทรัพย์สินอยู่ได้เพราะผลของทาน ทานการให้ในชาติก่อน ทำให้คนมีทรัพย์สิน แต่การมีทรัพย์สินทำไมจึงไม่เสมอกัน
อย่างทานที่มีกำลังสูงสุดในด้านวัตถุก็คือ วิหารทาน เป็นทานที่มีกำลังสูงมาก ทานที่รองลงมาก็คือ สังฆทาน สังฆทานนี่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่เคยถวายสังฆทานแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต ตายแล้วเกิดกี่ชาติก็ตาม ถ้ายังไม่เข้าพระนิพพานเพียงใด จะไม่พบกับความยากจนเข็ญใจ จะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีทุกชาติ
ทีนี้คนที่เขาเป็นเศรษฐมหาเศรษฐีเพราะว่า เขาเคยถวายสังฆทานในกาลก่อน อันนี้เป็นผลอันหนึ่งที่เราจะทำ เพื่อเป็นการหลีกเร้นกฏของกรรม คือ “บาป” บาปถึงแม้มันจะกลั่นแกล้งขนาดไหนก็ตาม แต่เรามีกำลังบุญสูง คือคล้ายๆ กับสุนัขไล่กัด ถ้าเราวิ่งเร็วมันก็กัดไม่ทัน ถึงกัดทันก็กัดไม่ถนัด
#การให้ธรรมมะเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง