ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ฟังสนุกมากครับ Lion:เอาความต้องการคนลูกค้าคนเดียวมาทำนิชมาร์เก็ต Suntory: ใช้ลูกค้าเป็นR&D หมายเลข2 Asahi: ใช้กลุ่มรอยัลตี้ของแบรนด์ มาช่วยกันพิชไอเดียให้ได้ แนวทางของการรีแบรนด์ 😊
Thanks for your conclusions
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ ที่เจอบ่อยๆ ยิ่งบริษัทใหญ่ ยิ่งไม่ค่อยฟังเสียงส่วนน้อยของผู้บริโภค เพราะอยากเน้นยอดขายที่ชัดเจนและจับต้องได้มากกว่า แต่ก็เคยเจอบริษัทญี่ปุ่น ที่ฟังเสียงเดียวจากกลุ่มลูกค้าของเค้า แล้วมาคิดแคมเปญ รีแบรนด์ตัวเองจนแบรนด์เค้ากลับมาฮิตได้อีกครั้ง ทัศนคติของผู้บริหารมีส่วนสำคัญมากในการทำการตลาดสมัยนี้ ขอบคุณอาจารย์ที่เอาเคสสนุกๆมาแบ่งปันนะคะ 🙏🏻
ผมเจอบ่อยมาก ในงานสัมนาการตลาด ที่ชอบยกตัวอย่างสินค้าใหม่ที่ประสพความสำเร็จอันสั้น แต่ก็ไม่ค่อยมีคนตามว่า หลังจากนั้น สินค้าเหล่านั้นจะประสพผลความสำเร็จในระยะยาวได้แค่ไหน โดยในหลายๆงาน มีการสัมภาษณ์ พูดคุย เก็บข้อมูลกับ ตย.น้อยราย และยิ่งร้ายที่คุยกับคนที่อาจไม่ใช่กลุุ่มเป้าหมาย (เพราะไม่มีการ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ควรสัมภาษณ์) แม้โชคดียอดขายอาจพอไปได้ในช่วงแรก แค่สุดท้าย ก็มักไปไม่รอด เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เหตุผลง่ายๆ หลาย brand ชอบคิดว่า "มนุษย์เป็นพวกคิดอะไรง่าย ไม่ซับซ้อน" เลยละเลยการให้ความสำคัญกับการทำวิจัยการตลาดแบบจริงจัง ผ่านมืออาชีพ และ นักการตลาดส่วนใหญ่ก็มักไม่ค่อยเข้าใจ เครื่องมือ ทาง Adv Stat อย่าง Multivariate analysis และ Dataming และ ส่วนใหญ่ก็ดูเพียงแค่ ความถี่ กับ ร้อยละ ผสมกับ subjective ส่วนตัว ในช่วงแรก อาจจะดูประสพความสำเร็จ เพราะ ความแปลกใหม่ การโฆษณา โปรโมชั่น และ ส่วนประกอบการตลาดอื่นๆ ที่มีเม็ดเงินมาสนับสนุน กระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากทดลองในช่วงแรก แต่พอลดการสนับสนุนการตลาดลง ผลในระยะต่อมาถ้าไม่ค่อยประสพความสำเร็จ ก็มาโทษ การทำวิจัย ว่าสิ้นเปลืองและไม่ได้ช่วยอะไร ก็จะเป็นวัฐจักรวงจรแห่งความล้มเหลว ซ้ำซากครับ
แต่บางครั้งมุม strategy เองก็อยากยิงสินค้าออกไปเยอะๆ ไปลองตลาด เดี๋ยวนี้มันขายกันง่ายๆ ติดตลาดก็ win ขายไม่ดีก็เอาออก เพราะบ.ใหญ่ๆ cost มันต่ำมาก การลงทุนวิจัยดีๆอย่างที่ว่าก็มีทำแหละ แต่มันใช้เวลาใช้เงินเยอะ กว่าจะได้ผลคู่แข่งออกมาชิงลองตลาดไปก่อนแล้ว สังเกตุอาหารอุ่นร้อน 7 ซิ เปลี่ยนเร็ว เปลี่ยนตลอด อะไรเป็นกระแสดึงเอามาทำ ดึงคนเข้าร้านตลอด
น้อยบริษัทที่จะวิเคราะห์ถึง Regression หรือ Multivariate อีกอย่างปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากกว่า 5p 7p บางครั้งต่อให้ 7p ครบ ร้านอาหารติดแอร์บางทีก็ขายดีสู้ร้านเพิงข้างทางบ้านๆไม่ได้
ขอบคุณมากๆเลยค่ะอาจารย์ รบกวนอาจารย์ช่วยนำเรื่องราวอื่นๆในหนังสือ หรือการทำวิจัยตลาดแบบใหม่ๆที่ใช้ทุนน้อยมากเล่าอีกได้ไหมคะ กำลังหาข้อมูลเริ่มต้นทำธุรกิจค่ะ ขอบคุณค่ะ
อจ.เสียงเพราะมากค่ะ
อาจารย์ปังมากค่ะ ชอบ!! ออกเสียงอักขระภาษาไทยได้สละสลวย ชัดเจน ภาษาอังกฤษด้วยฟังแล้วน่าสนใจ มีเสน่ห์มากค่ะ!!!นานๆจะได้ฟังสำเนียงคนไทยแบบนี้ค่ะ❤❤
ผมคิดว่าชื่อคลิปมัน extreme ไปครับ ผมว่าแต่ละ tools มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับobjectives ครับ
ใช่ อ่านชื่อคลิป พอมาฟัง อ่าว สุดท้ายก็ถามลูกค้าอยู่ดี แล้วลูกค้าไม่ใช่ผู้บริโภคหรอ? ถ้าตั้งชื่อคลิปว่า หมดยุคสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเยอะๆแล้ว ใช้แบบ In-depth, focus group, insight, case study cross section อะไรก็ว่าไป และส่วนตัวเชื่อว่าสำรวจภาพรวมและกลุ่มใหญ่ก็ยังจำเป็นอยู่
ขอบคุณความรู้จาก อ เกตุมากๆคับ เวลาที่ตันๆชอบบังเอิญมาเจอคลิป อ.เกตุ และก็จะมีทางแก้ความตันๆนั้นได้เสมอเลย ผมมีร้านคาเฟ่น้อยๆ และก็มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับเฉพาะเมนูประเภทนึงอยู่พอดี กำลังคิดจะต่อยอดสินค้าประเภทนั้นอยู่ ตอนนี้ทราบแล้วคับว่าลูกค้าที่จะสอบถามเพื่อนำข้อมูลไปใช้คนนั้นคือใคร (มีแค่ 2 คนจากลูกค้าทั้งหมดทั้งมวล😊) ขอบคุณ อ. เกตุมากๆเลยคับ
คนเดียวนั้น สำคัญคือเลือกมายังไง
ใช่ สำคัญสุดคือเลือกมายังไง
บอกหมดหนังสือก็ไม่ได้ขายบอกหมด คู่แข่งสบาย ไม่ต้องพยายามมากละ
คิดถึงอาจารย์มากๆเลยครับ ผู้ที่ช่วยให้บริษัทผมผ่านพ้นวิกฤต😊
ชอบมากครับ อ.เกตุ
สินค้าที่ทำให้ผู้บริโภคสงบ....ในโลกที่วุ่นวาย....
ฟังอาจารย์คลิปแรกเลยค่ะ เพลินมากๆ และได้ความรู้ด้วย ขอบคุณค่ะ😀
ขอบคุณอาจารย์ที่มาอัพเดทการตลาดใหม่ ๆ มีประโยชน์กับ SME และ องค์กรใหญ่ ๆ มากครับ ❤
นึกถึงคนที่คิดจะทำวิจัยทิศทางนี้คอนแรก ๆ จะมีกี่คนที่คัดค้านไม่เห็นด้วยเพราะมันฉีกจากที่ทำ ๆ มา และคนยอมอนุมัติให้ทำ ก็ต้องใจมาก ๆ ที่จะลอง
เคส 1 และ 3 เป็นการตลาดแบบนิช ครับ เจาะจงกลุ่มเป้าหมายนั้นๆโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำในปัจจุบัน
ช่องดีๆ แบบนี้ ผมสับตะไคร้รอเบยครับ
ฟังเพลินมากเลยค่ะ ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณนะคะ จะคอยติดตามตอนใหม่เรื่อยๆค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ คิดถึงอาจารย์มากเลยค่ะ สมัยเรียนอาจารย์ชอบมีเรื่องเล่าสนุกๆมาเล่าให้ฟังตลอดเลยค่ะ พออาจารย์มาเล่าเรื่องผ่านยูทูปเหมือนได้กลับไปเรียนกับอาจารย์อีกครั้งค่ะ
การวิจัยมี 2 แบบคือเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณการทำสำรวจเป็นการวิจัยเชิงปริมาณซึ่งข้อมูลที่ได้ก็เป็นความคิดมาจากผู้คิดแบบสอบถามแล้วไปถามบุคคลทั่วไปเพื่อหาว่ามีใครคิดเหมือนกับเราไหม ส่วนที่นำเสนอในคลิปก็เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพคำถามก็เป็นการถามนำเท่านั้นแล้วจากนั้นผู้ถูกสัมภาษณ์ก็อาจจะเสนอให้ดีของตัวเองออกมาซึ่งจะเป็นมุมมองของผู้ใช้มากกว่ามุมมองของผู้สัมภาษณ์
ผมก็เอ๊ะตรงนี้เหมือนกันแต่เข้าใจว่าน่าจะสื่อสารผิด
อ.เกด สวยสดใสเหมือนเดิมเลยนะคะ 💗💗💗
เนื้อหาน่าสนใจ แปลกใหม่ ดีครับ ติดตามนะครับรอตอนรอไปครับ
สรุปแล้ว ก็ยังต้องสัมภาษณ์ผู้บริโภคอยู่ดี 😊
เนื้อหาดีมากเลยค่ะ อ.เกตุ นำไปปรับใช้กับทีม marketing น่าจะเข้าท่าเลย
ขอบคุณครับอาจารย์ หนังสือเล่มนี้มีแปลเป็นไทยหรือยังนะครับอาจารย์
ได้ความรู้ทุกคลิป ขอบคุณอาจารย์เกดครับ😊❤
การจะถาม dept insight จากคนๆเดียวทำได้ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจมากๆว่าคนๆนั้นใช่ลูกค้าเราและเป็นตัวแทนของกลุ่ม target consumer ของเราได้มากเพียงพอค่ะ ในความเห็นส่วนตัวจาก ปสก ทีทำสินค้ามานานนะคะ กลัวว่าทางผู้ประกอบการรายย่อยจะเข้าใจผิดและทุ่มหน้าตักเงินทุนไปกับการสัมภาษณ์ลูกค้าคนเดียวจะทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนในประเด็นนี้ค่ะอาจารย์ 🙏
ขอบคุณครับมีประโยชน์และได้ไอเดียสินค้าญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ในตัวสินค้าสุด ๆ แต่ที่เสียดายคือกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ที่ค่อย ๆ หายไป
ขอบคุณครับผม...❤
อยากได้ชื่อหนังสือที่ถูกต้องจังเลยค่ะ ตะได้ไปหาอ่าน 🙏
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
😊ขอบคุณคะอาจาร์ย
ขอบคุณค่ะอาจารย์
ขอบคุณคับ❤
เรื่องนี้มีประโยชน์มากเลย ขอบคุณครับ
ชอบจังเลยค่ะ อยากฟังอีก❤
ใช่ครับ มันหมดยุคที่จะออกมาสอบถามความพึงพอใจต่อสินค้า กับ คนที่เดินไป มาตามท้องถนนแล้ว เพราะ ยุคปัจจุบัน บอกเลยว่า แทนที่จะได้ข้อมูลความพึงพอใจในสินค้า หรือ แบรนด์ กลับกลายเป็นได้ ความรู้สึกที่ หรือ การระบาย จากคนๆนั้น อย่างเช่น ยกตัวอย่างเช่น มีคนมาถามผมว่า ผมดื่มกระทิงแดงหรือไม่ ผมตอบเลยว่าไม่ เพราะมาจาก กระทิงแดง มีตระกูล อยู่วิทยา ครับ ผมเลย ไม่ดื่ม จะเป็นเพราะอะไรนั้น ผมขอสงวนสิทธิ์ครับ ผมตอบแค่ว่า เพราะตระกูล อยู่วิทยา เท่านั้นครับ ที่ผมไม่อุดหนุน กระทิงแดง
ขอบคุณมากค่ะ หนังสือ(100ideas)ชื่ออะไรนะคะ มีแปลไทยไหมหรอคะ(หรือมีแต่เวอร์ชันญี่ปุ่น)
ชอบมากๆเลยค่ะ อจ น่ารักจุง
อ.คะหนูมีคำถาม เราจะเจาะจงหาคนที่จะสำภาษณ์ยังไงคะ แล้วจะรู้ได้ไงว่าคนที่เราเลือกมันถูก อีกอย่างจากเคสที่ยกตัวอย่างมาเขามีproductอื่นมาขายก่อนแล้ว เพราะงั้นเขาเลยมีความกล้าได้กล้าเสียในการทดลองการตลาดโดยไม่ลงเงินกับmarketing มาก อ.คิดยังไงกับเรื่องนี้คะ (หรือหนูจับประเด็นผิด😅)
อ.อธิบายได้น่าฟังมากครับ
ขอบคุณมากครับผม
วิจัยยังไงให้สินค้าตัวเองแพ้เรียบแก่ตลาดเกาหลี จีน ที่ตามหลังมายาวนาน คับ อาจาร
สินค้าต้องค้นหาตัวลูกค้าพบ...อาจจะใช้เวลา ตั้งแต่สินค้าวางตลาด..มันจะยืนและค้นหาลูกค้าของเค้าจนพบ.....เช่น " เบียร์สำหรับคนล้มเหลว"" เบียร์สำหรับคนอกหัก".ชีวิตมันแย่โลกไม่เข้าข้างคุณ..เรารู้ว่าจะลุกขึ้นในไม่ช้า..ก่อนที่จะไปต่อ..ดื่มก่อนเถอะเพื่อน!! Asahi /
คิดถึงอาจารย์เกตุ ทำ clip บ่อยๆนะคะ
หนังสือเล่มนี้มีแปลเป็นภาษาไทยไหมนะคะ อยากซื้อมาอ่านมากๆค่ะ
ขอบคุณครับอาจารย์ เคยสงสัยแล้วก็หาข้อมูลเหมือนกันครับว่า ญี่ปุ่นเค้าทำ UX Design ยังไง เพราะเคยรับรู้มาว่าคนญี่ปุ่นมีความเป็นส่วนตัวสูงมากแล้วธุรกิจเขาหาข้อมูลมาแบบไหน วันนี้ได้เห็นเคสที่ชัดเจนมากขึ้นครับ
อยากให้อาจารย์เล่าถึงการตลาดด้านการศึกษาค่ะ ถ้าจะขายคอร์ส ขายหลักสูตรเรียน มีวิธีทำการตลาดอย่างไรบ้างค่ะ
ว้าวนี่คือ อาจารย์ คนเขียนมาโคโตะ Marketing นี่นา
อาจารย์คะ ขอทราบวิถีสื่อบันเทิงของชาวเกาะค่ะ เขากิน-เสพ-ใช้กันเอง มูลค่าการตลาดเขาสเกลไหน เขาอยู่รอดกันได้ยังไง ในขณะที่ประเทศอื่นๆพยายามให้แมสในต่างประเทศ ของญี่ปุ่นหาดูยากจนน่าใจหาย แต่เขารอด อยากรู้มากๆเลยค่ะ เขาทำได้ยังไงคะ ขอบคุณค่ะ 🥺🙏
เล่าเรื่องเพลินค่ะ ฟังยาวๆ ขนาดปกติพอดแคสดังๆ 30นาทีอัพ เรายังฟังไม่จบเลย😿
Chula มีวิทยาเขตต่างจังหวัดมั่ยครับ
ชอบๆครับ
ความคิดลูกค้าคนเดียว อาจ bias ได้ ไม่แปลกที่ปัจจุบันสินค้าญี่ปุ่นแข่งขันในตลาดโลกได้ยาก แพ้สินค้าจีน เกาหลี และสินค้าทางตะวันตก ในหลายอุตสาหกรรม
ขอบคุณครับอาจารย์ เนื้อหาน่าสนใจ แต่วิธีการเล่าปรับปรุงให้สรุปกระชับกว่านี้จะดีครับ
ญี่ปุ่นเจ๊งอยู่นะจั๊ะ Nissan เพิ่ง Honda มาช่วย ตลก
ใช้ social media ง่ายสะดวกและตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด บริษัทก็เอาข้อมูลจาก comment ต่างๆมาวิเคราะห์วิจัยตลาดต่อชัวร์กว่าตอบแบบสอบถาม
สินค้าต่างๆในญี่ปุ่นมาไวไปไวครับ ส่วนพวกที่ผ่านการโปรโมททางสื่อมีเดียแพลทฟอร์มต่างๆมากมายจากการแข่งขันว่าของใครดีกว่ากันมีทุกๆปีให้ดูครับ การแข่งขันในญี่ปุ่นสูงครับ บริษัทไหนไม่มีบุคคลากรที่แอคทีฟและมีความสามารถในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆหรือไอเดียใหม่ๆก็อาจไม่มียอดขายที่ดีครับ รวมทั้งการโฆษณาในสมัยใหม่นี้ส่วนมากจะเอาคนที่มีชื่อเสียงหรือพวกเซเล๊บบริตี้มาทำโฆษณาแทบจะไม่มีคนธรรมดาสามัญที่เราเห็นๆกันทุกๆวันเหมือนในเมื่อสัก๓๐ปีก่อนแล้วละครับแล้วก็อัดโฆษณาให้หนักๆในช่วงแรกจะใช้เวลาในการโฆษณาแค่ไหนก็แล้วแต้สภาวะทางการเงินของแต่ละบริษัทครับแต่ก็บอกได้ว่าได้เห็นได้ฟังกันจนจำทุกคำพูดหรือเพลงในโฆษณาให้คอมซูมเมอร์ติดหูติดตาจนลองหาซื้อมาใช้ดูทีเดียวครับ ส่วนใหญ่แล้วคอนซูมเมอร์ในแต่ละกลุ่มคนและกำลังในการซื้อเท่านั้นละครับที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าผลิตภัณฑ์ไหนเหมาะสมกับตนมากที่สุดในด้านคุณภาพและราคาครับ คนญี่ปุ่นในสมัยใหม่จะพิถีพิถันในการสร้างผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆออกมาในปัจจุบันจะมีราคาสูงเกินความเป็นจริงเพราะต่างคนต่างคิดว่าของตนนั้นดีมีประสิทธิภาพหรือสร้างของๆตนให้เป็นไฮเอนแบรนด์แล้วก็ใช้อินฟลูเอนเซอร์ดังทางโซเชี่ยลแพลทฟอร์มต่างๆอะไรทำนองนั้น ตัวอย่างง่ายมีให้เห็นอยู่มากมายในปัจจุบันเช่นถ้าซื้อกล้วยหอมอิมพอร์ทจัดจำหน่ายโดยบริษัทโดลที่มีชื่อเสียงในการนำเข้าผักผลไม้จากต่างประเทศในซุปเปอร์มาเก๊ต๑/๓ของหวี ประมาณ๕ลูกในราคา๒๐๘เยนหรือ๔๖บาท กับซื้อกล้วยที่ผลิตจากในวีนีลเฮาส์ภายใต้การควบคุมทางไฮเทคโนโลยีของญี่ปุ่นในราคาลูกละ๕๕๐เยนหรือ๑๒๑บาท สุดท้ายมันก็อยู่ที่คอมซูมเมอร์อยู่ดีว่าตนเหมาะกับสินค้าแบบใดพร้อมทั้งฐานะของตนว่ามีกำลังซื้อได้ขนาดไหน อีกอันที่เห็นอยู่ทั่วไปคือวิสกี้ของซันโตรี่่ที่มีมาตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันจากราคาธรรมดาๆที่หาซื้อดื่มได้ง่ายๆในราคาขวด๗๕๐มิลิลิตร/๒๑๗๘เยนหรือ๔๕๗บาท หลังวิสก๊้นี้ได้รับรางวัลในปัจจุบันว่ามีรสชาตดีถูกใจกรรมการในการแข่งขันได้เหรียญมาครอบครอง ทั้งๆที่ในการผลิตรสชาติก็ยังเหมือนเดิมๆ(ที่รู้เพราะเป็นคอที่ดื่มยี่ห้อนี้มานานกว่า๔๐ปี)แต่ราคาในปัจจุบันขึ้นมา๔-๕เท่าตัวทีเดียวเพียงทางบริษัทสามารถโชว์ให้คอนซูมเมอร์ได้เห็นในสิ่งแรกคือคลีเดนเชี่ยลของเหรียญรางวัลที่ได้มาแล้วก็อัดโฆษณาให้หนักทางโซเชี่ยลแพลทฟอร์มต่างๆครับ...😄😄
การตลาดแต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกันเลย แล้วเราก็รู้ว่าญี่ปุ่นมีความเป็นโอตาคุสูงมาก
อ่านชื่อคลิป พอมาฟัง อ่าว สุดท้ายก็ถามลูกค้าอยู่ดี แล้วลูกค้าไม่ใช่ผู้บริโภคหรอ? ถ้าตั้งชื่อคลิปว่า หมดยุคสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเยอะๆแล้ว ใช้แบบ In-depth, focus group, insight, case study cross section อะไรก็ว่าไป และส่วนตัวเชื่อว่าสำรวจภาพรวมและกลุ่มใหญ่ก็ยังจำเป็นอยู่นี่ในฐานะที่ทำวิจัยมาเกือบ 20 ปี พฤติกรรมการให้ความร่วมมือการยกมือถือสแกนแบบด้วยตัวเองนี่ 100 คนตอบกลับมา1คนนี่น้ำตาจะไหล เพราะคนขี้เกียจทำต่อให้มีสะสมแต้มก็ตามเถอะ ยกเว้นถ้ามีงานมีออกบูทร่วมกิจกรรมต่อหน้าแล้วให้ทำเดี๋ยวนั้นเลยมีของรางวัลให้ อันนี้ได้รับความร่วมมือดีอยู่
อาจจะทำไม่ได้กับทุกแบรนด์นะ และ ฟลุคขายดี ผลิต volum มากๆ ขายคนเดียวรึป่าว
มันก็เป็นการทดลองอะล่ะครับ แค่บริษัทพวกนี้แค่มีเงินมาทดลองตลาดเยอะ ปังก็ไปต่อ แต่ตุยก็เงียบๆไว้ครับ 55555แต่เขาทดลอง 10 เขาขอแค่1 ตัวไงครับที่ปัง
❤
ส่วนใหญ่จ้างบริษัททำให้
😊
ก็แค่โชคดีที่เลือกผู้ถูกสัมภาษณ์ถูกคน แล้วถ้าเลือกผิดล่ะ?
ก็เพราะผู้ถูกสัมภาษณ์คนนั้นคือกลุ่มเป้าหมาย การเลือกมาแบบสุ่มหลายคน ก็ไม่สะเปะสะปะไม่ตรงเป้าหมายนี่ครับ
@@tossapornsawangklar2235 เเล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าคนที่คุณเลือกคือกลุ่มเป้าหมาย คุณก็ต้องคัดมาจากกลุ่มใหญ่อีกทีรึเปล่า? หรือเจอใครคนเเรกก็เลือกคนนั้น?
เค้าไม่ได้บอกถึงวิธีการเลือกคน ไม่ได้แปลว่าเค้าโชคดีนะวิธีการเลือกคน ก็ต้องมีกลยุทธ์เหมือนกันครับ ว่าจะเลือกใคร มีเกณฑ์อะไรบ้าง ทีมก็ต้องไปคิดมาก่อนครับ
พี่ว่าบริษัทแสนล้านจะยอมทำงานแบบเสี่ยงโชคเหรอครับ
ญี่ปุ่นออกสินค้าใหม่ทุก 3เดือน ถึงจะไม่ต้องวิจัยอะไร ข้อดี-ข้อเสีย มาก็ปรากฏอยู่ชัดๆตอนหน้างานอยู่ดีแหละ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าเนี่ยออกรุ่นใหม่รัวๆเลย
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
😮
คนไม่พูดความจริง แต่การกระทำ ปกติ โกหกยาก
เดี๋ยวนี้ผมถาม open Ai 😂😂😂 เพราะผู้ให้คำตอบจากแบบสอบถามไม่ค่อยพูดความจริงเนื่องจากความเกรงใจ
ขอโทษนะครับ ฟังเพลินดี แต่นัวแท้จริงๆ 😂
สอดแนม
*Relaunched
ถึงว่า ทำไมรถยนต์จาก ญี่ปุ่นแม่ง ไม่เอาใจเลย
มีข้อเสนอแนะครับ คำว่า....brand มีคำศัพท์ไทยที่ใช้ว่า....ตรา ตราสินค้า หรือ ยี่ห้อ (ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว แต่ใช้กันมาตั้งนานแล้ว) ก็น่าจะใช้คำศัพท์ไทยแทนมากกว่านะเช่นเดียวกันกับคำศัพท์อื่นๆ เช่น หีบห่อ หรือ packaging, การตลาด หรือ marketing เป็นต้นคนไทยชอบพูดภาษาไทยคำและภาษาอังกฤษคำ ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะมันดูเท่ดี หรือ ทำให้ผู้พูดดูมีภูมิรู้ และเก่งภาษาอังกฤษคำศัพท์อังกฤษควรใช้แทนคำศัพท์ไทย ที่เป็นคำศัพท์เฉพาะ หรือ คำศัพท์เทคนิค หรือ คำศัพท์ทางวิชาการ หรือ เป็นคำศัพท์ไทยแล้ว จะฟังดูแปลกๆเข้าใจยาก เช่น solfware, hardware เป็นต้นแต่หากอยากจะพูดคำศัพท์อังกฤษจริงๆ ก็ควรพูดคำศัพท์ไทยก่อน และ พูดคำศัพท์อังกฤษเสริมต่อท้ายอีกทีนะครับ
Brand ในมุม Marketing มันไม่ใช่แค่เรื่องของ 'ตราสินค้า' ตราสินค้าเป็นองค์ประกอบหนึ่่งเท่านั้น เวลาเขาบอกว่าทำ brand มันเน้นไปที่การสร้างคุณค่า และ identity (ของพวกนี้มองเห็นกันไม่ชัด) มากกว่าแค่เชิงวัตถุที่่มองเห็นได้ชัดเจน
@@Ramirezz11ใช่ๆๆๆ แล้วการพูดถึงเรื่องทั้งโลกก็ผสมภาษากลางๆของโลกถูกแล้ว ถ้ายายเล่าเร่ืองสุนทรภู่ให้หลานฟังเน้นคำไทยนั่นใช่เลย ถถถ
ตราสินค้า 555 ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆกว่าอีก
4pมันถามลูกค้าสังเกตลูกค้าร้องเรียนแล้วจะได้หรือความคิดไม่ฟังบ้างจะไม่ได้อะไรเลยดูโฆษณาแต่วัดคุณภาพไม่ได้โฆษณามันสร้างภาพลักษณ์องค์กร
ขอบคุณมากครับ
ของ lion เพราะเป็นสินค้าอุปโภคทั่วไปที่คนเข้าใจพื้นฐานการใช้ระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งตลาดค่อนข้างกว้างมากอยู่แล้ว การที่ลงลึกไปที่จุดใดจุดหนึ่งอย่างชัดเจนมาก ๆ ย่อมทำให้คนถูกใจมาก ๆ ในคนบางกลุ่มในตลาดดังกล่าว ทำให้มันขายได้สิ่งที่เราไม่รู้คือ มันดังมาก มันมากแค่ไหน และผลของคำว่าดังมากเกิดจากอะไร เพราะจากย่อหน้าแรกที่ผมเขียน ผมเชื่อว่ามันจะดังมากในคนกลุ่มหนึ่ง เพราะเขาทำตลาดเจาะจงมาก ๆความเชื่อของผมที่ทำให้มันกลายเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จ และน่าจะดังมากในระดับที่น่าพอใจ เพราะการสื่อสาร การโฆษณา และความทำตาม ๆ กันในระดับหนึ่งของสังคมมนุษย์
จะรู้ได้ไงว่า 1 ที่มา interview คือ royalty ของแท้ มันยากมากนะ
ขอบคุณครับ
เป็นเนื้อหาข่าวการตลาดที่ดีมากๆเลครับ
ชุดการตั้งคำถามของเค้าเรียบง่ายแต่ทรงพลังมากครับ
มีตัวอย่างของสินค้าที่เป็นงานบริการบ้างไหมคะ
ฟังสนุกมากครับ
Lion:เอาความต้องการคนลูกค้าคนเดียวมาทำนิชมาร์เก็ต
Suntory: ใช้ลูกค้าเป็นR&D หมายเลข2
Asahi: ใช้กลุ่มรอยัลตี้ของแบรนด์ มาช่วยกันพิชไอเดียให้ได้ แนวทางของการรีแบรนด์ 😊
Thanks for your conclusions
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ ที่เจอบ่อยๆ ยิ่งบริษัทใหญ่ ยิ่งไม่ค่อยฟังเสียงส่วนน้อยของผู้บริโภค เพราะอยากเน้นยอดขายที่ชัดเจนและจับต้องได้มากกว่า แต่ก็เคยเจอบริษัทญี่ปุ่น ที่ฟังเสียงเดียวจากกลุ่มลูกค้าของเค้า แล้วมาคิดแคมเปญ รีแบรนด์ตัวเองจนแบรนด์เค้ากลับมาฮิตได้อีกครั้ง ทัศนคติของผู้บริหารมีส่วนสำคัญมากในการทำการตลาดสมัยนี้ ขอบคุณอาจารย์ที่เอาเคสสนุกๆมาแบ่งปันนะคะ 🙏🏻
ผมเจอบ่อยมาก ในงานสัมนาการตลาด ที่ชอบยกตัวอย่างสินค้าใหม่ที่ประสพความสำเร็จอันสั้น แต่ก็ไม่ค่อยมีคนตามว่า หลังจากนั้น สินค้าเหล่านั้นจะประสพผลความสำเร็จในระยะยาวได้แค่ไหน โดยในหลายๆงาน มีการสัมภาษณ์ พูดคุย เก็บข้อมูลกับ ตย.น้อยราย และยิ่งร้ายที่คุยกับคนที่อาจไม่ใช่กลุุ่มเป้าหมาย (เพราะไม่มีการ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ควรสัมภาษณ์) แม้โชคดียอดขายอาจพอไปได้ในช่วงแรก แค่สุดท้าย ก็มักไปไม่รอด เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เหตุผลง่ายๆ หลาย brand ชอบคิดว่า "มนุษย์เป็นพวกคิดอะไรง่าย ไม่ซับซ้อน" เลยละเลยการให้ความสำคัญกับการทำวิจัยการตลาดแบบจริงจัง ผ่านมืออาชีพ และ นักการตลาดส่วนใหญ่ก็มักไม่ค่อยเข้าใจ เครื่องมือ ทาง Adv Stat อย่าง Multivariate analysis และ Dataming และ ส่วนใหญ่ก็ดูเพียงแค่ ความถี่ กับ ร้อยละ ผสมกับ subjective ส่วนตัว ในช่วงแรก อาจจะดูประสพความสำเร็จ เพราะ ความแปลกใหม่ การโฆษณา โปรโมชั่น และ ส่วนประกอบการตลาดอื่นๆ ที่มีเม็ดเงินมาสนับสนุน กระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากทดลองในช่วงแรก แต่พอลดการสนับสนุนการตลาดลง ผลในระยะต่อมาถ้าไม่ค่อยประสพความสำเร็จ ก็มาโทษ การทำวิจัย ว่าสิ้นเปลืองและไม่ได้ช่วยอะไร ก็จะเป็นวัฐจักรวงจรแห่งความล้มเหลว ซ้ำซากครับ
แต่บางครั้งมุม strategy เองก็อยากยิงสินค้าออกไปเยอะๆ ไปลองตลาด เดี๋ยวนี้มันขายกันง่ายๆ ติดตลาดก็ win ขายไม่ดีก็เอาออก เพราะบ.ใหญ่ๆ cost มันต่ำมาก การลงทุนวิจัยดีๆอย่างที่ว่าก็มีทำแหละ แต่มันใช้เวลาใช้เงินเยอะ กว่าจะได้ผลคู่แข่งออกมาชิงลองตลาดไปก่อนแล้ว สังเกตุอาหารอุ่นร้อน 7 ซิ เปลี่ยนเร็ว เปลี่ยนตลอด อะไรเป็นกระแสดึงเอามาทำ ดึงคนเข้าร้านตลอด
น้อยบริษัทที่จะวิเคราะห์ถึง Regression หรือ Multivariate อีกอย่างปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากกว่า 5p 7p บางครั้งต่อให้ 7p ครบ ร้านอาหารติดแอร์บางทีก็ขายดีสู้ร้านเพิงข้างทางบ้านๆไม่ได้
ขอบคุณมากๆเลยค่ะอาจารย์ รบกวนอาจารย์ช่วยนำเรื่องราวอื่นๆในหนังสือ หรือการทำวิจัยตลาดแบบใหม่ๆที่ใช้ทุนน้อยมากเล่าอีกได้ไหมคะ กำลังหาข้อมูลเริ่มต้นทำธุรกิจค่ะ ขอบคุณค่ะ
อจ.เสียงเพราะมากค่ะ
อาจารย์ปังมากค่ะ
ชอบ!! ออกเสียงอักขระภาษาไทยได้สละสลวย ชัดเจน ภาษาอังกฤษด้วย
ฟังแล้วน่าสนใจ มีเสน่ห์มากค่ะ!!!
นานๆจะได้ฟังสำเนียงคนไทยแบบนี้ค่ะ❤❤
ผมคิดว่าชื่อคลิปมัน extreme ไปครับ ผมว่าแต่ละ tools มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ต้องเลือกให้เหมาะกับobjectives ครับ
ใช่ อ่านชื่อคลิป พอมาฟัง อ่าว สุดท้ายก็ถามลูกค้าอยู่ดี แล้วลูกค้าไม่ใช่ผู้บริโภคหรอ? ถ้าตั้งชื่อคลิปว่า หมดยุคสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเยอะๆแล้ว ใช้แบบ In-depth, focus group, insight, case study cross section อะไรก็ว่าไป และส่วนตัวเชื่อว่าสำรวจภาพรวมและกลุ่มใหญ่ก็ยังจำเป็นอยู่
ขอบคุณความรู้จาก อ เกตุมากๆคับ เวลาที่ตันๆชอบบังเอิญมาเจอคลิป อ.เกตุ และก็จะมีทางแก้ความตันๆนั้นได้เสมอเลย ผมมีร้านคาเฟ่น้อยๆ และก็มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับเฉพาะเมนูประเภทนึงอยู่พอดี กำลังคิดจะต่อยอดสินค้าประเภทนั้นอยู่ ตอนนี้ทราบแล้วคับว่าลูกค้าที่จะสอบถามเพื่อนำข้อมูลไปใช้คนนั้นคือใคร (มีแค่ 2 คนจากลูกค้าทั้งหมดทั้งมวล😊) ขอบคุณ อ. เกตุมากๆเลยคับ
คนเดียวนั้น สำคัญคือเลือกมายังไง
ใช่ สำคัญสุดคือเลือกมายังไง
บอกหมดหนังสือก็ไม่ได้ขาย
บอกหมด คู่แข่งสบาย ไม่ต้องพยายามมากละ
คิดถึงอาจารย์มากๆเลยครับ ผู้ที่ช่วยให้บริษัทผมผ่านพ้นวิกฤต😊
ชอบมากครับ อ.เกตุ
สินค้าที่ทำให้ผู้บริโภคสงบ....
ในโลกที่วุ่นวาย....
ฟังอาจารย์คลิปแรกเลยค่ะ เพลินมากๆ และได้ความรู้ด้วย ขอบคุณค่ะ😀
ขอบคุณอาจารย์ที่มาอัพเดทการตลาดใหม่ ๆ มีประโยชน์กับ SME และ องค์กรใหญ่ ๆ มากครับ ❤
นึกถึงคนที่คิดจะทำวิจัยทิศทางนี้คอนแรก ๆ จะมีกี่คนที่คัดค้านไม่เห็นด้วยเพราะมันฉีกจากที่ทำ ๆ มา และคนยอมอนุมัติให้ทำ ก็ต้องใจมาก ๆ ที่จะลอง
เคส 1 และ 3 เป็นการตลาดแบบนิช ครับ เจาะจงกลุ่มเป้าหมายนั้นๆโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำในปัจจุบัน
ช่องดีๆ แบบนี้ ผมสับตะไคร้รอเบยครับ
ฟังเพลินมากเลยค่ะ ได้ความรู้ด้วย ขอบคุณนะคะ จะคอยติดตามตอนใหม่เรื่อยๆค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ คิดถึงอาจารย์มากเลยค่ะ สมัยเรียนอาจารย์ชอบมีเรื่องเล่าสนุกๆมาเล่าให้ฟังตลอดเลยค่ะ พออาจารย์มาเล่าเรื่องผ่านยูทูปเหมือนได้กลับไปเรียนกับอาจารย์อีกครั้งค่ะ
การวิจัยมี 2 แบบคือเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ
การทำสำรวจเป็นการวิจัยเชิงปริมาณซึ่งข้อมูลที่ได้ก็เป็นความคิดมาจากผู้คิดแบบสอบถามแล้วไปถามบุคคลทั่วไปเพื่อหาว่ามีใครคิดเหมือนกับเราไหม ส่วนที่นำเสนอในคลิปก็เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพคำถามก็เป็นการถามนำเท่านั้นแล้วจากนั้นผู้ถูกสัมภาษณ์ก็อาจจะเสนอให้ดีของตัวเองออกมาซึ่งจะเป็นมุมมองของผู้ใช้มากกว่ามุมมองของผู้สัมภาษณ์
ผมก็เอ๊ะตรงนี้เหมือนกันแต่เข้าใจว่าน่าจะสื่อสารผิด
อ.เกด สวยสดใสเหมือนเดิมเลยนะคะ 💗💗💗
เนื้อหาน่าสนใจ แปลกใหม่ ดีครับ ติดตามนะครับรอตอนรอไปครับ
สรุปแล้ว ก็ยังต้องสัมภาษณ์ผู้บริโภคอยู่ดี 😊
เนื้อหาดีมากเลยค่ะ อ.เกตุ นำไปปรับใช้กับทีม marketing น่าจะเข้าท่าเลย
ขอบคุณครับอาจารย์ หนังสือเล่มนี้มีแปลเป็นไทยหรือยังนะครับอาจารย์
ได้ความรู้ทุกคลิป ขอบคุณอาจารย์เกดครับ😊❤
การจะถาม dept insight จากคนๆเดียวทำได้ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจมากๆว่าคนๆนั้นใช่ลูกค้าเราและเป็นตัวแทนของกลุ่ม target consumer ของเราได้มากเพียงพอค่ะ ในความเห็นส่วนตัวจาก ปสก ทีทำสินค้ามานานนะคะ กลัวว่าทางผู้ประกอบการรายย่อยจะเข้าใจผิดและทุ่มหน้าตักเงินทุนไปกับการสัมภาษณ์ลูกค้าคนเดียวจะทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนในประเด็นนี้ค่ะอาจารย์ 🙏
ขอบคุณครับ
มีประโยชน์และได้ไอเดีย
สินค้าญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ในตัวสินค้าสุด ๆ แต่ที่เสียดายคือกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ที่ค่อย ๆ หายไป
ขอบคุณครับผม...❤
อยากได้ชื่อหนังสือที่ถูกต้องจังเลยค่ะ ตะได้ไปหาอ่าน 🙏
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ
😊ขอบคุณคะอาจาร์ย
ขอบคุณค่ะอาจารย์
ขอบคุณคับ❤
เรื่องนี้มีประโยชน์มากเลย ขอบคุณครับ
ชอบจังเลยค่ะ อยากฟังอีก❤
ใช่ครับ มันหมดยุคที่จะออกมาสอบถามความพึงพอใจต่อสินค้า กับ คนที่เดินไป มาตามท้องถนนแล้ว เพราะ ยุคปัจจุบัน บอกเลยว่า แทนที่จะได้ข้อมูลความพึงพอใจในสินค้า หรือ แบรนด์ กลับกลายเป็นได้ ความรู้สึกที่ หรือ การระบาย จากคนๆนั้น อย่างเช่น ยกตัวอย่างเช่น มีคนมาถามผมว่า ผมดื่มกระทิงแดงหรือไม่ ผมตอบเลยว่าไม่ เพราะมาจาก กระทิงแดง มีตระกูล อยู่วิทยา ครับ ผมเลย ไม่ดื่ม จะเป็นเพราะอะไรนั้น ผมขอสงวนสิทธิ์ครับ ผมตอบแค่ว่า เพราะตระกูล อยู่วิทยา เท่านั้นครับ ที่ผมไม่อุดหนุน กระทิงแดง
ขอบคุณมากค่ะ
หนังสือ(100ideas)ชื่ออะไรนะคะ มีแปลไทยไหมหรอคะ(หรือมีแต่เวอร์ชันญี่ปุ่น)
ชอบมากๆเลยค่ะ อจ น่ารักจุง
อ.คะหนูมีคำถาม เราจะเจาะจงหาคนที่จะสำภาษณ์ยังไงคะ แล้วจะรู้ได้ไงว่าคนที่เราเลือกมันถูก อีกอย่างจากเคสที่ยกตัวอย่างมาเขามีproductอื่นมาขายก่อนแล้ว เพราะงั้นเขาเลยมีความกล้าได้กล้าเสียในการทดลองการตลาดโดยไม่ลงเงินกับmarketing มาก อ.คิดยังไงกับเรื่องนี้คะ (หรือหนูจับประเด็นผิด😅)
อ.อธิบายได้น่าฟังมากครับ
ขอบคุณมากครับผม
วิจัยยังไงให้สินค้าตัวเองแพ้เรียบแก่ตลาดเกาหลี จีน ที่ตามหลังมายาวนาน คับ อาจาร
สินค้าต้องค้นหาตัวลูกค้าพบ...
อาจจะใช้เวลา ตั้งแต่สินค้าวางตลาด..มันจะยืนและค้นหาลูกค้าของเค้าจนพบ.....
เช่น " เบียร์สำหรับคนล้มเหลว"
" เบียร์สำหรับคนอกหัก".
ชีวิตมันแย่โลกไม่เข้าข้างคุณ..เรารู้ว่าจะลุกขึ้นในไม่ช้า..
ก่อนที่จะไปต่อ..ดื่มก่อนเถอะเพื่อน!! Asahi /
คิดถึงอาจารย์เกตุ ทำ clip บ่อยๆนะคะ
หนังสือเล่มนี้มีแปลเป็นภาษาไทยไหมนะคะ อยากซื้อมาอ่านมากๆค่ะ
ขอบคุณครับอาจารย์ เคยสงสัยแล้วก็หาข้อมูลเหมือนกันครับว่า ญี่ปุ่นเค้าทำ UX Design ยังไง เพราะเคยรับรู้มาว่าคนญี่ปุ่นมีความเป็นส่วนตัวสูงมากแล้วธุรกิจเขาหาข้อมูลมาแบบไหน วันนี้ได้เห็นเคสที่ชัดเจนมากขึ้นครับ
อยากให้อาจารย์เล่าถึงการตลาดด้านการศึกษาค่ะ ถ้าจะขายคอร์ส ขายหลักสูตรเรียน มีวิธีทำการตลาดอย่างไรบ้างค่ะ
ว้าวนี่คือ อาจารย์ คนเขียนมาโคโตะ Marketing นี่นา
อาจารย์คะ ขอทราบวิถีสื่อบันเทิงของชาวเกาะค่ะ เขากิน-เสพ-ใช้กันเอง มูลค่าการตลาดเขาสเกลไหน เขาอยู่รอดกันได้ยังไง ในขณะที่ประเทศอื่นๆพยายามให้แมสในต่างประเทศ ของญี่ปุ่นหาดูยากจนน่าใจหาย แต่เขารอด อยากรู้มากๆเลยค่ะ เขาทำได้ยังไงคะ
ขอบคุณค่ะ 🥺🙏
เล่าเรื่องเพลินค่ะ ฟังยาวๆ ขนาดปกติพอดแคสดังๆ 30นาทีอัพ เรายังฟังไม่จบเลย😿
Chula มีวิทยาเขตต่างจังหวัดมั่ยครับ
ชอบๆครับ
ความคิดลูกค้าคนเดียว อาจ bias ได้ ไม่แปลกที่ปัจจุบันสินค้าญี่ปุ่นแข่งขันในตลาดโลกได้ยาก แพ้สินค้าจีน เกาหลี และสินค้าทางตะวันตก ในหลายอุตสาหกรรม
ขอบคุณครับอาจารย์ เนื้อหาน่าสนใจ แต่วิธีการเล่าปรับปรุงให้สรุปกระชับกว่านี้จะดีครับ
ญี่ปุ่นเจ๊งอยู่นะจั๊ะ Nissan เพิ่ง Honda มาช่วย ตลก
ใช้ social media ง่ายสะดวกและตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด บริษัทก็เอาข้อมูลจาก comment ต่างๆมาวิเคราะห์วิจัยตลาดต่อชัวร์กว่าตอบแบบสอบถาม
สินค้าต่างๆในญี่ปุ่นมาไวไปไวครับ ส่วนพวกที่ผ่านการโปรโมททางสื่อมีเดียแพลทฟอร์มต่างๆมากมายจากการแข่งขันว่าของใครดีกว่ากันมีทุกๆปีให้ดูครับ การแข่งขันในญี่ปุ่นสูงครับ บริษัทไหนไม่มีบุคคลากรที่แอคทีฟและมีความสามารถในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆหรือไอเดียใหม่ๆก็อาจไม่มียอดขายที่ดีครับ รวมทั้งการโฆษณาในสมัยใหม่นี้ส่วนมากจะเอาคนที่มีชื่อเสียงหรือพวกเซเล๊บบริตี้มาทำโฆษณาแทบจะไม่มีคนธรรมดาสามัญที่เราเห็นๆกันทุกๆวันเหมือนในเมื่อสัก๓๐ปีก่อนแล้วละครับแล้วก็อัดโฆษณาให้หนักๆในช่วงแรกจะใช้เวลาในการโฆษณาแค่ไหนก็แล้วแต้สภาวะทางการเงินของแต่ละบริษัทครับแต่ก็บอกได้ว่าได้เห็นได้ฟังกันจนจำทุกคำพูดหรือเพลงในโฆษณาให้คอมซูมเมอร์ติดหูติดตาจนลองหาซื้อมาใช้ดูทีเดียวครับ ส่วนใหญ่แล้วคอนซูมเมอร์ในแต่ละกลุ่มคนและกำลังในการซื้อเท่านั้นละครับที่จะเป็นคนตัดสินใจว่าผลิตภัณฑ์ไหนเหมาะสมกับตนมากที่สุดในด้านคุณภาพและราคาครับ คนญี่ปุ่นในสมัยใหม่จะพิถีพิถันในการสร้างผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆออกมาในปัจจุบันจะมีราคาสูงเกินความเป็นจริงเพราะต่างคนต่างคิดว่าของตนนั้นดีมีประสิทธิภาพหรือสร้างของๆตนให้เป็นไฮเอนแบรนด์แล้วก็ใช้อินฟลูเอนเซอร์ดังทางโซเชี่ยลแพลทฟอร์มต่างๆอะไรทำนองนั้น ตัวอย่างง่ายมีให้เห็นอยู่มากมายในปัจจุบันเช่นถ้าซื้อกล้วยหอมอิมพอร์ทจัดจำหน่ายโดยบริษัทโดลที่มีชื่อเสียงในการนำเข้าผักผลไม้จากต่างประเทศในซุปเปอร์มาเก๊ต๑/๓ของหวี ประมาณ๕ลูกในราคา๒๐๘เยนหรือ๔๖บาท กับซื้อกล้วยที่ผลิตจากในวีนีลเฮาส์ภายใต้การควบคุมทางไฮเทคโนโลยีของญี่ปุ่นในราคาลูกละ๕๕๐เยนหรือ๑๒๑บาท สุดท้ายมันก็อยู่ที่คอมซูมเมอร์อยู่ดีว่าตนเหมาะกับสินค้าแบบใดพร้อมทั้งฐานะของตนว่ามีกำลังซื้อได้ขนาดไหน อีกอันที่เห็นอยู่ทั่วไปคือวิสกี้ของซันโตรี่่ที่มีมาตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงปัจจุบันจากราคาธรรมดาๆที่หาซื้อดื่มได้ง่ายๆในราคาขวด๗๕๐มิลิลิตร/๒๑๗๘เยนหรือ๔๕๗บาท หลังวิสก๊้นี้ได้รับรางวัลในปัจจุบันว่ามีรสชาตดีถูกใจกรรมการในการแข่งขันได้เหรียญมาครอบครอง ทั้งๆที่ในการผลิตรสชาติก็ยังเหมือนเดิมๆ(ที่รู้เพราะเป็นคอที่ดื่มยี่ห้อนี้มานานกว่า๔๐ปี)แต่ราคาในปัจจุบันขึ้นมา๔-๕เท่าตัวทีเดียวเพียงทางบริษัทสามารถโชว์ให้คอนซูมเมอร์ได้เห็นในสิ่งแรกคือคลีเดนเชี่ยลของเหรียญรางวัลที่ได้มาแล้วก็อัดโฆษณาให้หนักทางโซเชี่ยลแพลทฟอร์มต่างๆครับ...😄😄
การตลาดแต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกันเลย แล้วเราก็รู้ว่าญี่ปุ่นมีความเป็นโอตาคุสูงมาก
อ่านชื่อคลิป พอมาฟัง อ่าว สุดท้ายก็ถามลูกค้าอยู่ดี แล้วลูกค้าไม่ใช่ผู้บริโภคหรอ? ถ้าตั้งชื่อคลิปว่า หมดยุคสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเยอะๆแล้ว ใช้แบบ In-depth, focus group, insight, case study cross section อะไรก็ว่าไป และส่วนตัวเชื่อว่าสำรวจภาพรวมและกลุ่มใหญ่ก็ยังจำเป็นอยู่
นี่ในฐานะที่ทำวิจัยมาเกือบ 20 ปี พฤติกรรมการให้ความร่วมมือการยกมือถือสแกนแบบด้วยตัวเองนี่ 100 คนตอบกลับมา1คนนี่น้ำตาจะไหล เพราะคนขี้เกียจทำต่อให้มีสะสมแต้มก็ตามเถอะ ยกเว้นถ้ามีงานมีออกบูทร่วมกิจกรรมต่อหน้าแล้วให้ทำเดี๋ยวนั้นเลยมีของรางวัลให้ อันนี้ได้รับความร่วมมือดีอยู่
อาจจะทำไม่ได้กับทุกแบรนด์นะ และ ฟลุคขายดี ผลิต volum มากๆ ขายคนเดียวรึป่าว
มันก็เป็นการทดลองอะล่ะครับ แค่บริษัทพวกนี้แค่มีเงินมาทดลองตลาดเยอะ ปังก็ไปต่อ แต่ตุยก็เงียบๆไว้ครับ 55555
แต่เขาทดลอง 10 เขาขอแค่1 ตัวไงครับที่ปัง
❤
ส่วนใหญ่จ้างบริษัททำให้
😊
ก็แค่โชคดีที่เลือกผู้ถูกสัมภาษณ์ถูกคน แล้วถ้าเลือกผิดล่ะ?
ก็เพราะผู้ถูกสัมภาษณ์คนนั้นคือกลุ่มเป้าหมาย การเลือกมาแบบสุ่มหลายคน ก็ไม่สะเปะสะปะไม่ตรงเป้าหมายนี่ครับ
@@tossapornsawangklar2235 เเล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าคนที่คุณเลือกคือกลุ่มเป้าหมาย คุณก็ต้องคัดมาจากกลุ่มใหญ่อีกทีรึเปล่า? หรือเจอใครคนเเรกก็เลือกคนนั้น?
เค้าไม่ได้บอกถึงวิธีการเลือกคน ไม่ได้แปลว่าเค้าโชคดีนะ
วิธีการเลือกคน ก็ต้องมีกลยุทธ์เหมือนกันครับ ว่าจะเลือกใคร มีเกณฑ์อะไรบ้าง ทีมก็ต้องไปคิดมาก่อนครับ
พี่ว่าบริษัทแสนล้านจะยอมทำงานแบบเสี่ยงโชคเหรอครับ
ญี่ปุ่นออกสินค้าใหม่ทุก 3เดือน ถึงจะไม่ต้องวิจัยอะไร ข้อดี-ข้อเสีย มาก็ปรากฏอยู่ชัดๆตอนหน้างานอยู่ดีแหละ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าเนี่ยออกรุ่นใหม่รัวๆเลย
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
😮
คนไม่พูดความจริง แต่การกระทำ ปกติ โกหกยาก
เดี๋ยวนี้ผมถาม open Ai 😂😂😂 เพราะผู้ให้คำตอบจากแบบสอบถามไม่ค่อยพูดความจริงเนื่องจากความเกรงใจ
ขอโทษนะครับ ฟังเพลินดี แต่นัวแท้จริงๆ 😂
สอดแนม
*Relaunched
ถึงว่า ทำไมรถยนต์จาก ญี่ปุ่นแม่ง ไม่เอาใจเลย
มีข้อเสนอแนะครับ
คำว่า....brand มีคำศัพท์ไทยที่ใช้ว่า....ตรา ตราสินค้า หรือ ยี่ห้อ (ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว แต่ใช้กันมาตั้งนานแล้ว) ก็น่าจะใช้คำศัพท์ไทยแทนมากกว่านะ
เช่นเดียวกันกับคำศัพท์อื่นๆ เช่น หีบห่อ หรือ packaging, การตลาด หรือ marketing เป็นต้น
คนไทยชอบพูดภาษาไทยคำและภาษาอังกฤษคำ ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะมันดูเท่ดี หรือ ทำให้ผู้พูดดูมีภูมิรู้ และเก่งภาษาอังกฤษ
คำศัพท์อังกฤษควรใช้แทนคำศัพท์ไทย ที่เป็นคำศัพท์เฉพาะ หรือ คำศัพท์เทคนิค หรือ คำศัพท์ทางวิชาการ หรือ เป็นคำศัพท์ไทยแล้ว จะฟังดูแปลกๆเข้าใจยาก เช่น solfware, hardware เป็นต้น
แต่หากอยากจะพูดคำศัพท์อังกฤษจริงๆ ก็ควรพูดคำศัพท์ไทยก่อน และ พูดคำศัพท์อังกฤษเสริมต่อท้ายอีกทีนะครับ
Brand ในมุม Marketing มันไม่ใช่แค่เรื่องของ 'ตราสินค้า' ตราสินค้าเป็นองค์ประกอบหนึ่่งเท่านั้น เวลาเขาบอกว่าทำ brand มันเน้นไปที่การสร้างคุณค่า และ identity (ของพวกนี้มองเห็นกันไม่ชัด) มากกว่าแค่เชิงวัตถุที่่มองเห็นได้ชัดเจน
@@Ramirezz11ใช่ๆๆๆ แล้วการพูดถึงเรื่องทั้งโลกก็ผสมภาษากลางๆของโลกถูกแล้ว ถ้ายายเล่าเร่ืองสุนทรภู่ให้หลานฟังเน้นคำไทยนั่นใช่เลย ถถถ
ตราสินค้า 555 ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆกว่าอีก
4pมันถามลูกค้าสังเกตลูกค้าร้องเรียนแล้วจะได้หรือความคิดไม่ฟังบ้างจะไม่ได้อะไรเลยดูโฆษณาแต่วัดคุณภาพไม่ได้โฆษณามันสร้างภาพลักษณ์องค์กร
ขอบคุณมากครับ
ของ lion เพราะเป็นสินค้าอุปโภคทั่วไปที่คนเข้าใจพื้นฐานการใช้ระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งตลาดค่อนข้างกว้างมากอยู่แล้ว การที่ลงลึกไปที่จุดใดจุดหนึ่งอย่างชัดเจนมาก ๆ ย่อมทำให้คนถูกใจมาก ๆ ในคนบางกลุ่มในตลาดดังกล่าว ทำให้มันขายได้
สิ่งที่เราไม่รู้คือ มันดังมาก มันมากแค่ไหน และผลของคำว่าดังมากเกิดจากอะไร เพราะจากย่อหน้าแรกที่ผมเขียน ผมเชื่อว่ามันจะดังมากในคนกลุ่มหนึ่ง เพราะเขาทำตลาดเจาะจงมาก ๆ
ความเชื่อของผมที่ทำให้มันกลายเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จ และน่าจะดังมากในระดับที่น่าพอใจ เพราะการสื่อสาร การโฆษณา และความทำตาม ๆ กันในระดับหนึ่งของสังคมมนุษย์
จะรู้ได้ไงว่า 1 ที่มา interview คือ royalty ของแท้ มันยากมากนะ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
เป็นเนื้อหาข่าวการตลาดที่ดีมากๆเลครับ
ชุดการตั้งคำถามของเค้าเรียบง่ายแต่ทรงพลังมากครับ
มีตัวอย่างของสินค้าที่เป็นงานบริการบ้างไหมคะ