ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
#สำหรับผู้ไม่สะดวกรับฟังด้วยเสียงคู่ดีคู่แท้พบกันได้ ด้วย 2ประการนี้พระพุทธองค์ของเรา ทรงตรัสไว้ในเรื่องของความรักและบุพเพสันนิวาส ไว้ดังนี้ (ธัมมปทัฏฐกถาภาคที่ 2 สามาวดี) ไว้ว่า“ปุพฺเพ วะ สันนิวาเสนะ..ปัจจุปันนะหิเตนะ วา เอวันตัง ชายะเต เปมัง..อุปลัง วะ ยะโถ ทะเก ฯ”แปลโดยสรุปได้ว่า ความรักนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุ 2 ประการนี้คือ 1. ด้วยเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน 2. ด้วยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบันคำว่า “กร รมร่วมกันมาแต่อดีตชาติ” เป็นคำที่หมายถึง คนสองคน หรือมากกว่านั้น เคยทำอะไร ร่วมกันมา จะเป็นทางดีก็ได้ ทางไม่ดีก็ได้เช่นเคยทำบุญร่วมกันมา เคยร่วมปล้นฆ้ าคนมาด้วย ดังนั้นเรื่องของบุพเพสันนิวาสจึงไม่ใช่และไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ครองกันเสมอไปกร รมร่วมกันนั้นมีทั้งกรร มดีและกรร มไม่ดีในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่กัน ที่เราอาจจะเคยรู้สึกสงสัยตงิดๆ ว่า ทำไมเนื้อคู่ของเราคนนี้นั้นมีหน้าตาคล้ายๆ กับเราก็เพราะอาจจะเป็นพี่น้องกันมาก่อนในอดีตชาติทำไมคู่ครองของเรา ในบางครั้ง บางวันดูเขาช่างเป็นคนดุเข้มงวด เจ้ากี้เจ้าการ บังคับเราในเกือบทุกเรื่องบอกให้เราต้องทำโน่นทำนี่ ไม่หยุดเหมือนกับเราเป็นลูก ก็เพราะอาจจะเคยเป็นพ่อแม่มาก่อนนะสิขอให้เข้าใจไว้เลยว่าเป็นเรื่องของแรงแห่งบุญและกร รมที่ทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมา เคยเกื้อกูลกันมาแล้วมาในชาตินี้ต้องมาเกื้อกูลกันต่อถึงจะได้พบกันซึ่งมาจากกร รมลิขิตไม่ใช่พรหมลิขิตถ้าบอกว่า “พระพรหมท่านช่วยดลใจมนุษย์” ก็พอจะรับฟังและเชื่อได้ เพราะเชื่อว่าพระพรหมท่านเป็นผู้ปฎิบัติที่เคร่งครัด ประพฤติดี ประพฤติชอบคือมี พรหมวิหาร 4 ฌานของท่านสูง และมีบุญฤทธิ์มากในบางครั้งท่านอาจจะสงสาร มีเมตตา ช่วยดลใจจิตของคนสองคนเข้ามาหากันหรือเพื่อช่วยเป็นแรงส่งให้สร้างบุญกุศลได้หรือมาร่วมโมทนาคุณความดี บุญกุศลที่มนุษย์ได้ทำขึ้นส่วนกลุ่มคนที่มีบุพเพสันนิวาสต่อกันในเชิงสามีภรรยา ถ้าไม่มีกามราคะเป็นตัวเหนี่ยวนำก็จะไม่มีทางได้มาเป็นสามีภรรยากันหรือเนื้อคู่กันได้และมีหลายคนที่ได้สละความเป็นลำดับเนื้อคู่สู่โลกแห่งธรรมะ ก็สามารถใช้บุญนั้นหยุดวิบากก รรมที่จะนำมาสู่การเป็นผัวเมียกันได้ยิ่งในระดับของผู้ปฎิบัติธรรมชั้นสูง คือ ตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป ท่านตัดสิ้นแล้วในกามราคะ และไม่ปรารถนามาเกิดอีกแล้ว ท่านก็สละสิทธิ์ไม่มีการที่จะมาต่อคิวลำดับใครอีกแล้ว พวกเนื้อคู่เก่าก่อนที่ท่านจะบรรลุก็ต้องกินแห้วไปลำดับของเนื้อคู่ของคนเราจึงมีมากมายมหาศาล ก็เพราะเราทุกคนนั้นเกิดมาแล้วเป็นล้านๆ ชาติ ยังไม่นับรวมถึงที่เคยเป็นสัตว์เดรัจฉานเอาแค่ว่าชาติที่มีบุญเกิดเป็นมนุษย์ชาติเดียวนั้นเป็นคู่ผัวตัวเมียเดียว ไม่มีอนุภรรยาหรือมีอนุสามีมาเป็นเนื้อคู่ลำดับต่อไปเพิ่มขึ้นมาอีกซึ่งหลายคนมีปัญหากับคู่ครองบ่อยทางที่จะเปลี่ยนเรื่องเหล่านี้จากร้ า ยให้กลับมาเป็นดี เปลี่ยนจากคู่เวรคู่กร รมมาเป็นคู่แท้ คู่บุญบารมีนั้นต้องทำกร รมดีเท่านั้นที่จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ซึ่งอาจจะเป็นของยากในวาระแรก เริ่มจากการอภัยและยอมรับซึ่งกันและกันหมั่นชักชวนเขาหรือเธอให้ทำบุญกุศล ทำทาน รักษาศีล ภาวนา บางคนต้องอาจจะต้องใช้อุบายบ้างแล้วแต่วิธีการ ค่อยปฏิบัติ เพราะเราทำไปด้วยเจตนาที่ดีที่รักเขาและอยากเห็นเขากลับมาเป็นคนดีดั่งเดิม บุญกุศลที่ทำร่วมกันก็จะเป็นบุญใหม่ไปคลายวิบากกร รมที่กำลังได้รับที่ทำให้ชีวิตรักนั้นมีปัญหาให้คลายตัวลงและเปิดทางให้บุญที่ร่วมกันทำมาส่งผลเร็วขึ้น หมั่นอธิษฐานขอพลังบุญอันยิ่งใหญ่ช่วยทำให้เขาหรือเธอเดินกลับมาสู่ความดีงาม
แรงอธิษฐานเหล่านั้นจะช่วยได้แน่นอน จะเร็วหรือช้าอยู่ที่บุญกุศลที่เราทำนั้นมีอานิสงส์มากน้อยเพียงใดในอดีตบางคู่ ในตอนแรกยังไม่สามารถพาคู่ครองไปสู่เส้นทางบุญที่ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะเขาหรือเธอนั้นมีวิบากกรร มมาบังตา บังใจอยู่หรือกำลังส่งผลอยู่ต้องเริ่มจากการโมทนาอุทิศบุญที่ตัวเราเป็นคนทำส่งไปให้เขา ระบุชื่อเขาหรือเธอทุกครั้ง ให้เป็นบุญใหม่แม้เจ้าตัวเขาจะไม่ได้ทำเองก็ตามหลังจากการทำบุญทุกครั้ง ก็โมทนาอุทิศบุญส่งไปให้สม่ำเสมอ ไม่นานบุญที่เขาไม่เคยมีก็จะมีขึ้นมาได้ และยิ่งได้ไปร่วมทำบุญกุศลด้วยกันบุญของทั้งสองคนก็จะร่วมกันเป็นกองบุญที่ใหญ่ขึ้นๆ และเป็นจริงที่ว่า บุญกุศลเท่านั้นที่จะมีอำนาจทำให้วิบากกร รมต่างๆ ได้เบาบางลงไปการถอนคำอธิษฐานและให้สมหวังในความรัก การที่มีปัญหาเกี่ยวกับความรัก ไม่ว่าจะไม่มีคนรักเราจริงเลย หรือไม่มีคนมารักมาชอบหรือมีเรื่องไม่สมหวังในความรัก สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งนั้น อาจจะมาจากการที่ชาติหนึ่งชาติใดเคยสร้างก รรมเอาไว้และอาจจะมีกร รมผูกพันจากการอธิษฐานเอาไว้ หรือจากการสาปแช่งของเจ้ากรร มนายเวร การมีหนี้ก รรมที่ต้องชดใช้ ก่อนอื่นนั้นครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ทำการถอนการอธิษฐานเสียก่อนเหมือนกับเราไปขอแก้ไขในสิ่งที่เราเคยทำเอาไว้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น ต้องอยู่ที่บุญของตนเองด้วยคำถอนอธิษฐาน และให้สมหวังในความรัก“ข้าพเจ้า ………..(เอ่ยชื่อตนเอง) ขออาราธนา ขอพระเมตตาบารมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ พระอริยสงฆ์ อริยบุคคล ครูบาอาจารย์สืบๆ กันมา โดยเฉพาะหลวงปู่ทวด หลวงปู่แสง ครูบาศรีวิชัยเจ้าหลวงปาน วัดบางนมโค หลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง (หรือครูบาอาจารย์ที่เราเคารพ) เป็นที่สุดด้วยข้าพเจ้าเคยประมาทพลาดพลั้ง เป็นผู้มีมิจฉาทิฐิด้วยความไม่รู้ ข้าพเจ้าขอถอนสาปแช่ง คำอธิษฐาน และพันธนาการทั้งปวงขอให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง หากแม้นข้าพเจ้าเคยร่วมอธิษฐานครองคู่กับผู้ใดมาก็ตาม หรือทุกการอธิษฐานที่เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมเกิดบาปและอุปสรรคทั้งปวงข้าพเจ้าขอยกเลิกคำอธิษฐาน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน และอโหสิกร รมให้แก่บุคคลเหล่านั้นเพื่อให้มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผลพระนิพพานในที่สุดด้วยผลบุญแห่งการให้อภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ขอได้พบแต่กัลยาณมิตรให้ห่างจากคนพาลทั้งหลาย และได้พบกับเนื้อคู่ในลำดับต้นที่มาจากบุญเท่านั้น (หรือเนื้อคู่ในปัจจุบันให้พบแต่ความสุขความเจริญ สุขกายสบายใจ)ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาอย่างดีแล้วตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จๆ ทุกประการเทอญ…”เมื่อเสร็จการกล่าวถอนอธิษฐานแล้ว ขอให้ทำสมาธิต่ออีก ไม่ว่าจะนานแค่ไหน และต้องวิปัสสนา หรือพิจารณาธรรมด้วยก่อนถอนตัวจากสมาธิ(ดูจากบทแรกเรื่องปลุกตัวเองให้ศักดิ์สิทธิ์) เสร็จแล้วให้อุทิศบุญแผ่เมตตาให้กับเจ้ากร รมนายเวรไม่ว่าจะเป็นสรรพสัตว์ใด มนุษย์หรืออมนุษย์ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี เมื่อแผ่เมตตาเสร็จสิ้นแล้วเป็นอันจบการถอนอธิษฐานตามแบบฉบับของครูบาอาจารย์ที่สืบทอดมาแต่ครั้งโบราณบัดนี้เราเป็นผู้หลุดพ้นจากการอธิษฐานในอดีตชาติหรือในชาติปัจจุบันที่เคยไปอธิษฐานเอาไว้ทั้งปวง ต้องลด ละ เลิกกร รมชั่วทั้งปวงทันทีถือศีล 5 เท่าที่จะทำได้อย่างให้ด่างพร้อยหรือขาดข้อใด ถ้าขาดต้องสมาทานศีล 5 ใหม่ทั้งหมด หมั่นสร้างบุญกุศลอย่าได้ขาดให้เป็นเหมือนเราต้องกินข้าวเพื่อเสริมกำลังทุกวัน การสร้างบุญก็เหมือนกันที่ต้องสร้างตลอดเวลา ยิ่งในคนที่มีปัญหาในความรักทุกเรื่องต้องเร่งทำเสียในทุกเช้าและก่อนนอน อย่าลืมหมั่นสวดมนต์ทำสมาธิเจริญภาวนา และอุทิศบุญไปถึงคนรักคู่รัก สามีหรือภรรยา เจ้ากร รมนายเวรทุกครั้ง
ไม่มีคู่บุญ ก็ทำบุญนี้ไว้คู่ตัวเคยได้ยินไหม ‘คู่ชั่วคราว’ มักมาแล้วก็ไป อยู่ไม่ถาวรคงทนหรอก ถึงเวลาไม่เขาก็เรานั้นแหละต้องจากเมื่อต้องโบกมือลา ทั้งที่ใจยังรัก แม้คาดหวังว่าจะฝากชีวิตไว้กับเขาจนต า ยไปข้างเมื่อคำตอบของชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เราและเขาเดินมาไกลได้เพียงเท่านี้เราก็ต้องวางแผนใหม่ ตั้งหลักใหม่ แต่แผนการมีแฟนทันที เพื่อหาคนคลายเหงา คลายทุ กข์ นั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีนั้นเป็นการสร้างทุ กข์และบาปให้ตัวเองเพิ่ม หากเวลานี้ใจยังเจ็บก็ปล่อยมันให้เจ็บ ให้รู้สึกว่าเจ็บมันเป็นอย่างนี้เองรู้เท่าทันมัน อย่าพึ่งเอาชนะมันหากยังรู้สึกอยู่ เพราะมันไม่ช่วยให้ลืมได้เร็ว แต่กับเพิ่มความเจ็บซ้ำๆ ให้กับตัวเองการปล่อยตัวเอง ปล่อยใจให้เป็นอิสระ คือหนทางนำเราไปสู่การหลุดพ้น ใจที่วางคือใจที่นิ่งไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเป็นช่วงจังหวะที่ดี ที่เราจะรู้สึกมีพลังน้อยๆ ยิ่งได้หันหน้าเข้าหาธรรม ยิ่งจะเพิ่มความร่มเย็น สุข สงบใจให้กับตัวเองอย่างน่าประหลาดเชียวล่ะหมั่นสะสั่มบุญเข้าไว้ เมื่อไหร่ที่เรามีบุญมาก บุญจะเป็นตัวนำทางให้ไปเจอคนที่มีบุญและศีลเสมอกันจะเห็นว่า คนที่มีศีลสมบูรณ์ไม่พร่องมักจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ศีลขาดไม่ได้หรอก เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง อยู่กันก็ไม่ได้นาน
รักแท้ของคุณเป็นลักษณะทางธรรมหรือทางโลกในยๅมที่ความ รักบังตา เราทุกคนย่อมขาด สติยามมี รักหรือทุกข์ เพราะ รัก ควรมี สติ จากการได้ รักขอน้อมนำคำสอนรักที่แท้ในพุทธศาสนา คือ เมตตา กรุณา หมายถึงการปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และอยากให้เขาพ้นทุกข์ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเอาผู้อื่นเป็นตัวตั้ง แต่ความรักอีกแบบหนึ่งที่พุทธศาสนาไม่ส่งเสริม เรียกว่า สิเนหา หรือที่เราเรียก เสน่หา เพราะมันเป็นความรักที่เอาตัวกูหรืออัตตๅเป็นตัวตั้งการรักคนอื่นในทางพุทธศาสนานั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ คือ การคลๅยความยึดติดถือมั่นในตัวตน ส่งผลให้ความเห็นแก่ตัวลดลง จิตใจจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ใจที่มีเมตตากรุณานั้นทำให้สามารถรักคนอื่นได้โดยบริสุทธิ์ใจ ปราศจากความอยากครอบครองหรือเอามาสนองตัวตน เรียกว่าเป็นจิตที่ไร้เขตแดนความรักแบบนี้ต่างจากความรักของฆรๅวาสหรือของปุถุชนทั่วไป เพราะรักของฆรๅวๅสนั้นเป็นความรักที่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นของเรา เช่น ถ้าแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ต้องเป็นของฉันทั้งๆ ที่เขาไม่มีทางเป็นของเราได้ความรักแบบที่มี “ตัวกูของกูเป็นศูนย์กลๅง” เป็นความรู้สึกที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า “สิเนหะ” หรือ เสน่หา ไม่ใช่ความเมตตาหรือกรุณา การได้มาศึกษาและบวชในพุทธศาสนา ทำใหเรียนรู้เรื่องนี้ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างความรักทั้ง 2 อย่างนี้แต่การที่ปุถุชนจะมีความรู้สึกผูกพัน หรือมีความยึดมั่นในตัวกูของกู ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสิเนหะที่มีเฉพาะกับเพ ศตรงข้าม หรือสิเนหะของแม่ที่มีต่อลูกล้วนเป็นความรักที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่ยึดโยงกับตัวตนทั้งสิ้น เช่นคาดหวังว่าลูกจะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ หรือว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง เรียนในคณะที่แม่ชอบ ปุถุชนมักมีความรู้สึกแบบนี้ เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ความรักของเรา เป็นความรักที่ขยๅยวงกว้างหมายถึงไม่ว่าเราจะรักเพื่อน หรือว่ารักพ่อแม่ก็ตาม ก็ขอให้เป็นความรักที่ไม่ใช่เพื่อปรนเปรอตัวเอง แต่เป็นรักด้วยความเมตตากรุณๅ มีความปรารถนาดีต่อเขา โดยไม่ได้มุ่งประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก #ขอให้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม คุณพระรักษาเทวดาคุ้มครอง ขอให้มีความเจริญในธรรม ทุกท่านทุกคนครับ
สาธุค่ะขอบคุณมากค่ะ
รักในทางโลกนั้น ก่อให้เกิดทุกข์ ยึดมั่นถือมั่น รักในทางธรรมคือเมตตา ยินดีกับความสุขของผู้อื่น ไม่คาดหวังอะไร มันต่างกันจริงๆค่ะ 🙏
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะอนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุค่ะขอบพระคุณนะคะคุณอานนท์
ขอร่วมอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุในธรรมค่ะ คุณอานนท์ ขอบคุณนะค่ะ"ไม่เคยคิดที่จะลืมค่ะ" แต่ต้องข่มใจ ตัดใจ เมื่อรู้ว่าเป็นไปไม่ได้และไม่ควรจะฉุดรั้งให้ผิดศีล ยิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นการน่ารำคาญ และเป็นส่วนเกินในชีวิต เราก็ควรจะรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ตรงไหน อย่างน้อยขอแค่เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมก็ยินดีแล้วค่ะ
รับพลังบวกบวกบวกขอบคุณหลายๆค่ะ
สาธุๆครับ
ขอบพระคุณมากค่ะในคำสอนค่ะ❤❤❤❤❤
สาธุ สาธุ คะ
สาธุสาธุสาธุค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุบุญค่ะ🙏🙏🙏
สาธุๆๆค่ะ
อนุโมทนาสาธุในสาระธรรมค่ะ ขอบคุณค่ะ🙏
น้อมกราบสาธุๆๆค่า🥰♥️👍
อนุโมทนาสาธุค่ะ
🙏สวัสดีคะคุณอานนท์ เล่าเรื่องขอขอบคุณและร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุคะ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
🙏🙏🙏
สวัสดีค่ะคุณอานนท์🙏สาธุสาธุสาธุอนุโมทามิค่ะ🌺🌺🌺
กรรมลิขิต
🥰🥰♥️♥️♥️♥️👍
❤😍👏👏👏🙏🌹🇹🇰🇹🇱💖😍
สิ่งที่ผมยึดถือในความรักก็คือการให้ ให้เขาได้มีความสุขและสมหวังแม้ถึงจะเคยคู่กันแต่ก็มีเหตุต้องเลิกกัน การที่เห็นเขามีความสุขเราก็พอใจอาจจะเป็นเหตุที่ต้องเลิกรากันไปก็เพราะเราปฎิบัติต่อเขาได้ไม่ดีพอ ทุกอย่างไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน จงไม่คาดหวังแล้วจะไม่ผิดหวังแล้วก็อุเบกขาทางอารมณ์แล้วตั้งสติยึดมั่นในพระธรรมต่อไป ซักวันอาจจะเจอหรืออาจจะไม่เจอก็ไม่เป็นไรเพราะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป😊 ขอบคุณสำหรับสาระความรู้ดีๆที่นำมาเสนอครับ😊🙏🙏🙏
สาธุค่ะ
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุครับคุณอานนท์❤❤❤❤
ขออนุโมทนาบุญกับธรรมะเจ้าคะสาธุคะ🙏🙏🙏
#สำหรับผู้ไม่สะดวกรับฟังด้วยเสียง
คู่ดีคู่แท้พบกันได้ ด้วย 2ประการนี้
พระพุทธองค์ของเรา ทรงตรัสไว้ในเรื่องของความรักและบุพเพสันนิวาส ไว้ดังนี้ (ธัมมปทัฏฐกถาภาคที่ 2 สามาวดี) ไว้ว่า
“ปุพฺเพ วะ สันนิวาเสนะ..ปัจจุปันนะหิเตนะ วา เอวันตัง ชายะเต เปมัง..อุปลัง วะ ยะโถ ทะเก ฯ”
แปลโดยสรุปได้ว่า ความรักนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุ 2 ประการนี้คือ 1. ด้วยเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน 2. ด้วยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน
คำว่า “กร รมร่วมกันมาแต่อดีตชาติ” เป็นคำที่หมายถึง คนสองคน หรือมากกว่านั้น เคยทำอะไร ร่วมกันมา จะเป็นทางดีก็ได้ ทางไม่ดีก็ได้
เช่นเคยทำบุญร่วมกันมา เคยร่วมปล้นฆ้ าคนมาด้วย ดังนั้นเรื่องของบุพเพสันนิวาสจึงไม่ใช่และไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ครองกันเสมอไป
กร รมร่วมกันนั้นมีทั้งกรร มดีและกรร มไม่ดีในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่กัน ที่เราอาจจะเคยรู้สึกสงสัยตงิดๆ ว่า ทำไมเนื้อคู่ของเราคนนี้นั้นมีหน้าตาคล้ายๆ กับเรา
ก็เพราะอาจจะเป็นพี่น้องกันมาก่อนในอดีตชาติทำไมคู่ครองของเรา ในบางครั้ง บางวันดูเขาช่างเป็นคนดุเข้มงวด เจ้ากี้เจ้าการ บังคับเราในเกือบทุกเรื่อง
บอกให้เราต้องทำโน่นทำนี่ ไม่หยุดเหมือนกับเราเป็นลูก ก็เพราะอาจจะเคยเป็นพ่อแม่มาก่อนนะสิขอให้เข้าใจไว้เลยว่าเป็นเรื่องของแรงแห่งบุญและ
กร รมที่ทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมา เคยเกื้อกูลกันมาแล้วมาในชาตินี้ต้องมาเกื้อกูลกันต่อถึงจะได้พบกัน
ซึ่งมาจากกร รมลิขิตไม่ใช่พรหมลิขิต
ถ้าบอกว่า “พระพรหมท่านช่วยดลใจมนุษย์” ก็พอจะรับฟังและเชื่อได้ เพราะเชื่อว่าพระพรหมท่านเป็นผู้ปฎิบัติที่เคร่งครัด ประพฤติดี ประพฤติชอบ
คือมี พรหมวิหาร 4 ฌานของท่านสูง และมีบุญฤทธิ์มากในบางครั้งท่านอาจจะสงสาร มีเมตตา ช่วยดลใจจิตของคนสองคนเข้ามาหากัน
หรือเพื่อช่วยเป็นแรงส่งให้สร้างบุญกุศลได้หรือมาร่วมโมทนาคุณความดี บุญกุศลที่มนุษย์ได้ทำขึ้น
ส่วนกลุ่มคนที่มีบุพเพสันนิวาสต่อกันในเชิงสามีภรรยา ถ้าไม่มีกามราคะเป็นตัวเหนี่ยวนำก็จะไม่มีทางได้มาเป็นสามีภรรยากันหรือเนื้อคู่กันได้
และมีหลายคนที่ได้สละความเป็นลำดับเนื้อคู่สู่โลกแห่งธรรมะ ก็สามารถใช้บุญนั้นหยุดวิบากก รรมที่จะนำมาสู่การเป็นผัวเมียกันได้
ยิ่งในระดับของผู้ปฎิบัติธรรมชั้นสูง คือ ตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป ท่านตัดสิ้นแล้วในกามราคะ และไม่ปรารถนามาเกิดอีกแล้ว ท่านก็สละสิทธิ์
ไม่มีการที่จะมาต่อคิวลำดับใครอีกแล้ว พวกเนื้อคู่เก่าก่อนที่ท่านจะบรรลุก็ต้องกินแห้วไป
ลำดับของเนื้อคู่ของคนเราจึงมีมากมายมหาศาล ก็เพราะเราทุกคนนั้นเกิดมาแล้วเป็นล้านๆ ชาติ ยังไม่นับรวมถึงที่เคยเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เอาแค่ว่าชาติที่มีบุญเกิดเป็นมนุษย์ชาติเดียวนั้นเป็นคู่ผัวตัวเมียเดียว ไม่มีอนุภรรยาหรือมีอนุสามีมาเป็นเนื้อคู่ลำดับต่อไปเพิ่มขึ้นมาอีก
ซึ่งหลายคนมีปัญหากับคู่ครองบ่อยทางที่จะเปลี่ยนเรื่องเหล่านี้จากร้ า ยให้กลับมาเป็นดี เปลี่ยนจากคู่เวรคู่กร รมมาเป็นคู่แท้ คู่บุญบารมีนั้น
ต้องทำกร รมดีเท่านั้นที่จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ซึ่งอาจจะเป็นของยากในวาระแรก เริ่มจากการอภัยและยอมรับซึ่งกันและกัน
หมั่นชักชวนเขาหรือเธอให้ทำบุญกุศล ทำทาน รักษาศีล ภาวนา บางคนต้องอาจจะต้องใช้อุบายบ้างแล้วแต่วิธีการ ค่อยปฏิบัติ เพราะเราทำไปด้วยเจตนาที่ดี
ที่รักเขาและอยากเห็นเขากลับมาเป็นคนดีดั่งเดิม บุญกุศลที่ทำร่วมกันก็จะเป็นบุญใหม่ไปคลายวิบากกร รมที่กำลังได้รับที่ทำให้ชีวิตรักนั้นมีปัญหา
ให้คลายตัวลงและเปิดทางให้บุญที่ร่วมกันทำมาส่งผลเร็วขึ้น หมั่นอธิษฐานขอพลังบุญอันยิ่งใหญ่ช่วยทำให้เขาหรือเธอเดินกลับมาสู่ความดีงาม
แรงอธิษฐานเหล่านั้นจะช่วยได้แน่นอน จะเร็วหรือช้าอยู่ที่บุญกุศลที่เราทำนั้นมีอานิสงส์มากน้อยเพียงใดในอดีต
บางคู่ ในตอนแรกยังไม่สามารถพาคู่ครองไปสู่เส้นทางบุญที่ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะเขาหรือเธอนั้นมีวิบากกรร มมาบังตา บังใจอยู่หรือกำลังส่งผลอยู่
ต้องเริ่มจากการโมทนาอุทิศบุญที่ตัวเราเป็นคนทำส่งไปให้เขา ระบุชื่อเขาหรือเธอทุกครั้ง ให้เป็นบุญใหม่แม้เจ้าตัวเขาจะไม่ได้ทำเองก็ตาม
หลังจากการทำบุญทุกครั้ง ก็โมทนาอุทิศบุญส่งไปให้สม่ำเสมอ ไม่นานบุญที่เขาไม่เคยมีก็จะมีขึ้นมาได้ และยิ่งได้ไปร่วมทำบุญกุศลด้วยกัน
บุญของทั้งสองคนก็จะร่วมกันเป็นกองบุญที่ใหญ่ขึ้นๆ และเป็นจริงที่ว่า บุญกุศลเท่านั้นที่จะมีอำนาจทำให้วิบากกร รมต่างๆ ได้เบาบางลงไป
การถอนคำอธิษฐานและให้สมหวังในความรัก การที่มีปัญหาเกี่ยวกับความรัก ไม่ว่าจะไม่มีคนรักเราจริงเลย หรือไม่มีคนมารักมาชอบ
หรือมีเรื่องไม่สมหวังในความรัก สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งนั้น อาจจะมาจากการที่ชาติหนึ่งชาติใดเคยสร้างก รรมเอาไว้และอาจจะมีกร รมผูกพันจากการอธิษฐาน
เอาไว้ หรือจากการสาปแช่งของเจ้ากรร มนายเวร การมีหนี้ก รรมที่ต้องชดใช้ ก่อนอื่นนั้นครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ทำการถอนการอธิษฐานเสียก่อน
เหมือนกับเราไปขอแก้ไขในสิ่งที่เราเคยทำเอาไว้ ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น ต้องอยู่ที่บุญของตนเองด้วย
คำถอนอธิษฐาน และให้สมหวังในความรัก
“ข้าพเจ้า ………..(เอ่ยชื่อตนเอง) ขออาราธนา ขอพระเมตตาบารมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระมหาจักรพรรดิทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า
ทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ พระอริยสงฆ์ อริยบุคคล ครูบาอาจารย์สืบๆ กันมา โดยเฉพาะหลวงปู่ทวด หลวงปู่แสง ครูบาศรีวิชัยเจ้า
หลวงปาน วัดบางนมโค หลวงปู่ดู่ และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง (หรือครูบาอาจารย์ที่เราเคารพ) เป็นที่สุด
ด้วยข้าพเจ้าเคยประมาทพลาดพลั้ง เป็นผู้มีมิจฉาทิฐิด้วยความไม่รู้ ข้าพเจ้าขอถอนสาปแช่ง คำอธิษฐาน และพันธนาการทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง หากแม้นข้าพเจ้าเคยร่วมอธิษฐานครองคู่กับผู้ใดมาก็ตาม หรือทุกการอธิษฐานที่เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อม
เกิดบาปและอุปสรรคทั้งปวงข้าพเจ้าขอยกเลิกคำอธิษฐาน เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน และอโหสิกร รมให้แก่บุคคลเหล่านั้น
เพื่อให้มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผลพระนิพพานในที่สุดด้วยผลบุญแห่งการให้อภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ขอได้พบแต่กัลยาณมิตร
ให้ห่างจากคนพาลทั้งหลาย และได้พบกับเนื้อคู่ในลำดับต้นที่มาจากบุญเท่านั้น (หรือเนื้อคู่ในปัจจุบันให้พบแต่ความสุขความเจริญ สุขกายสบายใจ)
ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมาอย่างดีแล้วตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าจงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จๆ ทุกประการเทอญ…”
เมื่อเสร็จการกล่าวถอนอธิษฐานแล้ว ขอให้ทำสมาธิต่ออีก ไม่ว่าจะนานแค่ไหน และต้องวิปัสสนา หรือพิจารณาธรรมด้วยก่อนถอนตัวจากสมาธิ
(ดูจากบทแรกเรื่องปลุกตัวเองให้ศักดิ์สิทธิ์) เสร็จแล้วให้อุทิศบุญแผ่เมตตาให้กับเจ้ากร รมนายเวรไม่ว่าจะเป็นสรรพสัตว์ใด มนุษย์หรืออมนุษย์
ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี เมื่อแผ่เมตตาเสร็จสิ้นแล้วเป็นอันจบการถอนอธิษฐานตามแบบฉบับของครูบาอาจารย์ที่สืบทอดมาแต่ครั้งโบราณ
บัดนี้เราเป็นผู้หลุดพ้นจากการอธิษฐานในอดีตชาติหรือในชาติปัจจุบันที่เคยไปอธิษฐานเอาไว้ทั้งปวง ต้องลด ละ เลิกกร รมชั่วทั้งปวงทันที
ถือศีล 5 เท่าที่จะทำได้อย่างให้ด่างพร้อยหรือขาดข้อใด ถ้าขาดต้องสมาทานศีล 5 ใหม่ทั้งหมด หมั่นสร้างบุญกุศลอย่าได้ขาด
ให้เป็นเหมือนเราต้องกินข้าวเพื่อเสริมกำลังทุกวัน การสร้างบุญก็เหมือนกันที่ต้องสร้างตลอดเวลา ยิ่งในคนที่มีปัญหาในความรักทุกเรื่องต้องเร่งทำเสีย
ในทุกเช้าและก่อนนอน อย่าลืมหมั่นสวดมนต์ทำสมาธิเจริญภาวนา และอุทิศบุญไปถึงคนรักคู่รัก สามีหรือภรรยา เจ้ากร รมนายเวรทุกครั้ง
ไม่มีคู่บุญ ก็ทำบุญนี้ไว้คู่ตัว
เคยได้ยินไหม ‘คู่ชั่วคราว’ มักมาแล้วก็ไป อยู่ไม่ถาวรคงทนหรอก ถึงเวลาไม่เขาก็เรานั้นแหละต้องจาก
เมื่อต้องโบกมือลา ทั้งที่ใจยังรัก แม้คาดหวังว่าจะฝากชีวิตไว้กับเขาจนต า ยไปข้าง
เมื่อคำตอบของชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เราและเขาเดินมาไกลได้เพียงเท่านี้
เราก็ต้องวางแผนใหม่ ตั้งหลักใหม่ แต่แผนการมีแฟนทันที เพื่อหาคนคลายเหงา คลายทุ กข์ นั้นไม่ใช่ทางออกที่ดี
นั้นเป็นการสร้างทุ กข์และบาปให้ตัวเองเพิ่ม หากเวลานี้ใจยังเจ็บก็ปล่อยมันให้เจ็บ ให้รู้สึกว่าเจ็บมันเป็นอย่างนี้เอง
รู้เท่าทันมัน อย่าพึ่งเอาชนะมันหากยังรู้สึกอยู่ เพราะมันไม่ช่วยให้ลืมได้เร็ว แต่กับเพิ่มความเจ็บซ้ำๆ ให้กับตัวเอง
การปล่อยตัวเอง ปล่อยใจให้เป็นอิสระ คือหนทางนำเราไปสู่การหลุดพ้น ใจที่วางคือใจที่นิ่งไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก
เป็นช่วงจังหวะที่ดี ที่เราจะรู้สึกมีพลังน้อยๆ ยิ่งได้หันหน้าเข้าหาธรรม ยิ่งจะเพิ่มความร่มเย็น สุข สงบใจให้กับตัวเองอย่างน่าประหลาดเชียวล่ะ
หมั่นสะสั่มบุญเข้าไว้ เมื่อไหร่ที่เรามีบุญมาก บุญจะเป็นตัวนำทางให้ไปเจอคนที่มีบุญและศีลเสมอกัน
จะเห็นว่า คนที่มีศีลสมบูรณ์ไม่พร่องมักจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ศีลขาดไม่ได้หรอก เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง อยู่กันก็ไม่ได้นาน
รักแท้ของคุณเป็นลักษณะทางธรรมหรือทางโลก
ในยๅมที่ความ รักบังตา เราทุกคนย่อมขาด สติ
ยามมี รักหรือทุกข์ เพราะ รัก ควรมี สติ จากการได้ รัก
ขอน้อมนำคำสอนรักที่แท้ในพุทธศาสนา คือ เมตตา กรุณา หมายถึงการปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และอยากให้เขาพ้นทุกข์
ทั้งหมดนี้อยู่ที่การเอาผู้อื่นเป็นตัวตั้ง แต่ความรักอีกแบบหนึ่งที่พุทธศาสนาไม่ส่งเสริม เรียกว่า สิเนหา หรือที่เราเรียก เสน่หา เพราะมันเป็นความรักที่เอาตัวกูหรืออัตตๅเป็นตัวตั้ง
การรักคนอื่นในทางพุทธศาสนานั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ คือ การคลๅยความยึดติดถือมั่นในตัวตน ส่งผลให้ความเห็นแก่ตัวลดลง จิตใจจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ใจที่มีเมตตากรุณานั้นทำให้สามารถรักคนอื่นได้โดยบริสุทธิ์ใจ ปราศจากความอยากครอบครองหรือเอามาสนองตัวตน เรียกว่าเป็นจิตที่ไร้เขตแดน
ความรักแบบนี้ต่างจากความรักของฆรๅวาสหรือของปุถุชนทั่วไป เพราะรักของฆรๅวๅสนั้นเป็นความรักที่ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเป็นของเรา เช่น ถ้าแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ต้องเป็นของฉันทั้งๆ ที่เขาไม่มีทางเป็นของเราได้
ความรักแบบที่มี “ตัวกูของกูเป็นศูนย์กลๅง” เป็นความรู้สึกที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า “สิเนหะ” หรือ เสน่หา ไม่ใช่ความเมตตาหรือกรุณา การได้มาศึกษาและบวชในพุทธศาสนา ทำใหเรียนรู้เรื่องนี้ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างความรักทั้ง 2 อย่างนี้
แต่การที่ปุถุชนจะมีความรู้สึกผูกพัน หรือมีความยึดมั่นในตัวกูของกู ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นสิเนหะที่มีเฉพาะกับเพ ศตรงข้าม หรือสิเนหะของแม่ที่มีต่อลูก
ล้วนเป็นความรักที่มาพร้อมกับความคาดหวังที่ยึดโยงกับตัวตนทั้งสิ้น เช่นคาดหวังว่าลูกจะต้องเชื่อฟังพ่อแม่ หรือว่าลูกจะต้องเรียนเก่ง เรียนในคณะที่แม่ชอบ ปุถุชนมักมีความรู้สึกแบบนี้ เพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ความรักของเรา เป็นความรักที่ขยๅยวงกว้าง
หมายถึงไม่ว่าเราจะรักเพื่อน หรือว่ารักพ่อแม่ก็ตาม ก็ขอให้เป็นความรักที่ไม่ใช่เพื่อปรนเปรอตัวเอง แต่เป็นรักด้วยความเมตตากรุณๅ มีความปรารถนาดีต่อเขา โดยไม่ได้มุ่งประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก
#ขอให้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม คุณพระรักษาเทวดาคุ้มครอง ขอให้มีความเจริญในธรรม ทุกท่านทุกคนครับ
สาธุค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
รักในทางโลกนั้น ก่อให้เกิดทุกข์ ยึดมั่นถือมั่น รักในทางธรรมคือเมตตา ยินดีกับความสุขของผู้อื่น ไม่คาดหวังอะไร มันต่างกันจริงๆค่ะ 🙏
น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
สาธุค่ะขอบพระคุณนะคะคุณอานนท์
ขอร่วมอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุในธรรมค่ะ คุณอานนท์ ขอบคุณนะค่ะ
"ไม่เคยคิดที่จะลืมค่ะ" แต่ต้องข่มใจ ตัดใจ เมื่อรู้ว่าเป็นไปไม่ได้และไม่ควรจะฉุดรั้งให้ผิดศีล ยิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นการน่ารำคาญ และเป็นส่วนเกินในชีวิต เราก็ควรจะรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ตรงไหน อย่างน้อยขอแค่เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมก็ยินดีแล้วค่ะ
รับพลังบวกบวกบวกขอบคุณหลายๆค่ะ
สาธุๆครับ
ขอบพระคุณมากค่ะในคำสอนค่ะ❤❤❤❤❤
สาธุ สาธุ คะ
สาธุสาธุสาธุค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุบุญค่ะ🙏🙏🙏
สาธุๆๆค่ะ
อนุโมทนาสาธุในสาระธรรมค่ะ ขอบคุณค่ะ🙏
น้อมกราบสาธุๆๆค่า🥰♥️👍
อนุโมทนาสาธุค่ะ
🙏สวัสดีคะคุณอานนท์ เล่าเรื่อง
ขอขอบคุณและร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ สาธุคะ
กราบอนุโมทนาสาธุครับ
🙏🙏🙏
สวัสดีค่ะคุณอานนท์🙏สาธุสาธุสาธุอนุโมทามิค่ะ🌺🌺🌺
กรรมลิขิต
🥰🥰♥️♥️♥️♥️👍
❤😍👏👏👏🙏🌹🇹🇰🇹🇱💖😍
สิ่งที่ผมยึดถือในความรักก็คือการให้ ให้เขาได้มีความสุขและสมหวังแม้ถึงจะเคยคู่กันแต่ก็มีเหตุต้องเลิกกัน การที่เห็นเขามีความสุขเราก็พอใจอาจจะเป็นเหตุที่ต้องเลิกรากันไปก็เพราะเราปฎิบัติต่อเขาได้ไม่ดีพอ ทุกอย่างไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน จงไม่คาดหวังแล้วจะไม่ผิดหวังแล้วก็อุเบกขาทางอารมณ์แล้วตั้งสติยึดมั่นในพระธรรมต่อไป ซักวันอาจจะเจอหรืออาจจะไม่เจอก็ไม่เป็นไรเพราะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป😊 ขอบคุณสำหรับสาระความรู้ดีๆที่นำมาเสนอครับ😊🙏🙏🙏
สาธุค่ะ
🙏🙏🙏
น้อมกราบสาธุสาธุสาธุครับคุณอานนท์❤❤❤❤
สาธุๆๆค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับธรรมะเจ้าคะสาธุคะ🙏🙏🙏
🙏🙏🙏