ตำนานล้านนา ประจำเดือนเป็นเหตุ เขตผู้หญิงห้ามเข้า I ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ l ประวัติศาสตร์นอกตำรา Ep.30
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 9 ม.ค. 2021
- เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่ชาวล้านนามาช้านานว่า องค์พระธาตุเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ ที่ห้ามสตรีย่างกรายเข้าใกล้ จนนำมาสู่วิวาทะเกิดขึ้นในหลายต่อหลายครั้ง เหตุผลหลักคือ ความเชื่อฝังจำจากตำนานที่ส่งผลต่อความคิดของผู้คนในดินแดนล้านนาสืบมาจนถึงปัจจุบัน
#เขตผู้หญิงห้ามเข้า #พระนางจามเทวี #ประจำเดือนสตรี #ขุนหลวงวิลังคะ
ติดต่อรายการ email: untoldhistory.officail@gmail.com
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Hit the Streets (Version 2) โดย Kevin MacLeod ได้รับอนุญาตภายใต้ใบอนุญาต ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบระบุแหล่งที่มา 4.0 creativecommons.org/licenses/... แหล่งที่มา: incompetech.com/music/royalty-... ศิลปิน: incompetech.com/
สมัยก่อนไม่มีผ้าอนามัย เรียกว่าผ้าขี่ม้า ถ้าเกิดออกนอกเคหะสถานอาจเกิดการรั่วซึมของประจำเดือนจะไม่งาม ยิ่งไปวันไปนั่งรับศีลรับพรนานๆ เลอะเปรอะเปื้อนพระเจ้าเห็นจะเป็นทีอุตจาดตาแลดูไม่งาม
เรามักชอบเรียกร้องให้คนอื่นเคารพในสิทธิของเรา แต่เราชอบที่จะละเมิดในขนบของคนอื่น แต่ละพื้นที่ย่อมมีขนบ จารีต วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง คนสนพื้นที่เองก็เคารพและทำตามแต่คนต่างถิ่นกลับอยากเข้าไปแก้ไขให้ได้ดังใจตัวเอง
เห็นด้วยครับ
เห็นด้วยครับ ศาสนา ประเพณี ขนบธรรมเนียมประเพณี สีผิว ชาติพันธ์ของแต่ละพื้นที่ คนนอกถ้าไม่รู้จริง ไม่ควรยุ่ง ไม่ควรเสือกครับ ต่อให้รู้จริง ยังไงก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของการเคารพกันครับ
เราไปที่ใหนก็ควรจะให้ความเคารพต่อสะฐานที่นั้นด้วยยิ่งมีป้ายบอกก็ต้องปฏิบัติตามกฏที่เค้าตั้งเพราะเราไม่รู้ว่าอะไรที่อยู่ใต้นั้นคนไทชอบแหกกฏแถมไม่อ่านป้าย ฝรั่งเค้าเข้าวัดไทจะแต่งตัวเรียบร้อยเคารพต่อสะฐานที่คนไทแท้ยังไม่รู้เลยคำว่าการะเทสะเข้าวัดควรแต่งกายแบบใหนเห็นวัดไทในยุโรป ฝรั่งทุกคนถ้ามีป้ายห้ามเข้าจะไม่มีใครเข้าไปในที่นั้นสักคน
ดีค่ะ หล่อนดูเชื่องดี ชั้นชอบ
@@khonsueywatdhorn 5555
การที่ไม่ให้ผู้หญิงเข้าไป ไม่ใช่ไม่ให้เกียรติผู้หญิง หรือผู้หญิงคือเพศต่ำต้อย แต่หากคือผู้หญิงมีอำนาจและฤทธิ์เดชทางความเชื่อ ผู้หญิงจงภูมิใจอำนาจมีชัยความเชื่อนี้ว่าท่านคือผู้ชนะ และลดฐิติในการน้อยเนื้อต่ำใจในขนบธรรมเนียมประเพณี
ความเชื่อบรรพกาลว่า มดลูกเป็นจุกศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ออกมา(ระดู )ไม่ใชสิ่งสกปรก แต่เป็นของที่มีพลังมากที่สุดในเรื่องของขุนไสย คนไม่รู้จึงตีความว่ามันสกปรกทำของเสี่อม ไม่ใช่ มันมีพลังมากจนไม่มีอะไรเทียบได้ต่างหากของต่าง ๆ จึงเสื่อม ผมจึงเห็นว่าการติดป้ายว่าห้ามผู้หญิงเข้านั้นไม่มีเหตุผล ก็ติดไปเลยว่าห้ามคนมีระดูเข้า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าเขินอายเลยถ้าความเขินอายจะไปละเมิดผู้อื่น
คิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ บางประเทศเขายกย่องสตรีเพศมาก เพราะมดลูกคือจุดกำเนิดชีวิตใหม่ ไม่ว่ามนุษย์คนไหนก็ต้องเกิดจากจุดนี้
แล้วคุณจะพิสูจน์ยังไง ใครกำลังมี ไม่มีประจำเดือน เขียนมันเขียนได้ ไม่ใช่เรื่องหน่าเกลียดอะไรเลย แต่มันพิสูจน์ยาก จะให้เขาแหกให้ดูก่อนเข้าหรือไง ถึงจะพิสูจน์ได้ไม่ได้ ว่าเป็นไม่เป็น เขาก็ถือปฏิบัติกันมาแบบนี้ งี้พระทำไมผู้หญิงบวชไม่ได้ ถ้ามองว่าไม่เท่าเทียม แบ่งชนชั้น ก็บวชให้ไปเลยสิ จะสนข้อปฏิบัติกันทำไม? ส่วนมากที่เขาห้ามเข้า มันก็เป็นอุโบสถ เป็นที่พระทำสังฆกรรมกันอยู่แล้ว ผู้หญิงจะมีกิจอะไรเยอะแยะต้องเข้า บางที่โบสถไม่เปิดหน้าต่าง หรือไม่มี มีแค่ประตู เข้าไป จะกลายเปนครหาเสื่อมเสียกันอีก มันระวังยาก ถ้าศาลาทั่วไปก็เข้าได้หมดล่ะ บางทีมันมีอะไรมากกว่าเรื่องไสยศาสตร์ แต่เป็นกุศโลบาย ของคนโบราณเขา
@@user-jh9er1is1t ละคุณรังเกียจอะไรประจำเดือนของสตรีเพศ การที่คุณบอกว่าจะพิสูจน์ยังไง ยุ่งยาก คุณก็เลยกันผู้หญิงทุกคนออกจากโบสถ์หรอ มันใช่หรอ เหมารวมและกดขี่ผู้หญิงทางอ้อม ผู้หญิงก็บวชได้ไปอ่านพระไตรปิฏกนะ คุณน่ะถูกล้างสมองด้วยอคติจากประเพณีที่บิดเบือนจนยากที่จะยอมรับน่ะสิ ทำไมคนภาคกลางไม่มีปัญหาแต่ที่อื่นมีปัญหา ประเพณีก็ต้องปรับกับยุคสมัย เดี๋ยวนี้เค้ามีผ้าอนามัยแล้ว ทำไมต้องคงกฎข้อนี้ไว้
@@jirapatniworanusit546 ตลกละคุณ ไม่ต้องมาอ้างไตรปิฎก นิกายมหายานที่ไทยนี่มันไม่มีบัญญัติเรื่องบวชภิษุณี พุทธศาสนามัธยมก็มีสอน ไม่ต้องไปถึงไตรปิฎก ที่มีบวชกันที่ต่างประเทศ อันนั่นทำกันเอง ไทยถึงมีแต่แม่ชี
แล้วไม่ต้องมาโชว์บทพระเอก เรียกร้องความเท่าเทียม เพราะไม่มีคำไหนเลยที่ผมแสดงการกดขี่? มันมีตรงไหน? แค่บอกว่ามันเป็นความเชื่อ ประเพณีที่เข้าปฏิบัติกันมา คุณว่ามันไม่ถูก คุณไปเปลี่ยนความเชื่อเขาได้ ก็ทำไปสิ ไม่ได้ว่า
อ้อ ส่วนที่ว่าพิสูจน์ยังไง คุณมีวิธีไหนพิสูจน์? ไหนแนะนำมาสิ เผื่อเขาจะนำไปปฏิบัติ ถ้าเขานำไปปฏิบัติ ถามหน่อย จะมีสตรีท่านไหนสะดวกใจให้เขาพิสูจน์มั้ย? อันนี้พูดในมุมมองชุมชนเขามีขือแป มีจารีตของเขา ก็ต้องเคารพเขาด้วย รู้และว่ามันมีผ้าอนามัย แต่แล้วยังไง มันเรื่องของความเชื่อ คุณเปลี่ยนได้หรอ? ไปเปลี่ยนสิถ้าทำได้
ส่วนตัวถึงได้มองว่า มันเป็นกุศโลบายของคนโบราณมั้ย เพราะสมัยก่อน เขาจะสร้างโบสถ์ไม่มีหน้าต่าง มีแค่ประตู โบสถ์มหาอุตงี้ เขาเลยกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องไม่เหมาะสมหรือเปล่า เพราะเข้าไปในที่พระทำสังฆกรรม มันมิดชิด จะมีเรื่องครหา แล้วพวกบ้าไสยศาสตร์ ก็เลยโยงไปว่า ใต้โบสถ์มีลูกนิมิตร มีของศักดิ์สิทธิ์จะเสื่อม เลยกลายเป็นความเชื่อมา วางอารมณ์ ในสติหน่อยสิวะ อย่าห่วงแต่อยากโชว์บทพระเอก
@@user-jh9er1is1t คุณเคยอ่านวิจัยของพระในมหาจุฬาลงกรณ์มั้ย มีแต่คนด่ามหาเถรทั้งนั้นที่ปฏิเสธภิกษุณี เพราะทำตามข้อบัญญัติทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ มีแต่คำอ้างอะไรก็ไม่รู้ของพระมหาเถรฯเท่านั้น มหารเถรฯไม่ใช่พระพุทธเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน
แล้วพวกบ้าที่ไหนมันโรคจิตกลัวประจำเดือนถึงต้องไปแหกผู้หญิงทุกคนดู ประสาท กุศโลบายบ้าบอที่มากับศาสนาอย่างอินเดีย ถ้าว่ากันตามประเพณีจริง ๆ ก็ต้องยกย่องผู้หญิงสิ ผู้หญิงเป็นรากฐานของวัฒนธรรมในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ แล้วกลัวอะไรเลือดประจำเดือนน่ะ? ถูกครอบด้วยประเพณีต่างด้าวละยังไม่รู้ตัวอีก
ละในเมื่อกุศโลบายมันหมดหน้าที่ของมันไปแล้ว ทำไมต้องทำต่อ คุณตอบคำถามผมมาก่อนเนี่ย ว่าภาคกลางไม่เห็นมีกุศโลบายแบบนี้เลย ทำไมเค้าถึงอยู่ได้
สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มีโอกาสเรียนกับ อาจารย์เพ็ญสุภาครับ
สมัยนั้น พ.ศ. 2550 - 2551 ราว ๆ นี้ ได้เดินทางไปเรียนกับอาจารย์ที่พิพิธภัณฑ์ลำพูน ตอนนั้นอาจารย์เป็น ผอ.อยู่ที่นั้น
อาจารย์เป็นบุคคลที่มีความรู้ในเรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เป็นคนที่บรรยายเรื่องประวัติศาสตร์ให้เข้าใจง่าย
อาจารย์ยังได้พาไปชมบ้านพ่อเลี้ยงหมื่น (ชื่อถูกผิดประการใดขออภัยด้วย) ที่เป็นนักสะสมพระเก่า และของเก่า
พ่อเลี้ยงแกยังเล่าติดตลกเลยว่าตอนเจออาจารย์ครั้งแรกยังกลัวว่าอาจารย์จะมาทวงวัตถุโบราณที่ขุดได้ในสมัยก่อนคืนพิพิธภัณฑ์
และอาจารย์ยังพาไปบ้านศิลปินที่ปั้น statue ด้วยบรอนซ์ ชื่อศิลปินผมจำไม่ได้ครับ (ที่แฟนแก่เป็นชาวต่างชาติ)
อีกทั้งยังพาไปดูบ้านแกะสลักไม้ พาไปดูการทอผ้าซิ่นลำพูน และพาไปกินก๋วยเตี๋ยวน้ำลำไย อิอิ
แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานได้ที่เรียนกับอาจารย์เพ็ญสุภา แต่ก็เป็นความทรงจำที่มีคุณค่าสำหรับพวกเราเด็ก มธ.คลาสนั้น
ถ้าอาจารย์ได้มาอ่านมา comment อยากจะขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนะครับ
และขอให้อาจารย์ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ เวลาเห็นป้าย”ผู้หญิงห้ามเข้า”เหมือนเราเป็นสิ่งชั่วร้าย สกปรก หรืออัปมงคลเลยค่ะ ทำให้ไม่อยากไปทำบุญที่วัดนั้นๆ น่าจะมีวิธีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์นะคะ😅🙏🏼
ลองคิดดูอีกทางนะครับ ไม่ใช่ว่าดูถูก หรือเห็นผู้หญิงสกปรกหรืออัปมงคล แต่มันคือความกลัวผู้หญิง เพราะสามารทำให้สิ่งที่เราเชื่อนั้นสื่มลงได้ ถ้าคุณไม่เชื่อก็แล้วแต่ แค่อยากพูดให้ฟังอยากให้มองอีกด้านหนึ่ง
ว่าง่ายๆคือความเชื่อทางไสยศาสตร์ เหมือนเอาผ้าถุงผู้หญิงไปคุมหัวคนมีคาถาอาคม ทำให้เสื่อม ซึ่งถ้าเขาห้ามก็อย่าเข้าเถอะ
อาจารย์คือ น่าไปเรียนหนังสือด้วยเลยครับ อธิบายได้ดีมากกกกกกก
ลลช๐ม
เคยไปอบรม กับอาจารย์ครับครึ่งวันคือไม่เบื่อเลยแกเล่าสนุกมาก
ฟัง อ.เพ็ญพูดเรื่องประวัติศาสตร์ทุกเรื่องเพลินจนไม่อยากให้จบ อยากฟังยาวๆ
เราต้องแยกระหว่าง มนต์ดำ กับอานุภาพของพระรัตนตรัยครับ ผู้ที่เล่นไสยเวทย์ มีความเสื่อมเมื่อต้องประจำเดือน แต่พุทธสถานไม่เสื่อม ความนัยที่แท้จริงของพุทธสถานที่ห้ามผู้หญิงเข้าคือ บางคนมีประจำเดือนไปตก ไปต้องในสถานที่ดังกล่าว เทพาอารักษ์จะให้โทษแก่ผู้หญิงคนนั้น หนักเบา ไม่รู้ได้ จึงได้กำหนดไว้เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดนั้นครับ
ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ
ผมเคยอ่านมีคน บอกว่าถ้ามีสิ่งศักดิ์สิทธ์ ที่เจอประจำเดือนแล้วเสื่อม นี่ผมว่าสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ว่ามันกระจอกมากเลยนะ ที่จริงมีเรื่องประจำเดือนทำของเสื่อมนี่ส่วนใหญ่เขาเอาประจำเดือน ไปกดอำนาจเวทย์มืดมนต์ดำ มากกว่านะ คือ อาคมดำพวกนี้แหล่ะที่แม่งใช้ของโสโครกมาทำไสยศาสตร์ แต่ประจำเดือนทำของโสโครกพวกนี้เสื่อมต่างหาก
ปกติอ่านงานของอาจารย์ เพิ่งเคยได้ยินเสียง เสียงอาจารย์เพราะมากเลย
กระจ่างเลยครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ชอบอาจารย์ชัดเจนทุกตอน
ชอบครับ น่าติดตาม ทำให้เข้าใจได้มากขึ้น
สมัยก่อนไม่มีผ้าอนามัย กกนก็ไม่ใส่ ผู้หญิงประจำเดือนเล็ดเละเทะเป็นประจำ
สมเหตุสมผล
สมัยก่อน ใช้ผ้าธรรมดา แทนผ้าอนามัย มีสายผูกคาดเอว แทนเทปกาว แบบผ้าอนามัยสมัยใหม่
ใช้แล้วซัก ใช้ซ้ำได้
เมื่อ 60 ปีที่แล้ว ในชนบทไทยยังเคยเห็นมีคนใช้อยู่
ผู้ชายก็ขึ้นหอผีปู่ย่าไม่ได้เหมือนกัน
ชอบค่า ดูตลอด
❤️โชคดีมีความสุขนะครับ❤️
Very interesting 🤔🤔
Women and men are equal❤️❤️
เข้ามาฟังครับ
อ.เพ็ญสุภาเล่าน่าฟังครับ
สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือเหนือวิทยาศาสตร์นั้นมีอยู่จริงเคยสัมผัสมาบ้าง แต่ผมไม่แสดงการยอมรับต่อหน้าลูกหลานเลย ป้องกันเขาจากความงมงาย กลัวเด็กๆจะไม่เข้าใจพุทธศาสนาแท้ๆ แล้วหลงทางไปหาไสยศาสตร์ ซึ่งมันง่ายมาก และไม่ได้รับประโยชน์จากศาสนาที่ประเสริฐที่สุดในโลกคือพุทธศาสนาครับ.
👍👍👍👍👍👍👍จารย์
หริภุญชัยคือต้นสังกัดเจ้าเเม่จามเทวี.เป็นที่เคารพยิ่งยวด
..มีหลายอย่างที่อ้างท่านสร้าง
รวมถึงเจดีด้วย..การที่คุณยกย่องแต่ห้ามเจ้าเเม่เข้านั้นมันย้อนเเย้งยิ่งนัก..สรุปกฎนี้มิใช่ของเชื้อสายเจ้าเเม่เเต่เป็นเผ่าอื่นที่มีอำนาจเเทนทำให้ปิดกั้นสตรีที่เป็นต้นเงื่อนของประวัติศาสตร์ .เเละถ้ามองถึงพุทธเถรวาทปฎิบัติตรงก็คือมิให้ยึดมั่นตัวตนสิ่งใด..แต่นี้คือยึดมั่น..เรามิใด้ตำหนิแต่เราบอกตามความจริง...ส่วนใครที่ว่าหญิงบวชไม่ใด้อะไรไม่ใด้นั้นไม่ใช่..ตถาคตเเยกออกห่างกันเท่านั้นเพราะสตรีคือเพศที่ทำให้ความเพียรล่มใด้
ชายเช่นกัน.ในทางปฎิบัติต้องห่างกันไว้....การที่เราเข้าไปเคารพบูขากราบไหว้นั้น
มิควรปิดกั้นใดๆ ในสถานที่อื่นก็มิใด้ห้าม.และไม่เห็นมีอะไร
....สรุปนี่คือกฎชนเผ่าเท่านั้นเราจะมาพูดถึงความถูกต้องคงจะไม่ใช่...อย่าถกกันเลย
เหมือนเราหาความจริงในสิ่งที่ไม่จริงตายเปล่า...แต่หากเราทำตามกฎของเผ่าที่เราเข้าไป
ก็จบเราไปไหว้สารีริกธาตุที่อื่นก็ได้ทำตามระเบียบของท้องถิ่นเถิด..ส่วนความถูกต้องที่เเท้จริงของชาวพุทธคือการชำระใจมิใช่เเก้กฎทางโลก
ความเจริญของวัตถุ คนเกิดขึนมาเยอะ จะค่อยๆทำลายความเชื่อรากเหง้าประเพณีคนรุ่นเก่าให้หมดไป
ใช่เลย..ในแนวตำนาน
เลือด คือ ธาตุเหล็กมารวมตัวกัน จึงสีแดง แต่จากที่มานั้น แสดงว่า ต้องมีอานุภาพร้ายเสียจน ต้องกลัว ปกติ ถ้ามีป้ายห้าม
สตรีเข้า
มิได้รู้สึกอันได มโนยิทธิ ไปได้ ดั่งใจจง สาธุค่ะ
ทุกสถานที่ทางศาสนาแหละครับ จะมีเขตสตรีห้ามเข้า
ทุกศาสนา ทุกที่มีความเชื่อนี้ จริงๆคับ
บ้านผมภาคใต้ ศาลเจ้า จะมีเขต ห้ามผู้หญิงเข้าเลยคับ
ขุนหลวงวิลังคะ ชอบเหน็บดอกชะบา คล้ายๆ เจ้าเงาะเลยนะว่ามั้ย
หญิง-ชายอาจแตกต่างกันโดยสรีระและหน้าที่ต่อครอบครัวและโลก นานๆ อาจมีหญิงพิเศษไขว้ขึ้นมาปกครองบ้านเมือง..แต่ก็ไม่ควรเลยเถิดไปถึงการเหยียดเพศ ..มนุษย์สกปรกทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย ต้องอาบน้ำแปรงฟันชำระความสกปรกกันทุกวัน..เลือดประจำเดือนสตรีก็สกปรกจริง แต่ก็ไม่ต่างจากเลือดรีดสีดวงผู้ชาย..และบรรดาท่านชายที่ดูหมิ่นว่าสกปรกจะทำให้อะไรต่อมิอะไรเสื่อม..ลองนึกกลับไปดูวันที่มุดออกมาจากช่องนั้น..นะ ทุกคนเลยไม่ว่ากษัตริย์หรือชาวนา..
แค่เความเชื่อ พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ผญ.บวชได้คิดดู
วิถีพุทธความคิดแบบนี้ไม่มี พระไตรปิฏกไม่ได้กล่าวถึง พระพุทธเจ้าไม่ได้กีดกันสตรี ถึงได้มีสามเณรีภิกษุณีในพุทธศาสนา ถ้าเอาผี พราหมณ์ ฮินดูมาปนมันก็เถียงกันไม่จบ แยกเนื้อกับกระพี้ให้ออก และการศึกษาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้
ถ้าคุณยังทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ก็ไม่ต้องไปสอนคนอื่นนะ เพราะพุทธแท้ไม่มีพิธีกรรมอะไรเลย มีแค่หนทางหลุดพ้นแค่นั้น. 😏
@@AE-by6jz ใช่ครับใช่ กับตั้ง ศาลพระภูมิ ไหว้รูปพระพิฆเนตร ไหว้พระศิวะ เป็นต้น อันนี้ก็ไม่ใช่พุทธแท้ครับ
พุทธแท้คือการไม่ยึดติด แม้ว่าการไม่ยึดติดนั้นเป็นการทำร้ายความรู้สึกของผู้อื่นหรือครับ
ถ้ามีใครขอก๊อปรูปเหมือนของบุพการีเรา เอาไปปริ้นท์กราหฟิคเป็นโฟมเช็ดเท้า หน้าห้องน้ำบ้านเขาเพราะอยากได้กลิ่นไอ แบบโอเรียลทอล ก็คงไม่เป็นไรซินะครับ
ท่าน ดร.ครับ
รับน้ำมะนาว
ผสมน้ำผึ้งมั้ยครับ
มันไม่ใช่ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดูถูกดูแคลนเพศหญิงนะครับ แต่เป็นขนบธรรมเนียม ความเชื่อที่ว่า วิหาร พระธาตุต่างๆ ทักจะมีวิชาอาคม หรือ ยันต์คุ้มกันไว้ปกปักรักษาสถานที่นั้นๆหรือ บริเวณนั้นๆ ก็แค่นั้นเอง ขนบธรรมเนียมในอดีตนะครับ ในสมัยก่อนผู้หญิงล้านนามีบทบาทมากนะครับ ทำหน้าที่เป็นผู้นำได้ เช่น กษัตริย์ล้านนาบางพระองค์ ยังเป็นสตรีเพศ
แต่ละเผ่าชนก้อมีความเชื่อ...ทั่วโลก...มีหมดไม่ใช่ไทหรือเอเซียเท่านั้น
ที่ญี่ปุ่น บางวัด หรือ บางศาลเจ้า ผู้หญิงก็ห้ามเข้า หรือ แม้ การบูชา บางอย่าง ก็ห้าม ผู้หญิงเข้า
อยากทราบว่า วัด ไหนศาลเจ้าไหนในญี่ปุ่นที่ไม่ให้ผู้หญิงเข้า ขอชื่อ วัดด้วย เพราะ เราอาศัยอยู่มา16 ปีไม่เคยได้ยินว่ามีวัดแบบนี้ที่ไม่ให้ผู้หญิงเข้า เพราะประมุกสูงสุด ของศาสนาชินโตญี่ปุ่นเป็นผู้หญิงคือ เจ้าหญิงซายาโกะ คุโรดะ ลูกสาวของจักรพพรรดิ์ อากิฮิโตะ ต้องเป็นผู้เข้าร่วมพิธีศาสนาศักสิทธิ์ทางศาสนาที่ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น คือ อิเซชิงกุ ทุกปีคนญี่ปุ่นบูชาดวงอาทิตย์ในฐานะเทพสตรีชื่อ เทพ อะมาเอราซึ โอมิกามิ เป็นผู้หญิงเเละตามศาลเจ้าทั่วญี่ปุ่นมีนักบวชส่วนใหญ่ เป็นผู้หญิง เรียกว่า มิโคะ. ใส่ชุดสีขาวยาวๆทำพิธีในวัด. จะมีเเค่ที่ภูเขาโอมิเนะที่เดียวที่ไม่ให้ผู้หญิงเข้าเพราะมีพระชวย ไปทำสมาธิอยู่ในป่าตั้งเเต่สมัยโบราณ เพื่อความปรอดภัยของผู้หญิงเเละไม่ให้ พระตะบะเเตก
@@mahoucat6729 ผมว่าเป็นสภานที่มีเฉพาะ พระชายที่ห้ามผู้หญิงเข้าน่ะครับ เหมือนสถานที่ส่วนตัวของพระไทย ผู้หญิงไม่มีกิจอันสมควรก็ห้ามเข้า และห้ามเข้าคนเดียวให้เป็นที่ครหา ส่วนถ้าเป็นศาลเจ้า ของเทพดั้งเดิมของญี่ปุ่น น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนในที่สงวนไว้ให้ นักบวชพระ หรือคนดูแลที่มีไม่กี่คนเข้าก็เรื่องจริง เพราะมันเป็นวัฒนธรรมย่อยมีกฏแยกต่างหาก
ตอนไปเที่ยว รู้สึกเหมือนเที่ยวไม่สุด เพราะบางพื้นที่บางจุดเข้าไปไม่ได้ เสียใจ 🥺
อย่าไปแก้ตำราแบบคนสมัยนี้ เราคนสมัยนี้จะไปรู้ได้ไงว่าคนสมัยก่อนเขาคิดยังไง คิดนะคิดได้แต่เเก้ยาก เหมือนคนพม่าเขาต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าวัด
เดา แบบโง่ๆ คนไทยขี้เกลียดอ่านหนังสือ ชอบฟังเรื่องเล่ามากกว่า
@@user-jp7ok2rx4e ประจำเดือนยังไง น้ำอสุจิ พระเจ้าสุทโธทนะ หรือป่าวที่ทำให้พระพุทธเจ้าเกิด ประจำเดือนเกี่ยวอะไร
เรื่องถอดรองเท้าเข้าวัด พม่าเขาศึกษาตำราและทำตามอย่างเคร่งครัด คือในตำราบอกว่าห้ามสวมรองเท้า กางร่ม ใส่หมวก
ในวิหารลานเจดีย์ บ้านเราทำบ้างไม่ทำบ้าง หลังๆไม่สนใจเลยก็มี
ส่วนกรณีข้าราชการใส่รองเท้าเข้าโบสถ์เวลางานกฐิน คืออนุโลมตามประธานพิธี อ้างว่าเป็นชุดสากลต้องครบถึงสุภาพ
อันนี้คือเราไปยึดตามฝรั่ง ไม่ได้ยึดตามตำราเหมือนพม่า
ไปห้ามมากก็ไม่ได้ เด่วจะเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพคนรุ่นใหม่
@@user-wp6oq6jh7j มันก็เกี่ยวกันทั้งสองอย่างแหล่ะ ประจำเดือนคือไข่ของผู้หญิงที่ยังไม่ได้รับการผสมพันธ์ุ
แต่เรื่องที่เล่านี้ เป็นไงมาไงไม่รู้ แต่ในความเป็นจริง สมัยตะก่อน มันไม่มีผ้าอนามัย มันเลอะ เวลาเดินที เลือดย้อยเลอะแข็งขา และนั่งก็เลอะผ้าและพื้น ก็เลยไม่อยากเห็นภาพแบบนั้น ก็เลยไม่ให้ผู้หญิงไปในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
พ่อแม่ไม่ค่อยอธิบายอะไร เวลามีประจำเดือนแม่ก็ว่าอย่าไปวัดนะ ที่ศักดิ์สิทธิ์
ตอนหลังถามเพื่อความแน่ใจ แม่ว่า
ที่ไม่ให้ไปนะ บางทีมันล้นผ้าอนามัย
กระโปรงเปื้อน และมัรมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ไปนั่งกับคนหมู่มาก มันเหม็น แค่นั้นแหละ คนโบราณก็อาจมีเหตุผลเดียวกัน แต่มันอาจแต่งเติมความเชื่อเข้าไป เพื่อให้เรากลัว หรือเห็นถึงความควรหรือไม่ควร
เมื่อก่อนฉันเป็นประจำเดือน ก็ไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ใคร ไม่เข้าวัด
ส่วนเรื่องถอดรองเท้านั้น มันก็สมควรอยู่ ในเมื่อเราเข้าไปนั้งกับพื้นไหว้พระ ก็ไม่ควรจะมีใครใส่รองเท้าเข้าไปเพื่อให้พื้นเปื้อน
อย่าเอาความเชื่อแบบใหม่ๆไปยัดใส่ ของโบราณเลยครับ
มันเป็นยังไงก็ให้มันเป็นแบบนั้นเถอะครับ
ผมมองว่ามันต้องศึกษาควบคู่กันไปและอธิบายให้ชัดเจนทั้ง 2 ฝั่งครับ เพราะมันไม่มีความเชื่อไหนที่คงอยู่ตลอดไป และทุกอย่างหมุนตามกาลและเวลาครับ ย้อนไปหลายหมื่นปีที่แล้ว ความเชื่อเรื่องประจำเดือนเหมือนในคลิปนี้ก็ไม่ได้มีอยู่แต่เดิมเหมือนกัน เต็มที่ผมให้หลักพันปี ซึ่งสั้นมากถ้าเทียบกับอารยธรรมของมนุษย์ ถ้าอยากอนุรักษ์ประเพณีไว้ ต้องเปิดใจยอมรับว่ามันมีคนไม่เห็นด้วยจริง และต้องอธิบายให้คนที่ไม่เห็นด้วยเข้าใจถึงเหตุผลด้วย
ส่วนตัวผมเป็นคนในพื้นที่ ไม่ชอบประเพณีนี้ตั้งแต่เด็ก เรียนตามตรงว่าความเชื่อเรื่องนี้คนรุ่นใหม่เองก็เริ่มเห็นแล้วว่ามันไม่ค่อยดีงามนัก แน่นอนว่ายังมีคนเชื่ออยู่แต่เริ่มน้อยลงแล้วครับ กาลเวลากำลังเปลี่ยนแล้ว ไม่มีใครหยุดมันได้ คนรุ่นใหม่หลายคนต่อต้านความเชื่อนี้ และอคติกับมันไปเรื่อยๆ มากขึ้นทุกวัน เพราะเขาไม่ได้รับการอธิบายด้วยชุดเหตุผลที่ดีและฟังขึ้นพอสำหรับเขา อะไรๆก็อ้างแต่คำว่ามัน "ขึด" แต่ไม่อธิบายต่ออะไร อันนี้ใครเป็นคนเหนือจะเข้าใจ ถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ ท้ายที่สุดประเพณีนี้มันจะหายไปเองและคงอยู่แค่ในตำราประวัติศาสตร์ โลกมันเป็นเช่นนี้เสมอครับ
ถึงว่า เราไป เชียงใหม่ มีน้องสาว ชอบถามว่าข้างในอุโบสถมีอะไรบ้าง เพราะ ตัวน้องๆ เข้าไปไม่ได้
ทีนี้ผู้หญิงหลายๆคนหรือผู้ชายหลายๆท่านก็น่าจะเข้าใจนะครับว่า ทำไมธรรมเนียมหรือคนล้านนาถึงได้ถือว่า สถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บางที่เขาถึงห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้า ไม่ต่างจากทางพม่า ที่บางที่เขาห้ามผู้หญิงเข้า
ขนบธรรมเนียมมีมานาน และคนในพื้นที่เชื่อต่อๆกันมา จึงไม่สมควรไปเปลี่ยนความคิด
อย่าเอาความคิดของคนรุ่นนี้ไปแปลความคิดคนรุ่นเก่า...ถ้าจะทำต้องถามคนรุ่นนั้นๆ ...
คนต่างถิ่นมักไม่ค่อยเข้าใจทำไมวัดทางภาคเหนือต้องห้ามผู้หญิงเข้าบางสถานที่ เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่าผู้ชายก็มีอสุจินี่นาทำไมเข้าได้ จะบอกว่ามันเป็นประเพณีความเชื่อของคนเหนือแต่โบราณครับ ความเชื่อก็คือความเชื่อ อย่าไปหาคำตอบเลย อยากดูเดี๋ยวถ่ายรูปมาให้ครับ
ธรรมเนียมของเขา เราควรจะเคารพ เหมือนที่เราเคารพคนมุสลิม คนคริสต์
ความจริงคนไทยไม่ได้นับถือพุทธ
แต่นับถือศาสนาพราหมณ์ปนผีซะมากกว่า
มีพระไตรปิฎกข้อไหนที่ห้ามผู้หญิงเข้ามา
ในศาสนสถาน คำสั่งสอนของพระศาสดา
ก็บอกว่า อย่ายึดติด แต่ก็ไม่เคยฟัง ฟังแต่ความคิด ตัวกูของกู "ทั้งๆที่ไอ้คนออกกฎก็
ลอดผ่านโยนีมาเกิด" ธรรมะคือธรรมชาติ มันเป็นกฎปกติที่ธรรมชาติสร้างมาอยู่แล้ว แต่ก็ยังจะไปบอกว่าธรรมชาติที่หญิงมีรอบเดือนนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ "เพราะสถานที่มีพระธาตุฝังอยู่ " เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์กลัวจะเสื่อม
(โค-ตะ-ระ)จะงมงายสุดๆ
กระดูกมันก็คือ แคลเซียม+กับแร่ธาตุอื่นๆที่คนเรากินเข้าไปสะสม ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ก็หัดอ่านๆกันบ้าง ไม่ใช่ฟังแต่เขาเล่ามาเขาเล่าอ้างมาแต่โบราณ
ศาสนาพุทธเนี่ยโคตรจะวิทยาศาสตร์เลย
พระศาสดาก็มีหลักคำสอน "หลักกาลามสูตร "
ให้ปฎิบัติ ไม่ให้เชื่ออะไรง่ายๆ แต่ก็ยังไปโง่งมกับพระธาตุ ไม่ต่างกับความเชื่อเรื่อง"รอยตีน"ที่ไปสร้างเจดีย์ครอบไว้ ว่ารอยตีนนี้เป็น
รอยพระพุทธบาท ฟังแล้วชั่งน่าขำ พระศาสดาปรินิพพานไปกี่ร้อยกี่พันปี ศาสนาพุทธถึงพึ่งจะได้เข้ามาเผยแผ่ในดินแดนแถบนี้หึ
จะไปบอกว่าเป็นรอยพระพุทธบาทได้อย่างไง
และอีกอย่างเรื่องปั้นรูปสมมติก็เหมือนกัน
พระศาสดากำหนดชุดนักบวชไว้แค่ผ้า3ผืน
คือ สบง จีวร และ สังฆาฏิเพียงแค่นี้
แต่ก็ยังจะปั้นไปสวมชฎามงกุฎ สวมสร้อย
สวมกำไล สนับเข่าและแขน สรุปจะปั้นเป็นพุทธหรือจะปั้นเป็นเทพเจ้าพราหมณ์
บวชเขาให้ละกิเลส ไม่ใช่ไปยัดหรือเพิ่มกิเลสเข้ามา
สั้นไป ยังไดูไม่เต็มอิ่มเลย เป็นกำลังใจให้ทีมงานน้า
เหมือนดูหนังครึ่งเรื่องเนาะ
เสียงบรรยายของอาจารย์เพราะมากเลยครับยังไม่ทันไรจบก่อน
อยากให้อาจารย์ เล่าให้ฟัง มากกว่านี้
ยังไม่สุด ขอบคุณคับ
โบสถ์เก่าทุกที่เค้าลงอาคม ไว้ ครับ
เขาไม่ให้เข้าก็ไม่ควรเข้า จะฝืนเข้าไปทำไม? ไม่ได้เข้าแล้วจะฉิบหายตายโหงก็เปล่า
อยากทราบชื่อ อาจารย์ ครับ จะได้ติดตามผลงาน
ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ
@@user-qr7yr9yv4f ขอบคุณครับ
อะไรที่คนโปราณกำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ แสดงว่าเขาต้องมีเหตุมีผลของเขา ครับ
เดิมมีเหตุผลในทางสังคม คือถ้าผู้หญิงมีประจำเดือนจะไม่เหมาะ เพราะยุคก่อนเกิดปัญหาต้องดูแลยุ่งยาก
แต่พอมาถึงยุคนี้บางคนกลับไม่ได้ศึกษาอะไรแล้วก็อ้างเสรีแบบเพ้อๆ มองว่ากีดกัน แล้วเหยียดศาสนา มองเป็นเรื่องอื่นไป
สำหรับบางคน ถ้าเรื่องการรู้ กาละ เทศะ บุคคล อันเป็นหลักปฏิบัติพื้นฐานก็ยังไม่รู้จักใช้ จะอ้างหลักศาสนาลึกซึ้งอะไรมากมายก็ไม่ไหวนะ
จริงอยู่ยุคนี้ไม่เกิดปัญหาเรื่องประจำเดือนอีกแล้ว แต่ส่วนของประเพณีท้องถิ่นต้องรอให้คนส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมดเสียก่อน
การไปเร่งเปลี่ยนไปเรียกร้องแบบบางคนทำ แล้วกระทบกระทั่งคนแก่ๆที่เขายังยึดถืออยู่ เกิดความไม่สบายใจในสังคม
นอกจากได้แสดงอีโก้อยากเอาชนะ หรืออยากมีสิทธิในเรื่องที่ยังไม่จำเป็นแล้วก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่อสังคมเลย
และถ้าอ้างหลักศาสนาขนาดนั้น นั่งห่างเป็นร้อยเมตรก็ปฏิบัติธรรมได้แล้วจะสร้างความวุ่นวายให้สังคมทำไม
ตรงกันข้าม การทำเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเป็นประเด็น ให้เกิดประเด็นขึ้นมาเพื่อหนุนอีโกตัวเอง ให้ตนเองได้รับความสนใจนั่นหละ คือความไม่เข้าใจศาสนาพุทธ
ประจำเดือนของผู้หญิงเป็นสิ่งที่เหนืออำนาจของคุนไสยเพราะ ประจำเดือนเป็นสัญลักษณ์ของการก่อกำเนิดแต่คุณไสยเกิดจากการตายจึงไม่ถูกกันเพศหญิงในอดีตจึงเป็นผู้สื่อจิตอำนาจทางวิญญาณ
เรื่องเล่าบางอย่างโม้เกินควรผิดมนุษย์มนา
ผู้ไม่มีกิจห้ามเข้า แล้วจะตรวจสอบยังไง งี้ผู้หญิงบอกมีกิจเข้าได้สิ เดียวได้ตีกันอีก ความเชื่อเขา เขานับถือกันมาแบบนี้ จะให้เปลี่ยนคงยาก ถ้าจะให้หมดไปก็คงรอเวลาเท่านั้นละ เปลี่ยนความเชื่อ วิถีปฏิบัติ มันยาก
อยู่ๆก็จบ.... ซะงั้น😅
พระเจดีโบอองผู้หญิ่งขึ่นฟ้าผ่าน้ำในบ่อแห้งหามหญิ่งขึ่งครับเมื่องกาญ
คนสร้างเรื่องพวกนี้ ก็ล้วนแล้วแต่ออกมาจากช่องคลอดทุกคน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงหมด ไม่มีคำว่าเสื่อม ถ้าใจเราศรัทธา
เกี่ยวอะไรกัน? คลั่งช่องคลอดมาก ก็กลับเข้าไปอยู่ในช่องคลอด..
เท่าที่เคยได้ยินมาแม่จามไม่ใช่คนละโว้นะครับ แต่เป็นคนหริภุญชัยแล้วพระฤาษีส่งไปละโว้พร้อมพญาลิงครับ ละโว้เลยมีลิงเยอะส่วนพระนางได้กลับมาครองนครหริภุญชัยตามคำเชิญของ4พระฤาษีอีกครั้ง
ถ้าตามกระแสหลัก อย่างมูลศาสนา จามเทวีวงศ์ ชินกาลมาลีปกรณ์ จะว่าพระนางเป็นชาวละโว้ครับ
แต่ถ้ากระแสรอง เช่นตำนานจามเทวีฉบับพระมหาหมื่น มุขปาฐะของชาวมอญหนองดู่ จะว่าพระนางเป็นชาวหริภุญชัยก่อนไปอยู่ละโว้ครับ
ทุกวันนี้บางพื้นที่ก็ยังมีอยู่ครับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
จะให้ติดป้ายว่าไม่ให้สตรีมีประจำเดือนเข้า ก็คงวางใจไม่ได้อีกค่ะ อาจจะมีคนไม่รับผิดชอบ หรือแม้แต่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินเข้าไปอยู่ดี
ส่วนตัวคิดว่าความเชื่อไม่ให้สตรีเข้าเขตหวงห้ามนี้มาจากพม่าตอนยึดเชียงใหม่สองร้อยปี
เพราะในรัฐฉานที่เคยตกเป็นของพม่าก็มีความเชื่อนี้ ตอนนี้มีช่องยูทูปเชียงตุงหลายช่องลองติดตามดูเช่นน้องแป้งเชียงตุง
เหมือนภาคเหนือในอดีต บ่อยครั้งที่น้องๆไปวัดจะเจอสถานที่ห้ามเข้า เขาจะมีเสาเล็กๆปักบอกเป็นสัญลักษณ์ไว้ด้านหน้า
ในพม่ารัฐอื่นๆก็มีความเชื่อนี้ แต่ภาคอื่นในเมืองไทยที่พม่าไม่ได้ยึดไม่มีข้อห้ามอะไร(ไม่เท่าภาคเหนือ)
สมัยพุทธกาลหรือในตำราก็ไม่ห้าม เสมอภาคหมด นอกจากเรื่องยักษ์หุ่นพยนต์ ต้องมองด้านอื่นด้วย
เพราะในรัฐฉานหรือพม่าใช่จะก่อสร้างเหมือนภาคเหนือ แต่ว่าเชื่อเหมือนกัน
คือมองด้านยุคนั้นผู้ชายเป็นใหญ่ เล่นของสักลาย
เรื่องความเชื่อประจำเดือนล้างอาถรรพ์อาคมของผู้ชายนี้มีในภาคอื่นด้วย สมัยก่อนคนสักยันต์ห้อยของขลังห้ามลอดราวตากผ้า
ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน ห้ามจับผ้านุ่งผู้หญิง(เวลามีอะไรกันก็ถอดพระ หรือคลายมนต์อะไรเราก็ไม่รู้)ความเชื่อนี้ไม่ใช่แค่เมืองไทย
ในจีนก็มีความเชื่อนี้เช่นกัน อย่างในหนังเปาบุ้นจิ้นตอนปีศาจหมาจิ้งจอกโดนน้ำคร่ำหญิงคลอดลูกทำให้เสื่อมฤทธิ์ทันที
แถบรัฐฉาน เชียงตุง เคยเป็นพื้นที่ของอาณาจักรล้านนามาก่อนครับ ขึ้นไปถึงเมืองจิ่งหง (เชียงรุ่ง) สิบสองพันนาของจีน แถบนี้จะพูดภาษากลุ่มไทกะไดทั้งหมด (รวมถึงสยามและลาวด้วย) จึงไม่แปลกที่ทางเชียงตุงจะมีความเชื่อเฉกเช่นเดียวกับภาคเหนือครับ
ใครชั่งคิดเนอะ สัพพะสัพล้วนแล้วแต่เกิดจาก โยนีทั้งนั้น
ถูกต้อง ถ้าไม่มีสตรี ก็ไม่สามารถกำเนิด มาได้
ทำไมพวกเราต้องมีความเชื่ออะไรกันเเบบนี้ด้วยอะ เเค่พูดว่าความเชื่อมันก็เหมือนไม่ใช่พุทธเเล้ว ขออภัยบางท่านที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธด้วยนะคะ (พุทธเเท้) เเต่อยากบอกว่าเปลือกก็คือเปลือก อย่าถือว่าเป็นเเก่นเลยจ้า
ที่พูดมาก็ไม่ใช่พุทธอยู่แล้วค่ะ ศาสนาพุทธไม่เคยบอกให้ไหว้รูปปั้นด้วยซ้ำ จริงๆประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาผีหรือศาสนาพราหมณ์มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วจนตอนนี้ก็ยังมีอยู่เพียงแค่ว่าหลายคนเข้าใจว่าคือศาสนาพุทธ แม้กระทั่งศาลพระภูมิก็ไม่ได้มาจากศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธสำหรับเราคือเน้นหลักคำสอนมากกว่าค่ะ
คิดว่ามาจากความเชื่อว่าพระสงฆ์ต้องไม่สัมผัสสตรี เป็นเรื่องของการรักษาความบริสุทธ์ของพระสงฆ์ ไม่ใช่การรังเกียจเดียดฉันท์สตรีเพศ ก็แค่นั้นเอง การห้ามพระสัมผัสสตรี ไม่ใช่เรื่องไม่ให้เกียรติสตรี
ไม่ได้เลยสมัยก่อนคนสมัยก่อนสักยันถือคาถาอาคม เหมือนขุนวิลังคะหัวหน้าชาวลั้ว เจอผ้าซิ่นเปื้อนปะจำเดือนของพระนางจามเทวีเข้าไปถึงกับเสื่มคาถาอาคมเลย ถึงกับสิ้นเผ่าพันธุ์เลย
ยูควรจะศึก และษาถึงเหง้าราก มันลำบากเพราะของเก่า มันเนาหาย ที่เหลืออยู่ก็บอกเล่าของตายาย มันมลายหายสูญด้วยความจำ รากของเหง้าของเก่าๆแต่ละที่ มันจะดีจะร้าย ถึงปานไหน ที่เขาสืบทอดกันสำคัญยังไง ถึงไฉนถูกผิด ต้องตามแก้ แยแสแต่ความเท่าเทียม ถึงเพียงอยาก อย่างนั้นหรือ มันคือหาศูนย์กลางตนที่ตรงไหน แค่เข้าไปได้ย่ำ หนำใจ เท่านั้นหรือ แล้วได้อะไรจากคำลือ จะบรรลุนิพพานไม่ใช่ทาง \\ อนึ่งยูคนบางกอกไม่ล้านนา แต่คิดว่าศึกษาแล้วจนถ้วนถี่ แต่ไม่รู้ผีพราหมณ์พุทธ เขาสดุดี อีกหลายผีหลายพงศ์ ดำรงวาร มันอยู่ในสายเลือด ไม่เฮือดหาย กราบเข้าไปธรรมเข้าไป จนวายวาร รู้แต่สังขารตายต้องทำดี ก็พลีตน \\ แต่ละที่ก็ไม่ได้มี วัฒนที่เท่ากัน ฮีตฮอยนั้นมันบ่งบอก ถึงศักดิ์ศรี การกระทำ ดูเอาเองบุพกรรมแห่งหญิงชาย มันไม่ง่าย จะได้คน ในวังวนแม่ทาน่าน กวงปิงยม เป็นสายผสมพยานธรรม ให้จงนำใส่จิต สำนึกวิญญาณ
ต้องทำความเข้าใจมากก่วานี้ครับ
เพียงแค่เหตุผลที่กล่าวยังไม่ใช่...
ลองทบทวนดูกับประโยคนี้....
"ความเปนพระพุทธเจ้าไม่มี
ในสภาวะผู้หญิง"
มิใช่เปนเรื่องเหยียด...ครับ
ค่อยตรองครับ...
และที่บ้างท่านกล่าวถึงอสุจินั้น
ความเปนพระพุทธเจ้ามิใช่เกิด
จากสิ่งนั้นครับ.
พระพุทธศาสนาไม่คลุมเคลือ
ความเชื่อของท้องถิ่น เขาปฏิบัติกันมาจนเป็นประเพณีของท้องถิ่นไปแล้ว บุคคลภายนอกก็สมควรยอมรับในวัฒนธรรมท้องถิ่น จะเกิดมงคลกับตนเอง./
เสียงรำคาญหู
ความเชื่อแบบนั้นพม่าก็มีนะเหมือนกันเลย
แต่.......ใช้ไม่ได้กับประจำเดือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
คนในพื้นที่เขารับได้ แต่คนนอกบอก นี้บอกว่ามันเป็นการด้อยค่าผู้หญิง แปลกมั้ยครับ?? ขนบธรรมเนียมเขาถ้าเขาไม่เดือดร้อนอะไร ไม่ได้มีการคิดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ด้อยค่า ถ้าคนในพื้นที่ไม่ชอบเขาโวยแล้วครับ เราก็อย่าไปตัดสินแทนเขา #เรื่องของเขาเราอย่า....
เหมือนยังไม่จบนะ
มันจบแบบห้วนห้วนน่ะ
พิธีกรรายการคือใครครับ ใช่ลูกสาวครูอ้วนกรรมการไมค์ทองคำมั้ย
"ระดูของสตรี" หากไม่ได้ถูกย่อยสลายจากมดลูก ด้วยกระบวนการตามธรรมชาติ ก็จะกำเนิดเกิดก่อ "ชีวิตใหม่" ขึ้นมา "คติความเชื่อ" แบบแปลกประหลาดที่ห้าม "สตรี" เช่นนี้ มันเป็น "สิ่งที่ต้องทบทวน" เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป เมื่อ "จิตใจของชาวพุทธ" ปรารถนาที่จะเดินหรือคลานเข่า เข้าไปสักการะ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้อง "แยกเพศ" เพื่อเข้าหา "ความสงบสุขทางใจ"
จารีตประเพณีเขามีมาเป็นพีนปี คุณพึ่งเกิดจะมาเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนอื่น ทำกันมาะันกว่าปีนี่นะ เป็นความคิดที่โง่มากที่สุดเลยนะ อย่าออกความเห็นแบบเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่สิ คุณเกิดมาใด้กี่ปีเอง
"การเปลี่ยนแปลงในวันนี้" หากว่านำพาไปสู่ "จารีตที่งดงามกว่า" ในอีก "พันปี" ข้างหน้า ก็เป็นเรื่องที่ดีงามในชีวิตที่ต้องอยู่คู่กับ "ศาสนา"
@@krutongsanti123 สิ่งที่บัญบุรุตสร้างมาชิบหายหมดในยุคนี้แล่ะ
"ฉิบหาย" ตรงไหน ศาสนสถานก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมทุกประการนี่นา มนุษย์ก็ยังคงต้องการ "สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ" เหมือนเดิม ส่วนจะ "เลวหรือดี" ไม่ได้อยู่ที่ "ระดูของสตรี" แม้แต่น้อย หรือว่า "อสุจิของบุรุษ" นั้นศักดิ์สิทธิ์กว่า ถึงสามารถเดินเข้า "ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์" ได้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดชอบชั่วดีแต่ประการใด
@@krutongsanti123 ชิบหายตรงความคิดแบบคุณนี่แล่ะ
ตำนาน + เรื่องเล่า + ความเชื่อ อยู่ที่ใครจะเชื่อยังไง คิดเอาเองคับ 😁
ตี๋ใหญ่ ยังต้องจบชีวิต เพราะตระกรุด สิ้นมนต์ขลัง ด้วยถอดไว้ที่หัวนอน แล้วมีอะไรกับสตรี
เอาแค่ง่ายๆนะ... คำว่าผู้หญิงห้ามเข้า... ประมาณว่าผู้หญิงใส่กระโปรง.. หรือผู้หญิงใส่ส้นสูง เข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์.. ด้วยสรีระและการแต่งกาย... อาจสะดุดหกล้มหรือกระโปรงผ้าถุงสะบัด... มันไม่สวยงาม... ซึ่งโบราณเค้าคิดได้ไกลดีนะ... ดีแล้วแหล่ะครับ... เชื่อเถอ่ะ555
เป็นการติดป้ายที่ดูถูกผู้หญิงมากเลยย ประจำเดือนกับใจคน อะไรสกปรกกว่ากัน
มันไม่ได้ดูถูกผู้หญิง แต่เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์
คนล้านนามีความเชื่อแบบเข้มข้นทางศาสนามากๆ
เข้มข้นจนทำลายพระรัตนตรัยหมดเลย พระธรรม พระวินัย ไม่สน แต่ผิดผีผิดประเพณีนิดเดียวไม่ได้เลย
@@usangi_tabo พุทธมีหลายแนวทาง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ครบ ความเชื่อเรื่องห้ามผู้หญิงเป็นแนวคิดชายเป็นใหญ่มีทุกศาสนา อิสลามก็มี พราหมณ์ก็มี แสดงให้เห็นว่าล้านนาได้รับอิทธิพลศาสนาแบบสุดโต่งอย่างเข้มข้นจากอินเดีย พม่า เข้ามา
มนุยทุกคนเกิดมาจากตรงนั่น
บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง ศาสตร์ ความเชื่อ รีดวัฒนธรรม ประเพณี ย่อมมีกฎตามเหมาะสมในถิ่นในความเชื่อ
ก็ไม่ได้ให้ร้าย หรือเจตนาหยามเหยียดอะไร
คาใจก็แต่ ลั้วะว้า ภาษาพูดตระกูลมอญเขมร เคยยิ่งใหญ่แถบภาคกลาง ภาคเหนือ แต่ปัจจุบันภาพพจน์ในสายตาบางคนคือกลุ่มชนไม่ค่อยดีนัก
คือกลุ่มเผ่าในพม่าที่มีกองกำลังเกรียงไกร มุ่งปนิธานตั้งรัฐอิสระปกครองตนเอง
ผมว่าน่าสนใจศึกษานะ เอาเข้าจริงก็ใกล้ชิดไต ไทยมากไม่ต่างกลุ่มอื่น
คือเงียบมาก กับกลุ่มนี้ แทบไม่เคยเห็นการออกมาพูด มานำเสนออะไร (โดยเฉพาะภาษาไทย) ให้โลกรู้เลย ทั้งๆที่เขาก็มีอารยธรรมยิ่งใหญ่มาก่อนในแถบนี้ น่าจัดนะครับ
ถึง พทธ พราหม์ มายังไง ก็ พึ่ง ผี.....
อะไรที่โบราณขอไว้ก็ให้ไปเถอะ อย่าไปสะเออะ แก้นั่นก็นี่ ไหว้พระข้างนอกก็ได้บุญแล้ว ไม่ต้องอยากเข้าไปให้คนท้องถิ่นไม่สบายใจ...ไหว้ข้างนอกไม่ต้องไปเบียดเสียดกับคนสบายใจดี คิดแบบนี้ไม่ได้หรอครับ ไปทำบุญอ้ะ
พราหมณ์+พุทธ+ผี
จ้าวเก่า
////////////////////
-----------------------
จาตุโลกบาลทั้งสี่...ควรยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งสัญลักษณ์อาชีพของ security ...
..งง ครับ...สตรีมีบทบาทสำคัญต่อศาสนาพุทธเป็นอย่างสูงมาก...อาทิ เช่น...พระธาตุพนมก็ผู้หญิงนั่นแหละเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสร้างขึ้น.// ธิเบต...ก็ธิดาของฮ่องเต้จีนนั่นแหล่ะนำไปบุกเบิกเผยแผ่ในธิเบต.// ลาว ก็ ก็ธิดาของพระยาขอมนั่นแหละ นำพระพุทธศาสนาไปบุกเบิกเผยแผ่ในลาวเป็นคนแรก// ศรีลังกา ก็ธิดาของชนชั้นสูงนั่นแหล่ะ นำพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าซุกไว้ในมวยผม และนำเมล็ดพันธุ์ต้นศรีมหาโพธิ์ไปสู่เกาะศรีลังกา.//... หลักการครองเรือนของศาสนาพุทธ ก็สอนว่า ให้ฝ่ายชายยกความเป็นใหญ่ในบ้านให้แก่ภรรยา(สังเกตุดูให้ดีๆ บ้านหลังไหนสามีเกรงกลัวเกรงใจภรรยา บ้านหลังนั้นมักจะมั่นคงไปด้วยทรัพย์สินที่ได้ช่วยกันหามาใส่ครัวเรือน)...แต่ไม่เข้าใจว่า คนทั้งหลายเข้าใจว่า มีการเหยียดเพศได้อย่างไร?...
...กรณีวัดพระผู้หญิง(พระภิกษุณี)...ก็จะมีป้ายขึ่นว่า เขตพุทธาวาส ห้ามบุรุษเข้าไป เช่นกัน...// อาหารมื้อแรกของพระศาสดาที่ตรัสรู้แล้วใหม่ๆ ก็ผู้หญิงนั่นแหล่ะนำไปถวาย...// เรื่องประจำเดือนโดยปกติ ไม่มีผู้หญิงคนไหนนำไปอวดคนอื่นหรอกครับ....
...วันมาม่าของผู้หญิง...คงจะสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นไข้ที่จะตามมา หรือไม่สะดวกที่ผู้หญิงจะไปทำภารกิจใดๆ ในที่สาธารณะหรือเปล่า....ควรพักผ่อนตามอัธยาสัยในที่บ้านของตนเองไหม?.....น่าจะประมาณนี้หล่ะม้างงงงง.
ทำไมถึงมีชิ้นส่วนของพุทธเจ้าอยู่ตามประเทศต่างๆหรือเมืองต่างๆ
และใครเป็นผู้แยกชิ้นส่วนเหล่านั้น.???????
ความเจริญในปัจจุบันมีรากเหง้ามาจากคนในอดีต บางทีบางเรื่องบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องสมัยใหม่เสมอไป ถ้าพระธาตุอยู่ข้างล่าง หากคุณมีความเคารพจริงคุณย่อมรู้อยู่แก่ใจ อย่าเอาความเป็นสมัยใหม่มาอ้างเลย
ยกเลิกเหอะ ประจำเดือนไม่ใช่ความบาปความชั่วไม่ใช่เป็นมลทิน
ไอ้คนกำหนด มันคงลืมว่ามันออกมาจากตรงไหน
ก็เกิดออกมาจากรูเดียวกับประจำเดือน จะโสโครก ก็โสโครกด้วยกันทั้งหมดนั้นแหละ บ้าบอ
มโนเอาเองทั้นนั้นนิทานหลอกเด็ก
คนบรรยายควรศึกษาเรื่องศาสนาให้ดีกว่านี้ในสมัยก่อนเขาก็ไม่ให้ผู้หญิงเข้าโบถหรือวิหาร.เช่นในวัดพม่าก็ยังมีอยู่ถือเป็นโบรานประเพณี.พูดไปหัวเราะไปไม่เหมาะสมเลยควรปรับปรุงนะคะ